สนทนาสบายๆ ตามประสา

มีวัดปากน้ำสามองค์พี่ ธนต ชอบองค์ใหนมากที่สุดครับ

 

เรียนตามตรงนะครับพระวัดปากน้ำเป็นพระที่ผมเกรงที่สุดในบรรดาพระที่ผมเกรงกลัวเพราะฝีมือไม่ได้เป็นรองหลวงปู่โต๊ะเลย ปลอมระดับปาดคอเลยครับราคาวัดปากน้ำจึงไม่ขยับเท่าที่น่าจะเป็น

แต่เมื่ิอคุณสิทธิ์ถามผมก็จะตอยละครับว่าผมไม่ชอบซักองค์ครับ แต่ถ้าต้องเลือกผมก็จะเลือกองค์เเรกครับ ด้วยเหตุว่าพิมพ์ค่อนข้างชัดเจนสามารถสืบต่อได้องค์ที่สอง ดูเเลคเกอร์แล้วไม่นาจะใช่ครับองค์ที่สามก็หน้าตาเเปลกตาไปครับ

 

ผมนึกออก้วว่าจะฝอยเรื่องอะไรดี พรุ่งนี้หลังจากผมเคลีย์งานจบผมจะมาโม้เรื่องคราบกรุบางขุนพรหมดีกว่า

ดีมั้ยคุณชัย

 

ดีครับพี่ ขอบคุณครับ ลงภาพให้พี่ดูครับ

 

รับทราบครับเตรียมข้อมูลมาคุยกันด้วยเน้ออย่าปล่อยผมโม้น้ำลายแห้งคนเดียวละ

 

ครับพี่ ธนต ใจตรงกันครับ องค์นี้ญาติๆก็ให้กันมาครับ เป็นรุ่นสามซึ่งก็มีหลายแม่พิมพ์มากๆประมาณเกือบ10แม่พิมพ์เลย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าองค์นี้จะอยู่ที่แม่พิมพ์ใหนแถมจะแท้หรือเปล่าก็ไม่ทราบครับ(ผมก็ไม่ถนัดวัดปากน้ำเหมือนกันแค่ชอบด้วยความรู้สึกส่วนตัว)เพราะเลี่ยมปิดตายไม่เห็นด้านหลังครับ แต่องค์พระพิมพ์ชัดเนื้อฟูนุ่มและน้ำมันตังอิ้วฉ่ำดีเลยชอบครับ อิๆ พรุ่งนี้รอฟังคราบกรุบางขุนพรหมจากพี่ ธนต นะคร้าบ

 

รอฟังด้วยคนครับ

 

สำหรับผมขอคราบดินอย่างเดียวครับ เพราะรู้สีกว่าไม่ค่อยเห็นตลาดเท่าไหร่ไม่ว่าจะเป็นพระแท้ หรือ พระฝีมือ เลยคิดว่าถ้าเจอโอกาสปลอมจะน้อยกว่า (ไม่รู้คิดผิดหรือเปล่า) เพราะขนาดพระแท้ยังหายากเลย หรือ ว่าเค้าไม่เล่นก็ไม่ทราบครับ

เพราะอย่างที่เคยเล่า จากญาติ หรือ คนรู้จัก ที่เช่าเองกับมือที่วัด เนื้อพระมีคราบดินหมดเลยครับ ไม่ปรากฏคราบแคลมเซียมให้เห็นเลย

 

สมเด็จอะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย..

 

ว่าแต่ว่าตอนนี้ผมงง ว่าทำไมสมเด็จวัดไชโย ราคาแรงจัง พิมพ์ 7 ชั้นนิยม วิ่งมาชนพิมพ์ใหญ่บางขุนพรหมเลยอะครับ

 

55555พึ่งเข้ามาอ่าน.ผมไม่รู้ว่า..ชัยไหน..ถือสิทธิ์..พาดพิงละกัน.ถามว่าดีมั้ย..ผมตอบพี่ไม่ได้แน่นนอน..แต่ที่ผมรู้แน่นอน..ว่าบ้านนี้ต้องแคบไปหรืออาจจะไม่มีที่เดินอะนะเพราะ..หลายท่าน..จากการสำรวจโพล..พลังจิต..ฟิต.สมเด็จกันร้อยทั้งร้อยนะท่าน..แล้วยิ่ง..จอมยุทธ..ร่ายเวทย์เองด้วย..ผมก็ต้องเข้ามาเลคเชอร์..ด้วยหละคร๊าบพี5555555

 

ดีครับที่พี่ชัยแวะมา ฝากคอมเมนต์คราบกรุองค์ที่ผมโพสหน่อยครับพี่ ไม่ทราบว่าจากประสบการณ์ของพี่ คราบกรุแบบนี้พอจะมีโอกาสเป็นไปได้ไหมครับสำหรับสมเด็จบางขุนพรหมครับ

 

ต้องเรียนก่อนนะครับว่าองค์นี้ค่อนข้างไม่เข้าพิมพ์บางขุนพรหมนะครับเรื่องคราบกรุจะว่าให้ฟังครับ

 

นั้นนะซิครับมี๒ชัยซะด้วย

 

เอาเข้าเรื่องเลยนะครับไม่ร่ายยาวถึงประวัติละครับ คงทราบๆดีอยู่แล้ว ถ้าอยากฟังติดต่อ
ตาชัยรูปหล่อแล้วกันนะครับ ส่วนคุณชัยสิงคโปร์ ก็อะนะครับ

เรื่องคราบกรุเท่าที่ทราบนะครับพระที่ทันท่านลงกรุทั้งหมดครับ ฉะนั้นภ้าพระไม่มีการล้างยังไงก็ต้องมีคราบครับ ที่นี้คราบเกิดจากอะไร คราบที่ว่าก็เกิดจาก ๑.สิ่งที่อยู่ในองค์พระเอง เช่น คราบเเป้งโรยพิมพ์ เศษดอกไม้ หรือเเม้แต่มวลสารที่อยู่ในองค์พระ หรือแม้แต่ความชื้นที่ดันออกมา เมื่อทำปฎิกริยา (ทางการมาก)กับความชื้นและสิ่งต่างๆในเจดียืก็จะจับเป็นฝ้า ๒.สิ่งต่างๆที่นอกองค์พระแต่อยู่ในเจดีย์เช่นพวกเชื่อราต่างๆหรือตะไคร่อะไรพวกนี้แต่สิ่งต่างๆใน สองข้อยากนักที่จะมองเห้นเพราะจะถูกบดบังด้วยอย่างที่๓.คือสิ่งที่อยู่ภายนอกที่ผสมกับส่วนที่อยู่ในเจดีย์ อย่าลืมนะครับว่าวัดบางขุนพรหมอยู่ใกล้น้ำ มีการท่วมขังของน้ำนานบ้างไม่นานบ้าง แต่ก็หลายครั้งหลายครา เมื้อน้ำมาที่เเรกก็จะเอาสิ่งต่างๆในเจดีย์ลอยขึ้นมา และเมื่อน้ำนิ่งก็เกิดการตกตะกอนของสารแขวนลอย ในส่วนที่ตกใส่องค์พระก็จะเกิดเป็นคราบต่างๆทั้งดินทั้งอะไรต่ออะไรที่นี้พอมีความร้อนของหน้าเเล้งทำให้ภายในร้อนเหมือนเตาอบตะกอนก็จะจับตัวแน่นแข็ง พอปีต่อมาก็ท่วมอีกเป็นวัฎจักรดังนั้นคราบกรุยังไงก็ต้องมีมากกว่า๑ชั้นแน่ๆอันนี้เป็นข้อสังเกตุของคนยุคเก่าที่เล่ากันต่อมาจนถึงผมก็เล่าต่อกันไป ที่นี้การลักขุดละ ในการลักลอบไม่ได้มีกันแค่ครั้งเดียว ในแต่ละครั้ง ผู้ลักลอบได้ใช้วิธีต่าง ๆ เช่น การตกเบ็ด โดยใช้ดินเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมๆ ติดกับปลายเชือกหย่อนเข้าไปทางรูระบายอากาศติดพระแล้วดึงขึ้นมา การใช้น้ำกรอกเข้าไปทางรูระบายอากาศเพื่อให้น้ำไปละลายการเกาะยึดขององค์พระ ดังนั้นพระสมเด็จที่ได้จะอยู่ในส่วนบนจึงสวย และมีความสมบูรณ์ แบบที่เราเรียกกันว่า กรุเก่า ซึ่งลักษณะของวรรณะจะปรากฏคราบกรุไม่มากนัก เนื้อละเอียดมีน้ำหนักและแก่ปูน ก็จะมีแต่การลักลอบครั้งสุดท้ายก่อนเปิดในปี ๒๕oo นี้ละที่จะมีคราบกรุค่อนข้างหนาหรือกังเป็นก้อนก็มี จนเปิดกรุเป็นทางการก็จะมีการนำพระมาล้างทำความสะอาด เมื่อนำมาคัดแยกคงเหลือพระที่มีสภาพดีประมาณสามพันองค์ ที่เหลือจับกันเป็นก้อน เมื่อนำแยกจากกันก็เกิดการแตกหักชำรุด ลักษณะส่วนใหญ่จะมีคราบกรุค่อนข้างหนาและจับกันเป็นก้อน แต่ก็มีบ้างที่องค์ล่างๆที่สภาพดีจะพบว่าผิวของพระเป็นเกล็ดๆทั่วทั้งองค์ หรือที่เรียกว่าเหนอะ มีคราบไขขาว ฟองเต้าหู้ คราบขี้มอด สรุปก็คือคราบกรุเกิดขึ้นจากปฎิกริยาระหว่างน้ำกับปูนและเนื้อมวลสารที่เป็นองค์ประกอบของพระสมเด็จทั้งสิ้น ทั้งสภาพเปียกชื้น ร้อน เย็น และถูกแช่อยู่ในน้ำกับดินโคลน จึงนำมาตีตรา ที่นี้ชอว่าเรื่องตราวัดนิดนึง

 

ขอบคุณมากครับพี่ธณต ต่อเลยครับ

 

ตราวัดที่ประทับลงบนองค์พระไม่ย้อนละนะ เอาเป็นว่าถ้าอยากทราบแบบละเอียดก็คงต้องให้ หมอขาวเล่าให้ฟัง จำได้ว่าเเกเคยเล่าว่ามีญาติผู้ใหญ่ที่เครพ เป็นสมภารที่วัดนี้นะครับ เท่าที่มีบันทึกที่วัดนะครับผมไม่ได้เเต่งเอง จะเป็นตราอย่างเดียวกันทั้งสิ้น ไม่มีตราอื่นนะครับ และจะมีสีอมม่วงเพราะเป็นหมีกปั๊มธรรมดานี้ละครับ แต่หมึกสมัยก่อนเป็นหมึกจริงๆไม่ได้เป็นแบบทุกวันนี้ แต่ที่นี้ความเข้าใจของผมเองนะครับ การประทับตราเพื่ออะไร ประทับเพื่อ ๑.บอกให้รู้ว่าเป็นของแท้จากวัดเหมือนตรารับประกัน ๒.เพื่อยืนยันจำนวนว่าผ่านการนับคัดเเยกเเล้ว ที่นี้พระค่อนข้างมาก จะมีตราประทับอันเดียวมั้ย ผมไม่เชื่อว่าจะมีอันเดียว จริงอยู่อาจให้พระผู้ใหญ่ประทับ แต่ถ้าทำแค่องค์เดียวคงไม่ไหวแน่ คงทำอย่างน้อยก็ ๒ อันละ ที่นี้สมัยนั้นการเกะตราประทับก็จะต้องเกะมือก็น่าจะมีส่วนที่เพี้ยนไปบ้างละ แต่หลักใหญ่ก็น่าจะไปทางเดียวกัน

 

ที่นี้คราบฟองเต้าหู้ละคืออะไร ก็คงต้องเชิญตาชัยรูปงามมาเล่าให้ฟังบ้างละครับ ผมโม้มาน้ำลายเหนียวแล้ว ขอทำงานที่ค้างให้เสร็จก่อนนะครับพอดีที่เว้นวรรคเพราะมีคำสั่งด่วนมานะครับ แต่มาต่อให้เเน่ๆครับ

 

ขอบคุณครับพี่ รอได้ครับ
ผมมีความสงสัยอยู่นิดหนึ่งครับ สภาพพระที่อยู่ใต้กรุ หรือ ที่จับกันเป็นก้อน แต่สามารถแคะออกมาได้ สภาพจะเป็นยังไงนะครับ เพราะว่าฝุ่นหรือสิ่งต่างๆที่ลอยมากับน้ำ ไม่สามารถตกลงไปสะสมที่องค์พระได้(เป็นคำถามที่หาคำตอบยากหรือเปล่าไม่ทราบนะครับพี่)

 

เรื่องตราประทับนั้นผมไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะผมเริ่มสนใจพระก็ตอนอดีตท่านเจ้าอาวาส (ซื่งสนิทกับเพื่อนคุณแม่ที่สนิทกันเหมือนญาติ) เริ่มป่วยแล้ว (ถ้าจำไม่ผิดความจำเสื่อม และพึ่งมรณะไป 2-3 ปีที่แล้ว) ผมเลยไม่มีโอกาสได้ถามท่านโดยตรง แต่ผมถามญาติท่านว่าพระไม่ได้ประทับตราเลย แต่พระที่ญาติผมนั้นได้เช่าโดยตรงกับอดีตท่านเจ้าอาวาสที่กุฏิของท่านใส่ตู้กระจกไว้ (ซึ่งตอนนั้นเป็นรองหรือผู้ช่วยเจ้าอาวาสอยู่) ครับ เช่ามา 2-3 องค์ ไม่ได้ประทับตราซักองค์ครับ เอาเป็นว่าผมยังไม่เคยเห็นองค์เป็น ๆ ที่ประทับเลยครับ แต่เป็นข้อสังเกตุว่า มีหนังสือบางเล่ม (สมเด็จบางขุนพรหม เล่มใหญ่ จำไม่ได้ว่าใครแต่ง) มีการลงใบเสร็จการเช่าจากวัดให้ชม ก็มิได้มีตราประทับของวัดลงในใบเสร็จเลยครับ เลยยังสรุปได้ยาก แต่อย่างที่คุณธณต พูดไว้ถ้ามีตราประทับจริง ก็ไม่น่าจะมีตราเพียงอันเดียวครับ เพียงแต่ปัจจุบันยอมรับตราเพิ่มขึ้นอีก 1 ตรา (รวมเป็น 2 ตรา) แต่ผมหาข้อมูลไม่ได้แล้ว (มันอยู่ในคอมเก่า)