พระและของมงคล...ที่สะสมพร้อมประสบการณ์ ^^

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย poman, 18 ตุลาคม 2012.

  1. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***สวัสดีครับเสี่ยโญ อนุโมทนาบุญด้วยครับ***
     
  2. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
     
  3. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    ได้บุญร่วมกันครับพี่รุ่ง........
    :cool::cool::cool::cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2012
  4. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    แจ่มจันทร์คร๊าาาาาบ.....(good)

    ปล.
    ความหมายของคำว่าแจ่มจันทร์ ของผม
    ไม่ได้หมายความถึงความงดงามของภาพเพียงอย่างเดียว
    ผมให้ความเคารพและชื่มชมผู้ที่ถ่ายภาพวัตถุมงคลที่มีอยู่
    และมีความสุขที่ได้แบ่งปันความสุขส่งผ่านมายังสมาชิกในกระทู้ครับ
    ลองสังเกตุให้ดีนะครับ เวลาที่เรากำลังถ่ายภาพ จนถึงการนำมาโพสต์สนุก ๆกัน
    ในกระทู้ จิตของเรากำลังมีปีติ และความสุขอยู่นะครับ

    :z7
     
  5. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    สวัสดีครับเอื้อยนวล ซำบายดีนะครับเอื้อย:cool::cool::cool:

    ขอบพระคุณครับอ้ายโป้ ครูบาอาจารย์กรรมฐานของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยครับรูปนี้ เก่ง สุดยอดอีกรูปหนึ่งครับผม:cool::cool::cool:
     
  6. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG] [​IMG]
     
  7. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    หลวงพ่อมนัสท่านมักจะกำราบผมและเพื่อน ๆ บ่อยครับ มักจะโดนเรื่อง "มานะ" เป็นประจำเลยครับ

    โดนทีก็สันหลังวาบ ก้มหน้าก็ตาสำนักผิด


    หลังนั้นก็ อิ อิ เป็นอีกครับไม่หาย catt3
     
  8. ส่างปา

    ส่างปา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,531
    ค่าพลัง:
    +11,165
    มาต่อเป็นพัก ๆ ................ 5555
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      113.7 KB
      เปิดดู:
      153
  9. ส่างปา

    ส่างปา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,531
    ค่าพลัง:
    +11,165
    ชุดนี้มาแต่ เงิน เงิน เงิน ..... เอาชุดรวมไปก่อน เดี๊ยวแยกทีละองค์ ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102.1 KB
      เปิดดู:
      132
  10. ส่างปา

    ส่างปา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,531
    ค่าพลัง:
    +11,165
    2รูปนี้ จะถือว่ามีประสบการ์ณได้มั้ยเนี่ย 2 รูปนี้อยู่กับผมมาน่าจะยี่สิบกว่าปีแล้ว ถ้าเป็นพระเครื่องก็คงจะเป็น องค์แรกของผมจริง ๆ ตั้งแต่มัธยมต้น ผมจำไม่ได้ว่ามาได้งัย จำได้คราว ๆ ว่า ครั้งแรกที่เจอรูปเหล่านี้ อยู่ในถุงใสเล็ก ๆ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่รู้จัก แล้วก็ยังเด็กอยู่ แล้วก็ไม่ได้ใส่ที่จะเก็บด้วย ไม่รู่้ว่าวางไว้ตรงไหน บางทีก็เจอเสียบอยู่ในหนังสือ ผมก็เสียบเข้าไปเหมือนเดิม จนจำได้ว่ามาเจออีกทีในถุงที่เก็บรูปตัวเองกับเพื่อน ๆ สมัยเรียนมัธยมต้น ผมก็ยังงงเลยว่า มาอยู่ได้ยังงัย แล้วผมก็ใส่ไว้ในถุงนั้นเลย แล้วก็เก็บยาว เลยเรียนจบ ทำงาน จนเริ่มสนใจพระเนี่ยแหละครับ เมื่อปีทีแล้วไปเจอรูปที่เห็นโพส ๆ กัน ก็เลยรู้สึกคุ้น ๆ ว่าเราก็มีนะ เลยไปค้นในกล่องอัลบัมรูปเก่า ๆ ก็ยังเจออยู่ในถุงเดิม ก็เลยแยกเก็บไว้ในกล่องพระ ครับ
    ท่านคือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) ผมยังไม่มีเวลาศึกษาประวัติของท่านเลย ลืมตลอด ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 16.jpg
      16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.4 KB
      เปิดดู:
      132
    • 17.jpg
      17.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.1 KB
      เปิดดู:
      143
  11. poman

    poman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    12,300
    ค่าพลัง:
    +35,301
    ท่านพระอาจารย์ </CUFONTEXT></CUFON><CUFON style="WIDTH: 83px; HEIGHT: 30px" class="cufon cufon-canvas" alt="ภัททันตะ "><CANVAS style="WIDTH: 132px; HEIGHT: 40px; TOP: -1px; LEFT: -14px" height="40" width="132"></CANVAS><CUFONTEXT>ภัททันตะ </CUFONTEXT></CUFON><CUFON style="WIDTH: 162px; HEIGHT: 30px" class="cufon cufon-canvas" alt="ธัมมานันทมหาเถระ"><CANVAS style="WIDTH: 208px; HEIGHT: 40px; TOP: -1px; LEFT: -14px" height="40" width="208"></CANVAS><CUFONTEXT>ธัมมานันทมหาเถระ

    </CUFONTEXT></CUFON>
    เกิดที่หมู่ บ้านตาสี่ อ. เยสะโจ่ มณฑลปขุกกู่ ในวันเสาร์ แรม 14 ค่ำ
    เดือน 1 ปี พ.ศ. 2463 (ตรงกับวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2463)
    เป็น บุตรของนายโผ้เตด นางเงวยี ซึ่งเป็นผู้ศรัทธาสร้างวัดในหมู่บ้านของท่าน
    ท่านมีพี่น้องอยู่ 4 คน และเป็นลูกอันดับสามในบรรดา พี่น้อง ชายทั้ง 4 คน


    ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2470 เมื่อท่านอายุได้ 7 ขวบ บิดามารดาของท่านได้นำไปฝากไว้กับท่านอูญาณะ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดโตงทัต หมู่บ้านตาสี่นั่นเอง ได้เล่าเรียนหนังสือต่างๆ เริ่มตั้งแตชั้นอนุบาลประถมเป็นต้นมา จนถึงบท สวดมนต์ต่างๆ คือ พระปริตร์ทั้ง 11 สูตร คัมภีร์นมักการะ คัมภีร์โลกนีติ ชยมังคลคาถา ชินบัญชร ทั้งภาคบาลีและภาคตัว แปลด้วยรวมทั้งโหราศาสตร์ต่างๆที่ใช้อักษรตัวเลขเป็นภาษาบาลี อันเป็นวิธีการเรียนสมัยดั้งเดิมของพม่า เมื่อท่านอายุได้ 14 ขวบได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมีท่านพระอาจารย์อูจารินทะเป็นอุปัชฌาจารย์ ได้รับฉายาบาลีว่า“สามเณรธัมมานันทะ” สามเณรธัมมานันทะได้ท่องจำ นาสนะ ทัณฑกรรมเสยิยวัตร และ ขันธกวรรค 14 อย่างได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กวัดอยู่ หลังจาก บวชเป็นสามเณรแล้ว พระอุปัชฌาจาย์จึงได้ให้ท่องจำกัจจายนสูตรรวมทั้งคำแปลตามคัมภีร์กัจจายนสุตตัตถะ และสอน คัมภีร์กัจจายนสังเขปให้ด้วย หลังจากนั้น ท่านได้ย้ายไปวัดปัตตปิณฑิการาม อันอยู่ในตัว อ.เยสะโจ่ ได้ศึกษาเล่าเรียน คัมภีร์ต่างๆ คือพาลาวตาร กัจจายนะ สัททนีติสุตตมาลา อภิธัมมัตถสังคหะ เทวมาติกา ขุททสิกขา กังขาวิตรณี รวมทั้ง พระวินัยปิฏกด้วยในสำนักของ ท่าน อูอุตตระเจ้าอาวาส
    เมื่อท่านอายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2483 โดยมี ท่านพระอาจารย์ อูสุชาตะ ซึ่งเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์อูอุตตระ เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ พัทธสีมา วัดยองเปนตา จ. มองลาไยจุน มีโยมอุปัฎฐากถวาย อัฎฐบริขาร คือ นายพละ นางเสงมยะ อยู่ที่บ้านเลขที่ 20 ถนนสี่ จ. มองลาไยจุน หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านพระอาจารย์ อูอุตตระ เจ้าอาวาสวัดปัตตปิณฑิการาม ได้ส่งท่านไปเรียนพระปริยัติธรรมต่อในสำนักของท่านพระอาจารย์ อูโกสัลลาภิวังสะ วัดมหาวิสุทธาราม จ. มัณฑเล ท่านศึกษาคัมภีร์ปทรูปสิทธิ และคัมภีร์ปทวิจยะ ในขณะนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จ.มัณฑเลเป็นจุดเป้าหมายในทางยุทธศาสตร์เพราะเป็นเมืองหลวง อันดับสองรองจากกรุงย่างกุ้ง ดังนั้น ท่านจึงย้ายจาก จ.มัณฑเล ไปสู่ จ.มะไลย ได้ศึกษาคัมภีร์ อภิธาน ฉันท์ อลังการ เภทจินตาและกัจจายนสาระ ในสำนักของท่านพระอาจารย์ อูจันโชติ เจ้าอาวาสวัด สิริโสมาราม หมู่บ้านกันจี จ. มะไลยนั้น และยังได้ศึกษา คัมภีร์กัจจายนสุตตตัตถะ วิธีการทำรูปตาม นัยของคัมภีร์ กัจจายนะ นามปทมาลา อาขยาตปทมาลา คัมภีร์พระอภิธรรมต่างๆ คือคัมภีร์ปรมัตถสรูปเภทนี มาติกา และ ธาตุกถา รวมทั้งคัมภีร์ปาราชิกกัณฑอรรถกถา(สมันตปาสาทิกา) ด้วยท่านพำนักอยู่ที่วัดสิริโสมารามรวม 5 ปี ด้วยกัน จนกระทั่งสงครามสงบ

    ในสมัยนั้น แถบมณฑลปขุกกู่ และ อ. เยสะโจ่ ไม่นิยมสอบสนามหลวงเป็นทางการเพียงแต่ศึกษาเล่าเรียนให้แตก ฉานเท่านั้นเอง ดังนั้นท่านจึงไม่สนใจเข้าสอบตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณรเรื่อยมาจน อุปสมบทเป็นพระภิกษุ หลังจากที่ สงครามโลกสิ้นสุดลง ท่านจึงได้เริ่มสอบสนามหลวง ได้ชั้น “ปะถะมะแหง่” ในขณะที่ท่านพำนักอยู่ ณ วัดสิริโสมาราม หลังจากนั้น จึงย้ายไปวัดมหาวิสุทธาราม จ. มัณฑเล อันเป็นที่พำนักอยู่เดิมและสอบได้ชั้น “ปะถะมะลัด” ที่นั่นพระอาจารย์ ที่สอนคัมภีร์ ต่างๆให้ คือ ท่านอาจารย์อูโกสัลลาภิวังสะ ,อูชาเนยยพุทธิ ,อูสุวัณณโชติภิวังสะ และอูอานันทปัณฑิตาภิวังสะ หลังจากนั้นท่านย้ายไปอยู่วัดเวยันโภงตาสอบชั้น “ปะถะมะจี” ได้เป็นอันดับสามของประเทศและสอบชั้น “ธัมมาจริยะ” ได้ ในปีต่อมา ณ สำนักเรียนเวยันโภงตานั้น สมัยนั้นท่านพระอาจารย์ อูกัลยาณะเจ้าอาวาสวัดเวยันโภงตา มีชื่อเสียงมากในการ สอนคัมภีร์ ชั้นธัมมาจริยะ ในเมืองมัณฑเล ท่านจึงได้ศึกษาเล่าเรียนชั้นธัมมาจริยะกับท่านพระอาจารย์อูกัลยาณะ และใน ขณะที่ท่านกำลังสอบชั้น “ปะถะมะจี” อยู่ท่านยังไปศึกษาคัมภีร์ปัฎฐานเป็นพิเศษด้วย ที่วัดปัฎฐานนารามภูเขาสะไกย จ. สะไกย โดยมีท่านพระอาจารย์ อูอินทกะ (อัครมหาบัณฑิต) เป็นผู้สอน

    ท่านสอบคัมภีร์ชั้นธัมมาจริยะได้สามคัมภีร์ คือ ปาราชิกบาลี และอรรถกถา สีลักขันธวรรคบาลี และอรรถกา สีลักขันธวรรคบาลีและอรรถกถา ธัมมสังคณีบาลีและอัฎฐสาลินีอรรถกถา และได้รับตราตั้งว่า “สาสนธชธัมมาจริยะ” นอกจากนั้นแล้ว ท่านยังสอบคัมภีร์พิเศษในชั้นธัมมาจริยะได้ อีกคือ คัมภีร์มหาวัคคาทิอรรถกถา สังยุตตนิกายอรรถกถา และ วิภังคาทิอรรถกถา จึงได้รับตราตั้งอีกว่า “สาสนธชสิริปวรธัมมาจริยะ” ท่านสอบได้ทุกๆชั้น ตั้งแต่ชั้นแรกจนกระทั่งถึงชั้น ธัมมาจริยะโดยตลอด ก่อนที่ท่านจะจบชั้น “ปะถะมะจี” ท่านได้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมอยู่ที่วัดสิริโสมาราม จ. มะไลย วัดปัตตปิณฑิการาม อ.เยสะโจ่ และวัดเวยันโภงตา จ.มัณฑเลอีกด้วย ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2500 ทางกรมการศาสนาของ ประเทศสาธารณรัฐสหภาพพม่าได้นิมนต์ท่านเป็นพระธรรมฑูต เพื่อการเผยแพร่ พระศาสนาเถรวาทในต่างประเทศท่านจึง ได้ย้ายไปอยู่ที่กะบาเอ้ ซึ่งเป็นวิทยาลัยสงฆ์เพื่อการเผยแพร่ (ธัมมฑูตวิชชาลยะ) ศึกษาภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น เพื่อ จะไปเผยแพร่พระศาสนา ณ ประเทศญี่ปุ่น เวลานั้น ท่านเจ้าคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (เช้า ฐิตปญโญ ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัด โพธาราม จ. นครสวรรค์ มีหนังสือไปถึงกรมการศาสนาแห่งประเทศพม่า ขอพระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญใน พระปริยัติธรรม มาสอนพระปริยัติธรรมที่สำนัก วัดโพธาราม ทางกรมการศาสนาแห่งประเทศพม่ารับรองกับท่านว่าเมื่อท่านสอน พระปริยัติธรรมในประเทศไทยได้หนึ่งพรรษาแล้ว จะส่งท่านต่อไปยังประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นท่านจึงได้เดินทางมายัง วัดโพธาราม จ. นครสวรรค์ ตามที่กรมการ ศาสนานิมนต์ โดยได้ เดินทางมาในวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2502 ในเวลานั้น ท่านมีภาระสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุ และสามเณรจำนวน 200 รูปในวัดโพธารามนั้น แต่ทว่าเมื่อออกพรรษาแล้วท่าน ไม่ได้ไปประเทศญี่ปุ่นตามความมุ่งหมายเดิม เพราะท่านเจ้าคุณพระธรรมคุณาภรณ์ ได้นิมนต์ให้อยู่สอนพระปริยัติธรรมต่อ ท่านจึงได้พำนัก อยู่ที่ จ. นครสวรรค์ เป็นเวลาถึง 6 ปี

    ในขณะที่ท่านพำนักอยู่ที่นครสวรรค์นั้น ทางกรมการศาสนาแห่งประเทศพม่าได้นิมนต์ท่านเพื่อการ ร่วมจัดทำคัมภีร์ พจนานุกรมพระไตรปิฏก ฉบับบาลี – พม่า เล่มที่ 1 และตรวจสอบคัมภีร์ต่างๆ ในสมัยปัจฉิมฏีกาสังคายนา ที่กะบาเอ้ ณ กรุงย่างกุ้ง ท่านจึงได้เดินทางกลับประเทศของท่านเป็นการ ชั่วคราว เพื่อร่วมจัดทำคัมภีร์พจนานุกรมพระไตรปิฎก ฉบับ บาลีพม่าเล่มที่ 1 และตรวจสอบคัมภีร์ต่างๆ มีสุโพธาลังการฎีกาเป็นต้น รวม 1 ปี หลังจากที่การสังคายนาพระบาลี อรรถกถา และฎีการวมทั้งคัมภีร์ ต่างๆ ได้เสร็จสิ้นลงแล้วท่านจึงเดินทางกลับมายังวัดโพธารามตามเดิม

    ในขณะนั้นท่านพระอาจารย์อูเนมินทะ(อัครมหาบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดท่ามะโอรูปก่อนชราภาพมากแล้ว จึงได้มี หนังสือไปถึงกรมการสษสนาแห่งประเทศพม่า มีความประสงค์จะนิมนต์ท่านพระอาจารย์ อูธัมมานันทะให้มาเผยแพร่ พระศาสนาที่วัดท่ามะโอ จ. ลำปางและทางกรมการศาสนาแห่งประเทศพม่า ก็ได้มีหนังสือมาถึงท่านดังนั้น ท่านจึงย้ายจาก จ. นครสวรรค์มายังวัดท่ามะโอ จ. ลำปาง ในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 พ.ศ. 2508 (ตรงกับวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2508) หลังจากที่ท่านมาอยู่ที่นี่ได้ 5 เดือน ท่านพระอาจารย์อูเนมินทะ เจ้าอาวาสวัดท่ามะโอ ก็ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ท่านพระอาจารย์ อูธัมมานันทะ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดท่ามะโอ สืบต่อมา
    ท่านได้เริ่มกิจการเผยแพร่พระศาสนาทางด้านพระปริยัติธรรมด้วยการตั้ง โรงเรียน พระปริยัติธรรมขึ้น ในวัน พฤหัสบดี แรม 2 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 2510 (ตรงกับวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2510) ท่านสามารถก่อตั้งโรงเรียนพระปริยัติ ธรรมให้มีชื่อเสียงขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้ เพราะศิษยานุศิษย์ของท่าน สามารถสอบได้ทั้งแผนกนักธรรม และแผนกบาลี ทุกๆ ปี เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการศึกษาพระไตรปิฎกจำเป็นต้องอาศัยคัมภีร์พื้นฐาน 4 คัมภีร์ คือ คัมภีร์ไวยากรณ์ คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา คัมภีร์วุตโตทยฉันโทปกรณ์ และคัมภีร์สุโพธาลังการานจึงได้ริเริ่มให้มีการศึกษาคัมภีร์พื้นฐานของ พระไตรปิฎกทั้ง 4 คัมภีร์นั้นด้วยการสอนอธิบายและให้นักศึกษาท่องจำคัมภีร์เหล่านั้น พร้อมทั้งจัดพิมพ์เผยแพร่ และถึงแม้ ว่าท่านจะชราภาพมากแล้ว ก็ไม่คำนึงถึงความชราภาพของตัวท่านเอง ท่านได้อุตสาหะสั่งสอนศิษยานุศิษย์ของท่าน ให้พยายามศึกษาเล่าเรียนจนได้ผลเป็นที่พึงพอใจของท่าน ซึ่งศิษยานุศิษย์ เหล่านั้นก็ได้รับการยกย่องนับถือว่าเป็นผู้เชี่ยว ชาญในภาษาบาลี

    ในปี พ.ศ. 2534 ทางรัฐบาลสาธารณรัฐสหภาพพม่าได้เห็นเกียรติคุณความดีในด้านการเผยแพร่พระศาสนาของ ท่านพระอาจารย์ภัททันตะ ธัมมานันทมหาเถระจึงได้พร้อมในกันถวายตำแหน่ง “อัครมหาบัณฑิต”

    [​IMG]
     
  12. poman

    poman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    12,300
    ค่าพลัง:
    +35,301
    :cool: ใช่องค์เดียวกันครับพี่คนชอบพระ
     
  13. ksongrit

    ksongrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +7,402
    ยังดีนะ ที่พี่นวลไม่ตอบว่า" อยากได้ สามตัวตรงๆงวดนี้ค่ะ"


    คิดถึงงานกินเจที่หาดใหญ่ครับ ไปกิน แถวเซี่ยงตึ๊งประจำ สนุกมาก

    แล้วก็ ซาลาเปาเจ ที่วัดฉือฉาง อร่อยมากกกกก อย่าลืมไปทานนะครับพี่นวล
     
  14. poman

    poman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    12,300
    ค่าพลัง:
    +35,301

    :cool: ถ่ายภาพได้ชัดและเป็นเอกลักษณ์ ดีครับ คุณส่างป่า ชอบๆ ^^
     
  15. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG] [​IMG]
     
  16. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  17. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG]
     
  18. poman

    poman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    12,300
    ค่าพลัง:
    +35,301
    ประวัติ
    พระภาวนาวิศาลเถร (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล)
    วัดสระประสานสุข (วัดบ้านนาเมือง) ตำบลไร่น้อย
    อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

    --------------------------------------------------------------------

    พระภาวนาวิศาลเถร นามเดิมบุญมี นามสกุล กุศลคุณ เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2452 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีระกา ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา ณ บ้านเลขที่ 136 หมู่ 2 ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โยมบิดาชื่อ นายกุ โยมมารดา ชื่อ นางเลื่อน กุศลเลื่อน หลวงปู่บุญมีท่านเล่าให้ฟังว่าชื่อบุญมีนั้น มีอยู่ว่าก่อนที่โยมมารดาของท่านจะตั้งครรภ์ ได้ฝันว่าหลวงปู่สีทา ชยเสโน ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของหลวงปู่ ได้เอาพร้ามาให้ แต่พร้าดามนั้นเต็มเป็นสนิมไปหมด ในนิมิตนั้นโยมมารดาท่านได้ถาม หลวงปู่สีเทา บอกว่าเอาพร้าที่เต็มไปด้วยสนิมนี้มาให้ทำไม ใช้ประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ หลวงปู่สีเทา บอกว่าเอาไปลับเสียก่อนแล้วจะใช้การได้ ครั้นเมื่อหลวงปู่เกิด โยมมารดาท่านได้เจ็บท้องเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ยังไม่คลอด ความทราบถึงพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เจ้าเมืองอุบลราชธานี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ของหลวงปู่สีเทา ชยเสโน พระองค์ได้เสด็จมาดูพร้อมหลวงปู่ว่าเป็นเพราะอะไรจึงคลอดอยากคลอดเย็นนักหนา ครั้นถึงเวลาเที่ยงตรง ในสมัยนั้น ไม่มีเครื่องบอกเวลาเหมือนในสมัยปัจจุบัน มีการบอกเวลาโดยการยิ่งปืนใหญ่เป็นสัญญาณ พอสิ้นเสียงปืนใหญ่ โยมมารดาก็คลอดทารกเพสชายออกมาเป็นเวลาเที่ยงพอดี และเสด็จในกรมทรงรับสั่งว่า มีรับสั่งว่า เด็กชายคนนี้จะชะรอย เป็นผู้มีบารมีมาเกิด จะดีจะชั่วเพียงใดไม่อาจรู้ได้ ขอให้ชื่อบุญมีนะ และรับสั่งให้โยมบิดาของหลวงปู่เอาผ้ามาพันตัว นำไปลอดใต้ท้องช้างกลับไปกลับมาสามครั้งหลวงปู่จึงได้ชื่อว่าบุญมี ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา หลวงปู่ในวัยเด็กนั้นร่างกายของท่านบอบบางมาก เป็นเด็กที่เลี้ยงยาก แม้โยมมารดาได้ประคับประคองเลี้ยงเป็นอย่างดี แต่ก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นเด็กไม่ค่อยแข็งแรงและไม่อยากไปทำมาหากิน จึงบอกหลวงปู่ ลูกเอ๋ยบวชแล้วอย่าสึกนะ จากคำพูดนี้เองทำให้หลวงปู่บุญมีระลึกอยู่เสมอว่า จะเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์แทนพระคุณแม่


    ด้านการศึกษา

    หลวงปู่บุญมี เข้าเรียนและจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านนาเมือง ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปีพุทธศักราช 2465 และสอบได้นักธรรมเอก (น.ธ.) จากสำนักเรียนวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปีพุทธศักราช 2485ด้านการศึกษาพิเศษ หลวงปู่บุญมี ได้ศึกษาอักษรขอมจนมีความรู้ความสามารถอ่านออกเขียนได้ และยังมีความชำนาญในการอ่านหนังสือธรรมสมัยโบราณ นอกจากนั้นหลวงปู่ยังมีความสามารถทางด้านการใช้ภาษาผญา ภาษิตอีสานเป็นอย่างดี สามารถเอามาใช้ในทางเทศนาธรรม และคำสอนของหลวงปู่จนเป็นที่ประทับใจ และศัรทธาแก่ลูกศิษย์ ที่ได้ฟังพระธรรมเทศนาทุกคน

    การบรรพชา และอุปสมบท
    โยมมารดาได้พาหลวงปู่บูญมีไปฝากไว้กับ หลวงปู่สีทา ชยเสโน ทำให้ท่านได้มีโอกาสกราบนมัสการหลวงปู่เสาร์ กนตสีโล และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ซึ่งอาจารย์ทั้งสองได้มาแวะเวียนมากราบนมัสการหลวงปู่สีทา ชยเสโน ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ใหญ ่ฝ่ายวิปัสสนาเถระในสมัยนั้น เมื่อสิ้นหลวงปู่สีทา ชยเสโน โยมมารดาได้พาหลวงปู่บุญมีไปบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี และในระหว่างบรรพชาเป็นสามเณรนั้น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ได้เมตตานำสามเณรบุญมีไปจำพรรษากับท่านที่จังหวัดสกลนคร เมื่ออายุครบ 20 ปี หลวงปู่บูญมีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดศรีทองในวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ซึ่งตรงกับวันที่ 15 พฤษภาคม 2472 ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันวิสาขบูชา โดยมีพระเดชพระคุณ พระศาสนดิลก (เสนชยเสโน) เป็นอุปัชฌาย์ พระมหาสว่างเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เพ็ง เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า “โชติปาโล” อันมีความหมายว่า “ผู้มีแสงสว่างในธรรม”

    ช่วงชีวิตสมณะเพศ
    หลังจากอุปสมบท หลวงปู่บุญมีได้มีโอกาสกราบนมัสการท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เป็นพระเถระผู้ใหญ ่ผู้มีคุณูปการต่อกิจการคณะสงฆ์ภาคอีสาน ซึ่งท่านได้เมตตาต่อหลวงปู่บุญมี โดยอนุญาตให้ติดตามท่านไปอยู่จำพรรษาที่วัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานครและที่วัดเขาพระงาม จังหวัดลพบุรีอีกด้วย ในช่วงชีวิตสมณเพศของหลวงปู่บุญมี ท่านได้ออกจาริกธุดงค์ ไปในสถานที่ต่าง ๆ ครั้งหนึ่งท่านได้ออกจาริกไปพร้อมกับท่านอาจารย์มหาสว่างซึ่งเป็นอาจารย์ของท่าน โดยจาริกไปประเทศพม่า ลาว เวียดนาม และเลยไปถึงประเทศจีน เมื่อกลับจากเมืองจีนหลวงปู่บุญมีท่านได้ช่วยพระอาจารย์สิงห์ ชนตยาโม สร้างวัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการร่วมกับหลวงพ่อลี ธมมธโร เพื่อเป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานแก่พุทธศาสนิกชน และยังได้ร่วมกับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร สร้างวัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระอาจารย์มั้น ภูริทัตตเถระ รวมทั้งได้ร่วมกับพระอาจารย์ดี ฉนโน สร้างวัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี อีกวัดหนึ่งด้วย ในปีพุทธศักราช 2480 หลวงปู่บุญมีได้กลับมา ที่จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระประสานสุขสืบต่อจากพระศาสนดิลก ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน และได้เริ่มพัฒนาวัดสระประสานสุข (วัดบ้านนาเมีอง) ที่เป็นวัดบ้านเกิดของท่านให้มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นที่น่าเลื่อมใส ศรัทธาแก่ประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียงทั่วไปทางวัดมีอาณาเขตทหารอากาศ กองบินที่ 21 ข้าราชการทหารอากาศ ได้มีศรัทธามาร่วมอุปสมบทและจำพรรษาตลอดมา...



    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป


     
  19. poman

    poman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    12,300
    ค่าพลัง:
    +35,301
    :cool::cool::cool::cool:
    :cool::cool::cool::cool:
    _/\_ กราบ หลวงพ่อทรง ด้วยเศียรเกล้า...
     
  20. poman

    poman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    12,300
    ค่าพลัง:
    +35,301
    ผมเข้าใจดีเลยครับพี่โญ ผมถึงว่า โดนทุกทีที่อ่าน ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...