ไครรู้จักบ้านสวน พีระมิด มั่งครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ล้มเหลว, 19 กันยายน 2012.

  1. Light Candle

    Light Candle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +59

    ตามหลักธรรมะ

    ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ สร้างเหตุไว้เช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น

    เมื่อเหตุดับ ทุกข์ก็ดับ

    อย่างตัวเราเคยทำผิดศีลข้อ 2 ลักทรัพย์ มาก่อน

    ผลกรรมที่ได้รับก็คือ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน มีหนี้สินมากมาย

    แต่เราสงสัยว่า

    ทำไมทุกวันนี้ยังไม่เคยมีคุณหมอท่านใด ที่สามารถรักษาได้ทุกโรค

    ส่วนคนที่ขยันทำงานมาก ๆ แต่ก็ไม่เห็นจะรวยทุกคน

    แล้วถ้าเรายังป่วย ยังมีปัญหาการงาน การเงิน ความรัก และปัญหาอื่น ๆ

    แล้วเราจะมีความสุขได้ยังไงล่ะค่ะ

    ธรรมะพระพุทธเจ้าสอนให้เรายึดมั่นในศีล 5 เพื่อพ้นทุกข์ไม่ใช่เหรอค่ะ
     
  2. แหลมทอง

    แหลมทอง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +23
    ความทุกข์อยู่หนใด ก็ให้โยงใยไปหาเหตุนั้น
    แล้วท่านจะพบทางออก ของปัญหานั้นๆ (จบพยาบาลวิชาชีพค่ะ)
    ตัวอย่างเช่น ตัวข้าพเจ้าเป็นริดสีดวงทวาร สมัยก่อนมักทำท่าล้อเลียน
    คนที่เป็นด้วยการเดินขาลากๆ เจ็บก้น และเคยให้ความช่วยเหลือ
    ผู้ป่วยแบบไม่เต็มใจ(ขาดเมตตา) เนื่องจากเขาถ่ายไม่ออกทำให้คนป่วย
    มีเลือดออกที่ทวารหนัก ขณะนี้ข้าพเจ้าสำนึกผิด ขอขมากรรม และอุทิศบุญ
    ให้คนที่เราได้กระทำไว้ ปัจจุบันี้ข้าพเจ้าหายจากการเป็นริดสีดวงแล้ว
    อาการเจ็บในโพรงจมูกโดยไม่มีสาเหตุ(ไม่ได้เป็นหวัด ไม่เป็นภูมิแพ้ )
    อยู่ๆก็เกิดอาการเจ็บในโพรงจมูก ทำให้นึกถึงเหตุการที่ผ่านมา
    เคยใส่สายยางให้อาหารกับคนสูงอายุ ใส่สายล้างท้อง(คนที่กินยาฆ่าตัวตาย)
    การให้การดูแลบางครั้ง ทำให้ผู้ป่วยเกิดความเจ็บปวด และมีเลือดออกในบางครั้ง
    ข้าพเจ้าสำนึกแล้ว และขอขมาทุกดวงจิตที่ข้าพเจ้าทำให้เกิดความเจ็บปวดทรมาน
    ขอกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้วพึงถึงกับทุกท่านด้วยเถิด
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ลูกกราบขอบคุณท่านอาจารย์อุบล และครอบครัวศุภาเดชาภรณ์
    ที่ทำให้ลูก ได้มีดวงตาเห็นกรรมของตัวเอง ลูกจะหยุดยั้งกรรมใหม่
    จะตั้งใจรักษาศีล 5 ทำใจให้ผ่องใส
    กราบ กราบ กราบ


    --------------------------------------------------------------------------------
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ิฟ้าหลังฝน : วันนี้ เมื่อ 09:26 AM
    ขอบคุณธรรมทานคุณฟ้าหลังฝนค่ะ เพราะตัวเองก็เคยเป็นพยาบาลแต่ไม่ได้ทำมานานแล้ว ช่วงนี้มีปัญหาเจ็บคอ ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นหวัด ไม่ได้ไอเลย เจ็บพอรำคาญมาพักหนึ่งแล้ว คิดว่าเพราะยังนินทาอยู่แต่สารภาพบาปกับองค์จี้สฟริงซ์ก็แค่ดีขึ้น แต่ไม่หายขาด และกลับมาเจ็บอีก พยายามหาสาเหตุก็นึกไม่ออก พอมาอ่านเรื่องธรรมทานของคุณ ที่เกี่ยวกับใส่สายให้อาหารทางจมูก ก็ทำให้นึกถึงกรรมที่ตัวเองทำงานอยู่ในไอซียู ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่ใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก ต้องดูดเสมหะทุก 2 ชั่วโมง ขณะที่ดูดตัวเองทำงานแบบเป็น routine ไม่ได้สนใจว่าคนไข้จะเจ็บ จะทรมานหรือเปล่า สักแต่ทำเพื่อให้เสร็จๆ ทั้งๆที่รู้ว่าการดูดเสมหะ นั้นคนไข้จะขย้อน เหมือนจะอ้วกตลอก คิดดูว่าทรมานขนาดไหน แต่ตัวเองก็ไม่นำพา

    พอนึกกรรมออก จึงสารภาพบาปกับองค์จี้สฟริงซ์รุ่น 3 ร่มโพธิ์ศรีที่สวมที่คอ ด้วยความสำนึกผิด และตั้งใจจะไม่ทำอีกแล้ว ไม่น่าเชื่อ อาการเจ็บคอหายเป็นปลิดทิ้งทันที สาธุ

    รู้สึกซาบซึ้งกับธรรมทานที่คุณได้เล่ามา ซึ่งทำให้ดิชั้นนึกถึงกรรมของตัวเองได้ นี่คือประโยชน์ของธรรมทานที่พวกเราลูกบ้านสวนพีระมิด ช่วยกันเผยแพร่ เพื่อเป็นตัวอย่าง เป็นบทเรียนไม่อยากให้คนอื่นมาทำผิดอย่างเรา เอาเรื่องราวของเราเป็นบทเรียนเตือนใจ
     
  3. แหลมทอง

    แหลมทอง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +23
    ขอบคุณ คุณ Inwpower ที่ได้แสดงความคิดเห็นอีกแง่มุมหนึ่ง

    คงมีหลายคนที่มีความคิดแบบนี้ แม้แต่คนใกล้ตัวผมเองเขาก็ยังไม่เข้าใจ

    เอายังงี้ดีกว่า ถ้าคุณ Inwpower สนใจจริง ลองเข้าไปศึกษาในเวปบ้านสวนฯ

    หรือไม่ก็ไปบ้านสวนฯ จะได้รู้ว่าเขาทำอะไรกัน มีธีการสอนยังงัย

    ฟังคนอื่นเล่าคงสู้ไปเห็นกับตาดีกว่า

    ผมรู้สึกได้ว่า คุณ Inwpower เป้นคนดี มีความรู้ ไม่ไช่คนพาลชอบหาเรื่อง

    คนอื่น ผมถึงได้ตอบคำถามคุณ เพียงแต่ว่าคุณยังสงสัย ไม่เข้าใจว่า

    บ้านสวนฯสอนอะไร มีวิธีปฎิบัติยังงัย และอาจจะเข้าใจผิดจากการสื่อสาร

    การเขียนบางครั้งอาจทำให้แปลความหมายผิดไป ทางที่ดีควรเข้าไปดู

    ในเวปบ้านสวนฯจะดีกว่าเนอะ มีอะไรสงสัยถามได้นะ
    ***************************************

    เห็นด้วยกับคุณ Adi40ค่ะ ขอให้คุณ Inwpower เข้ามาศึกษารายละเอียดก่อน
    องค์พีระมิดจำลองให้อานิสงส์อย่่างที่คุณกล่าว
    แต่เบื้องลึกในรายละเอียดก็คือ ต้องใช้คู่กับความดีค่ะ
    ความดีที่ว่าที่ท่านอาจารย์อุบล ได้สอนพวกเราก็คือ เราต้องกลับมารักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ เลิกทานเนื้อสัตว์ ทำจิตให้เบิกบาน พยายามเอาจิตจับที่พระพุทธเจ้า หรือนึกถึงบุญที่เรามาทำที่บ้านสวนฯ เช่นตอนที่เราขุดดินสร้างฐานพระ ตอนที่เราช่วยกันผสมปูน ตอนที่เราช่วยกันสร้างศาลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำเองกับมือ ทำยังไงก็ไม่ลืม นึกถึงเมื่อไหรภาพก็ชัดเจนเมื่อนั้น เมื่อเรามีความดี จึงจะสามารถใช้องค์พีระมิดจำลองได้อานิสงส์เต็มที่
     
  4. AnyaS

    AnyaS Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +33
    ตอนนี้ที่บ้านสวนพีระมิด ทำ work shop
    หัวข้อตามปัญหา ทุกข์ ของแต่ละคน
    เช่น เรื่อง ปัญหาผิวพรรณ สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
    อาการปวด ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
    ปัญหาการงาน การเงิน ขาดปัญญา ซึ่งจะมีหัวหน้ากลุ่ม
    คอยเช็คผลของอาการและความเปลี่ยนแปลง
    ในช่วงที่สร้างบุญด้วยแรงกาย เป็นระยะ ๆ
    พอเสร็จกิจกรรม ก็จะมีการสรุปผลกันอีกที
    ว่าแต่ละคนมีความเปลี่ยนแปลงยังงัยบ้าง ดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น
    ซึ่งนับเป็นการสร้างบุญในรูปแบบที่ ไม่มีที่ไหนในโลกแน่นอน
    ซึ่งเราจะได้สัมผัสได้เห็นผลบุญที่เราทำ
    แบบฉับพลันทันที (จากความสุขความเปลี่ยนแปลงที่ได้รับ)
    ด้วยตัวเราเอง อเมซิ่งจริง ๆ
    ยังงัยสินใจก็ตามศึกษารายละเีอียด ของ workshop
    หัวข้อต่าง ๆ ได้ ที่ http://www.baansuanpyramid.com
    คิดไตร่ตรอง ว่าตัวเองมีทุกข์ เรื่องใด สาเหตุมาจากอะไร
    แล้วเราก็แก้เหตุที่ทำให้เราทุกข์ เราก็จะพบความสุข สาธุ
     
  5. Lind

    Lind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +339
    เราเคยเป็นโรคไมเกรน มีอาการปวดหัวมาก
    ได้มีโอกาสไปทำบุญแรงกายที่บ้านสวน ซึ่งเป็นบุญใหญ่มากเพราะใช้แรงกายแรงใจ หากทำโดยไม่หวังอยากได้บุญ ไม่ได้ทำไปด้วยความอยาก อานิสงส์ก็จะแรงมากเพราะเจตนาบริสุทธิ์
    มาตอนกลางคืน ช่วงฟังธรรมะจากอาจารย์อุบล ใครที่มีอาการปวดและอยากหาย ให้ออกมาเล่าบาปที่ตัวเองเคยทำที่ผิดศีลเป็นธรรมทาน ซึ่งเป็นการดับที่เหตุของอาการปวดที่เกิดจากกรรมรวมตัว แล้วอาการปวดก็หายได้ทันทีถ้าเล่าบาปหมด
    เราปวดหัวมากแต่ไม่อยากออกไปเล่าเลย เพราะอาย อัตตาสูงมาก เข้าใจเลยว่าบุญจากการให้ธรรมเป็นทานนั้นสูงสุดรองจากอภัยทาน เพราะต้องใช้กำลังใจมากกว่าการทำทานแบบอื่น
    พอละอัตตาได้ ณ ตอนนั้น ทำให้ได้หายปวดหัวประมาณ 50% หลังจากออกมาพูดว่า เคยดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการปวดหัว ทำให้ขาดสติ
    นอกจากนี้ยังทำให้เราทำผิดศีลข้ออื่นอีก
    ผิดศีลข้อ 1 คือ เป็นภาระของคนอื่น เช่น คนอื่นล้างอ้วกให้ มาดูแล
    ผิดศีลข้อ 3 คือ กอดจูบกับคนที่มีแฟนแล้ว
    ผิดศีลข้อ 4 คือ พูดไร้สาระ เพ้อเจ้อ
    รู้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ต้องสร้างบาป มีเจ้ากรรมนายเวรเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้ก็เลยเลิกดื่มอย่างจริงจัง ทำตามพระพุทธเจ้าดีที่สุดแล้วจริงๆ ตอนนี้ไม่มีอาการปวดหัวหลงเหลือแล้ว สมองยังปลอดโปร่ง มีสติสมาธิมากขึ้น ต้องขอกราบขอบพระคุณคำสอนของพระพุทธเจ้า และท่านอ.อุบลผู้นำพระธรรมมาเผยแพร่ ทำให้ได้หลุดจากกรรมตรงนี้ค่ะ
     
  6. ร่มใบโพธิ์

    ร่มใบโพธิ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +86
    ผมจัดอยู่ในประเภทคนพิการประเภทหนึ่ง ซึ่งขาผมนั้นได้รับอุบัติเหตุมาประมาณสามสิบกว่าปี กระดูกที่โผล่ออกมาทันทีที่ได้รับอุบัติเหตุในครั้งนั้น ทำให้กระดูกขาบิดตัวไม่ตรง ทำให้ขาสองข้างของผมไม่เท่ากัน และเนื้อที่ถูกปั่นเละในซี่ของฟันเฟืองรถสามล้อปั่น ทำให้เป็นแผลเป็นมาจนถึงทุกวันนี้

    หลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นผมกลายเป็นคนเดินขากระเผก ไม่เท่ากัน เวลานั่งขัดสมาธิแล้วเข่าชี้เด่ขึ้นมา ทำให้ปฏิบัติธรรมไม่สะดวก และเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ขนาดของขาสองข้างไม่เท่ากัน ใครๆก็สังเกตเห็นได้ว่าผมเดินผิดปกติ ไม่เหมือนคนทั่วไป

    จนถึงได้มีโอกาสได้พบอาจารย์อุบล บ้านสวนพีระมิด เป็นผู้ที่พลิกความคิดและสร้างปาฏิหาริย์ในชีวิตผมแบบผมก็ต้องยอมรับว่า “ไม่อยากเชื่อ” เพราะเกินกว่าจะเชื่อได้ แต่สุดท้ายผมก็จำนนด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย

    อาจารย์อุบล ท่านยิ้มและบอกผมว่า ที่ขาเป็นเช่นนี้เพราะกรรมรวมตัว เชื่อที่พระพุทธเจ้าสอนไหมล่ะ ว่ากรรมมีจริง ผมเชื่อครับ โดยไม่ต้องคิด แต่ในใจก็แย้งว่า ที่ขาเราเป็นเช่นนี้เพราะอุบัติเหตุนะ แต่หากบอกเรื่องกฏแห่งกรรมนั้นผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

    ท่านบอกต่อว่า จะพิสูจน์ให้ดูว่าจริงหรือไม่ ว่ากรรมต่างๆที่ทำให้ขาผมเกิดอุบัติเหตุจนต้องมามีสภาพอย่างนี้เกิดจากบาปต่างๆ จากนั้นท่านบอกให้ผมนึกดีๆว่าตนเองเคยใช้ขาทำบาปอะไรมาบ้าง และท่านก็ช่วยบอกเป็นหลัก และผมก็นึกออกบางส่วน ซึ่งผมก็แปลกใจมากที่ท่านพูดเรื่องต่างๆได้ถูกต้อง เช่น ผมน่ะชอบใช้ขาเตะรั้วของคนอื่น ซึ่งยอมรับว่าใช่เลย เพราะเป็นของชอบตอนเด็กๆ แต่ว่าลืมไปแล้วจำไม่ได้ ฯลฯ สรุปได้ว่าตัวอย่างกรรมที่ทำเคยทำมาตั้งแต่เด็กๆเลยคือ

    -ผมเคยเดินกระทืบเท้าเวลาไม่พอใจพ่อแม่ตอนเด็กๆ
    -ผมเคยใช้ขาเตะรั้ว ทำลายข้าวของคนอื่น ด้วยความสนุก ไม่สนใจคนอื่นว่าจะเสียหายอย่างไร
    -ผมเคยใช้ขานี้เปิดพัดลม ทีวี เขี่ยสิ่งของ เรียกว่าใช้ขาผิดหน้าที่เพราะความขี้เกียจมักง่ายสุดๆ
    -ผมเคยใช้ขาเตะ ถีบคนอื่น อันนี้ใช่เลยเพราะตั้งแต่เด็กมาชอบเล่นต่อสู้กัน เตะ ถีบกันรุนแรงเลย และอื่นๆอีกเพียบ
    -อันนี้สำคัญที่สุดคือ ท่านบอกว่า ผมเคยหันเท้าไปทางพระ ซึ่งตรงนี้ผมยอมรับว่า “จริง” และท่านบอกว่านี่บาปหนักมาก
    -ที่ผมจำได้อีกก็คือ ใช้ขาเหยียบเหรียญซึ่งมีรูปพระเจ้าอยู่หัว เงินธนบัตรเวลาปลิว และเดินเหยียบหรือข้ามรูปภาพของผู้ทรงศีลอีกมากมายเวลาตกบนพื้น

    และกรรมอื่นๆอีกมากมายที่ผมใช้ขาทำบาปนับไม่ถ้วน และผลกรรมเหล่านี้จึงสร้างเหตุให้ผมได้รับอุบัติเหตุ จนกลายมาเป็นคนพิการลักษณะนี้

    นี่เป็นเพียงสาเหตุที่ท่านอาจารย์ท่านนี้บอกผมนะครับ และท่านก็กำลังพิสูจน์ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นจริงหรือไม่ ตรงนี้นี่แหละครับที่ทำให้ผมคนเชื่อยากอย่างผม มักมองสิ่งที่มองไม่เห็นว่า ไม่น่าเชื่อถือหรือหลอกลวง กลับมาเชื่อกฏแห่งกรรมสุดๆและรู้ว่าที่ผ่านมาตัวเองเลวแค่ไหน คงจะอ้างว่าทำไปเพราะยังเด็กก็คงไม่ได้ เพราะกฏแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด

    ท่านบอกว่าเมื่อผมกล้าพูดและยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำบาปมาอย่างกล้าหาญ และตั้งใจจะไม่กลับไปทำอีก คอยดูนะว่าขาที่ชี้เด่จะกลับลงมาเป็นปกติแน่นอน


    ตรงๆเลยนะครับ ผมไม่อยากเชื่อครับ เพราะคิดว่าเป็นไปได้ไง ที่จะทำให้ขากลับมาเหมือนเดิม ไม่ชี้เด่เวลานั่งขัดสมาธิ

    ท่านบอกให้ผมตั้งจิตขอขมาพระพุทธเจ้า ขอกราบขอขมาที่ล่วงเกินหันเท้าไปทางพระโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ และขอขมาพระแม่ธรณีที่เดินกระทืบเท้า ขอขมาต่อพ่อแม่ผมซึ่งเดินกระทืบเท้าใส่ท่านเวลาโกรธและสัญญาว่าจะไม่ทำอีกเด็ดขาด ผมก็ตั้งจิตตามท่าน


    ท่านบอกให้ตั้งจิตขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย และขอบารมีพระพุทธเจ้าขอเบิกบุญ ทานศีลภาวนาทั้งหมดที่ทำมาทุกชาติและที่มาทำในวันนี้ อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ผมก็ทำตามที่ท่านบอก

    แล้วท่านก็ขอบารมีพระพุทธเจ้า บอกว่าบัดนี้ผมรู้สำนึกบาปที่ทำแล้ว และตั้งใจจะรักษาศีลไม่ทำบาปอีก ขอบารมีพระพุทธเจ้าทรงแสดงอานุสานียปาฏิหาริย์ แสดงกฏแห่งกรรมให้ผมและคนอื่นๆได้รู้ว่าหากรู้เหตุที่ทำมา และดับที่เหตุแล้ว ผลที่เกิดขึ้นต้องดับลง เพื่อเป็นสิ่งพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ผมและทุกคนได้ประจักษ์ด้วย

    จากนั้นท่านใช้มือแตะเบาๆที่ขาข้างที่ผมมีปัญหา ทุกคนที่ดูอยู่ก็ร้องกันโวยวายเสียงดัง ฮู้วว์ๆๆๆๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาร้องอะไรกัน แต่พอเหลือบลงไปมองที่ขาเห็นขาตนเองที่ชี้เด่กำลังค่อยๆเคลื่อนลงสู่ตำแหน่งปกติเหมือนขาอีกข้าง

    เฮ้ยย เป็นไปได้ยังไง เพราะปกติที่ผมลองมาหลายสิบปีหากเพียงแค่พยายามกดขาที่ชี้เด่นี้ลงก็จะเจ็บปวดกระดูกมากเพราะมันผิดรูปไปแล้ว แต่ตอนนี้กระดูกขาผมกำลังเคลื่อนลงสู่ตำแหน่งของมันช้าๆ

    ยอมรับว่าตกใจ ทุกคนที่นั่งดูอยู่ก็ร้องกันแบบตกใจเหมือนกัน ท่านให้ผมยืนขึ้นแล้วนั่งลงไปใหม่ ผมก็ยืนแล้วค่อยนั่งลงปกติ ขาผมผลุบลงตำแหน่งปกติ ไม่ชี้เด่เหมือนเคย

    ท่านอาจารย์อุบลบอกว่านี่ไม่ใช่การรักษาโรค แต่เป็นการแสดงกฏแห่งกรรมตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งการหายนั้นเป็นเพียงสิ่งยืนยันผลตามหลักคำสอนเท่านั้น หรืออาจไม่หายก็ขึ้นกับจิตสำนึกของแต่ละคนเป็นผู้กำหนด เพราะบางคนไม่มีจิตสำนึกเลยแค่อยากหายเท่านั้น
    จะให้ผมพูดอะไรได้ล่ะครับ นอกจากอึ้ง ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้สติก็ต้องกราบพระพุทธเจ้าทันที ว่าสิ่งที่อาจารย์ท่านนี้พูดไว้ ถูกต้องแน่นอนที่สุด หากไม่ใช่บารมีพระพุทธเจ้าก็คงไม่มีใครทำให้เรารู้ว่ากรรมส่งผลจริง ไม่ผิดตัวอย่างแน่นอน

    นี่คือเรื่องจริงๆที่เกิดขึ้นกับผม ซึ่งบอกตรงๆว่าหากไม่เกิดกับตัวเองก็คงไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าบาปกรรมมีจริง สิ่งที่พระพุทธองค์สอนนั้นเป็นจริงทุกๆประการ อาจารย์ท่านนี้บอกให้ผมรักษาศีล5ด้วยชีวิต ทุกวันนี้ผมเดินได้เหมือนคนปกติ เดินไม่กระเผกเหมือนเคย นั่งสมาธิได้แบบคนทั่วไป เข่าไม่ชี้เด่ แต่ร่องรอยแผลเป็นยังคงมีอยู่ตามปกติที่ควรจะเป็น จะเอาอะไรอีกละครับกับชีวิตนี้ แค่หายพิการทางกายไม่พอ ยังหายพิการทางใจด้วยซึ่งมีค่ามากมายยิ่งนักสำหรับผม

    ใครจะว่าอย่างไรผมไม่สนใจ แต่ผมมีชีวิตใหม่ที่ดีทุกๆด้าน ไม่ผิดศีล รักษาศีลได้อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน กลัวบาปกรรม และมีสติใช้ปัญญาอยู่ทุกขณะจิตตามที่ท่านอาจารย์อุบลสอน และมีพระนิพพานเป็นจุดหมายของชีวิตในชาตินี้ และท่านสอนไม่ให้เชื่อใครง่ายๆจนกว่าจะได้เห็นและพิสูจน์ก่อนจึงเชื่อ ไม่ใช่ว่าเชื่อเพราะเขาเป็นครูบาอาจารย์หรือว่าน่าเชื่อ

    ขอบพระคุณท่านอาจารย์อุบลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกๆพระองค์ที่ให้ชีวิตใหม่ทั้งกายและใจกับผม สาธุ
     
  7. Pam CA

    Pam CA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +8
    ผลการทำบุญแรงกายที่บ้านสวนพีระมิด
    ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศรีอริยเมตไตร กราบนมัสการหลวงพ่อฤาษีลิงดำ กราบคาระวะท่านท้าวเวสสุวรรณและสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในบ้านสวน และขอกราบเรียนอาจารย์อุบลที่เคารพ

    ดิฉันนางสาวปัญจกานต์ วรรณทอง บ้านเกิดอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ตอนนี้พำนักอยู่ประเทศอเมริกา เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม2555 ที่ผ่านมานี้ ได้กลับเมืองไทยแบบกระทันหัน เนื่องจากคุณแม่ถึงแก่กรรม

    ตัวเองคงจะมีบุญอยู่บ้างที่รู้จักเว็บบ้านสวนผ่านเว็บพลังจิตโดยบังเอิญ จึงติดตามข้อมูลเรื่อย ๆ จนได้ชมรายการคุยไปแจกไป เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าที่จะทำบุญและอยากไปบ้านสวนเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้คุณแม่ ตอนนั้นไม่รู้เรื่องที่ไปทำบุญแรงกายแล้วหายจากการเป็นโรคภัยไข้เจ็บ เพราะตอนที่ดูในรายการนั้นพูดถึงเรื่องอื่น

    พยายามติดต่อผ่านทั้งทางเว็บบ้านสวน โทรศัพท์ทุกเบอร์ก็ไม่มีการตอบรับ หลังจากส่งเงินไปร่วมทำบุญสร้างพระชำระหนี้แผ่นดืนแล้ว ก็ฝากข้อความเสียงไว้ แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ พยายามจนถึงวันเกือบสุดท้ายที่จะต้องเดินทางกลับอเมริกาแล้ว จึงโทรติดและได้พูดกับท่านอาจารย์อุบล โดยตรง พออาจารย์อนุญาต ก็ตัดสินใจไปบ้านสวนเลย

    ขอเล่าเรื่องโรคนะคะ ดิฉันเป็นโรคสะเก็ดเงินมานานกว่าสิบปีแล้ว ตอนแรกที่เป็นจะเริ่มเป็นเมือกสีเหลือง ๆ ที่ศีรษะ มีกลิ่นเหม็นมาก ต้องสระผมทุกวัน หลังจากรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน อยู่หลายปี ปรากฏว่าหนังศีรษะเริ่มแห้ง และเป็นสะเก็ดสีขาว ๆ ร่อนออกมาทุกวัน เหมือนรังแค เมื่อสะเก็ดลอกออก จะมีเหมือนน้ำมันซึมออกมา แต่ไม่มีกลิ่น

    ประมาณห้าปีต่อมาเริ่มมีอาการเป็นผื่นแดงๆ หนาๆ แล้วลอกเป็นสะเก็ดตามแขน ข้อศอก และลามไปทั่วทั้งตัว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ต้องใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวประจำ เพราะนอกจากจะดูน่าเกลียดแล้ว เวลาถูกแดดโดยตรงจะแสบและคันมาก ที่น่าสงสารตัวเองมากที่สุดคือรอยโรคเริ่มเป็นที่ขอบหน้าผากและขมับทั้งสองข้าง

    เมื่อไปบ้านสวนในตอนเช้าอาจารย์อุบลให้ไปขัดหินกับคุณเหมี่ยว ในขณะที่ขัดหินและขนหินไปให้เพื่อนขัดนั้นไม่แสบไม่คันที่ผิวหนังทั้งๆ ที่ตากแดดทำงานติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและเวียนหน้า พร้อมกับปวดตรงขมับสองข้างเป็นระยะ ๆ มีเหงื่อเม็ดโป้งๆ ออกที่ใบหน้า แต่ก็แปลกใจมากที่ไม่มีเหงื่อ ออกที่อื่นของร่างกายเลย ก็ไม่ได้คิดอะไรมากคิดว่าตัวเองทำงานตากแดดและไม่มีหมวก เหงื่อก็เลยออกเป็นธรรมดา ขณะที่ทำงานก็ท่องคาถาพระศรีอาริย์ไปด้วย แต่เนื่องจากไม่เคยท่องมาก่อนจึงนำเอกสารคาถาไปเหน็บไว้ที่พุ่มไม้ และเดินไปดูและท่องเป็นระยะ ๆ ทำอยู่จนอาการปวดศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกกระหายน้ำอย่างแรง จึงหยุดเข้าไปพักในร่มมะม่วงดื่มน้ำที่นำไปด้วยจนหมดขวด ก็ยังคงกระหายน้ำอยู่ คุณเหมี่ยวจึงบอกให้ไปเอาน้ำดื่มเพิ่มที่โรงครัว จึงบอกกับเพื่อนๆ ที่ช่วยกันขัดหินว่าขอไปพักก่อน ถ้ายังไม่เสร็จจะกลับมาช่วยอีก

    เมื่อไปถึงโรงครัวจึงรู้ว่าเป็นเวลาเที่ยงกว่า ๆ แล้ว จึงไปขอข้าวทาน (ตอนนั้นไม่รู้ว่าต้องทานพร้อมกัน) เจอคุณแมว จึงได้รู้ว่าต้องคอยให้พร้อมกันก่อน หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จก็ได้ทำ work shop ได้อยู่กับกลุ่มคุณเหมี่ยวอีก กลุ่มของเราได้รับหน้าที่ให้ไปตกแต่งที่พีรมิดองค์ใหญ่หลังบ้านอาจารย์อุบล ในช่วงบ่ายนี้ทำหน้าที่ล้างดอกไม้ใต้ร่มมะม่วง แถมยังใส่หมวกอีก แต่ก็แปลกใจมากที่มีเหงื่อออกที่หน้าตลอดทั้งๆ ที่ไม่ได้ตากแดดเลย อาการปวดศีรษะและขมับก็ยังคงมีอยู่แต่ไม่มากเหมือนตอนเช้า เมื่อเสร็จงานก็ไปเก็บล้างเครื่องมือจึงได้ขัดหินที่เหลืออยู่หนึ่งคุถังเป็นการแถมท้าย ต้องขอขอบคุณที่มีคนเหลือไว้ให้

    ขากลับมาที่พัก(กระท่อมไม้ไผ่) พบอาจารย์อุบลกลางทาง จึงขออนุญาตท่านอาบน้ำ พอท่านอนุญาตก็รีบไปอาบอย่างเร็ว เนื่องจากต้องไปกรุงเทพเพื่อขึ้นเครื่องกลับอเมริกา ขณะที่แต่งตัวอยู่ คุณศักดิ์ (ถ้าจำชื่อผิดก็ขออภัยนะคะ) ก็มาตาม บอกว่าให้ไปรายงานผลกับกลุ่มก่อนกลับ ทั้งๆ ที่กังวลว่าจะไปไม่ทันรถเข้ากรุงเทพฯ เที่ยวสุดท้าย แต่ก็ไปรายงานผลให้กลุ่ม

    ในขณะที่เดินไปหากลุ่มคลำดูที่หน้าผากตัวเอง รู้สึกถึงความเรียบเนียน ก็มั่นใจว่ารอยโรคหาย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ส่องกระจกดูเลย พอไปถึงกลุ่มก็บอกหัวหน้ากลุ่มว่าหายแล้วพร้อมทั้งเปิดหน้าผากให้ดูด้วย ส่วนรอยโรคที่แขนจางลงอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกดีใจมาก

    ขณะที่พิมพ์เรื่องนี้ ตัวเองอยู่ที่อเมริกา และรู้สึกว่า รอยโรคค่อยๆ หายมากขึ้น โดยเริ่มจากศีรษะลงไปที่น่อง ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทายาเลย

    ขอกราบขอบพระคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านท้าวเวสสุวรรณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายในบ้านสวนและอาจารย์อุบล ที่ช่วยให้ดิฉันหายจากโรคที่เป็นมาสิบกว่าปี ถ้าหายขาดร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อไร จะเขียนมารายงานอีกค่ะ



    ปัญจกานต์ วรรณทอง (แพม)
     
  8. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ทำบุญแล้วจะหายจากโรค การงาน การเงินดี จิง ๆ เหรอ

    ลองมาดูกันนะครับ ว่าจริงอย่างไร

    พระไตรปิฎก ได้กล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เหตุดับ ผลย่อมดับ

    แล้วเหตุที่ทำให้เกิดโรค เกิดอุปสรรคทางการงานและการเงินนั้น

    ก็คือการทำผิดศีล และการข้องเกี่ยวกับอบายมุข เช่น การฆ่าสัตว์ การประพฤติผิดในกาม

    การดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน ติดการละเล่น และคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นสำคัญ

    การที่จะแก้ปัญหาได้ ก็โดยการดับที่เหตุ คือ

    รักษาศีลและละวางอบายมุข

    ซึ่งเป็นการทำบุญอีกประเภทหนึ่ง หรือ บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ

    อันประกอบเป็น 3 หมวดใหญ่ ได้แก่ ทาน ศีล และภาวนา

    ใครรักษาได้ ก็จะเกิดมงคลแห่งชีวิตครับ

    และตามที่ได้เคยบอกไว้แล้วว่า

    การทำบุญของเรา หากประกอบด้วย
    ความบริสุทธ์ความบริสุทธิ์ครบ 3 ข้อ คือ

    ผู้ให้และผู้รับทานมีบริสุทธ์ วัตถุทานก็บริสุทธิ์

    อานิสงค์ก็จะเกิดแบบฉับพลันทันทีอีกด้วย
     
  9. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53
    ถ้างั้นพระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงอาพาธเลยสิครัย

    เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์

    ถือศีลมิด่างพร้อย
     
  10. ิฟ้าหลังฝน

    ิฟ้าหลังฝน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +34

    หลังจากที่ได้รู้จักบ้านสวนฯ ได้ฟังและอ่านธรรมมะ
    ของท่านอาจารย์อุบล ศุภาเดชาภรณ์
    ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมานั้น ตัวเราไม่มีส่วนดีเลย
    เคยคิดว่าการกระทำของตัวเอง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
    ไม่ได้ไปเอาเงินในกระเป๋าใครใช้ จะแคร์ทำไม
    วันนี้จึงขอเล่าวีรกรรมมมมมมม ของตัวเองเพื่อคนที่มาอ่าน
    ไม่นำไปเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะมันไม่งามจริงๆ
    แต่ก่อนเล่า ต้องขอบอกก่อนว่าตอนนี้ต้องรับกรรมอย่างไร
    ตอนนี้อายุ ได้ 42 ปี ผมหงอกบาง สิวเต็มหน้า(แสบ คัน) หูอื้อ
    ฟันกร่อน มีกลิ่นปาก เวียนหัวบ่อย(บ้านหมุน) พูดจาไม่มีคนเชื่อ
    ทั้งที่เอาความจริงมาพูด การงานไม่ก้าวหน้า มีปัญหากับผู้ร่วมงาน
    การเงินมีแต่ไหลออก ชีวิตครอบครัวไม่สงบสุขฯลฯ ไม่มีลูกทั้งที่อยากมี
    ปวดหัวเรื้อรัง

    ***********
    กรรมที่ข้าพเจ้าสร้างไว้ตั้งแต่จำความได้
    ร่วมทั้งคำบอกเล่าของแม่
    กระทืบเท้าเวลาไม่พอใจ ขี้โกรธ น้อยใจ คิดลบ
    สมัยอยู่บ้านนอก เวลาฝนตกจะมีทั้งปลา กุ้ง ให้จับกินมากมาย
    ทั้งตกเบ็ด สวิงช้อน หลังจากนั้นก็ลงมือฆ่า ทุบหัว ตัดคอ
    สมัยนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย รู้อย่างเดียว นี่คืออาหารของเรา
    วาดภาพไว้สวยงาม แกงส้ม ห่อหมก ทอดกรอบ อูยน้ำลายหก
    ส่วนกุ้งฝอย นำมาต้มเค็มทั้งที่ยังดิ้นอยู่ (ใส่น้ำปลา)
    อาหารของเรา เดี๋ยวก็สุกแล้ว ได้ข้าวร้อนๆสักถ้วย+น้ำปลาพริกขี้หนู
    โอเมนู สุดยอดเลยกุ้ง ปลาหมึก หอยสดๆ
    นำมาย่าง +น้ำจิ้มซีฟู๊ด อร่อยเหาะเลย
    ปูเป็นๆ ถูกมัดกล้ามให้อย่างดี(ดิ้นไม่ได้) นำมานึ่ง
    แกะเนือทานหวานอย่าบอกใคร(ถ้าบอกเราจะอดกิน)
    ที่บ้านก็มีหนูเดินสวนสนาม อย่ากระนั้นเลย จงเข้าไปสวนสนามในกรงเถิด
    แล้วเราจะไปปล่อยที่ไหนดี ว่าแล่ะคิดได้ปล่อยไปเดี๋ยวก็วิ่งเข้ามาอีก
    จงไปดีเถิดที่รักของ...หนู เสียงฟืม....มีฟองอากาศลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
    สักพักฟองอากาศก็หายไป..... ทำอยู่นานจนจบ ม.6
    เป็นการฆ่าแบบเลือดเย็น เมื่อเทียบกับสิ่งที่เราได้รับคงยังน้อยไปสำหรับ
    หนูๆๆ ที่ต้องตายด้วยน้ำมือขาพเจ้า

    และแล้วกรรมก็ตามทัน โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย เมื่อข้าพเจ้าอายุเลย 30 ปี
    โรคภัยไข้เจ็บก็เริ่มถามหา ลมพิษ ปวดหัวเรื้อรัง สิวสาวเริ่มผุดที่ละเม็ด
    จนขณะนี้ เต็มทุกพื้นที่ ทั้งรอยเก่า รอยใหม่(บางครั้งแสบ ร้อน)
    เดี๋ยววันหน้าจะมาเล่าต่อคร้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  11. ทอฝันรัก

    ทอฝันรัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +175
    ข้อความเดิมของคุณ Archecpteric
    ถ้างั้นพระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงอาพาธเลยสิครัย
    เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์
    ถือศีลมิด่างพร้อย

    ก่อนที่พระพุทธองค์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็เกิดมาแล้วหลายภพ หลายชาติ
    ฉะนั้นบาปกรรมต่าง ๆ ก็ต้องเคยทำมาทั้งนั้น และท่านเป็นผู้ที่ค้นพบสาเหตุแห่งทุกข์
    และวิธีดับทุกข์ ถ้าเรายังต้องเกิดอีก ก็หนีไม่พ้นหนทางแห่งทุกข์ ที่ท่านให้พวกเราเข้า
    นิพพานนั่นแหละค่ะ ที่จะทำให้เราพ้นทุกข์ ไม่ต้องมาเกิด แก่ เจ็บ ตาย กันอีก และที่พระ
    พุทธองค์ทรงป่วยนั่น เป็นการยืนยันว่า คำสอนของพระองค์เป็นจริง เพราะกฎแห่งกรรม
    ยุติธรรมที่สุด ให้ผลไม่ผิดคน เมื่อเคยสร้างเหตุไว้ ก็ต้องรับกรรม แม้แต่พระพุทธองค์ก็ยัง
    หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกอย่างเป็นจริงตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้จริง ๆ
     
  12. Pam CA

    Pam CA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอขอบคุณ คุณล้มเหลวที่ทำให้ดิฉันได้รู้จัก เว็บบ้านสวนพีระมิด และท่านอาจารย์อุบลนะคะ ถ้าไม่มีคนอย่างคุณมาโพสข้อความแบบนี้ ดิฉันก็คงไม่อยากค้นหาความจริง

    ดิฉันไปมาแล้ว ได้ผลดีกลับมาเกินคาด คุณหล่ะ เคยคิดที่จะไปพิสูจน์ไหม หรือคอยแต่จะชะเง้อมอง นอกรั้วบ้านสวนฯ แล้ว นำมาเขียน คาดเดา ต่าง ๆ นา ๆ

    ยังไงก็ขอให้คุณโชคดี ก็แล้วกันนะ
     
  13. จิตสุดท้าย

    จิตสุดท้าย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +54
    ผมขอเล่าเรื่องคนใกล้ตัว ก็คือคุณแม่ของผมนะครับ คุณแม่ของผมปกติเป็นคนใจบุญ ชอบทำความดี มีจิตอาสา และคุณแม่จะรักษาสุขภาพดีมาก เรื่องอาหารการกินจะต้องเน้นความสะอาดถูกหลักอนามัย แต่แล้วคุณแม่ก็ได้ตรวจพบว่าคุณแม่เป็นมะเร็งเต้านมระยะแรก คุณแม่ได้รับการรักษาด้วยการตัดเต้านมออก1ข้างและทำเคมีบำบัด คุณแม่ก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีก2ปี แต่แล้วก็ตรวจพบว่ามะเร็งได้ลามอีกจนต้องรักษาด้วยการฉายรังสีเพื่อยับยั้งเชื้อมะเร็ง แต่อาการคุณแม่กลับทรุดหนักกว่าเดิม แต่ในช่วงที่คุณแม่ทรุดหนักทั้งเจ็บปวดและทรมานมาก คุณแม่ได้พูดกับผมว่าคุณแม่เคยทำแท้ง1ครั้งหลังจากที่มีผมแล้ว แต่ผมเองไม่ได้สนใจในสิ่งที่คุณแม่พูด และหลังจากนั้นคุณแม่ผมก็ได้เสียชีวิตลงเมื่อปีที่แล้ว ผมก็ได้แต่สร้างบุญเพื่อหวังจะอุทิศบุญให้คุณแม่ จนผมได้มารู้จักบ้านสวนพีระมิด และได้มาฟังธรรมะที่ท่าน อ.อุบลแสดงโดยเฉพาะเรื่องกรรมทำแท้ง จึงทำให้ผมคิดถึงคุณแม่ที่ได้รับผลกรรมที่คุณแม่เคยทำแท้ง เพราะเท่ากับคุณแม่ได้ฆ่าเด็กคนหนึ่ง ที่กำลังจะมาจุติเพื่อสร้างบุญ แต่กับไม่มีโอกาสได้เกิดแถมวิญญาณยังถูกจองจำและทรมานมาก วิญญาณเขาคงแค้นมาก จึงทำให้คุณแม่ผมต้องรับผลกรรมครั้งนี้ด้วยมะเร็งเต้านมที่แสนทรมานทั้งกายและใจครับ
    หากว่าธรรมทานนี้จะมีประโยชน์ช่วยให้ผู้อ่านและผู้ที่คิดจะทำแท้ง ผู้ที่สนับสนุนผู้อื่นทำแท้งทุกวิถีทาง ได้ยับยั้งและหยุดประกอบกรรมการทำแท้ง ผมขออุทิศผลบุญนี้แก่คุณแม่และน้องที่คุณแม่ได้ทำแท้ง ให้ท่านทั้งสองได้โมทนาบุญและได้อยู่ภพภูมิที่สูงขึ้นด้วยครับ
     
  14. adi40

    adi40 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +46
    เมื่อวานเพื่อนถามว่า ." ทำไมถึงชอบไปบ้านสวนฯ มันดียังงัย."

    "แล้วลองเปรียบเทียบ เราตอนนี้กับ ก่อนนี้ว่าเป็นยังงัย"

    " เลิกกินเหล้ายัง"

    " เลิกซื้อหวยยัง "

    " เลิกเที่ยวยัง"

    " เลิกมีกิ๊กยัง"

    เพื่อนตอบ " เออ จริงเว้ย "

    แล้วเพือ่นคนอื่นเป็นงัย

    มีปํญหาครอบครัว แอบมีกิ๊ก พอเมียจับได้ก็ทะเลาะกัน

    เงินเดือนออกมาพากันไปกินเหล้า ยังไม่ถึงกลางเดือนยืมคนอืนอีกแล้ว

    "แล้วทำไมถึงเปลี่ยนตัวเองได้ขนาดนี้"

    " ไม่รู้ ทั้งๆที่แต่ก่อนก็ไปหาพระอาจารย์ ดังๆหลายองค์

    ก็เข้าวัดหาพระบ้าง แต่งชุดขาวไปปฎิบัติธรรม7- 9 บ้าง พอกลับมาก็ทำอย่างเดิมอีก

    เป็นคนดีตอนอยู่ในวัด พออกมาชั่วตามเดิม แต่พอมาบ้านสวนฯ ได้เจอเหตุการณ์กับตัวเอง

    มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เห็นคนที่เขาออกไปสารภาพว่าเขาเคยทำอะไรผิดมา

    แล้วผลของการทำผิดเป็นยังงัย เช่น เป็นโรคเอดส์บ้าง โรคใต หรือมีอุบัติเหตุ

    แทบเอาชีวิตไม่รอด โดนโกงบ้าง มีทุกรูปแบบ เห็นแล้วขยาด

    ก็เลยตั้งใจ ว่าจะไม่ทำผิดอีก

    แล้วทำไมต้องไปทุกอาทิตย์

    ไม่รู้ มันอยากไป อยากไปช่วยงานเขา รู้สึกว่าตัวเองยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง

    ได้ไปทำแล้วมองเห็นคุณค่าของตัวเอง มันมีความสุขต้องไปให้ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  15. adi40

    adi40 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +46
    ...................................
    คุณ ล้มเหลว สุดยอดเลยครับ ผมนึกว่าคุณเป็นพาลชอบหาเรื่องคนอื่น

    ที่แท้เป็นกลยุทธให้คนได้เจอทางพ้นทุกข์ ได้เจอของจริง ทำให้คนอื่น

    ได้มีความสุข ที่แท้คุณก็เป็นคนดีเหมือนคนอื่นเค้านะเนี่ย
     
  16. PomLion

    PomLion สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +20
    ผมเป็นคนชอบทำบุญ ชอบไปไหว้พระ ยิ่งที่ไหนบอกว่า พระวัดนี้ หลวงพ่อองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์น่ะ โห..ยิ่งชอบเรยครับ ไปกราบมาหมด ไปบวชชีพรหม ก็ไปมาหลายที่ สรุปคือ ผมชอบทำบุญครับ แต่แปลกคือ ตอนนั้น ผมก็พยายามรักษาศีล5 แต่มันทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

    แต่พอมารู้จักบ้านสวนพีระมิด และ อ.อุบล ได้ไม่ถึง 3 เดือน กลับมารักษาศีลได้ครับเฉยเรยครับ

    แต่ก่อน ที่รักษาศีลไม่ได้ก็เพราะว่า ยังไม่เจอของจริง คือ ไม่เคยเจอใครพิสูจน์กฎแห่งกรรมให้เห็นกลับตาอย่างนี้ แต่พอมาที่นี่แล้ว มันกลัวไปเรยครับ ไม่กล้าทำผิดศีล ซึ่งหลังจากรักษาศีลไประยะนึง จากความกลัว มันเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นความสงสาร สงสารสัตว์ที่ถูกฆ่า มันคงทรมาน เจ็บปวด สงสารลูก เมีย พ่อ แม่ ทั้งของตัวเองและคนอื่น ที่เขาต้องเสียใจ เวลาไปมีกิ๊ก มีชู้ อะไรประมาณนี้

    ตอนนี้รู้สึกภูมืใจ และดีใจที่ได้มาเจอ บ้านสวนพีระมิด อ.อุบล ...ถ้ายังไม่เจอที่นี่ ผมก็คงยังไม่รู้ ว่าชีวิตนี้ จะรักษาศีลได้เมื่อไหร่...ขอบคุณมากน่ะครับ
    [/B]
    :cool::cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  17. ิฟ้าหลังฝน

    ิฟ้าหลังฝน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +34
    ขอเล่าต่ออีกนิดนึงนะคะ
    ตอนนี้ตัวข้าพเจ้าเลิกทานเนื้อสัตว์มาปีกว่าแล้ว
    แต่ที่บ้าน แฟนยังทานเนื้อสัตว์และยังฉีดพ่นยาฆ่ามด ยุงอยู่
    วันก่อนก็เกิดอาการบ้านหมุน เมื่อเดินไปหลังบ้านจึงรู้
    ว่าเหตุที่ทำให้เกิดอาการบ้านหมุนคือ ฉีดพ่นยาฆ่าแมลง
    อาการบ้านหมุนนั้น กว่าจะหายเป็นปกติก็เป็นเวลาหลายวัน
    เมื่อเทียบกับความทุกข์ของยุงตั้งหลายตัว ก็คงจะสาสมแล้ว

    แม้เราไม่ได้เป็นคนทำเอง แต่อยู่บ้านเดียวกัน
    ก็ต้องรับผลกรรมโดยอัตโนมัติ
    ตอนนี้พยายามไม่ฆ่ายุงแล้ว กลัวที่จะต้องเกิดเป็นยุง
    แต่ไม่รู้ว่ายุงเขาจะยกโทษให้หรือเปล่า เพราะฆ่าเขามาเยอะจิงๆๆ
    ตบกอง ให้ดูดเลือดเต็มพุงแล้วตบ ป๊าบ... ไฟฟ้าช๊อต ฉีดพ่นยา
    ข้าพเจ้าขอขมายุงทุกตัว ที่ข้าพเจ้าเคยฆ่า และมีส่วนรู้เห็น
    ขอกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ จงถึงกับทุกดวงจิต
    ขอให้อยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นๆๆๆ สาธุ สาธุ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  18. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    ผมมาบ้านสวนฯครั้งแรก
    อาจารย์อุบลท่านบอกว่า ผมน่ะผิดศีลมาทุกข้อ
    ซึ่งเป็นความจริงครับ

    ผมทำบุญเฉพาะทาน ทำบุญสังฆทาน ทอดกฐิน ผ้าป่า สร้างพระ แต่ไม่รักษาศีล
    โดยเฉพาะศีลข้อที่สาม และข้อที่ 4 ที่ผิดมากมาย ซึ่งส่งผลให้การทำงานที่ทำงานไม่ราบรื่น
    มีปัญหากับทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งที่บ้าน ที่เห็นว่าเรากลับบ้านดึกเป็นประจำ
    หรือบางทีกลับเช้า ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ดี ไม่ดูแลครอบครัว ทำตัวเลว และเสียทรัพย์อีกต่างหาก

    ท่านอาจารย์ได้บอกอาการที่ผมมักกระตุกที่ไหล่และปากเป็นบางครั้ง
    ซึ่งตอนนั้น ยังไม่เกิดอาการขึ้น ว่าเป็นเพราะชอบติเตียนผู้อื่น รวมทั้งสมณะชีพรามณ์ เบื้องสูง
    ทำให้ผมแปลกใจว่า ท่านทราบอาการผมได้อย่างไร แต่ยอมรับว่าที่ท่านบอกเป็นจริงทุกอย่าง

    ท่านยังบอกว่า การถวายสังฆทาน มีผลในด้านกำลังทรัพย์
    แต่การรักษาศีล ช่วยให้ไม่ตกนรกได้ และแนะนำผลเรื่อง ศีล 3 ชั้น
    และแนะนำผมให้ไปอ่านพระไตรปิฎก ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น
    โดยเฉพาะในเรื่องของมโนกรรม ที่เป็นกรรมที่หนักที่ผมทำมาตลอดชีวิต
    เพราะคิดว่าไม่ทำอะไรใคร แค่คิดคงไม่เป็นอะไร ไม่ผิด จึงทำมาตลอด

    หลังจากกลับจากบ้านสวนครั้งนั้น
    ผมก็ระมัดระวังในการรักษาศีลมากขึ้น ระวังแม้กระทั่งความคิด
    แต่หากถามว่า ทำได้ 100% ไหม ยังไม่ได้ขนาดนั้น แต่ก็น้อยลงมาก
    ติเตียนผู้อื่นน้อยลง หันมามองความผิดจของตัวเองมากขึ้น
    ความคิดในทางที่ไม่ดี ยังมี แต่ก็ทำตามที่ท่านอาจารย์สอน คือ
    นำศีลมาจับ ว่าถ้าเราคิดและทำตามความคิดของเรา มันผิดศีลไหม
    และผมไม่อยากตกนรกด้วย เพราะตกครั้งหนึ่งต้องทรมานนับล้านปี
    ไม่อยากให้เสีนโอกาสที่ได้เกิดมาเป็นคนในชาตินี้

    ชีวิตทุกวันนี้ จึงได้รับความสุขกว่าก่อนไปบ้านสวนฯมาก
    การระวังความคิด มีส่วนสำคัญมากทั้งที่ทำงานและที่บ้าน

    การระวังเรื่องศีล ทำให้ไม่ออกนอกลู่นอกทางแบบที่ผ่านมา
    ปัญหาทั้งที่บ้านและที่ทำงาน จึงลดดีกรีลง
    เพื่อนร่วมงานที่เคยมีปากเสียงกันกลับมาเป็นมิตรที่ดีต่อกัน
    หัวหน้างาน รับฟังและส่งเสริมเรามากขึ้น
    ที่บ้านก็เลิกทะเลาะกัน มีความสุขมากขึ้น
    โดยเฉพาะความสุขทางใจ ที่หาไม่ได้ง่าย ๆ ที่สมัยก่อนไม่ค่อยมี
    เพราะมัวแต่ไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ไม่รักษาศีลครับ
     
  19. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53
    ถูกต้องที่สุด

    ดังนั้นเราควรสารภาพบาปต่อหน้าจี้สฟิ้ง

    พร้อมทั้งสำนึกผิดต่อผลกรรมที่ท่านทำไว้

    ท่านก็จะหายป่วยได้

    อย่าลืมใช้รหัส

    อ.อุบลช่วยด้วย

    +ขอบารมีคนอื่นมาช่วย



    หลังจากนั้นได้ให้แม่ขอขมาทุกดวงจิตที่เคยทำร้าย
    และอุทิศบุญให้สัตว์เหล่านั้น รวมทั้งลูกที่แท้งไป
    แล้วให้แม่เช็คอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง
    แม่บอกว่า อาการปวดหลัง ปวด+ชาเท้า ท้องอืดเจ็บแน่นในท้อง
    อาการโดยรวมดีขึ้น 95 % สาธุยินดีกับคุณแม่ด้วย
    ที่คุณแม่หายจากอาการเจ็บปวดก็เพราะบารมีจากจี้สามร่มโพธิ์ศรี
    ที่หนูแขวนอยู่ ให้แม่ตั้งจิตขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์นะคะ
    สมเด็จองค์ปฐม พระศรีอาริย์ พระเจ้าอยู่หัว ท้าวเวสสุวรรณ +ท้าวมหาราชทั้ง 4
    เทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2012
  20. แสงอมตะ

    แสงอมตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +486
    บอกแล้วยีงตียีงดัง ถ้าไม่ดีจริงไม่มีใครออกมาเล่าความจริงซะขณะนี้หลอก ท่านคงดีและดีมากๆ ขอตบมือเป็นกำลังใจให้ครับ ออคนที่ไม่ประสงค์ดีหายไปไหนครับไม่เห็นออกมาแถลงการณ์ต่อครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...