ทรงผมนักเรียนไทยมันเป็นปัญหาทำให้เด็กขาดอิสระภาพขนาดนั้นเลยเหรอ

นางศิริพร กิจเกื้อกูล รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาข้อเสนอในการปรับปรุงกฏหมายเกี่ยวกับแบบทรงผมของนักเรียน นักศึกษา เปิดเผยว่า

เมื่อเร็วๆ นี้คณะทำงานได้พิจารณากรณีที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนว่า ศธ. กำหนดแบบทรงผมของนักเรียนคือ นักเรียนชายต้องตัดผมสั้นเกรียน และนักเรียนหญิงต้องตัดผมสั้นเห็นติ่งหู กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และบางโรงเรียนได้อนุโลมให้นักเรียนที่เรียนนาฏศิลป์สามาถไว้ผมยาวได้ เป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งกรรมการสิทธิ์ฯ ได้พิจารณาและเห็นว่าไม่เป็นการจำกัดสิทธิ เพราะมีกฎระเบียบที่โรงเรียนสามารถอนุโลมได้ จึงส่งเรื่องให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ ซึ่งทาง ครม.ได้ส่งเรื่องต่อให้ ศธ.พิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง

รองปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมคณะทำงานได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องนี้มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนหลายฉบับ ซึ่งเรื่องทรงผมก็เป็นเรื่องหนึ่งและโรงเรียนก็สามารถพิจารณาตามความจำเป็นได้อยู่แล้ว ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้ไปรวมกฎระเบียบในฉบับต่างๆ และยกร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ให้เหลือเพียงฉบับเดียว โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และประโยชน์สูงสุดของนักเรียน รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับนักเรียน นักศึกษานั้น อาจจะมีการแยกเป็นรายละเอียดของระดับชั้นว่า ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษาควรเป็นอย่างไร โดยมีความยืดหยุ่นให้สถานศึกษาสามารถพิจารณาเป็นรายกรณีได้ ทั้งนี้ให้นำเรื่องดังกล่าวกลับมาเสนอต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาในครั้งต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก สยามรัฐ


เจ้าของกระทู้คิดว่า ถ้าจะบอกว่านักเรียนประเทศอื่นยังไม่เห็นมีปัญหา มันคล้ายๆกับ ถ้าบ้านเราสกปรก แต่บอกว่าบ้านนายแดง คนข้างบ้านสกปรกมากกว่า ยังไม่เห็นต้องทำความสะอาดบ้านเราก็ได้

ปล.อยากให้ช่วยกันแสดงความเห็นไปในทางที่ดีหน่อยเอาแบบเหตุผลไม่มีเหตุผลก็ได้ เพราะที่มีเรื่องนี้ใครๆก็รู้ว่าให้ตัดผมสั้นมันมีประโยชน์ในบ้านเรามากกว่า แต่ว่าเรื่องนี้มันมาจากคนเอาแต่ใจบอกเหตุผลยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก

 

กฎระเบียบเป็นการฝึกให้นักเรียนรู้จักเคารพและปฏิบัติตนตามกฎ และปฏิบัติตนตามแบบแผนอย่างมีทิศทาง แค่กฎระเบียบการตัดผมในโรงเรียนยังทำไม่ได้ แล้วชีวิตในอนาคตจะเป็นยังไง กฎระเบียบในสังคมก็คงจะอ่อนแอลง จริงอยู่ที่เป็นการบังคับจิตใจ แต่ก็อยากให้คำนึงว่าวัยเรียนยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องมารักสวยรักงามอะไรมากมายนัก นักเรียนส่วนมากก็เอาแต่เรียกร้องสิทธิที่จะไว้ผมยาว ก็มัวเอาแต่เรียกร้องสิทธิจนลืมหน้าที่ของตนเองมันก็ยิ่งจะวุ่นวายไปกันใหญ่ ขนาดกฎระเบียบออกมาชัดเจนว่าไว้ผมสั้น ยังมีการฝ่าฝืนไว้ยาวกันอยู่ นี่ถ้าผู้ใหญ่ปล่อยให้ไว้ยาวได้ คงจะมีทรงผมแปลกๆประหลาดๆมาให้เห็นกันทั่วโรงเรียนแน่

 

คนมาทำงานตอกบัตร 8 โมงเช้า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานได้มากกว่า ดีกว่าคนอื่น
นักเรียนตัดผมสั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีระเบียบ เรียนดีกว่านักเรียนคนอื่น

 

ถ้าเห็นว่าการตัดผมเป็นการบังคับและริดรอนสิทธิ ละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้วละก็กระทรวงศึกษาธิการก็ละเมิดสิทธิอย่างรุนแรงเพราะ

๑ บังคับให้นักเรียนต้องเรียนการศึกษาภาคบังคับถึง ๙ ปี ป ๑ - ม.๓

๒ บังคับให้ใส่เครื่องแบบนักเรียน

๓ บังคับให้ต้องเข้าโรงเรียน เขาเรียนตั้งแต่ ๐๘.๐๐ จนถึง ๑๖.๓๐ น. เด็กขาดอิสระ

๔ บังคับให้นักเรียนต้องเรียนในรายวิชาที่ตนเองไม่ชอบหลาย ๆ วิชาเช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา พลศึกษา ภาษาไทย ฯลฯ เพราะเด็กบางคนไม่ถนัดในบางรายวิชาก็ต้องฝืนใจเรียนทำให้คะแนนและเกรดตกต่ำ

๕ บังคับให้อยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน

๖ บังคับให้เรียนและคิดตามกรอบของมาตรฐานและตัวชี้วัดทางการศึกษาที่กระทรวงกำหนด

๗ บังคับให้ต้องเข้าเรียนกับโรงเรียนใกล้บ้าน และอยู่กับครูบางคนที่นักเรียนไม่ชอบขี้หน้า

๘ บังคับให้เข้าแถว ทำความเคารพธงชาติ ไหว้พระ เคารพครู นี่ก็ละเมิดสิทธิเหมือนกัน

ฯลฯ

ถ้าไม่จำกัดสิทธิก็ควรให้เด็กเลือกเองว่าจะเรียนหรือไม่เรียน
จะเข้าเรียนเวลาไหน เลิกเรียนเวลาใดก็ได้
ชอบเรียนวิชาอะไรก็ได้ตามใจของเด็กเอง
ไม่ควรมีการประเมินตัดสินผลการเรียน
ไม่ชอบโรงเรียนนี้ก็ย้ายโรงเรียนได้ตามใจชอบ
เป็นอิสระไม่ต้องทำตามระเบียบและข้อบังคับของโรงเรียน ฯลฯ

ถ้าเด็กเรียกร้องสิทธิตามใจชอบของตนเองแบบไร้ทิศทาง
เรียกร้องสิทธิ แต่กลับไม่รู้จักหน้าที่ของตนเอง ไม่รู้จักกฎระเบียบวินัย
ไม่รู้จักจรรยามารยาท

อนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร ไม่อยากจะคิด

ตลกร้าย ขำไม่ออกครับ

 

อาจมีความเห็นต่าง คิดว่าการบังคับเรื่องผม เป็นการก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคล

พอดีอยู่ต่างประเทศ ไม่เห็นมีโรงเรียนไหนมีการกำหนดทรงผมเด็กเลย ใครจะไว้ทรงไหนก็ได้ ผลคือไม่มีประเด็นเรื่องใครทำผิด ทำถูกเรื่องทรงผม ครูเอาเวลาไปใส่ใจเรื่องการสอนมากขึ้น

คือจะบอกว่ามันก็เหมือนผู้ใหญ่ไปทำงานนั่นแหละ ใครจะไว้ผมทรงไหนก็ตามใจชอบ ผู้บริหารไม่เอาเวลามาใส่ใจหรอก แต่เอาเวลามาดูเรื่องผลงาน

 

ถ้าคิดในเรื่องของการให้อิสรภาพกับเด็กนร.เรื่องทรงผม คือ อยากไว้สั้น ไว้ยาวตามใจเค้า ให้เค้ามีสิทธิ์เลือกได้เองตามความมั่นใจ เด็กจะมีความรู้สึกมั่นใจในตัวเอง และกล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้น และรู้สึกว่าผู้ใหญ่ให้การยอมรับเค้า ..
โดยที่ยังมีขอบเขตในด้านความประพฤติอยู่ " ไม่เคร่งเรื่องทรงผม แต่เคร่งเรื่องความประพฤติ"
มันน่าจะแฮปปี้ทั้งสองฝ่ายค่ะ ครูก็ไม่ต้องมานั่งจับทรงผิดผม นร.ให้เสียเวลา เสียสุขภาพจิตในการสอน นักเรียนก็ไม่เครียด นั่งเรียนได้อย่างสบายใจไม่กดดันจะโดนครูจ้องเล่นงานทรงผมอีก

วัยรุ่น ไม่ได้แปลว่าจะคิดเองไม่เป็น แต่พวกเค้าควรจะมีผู้นำที่ดีเป็นแบบอย่างให้ทำตามด้วยความสมัครใจเอง ไม่ใช่เผด็จการบังคับ ที่เค้าทำตามนั่น เพราะกลัวการลงโทษเท่านั้น แต่ไม่ได้เต็มใจเลย.. หากมีโอกาสเมื่อไหร่ ก็แหกกฎได้ทันทีเช่นกัน
วัยวุฒิไม่มาก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่อง หรือทำอะไรไม่เป็น บางทีเราห่วงเค้ามากเกินไป ดูแลฟูมฟักเหมือนไข่ในหิน กลับยิ่งมีผลร้ายกับเด็ก เพราะใจของเค้าจะไม่มีภูมิต้านทาน โตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้คุณภาพ คิดอยู่แต่ในกรอบ คิดนอกกรอบไม่เป็น เด็กบางคน ยังคิดได้มากกว่าผู้ใหญ่ด้วยซ้ำไป...

เราในฐานะเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะมากกว่าเยาวชน ควรคิดแบบผู้ใหญ่ หาวิธีการกุศโลบายที่เหมาะสมเพื่อสอนเค้า ให้เติบโตมาเป็นคนดีในสังคมต่อไป

 

ญี่ปุ่นนักเรียนไว้ผมได้ แต่เขามีระเบียบวินัยดีกว่าไทยเยอะ ผู้ใหญ่ไทยทั้งหลายที่เคยไว้ผมสั้นเกรียนมาตอนเด็ก ผมเห็นเวลาขับรถไม่มีวินัยเอาซะเลย คนข้ามถนนก็ไม่จอดให้ข้าม รถจะขอออกจากซอยก็ไม่หยุดให้เขา ทั้งๆที่สามารถหยุดรถได้ปลอดภัยก็ไม่หยุดให้

ผมเคยทำงานบริษัทคนไทยที่เน้นเรื่องแต่งตัวกางเกงสแลคห้ามใส่ยีนส์ เจ้านายสั่งการทำตามนั้น ไปทำงานต่างจังหวัดให้เบี้ยเลี้ยงน้อยแถมโดนหักเงินอีก ได้วันละ 200 บาท โดนหัก 20 บาท เหลือ 180 บาท แต่มาเข้าบริษัทฝรั่งที่ให้ใส่ยีนส์ได้ เจ้านายให้เสนอความคิดเห็นและรับฟังลูกน้อง ไปทำงานต่างจังหวัดบริษัทให้เงินเบี้ยเลี้ยงระดับเป็นพันบาท กินอาหารให้เอาใบเสร็จมายื่นกับหัวหน้าที่แผนก บริษัทฝรั่งเขาไม่ได้สนใจว่าจะจบจากสถาบันมีชื่อเสียงดังแค่ไหน เขาสนใจตรงคนทำงานรับผิดชอบงานที่ทำได้ไหม ทำแล้วจบเรียบร้อย

นักเรียนไทยชายโดนบังคับให้ตัดผมสั้นเกรียน นักเรียนผมยาวขึ้นมานิดหน่อยโดนครูจับกล้อนผมแล้ว นักเรียนหญิงตัดผมเสมอติ่งหู หลายคนหน้าไม่รับกับทรงผม ครูก็ชอบชอบตัดผมนักเรียนหากยาวเกินหูมานิดเดียว หลายคนอึดอัดกับเรื่องนี้มาหลายสิบปี ขนาดนักเรียนโรงเรียนเอกชน ชายไว้ผมสั้นเกรียน นักเรียนหญิงไว้ผมยาวประหลังได้ แปลกดีเหมือนกัน นักเรียนชายโดนบังคับสั้นเกรียน

โรงเรียนไหนอิสระไว้ผมแต่งตัว ผมว่านักเรียนอยากมาเรียนทุกวัน ไม่อยากขาด อีกทั้งบรรยากาศการเรียนการสอนที่สนุกมีความสุข ครูต้องอบรมศีลธรรมความดีคู่ความรู้ด้วย

 

มีอิสรภาพได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องทำได้ทุกอย่าง เช่น ด่าคนข้างบ้าน เพราะอิสรภาพที่จะพูด อิสรภาพแบบนี้มันหมายถึงการตามใจตัวเองหรือเปล่า เช่น นักเรียนบางคนบอกว่าอยากให้โรงเรียนรับตนเองเข้าไปเรียนเพราะกฏหมายบอกเด็กทุกคนมีสิทธิได้เรียน แต่ทว่าตอนสอบเข้าสอบไม่ได้ ก็บอกแล้วว่าถ้าทำตามกด รร ไม่ได้ก็ไม่ได้เรียน แล้วพอผลสอบออกมาจะมาเรียกร้องอะไรก็ก่อนสอบ รร เขาบอกกดอยู่แล้ว

อย่างที่ จขกท พยายามบอกคือ ที่ว่าเอาฝรั่งมาอ้างมันไม่ใช่ มันเหมือน ถ้าบ้านเราสกปรก แต่เราบอกว่าบ้านนายแดงคนข้างบ้านสกปรกมากกว่า เราจึงไม่ต้องทำความสะอาดบ้านเราก็ได้ ที่เห็นๆกันคือ ตัดผมสันแล้วมันรักษาง่ายเด็กไม่ต้องพะวงกับสมผม ที่ฝรั่งเขาไว้ยาวเพราะมันหนาว ทุกๆคนต้องเคยมีเพื่อนที่เรียนเก่งแล้วคนพวกนั้นเขายอมรับกดได้ ใครๆก็รู้ แล้วทำไมเขาเรียนเก่ง อีกอย่างบ้านเราบริบทมันไม่ให้แบบเมืองอื่น ถ้าไว้ยาวที่เป็นๆกันอยู่คือเด็กต้องขอเลือกทรงผมอีกแหละ ในเมืองน่ะมันไม่มีปัญหา แต่ตามต่างจังหวัดเหามันเยอะ ถ้าเด็กชายไว้ยาวเด็กหญิงก็จะแบ่งเหาให้ด้วย(แบ่งกันเลี้ยงเหา) ในเมืองน่ะไม่ต้องทำอะไรโตไปงานอันดับแรกต้องมีประเภทออฟฟิด แต่ตามต่างจังหวัดต้องการเกษต นี้แหละความต่างใครๆในประเทศนี้ก็รู้ว่าทำเกษตมันต่อยตํ่า แต่มีใครปฏิเสธไหมว่าเกษตกรสำคัญกว่างานออฟฟิด ถ้าใครได้มีประสบการไปเกี่ยวข้าวจะรู้ว่าถ้าผมยาวเสร็จงานตลอดฤดูแล้วหัวคุณจะเป็นโรคเพราะมันหมักมม ลมผ่านไม่สะดวก ถ้าจะให้ไว้ตามส่วนๆเขตๆ มันก็เหมือนพี่น้องท้องเดียวกันได้ของจากพ่อแม่ต่างกัน พี่ได้มากกว่าน้อง คุณคิดว่ามันจะเป็นอย่างไร แล้วคุณปฏิเสธไหมว่า

 

น่าจะมีประเทศไทยที่เดียวในโลก ที่เด็กนักเรียนชายไว้ผมสั้นเกรียน อินโดนีเซียร้อนกว่าไทย นักเรียนไม่ไว้เกรียน ผมเห็นนักเรียนที่ไม่เกเรเรียนเก่ง พอจบออกไปไม่เคยกลับมาหาครู ไม่เคยมีความผูกพันโรงเรียนเลย เห็นแต่มีพวกที่เคยเกเรที่กลับมาหาครู มาช่วยโรงเรียน มาช่วยครู คนเก่งแต่ไม่เอาใครเลย ไม่มีมิตรสัมพันธ์ก็ไม่ไหว นึกถึงโรงเรียนสัตยาไส ที่สอนให้เด็กมีคุณธรรม พอมีคุณธรรมแล้วจะช่วยเพื่อน นักเรียนชายตัดผมสั้นเกรียน ตัดผมบ่อยกว่าคนไว้ผมรองทรงหรือยาวอีกครับ ตั้งแต่เด็กยันโตเห็นมานาน พอยาวนิดเดียวโดนครูจับกล้อนผมซะแล้ว

 

ถ้าพูดเรื่อง สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล งั้นแล้วพวก ทหาร นักโทษ ล่ะไม่คิดถึงเขาบางเหรอนั่นผมก็เกรียนเหมือนกัน เด็กไว้ผมสั้นดีแล้วบ้านเราเมืองร้อน ไว้ยาวบางทีเด็กก็ขี้เกียจสระผม ดีไม่ดี เหามาสร้างปัญหาให้อีก ไว้ขึ้นมัธยมปลายค่อยไว้ประมาณรองทรงก็ได้ ผมว่าสิ่งอะไรที่มันมีมาตั้งนานแล้ว และจะมาเปลี่ยนแปลงให้มีปัญหาทำไมทั้งๆที่มันไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้เลยที่ผ่านมา

 

ผมสั้นประหยัดแชมพูครับ

แห้งก็ง่าย

 

อันที่จริงการตัดผมสั้นก็มีส่วนช่วยในการคุมประพฤติ
เพราะเด็กไทยบางส่วนไม่รู้จักหน้าที่ของตน ชอบหนีเรียนเสมอ
หากเห็นผมเกรียน ๆ เดินอยู่ตามห้าง ตามสถานบันเทิงต่าง ๆ
ในวันปกติที่ไม่ใช่วันหยุด ก็เป็นที่สังเกตได้ว่า หนีเรียนมาแน่ ๆ
ถึงแม้จะเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย แต่ทรงผมก็จะเป็นจุดสังเกตประการหนึ่ง
ทำให้สารวัตรนักเรียนเรียกมาสอบถามดูได้

หากเด็กนักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เอาใจใส่ต่อการเรียน
เคารพในสิทธิเสรีภาพของคนอื่น มีระเบียบวินัย มีคุณธรรม รู้จักมารยาททางสังคม
รู้จักกาลเทศะ เรื่องทรงผม เรื่องเครื่องแบบ เครื่องแต่งกาย ต่าง ๆ ไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย

แต่ที่ต้องให้ตัดผม ใส่เครื่องแบบ ก็เพราะเป็นการฝึกระเบียบวินัย ฝึกเรื่องมารยาท กาลเทศะ ฝึกเรื่องการเคารพกติกาของสังคม หากแค่กฎกติกาในสังคมเล็ก ๆ คือ โรงเรียน ยังทำไม่ได้ ยังละเมิดอยู่เสมอ แล้วจะอยู่ในสังคมส่วนรวมได้อย่างไร

ก็เพราะขาดระเบียบ ไร้วินัย ทำอะไรตามใจตนเองอยู่เป็นประจำจนติดเป็นนิสัย ติดเป็นสันดาน บ้านเมืองจึงต้องวุ่นวายอยู่อย่างนี้มิใช่หรือ เพราะเด็กที่เป็นอนาคตของชาติไม่รู้จักบทบาทหน้าที่ของตน แล้วจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้าได้อย่างไร

ถามเด็ก ๆ สิว่าทำไมถึงต้องละเมิดกฎระเบียบวินัย ทำไมถึงต้องลองยาเสพติด
เด็กรู้ว่าไม่ดี มีโทษ ถามเขา ๆ ตอบได้ว่าไม่ดีอย่างไร แต่ทำไมถึงทำ ทำไมถึงละเมิด
เขาบอกว่า เท่ เป็นคนกล้าในหมู่เพื่อนฝูง เป็นจุดสนใจได้แสดงออกในทางที่ไม่ดี นี่ก็แสดงว่า การสั่งสอนไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตของตนเองได้เพียงเพราะต้องการ อวดเก่ง เท่านั้นเอง แล้วจะแก้ที่ตรงไหน

จะโทษครูว่าไม่สั่งสอนหรือไร ครูทุกคนบอก ครูทุกคนสอน แต่ถามก่อนว่า
ตัวของเด็กพร้อมที่จะรับและนำไปปฏิบัติหรือไม่ รู้จักหน้าที่ของตนเองหรือไม่
ยอมรับและปฏิบัติตามกฏระเบียบวินัยหรือไม่ อันนี้อยู่ที่ตัวของเด็กเอง
หากไม่ปรับปรุงตัว ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น

หากกำหราบด้วยอำนาจ ก็ยังพอที่จะดัดสันดานกันได้ ใช้อำนาจมากไปก็แข็งข้อต่อต้านอีก
ใช้พระคุณกำกับก็อ่อนลงได้ แต่ไม่นานก็ออกลายอีกเพราะไม่เกรงกลัว

ถ้ายังเป็นอยู่อย่างนี้อีก ๑๐๐ ปีข้างหน้าก็อย่าหวังว่าจะเจริญเท่าเทียมกับประเทศที่เด็กของเขามีระเบียบวินัย ให้สิทธิมากเกินไปสุดท้ายจะพาประเทศล่มจม เพราะอยากได้สิทธิจึงเอาเปรียบคนอื่น มีสิทธิพิเศษก็เบียดเบียนคนอื่น กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในที่สุด จริงหรือไม่ คิดดูเอาเอง

 

จริงมากผู้ใหญ่ต้องช่วยกันสอนเด็ก ให้บางอย่างมากก็เหมือนให้ท้าย ไม่ใช่การใช้อำนาจบาดใหญ่ คนเอาแต่ใจต้องดัดก่อนเพื่อเรียกสติกลับมา แล้วค่อยๆสอน ไม่ใช่ว่าการบังคับมันเป็นการเบียดบังสิทธิ แต่เพราะมันดีถึงให้ทำ สันดานสัตว์มันไม่รู้ประสาอะไรก็เป็นธรรมดาผู้ที่มีประสบารณ์มาก่อนสิต้องช่วยกันสอน ให้เด็กเป็นคนยึดมั่นในความดีเข้าไว้ ภายหน้าเขาจะได้มีหลักไว้คิดได้เอง การศึกษาไม่ใช่ต้องเรียนคณิตวิทย์เก่ง แต่ต้องสอนคุณธรรมไปด้วย สมัยนี้จะสอนกันเองในหลังคาบ้านน่ะยาก จึงต้องอาศัยครูนี้แหละสอน

ครูไม่จำเป็นต้องจบเกียรตินิยมอะไรมากขอแค่เป็นคนดีเป็นตัวอย่างให้เด็กก็พอ นี้แหละที่มาของคำว่าแม่พิมพ์ ถ้าจะให้ครูเป็นเพียงผู้ถ่ายทอดวิชาไว้ใช้หากิน แล้วสังคมคงมีแต่ตัวละครที่ถูกปั้นขึ้นมาเองเพราะไม่มีแม่พิมพ์ ใครจะปั้นให้ดีก็ปั้น ใครจะปั้นให้เลวก็ปั้น อย่างนี้สังคมจะไม่มีแต่ตัวละครที่เลวเหรอเพราะมันปั้นง่าย การที่มีแม่พิมพ์ที่ดีมันจะช่วยให้สังคมมีแต่คนดีเป็นส่วนมากด้วย ถ้าคนดีมากสังคมต้องสงบสุขแน่นอน

แต่ถ้าเป็นสังคมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แล้วจะหามุมไหนที่มีความสงบสุขได้ไหม เพราะตัวละครถูกปั้นออกมา แล้วแต่ใครจะปั้นไป ถ้าเกิดโชคดีมีคนปั้นตัวละครดีออกมาเยอะสังคมก็ดีไป แต่ถ้าปั้นออกมาไม่ดีจะว่ายังไง เพราะปั้นให้เลวมันปั้นง่าย คุณครูสมัยก่อนคุณธรรมสมเป็นครูมาก ครูที่อยู่สมัยนี้ส่วนมากก็เหมือนครูเรือจ้าง หาครูดีน่ะยาก ดังนั้นจึงต้องช่วยกันสร้างเด็กที่รักดี รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ไว้เยอะๆสิ


เพราะมันดีถึงต้องรักษาไว้ให้ลูกหลาน ถ้าจะเอาแค่พอดีให้ลูกหลาน ไม่กลัวว่าวันข้างหน้าถ้าลูกหลานไปเจอสิ่งเลวร้ายกว่านี้ลูกหลานจะไม่ลำบากเหรอ สิ่งที่มีอะไรที่เราทำให้ได้และมันดีที่สุดก็ต้องทำให้ลูกหลาน ยาดีมันก็ต้องขมเป็นธรรมดา
อยากให้ลูกหลานด่าตามหลังไปเหรอ
ตั้งแต่เห้นว่าการใช้ไม้เรียวเป็นการสอนให้ใช้ความรุนแรง แต่ว่าตั้งแต่เลิกใช้ไม้เรียวเด็กวัยรุ่นวัยเรียนมีสถิติในการทำสิ่งไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างกับเมื่อก่อน ที่จริงการใช้ไม้เรียวมันเป็นการฝึกหัดให้มีสำนึกว่าทำผิดต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง(เจ็บเอง) ให่เจ็บในห้องดีกว่า ถ้าเขาไม่เคยได้ถูกดัดนิสัยบ้างโตขึ้นในสังคมถ้าเขาทำผิดเขาก็ได้รับโทษอยู่ แต่ว่าสิ่งที่เขาทำไว้มันส่งผลต่อคนอื่นอย่างมากด้วย ทั้งมันยังหัดให้เด็กเป็นคนยับยั้งชั่งใจด้วย แล้วมันก็ฝึกครูด้วย เพราะครูที่จะตีเด็กต้องรู้ถึงความจริงว่าเด็กผิดจริง ใครว่าครูที่ใช้ไม้เรียวจะเป็นคนโหดเหี้ยม กลับกันครูพวกนี้กับเป็นคนมีเมตตาเสียมากด้วยซํ้า คนที่เคยด้วยไม้เรียวตอนเด็กกลับรู้สึกรักครูคนนั้นในตอนโตขึ้นมามากเสียอีก เพราะการตีคุณครูต้องมีเมตตาด้วยที่ตีเพราะอยากให้ลูกศิษย์ได้ดี ถ้าตีเพราะความเกลียดนักเรียนคงไม่มีครูคนไหนอยู่ได้ ตอนเรียนเด็กๆนักเรียนก็เกลียดครูกันทุกคนน่ะแหละ แต่พอโตขึ้นก็กลับรักครูที่ชอบบ่นๆ เจ้าระเบียบเสียอีก ในสังคมที่เรามีระบบการเงินเป็นตัวควบคุม ไม่ใช่ระบบพี่น้องแบบเมื่อก่อน เรายิ่งต้องฝึกหัดตนเองดีๆไว้ตั้งแต่เด็ก ความทุกข์ที่มันเหลือทนมันจะหลอมคนให้เป็นยอดคนที่ดี

 

ผมมองว่า มันแล้วแต่มุมมอง ถามว่าอันใหนถูกผิด อันนี้แล้วแต่ว่าเราเข้าใจ
สังคม และโครงสร้างเชิงอำนาจหรือเปล่า

เรื่องนี้ ถ้ามองจากมุมของอำนาจนิยม ในแบบที่ผู้หลักผู้ใหญ่ส่วนมากในบ้านเรามอง
ก็จะบอกว่า เพื่อความเป็นระเบียบ เรียบร้อย สวยงาม หน้าที่ของเด็กคือแค่ปฏิบัติตาม
แต่อย่าลืมว่า เมื่อใหร่ก็ตามที่เด็กเริ่มตั้งคำถาม เด็กเหล่านี้ก็จะถูกมองว่ากระด้างกระเดื่อง
เป็นเด็กเกเร
ซึ่งการครอบงำเหล่านี้ มันถูกปลูกฝังมาทำให้สังคมไทย ไม่กล้าที่จะพูด แสดง ตั้งคำถาม
ดังที่คนหลายคนมักประชดว่า ห้ามคิด ห้ามถาม ห้ามสงสัย
สิ่งที่คนทำได้คือการบ่น กระบวนการเหล่านี้มันจึงไม่เคยนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดตรงประเด็น ซึ่งวัฒนธรรมทางการครอบงำเหล่านี้ยังทอดเงาไปสู่วัยมหาวิทยาลัย ผ่านกระบวนการรับน้อง และวัยทำงาน นี่ยังไม่นับระบบราชการอีกมากมาย

ถ้ามองในมุมมองเสรีนิยม การไว้ผมหรือตัดสั้นเกรียน ควรเป็นทางเลือกที่เด็กหรือใครสามารถใช้ตัดสินตามความต้องการของตนได้ แต่การเลือกนี้ ต้องมาจากความเข้าใจ ซึ่งนั่นหมายความว่า เขาต้องเรียนรู้ มีสติปัญญาพอที่จะเลือก และมีเหตุผลที่ดีพอ และเมื่อเลือกแล้ว ผู้อื่น รวมถึงผู้มีอำนาจต้องเคารพการตัดสินใจ เคารพตัวเลือกของปัจเจกบุคคลเหล่านี้
สิ่งสำคัญคือการสร้างวุฒิภาวะแก่ปัจเจกบุคคลผ่านการศึกษาและให้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน
ซึ่งนี้โยงไปถึงทุก ๆ เรื่องในการใช้ชีวิตเช่นกัน ทั้งมาตราฐานทางศีลธรรม ปรัชญา การเมือง ศาสนาที่ไม่มีใครสามารถตัดสินใครได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือเรามองด้วยความเข้าใจ และเคารพสิทธิของกันและกัน

 

ผมสั้นก็สบายหัวดีนะ

 

ติ่งเกรียนดีกว่านะ มันจะได้ระลึกถึงความหลังตอนเด็กได้มันทำให้เราดูเด็กดีนะ

เดี๋ยวยังไงก็ผ่านไปได้พออยู่ประมาณม.ปลายก็สบายแล้วแหละ

 

งานนี้เกรียน...ขอร้อง



เกรียน-วิกิพีเดีย

 

ยุคนี้กฏหมู่เหนือกฏหมาย

 

เอาล่ะ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของฅนไทยทั้งประเทศ เพราะงั้นต่อไปนี้ต้องออกกฏหมายว่า...
ชายไทยทุกฅนต้องตัดผมสั้นเกรียนทุกๆต้นเดือน
หญิงไทยต้องตัดผมทรงกะลาครอบให้เห็นติ่งหู

แล้วลองมาดูว่าพวกผู้ใหญ่ที่ชอบบังคับให้ผู้อื่นปฏิบัติตามกฏ(ที่ตัวเองตั้งขึ้น)จะว่ายังไงบ้าง...