จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. เดือนห้า

    เดือนห้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +450
    สวัสดีทุกท่านค่ะ ขออนุโมทนาในธรรมทาน และจิตบุญใหม่ทุกท่านด้วยนะคะ

    พอดีวันนี้ครูหนุ่มแนะนำว่าให้ลงการบ้านของวันนี้
    (แล้วมาดูว่าใจจะแฟบจะฟูไหม)

    เช้า เข้าห้องน้ำล้างหน้าเสร็จ ยังอยู่ในห้องน้ำ ใจว่างๆ
    มันโพล่งรู้? เรียกแบบนี้ได้ไหม

    คือไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันโพล่งออกมาว่า
    "มันก็ธรรมดาแบบนี้แหละ"
    "เบื่อ แต่ไม่เกาะเบื่อ"
    ดูว่าเขาเบื่ออะไร แล้วไม่เกาะอะไร

    ก็พบว่า โลกมันก็หมุนไปของมัน ของทุกอย่างก็ทำหน้าที่ไปของมัน
    มันเกิดขึ้น มันตั้งอยู่ มันทำหน้าที่ของมัน ถึงเวลามันก็จบลง หมดความหมาย ไร้ตัวตน

    ชีวิตมันมีทุกข์อะ ใช่ เบื่อ แต่ไม่เกาะเบื่อ
    ไม่เพ่งโทษโลก
    โลกมันหมุนไปของมัน มันไม่ได้เปลี่ยนแปลง ก็หน้าที่มันนิ
    ใจเรานี่แหละที่เปลี่ยน

    โลกมีกรอบเวลาของมัน เพราะทุกอย่างมีหน้าที่ของมัน
    แต่มิติในใจ(จิต)ไม่มีข้อจำกัดแบบนั้น จิตเหนือโลก เหนือเวลา เหนือได้ทุกอย่าง

    สองสามวันนี้ยิ่งรู้สึกว่า ชีวิตเหมือนเล่นเกม เกมที่ชอบเล่นเนี่ยแหละ
    ล็อกอินเข้าไป เล่นบทบาทสมมติ
    เก็บประสบการณ์ ตายบ้างก็มี
    เพิ่มเลเวล
    ลงด่านปราบบอส(หัวหน้าด่าน) ร่วมปาร์ตี้กับคนอื่นทำภารกิจในเกม

    แต่สุดท้ายอะ เราควบคุมได้แค่ตัวละครของเราเท่านั้น
    และความสำเร็จ ก็เป็นผลของเรา

    สักวันก็เล่นเกมจบ
    ต้องล็อกเอ้าท์ออกจากเกม

    เหมือนกัน
     
  2. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]

    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2012
  3. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ขออนุโมทนา กับครูพี่ภู และพี่มาลินี ที่เอาข่าวเกี่ยวกับความตายมาลงได้เห็นพอดีวันนี้ได้มีโอกาส ติดตามดูในFacebookของน้องผู้ได้ปฏิบัติดีและปฏิชอบและเคยได้บวชมาในพระศาสนาด้วยแล้วและยังมีนิสัยเดิมติดตัวเขามา ถึงเขาจะได้สึกออกมาแต่ที่มีนิสัยมาทางพระศาสนา เขาก็ยังชอบทําบุญให้ทานมาโดยตลอด โดยที่น้องเขาได้เดินทางไปที่เชียงราย แล้วได้มีโอกาสได้เจอกับพระธุดงค์ท่านเป็นสายของหลวงพ่อชาและได้มีโอกาสได้ทําบุญ กับท่าน และท่านได้ให้ธรรมกับน้องที่มีจิตใจเป็นบุญไว้ด้งนี้"ท่านกล่าวไว้ว่าอย่าได้ประมาทนะเดี่ยวเราก็ตายแล้ว... เงินทองที่หามาได้เยอะเท่าไหร่ ตายไปแล้วก็เอาติดตัวไปไม่ได้สัก1บาท ให้ระวังกิเลส คือ ความโลภ โทสะ โมหะ หมั่นพิจารณาธรรมอยู่เป็นเนื่องๆ ให้เห็น การเกิดขื้น ตั้งอยู่ดับไปของทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง ไม่เข้าไปยึดถึอแบกหามเอาไว้ มันเป็นของหนัก" สาธุ สาธุ ชังเป็นธรรมที่เป็นของจริงแท้อย่างไม่มีวันที่จะสงสัยเลย และขออนุโมทนากับธรรมะนี้ และขอให้น้องขิมผู้มีจิตใจดีและได้มีสิ่งดีๆก็มาแบ่งบันกัน สาธุ สาธุ จ๊ะน้องขอให้คุณพระคุ้มครองน้องและให้เดินทางโดยสะดวก และปลอดภัยทุกๆท่านด้วยเทอญ.
     
  4. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    กราบหลวงปู่เทสก์ เจ้าค่ะ
    และขออนุโมทนาบุญในธรรมทาน ทุกๆธรรมะกับคุณหมอด้วยนะค่ะ สาธุค่ะ

    [​IMG]
     
  5. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]

    ลูกขอน้อมกราบพระเดชพระคุณท่านอาจารย์พุทธทาสเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ
     
  6. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการจากไปโดยไม่มีวันกลับมาของพระธรรมฑูตไทยทั้ง 3 รูป ท่านทั้งสามได้แสดงธรรมจนนาทีสุดท้ายของชีวิต ธรรมสุดท้ายที่ท่านได้แสดงไว้นั่นก็คือ ความตาย (มรณานุสสติ) ฉะนั้นแล้ว จงอย่าได้ประมาท จงอย่าผลัดวันประกันพรุ่งในการคิดที่จะทำดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เพื่อความพ้นทุกข์ถาวรกันเถิด การฝึกจิตเกาะพระ มีคำตอบให้ท่านค่ะ

    "ด้วยอำนาจของพระรัตนตรัย บุญบารมีใดที่ข้าพเจ้าได้ทำสำเร็จแล้วในทุกภพชาติ ขออุทิศบุญทั้งหมดนั้นให้พระธรรมฑูตไทยทั้งสามท่านไปสู่สุคติภูมิด้วยเถิด สาธุ"

    เกษ จบ.52
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ธันวาคม 2012
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    บูญเราไม่เคยสร้าง ใครที่ใหนจะมาช่วยเรา.

    ลูกเอ๋ย ก่อนจะไปเที่ยวขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของ

    ตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าพอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะ

    เอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนล้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้

    บารมีมาต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือ แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ภพหน้า หมั่น

    สร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเองจงจำไว้ เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วย

    เจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดิน เมื่อบุญเราไม่สร้างไว้เลยจะมีใครที่ใหนมาช่วยเจ้า.

    นี่คือคำเทศนาเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พระพรหมรังสี

    ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิต หลังจากที่ท่านได้ล่วงลับไปแล้ว ๑๐๐ กว่าปี อันเป็น

    ปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  8. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำฝากศิษย์ไปกราบหลวงปู่ดู่
    หลวงปู่ดู่ท่านเทศน์สอนคณะศิษย์วัดท่าซุงที่ได้มโนมยิทธิ
    ซึ่งได้เดินทางไปกราบหลวงปู่ดู่ ตามคำสั่งหลวงพ่อฤาษีฯ

    หลวงปู่่ดู่.....เอ้า คณะนี้มาจากไหน (แล้วหลวงปู่ท่านก็เงียบ)...อ๋อเด็กฝาก

    คณะมโนมยิทธิ...หลวงพ่อ(ฤาษี) ท่านให้มากราบเจ้าค่ะ
    หลวงปู่รู้จักไหมเจ้าคะ

    หลวงปู่่ดู่...รู้จัก

    คณะมโนมยิทธิ....หลวงปู่่เจ้าคะดิฉันฝึกมโนขึ้นไปกราบ
    พระข้างบนดีไหมเจ้าคะ?

    หลวงปู่่ดู่.....การไปกราบพระ พบพระนั้นเป็นของดี
    ให้หมั่นรักษาองค์พระ(ภาพพระ)เข้าไว้ พระท่านจะสอน
    ท่านจะบอกวิธีการปฏิบัติ เราก็นำมาประพฤติปฏิบัติตามด้วยความตั้งใจ
    เคร่งครัด แต่ถ้าพบพระแล้ว ท่านสอนแล้ว ไม่นำมาประพฤติปฏิบัติ
    หรือปฏิบัติจนพบพระแล้วไม่สามารถทำให้อารมณ์ชั่วทั้ง ๓ คือ
    โลภ โกรธ หลง มันเบาบางหลง อย่างนี้ยังใช้ไม่ได้ ถือว่าปฏิบัติผิดทาง
    คนที่มัวแต่เอาสิ่งที่ตนเองได้ (ญาณ) ไปดูนั้นดูนี่ ทำนายทายทัก
    ไม่นานอุปทานก็เข้าแทนที่ ทีนี้แทนที่มันจะไปสุคติภูมิ
    มันก็ไปอบายภูมิแทน เหตุจากการแอบอ้าง คำสอนของพระ
    เพราะอารมณ์อุปาทานนั้นเอง จงระวังไว้
    ท่านมหาวีระ ท่านมีบารมีสูง มีข้างบนเป็นกำลังหนุน เป็นอาจารย์ใหญ่สอน
    คนได้จำนวนมาก ข้าขอโมทนา พวกแกเกิดมาพบพระอรหันต์
    ที่มีบารมีสูง อย่าให้เสียทีที่ได้พบ เอาสิ่งที่ตนปฏิบัติบัติได้(ญาณ)
    มาอบรมตนเอง อย่าเที่ยวไปทำนายทายทักชาวบ้าน
    ข้ออันนั้นเห็นจะไม่ใช่จุดประสงค์ แม้ลูกศิษย์ อยู่ใกล้ข้าแท้ๆ
    ยังเฝือได้ แล้วถ้าพวกแกยังประมาท ระวังนรกจะกินหัวเอา....

    คณะมโนมยิทธิ...เราจะรู้ได้ยังไงเจ้าคะ
    ว่าเวลาเราขึ้นไปกราบนั้น เราเห็นจริงๆ

    หลวงปู่่ดู่....แกลองใช้อารมณ์นั้น(ญาณ) ตรวจสิ่งที่มองไม่เห็น
    แต่สิ่งนั้นยังมีอยู่สิ เช่น แกลองตรวจดูว่าในกระเป๋าของเพื่อน
    ที่มาด้วยกันมีเงินอยู่เท่าไหร่ ถ้าแกตอบถูก อารมณ์ที่แกขึ้น
    ไปกราบพระ แกก็เห็นจริง แต่ถ้าแกตอบไม่ถูก พระที่แกเห็นก็ไม่จริง...

    คณะมโนมยิทธิ....เราถามเทวดาเลยได้ไหมเจ้าค่ะ

    หลวงปู่่ดู่....เอ้า เงินในกระเป๋านี้มันเป็นของหยาบ

    แกยังมองไม่เห็นเลย นับประสาอะไรกับเทวดา

    แกจะไปมองเห็นล่ะ กายเทวดาละเอียดกว่ากันเยอะ

    คณะมโนมยิทธิ...ต้องตรวจอารมณ์เช่นนี้ก่อนใช่ไหมค่ะ

    หลวงปู่่ดู่... ใช่ ข้าก็ให้ลูกศิษย์ตรวจอารมณ์อย่างนี้ก่อนแล้ว
    ค่อยขึ้นไปกราบพระ ถ้าตรวจแล้วไม่ตรงก็ต้องหัดวางอารมณ์ใหม่
    ไม่นานก็ตรง คราวต่อไป ไม่ต้องกำหนด เขาจะรู้เลยว่า
    อะไรซ่อนอยู่ตรงไหน .....(หลวงปู่่เงียบสักพัก) (แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า)
    พระมหาวีระยังสอนให้แกหัดทำเวลาตอนเช้ามืด ให้ลองตรวจว่า
    เช้าวันนี้จะมีใครมาหาไหม เขาจะมาทำอะไร
    ใส่เสื้อสีอะไร ใช่ไหมล่ะ

    คณะมโนมยิทธิ....หลวงปู่่รู้ได้ยังไงเจ้าคะ

    หลวงปู่่ดู่...ก็พระมหาวีระบอกข้า อยู่ข้างๆนี่แหละ บอกว่า..
    พวกแกมันลิงทะโมน ต้องจับไปมัด เฆี่ยนแล้วสอน
    (เสียงหลวงปู่หัวเราะ แล้วพูดว่า)ต่อไปให้รีบตั้งใจปฏิบัติ
    อย่าสนใจคนอื่น สนใจจิตตัวเองให้มากๆ รักษาจิตตนเองให้ดี
    รักษาองค์พระ(ภาพพระ)ไว้อย่าให้หาย ชำระใจให้
    ปราศจากความโลภ โกรธ หลง มันก็ถึงเองแหละนิพพาน
    ไม่ใช่ปากก็บอกจะไปนิพพาน แต่ไม่ชำระโลภ โกรธ
    หลงให้ขาดไป อธิษฐานยังไงมันก็ไม่ถึงนะแก
    นิพพานเข้าไม่ได้ด้วยการอธิษฐาน แต่ต้องอาศัยการปฏิบัติ
    ซึ่งจุดสำคัญคือการละอารมณ์ โลภ โกรธ หลง

    ละได้เมื่อไหร่ถึงทันที ละไม่ได้มันจะถึงแค่หัวตะพาน....

    คณะมโนมยิทธิ...สาธุเจ้าค่ะ หลวงปู่่

    หลวงปู่่ดู่ ...(ให้พร)......
     
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    คนประมาท เสียใจ เมื่ิอใกล้ม้วย

    เนื่องด้วย ไม่ทันสร้าง ทางสวรรค์

    สร้างเมื่ิอเจ็บ ใกล้ตาย มักไม่ทัน

    พึงรีบสร้าง ทางไว้พลัน นั่นแหละดี

    คัดจากหนังสือ เพื่ิอชีวิตที่รุ่งเรือง พระเทพสิงหบุราจารย์.





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อย่างนี้ ต้องขยาย
    โมทนาสาธุกับคุณจุ๋มเยอรมัน
    ที่นำธรรมคือความจริง มันก็เป็นจริงเช่นนี้เอง
    พวกที่ได้มโนยิทธิ หรือพวกที่มีอภิญญา อย่าหลงตนเองเด็ดขาด
    เพราะไม่ต่างกับนักเที่ยว(ทัวร์นรก สวรรค์ พรหม พระนิพพาน)เท่านั้น
    แต่ภาพแห่งความเป็นจริงนั้น กลับไม่ใช่ เพราะขณะที่ไปกันนั้น
    ท่านใช้แค่ฌาน ๓ ละเอียด(มโนฯครึ่งกำลัง) ฌาน ๔ ละเอียด(มโนฯเต็มกำลัง)

    แต่ผู้เขียนยกเว้น ผู้ที่มีอภิญญา๖
    คืออาสวักขยญาณ รู้การทำอาสวะให้สิ้นไป(โลกุตตรญาณ)
    เพราะอภิญญา ๕ ข้อแรกเป็นของสาธารณะ(โลกียญาณ)
    แต่อภิญญาข้อที่หกนั้น มีเฉพาะในพระอริยบุคคล
    ถ้าพบผู้แสดงฤทธิ์ได้ อย่าพึ่งหมายว่า ผู้นั้นจะเป็นอริยบุคคล

    ข้าฯขมากรรมและอโหสิกรรมให้กับข้าด้วย กับผู้ที่รับไม่ได้
    หรือล่วงเกินจิตโดย มิได้มีเจตนาเป็นอย่างใด
    ข้ารู้ดีว่า ตราบใดยังมีขันธ์๕ ย่อมสกปรกเหมือนกันหมด
    แต่จะแตกต่างตรงที่จิตของแต่ละบุคคลเท่านั้น

    เพราะฉะนั้น นิมิตเกิดขึ้นทั้งหลับตาหรือลืมตาก็ตาม
    ขอให้ปล่อยวางเสีย แต่ถ้าไม่รู้จักคำว่า ปล่อยวาง
    สุดท้ายผู้ปฎิบัติท่านั้น ย่อมพบแต่ความทุกข์เท่านั้นเอง
    พี่ภูเตือนกันไปหลายรอบแล้วนะครับ
    เพราะข้างบนพระนิพพานนั้น ไม่มีควาย
     
  11. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ตายแล้วจะเลือกไปใหน

    ๑. ทางนรก ๔๕๗ ขุม ได้แก่ โทสะ คือ ความโกรธ ความประทุษร้ายซึ่งกันและกัน

    ๒. ทางไปเปรต-อสุรกาย ได้แก่ โลภะ ความโลภหรือตัณหา คือความอยาก

    ๓. ทางไปเป็นสัตว์เดยรฉาน ได้แก่ โมหะ คือความ หลงลืมคุณพ่อ-แม่-พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    ๔. ทางไปมนุษย์ ได้แก่ ศีล ๕ กุศลกรรมบถ ๑๐ คือ กายสุจริต ๓ วจีสุจริต ๔

    มโนสุจริต ๓. ๕. ทางไปสวรรค์ ๖ ชั้น ได้แก่มหากุศล ๘ มีไหว้พระสวดมนต์ ทอดกฐิน

    ทอดผ้าป่าเป็นต้น. ๗. ทางไปนิพพาน ได้แก่ การเจริญวิปัสนากรรมฐานจนได้มรรค

    ผลนิพพาน. พระองค์ท่านช่วยใครมิได้หรอก แต่ทรงบอกทางวางไว้ให้ เราต้องหมั่น

    ปฏิบัติขัดเกลาไป จึงจะได้พ้นทุกข์สุขสมปอง. พระเทพสิงบุราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสิงห์

    บุรี อ. พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2012
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ปรโลก มนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก
    หรือ พระนิพพาน

    เส้นทางเหล่านี้ ท่านเป็นผู้เลือกเดินเอง

    ผู้ปฎิบัติธรรมที่ดี จะต้องมีวินัยในตนเอง
    นั่นก็คือ ต้องสนใจจิตตนเองเพียงอย่างเดียว เท่านนั้นๆๆๆๆๆ
    อย่าไปสนใจจริยาของผู้ปฎิบัติอื่นๆๆๆๆๆๆ
    ถึงผู้นั้นจะดีกว่าเรา เท่าเรา หรือเลวกว่าเรา มันก็ไม่เกี่ยวกับมรรคผลของเรา
    ก้มหน้าทำไปๆๆๆ ใครฉลาดมากให้เก็บเอาไว้สอนตนเอง

    บอกปากจะฉีกแล้ว โดยเฉพาะจิตบุญ ถ้าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เดี๋ยวเจอดีแน่
    ข้ามิได้หมายถึง ผู้อื่นหรือบุคคลภายนอก ที่มิได้ปฎิบัติจิตเกาะพระ
    อย่าไปเข้าใจผิด ข้าสอนสั่งเฉพาะผู้ที่สอนสั่งได้เท่านั้น
    แต่ถ้าสอนสั่งไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาเรียนจิตเกาะพระ
    เพราะจิตเกาะพรไม่น๋อมแน๋ม และไม่ตามใจลูกศิษย์ ทั้งครูทั้งศิษย์ ก็อย่ามายึดกัน
    ถ้าผู้ใด ตั้งใจจะไปพระนิพพาน ใจต้องมีความศรัทธานำหน้า
    แล้วลงมือปฎิบัตินำความลังเล ความสงสัยตนเอง ขอเชิญเดินหน้าเข้ามาเลย อย่าชักช้า
    เดี๋ยวจะหมดลมหายใจกันก่อน
    แต่ขอรักษาศีล๕ให้ครบก่อน+วางอีโก้ลงซะ! เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
    ที่นี่สอนฟรีๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ง้อจิตไม่พร้อมมาเรียน
    ผู้มาเรียนจิตต้องเข็มแข็ง ไม่เข้มแต่โง่และจิตพร้อมปฎิบัติตามทันที อันนี้ดี
    แต่ถ้าศีลครบแต่วางอีโก้ไม่ได้ ก็ให้ถอยหลังไปก่อน ปล่อยให้จิตพร้อมค่อยมาใหม่
    ยังไม่หนีหายหรือจากกันไปไหน ครูที่นี่รอรับจิตที่พร้อมก่อน ไปก่อน
    เพราะภารกิจที่นี่ คือการยกจิต มิใช่ให้มายกเว้น ยกไว้ ซึ่งกิเลสแห่งตน

    แต่ถ้าผู้ปฎิบัติจิตยกแล้ว ก็หมดภาระหน้าที่ของครูผู้ฝึกสอนแล้ว

    ขอโทษทีวันนี้ อาจจะจัดหนักไปหน่อย เพราะภาระหน้าที่ยังต้องทำมีอีกมากมาย
    ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามทำหน้าที่ของตนให้ดี อย่าทำนอกลู่
    ให้เน้นแก่น เน้นจิต
    กายไม่เน้น กรรมไม่เน้น นิมิตไม่เน้น
    บอกไปแล้วนะ อย่าให้เตือนกันหลายรอบ ปล่อยวางซะ นิมิตตนเอง
    เดี๋ยวถ้าใครบอกเล่าเดี๋ยวเจอดีแน่ๆ
    เมื่อรู้แล้ว ให้วางลงเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าจิตบุญที่มีความรู้สึกช้า วางช้าหรือไม่วาง
    เดี๋ยวจัดให้ ความเมตตามีให้เฉพาะผู้ที่เอาถ่าน เอาแต่แก่น เท่านั้น
    ท่านพ่อไม่ได้สอนให้ลูกทำ ก็อย่าทำ อย่านอกลู่
    แต่พี่ภูจะจัดให้ เพราะนับวันจิตบุญก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
    ปัญหาย่อมมีมากขึ้นตาม ขอให้อยู่ในแถวกันให้ดี
    ขอให้จิตบุญสร้างบุญบารมี มิใช่ไปสร้างอัตตามานะขึ้นมากันใหม่ หรือไปสร้างอะไรใหม่ๆกันขึ้นมา
    ที่นอกเหนือภารกิจยกจิตลูกหลานของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หรือ ครูบาอาจารย์ทุกท่าน

    ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่ง
    ภูทยานฌาน2
    (ตราบใดที่ข้ายังมีขันธ์๕ ถือว่ายังเลวอยู่มาก เฉกเช่นทุกคน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2012
  13. srirattana

    srirattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,972
    วิชามโนฯ ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นขี้ข้าของความอยาก แต่มีไว้เพื่อ รักษาอารมณ์พระนิพพานไว้เป็นอารมณ์ พิสูจน์นรกสวรรค์ว่ามีจริง จะได้เกรงกลัวแต่บาป
    การจะไปได้ ต้อง มีศีลห้าบริสุทธิ์ ละกายสังขารได้เด็ดขาด เคารพในพระรัตนตรัย

    มโน ฯ จึงไม่ใช่แค่วิชานึกไปเอง แต่ ต้อง อาศัยทั้งสามอย่างเป็นอารมณ์เสมอๆ ที่หลวงพ่อย้ำเสมอๆคือ อานาปานสติอย่าลืม ละเมื่อจะใช้วิชามโน ฯ อย่าไปเป็นหมอดู อย่าไปป็นขี้ข้าใคร ... นี่หละ

    ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้มักไม่จริง


    ขอบคุณพี่จุ๋มที่นำเอาบทความดีๆมาเป็นธรรมทานค่ะ
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านสอนวิชามโนยิทธิเพื่อดับกิเลส(ตนเอง)
    ท่องนรก ท่องพระนิพพาน ก็เพื่อให้พวกเราแยกแยะว่า ทำแบบไหนมันดีกว่ากัน
    ผู้ที่มีปัญญามากย่อมไปพระนิพพาน แต่ผู้ที่มีปัญญาน้อยย่อมเดินคอตกนรกทองแดงไป

    มโนฯ มิใช่เพื่อไปดับกระหายกิเลส หรือ สนองกิเลสตนเอง
    มีไว้เพื่ออวดอ้างว่า กรูวิเศษกว่าคนอื่น อันนั้นท่านไปไกลจริงๆ(ใกล้บ้า)
    แทนที่จะไปพระนิพพาน แต่กลับไปนรกภูมิแทน
    ผู้ที่เห็นผิดเป็นถูก ผู้ที่เห็นอะไรทุกสิ่งไม่ใช่ธรรม(ความจริง) หลอกตนเองไม่พอ ยังไปหลอกผู้อื่นๆอีก
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    การวางกำลังใจของผู้ปฎิบัติ
    แนว "จิตเกาะพระ"


    ผู้มาใหม่ อย่ามองข้ามศีล วางคำภาวนา วางความรู้ทางโลก(Ego)
    จิตเกาะพระ ให้นึกถึงพระบ่อยๆ ถี่ๆ จนกว่าจิตจะเกิดปิติ
    จิตบำเพ็ญ ให้หมั่นทรงฌานอย่างต่อเนื่อง หรือ ทรงฌานทั้งวัน ทั้งคืน
    จิตบุญ ให้หมั่นทบทวนกรรมบท๑๐ บารมี๑๐ สังโยชน์๑๐ อิทธิบาท๔ พรหมวิหาร๔ อินทรีย์๕
    โดยเฉพาะหมั่นทรงฌานเป็นเนืองนิจ หรือทรงอารมณ์ที่จิตยกใหม่(อารมณ์พระนิพพาน)

    จิตพุทธะ ให้คอยหมั่นทรงฌานเป็นเนืองนิจ แล้วนำสติไปคอยจดจ่อดวงจิตของพระพุทธเจ้าบ่อยๆ ถี่ๆ
    เดี๋ยวเราจะลืมความเป็นคราบของมนุษย์ตอนไหน ตามดูให้ดี
    แต่อย่าเปิดจิตตนเองยอมรับดวงจิตของพระพุทธเจ้าด้วย
    เดี๋ยวจะรู้สึกแน่นที่อกหรือกายจะไม่สบาย แต่ถ้าผู้ใดครอบได้แล้ว จะรู้สึกเบา+ปัญญามากทันที
    โดยเฉพาะครูหรือผู้ฝึกสอนจะต้องมีสติปัญญามากกว่าผู้เข้ารับฝึกสอน
    จิตจะต้องสะอาด บริสุทธิ์และสดใส
    ง่ายที่สุดก็คือ คอยหมั่นทรงฌานเข้าไว้ประจำ
    เพราะในขณะที่จิตทรงฌานอยู่นั้น เท่ากับจิตของผู้นั้นไปตั้งอยู่ในเขตที่เรียกว่า บุญกุศลแล้ว
    ผู้ใดทรงฌานได้นานเท่าไหร่แล้ว ผู้นั้นเท่ากับได้ทำบุญใหญ่ คือบุญภายใน นานเท่านั้น

    แต่จิตเกาะพระ เน้นจิตทรงฌาน ในขณะลืมตา มากกว่าหลับตา

     
  16. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745

    55555 ชอบคำตอบของศิษย์คนที่สามค่ะ แม่นหลายๆ
    ขอบคุณกับนิทานนะคะ
    โมทนาสาธุ
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    นิมิต

    นิมิตจำเป็นต้องรักษา
    นิมิตที่จำเป็นต้องรักษาคือ กรรมฐานหมวดใดที่มีนิมิตเป็นอารมณ์ เช่น กสิณ เป็นต้น
    เมื่อเริ่มปฏิบัติในกรรมฐานกองนั้น ท่านให้ถือนิมิตอะไรเป็นสำคัญต้องรักษานิมิตนั้นให้มั่นคง คือกำหนด
    จดจำภาพนั้นให้ติดใจ จะกำหนดรู้เมื่อไรให้เห็นได้ชัดเจนแจ่มใสตามสภาพเดิมที่กำหนดจดจำไว้
    อย่างนี้ท่านเรียกว่า "บริกรรมนิมิต" จัดเป็นสมาธิได้ในสมาธิเล็กน้อยที่เรียกว่า "ขณิกสมาธิ"
    นิมิตใดที่ท่านนักปฏิบัติเพ่งกำหนดจดจำไว้ มีความชำนาญมากขึ้น จนภาพนิมิตนั้น
    ชัดเจนแจ่มใส สามารถบังคับให้สูง ต่ำ ใหญ่ เล็ก ได้ตามความประสงค์ แล้วต่อไปนิมิตนั้นค่อยเปลี่ยนสี
    จากสีเดิมไปทีละน้อย ๆ จนกลายเป็นสีใสสะอาด อย่างนี้ท่านเรียกว่า" อุคคหนิมิต " ถ้าเรียกเป็น
    สมาธิก็เรียกว่า " อุปจารสมาธิ " ถ้าเรียกเป็นฌานก็เรียกว่า " อุปจารฌาน "
    นิมิตใดที่นักปฏิบัติเพ่งพิจารณากำหนดอยู่จนติดตาติดใจ จนนิมิตนั้นกลายจากสีเดิม
    มีสีขาวใสสวยสดงดงาม มีประกายคล้ายดาวประกายพรึก อารมณ์จิตแนบสนิทไม่เคลื่อนไหว ลมหายใจ
    อ่อนระรวย ภาพนิมิตที่สดสวยนั้นหนาทึบเป็นแท่ง อารมณ์จิตไม่กวัดแกว่งไปตามเสียงที่เข้ามากระทบ
    โสตประสาท แม้เสียงจะดังกังวานเพียงใด จิตใจก็ไม่หวั่นไหว คงมีอารมณ์สงบเงียบ กำหนดจดจำนิมิต
    ไว้ได้ด้วยดี อาการอย่างนี้เรียกเป็นนิมิต ท่านเรียกว่า " ปฏิภาคนิมิต " ถ้าเรียกเป็นสมาธิท่านเรียกว่า
    " อัปปนาสมาธิ " ถ้าเรียกเป็นฌาน ท่านเรียกว่า " ปฐมฌาน "
    นิมิตตามที่ท่านกำหนดให้ยึดถือตามกฎของปฏิบัติกรรมฐานกองนั้น ๆ อย่างนี้เป็นนิมิตที่
    จำเป็นต้องกำหนดจดจำและทำให้ถึงขั้นถึงระดับ


    นิมิตที่จำต้องละ

    นิมิตที่จำต้องละก็คือ นิมิตเลื่อนลอย เมื่อจิตมีสมาธิเล็กน้อย เช่น ขณิกสมาธิ ตอนปลายใกล้
    จะถึงอุปจารสมาธิก็ดี หรือจิตเข้าสู่สมาธิก็ดี ตอนนี้จิตเริ่มจะเห็นสิ่งที่เป็นทิพย์ เพราะอารมณ์นิวรณ์เริ่ม
    สงัดจากจิต จิตก็จะเริ่มเห็นภาพบ้าง แสงสีต่างๆ บ้าง ความสว่างไสวบ้าง ซึ่งเป็นของใหม่ของจิต เพราะ
    เป็นของใหม่ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนั่นเอง ความปลาบปลื้มลิงโลดจึงปรากฏมีแก่นักปฏิบัติที่ประสบพบ
    เห็น พากันละอารมณ์ภาวนา หรือการพิจารณาเสีย ปล่อยใจให้เลื่อยลอยไปตามภาพหรือแสงสีที่เห็น จน
    ภาพนั้นเลือนรางหายไป วันต่อไปถ้าทำไม่เห็น เพราะมีความติดอกติดใจในภาพและแสงสีนั้น นั่งคิดนอน
    มองใคร่จะได้เห็นภาพและแสงสีอีก เมื่อความใคร่เกิดขึ้นแทนที่จะได้เห็นอีกกลับไม่ได้ประสบพบเห็น
    บางรายเมื่อไม่ได้เห็นภาพอีก ถึงกับเสียอกเสียใจ ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ กลายเป็นโรคประสาท -
    หลอนไปก็มี จัดว่าเป็นความเสียหายหนักของนักปฏิบัติ
    ทางที่ถูกแล้ว สำหรับภาพนอกองค์กรรมฐานที่กำหนดเดิมนั้น ท่านสอนไม่ให้สนใจ เพราะถ้า
    กรรมฐานกองที่ปฏิบัติอยู่นั้น เป็นกรรมฐานที่มีนิมิตอะไรเป็นอารมณ์ก็ต้องยึดถือนิมิตเดิมเป็นสำคัญ
    ถ้ามีนิมิตอื่นแปลกปลอมเข้ามาก็ต้องกำจัดไปเสีย วิธีกำจัดก็ไม่สนใจไยดีในภาพนั้นๆ นั่นเอง เพราะถ้า
    สนใจเข้า จักให้สมาธิฟั่นเฟือน ควรถือว่าเป็นนิมิตทำลายความดี ไม่ควรคบหาสมาคม ให้ยึดถือนิมิตที่
    ่กำหนดเดิมเป็นสำคัญ
    ถ้ากรรมฐานที่กำลังปฏิบัติอยู่ เป็นกรรมฐานไม่มีนิมิตเป็นอารมณ์ ถ้ามีนิมิตเกิดแทรกขึ้นมา
    ก็จงตัดทิ้งไปเสียอย่าสนใจ เพราะกรรมฐานใดที่ไม่มีนิมิตเป็นอารมณ์ เมื่อปรากฏนิมิตแทรกขึ้นมา
    ต้องถือว่านิมิตนั้นเป็นศัตรูของกรรมฐานที่กำลังปฏิบัติอยู่
    นักปฏิบัติที่เอาดีถึงระดับฌานไม่ได้ ก็เพราะมาติดอกติดใจหลงใหลใฝ่ฝันในนิมิตเป็นสำคัญ
    ความจริงจิตที่จะเห็นนิมิตได้นั้น ก็เป็นจิตที่เริ่มเข้าระดับดีบ้างแล้ว คือเริ่มมีสมาธิเล็ก ๆ น้อยๆ การเห็น
    ภาพก็เพราะจิตเริ่มมีสมาธิ แต่ที่เห็นนิมิตแล้วทิ้งคาถาภาวนาหรือทิ้งการกำหนดลมหายใจเข้าออก
    ปล่อยใจให้เลื่อนลอยไปตามภาพนิมิตนั้น เป็นการบ่อนทำลายนิมิตและสมาธิโดยตรง การเห็นจะทรง
    อยู่ได้นานก็เพราะสมาธิทรงตัวนาน ถ้าเห็นแวบเดียวหายไป ก็แสดงว่าจิตเรามีสมาธินิดเดียว ที่ภาพนั้น
    หายไป ไม่ใช่ภาพนั้นหนีไป ความจริงภาพไม่ได้หนี สมาธิเราไม่ทรงตัวต่างหาก เมื่อสมาธิหมด การ
    ทรงตัว เพราะปล่อยจิตลอยไปตามภาพ สมาธิก็สลายตัว เมื่อสมาธิสลายตัวจิตก็มีอารมณ์มืด เพราะ
    ไม่มีสมาธิ จิตที่มีอารมณ์สว่างสามารถเห็นภาพได้ก็เพราะจิตมีสมาธิ ถ้านักปฏิบัติรู้เท่าทันแล้วเมื่อ
    เห็นภาพแทนที่จะมั่นใจในภาพ กลับกำหนดอารมณ์ ในสมาธิให้มากขึ้น โดยไม่สนใจในภาพเลยอย่างนี้
    ภาพนั้นจะชัดเจนแจ่มใสอยู่ได้นานจนกว่าสมาธิจะเคลื่อน ขอสรุปย่อเข้าเพื่อเข้าใจง่ายว่า ภาพนิมิตใด
    ที่นอกเหนือไปจากภาพนิมิตที่กรรมฐานนั้นๆ มีกฎให้กำหนดแล้ว ถ้าปรากฏมีขึ้นในขณะเจริญสมาธิ
    ท่านไม่ให้สนใจกับภาพนั้น ๆ เลย มุ่งหน้ากำหนดภาวนาไปตามปกติ ภาพนั้นจะทรงอยู่หรือหายไป
    อย่างไรก็ช่าง อย่างนี้จึงจะถูกต้อง และเข้าถึงฌานได้รวดเร็ว ตรงตามความประสงค์ในการปฏิบัติสมาธิ
    เพื่อดำรงฌาน


    ที่มา:
    http://www.palungjit.org/smati/k40/nimit.htm
     
  18. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745

    โมทนาสาธุ
    วิปัสสนาไปค่ะ จิตกำลังสรรค์หาธรรมะ
    โลกนี้คือละคร ตัวเราจิตเราคือตัวละคร
    แต่อย่าให้กิเลสเป็นผู้กำกับนะ ขอให้เอาสติเป็นผู้กำกับดีก่า
     
  19. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    ต่อไปให้รีบตั้งใจปฏิบัติ
    อย่าสนใจคนอื่น สนใจจิตตัวเองให้มากๆ รักษาจิตตนเองให้ดี
    รักษาองค์พระ(ภาพพระ)ไว้อย่าให้หาย ชำระใจให้
    ปราศจากความโลภ โกรธ หลง มันก็ถึงเองแหละนิพพาน
    ไม่ใช่ปากก็บอกจะไปนิพพาน แต่ไม่ชำระโลภ โกรธ
    หลงให้ขาดไป อธิษฐานยังไงมันก็ไม่ถึงนะแก
    นิพพานเข้าไม่ได้ด้วยการอธิษฐาน แต่ต้องอาศัยการปฏิบัติซึ่งจุดสำคัญคือการละอารมณ์ โลภ โกรธ หลง


    โมทนาสาธุกับธรรมทานค่ะ
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=uHhhYnrhkX4]เจาะใจ สามเณรปลูกปัญญาธรรม 1/3 - YouTube[/ame]​

    สติช่วยทำให้จิตนิ่ง
    สติช่วยจิตแยกแยะผิด-ถูก หรือ ดี-ชั่ว
    สมาธิทำให้จิตสุขสงบ
    ปัญญาช่วยให้จิตรู้ตามความเป็นจริงแท้
    ธรรมในจิตช่วยสอนตนเอง
    พุทธะในจิตช่วยตอบปัญหาตนเองและผู้อื่นได้​
     

แชร์หน้านี้

Loading...