เรื่องเด่น ตำนานรักเลือด เรื่องผี ที่ดังเรื่องชื่่อที่สุดของยุโรป

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 3 ธันวาคม 2012.

  1. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,726
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    ติดตามอ่านเรื่อย ๆ ค่ะ สนุกมากเลยblack_pig
     
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เดี๋ยวจะเอามาลงอีกนะคะ จะลองหาเรื่องที่น่าสนใจ กระเทาะแก่นกิเลสมนุษย์แบบแรง ความจริงแล้วมีที่น่าสนใจหลายเรื่องแต่ ต้องเอาที่เกี่ยวกับผีด้วย จะได้ให้เห็นว่าเวลาคนเราทำชั่วหรือทำอะไรผิดพลาด ไม่ดีแล้วนี้ มันจะส่งผลกระทบหลังความตายยังไง;k04
     
  3. taiie

    taiie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอบคุณครับ
     
  4. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    รอติดตามนะครับ
     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานเลือด วิญญาณ อาถรรพ์

    เคาเตส แห่ง เซาลิสบูรี่ ดวงวิญญาณที่มีโศกนาฏนาศกรรมอันสยดสยอง


    [​IMG]


    โปรด ล็อคอิน ก่อนไม้เช่นนั้น ภาพและเพลงไม่ขึ้น

    เคาเตสแห่งเซาลิสบูรี่นั้นมีนามเดิมว่า เลดี้ มากาเล็ต โปล นางสืบทอดเชื้อสายมาจากกษัตริยแห่งราชวงค์ แพลนตาเจเน็ต ราชวงค์ผู้มีอำนาจดั้งเดิมมาตั้งแต่สมัยชาวอังกฤษยังเป็นชนเผ่าป่าเถื่อน ซึ่่งยุคของ พระนางนี้เองที่กำลังจะถูกโค่นเพื่อเข้าสู่ราชวงค์แห่งยุคใหม่




    [​IMG]



    นางเกิดในยุคระหว่างรอยต่อของยุคมืด และยุคคลาสสิก ในรุ่น พระนาง อิซาเลล่า เนวิล มารดาของนางนั้นจัดว่าเป็นยุคสิ้นสุดยุคกลาง ซึ่งแฟชั่นในสมัยยุคกลางและยุคมืดหรือที่บางคนเรียกยุคอัศวินนั้น นั้นจะต่างจากยุคคลาสสิก ยังคงอิงความธรรมชาติตามแบบยุโรปตะวันตกอยู่ โดยนิยมสตรีที่มีรูปร่างผอมบาง ผมยาวหยักศกเป็นคลื่น ยาวมากๆจรดข้อเท้า หรือยาวจนนั่งทับผม ได้ และถักเปีย ประดับด้วยเน็ตหรือไหม


    [​IMG]



    ชุดแต่งกายของสตรีในยคมืดและยุคกลางจะ เรียบร้อยมิดชิด ไม่ฟู้ฟ่า เป็นชุดกระโปรงเรียบๆเข้ารูป ร่างผอมเพรียวและ ยาวกรอมเท้า ไร้กระโปรงสุ่มภายใน และแขนยาวมีชายแขนเสื้อห้อยย้อยเป็นถุง คอมิดชิด ไม่นิยมผู้หญิงที่โชว์เนินอกเพราะถือว่า ไม่สุภาพและน่าเกลียด ผิดกับการแต่งกาย ยุค เรอเนสซองซ์ และ ยุคคลาสสิกที่เริ่มมีแฟชั่นโชว์เนินอก และมีสุ่มใต้กระโปรงให้ดูฟองฟู ฟู่ฟ่า จากอิทธิพลทางยุโรปใต้และรูปปั้นพวกกรีก โรมันและแขกขาว ที่มีอารยะธรรมชื่นชอบเรื่อง นิยมคน รูปร่างสมบูรณ์

    ผู้หญิงในยุคกลางจะถักเปียและคลุมด้วยเนตเสมอ และไม่ให้ใครเห็นผมอันยาว หรือเนื้อตัวของนาง หรือแม้แต่เท้า จะมีผ้าคลุมผม เรียกว่า วิมเพิลคลุมเสมอเวลาออกนอกบ้าน, ผู้หญิงรูปร่างผอมระหง ไม่มีหน้าอก, แลดูคล้ายเด็กสาวรุ่นๆเป็น ไอเดียลของความงาม


    ยุคที่ เคาเตส เซาลิซบูรี่ กำเนิดนั้นเป็นช่วงต่อระหว่างกำลังจะออกจากยุคกลางสู่ยุคที่ได้รับอิทธิพลของยุคเรอเนสซองซ์ค คือสมัยของ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ซึ่ง สังเกตได้จากเสื้อผ้าของบรรดามเหษีของเฮนี่ที่ 8 ที่เริ่มมีกระโปรงทรง ระฆัง หรือกระโปรงที่แลดูพองออกแล้วนั้นเอง ตลอดจนคอเสื้อจะกว้างขึ้นและมีคอเซ็ตรัดเอว




    เคาเตส เซาลิสบูรี่ ในวัยเด็กนั้นต้องสูญเสียมารดาและน้องชายไปอย่างน่าประหลาด จากการถูกรอบสังหารซึ่งไม่สามารถเอาผิดตัวคนทำได้ บิดาของนาง ท่าน ดุ๊ก แห่ง เคลียแรนซ์ โศกเศร้าเสียใจมาก จนลงไม่ลงมือ ฆ่าคนรับใช้ของเขาไปสองคนฐาน วางยาเลดี้และบุตรชาย ทั้งที่คนรับใช้นั้นไม่ได้เป็นคนทำ



    ครั้นเมื่อโตอายุ สิบขวบ บิดาของนางก็ถูกพี่ชายของตัวเองสังหารตายในวัยหนุ่มซึ่งมีอายุเพียงแค่ 28 ปีเท่านั้น ท้าวความเกี่ยวกับบิดาหนุ่มของนางนั้น เดิมทีเขามี พี่ชายคนโตคือ เอ็ดเวิร์ดที่ 4, และน้องชายเล็กคือ ริชาร์ดที่ 3, ซึ่ง บิดาของนาง หรือ ท่านดุ็ก จอร์ช ก็ ให้ความเคารพสนับสนนพี่ชายคนโตให้เป็นกษัตริย์เสมอมา...... แต่ก็ด้วยเหตุที่เขาบังเอิญไปแต่งงานกับ เลดี้ อิซาเบลล่า แห่ง เนวิล (มารดาของ มากาเล็ต/เคาเตส เซาลิซบูรี่ นางเอกของเรื่องขณะนี้) ผู้ซึ่งมีบิดาที่มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ดองกับลูกสาวของ กษัตริย์ เฮนรี่ที่ 7แห่ง ราชวงค์ ทิวดอร์ (พ่อเฮนรี่ที่8 จอมเจ้าชู้ที่ฆ่าเมียตายหลายคน)

    ทำให้ พ่อตาของท่านดุ็ก บอกให้ท่านดุ็กมาเข้าพวกตนเสีย เพื่อชิงบัลลังก์ให้กษัตริย์ เฮนรี่ที่ 7 จาก, เอ็ดเวิร์ดที่ 4 พี่ชายคนโตของท่านดุ๊กเอง, ท่านดุ๊กทำตามพ่อตาเพราะรักเมีย เลยยอมทรยศพี่ชาย โดยครั้งแรกเขาไดร่วมกับ


    [​IMG]


    เอิร์ล แห่ง เวอร์วิก พ่อตาของตน กับ กษัตริย์เฮนรี่ที่ 7 รบเพื่อขยายดินแดนที่ฝรั่งเศส โดยพาเมียรักซึ่งท้องแก่ไปเข้าค่ายทหารด้วยกันที่ฝรั่งเศสด้วยม ปรากฏว่าชนะ แต่เมียของเขาหรือ
    เลดี้ อิซซาเลล่าครอดลูกออกมา และลูกตายหลังจากนั้นไม่กี่วัน ซ้ำร้าย พ่อตาของเขาดูจะมีท่าทีเอ็นดู ลูกเขยที่เป็นบุตรของกษัตริย์
    เฮนรี่ที่ 7 ที่เป็นสามีของลูกสาวคนเล็กหัวแก้วหัวแหวนมากกว่ามากกว่า และมีแนวโน้มว่าจะได้ครองบัลลังก์คนต่อไป มิใช่เขา



    [​IMG]



    ครั้นพอกลับมาอังกฤษก็โดนผีซ้ำดั้มพลอย เขาโดนริชาร์ดที่ 6 น้องชายคนเล็ก

    จับกุมข้อหาทรยศต่อ เอ็ดเวิร์ดที่ 4 กษัตริย์ผู้พี่คนโต, ท่านดุ็กโดนเอาไปขังในคุก ที่ ทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอน ให้หลังก็โดนสั่งฆ่าอย่างเงียบๆในนั้น โดยฝีมือน้องชาย ซึ่งให้ประกาศไปว่าเขาป่วยตายเอง เพื่อจะได้ดูไม่น่าเกลียดเกินไปว่าฆ่าพี่ตัวเอง



    หลังจากกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดพี่ชายคนโตเสียชีวิตนัยวัย40 ด้วยป่วยหนักเพราะไม่ค่อยพักผ่อน

    ริชาร์ดที่ 6 น้องชายคนเล็กออกจดหมายยืนยันว่าลูกๆของเอ็ดเวิร์ดนั้นเกิดจากหญิงนอกสมรสไม่สามารถเป็นกษัตริย์ได้หลังจากนั้นก็ปราบดาตนเองเป็น กษัตริย์ริชาร์ดที่ 6


    [​IMG]


    เรื่องราวของเคาเตส เซาลิซบูรี่ เข้ามาเกี่ยวข้องก็ตรงนี้ ในฐานะที่พ่อของนางเคยไปให้การสนับสนุนพวกของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 7 หลังจาก เฮนรี่ที่ 7 ได้สังหาร ริชาร์ด ลุงเล็กของเธอ และเปลี่ยนอังกฤษเป็นราชวงค์ใหม่แล้ว พระองค์ได้ยื้นข้อเสนอให้นางแต่งงานกับ เซอร์ ริชาร์ด โปล์ ลูกชายของน้าสาวของพระองค์ ซึ่งสนับสนุนพระองค์ และนั้นก็เหมือน การดองกันระหว่างราชวงค์
    ทิวดอร์ กับพวกสายเลือดกษัตริย์เก่า แพนตาเจเน็ต อย่างพระนาง.... การแต่งงานทางการฑูตนี้เพื่อจะให้แน่ใจว่า กษัตริย์สามารถจะควบคุมนางได้


    ปัญหาเริ่มมาเกิดขึ้นเมื่อ ลูกชายของนางกับท่านเซอร์ นามว่า เรจิโนลว์ โตขึ้นและถูกส่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
    ปาดัวร์ ประเทศอิตาลี ที่อายุราว 850 ปี

    และขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ผู้มีอาวุโส ลูกผู้รากมากดี คนชั้นสูงจะต้องเคยไปเยือน นครอิลาลี่เพราะเป็นแหลงศูนย์รวมของศาสนาคริตส์นิกาย คาธอลิก
    มีสันตปาปาเป็นจักรพรรดิ และมีอำนาจสูงสุดของ ยุโรป ควบคุมเกมส์กษัตริย์องค์ต่างๆในแต่ละประเทศ, ไม่ให้นอกลู่นอกรอย
    ( ซึ่งในสมัยพระนางอลิซาเบธที่ 1ทรงแสดงความกล้าหารว่า อังกฤษไม่จำเป็นต้องขึ้นกับสันตปาปาแห่งโรมันอีกต่อไป และนิกาย โบสถ์อังกฤษ ก็เกิดขึ้นมาในสมัยพระนาง คือ ไม่ขึ้นกับสันตปาปา)

    เรจิโนลว์ลูกชายของนาง มีเพื่อนเป็นนักปราชญ์ ชาวอิตาเลี่ยนมากมาย เขาให้ความสนใจในศาสนา จนได้เป็น
    อาร์คบิชอฟแห่ง แคนเธอเบอรี่ ชาปุยได้ให้การว่าเขากำลังล่อแหลมในการล้ม กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ลูกของเฮนรี่ที่ 7 ผู้มีพระคุณต่อ
    เคาเตส เซาลิสบูรี่

    เฮนรี่ที่ 8 ผู้ลูกนั้น ขึ้นชื่อเรื่อง กะขระโสมม ทรงไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง เจ้าชู้ คบหญิงไม่เลือกหน้า ว่ากันว่าลูกนอกกฏหมายของพระองค์นั้นมีเป็นตับ ทรงรำคาญสันตปาปาแห่งกรุงโรมที่บังคับให้พระองค์ทำนั้นทำนี้ตาม ครั้งแรกทรงปรารถนาจะแต่งกับ พระนาง แคทลีนแห่ง อาเรกอน เจ้าหญิงผู้ม่ายขันหมากที่สันตะปาปาส่งมาหาให้แต่งกับอาเธอร์พี่ชายของเฮนรี่, แต่อาเธอร์เกิดป่วยตายไปเสียก่อน นางจึงหม้ายขันธ์หมากตั้งแต่วันแรกที่ย่างมาอังกฤษ เฮนรี่จึงเสนอจะขอแต่งงานกับนางแทน, ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่น่าเกลียดมากที่จะ เอาเมียพี่ชายตัวเอง


    ลูกชายทั้งสองของเคาเตส เซาลิซบูรี่ อันได้แก่ เจฟฟรี่ และ เรจิโนลว์ ผู้อยู่ฟาก คาธอลิก กรุงโรม จึงโต้แย้งการกระทำของกษัตริย์ เฮนรี่ ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการแสดงออกว่าเป็นปรปักษ์ ในครั้งนั้นก็มีการอะลุ่มอะหลวยเกิดขึ้น เฮนรี่ได้รับอนุญาติให้แต่งงานกับ เจ้าหญิง คทธาลีน แห่ง สเปน ผู้ซึ่งเคร่งคาธอลิก เต็มปะตู ด้วยเหตุนี้เองหลังจากการแต่งงานกับกษัตริย์ ผู้กะขระ อย่างเฮนรี่ไปสักระยะ


    นางก็ทนในพฤติกรรม ของพระองค์ไม่ไหว ไม่ว่านางจะเอาใจพระองค์ อย่างไร ก็ยังทรงมีเมียน้อย ในที่สุดกษัตริย์ เฮนรี่ก็ทรงเบื่อ ภรรยาเก่าแก่ของพระองค์ ในเวลานั้น เลดี้ แอนน์ โบลีน กำลังเรื่องชื่อเรื่องที่พระนางทรงมีรูปงามแปลกตา สไตน์ สาวต่างชาติ ด้วยผมสีดำสนิทยาวตรง รูปร่างเล็กตาโต สไตน์เหมือนสาวยุโรปทางตะวันออก หรือลูกครึ่ง ทรงประสงค์จะหย่าจาก พระนาง
    แคทเธอลีน ภรรยาเก่าที่บัดนี้ทั้งแก่ อ้วน และเตี้ย แต่ก็โดนปฏิเศทโดยสันตะปาปาซึ่งจะถือว่าอังกฤษเป็นเมืองเถื่อนถ้า จะหย่ากับพระนางแคทเธอลีน ผู้สนับสนุน คาธอลิก

    [​IMG]

    เมื่อนั้นเองที่บรรดาลูกชายของ เคาเตส เซาลิสบูรี่ที่ล่ำเรียนวิถีทางการเมืองอยู่ที่อิตลี ออกมาประนามการกระทำของเฮนรี่ทั้งยังร้องเรียกให้ บรรดา กษัตริย์ ในประเทศทั่วยุโรป ออกมา บอยคอด กษัตริย์ เฮนรี่ อีกด้วย

    เฮนรี่ที่ 8ไม่พอใจกับการกระทำของพวกลูกชายของ เคาเตส เป็นอย่างยิ่ง ใน
    คราแรก เฮนรี่ที่ 8ยังทรงเกรงใจในตัวนาง และเขียนจดหมายบอกนางให้ปรามๆลูกชายของนางให้หยุดการระทำที่จะขัดขวางพระองค์ไม่ให้แต่งงานกับ แอนน์ โบลีน สาวงามเรื่องชื่อในเวลานั้น

    เคาเตสผู้นอบน้อมทำตามพระองค์บอก นางได้เขียนจดหมายไปตำหนิลูกชาย เรจิโนลว์ ที่อยู่อิตาลี แต่ลูกชายก็หาฟังนางไม่ ในภายหลังพรรคพวกของกษัตริย์ เฮนรี่ สืบพบว่า พวกที่อิตาลีวางแผนการชื่อ "พิวกริ้ม ออฟ แกรซ : การแสวงบุญเพื่อความถูกต้อง" ซึ่่งเนื้อหาสำคัญของแผนนี้คือ การให้ ศาสนจักรโรมันยึดอำนาจเนือ รัฐบาลของกษัตริย์ เฮนรี่ และขัดขวางการแต่งงานของพระองค์กับ
    แอน โบลีน

    แน่นอน กษัตริย์ไม่สามารถจะลงโทษ หรือดำเนินการ เรจิโนลว์ ลูกชายของ
    เคาเตส ได้เพราะ ตัวเขาอยู่ที่อิตาลีตลอด จึงมีคำสั่งให้จับ เคาเตส เซาลิซบูรี่ กับ ลูกชายคนอื่นๆ อันได้แก่ ลอร์ด มองตาคิว,
    เซอร์ จอฟฟี โปล, และ ลูกพี่ลูกน้อง มาควิส เอ็คซิเตอร์ แทน

    ระหว่างสอบปากคำ จอฟฟรี โปล ได้รับการให้อภัยเพราะให้การที่เป็นประโยชน์ แต่อื่นๆยังโดนจับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    เคาเตส เซาลิสบูรี่ หัวอกแม่คนหนึ่งที่นางไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่รู้เรื่องการเมืองใดๆ และโอนอ่อนตามใครๆเสมอ กลับต้องมาโดนจับเพราะลูกชาย นาง และคนอื่นโดนตัดสินให้ปะหารชีวิต
    ทั้งหมดโดนปลด ยศนำหน้านาม และโดนริบที่ดิน


    [​IMG]


    เคาเตสโดนจับขังไว้ที่ ทาวเวอร์ออฟ ลอนดอน เป็นเวลา 2 ปีกับอีกครึ่งปี บรรดาคนรับใช้ที่สนิทสงสารและนำของมาให้นางที่คุก ระหว่างรอความตายนางได้เขียนกลอน และฝังไว้ที่ผนังคุก และแล้วในวันที่ประหารนางโดนจับมาประหารอย่างเป็นการส่วนตัวโดยไม่ต้องโชว์ทาระกำนันในตลาด เพราะนางเป็นผู้มีศักดิ์ แต่กระนั้นก็มีบรรดาผู้ตัดสินและพยานซึ่งเป็นชนชั้นสูงราว 150 คน มาดูการประหารอย่างเป็นการส่วนตัวของนาง

    โศกนาฏตกรรมของนางถือว่าสยดสยองกว่ารายอื่นๆ เพราะนางพยามโยกตัวหนีการตัดคอตลอด จนเพรชฆาต จามผิดจามถูก และใช้เวลานานมาก เพชรฆาตต้องจับนางไว้เอาหัววางบนท่อนบล็อค แต่ก็จามพลาดไปโดนบ่าของนางจนหลุด ในขณะที่นางยังไม่ตาย กล่าวกันว่านางกระโดดหนี เลือดไหนสาดไปทั่วผมสีทองขาวของนาง จนเป็นสีแดง พร้อมทั้งวิ่งกีดร้องไปทั้ว ตะแลงแกงประหาร เพชรฆาตได้ทำการจามคอนางถึง 11 ครั้ง กว่าจะกระทำการสังหารทรมารทรกรรมนี้ให้ลุล่วงไปได้ ถือว่าเลือดสาดเลยทีเดียว

    วิญญาณของนางติดเป็นหนึ่งในวิญญาณสุดเฮี้ยนของ ทาวเวอร์ออฟ ลอนดอน


    [​IMG]


    dannce_


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2449872/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  6. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    โศกนาฏกรรมพี่เลี้ยงเด็กแห่งปราสาทเทพนิยาย

    โศกนาฏกรรมพี่เลี้ยงเด็กแห่งปราสาทเทพนิยาย


    [​IMG]


    โปรด ล็อคอิน ก่อนไม้เช่นนั้น ภาพและเพลงไม่ขึ้น

    ปราสาท อัลคาซ่า เป็นเหมือนไอเดียลของต้นแบบปราสาททรงเทพนิยายในนิทานของเด็ก ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของสเปนบนเทือกเขาพีเรนีส ระหว่าง ฝรั่งเศสกับสเปน นักท่องเที่ยวบางคนถ่ายรูปติดวิญญานที่ด้านนอกปราสาท จะมีสักกีคนที่รู้ถึงโศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นที่ปราสาทนี้เมื่อนานมาแล้ว กษัตริย์เสปนพระองค์หนึ่งได้ให้ให้หญิงสาวนางหนึ่งรับหน้าที่พี่เลี้ยงของเจ้าชายน้อยวัยแบเบาะ

    [​IMG]

    มีอยู่มาวันหนึ่ง นางได้อุ้มเจ้าชายน้อยไปชมวิวที่เฉลียงของปราสาท ไม่ด้วยจะเหตุผลกลได้ให้ทราบได้ เจ้าชายน้อยได้ดิ้นจากอ้อมแขนของนางและตกจากเฉลียงสู่ป่าด้านล่าง พี่เลี้ยงเด็กเสียใจมาก ตลอดจนกลัวการลงฑัณฑ์ทรมาน นางจึงตัดใจกระโดลงจากเฉลียงปราสาทลงไปตายตามเจ้าชายน้อยนั้น หากท่านได้ไปปราสาทนี้ อาจโชคดีได้เห็น เหตุการณ์ ซ้ำรอยของพี่เลี้ยงสาวเป็นเงาดำหล่นตุบลงมาจากเฉลียงก็เป็นได้


    :boo::boo:

    [​IMG]




    .....



    ผีดิบ แฟรงเก้นสไตน์ เรื่องจริงหรืออิงนิยาย


    [​IMG]


    หากพูดถึงชื่อแฟรงเก้นสไตน์ ทุกคนจะนึกถึงงานเขียนนิยายแนวโกธิคสุดกะเทาะแก่นอสุภะ ของแมรี่ แชลลี้ ซึ่งมีเนื้อเรื่องเกิดขึ้นราว คตวรรษที่ 17 เกี่ยวกับนักเรียนแพทย์ผู้สูญเสียมารดาไปตั้งแต่เด็กหลังจากนั้นเขาก็พยายามทำทุกอย่าง และทดลองทางวิทยาศาตร์เพื่อจะทำอย่างไรไม่ให้คนตาย โดยไปขโมยตำราลับของอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งที่รู้สูตรนี้มาจากหลักทางธรรมชาติโบราณของแพทย์จีนโบราณ, นักเรียนแพทย์หนุ่มจึงได้เริ่มทดลองจากการขโมยศพในสุสาน และใช้อวัยวะกับสมองของอาจารย์แพทย์ ที่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตกระทันหัน และเป็นเจ้าของตำราชุบชีวิตคนตายนั้น


    [​IMG]


    แต่ชีวิตใหม่ที่ได้มาคืออีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนเดิม หาใช่ความรู้สึกนึกคิด จิตใจคนเดิมของอาจารย์หมอไม่เขาตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตนี้ตามนามสกุลของเขา คือ แฟรงเก้นสไตน์ แม้ว่าสิ่งมีชีวิตนี้จะมีสมองของอาจารย์หมอก็ตาม แต่แฟรงเก้นสไตน์ ก็ฉลาดมากเหมือนอาจารย์หมอ เพราะส่วนสมองของแฟรงเก้นสไตน์นั้นได้ได้มาจากศพอาจารย์หมอ, แต่ส่วนอื่นๆของร่างมาปะกันจากศพนักโทษบ้าง และขาเป๊......แต่แล้ววันหนึ่งวิคเตอร์ หรือนักเรียนแพทย์ตัวเอกของเรื่องนึกว่าแฟรกเก้นสไตน์ได้ตายไปแล้ว.....เขาจึงออกเดินทางกลับบ้าน โดยหารู้ไม่ว่าแฟรงเก้นสไตน์นั้นได้ออกเดินทางตามหาเขา บุคคลคนเดียวที่เปรียบเสมือนพ่อผู้ให้ชีวิตแก่เขา ระหว่างเพราะว่าใบหน้าน่าเกลียดเหมือนศพทำให้ต้องหลบซ้อนตัวและ แฟรงเก้นสไตน์ได้เรียนรู้ชีวิตว่ามนุษย์นั้นโหดร้าย


    [​IMG]

    ในขณะที่เมื่อเขาพบนักเรียนแพทย์ผู้สร้างเขา กลับพยามหนีเขาเพราะนึกว่าแฟรงเก้นสไตน์ สังหารน้องชายเด็กขวบของเขา หลังจากชีวิตอันขมขื่นได้ทำให้แฟรงเก้นสไตน์กลายเป็นคนเลวและแค้นวิคเตอร์ นักเรียนแพทย์ ผู้สร้างเขาขึ้นมา เขาเหงาและอยากมีเพื่อน และรู้สึกอิจฉาที่ วิคเตอร์มีครอบครัวและแฟน แต่เขาไม่มี จนกระทั้งวันหนึ่งแฟรงเกนสไตน์ได้ไปหาวิคเตอร์และต่อรองกับเขาว่าเขาจะหนีไปอยู่ขั้วโลกเหนือที่ที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาหนีคนที่กลัวเขา แต่มีข้อแม้ วิคเตอร์จะต้งสร้าง ภรรยาให้เขาซึ่งจะต้องมีใบหน้าน่าเกลียดเป็นผีดิบเหมือนกันเพื่อที่เธอจะได้เข้าใจหัวอกเดียวกัน



    [​IMG]



    แต่วิคเตอร์ปฏิเศษเพราะไม่อยากทำอะไรผิดศิลธรรม แฟรงเกนสไตน์จึงแกล้ง
    วิคเตอร์ ในคืนวันที่วิเคเตอร์แต่งงาน เขาได้ฆ่าเจ้าสาวของวิคเตอร์เสียและผลักหัวของเธอลงบนเปลวไฟ ทำให้หน้าเธอเละ และผมหัวโกร่นเหวอะหวะ เขารู้ว่าวิคเตอร์นั้นรัก ผู้หญิงคนนี้มากและไม่มีทางยอมเสียเธอไป และแล้วสิ่งที่

    แฟรงเก้นสไตน์คาดไว้ก็ถูกต้อง วิคเตอร์นำเธอมาทำให้คืนชีพเป็นผีดิบ เพราะเขาไม่อยากให้เธอตาย แต่สิ่งที่ปรากฏคือ หญิงสาวพูดไม่ได้และเมื่อมองตัวเองในกระจก นางก็แทบช็อคที่เห็นใบหน้าอันปุปะ น่ากลัวคล้ายศพ เธอหวีดเสียงพร้อมน้ำตาในขณะที่ ทั้ง
    วิคเตอร์ และ แฟรงเก้นสไตน์ ต่างพยามจะแย้งเธอมาเป็นของตัวเอง หญิงสาวคว้าตะเกียงได้ก็ทุ่มใส่ร่างของตัวเองก่อนไฟจะเผาเธอทั้งเป็น เธอวิ่งตกจากฉะเลียงลงไปตายด้านร่าง เพราะไม่อาจอยู่ได้โดยที่มีหน้าตาเหมือนศพ



    [​IMG]

    เรื่องจบลงด้วยการตายหมด ซึ่งนักวิจารณ์ได้ให้ความเห็นว่าแมรี่ แชลลี้ แต่งโศกนาฏกรรมนี้ขึ้นมาลังจากที่นาง สูญเสียสามีไปกับการเดินเรือหายตัวไป ไม่กลับมาอีก คาดกันว่าเรือโดนพายุล่ม แชลลี้จึงมีอาการโศกเศร้าหลอกหลอน และระบายมันกับนิยายที่เธอเขียน


    แต่แฟรงเก้นสไตน์ตัวจริงนั้น ก็มีชีวะประวัติที่มีส่วนว่าเป็นเหตุให้ นาง แชลลี้นำมาเขียนเป็นนวนิยาย, ปราสาท แฟรงเก้นสไตน์สร้างสร้างโดย ลอร์ด คอนราด วอน แฟงเก้นสไตน์ ที่2 ในศตวรรษที่ 12โดยตระกูล แฟงเก้นสไตน์ โดยต้นตระกูลนั้นเป็น อัศวิน ที่เกิดในยุคมืด คศ 9 นามว่า อาโบแกส วอน แฟรงเก้นสไตน์ จนเป็นที่เรื่องลือ กระทั้งพวกโกท ฮันเตอร์ได้ไปทำการล่าผีที่นั้น

    [​IMG]

    ปราสาทนี้เรื่องชื่อพราะมีคนตายมาพันปีแล้ว แถมในยุคศตวรรษที่ 19 ลูกหลานของตระกูล คือ คอนราด ดิปเปอร์ วอน แฟรงเก้นสไตน์นั้นชอบทดลองวิทยาศาสตร์กับศพ และ เขาก็คือวิคเตอร์ในงานเขียนของ แมรี่แชลลี้ ทุกวันนี้เชื่อกันว่ามีผี ของศพที่โดนเอาไปทดลองสิงค์อยู่ในปราสาท ตลอดจนเฉลยที่โดนทรมาณในคุกสมัยยุคกลางที่ใต้ปราสาท และ อัศวินในสมัยโบราณ ตลอดจนวิญญาณหญิงสาวเปลือยนามว่า แอนมารี ซึ่งถูกฆ่าในปราสาทและออกตามหาแฟนของเธอ

    ทั้งหมดเจอเหตุการณ์ประหลาดมากมายแม้แต่ได้อัดเสียงประหลาดที่กล่าวชื่อของ อาร์โบ อัศวินต้นตระกูลของผู้สร้างปราสาท





    :boo::boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    วิญญานสาวแห่ง แอมเบอร์เล่ ฮอล


    [​IMG]


    แอมเบอร์เล่ ฮอล เดิมทีแล้วเป็น คฤหาสน์ของ เศรษฐีในยุคกลาง จนกระทั้งในสมัย พระนางอลิซาเบธที่ 1 ได้กลายมาเป็นที่อยู่ของบิชอฟท่านหนึ่ง และนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องฉาวที่นำไปสู่เรื่องราวสยดสยอง เมื่อท่านบิชอพได้ ล่อหลอก เด็กสาวรับใช้นางหนึ่งนามว่า เอมมิรี่ ที่ให้ยอมมีความสัมพันธ์เสพสมด้วย จนกระทั้งนางตั้งครรภ์อ่อนๆ


    [​IMG]


    พอรู้เช่นนี้ เด็กสาวได้เล่าความจริงให้ท่านบิชอพฟัง ว่าเขาควรจะแต่งงานกับนางเสีย แต่ท่านบิชอพปฏิเศทที่จะแต่งงานและรับลูกในท้องของนาง ทำให้เอมมิรี่เสียใจมาก เธอยังเด็กและควบคุมสติอารมณ์ไม่ไหว จึงปีนขึ้นไปเหนือกำแพงชั้นบนของปราสาท ก่อนที่จะกระโดลงมาตายทั้ง กลม ปัจจันนี้ แอมเบอร์เล่ ฮอล ถูกนำมาทำเป็นโรงแรมบูติก ความเฮียนของ วิญญาณตายทั้งกลมของเอมมิรี่ั้นเป็นที่โจษจรรไปทั่วจนทุกวันนี้ ใครที่อยากพิสูจน์เรื่องผี ท่านสามารถพบวิญญาณของนางได้ที โรงแรม แอมเบอร์เล่ คาสเติล ใกล้ๆเมือง อรันเดล ตะวันตกเอสแซก ประเทศอังกฤษ





    ตำนานหัวกระโหลกกรีดเสียงร้อง



    [​IMG]

    ตำนานนี้เกิดขึ้นในสมัยพระนางอลิซาเบธที่ 1 เมื่อสามพี่น้องลูกสาวของ
    เซอร์ จอห์น กริฟฟิท รวมเงินกันสร้าง คฤหาสน์ ยังไม่ทันที่คฤหาสน์จะเสร็จดี ปรากฏว่า หนึ่งในลูกสาวของท่านเซอร์ นามว่า แอนน์ โดนคนรอบฆ่า นางโดนแทงสาหัส และใกล้ตาย ก่อนที่นางจะเสียได้เรียกน้องๆอีกสองคนมาสั่งเสียว่า หลังจากที่นางตายแล้วให้ ตัดเอาเฉพาะหัวของนางมาฝังไว้ในผนังของคฤหาสน์ที่นางกำลังสร้าง นางอยากอยู่ดูความงาม ชื่นชมบ้านที่มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง หลังนั้นนางก็ตายไป


    [​IMG]


    ผลปรากฏว่าพวกญาติๆมิได้ทำตามนั้นแต่นำร่างของนางไปฝังตามปกติที่โบสถ์เรื่องความเฮี้้ยนของนางจึงเกิดขึ้นทุกวันหลังตากการตายของนาง ทุกคนในบ้านรวมทั้งคนรับใช้ต่างได้ยินเสียงหวีดร้องดังากและ ข้าวของ เช่นรูปของนางก็ล่วงลงมาเองจากฝาผนัง

    [​IMG]


    วันนึงพวกน้องสาวได้กลับไปย้ายเตียงของนางที่บ้านเก่ามาไว้ที่บ้านใหม่ก็พบกระโหลกกะโหลกหนึ่งตกอยู่ และที่หลุมศพนั้นหัวได้หายไปจากตัวนาง ทุกๆคนจึงเข้าใจว่า วิญญานของนางยังวนเวียนอยู่และอยากไปบ้านใหม่ พวกน้องๆจึงนำกระโหลกนั้นไปยังบ้านใหม่ด้วย ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้นจน เด็กรับใช้คนหนึ่งไม่รู้และเอากระโหลกนั้นใส่ท้ายเกวียนที่จะนำไปโบสถ์ ผลลัพท์ก็คือม้าเทียมเกวียนพะยดและวิ่งตะเหลิดสะเปะสะปะ จนต้องเอากระโหลกกลับยังบ้านเหมอนเดิม ทุกวันนี้ครอบครัวของนางได้ฝังกระโหลกนั้นไว้ในผนัง และวิญญาณของนางยังวันเวียนดุจเจ้าที่ หากใครเข้ามาขโมยของก็จะโดนผีหลอกไปเสียทุกครั้ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  8. one_heart

    one_heart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +648
    ว้าวๆๆๆ สนุกอ่ะคะ แต่ก็ปนความเศร้าเนอะ ขออีกๆๆ
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานรักต้องห้ามปราสาท รอส



    [​IMG]



    อยู่ที่ไอร์แลนด์กับตำนานความรักเลือดสาด ที่เป็นบ่อเกิดของเรื่องราวสยองขวัญของภูติผี

    ณ ปราสาท รอส เมื่อราวคศ 12 เป็นที่อยู่ของ ลอร์ด
    เดลวิน หรือ อีกชื่อหนึ่งที่ใครๆรู้จักคือ บารอน แห่งความมืด ศพของเขาถูกฝังไว้ใต้ห้องบำเพ็ญนักพรต ที่ในป่า ในเวลาต่อมาหลานของตระกูล ลอร์ด แห่ง เดว่อน ริชาร์ด นูเจ้น ให้กำเนิดธิดาหนึ่งคนชื่อ บารอนเนส ซาบีน่า ในราวๆปี 1539

    นางเป็นคนหน้าตาสะสวยและอยู่ในวัยรุ่น เช่นเดียวกบตำนานรักอื่นๆ ซาบีน่ากลับเลือกที่จะมีรักต้องห้าม เธอบังเอิญไปพบและถูกคอกับชายหนุ่มผู้หนึ่งเขา เขามีนามว่า ลอร์ด ออวิ้น ทั้งคู่ักจะมาเจอกันที่สะพานเล็กๆแห่งหนึ่งในเขตที่ดินของบิดานางซึ่งทอดตัวออกไปยังที่ดินอื่น




    [​IMG]


    ซาบีน่านั้นเป็นลูกสาวของเจ้าที่ดินชาวไอริช แต่ลอร์ด ออวิ้นนั้นเป็นลูกของขุนนางอังกฤษ ซึ่ง แน่นอนว่าดูจะมีตระกูลกันทั้งคู่ แต่ติดที่ว่าในสมัยนั้นคนไอริชไม่ถูกกับคนอังกฤษ เพราะอังกฤษมักจะมารุกรานหาเมืองขึ้นอยู่เสมอๆ อังกฤษมองว่าไอร์แลนด์เป็นอาณัติของอังกฤษ ในขณะที่ไอริชก็มองว่าอังกฤษพยามจะกดศักดิ์ศรีพวกตน ด้วยเหตุนี้ความรักระหว่าง สองหญิงชายดูจะเป็นไปไม่ได้


    [​IMG]


    วันหนึ่งทั้งคู่จึงนัดกันหนีตามกันไปในคืนหนึ่ง ออวิ้นมารับ ซาบีน่าด้วยเรือพายเล็กข้างทะเลสาป แต่ ก็เพราะสมัยนั้นยังไม่มีการพยากรณ์ ดินฟ้าอากาศ ปรากฤฏว่าเกิดพายุใหญ่ ซัดเรือพายของทั้งคู่กลับลำสู่ห้วงน้ำ




    [​IMG]


    โชคไม่ดีนักสำหรับออวิ้น หัวของเขาฟาดเข้ากับโขดหินจึงเสียชีวิต แต่ซาบีน่านั้นมีคนช่วยไว้ทัน เมื่อครั้งที่นางยังเป็นเด็กเคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจด้วยเหตุนี้นางจึงสลบไปสามวันที่โบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่งที่ชาวบ้านช่วนนำตัวนางมาปฐพยาบาลที่นั้น ครั้นเมื่อตื่นขึ้นมาและพบศพของคนรักที่รอคอยมาตลอดว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน นางก็ทนต่อไปไม่ไหว ราวกับใจจะขาด นางกรีดเสียงร้อง ผู้คนแถวนั้นได้ยินเสียงของนางไปทั่วเป็นเวลาหลายนาที

    ในที่สุดก็ขาดใจตายจากการหวีดร้องนั้น พวกชาวบ้านนำศพของทั้งคู่ไปฝัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวิญญาณของ ซาบีน่าก็วนเวียนอยู่ที่ระแวกนั้น ทุกวันนี้จะมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงหวีดเป็นเวลานานมาจากที่นางโดนฝังไว้

    และที่ปราสาท รอส บ้านเกิดของนางก็มีคนได้ยินเสียงหวีดนี้ตอนกลางคืนเช่นกัน

    :boo: :boo:

    เดี๋ยวมาเล่าต่อฮุๆ
    :z6
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานรักเลือด ผียุโรป

    โศกนาฏกรรมของมหาจักรพรรดินีที่สวยที่สุดในโลก



    [​IMG]


    แอมเปรส อลิซาเบธ ออฟ ออสเตรีย หรือ อดีต เจ้าฟ้าหญิง ดัชเชส อลิซาเบธ อมาลี่ ยูจิเนีย, หรือชื่อเล่นของนางที่คนรู้จักทั่วไปคือ ซิซซี่ ชีวะประวัติและความงามของนางทำให้โดนเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง นั้นขึ้นชื่อติดอับดับว่าราชินีที่สวยที่สุด ในศตวรรษที่ 19

    มีบันทึกภาพถ่ายว่าเธอสูงถึง 175 ซม ซึ่งหาได้ยากยิ่งสำหรับสตรียุคนั้น....แต่ก็ไม่แปลกเพราะนางมีเชื้อสายชาวยุโรปเหนือมาทางด้านบาวาเรีย ในขณะที่นางมีผมอันาวสลวยสีน้ำตาลอ่อน ยักศก ยาวไปจนลากพื้น นอกจากนี้ยังทรงเป็นสตรีที่ไม่เคยอ้วนเลยอีกด้วย แม้ว่าภายหลังนางจะตั้งครรภ์ถึง 4 ครั้ง แต่น้ำหนักก็ไม่เคยเกินไปกว่า 50 กิโลกรัม และยังมีบางครั้งที่น้ำหนักนางสามารถลดลงไปได้จนถึง 43 กิโล เมื่อเทียบกับส่วนสุงของนาง ทำใหนางได้ฉายาว่า ผอมผิดมนุษย์ แต่นั้นก็มิใช่คำตำหนิแต่ประการณ์ใด ทีทุกคนกล่าวเช่นนั้นเพราะความเอ็นดูในความสวยน่ารักของนาง





    [​IMG]


    ซิซซี่มีเคล็ดรับอันใดที่ทำให้งามได้อย่างนี้ แน่นอนว่าเคล็ดรับของนางนั้นคือ การเป็นคนที่มีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ตั้งแต่นางเกิดมา นางมีมารดาที่เคร่งครัดในระเบียบวินัยเป็นอย่างยิ่ง พออายุเข้าวัย พระมารดาและพระบิดาของพระนางได้ทำสัญญาเกี่ยวดองสัมันธไมตรีกับออสเตรียโดยวางแผนจะให้ เจ้าหญง เฮเลน พี่สาวคนโตของซีซซี่อภิเสกกับ แอมเปอร์เร่อ ฟรานซ โจเซฟ ของ ออสเตรีย และในวันที่ได้พาเจ้าสาวไปดูตัวจ้าวบ่าวนั้นเองที่ซิซซี่ได้ไปด้วย ทำให้ แอมเปอร์เรอ ฟรานซ์ วัย 23 ประสงค์จะแต่งงานกับซิซซีมากกว่าพี่สาวของนางซึ่งอยู่ในวัย เหมาะสมกับพระองค์แต่พระองค์กลับมาพอใจน้องสาวของคู้หมั้นซึ่งอายุของซิซซี่ในเวลานั้นเพียง15 ปีเท่านั้น



    [​IMG]


    กล่าวกันว่า ดัชเชส เฮเลนพี่สาวของซีสซี่นั้นเป็นหญิงสาวเรียบร้อย แต่ไม่อ่อนหวาน นางไม่ค่อยยิ้ม เคร่งศาสนาและออกจะฮ้าวๆนิด ในขณีที่ซิสซี่นั้นเป็นสาวหวาน และครบเครื่องความสนอกสนใจในความงามเต็มปะตู


    [​IMG]

    การที่สมเด็จพระจักรพรรดิเลือกซิซซี่เป็นองค์พระจักรพรรดินีมเหสีนั้น สร้างเสียงคัดค้านจากพระมารดาของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะพระมารดาของสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟที่ทรงไม่ชอบพระองค์ตั้งแต่ที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงเลือกที่จะอภิเษกสมรสด้วย หลังจากที่ทั้ง 2 พระองค์ทรงได้พบรู้จักและวิสาสะกันเพียงไม่กี่วัน

    [​IMG]

    แต่ เจ้าชายฟรานซ์ หรือ อนาคต เอมเปอร์เรอแห่งออสเตรียได้กล่าวกับมารดาของท่านว่า หากพระองค์ไม่ได้แต่งงานกับซิสซี่ก็จะไม่ทรงแต่งงานกับใครใดๆทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง พระมารดาของพระองค์จึงตัดสินใจตกลงให้ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างเสียมิได้


    ครั้นเมื่อสมรสกันแล้วนั้น ซิซซี่ก็โดนบรรดาอาร์คดัชเชส พี่พี่น้องๆของ สามีตลอดจน แม่สามีกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ อีกทั้งยังบีบบังคับให้นางเร่งผลิตทายาทชาย ในชีวิตของพระนางได้ให้กำเนิดทายาท 4 พระองค์, องค์แรกเป็นหญิงแต่เสียชีวิตตั้งแต่ 2ขวบ คนที่สองเป็นหญิง ก็เสียชีวินหลังจากอภิเสก, คนที่สามเป็นชาย แต่ทรงฆ่าตัวตาย ทำให้นางมีลูกเหลืออยู่เพียงคนเดียว



    [​IMG]


    กล่าวกันว่า ความโศกเศร้าเสียใจตั้งแต่วัยเด็กที่มีแม่ชอบบังคับทำให้นางมีอาการของโลกหลงไหนในรูปลักษณ์ของตัวเอง มาก จนเป็นอะนาแร็กซี่คือ โรคกลัวอ้วน พระนางทรงให้ความสำคัญกับเรื่องสวยๆงามๆมากเป็นอย่างยิ่ง ทรงอดข้าวเพราะเสียใจที่ธิดาองค์แรกเสียตั้งแต่ได้แค่ สองขวบ พระนางทำห้องส่วนตัวมีบรรไดวนจากห้องครัวไปยังห้องน้ำเพื่อจะได้ล้วงคอหลังเสวยอาหาร เพราะจะได้มีทรวดทรงองเอวเล็กเสมอ ทรงสวมคอเซ็ตรัดเอวตลอดเวลาเพื่อฝึกให้เอวคอดได้ถึง18 นิ้ว

    ทรงเล่นยิมอย่างหนักและชอบกีฬาขี่ม้า, ทรงแต่งกายตามแฟชั่นเสมอ จนเป็นผู้นำแฟชั่น และแม้จะคลอดบุตรไปแล้วถึง สี่คน ก็ยังทรงไว้ผมยาวลากพื้น โดยการจ้างช่างทำผมส่วนพระองค์ จากการให้การของช่างทำผมส่วนพระองค์กล่าวว่า พระนางจะต้องให้หมักผมด้วยไข่กับเหล้าค็อกแน็กทุก สอง อาทิตย์

    เวลาทรงงานจะมีผู้คนนำไปพูดกันบ่อยว่ากว่าจะออกมาได้ ต้องรอพระนางทำผมแต่งหน้าอย่างเดียว ชั่วโมง จนช่างทำผมถึงกับนินทาในครั้งหนึ่งว่า ผมนางนั้นทังเยอะทั้งยาวทำได้ยากและวุ่นวายมาก เพราะผมยาวลากพื้น


    [​IMG]

    ทรงพอกหน้าด้วยเนื้อลูกวัวดิบ ไม่ทรงใช้เครื่องสำอางค์จัด แต่จะชอบใช้ครีมบำรุงจากธรรมชาติ เพื่อให้ดูเหมือนสาวแรกรุ่นเสมอ แต่ก็ทรงมีครีมยี้ห้อโปรดๆอยู่เหมือนกัน นางไม่ยอมให้มีการถ่ายภาพของนาง และพยามหลบกล้อง แต่จะชอบให้ใช้ภาพวาดกับภาพถ่ายในวัยสาวแทนพระฉายาลักษณ์ เพื่อที่คนจะได้จดจำพระนางในฐานะ จักรพรรดินีที่งามที่สุดในโลกตลอดไป


    [​IMG]

    โดยส่วนของพระวรกายที่พระองค์ทรงพอพระทัยมากที่สุดคือ พระเกศาที่ยาวเกือบจรดเท้า ที่พระองค์ทรงใช้เวลาบำรุงรักษาพระเกศาของพระองค์ให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ โดยจะมีพระบัญชาให้ช่างพระเกศาส่วนพระองค์ถักพระเกศาเป็นเปียรวบขึ้นไปม้วนเป็นพระเศียร โดยต้องสระพระเกศาทุกๆ 3 สัปดาห์ ซึ่งแต่ละครั้งใช้เวลาถึง 1 วันเต็มๆ โดยใช้ครีมแชมพูที่คิดดัดแปลงอยู่เรื่อยๆ ส่วนธรรมดาก็จะบำรุงรักษาพระเกศาอีกรูปแบบหนึ่ง โดยใช้เวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ดังนั้น ช่างพระเกศาจึงเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในราชสำนัก ที่จะคอยสอดส่องดูแลพระเกศาของพระองค์ตลอดเวลา

    [​IMG]

    จุดจบ ชีวิตของพระนางซิสซี่นั้นทรงถูกปลงพระชนม์ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งขณะนั้น พระองค์กำลังทรงพักผ่อนแปรพระราชฐาน พร้อมด้วยนางกำนัลคนสนิท เค้านท์เตสสตาร์เรย์ โดยทรงถูกมีดแทงกลางพระหทัยโดยนักอนาธิปไตยนิยม ลุยกิ ลูเชนี โดยเมื่อลูเชนีถูกนำตัวขึ้นศาล เขากล่าวว่าจะปลงพระชนม์พระบรมวงศานุวงศ์ราชวงศ์ออลีญงส์ของฝรั่งเศสเท่านั้น โดยเขาคิดว่าพระองค์คือพระบรมวงศานุวงศ์ฝรั่งเศส แต่หลังจากนั้น เขาพูดว่า "ฉันอยากฆ่าราชวงศ์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม" ศาลจึงตัดสินให้ประหารชีวิตลุยกิ ลูเชนี


    ส่วนพระศพของพระองค์ถูกย้ายมายังกรุงเวียนนา โดยเมื่อมาถึงตัวเมือง ประชาชนต่างมีความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และมาเฝ้ารับเสด็จเป็นครั้งสุดท้าย โดยเฉพาะกับสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ พระราชสวามี ผู้ทรงเหมือนพระหทัยแตกสลายไปตลอดกาล พระศพถูกฝังที่วิหารฮับส์บูร์ก ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระศพพระบรมวงศานุวงศ์ออสเตรียมาช้านาน


    ทุกวันนี้วิญญาณของนางปรากฏกายที่พระราชวังปราสาทโพเซ็นฮอฟเฟ็น บ้านเกิด กับ พระราชวังที่ทรงเคยประทับอยู่กับพระสวามี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  11. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เจ้าหญิงนิทราตัวน้อย แห่งสุสานปาเรอโม

    เจ้าหญิงนิทราตัวน้อย แห่งสุสานปาเรอโม



    [​IMG]


    [​IMG]


    ที่สุสานเก็บศพแห่งหนึ่ง ในเมือง ปาเรโม ประเทศอิตาลี สร้างความสยองขวัญให้แก่บรรดานักท่องเที่ยวมากมาย เพราะสุสานเก็บศพแห่งนี้ไม่ได้ฝังศพแต่ยังนำมาตั้งโชว์ให้คนดูอีกด้วย ท่าวความเดิมเกี่ยวกบสุสานนี้ สร้างมาตั้งแต่กลางๆ ศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นการให้ผู้คนเคารพนักบวชที่เสียชีวิตไป, จึงได้นำศพของนักบวชเหล่านั้นมาตั้งโชว์ไว้ตามส่วนต่างๆของโบสถ์ นอกจากนี้ยังมีศพของพวกราชวงค์
    คาปูชินของ ซิซิลี่อีก้วย บรรดาศพทั้งหลายล้วนแต่งกายในชุดสมัยโบราณให้ลูกหลานได้เห็น





    ภาพศพของเชื้อพระองค์นักบวช
    คาปูชิน



    [​IMG]





    [​IMG]








    [​IMG]


    ศพสุดท้ายที่นำมาประดิษฐานไว้ที่นี้คือ ศพ ของ หนูน้อย
    โรซาเลีย ลอมบาโด ลูกสาวของเศรษฐีวัยเพียง สามขวบ ป่วยตายด้วยเป็นไข้สูงบิดาของโรซาเลียรักลูกสาวของเขามากเกินกว่าจะต้องยอมให้ร่างกายของเธอเน่าเปือยไปตามธรรมชาติ

    เขาจึงขอให้ อัลเฟรโด้ ซาลาเฟียผู้ขึ้นชื่อเรื่องดองศพ ช่วยทำให้โรซาเลีย ดูเหมือนเดิมให้มากที่สุด ด้วยเทคนิกการดองศพชั้นสูงของซาลาเฟียทำให้
    โรซาเลียดูเหมือนเพียงหลับไปเท่านั้น


    ปัจจุบันนี้ได้มีลองเอ็คซเรย์ศพของเธอดูก็พบว่า อวัยวะภายในนั้นไม่เน่าเปื่อยอย่างน่าทึ่ง



    [​IMG]


    [​IMG]


    แต่เรื่องราวดูจะไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น การดองศพของโรซาเลีย ให้อยู่ในสภาพเดิมให้นานที่สุด ไม่ต่างอะไรจากการบอกกับวิญญาณว่า อย่าไปไหน และให้ยึดติดกับร่างนั้น ไม่นานมานี้ได้มีคนถ่ายภาพติดวิญญาณของโรซาเลีย หนูน้อยผู้มีร่างกายวัย แต่หากนับจากวันที่เธอเสียชีวิตมาจนบัดนี้ก็เกือบร้อยปีแล้ว ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ก็คงแก่มากๆ แต่อย่างไรก็ตามวิญญาณของเธอและศพอีก ที่อยู่ที่สุสานก็ยังวนเวียนไม่ไปไหน

    :boo::boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  12. ศรีใจ75

    ศรีใจ75 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +15
    ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้คุณ DuchessFidgette นะจ๊ะ

    สนุกมากๆๆๆ ยังอ่านไม่จบเลย เดี๋ยวกลับมาอ่านต่ออีกนะ
     
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานเจ้าหญิงผู้สาปสูญ

    ตำนานเจ้าหญิงผู้สาปสูญ



    [​IMG]


    เจ้าหญิง เนส หรือ เจ้าหญิงแห่ง ดัวฮาวบาร์ธ ประสูติในราว คศ 10
    ทรงเรื่่องลือว่ามีพระสิริโฉมงดงามมาก นางเป็นชาวเวลล์ และในยุสมัยที่บุรุษมีอำนาจเหนือสตรี
    นางเป็นสตรีคนหนึ่งที่ไม่ต่างจากคนอื่นๆในเรื่องที่เล่าๆมาที่ถูกปฏิบัติราวกับเป็นของไม่มีชีวิตจิตใจ



    [​IMG]


    หลังจากบิดาของนางสวรรณคต นางถูกส่งให้ไปเป็น
    นางข้าหลวงในวังของกษัตริย์ เฮนรี่ที่1 แห่งอังกฤษ, อันสมัยนั้นคนจะมาเป็นข้าหลวงได้
    จะต้องเป็นพวกเชื้อพระวงษ์และลูกขุนนางเท่านั้น

    กษัตริย์ เฮนรี่ที่1 แห่งอังกฤษ หรือ เฮนรี่ บัวคราร์ค ได้ถูกใจในตัวนาง
    จนนางได้เป็นนางบำเรอของพระองค์,
    เฮนรี่ ที่1 นั้นขึ้นชื่อว่ามีนางบำเรอและลูกนอกกฏหมายมากมาย
    ในสมัยยุคกลางยังไม่มีนางบำเรอประเภท
    จดทะเบียแบบสมัยเฮนรี่ ที่ 8 กับสมัย หลุยส์ที่ 14 แต่บรรดานางบำเรอของกษัตริย์
    ในยุคกลางนั้นจะเป็นลักษณะของการถูกพวกพ่อแม่หรือขุนนางนำมาถวายให้กษัตริย์เพื่อเป็นส่วย
    หรือเพื่อให้กษัตริย์ปูนบำเหน็ดความไว้วางใจ



    [​IMG]


    หลังจากการเป็นนางบำเรอกษัตริย์ได้ระยะหนึ่ง นางก็ให้กำเนิดลูกนอกกฏหมาย
    กับพระองค์หนึ่งคนเป็นเด็กชายชื่อ เฮนรี่ ฟริซ รอยด์ ซึ่งกษัตริย์ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นท่าน ลอร์ด และ
    ให้ที่ดินแก่เขาจำนวนหนึ่งเมื่อเขาโตขึ้น กลับเข้าเรื่อง เจ้าหญิงเนส
    หลังจากกษัตริย์ทรงเสพสุขจากนางไปสักระยะก็ทรงได้นางบำเรอใหม่จากขุนนางที่นำมาถวาย
    จึงทรงยกนางให้เป็นสมบัติแก่
    เจอราร์ด เดอะ วินเซอร์ ข้าหลวงผู้ดูแลปราสาทของพระองค์ ซึ่งมีสายเลือดเวลล์เช่นเดียวกับนาง


    [​IMG]


    ทั้งสองเดินทางกลับไปเวลล์ ซื้อปราสาท คาริว และตั้งราชวงค์ของตัวเอง เนสได้ให้กำเนิด
    ลูกชายสามคนกับลูกสาวคนเล็กชื่อ อังก้า หรือ อังกาลัด แม้จะเคยออกลูกมาหลายครั้ง
    แต่นางก็ยังคงความงามจนเป็นที่เรื่องลือ กระทั้งวันหนึ่ง กษัตริย์เฒ่า แคดวีแกน
    แห่งโพวี่ ได้จัดงานเลี้ยงฉลอง ทรงเชิญ สุภาพบุรุษและสตรีจาชั้นอำมาตในแคว้นต่างๆ
    ให้มางานเลี้ยงของพระองค์


    เจ้าหญิง เนส และ เจอราร์ด สามีจึงได้ไปร่วมงานเลี้ยงด้วย
    และด้วยเหตุนี้เองที่ ทำใหลอร์ดหนุ่ม โอเว่น ลูกชายของ กษัตริย์ เฒ่า ก็ได้หลงไหลในความงามอง
    เจ้าหญิงเนส จนกระทั้งวันหนึ่ง ลอร์ด โอเว่น และคนของเขาได้บุกมาที่ปราสาท
    คาริว ในระหว่างที่ สามีของเนสนั้นไม่อยู่เขาได้ข่มขืนนาง ต่อหน้าพวกลูกๆเล็กๆของนาง

    [​IMG]

    หลังจากนั้นก็ลักพาตัวนางไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครหาเจอ เป็นเวลาานหลายปีที่ไม่มีใครหานางเจอ
    นางโดนโอเว่นข่มขืนจนตั้งครรภ์ลูกของเขา สองคนคือ ลีเวลลีน กัน ไอเนี่ยน
    การกระทำของเขาทำให้ชาวเผ่า นอร์มัน ฝ่ายของ เจอร์ราร์ด สามีนางโกรธมาก
    จนรบกับฝ่ายของ กษัตริย์ เฒ่า บิดาของ โอเว่น กษัตริย์เฒ่า
    แคดวีแกน ได้พยามขอร้องให้ลูกชายส่งเจ้าหญิงเนสคืนแก่สามีนางแต่ก็ไม่สำเร็จ จนมีเหตุให้ต้องรบกัน
    จน เนสถูกเรียกขานว่าเฮเลน ออฟ ทรอยส์ เวอร์ชั่น เวลล์





    [​IMG]


    จนกระทั้งกองกำลังนอร์มันเข้าถล่มปราสาทของโอเล่น
    และชิงนางคืนมาทำให้โอเว่นและบิดาต้องหลบหนีออกจากเกาะอังกฤษไปอยู่ที่ไอร์แลนด์
    แทน หลังจากเนสกลับมาอยู่กับสามีเดิมไม่กี่ปี เขาก็ตายด้วยโรคจากอาการป่วย
    ลูกชายของนางครั้นเมื่อโตขึ้นจึงได้ยกนางให้แต่งกับ สตีเฟ่น ตำรวจคุ้มกันประจำกาย
    ท่านคาดิแกน.....ตลอดชีวิตของนางโดนควบคุมโดยผู้ชายมาตลอดเช่นสตรีในยุคนั้นทุกคนที่เป็นเพียงสมบัตชิ้นหนึ่ง
    หลังจากนางเสียชีวิตลง วิญญาณของนางกลายเป็นผีเฮี้ยนล่องลอยเป็นเงาดำ
    ในปราสาทเพมโบรก แต่จะพบนางวนเวียนอยู่ในชั้นใต้ดินเท่านั้น




    ;aa37
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  14. somenator

    somenator Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +73
    สนุกมากค่ะ ติดตามอยู่นะคะ
     
  15. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,726
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    อ่านแล้วพบว่าเกิดเป็นหญิงนั้นอาภัพจริงหนอ:':)':)'(
     
  16. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ แม่มดบางคนก็น่าสงสารมาก โดนใส่ร้ายอีกต่างหาก
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    วิญญาณผู้กล้า วีระสตรีชาวเคลท์

    วิญญาณผู้กล้า วีระสตรีชาวเคลท์



    [​IMG]


    หลังจากฟังเรื่องราวความไม่เป็นธรรมต่างๆที่เกิดกับของดวงวิญญาณของสตรีมากมาย
    ที่ได้รับความทุกข์ทรมานเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ยังมีผู้หญิงอีกจำนวนหนึ่งที่มีกล้าหาญ
    พอที่จะลุกขึ้นมาสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตัวเองและชนชาติ อย่างผู้หญิงที่กำลังจะกล่าวตอไปนี้
    คือ ราชินี โบแอดดิเชีย หรือ บูดิก้า ของชาวเคลท์ติก




    [​IMG]


    เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมาราว 2000ปีแล้ว, แต่ความขลังของวิญญาณหญิงกล้าของนาง
    ก็ไม่เคยหายไปจากสถานที่ที่เกิดตำนานขอเท้าความถึงประวัติของนางพอสังเขป เดิมทีแล้วชนเผ่าดั้งเดิมของประเทศ
    ในแถบสหราชอาณาจักรอังกฤษ
    อันได้แก่ ประเทอังกฤษ, สกอตแลนด์ เวลล์ และ ไอร์แลนด์มีชาวพื้นเมืองเดิมคือชาวเคลท์ติก
    ที่ย้ายจากคาบสมุทร ไอบีเรี่ยนทางใต้ของยุโรปเข้าไปในสหราชอาณาจักรมาหลายพันปี แล้ว
    ในขณะที่พวกกษัตริย์ และเจ้าหญิงในราชวงค์อังกฤษยุคหลังๆนั้นเป็นพวกผู้อพยพใหม่ชาว
    แองโกล-แซกซอน, นอร์มัน ,ไวกิ้ง ที่มาจาก แสกนดิเนเวีย และ เยอรมัน
    หาใช่คนท้องถิ่นของอังกฤษไม่



    [​IMG]


    พระนางโบแอดดิเชียหรือ บูดิก้า มีอาณาจักรอยู่ทาง
    แองเกลีย ตะวันออก ของอังกฤษ ชาวเหนือเช่น
    ชาวเคลท์ติกนั้นมีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากคนทางยุโรปใต้ ซึ่ง
    ถือว่าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง แต่สำหรับชาวเคลท์ติก
    กลับบูชาผู้หญิงเป็นเป็นเทวีสูงส่ง
    และ บูชาเทวี แอนเดรส เป็นเทพปรำปราของพวกเขา



    [​IMG]


    ก่อนหน้าคริตศาสตรจะเผยแพร่สู่ยุโรปตะวันตกและยุโรปเหนือ
    ในสมัยของพระนางบูดิก้านั้น ผู้หญิงสามาถออกรบได้เช่นผู้ชาย
    และมีสิทธิทำอะไรได้ไม่ต่างจากผู้ชายเลยทีเดียว หลังจาก ไอซินี่ สามี ของบูดิก้า สิ้นชีพ บูดิก้าได้เป็นผู้นำเผ่า
    ในเวลานั้นพวกโรมันได้ขยายอำนาจเข้ายึดครองประเทศทางยุโรปเหนือ และตั้งค่ายทหารที่
    กรุง ลอนดิเนี่ยม หรือ ลอนดอล เมื่อ 2000 ปีที่แล้วนี้เอง


    [​IMG]


    ราชินีบูดิก้า ได้ทำสิ่งที่ไม่มีผู้หญิงคนใดทำมาก่อน นางไม่เพียงจะออกรบเยี่ยงบุรุษ
    แต่นางได้นำทัพบุรุษชาวเคลท์กว่า 120,000 ชีวิต ออกตีค่ายของพวกโรมันที่ลอนดิเนี่ยมจนแตกยับเยิน
    จากบันทึกของนักประวัติศาสตร์โรมันในสมัยนั้น ทาซิทัส กล่าวบรรยายลักษณะของนางว่าเป็นผู้หญิงนักรบ
    ผมสีส้มแดง แบบพวกชาวเคลท์ (เรื่องชื่อกันว่าคนเคลท์ผมแดง)

    ราชินีบูดิก้านั้นมี รูปร่างสูงใหญ่ มากกว่าสูงโปร่ง, สวมชุดกระโปรง
    ทูนิคยามกรอมเท้าแบบผู้หญงยุโรปในยุคมืด, มีสังวาลย์ทองคำคล้องคอ, และเสื้อคลุมไหล่ยาวลากพื้น
    ระหว่างเครื่องประดับโลหะที่ไหล่, มีผมยาวสีส้มถึงสะโพก
    เคร่งขรึม และเสียงแข็งกระด้าง, อายุของนางราว 30-40 ปี
    และมีลูกสาวเล็กๆสองคนอายุราว 12-15 ปี

    ทำให้ ผู้นำทัพชาวโรมันู้มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนรบนามว่า กาเอียส
    ซูโทนิซูส พอลลินัส ผูซึ่งเคยผ่านการรบกับพวก นักบวชพ่อมดดรูอิด ที่เกาะ
    ไอร์ ออฟ โมน่า ทางตะวันตกของเวลล์ไดถูกส่งมาปราบ โบดิก้า
    กาเอียส ซูโทนิอูส พอลลินัส นั้นอายุเพียงแค่ 20 ปีแต่มีทักษะเชี่ยวชาญด้านวาง
    แผนรบมานักต่อนัก
    ในขณะที่โบดิก้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีแรงผลักดันด้วยความแค้นและความถูกต้อง
    ทำให้คราวนี้ทัพของนางแพ้ต่อทัพของ พอลลินัส


    [​IMG]


    โบดิก้าโดนจับได้ พร้อมทั้งลูกสาววัยเด็กสองคนของนาง ทั้งหมดโดนจับให้มีการ
    ตัดสินคดีอย่างป่าเถื่อนต่อหน้าบรรดาชาวไอซินี่ทั้งหมดที่มาดูราชินีของพวกเขา
    โดนจับคุม บรรดาองค์รักษ์ รัฐบาลชาวไอซินี่โดนจับคุมและแยกไปไว้ที่อื่น
    เพื่อป้องกันการโจมตีพวกโรมันกลับ

    ระหว่างการพิพากษานางถูกล้อเลียนโดยพวกโรมันว่า เป็นพระนางคลีโอพัตรา
    ผู้มีจุดจบห่วยโดยปกติของพวกทหารโรมันแล้วหากเวลารบชนะตีเมืองไหนได้
    และผู้ว่าราชการเมืองเป็นราชินี ก็มักจะใช้วิธีแต่งงานกับจ้าวของอาณาจักรนั้นๆ
    หรือนำมาเป็นนางบำเรอหรือนางสนมเสียเพื่อผนวกดินแดน
    หากแต่กรณีของโบดิก้านั้นไม่มีแม่ทัพคนไหนคิดจะทำเช่นนั้น
    นางสตรีที่มีบุคคลิก ดุร้าย โอหัง กรำสงคราม
    ผิดผู้หญิงทั่วไปและเรื่องทางเพศไม่สามารถจะมาใช้กันนางได้


    โรมันนั้นมีความเชื่อทางศาสนาว่าห้ามฆ่าสาวพรหมจรรย์เพราะเทวีวีนัสจะโกรธ
    ดังนั้นบรรดาลูกๆของโบดิก้าโดนจับลากเข้าไปในกระท่อมและข่มขืน
    ในขณะที่ตัวโบดิก้าจะโดนจับมือมัดเหนือศีรษะ
    และเปลื้องผ้าต่อหน้าประชาชนชาวเมืองของตัวเอง
    ก่อนจะโดนเฆี่ยนซ้ำแล้วซ้ำอีกจนนางสลบไป และเมื่อฟื้นก็เฆี่ยนไหม
    จดจบของโบดิก้า ไม่ยอมเป็นนางบำเรอเชลยของพวกแม่ทัพโรมัน
    นางจึงกินยาฆ่าตัวตายเพราะสงสารลูกๆ และไม่ยอมสูญเสียศักดิ์ศรี


    ปัจจุบันนี้ชาวอังกฤษเชื่อว่าศพของนางอยู่ใต้ สถานีรถไฟ คิงครอส
    , ป้าย ที่ 10 ลอนดอน

    ปัจจุบันนี้บ้านเกิดของนางอยู่ในเขตเมืองนอร์โฟค
    มีคนเห็นวิญญาณเป็นกลุ่มหมอกสีขาวที่นั้นและเชื่อว่าเป็นวิญญาณของ โบดิก้า




    ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013
  18. pigies

    pigies Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +44
    สนุกมากๆๆๆ รออ่านต่อนะค้าาา^^ ขอบคุณที่นำตำนานดีๆมาเผยแพร่นะคะ :cool:
     
  19. Talrae

    Talrae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +138
    ชอบเข้ามาอ่านค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อัศวินโต๊ะกลมเรื่องจริงที่ไม่อิงนิยาย


    [​IMG]



    กล่าวกันว่าอัศวินโต๊ะกลมเป็นนวนิยายอิงตำนานทางการเมือง ซึ่่งแต่งโดย เซอร์ จอฟฟรี ชอเซอร์
    ผู้มีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษที่ 12 หรือยุคกลาง,
    โดยมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับระบบกฏหมายในยุคกลาง
    หรือระบบ ฟิลว์ดัล หรือระบบสวามิภักดิ์ ต่อกษัตริย์
    ขุนนาง อัศวิน แต่ได้สอดแทรกความคาดหวัง
    ในจินตนาการของผู้เขียนที่แต่งให้มีอนาจักร อนาจักรหนึ่งนามว่า
    คาเมล็อต

    อันเป็น ประเทศที่ที่ ระบบเจ้าขุนมูลนายถูกใช้อย่างเที่ยงธรรม
    มีกษัตริย์ผู้ทรงธรรมนามว่า อาเธอร์ ผู้ซึ่งมีสภาเป็นโต๊ะกลม
    อันมีความหมายว่า ไม่ว่าจะนั่งอยู่ฟากใดของโต๊ะ
    ก็จะมีความเท่าเทียมกันหมด เพราะวงกลมไม่มีมุมเหมือน
    โต๊ะเหลี่ยมผืนผ้าที่ผู้นั่งโต๊ะก็คือประธาน

    โดยมีพ่อมดเมอร์ลิน เป็นชายชราหนวดเครายาวสีขาว
    สวมหมวกยาว เป็นผู้ให้คำปรึษาแก่ กษัตริย์ กล่าวกันว่า
    ถ้าความเป็นไปได้ที่กษัตริย์ อาเธอร์จะมีตัวตนจริงจน จอฟฟรี เม้าท์
    เอาไปแต่งเป็นนวนิยายนั้นอาเธอร์มีแนวโน้มว่าเขาจะเป็นลูกครึ่ง
    ชาว บริเทนเชื้อสาย เคลท์ กับ โรมัน




    [​IMG]





    โดยเนื้อเรื่องมีการสอดแทรกการพจญภัยของเหล่าบรรดา
    อัศวินคนต่างๆของอาเธอร์ ตลอดจนเรื่องราวรักๆใคร่ๆอย่าง
    เลดี้ กเวย์เนเวีย ผู้รูปงาม ด้วยผมทองดังแสงตะวันยาวหยักศก
    เป็นคลื่นไปจนถึงหัวเข่า, รูปร่างเพรียวระหง เข้ามาเกี่ยวข้อง
    เรื่องราวของอัศวินโต๊ะกลมนั้นเป็นเรื่องที่ขึ้นชื่อมากที่
    ประเทศอังกฤษ จนหลายสมัยให้หลัง,
    ได้มีกวีดังๆนำไปแต่งภาคต่อ อย่างเช่น,
    เป็นบาทละคร, เป็นเพลง, หรือภาพวาด

    ลอร์ด เทนเนสัน ได้แต่งต่อในตอน
    เลดี้ ชาร์ล็อต ซึ่งมีเนื้อหาเสริมมาจาก
    ดอนน่า ดี สกาล็อตต้า ที่แต่งโดยกวี
    ชาวอิตาเลี่ยนในปี 13
    โดยลอร์ด เทนเนสันแต่งเพิ่มตรงประเด็นชีวิตของ
    เลดี้ ชาล็อตผู้ซึ่งกล่าวถึง




    [​IMG]


    เลดี้ ชาล็อตนั้นโดนคำสาปตั้งแต่ยังเด็ก
    ว่านางจะต้องนั่งทอผ้าอยู่ในหอคอยในเมืองอวาลอน
    ตลอดเวลาห้ามออกไปไหนไม่งั้นจะเกิดภัยพิบัติเลวร้าย
    อะไรสักอย่างนึงเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่เลดี้ ชาล็อต
    ทำได้คือนางจะมีกระจกอยู่สองบานด้านหน้าฟืมทอผ้า
    ของนางซึ่งสะท้อนภาพจากหน้าต่างซึ่งเป็นทิวทัศน์
    เบื้องล่างของอวาลอนที่มีผู้คนสัญจรไปมา


    [​IMG]



    ในตอนที่เทนเนสสันแต่งนั้นจะบรรยายถึงความรู้สึก
    อันหดหู่เบื่อหน่าย วิตกจริต ของเลดี้ ชาล็อต
    ที่ไม่สามรถออกไปข้างนอกได้ จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่ง
    ในระหว่างที่กำลังทอผ้าอยู่นั่นเอง
    นางได้เหลือบไปเห็นอัศวินหนุ่มคนหนึ่งขี่ม้าผ่านมา
    ซึ่งอัศวินคนนี้คือ เซอร์ กาลาฮัด
    ลูกชายนอกสมรสที่เกิดกับ เจ้าหญิงไอลีน
    เอสโทเล็ต กับ เซอร์ ลานเซอล็อท




    [​IMG]


    ความงามของอัศวิน กาลาฮัท
    ถึงกับทำให้ นางหยุดพงะจากการทอผ้า
    หันไปดูเขาให้ถนัดตาจากหน้าต่าง และเมื่อนั้นเอง
    ที่คำสาปที่กำหนดเอาไว้ตั้งแต่นางยังเป็นเด็กก็ปรากฏ
    จริงขึ้นมา

    กระจกทุกบานในหอคอยก็แตกกระจายมาทิ่มนาง
    เลดี้ ชาล็อตจึงต้องกระโดออกจากหอคอยทางหน้าต่าง
    ลงไปสู่แม่น้ำเบื้องล่าง
    เมื่อนั้นเองที่นางเจอเรือพายเล็กๆของชาวบ้าน
    ที่ชายนำ นางจึงลงเรือพายนั้น เพื่อจะพายไปยังอวาลอน
    แต่เมื่อพายใกล้ถึง นางก็ทนพิษบาทแผลไม่ไหวจึงตายก่อน



    [​IMG]


    ย้อนกลับไปเรื่องกษัตริย์ อาเธอร์

    เป็นกษัตริย์อังกฤษผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในตำนาน
    เล่าขานในฐานะวีรบุรุษในยุคกลาง ซึ่งได้ปกป้อง
    เกาะบริเตนจากการรุกรานของชาวแซ็กซอน

    ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 6 รายละเอียดส่วนใหญ่
    เกี่ยวกับกษัตริย์อาเธอร์ปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าขาน
    ตำนานพื้นบ้าน และวรรณกรรมที่แต่งขึ้น
    นักประวัติศาสตร์ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่า

    กษัตริย์อาเธอร์มีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์จริง
    หรือไม่ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
    กับอาเธอร์ค่อนข้างกระจัดกระจายอยู่ตามแหล่ง
    ข้อมูลต่างๆ และในบันทึกของนักบุญกริสซัลด้า


    นอกจากนี้ชื่อของ อาเธอร์ ยังปรากฏอยู่ในบทกวีเก่าแก่หลายแห่ง เช่นในกวีนิพนธ์ Y Gododdin



    [​IMG]


    ภูมิหลังที่แท้จริงทางประวัติศาสตร์
    ของตำนานกษัตริย์อาเธอร์เป็นที่ถกเถียงในหมู่
    นักวิชาการมาเป็นเวลานานแล้ว แนวคิดหนึ่งซึ่งอ้างอิง
    ตาม Historia Brittonum (ประวัติศาสตร์แห่งบริเตน)
    และ Annales Cambriae (พงศาวดารเวลส์)
    เชื่อว่าอาเธอร์เป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
    โดยเป็นหัวหน้านักรบในยุคบริเตนสมัยหลังโรมัน
    ซึ่งนำการรบป้องกันการรุกรานของชาวแองโกล-แซ็กซอน
    ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง

    ระหว่างปลายคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 6
    ใน ฮีสทอเรีย บริโทนัม, มีเนื้อความที่บันทึกด้วย
    ภาษาละตินในคริสต์ศตวรรษที่ 9 ซึ่งเป็นลายมือของ
    นักบวชชาวเวลส์ ได้บันทึกรายละเอียดการรบ 12 ครั้ง
    ของอาเธอร์เอาไว้

    ในจำนวนนี้รวมถึงยุทธการมอนส์บาโดนิคัส
    หรือการรบที่ภูเขาบาดอน ซึ่งระบุไว้ว่า
    อาเธอร์ได้ต่อสู้ตามลำพังด้วยมือเปล่า
    และสังหารศัตรูไปถึง 960 คน อย่างไรก็ดี
    ผลการศึกษาวิจัยในยุคหลังได้ตั้งข้อสงสัย
    ต่อความน่าเชื่อถือของบันทึก ฮีสทอเรีย บริโทนัม
    ว่าจะถือเป็นแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ในยุคนั้นได้หรือไม่



    [​IMG]


    หลายคนเชื่อว่า คาเมล็อตนั้นอยู่ไม่ไกลจาก ทิงเทเจ้ล
    เพราะมีตำนานตอนนึงในเรื่องอัศวินโต๊ะกลมที่
    กล่าวถึงปราสาทของ ลอร์ด คอนวอล ที่มีภรรยารูปงาม
    นามว่า ท่าหญิง อิเกรน ซึ่งโดนอูเธอร์พ่อของกษัตริย์อาเธอร์
    จำแลงกายเป็นสามีของนางโดยการช่วยเหลือ
    ของราชินีแม่มด เม็พ และเข้าสมสู่กับท่านหญิง
    อิเกรนจนนางตั้งครรภ์เป็นอาเธอร์ นิยายเรื่องนี้
    สะท้อนจุดเสื่อมของมนุษย์ในหลายด้าน และค่อนข้างแรง พอสมควร


    [​IMG]

    อย่างเช่นการที่ลานเซอร์ล็อตนั่นเป็นอัศวินเอก
    ของอาเธอร์แต่ก็โดน แม่มด มอร์แกน ซึ่งเป็นลูกสาว
    ของ ท่านดุ๊กแห่งคอนวอลกับเลดีอิเกรนที่
    โดนอูเธอร์พ่อของอาเธอร์ หลอกไปเป็นเมีย

    และตอนหลังก็ส่งท่านดุ๊กคอนวอลพ่อของมอร์แกน
    ไปตาย มอร์แกนเติบโตขึ้นมาในสำนักนางชีแต่
    กลับไปเรียนวิชาแม่มดจากพ่อมดเมอร์ลินเพื่อ
    เอามาแก้แค้นอาเธอร์ น้องต่างบิดาของนาง
    โดยการใช้ลานเซอร์ล็อตกับ เลดี้ เกวนเนเวียร์
    เป็นเครื่องมือ โดยชักใยให้ทั้งคู่คบชู้


    [​IMG]


    จนเกวนเนเวียร์โดนลงโทษให้ถูกเผาไฟ
    แต่ลานเซอล็อตมาช่วยไว้ทัน กับอีกตอนที่แรง
    ก็เช่นตอนที่ลานเซอล็อตไปช่วย เจ้าหญิง
    ไอลีน แห่ง เอสโทเล็ตจากการโดนต้ม,
    ในขณะที่บิดาของนาง กษัตริย์แห่ง เอสโทเล็ท
    เห็นลานเซอล็อทรูปงาม, ดูเป็นอัศวินที่มีราศี,
    จึงอยากให้ลูกสาวตัวเองได้สมรสกับลานเซอล็อท

    เจ้าหญิง ไอลีน นางเองก็หลงรักลานเซอล็อท
    ตั้งแต่เขาไปช่วยชีวิตนาง, แต่เพราะลานเซอร์ล็อตมี
    เกวนเนเวียร์อยู่แล้ว, เจ้าหญิง ไอลีนจึงขอคำปรึกษา
    จากพระพี่เลี้ยงของนาง ซึ่งพระพี่เลี้ยงได้ช่วย
    โดยการมอมเหล้า
    ลานเซอล็อท

    [​IMG]

    และไปขโมยแหวนของเกวนเนเวียร์มาให้ท่านหญิงไอลีน
    นางสวมแหวนขณะรินเหล้าให้ลานเซอล็อทที่กำลัเมา
    เขาจึงนึกว่านางเป็นเกวนเนเวียร์จึงมีความสัมพันธ์ด้วย
    ครั้นพอตื่นมารู้ว่าไม่ใช่ชู้รักของเขาที่นอนกับเขาเมื่อคืน
    ลานเซอนล็อทจึงขู่จะฆ่านาง เลดี้ไอลีนจึงกล่าวกับลานเซอล็อทว่า
    ถ้าจะฆ่านาง ก็เหมือนกับฆ่าลูกของลานเซอล็อทเอง
    เพราะตอนนี้ในท้องของนางก็อุ้มบุตรของลานเซอล็อท
    เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

    ลานเซอล็อทนึกขึ้นมาได้จึงจูบนางแทนทีหนึ่ง
    และขอตัวลาจากนาง

    [​IMG]

    แต่นางก็ยังคิดถึงเขาจึงขอคำแนะนำจากพระพี่เลี้ยงอีก
    จึงมีการลวงลานเซอล็อทกลับมาและทำเหมือนเดิม
    แต่คราวนี้ทำให้ เกวนเนเวียร์เห็นจนโกรธ
    ลานเซอล็อทมากและหนีไป ลานเซอล็อทตื่นขึ้นมา
    รู้ความจริงจึงกระโดดออกจากหน้าต่างหมายจะ
    ไปตามเกวนเนเวียร์ แต่นางไม่ยอมคืนดี
    ลานเซอล็อทจึงเสียใจมากจนกลายเป็นบ้า
    อาศัยอยู่ในสวนดอกไม้ของเจ้าหญิงไอลีน


    หลังจากนั้นได้ระยะหนึ่งเจ้าหญิงไอลีนสงสาน
    ลานเซอล็อตจึงไปเอาน้ำศัดิ์สิทธิ์มาให้เขาดื่มและ
    หายจากเป็นบ้า หลังจากลานเซอล็อตหาย
    เขาหลงรักนางแทนเกวนเนเวียร์เพราะนางช่วยชีวิตเขา
    และลืมเหตุการณ์เกี่ยวกับเกวนเนเวียร์
    ทั้งสองจึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไป 10ปี


    แต่วันหนึ่งลานเซอล็อทเกิดไปเจอ
    เกวนเนเวียร์ โดยบังเอิญความจำจึงฟื้น
    จึงไปอยู่กับเกวนเนเวียร์แทน เ
    จ้าหญิงไอลีนเสียใจมากที่ไม่ว่าจะทำอย่างไร
    ลานเซอล็อตก็ไม่รักนางมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
    นางจึงฆ่าตัวตาย



    [​IMG]

    ชาวเวลล์นั้นเชื่อว่า จอฟฟรี่ มอนเม้าท์
    ได้เค้าโครงเรื่องกษัตริย์ อาเธอร์มาจาก กษัตริย์
    ลูกครึ่งโรมัย-เคลท์ พระองค์หนึ่งที่พยามกอบกู้
    อังกฤษให้พ้นจากอำนาจของพวงแองโกล แซกซอน
    และบ้านของพระองค์ก็คือปราสาท ทิงเทเจ้ล
    ที่ตั้งอยู่รมฝังทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นเวลล์

    โดยพ่อมดเมอร์รินก็คือ นักบวชพ่อมดดรูอิดของ
    ชาวเคลท์นั้นเอง นักโบราณคดี พบช่อง
    ถ้ำใต้ปราสาททิงเทเจ้ลที่โดนน้ำกัดเซาะ
    ซึ่งค่อนข้างตรงกับในเนื้อเรื่องของอาร์เธอร์
    ที่บ้านของพ่อมดเมอร์รินนั้นอยู่ในถ้ำริมทะเลใต้ปราสาทของ
    อาเธอร์ และวิญญาณของพ่อมดเมอร์รินนั้น
    ยังคงสิงค์สถิตย์อยู่ที่นั่น




    [​IMG]

    :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...