มีเรื่องกลุ้มใจมากครับ น้องผมกำลังจะตาย

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย Pommarin, 30 ธันวาคม 2012.

  1. Pommarin

    Pommarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +332
    ชื่อ อมลดา บุตรพรม ครับ

    ขอบคุณมากๆครับ รูปถ่ายนี้ก่อนจะทรุดหนักนะครับ ตอนนี้ผอมกว่าเดิมเยอะครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • photo.JPG
      photo.JPG
      ขนาดไฟล์:
      311.8 KB
      เปิดดู:
      273
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2013
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    เสียใจด้วยครับ...

    ท่านจขกท เมื่อทำบุญแล้ว ถ้ายังทัน..ควรไปเยี่ยมและบอกกล่าวให้น้องทราบ ทำนองนี้ว่า...

    น้ิองรัก วันนี้พี่ได้ทำบุญให้น้อง(มีการถวายอาหารแก่พระภิกษุ หรืออื่นใดที่ทำแล้ว) ขอให้น้องรับรู้และอนุโมทนาด้วยนะ ..

    จากนั้นก็กล่าวให้น้องรับไตรสรณคมน์ด้วยการพูดกับน้องว่า..

    น้องรัก ขอให้น้องตั้งใจว่าตามในใจดังนี้นะ..

    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ข้าพเจ้า ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    ข้าพเจ้า ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    ข้าพเจ้าขอถึง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
    ทุติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    แม้ครั้ง ที่สอง ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
    ทุ ติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    แม้ครั้งที่สอง ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
    ตะติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
    ตะ ติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่
    ตะติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    แม้ครั้งที่สาม ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง

    แม้น้องอาจไม่ตอบสนองทางกาย แต่หากจิตยังไม่พรากจากร่าง เขาอาจรบรู้ได้ และหากเขาทำตาม การเกิดในสุคติภูมิย่อมหวังได้ครับ..


    ขอแผ่บุญทั้งหลายอันข้าพเจ้าทำไว้แล้วตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ทั้งทานศีลและภาวนา ไปยังน้องของท่านPommarin..ขอให้น้องมีจิตโสมนัสอนุโมทนาและด้วยอานิสงคนั้นขอให้น้องฟื้นคืนจากอาการป่วย และหายจากโรคโดยเร็ว

    กราบเรียนเชิญท่านสมาชิกพลังจิตทุกท่านช่วยกันแผ่พลังบุญให้น้องด้วยครับ_/\_
     
  3. Pommarin

    Pommarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +332
    ขอบคุณมากครับ ผมทำได้เท่านี้จริงๆ
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    คุณ Pomทำดีที่สุดแล้วครับ คิดเสียว่าเขากำลังจะพ้นจากความทรมาน เพื่อไปสู่ที่ดีนะครับ อย่าปล่อยใจให้เศร้าจนเกินไป เวลานี้คุณ Pomต้องเข้มแข็ง ขอให้สวดมนตร์บทอิติปิโสฯแล้วทำใจให้แน่วแน่แผ่บุญให้น้ิองให้มาก แผ่ให้เทวดาที่ประจำที่โรงพยาบาลที่น้องรักษาตัวอยู่ ขอให้ช่วยคุ้มครองน้องให้หายหรือนำไปสู่ภพที่ดี อย่ามัวจมโศก ซึ่งไม่มีผลดีกับใครนะครับ

    เข้าใจความรู้สึกนะครับ..ในบางเรื่องก็สุดวิสัยที่ใครจะทำอะไรได้นะครับ
     
  5. Pommarin

    Pommarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +332
    เขาได้แต่บอกกับญาติทุกคนว่าไม่ต้องโทษตัวเอง เขาผิดเองที่ทำบุญไว้น้อย

    ได้ทราบจากหมออีกว่า มะเร็งตัวนี้ไม่มียารักษา ใช้ยาตัวเดียวกับมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งปากมดลูกไม่ได้

    เขาพยายามที่จะสู้ครับ แต่ในเมื่อหมอบอกมาขนาดนี้ ว่าไม่มีทางรักษาเลย

    ได้มากสุดคือยื้อ เวลาตายเท่านั้น ตอนนี้ผมกำลังจะออกไปหาเขาที่ รพ ครับ

    สวดมนต์ทุกวันตั้งแต่รู้ว่าเขาเป็นมะเร็ง อุทิศให้เจ้ากรรม นายเวรตลอด

    ผลสุดท้ายได้แต่การยื้อเท่านั้นเอง

    ขอบคุณมากๆเลยครับ สำหรับข้อคิด ผมได้มีโอกาสอ่านเว็ปนี้ประจำอยู่แล้วครับ

    แต่ไม่ได้สมัครสมาชิกเข้ามา

    ขอให้ผลบุญที่ข้าพเจ้าทำตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันขอให้ผลบุญนี้ส่งผลให้

    น.ส อมลดา บุตรพรม หายจากโรคภัยทั้งหลายทั้งปวงด้วยเถิด ขอให้มีปาฏิหาริย์ช่วยน้องข้าพเจ้า

    ในสิ่งที่ข้าพเจ้าทำดีนั้น ข้าพเจ้าจะทำดีไปตลอดชีวิตของข้าพเจ้า โปรดเมตตาน้องข้าพเจ้า
     
  6. asuka

    asuka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +188
    หนูก็มีพี่ชายเหมือนกัน ได้เห็นพี่ชายดีมีความรัก เอาใจใส่น้องๆ ซาบซึ้งใจจริงๆค่ะ สาธุ บุญกุศลที่หนูได้ทำมา ขอให้บุญกุศลนั้นได้ส่งให้ น.ส อมลดา บุตรพรม หายจากโรคภัยทั้งหลาย อยู่เย็นเป็นสุข อย่าได้ทรมานอีกเลย เอาใจช่วยน่ะค่ะพี่ สู้ๆ
     
  7. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    ไปถวายสังฆทาน พร้อมปัจจัย วัดใกล้บ้านที่สุดที่คุณสามารถไปได้ เขียนใส่กระดาษว่า "ถวายให้เจ้ากรรมนายเวรของน้องสาวชือ .......นามสกุล.........เวลาพระท่านสวดยะถา...คุณก็กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรของน้องสาวชื่อ..... นามสกุล......ขอให้มารับส่วนบุญกุศลเมื่อมารับแล้วก็อนุโมทนาบุญและให้หมดกรรมหมดเวรกับน้องสาวคุณให้เจ้ากรรมนายเวรออกจากน้องสาวไปอยู่ภพภูมิที่สูงขึ้นยิ่งๆขึ้นคะ รีบไปทำคะ บุญรักษานะคะ
     
  8. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    อาการน้องเป็นอย่างไรบ้างครับ?..

    เขายังมีสติรู้สึกตัวหรือไม่ครับ?..

    ถ้ามีเทปธรรมะหรือสวดมนตร์ (มือถือก็ได้)เปิดไว้ข้างหมอนที่น้องนอน ให้เขาฟัง น่าจะดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2012
  9. Pommarin

    Pommarin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +332
    พึ่งกลับมาจาก รพ ครับ ไปหาน้องตั้งแต่เช้า

    อาการตอนนี้จะว่าหนักก็หนักครับ แต่ยังพูดคุยได้ ตอนคุยก็เหนื่อยมากครับ

    พอได้เห็นหน้าผมก็ได้ดีใจ นั่งคุยกับผม ชวนคุยนั่น คุยนี่

    สรุปอาการเลยนะครับ มะเร็งชนิดนี้ไม่มีทางรักษาหาย ไม่มียาที่จะรักษา
    หมอบอกว่าต้องทำใจเท่านั้น แค่ที่นอนอยู่ รพ เพื่อให้รักษาแค่อาการภายนอกเท่านั้น
    วันที่สองจะกลับไปเข้ายาอีก คงหวังให้ขนาดมันลดลง เพราะปอดตอนนี้เหลืิอ
    20% ตอนที่เจอเป็นระยะสุดท้ายแล้ว

    ผมยังคงภาวนาขอให้มีปาฏิหาริย์ ว่าในการกลับไปเข้ายาจะทำให้ขนาดของมันลดลง
    แล้วผ่าตัดได้ ส่วนในการฉายรังสีต้องรอคิวถึง เดือน พ.ค ปี 56 กว่าจะถึงขนาดนั้น

    น้องผมคงไม่ไหวแล้ว
     
  10. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ได้ีรับคำแนะนำจากเพื่อนฝรั่งที่สนิทกันว่า ให้พี่ชายไปบอกน้องสาวว่าจะไปทำบุญปล่อยชีวิตสัตว์..

    แล้วไปทำตามนั้น.. อาจไปซื้อปลาเป็นจากตลาดสด 5-6 หรือมากกว่าตัวไปปล่อยตามแหล่งน้ำที่สมควร (ไม่แนะนำให้ซื้อจากคนที่ขายเต่า ปลาไหลฯลฯ เพื่อการปล่อย..แต่ให้ซื้อจากแม่ค้าขายปลาสดในตลาด) เพราะสัตว์เหล่านั้นกำลังจะถูกฆ่า มีสภาพคล้ายน้อง หรือจะ่ร่วมไถ่ชีวิตโคกระบือจากโรงฆ่า หรืออื่นๆ เท่าที่สามารถทำได้ หลังจากทำแล้ว ไปบอกเล่าให้น้องทราบให้เขาอนุโมทนารับรู้ด้วย..

    ผมเองก็หวังให้มีปาฏิหาริย์เช่นกัน ว่าน้องจะหายจากโรคและกลับคืนสู่ปกติครับ
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    นำมาลงให้อ่านครับ...

    ส่งลูกเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

    ตอนที่ 1 วันแห่งความโหดร้าย

    เช้าแรกของเดือนตุลาคม 2550 วันนี้อากาศแจ่มใส เป็นวันที่ ลูกๆ ของผู้หญิงคนนี้มีความสุขมาก ผู้หญิงคนนี้ชื่อว่า หทัยภรณ์ กสิกิจนำชัย ลูกๆ เรียกเธอว่า หม่าม้า มีลูกด้วย 2 คน คนโตชื่อว่า เหวินยุ่ย(โย้ง) ส่วนคนเล็กก็ตามปกติของลูกคนเล็ก ชื่อว่า ตี้ตี้ และอย่างที่บอกวันนี้เป็นวันที่ลูกๆ มีความสุขที่สุดเพราะเป็นวันแรกที่ปิดเทอม และตี้ตี้กำลังจะเดินทางไปเที่ยวรัสเซียกับปาป๊า โดยเหวินยุ่ยอยู่เป็นเพื่อนหม่าม้า เมื่อส่งปาป๊าและน้องที่สนามบินเสร็จแม่ลูกก็ขับรถกลับบ้าน แต่ขณะที่กำลังขับกลับนั้นเอง เหวินยุ่ย ไอเป็นชุดเลย ทำให้หม่าม้าถามขึ้นว่า "ลูกไออีกแล้วนะ ครั้งนี้ไอหนักด้วย กินของทอดอีกแล้วหรือ เจ็บคอหรือเปล่า" แม่ถามลูกเหมือนปกติทุกครั้งที่เห็นลูกไอ แต่กินยาก็หาย

    "ไม่เจ็บคอหรอก ไอจนชินแล้ว แต่หมู่นี้ไม่รู้เป็นไงไอบ่อยจัง หายใจก็ไม่ค่อยคล่อง"

    "ไปหาหมอหน่อยดีกว่านะลูก เป็นหวัดก็ไม่ได้เป็น ไปตรวจซะหน่อยดีไหม"

    "ตามใจหม่าม้า"

    หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แม่ขอให้ลูกตรวจกับแพทย์เฉพาะทางด้านปอด แพทย์ตรวจและขอ X-ray ขณะที่รอฟังผล แม่ลูกคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่คิดเลยว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิต หมอเรียกพวกเค้าไปแล้วขอเจาะเลือดเพิ่ม หมอบอกว่า ปอดไม่สวยเลย มีก้อนเนื้ออยู่บนขั้วปวดกว้างประมาณ 6 ซ.ม. ยาวประมาณ 10-12 ซ.ม. ที่ปอดทั้ง 2 ข้างมีก้อนเนื้อใหญ่เล็กหลายจุด ใหญ่สุดประมาณ 5 ซ.ม.

    ไม่มีเสียงใดๆ ออกจากปากทั้ง 2 คนแม่ลูก มีแต่เสียงหัวใจของผู้เป็นแม่ที่เต้นโครมคราม อยู่ภายในว่า หมอกำลังบอกว่า "ลูกเป็นมะเร็ง" แม่มองหน้าลูกโดยพยายามยิ้มและทำหน้าปกติที่สุด แต่ลูกมาบอกภายหลังว่าเป็น รอยยิ้มที่แย่ที่สุดของแม่เลย

    หมอถามแม่กับลูกว่าพร้อมที่จะพูดคุยกับหมอเฉพาะทางไหม แล้วมีหรือที่แม่จะไม่พร้อม เมื่อเข้าไปคุยกับหมอ หมอก็ขอให้ทำ CT scan ขณะที่รอฟังผลก็ภาวนาให้ผลออกมาไม่ตรงกับผล x-ray แต่ผลออกมาว่า "ลูกคุณเป็นมะเร็งบนขั้วปอด และกระจายไปสู่ปอดทั้ง 2 ข้างแล้ว"

    แม่ถามออกไปว่าลูกเป็นขั้นไหนแล้ว แต่ไม่อยากให้หมอพูดต่อหน้าลูกเพราะกลัวเค้ากลัวและไม่สบายใจ แต่หมอกลับพูดว่า " น้องอายุยังน้อย 20 เอง รูปร่างสูงใหญ่ หมออยากให้น้องเค้ารับรู้ด้วย หมอเห็นผลเลือดแล้ว หมอดีใจ คุณ........เป็นผู้โชคดีบนความโชคร้าย คุณเป็นมะเร็งที่มีชื่อเรียกว่า Gem Cell นักศึกษาทุกคนทราบดีว่ามะเร็งตัวนี้ รักษาง่าย ด้วยการทำ คีโม ก็เห็นผลแล้ว 90% ของมะเร็งชนิดนี้รักษาหาย "

    คำบอกเล่าของหมอทำให้ทั้งคู่มีความหวัง จึงยิ้มและถามออกไปว่า "คุณหมอพบ และทำการรักษาคนที่เป็นโรคนี้ทั้งหมดกี่คนแล้วค่ะ" ประมาณ 70 คน อีก 10% ที่ไม่หายเป็นไงบ้างค่ะ เมื่อรักษาหายแล้ว อีก 2 ปีจะกลับมาอีก
    หมอ เริ่มอธิบายถึงขั้นตอนในการรักษา โดยจะทำคีโม 5 ครั้งๆ ละ 5 วัน โดยห่างกัน 21 วัน วันแรกที่ทำมะเร็งจะลดขนาดลงและอาการไอก็จะดีขึ้น

    2 แม่ลูกได้ฟังก็ยิ้มได้และกลับบ้านไปด้วยความหวัง เริ่มทำคีโมครั้งแรก วันแรกที่ทำลูกหายใจได้คล่องขึ้นจริงๆ อาการไอก็ทุเลา ทำการให้ต่อครบ 5 วัน ทำการตรวจเลือดและ x-ray ปรากฏว่าก้อนเนื้อใหญ่กว่าเดิมทั้งๆ ที่จริงๆมันต้องเล็กลง และตำแหน่งที่เกิดก็เริ่มกดทับเส้นเลือดใหญ่ กดทับหลอดลมจนเบี้ยว ยิ่งไปกว่านั้นยังไปอยู่ติดกับหัวใจด้วย

    ผู้เป็นแม่จึงเริ่มที่จะศึกษาเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับโรคนี้ และเริ่มให้ลูกหยุดการเรียนที่มหาลัยไว้ก่อน แต่ลูกต่อลองว่าขอเหลือไว้ 1 วิชาเพราะอยากเจอเพื่อนๆ จากเรื่องราวนี้ทำให้ผู้เป็นแม่ทราบว่าการทำคีโม คือการใส่ยาพิษเข้าไปสู่ร่างกายมนุษย์ เพราะคีโมจะทำลายแม้แต่เซลล์ที่ดีไม่เพียงแต่ทำลายมะเร็งเท่านั้น ทำให้ร่างกายมีอาการเคลื่อนไส้อาเจียน ภูมิคุ้มกันถูกทำลาย ง่ายต่อการติดเชื้อ จำนวนเม็ดเลือดขาวจะลดลง ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้

    การทำ คีโมครั้งที่ 2 ทำให้ผมร่วงน้ำหนักไม่ลด ปลายนิ้วมือเท้าเริ่มชา ไม่ปวดเมื่อย ไม่มีอาการเคลื่อนไส้ ลูกยังทำตัวร่าเริงปกติ แต่ก็ต้องดูแลเรื่องการติดเชื้อ เมื่อคีโมครบ 5 วัน ผลกลับกลายเป็นว่าก้อนเนื้อใหญ่ขึ้นอีก

    หมอวินิฉัยว่า เป็นมะเร็งที่ดื้อยา ควรทำการผ่าตัดออก ซึ่งเมื่อลูกได้ยินก็จะรีบให้ทำเพราะอยากหายมากๆ แต่สิ่งที่แม่กลัวอยู่ในใจคือ มันรักษาไม่หาย ผู้เป็นแม่จึงขอพบหมอโดยที่ไม่มีลูกอยู่ด้วย

    หมอบอกว่าลูกคุณเป็นถึงขั้นที่ 4 แล้ว และดื้อยาด้วย แถมยังขึ้นติดกับส่วนที่สำคัญ ถ้าทำการผ่าตัดก็ไม่สามารถเอาออกจนหมดได้ เมื่อ ขอทราบวิธีการผ่า หมอบอกว่า ต้องผ่าช่องอกด้วยเลื่อย เลื่อยแผงซี่โครง และตัดก้อนเนื้อ ซึ่งไม่สามรถเอาออกได้หมด หลังจากนั้นก็เย็บปิดซี่โครง โดยการร้อยถัดด้วยลวดทางการแพทย์
    แม่จึงถามว่า ซี่โครงจะเชื่อมติดเมื่อไหร่…แล้วแต่ความแข็งแรงของคนไข้อาจจะ 2 เดือน…ก้อนเนื้อที่ปอดละค่ะ
    ไม่สามารถเอาออกได้เพราะกระจายไปทั่วแล้ว….แล้วจะผ่าทำไมค่ะ กระดูกยังไม่เชื่อมก็เกิดขึ้นใหม่แล้ว
    "หมอเห็นใจนะ ส่วนมากที่พบก็ขั้นสุดท้ายแล้ว ของลูกคุณเกิดในจุดสำคัญด้วย เกิดกับคนที่อายุเยอะยังดี นี่ลูกคุณยังแข็งแรงก้อนเนื้อก็จะยิ่งโตเร็ว หมอขอโทษที่ต้องพูดเช่นนี้"

    แม่นั่งร้องไห้ทำใจหมอช่างพูดได้ แต่ทำใจยากมาก เมื่อออกมาก็เจอคำถามจากลูก เลยต้องบอกว่า ผ่าไปก็ไม่คุ้ม ผ่าเอาออกไม่หมดก็ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อที่เหลือโตเร็วมากขึ้น จึงเริ่มคิดที่จะไปหาทางอื่นสำหรับการรักษา
     
  12. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ตอนที่ 2 น้ำตาลูกผู้ชายรินหลั่งครั้งแรก

    หลังจากที่ทั้งครอบครัวปรึกษากันแล้วว่าจะเปลี่ยนหมอ ผู้เป็นแม่ก็ตระเวนปรึกษาแพทย์ทั้งในและนอกประเทศเท่าที่มีคนแนะนำว่าดี คำตอบก็คือ โอกาสรักษาได้มีน้อยมาก ทำให้ต้องชั่งใจมากว่าเอาไงดี แต่สุดท้ายทุกคนในครอบครัวก็เลือกที่จะรักษาต่อในประเทศ เพราะอย่างน้อยลูกรู้สึกอบอุ่นกว่า

    ตั้งแต่รู้ว่าตนเองเป็นมะเร็ง ลูกจะตื่นมาสวดมนต์ทุกเช้าและไปใส่บาตรทุกวัน เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร คืนแรกของการตัดสินใจเปลี่ยนหมอ เป็นคืนที่แม่ลูกนอนกุมมือกัน เมื่อมองหน้ากัน ลูกก็ร้องไห้โฮออกมาเลย นั้นเป็นครั้งแรกที่ผู้เป็นแม่ร้องไปกับเค้าด้วย ผู้เป็นแม่บอกกับลูกว่า….

    "ร้องให้เต็มที่เลยลูกมีอะไรปล่อยออกมาให้หมด" แล้วก็นอนกอดลูก ให้ลูกนอนหนุนตัก "หม่าม้าครับ ผมอยากเลี้ยงดูหม่าม้า ตอนที่หม่าม้าแก่เฒ่า ทำไมผมอายุแค่นี้เอง ต้องเป็นโรคนี้ด้วย"

    คนเป็นแม่เมื่อได้ฟังลูกพูดก็สะเทือนใจ มิเสียแรงที่สอนให้ลูกรู้จักกตัญญู หนูจำที่อากงสอนได้ไหม ไม่มีคำว่าทำไม พระพุทธองค์ทรงสอนว่า ในโลกนี้อะไรที่เกิดขึ้นมีเหตุ ก็ต้องมีผล มนุษย์เรามีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ แรงกรรมส่งเรามาเกิด สัตย์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อะไรเกิดเป็นผลย่อมมีเหตุปัจจัย คนเราแต่ละคนเกิดมาแล้วไม่รู้ว่ากี่พันชาติ ในอดีตก็ไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรกันไว้ เจ้ากรรมนายเวรของเราก็ไม่รู้ว่ามีอยู่กี่คน พุทธองค์จึงทรงสอนว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เมื่อเกิดแล้วขอให้ใช้ความสงบ ความมีสติ สยบความวุ่นวาย หันหน้าเข้าแก้ไขตามสภาวะแห่งความเป็นจริง แก้ไขได้เท่าไหร่ เอาแค่นั้น ในเมื่อมันเกิดมาแล้วเราก็ต้องรักษามันตามอาการ อย่าเพิ่งไปปรุงแต่งจนมันเลวร้ายไปหมด

    เมื่อเราเปลี่ยนหมอกายเราป่วยได้ แต่ใจเราห้ามป่วย เราต้องยอมรับความจริง และเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อเรามองดูตัวเรามีอะไรเป็นของเราบ้าง ผม ขน เล็บ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีอยู่ก็เหมือนไม่มี เราบังคับมันไม่ได้ บอกให้มันไม่เจ็บก็ไม่ได้ ไม่ให้แก่ก็ไม่ได้ สุดท้ายร่างกายนี้ก็ต้องเน่าเปื่อย แต่วิญญาณเท่านั้นที่ไม่ได้ตายไปตามร่างกาย หากมีเชื้อกิเลสอยู่ ก็จะกลับมาเกิดใหม่ อยู่กับกรรมที่เราเป็นทายาท

    ผู้เป็นแม่พยายาม ที่จะสอนธรรมให้ลูกเพื่อให้เค้าไม่กังวลมาก เพราะเค้ารู้สึกว่าตนเองนั้นไม่เคยสูบบุหรี่เลยแต่กลับต้องมาเป็นมะเร็งปอด ด้วยวัยเพียง 20 โลกของเค้ากำลังสดใส มีแต่ความสวยงามและสนุกสนาน คำสอนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ปลอบใจลูกเท่านั้นแต่รวมถึงใจแม่ด้วย ผู้เป็นแม่ต้องอยู่กับลูกตลอดเวลา เพราะพ่อต้องไปทำงานหาเงิน แม่จึงต้องเป็นผู้ที่เห็นและรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งเห็นความทรมานของลูกด้วย เวลาอยู่ต่อหน้าลูกต้องเข้มแข็ง อ่อนแอไม่ได้ แม้แต่เวลาอยากจะร้องไห้ต้องแอบร้องในห้องน้ำตอนที่อยู่คนเดียว เพราะไม่ต้องการให้ลูกใจเสีย แม้ขณะที่กอดลูก เอามือลูปหัวที่ตอนนี้ไม่ผมเหลืออยู่แล้ว

    "ทุกวันนี้ผมก็ตักบาตร สวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน ทำไมก้อนเนื้อมันยังโตขึ้นอีก"

    "การตักบาตรก็เป็นการให้ทานอย่างหนึ่ง เป็นการสะสมเสบียงบุญ สะสมไปเรื่อยๆ ทำเพียงไม่กี่วันจะให้เห็นผลทันตาได้ไง การสวดมนต์นั่งสมาธิ เป็นการฝึกจิตให้มีสติ ทุกวันนี้ หม่าม้าเห็นลูกร่าเริง ไม่หงุดหงิด ทำกิจกรรมทุกอย่างได้ ก็พอใจแล้ว ก้อนเนื้อจะเล็กลงหรือไม่อยู่ที่หมอรักษา ส่วนเรื่องเลี้ยงดูหม่าม้า ก็ไม่ต้องห่วง หม่าม้าอายุยังไม่มาก ดูแลตนเองได้ น้องก็อยู่ หนูไม่ต้องกังวล ทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุดนะลูก"

    "แล้ววันนี้ของผมเหลืออีกกี่วัน ผมอยากรู้นัก" พูดพร้อมน้ำตาที่พยายามหยุดมันไว้

    "ไม่มีใครรู้ว่าวันนี้ของเราเหลือเท่าไร อาจจะเหลือแค่หนึ่งลมหายใจ เหลือวันเดียว ปีหนึ่ง หรือ 10 ปี ก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ลูกอยากทำอะไรทำเลย แต่ต้องทำในสิ่งที่ไม่ทำให้ตนเอง คนรอบข้างและสังคมเดือดร้อน ถ้าทำแล้วมีความสุขทำเลย "

    ผู้เป็นแม่พยายามกั้นน้ำตาพูดกับลูก พยายามไม่ให้มีเสียงสะอื้นหรือไม่ให้เสียงสั่น รู้สึกผิดที่ที่ผ่านมา "ฉันเลี้ยงลูกอยู่ในกรอบ และมาตรฐานของตนเองในการเลี้ยงลูก พยายามให้เรียนในสิ่งที่ตนเองอยากเรียนแต่ไม่มีโอกาสได้เรียน โดยไม่คำนึงถึงความพร้อมหรือความถนัดของเค้าเลย ลูกต้องเรียนโรงเรียนดีๆ มีชื่อเสียง ทำทุกอย่างเพื่อลูก เพราะรักลูก ต้องการให้ลูกมีอนาคตที่ดี แต่ฉันทำพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะฉันไม่ได้คิดถึงหัวใจน้อยๆของเขา ที่เขาต้องฝืนทำในสิ่งที่เค้าไม่ชอบ ต้องเจ็บปวดเวลาที่เค้าอยากดูรายการฟุตบอล แล้วฉันห้ามไม่ให้ดู เพราะกลัวเค้าติดการพนัน ลูกอยากจะเล่นฉันก็ห้ามเพราะกลัวเค้าเกิดอุบัติเหตุ ไม่ยอมติดเคเบิลเพราะไม่อยากให้เค้าได้ดู ทั้งๆที่ลูกเป็นเด็กดีเชื่อฟังทุกอย่าง ที่ผ่านมาฉันทำร้ายจิตใจเค้าโดยไม่เคยนึกถึงเลย"

    ผู้เป็นแม่เฝ้าถามตนเองว่า "สายไปหรือเปล่าที่จะให้ลูกเป็นอย่างที่เค้าต้องการ ให้เค้าสุขอย่างที่เค้าชอบ" นอกจาก
    หนังสือธรรมะ ก็ได้ซีดีตลกเป็นร้อยตอน เพื่อที่จะนั่งดูกันแม่ลูกเล่นเกม เล่นเปียโน คุยโทรศัพท์กับเพื่อน เค้ายังหวังอยู่เต็ม 100 ว่าเค้าจะหายและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติกับเพื่อนๆที่เค้ารักและรักเค้า

    และเมื่อการทำคีโมครั้งที่ 3 เกิดขึ้น เค้าก็ปวดเมื่อย ขณะที่ทำคีโม ผู้เป็นแม่จึงนวดให้ลูก

    "หม่าม้าครับไม่ต้องนวดก็ได้ มันเป็นหน้าที่ของลูก ที่ต้องทำให้แม่" ลูกน่ารักเสมอ พูดเพราะเกรงใจแม่ ทั้งๆที่ตนเองทรมานอยู่

    "ไม่เป็นไรลูก จำได้ไหม ตอนเป็นเด็ก เวลาหม่าม้านอนไม่หลับ เราบีบนวดให้จนหม่าม้าหลับไปเราถึงหยุด ตอนนี้ลูกป่วยหม่าม้าทำให้ได้อยู่แล้ว"

    ทำคีโม 3-5 ครั้งผลก็ออกมาเหมือนเดิม ก้อนเนื้อไม่เล็กลงเลย กลับพัฒนาใหญ่ขึ้น แต่ไม่กระจายไปที่อื่นแล้ว หมอลงความเห็นว่าเป็นมะเร็งที่ดื้อยา

    ผู้เป็นแม่จึงถามหมอตรงๆว่า "คุณหมอมีทางรักษาไหมค่ะ ต่างประเทศก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ขอให้คุณหมอแนะนำด้วย"

    "เท่าที่ผ่านมาหมอก็ให้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ไปต่างประเทศยาก็คงไม่แตกต่างกัน"

    ถ้าเช่นนั้นจากอาการของลูก ลูกจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน "หนึ่งปี" หนึ่งปีคือคำตอบ แต่หมอบอกว่ายังมีอีกวิธี คือการทำสเต็มเซลล์

    ผู้เป็นแม่เดินออกมามองหน้าลูกแล้วพูดว่า
    "ปาฏิหาริย์มีจริงนะลูก ดูอย่างบางคนเป็นขั้นสุดท้ายแล้วปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานก็ยังสามารถหายจาก โรคได้ ลองดูกันนะ" คำปลอบใจตนเองและลูกที่น่ารัก หัวอกคนเป็นแม่จะมีอะไรทุกข์ได้มากกว่านี้
     
  13. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ตอนที่ 3
    ความรักลูก ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องกาข้อมูลเกี่ยวกับการทำ สเต็มเซลล์ ทั้งจากหนังสือและจากผู้เชี่ยวชาญ เมื่อรู้ก็ทำให้เห็นความน่ากลัวของมัน (ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ ความน่ากลัวที่น้อยคนนักจะรู้ คือการเอาไขกระดูกของคนไข้มาเพาะเลี้ยง เมื่อมันเติบโต ก็จะต้องมาลุ้นว่ามันจะเติบโตเป็นเซลล์ดีหรือเซลล์มะเร็ง
    ในขณะ เดียวกันคนไข้เมื่อถูกเอาไขกระดูกไปแล้วก็ต้องรับคีโมอีก ซึ่งครั้งนี้ต้องให้ยาแรงกว่าเดิม และจะต้องอยู่ในห้องที่ปลอดเชื้อเท่านั้น ซึ่งใครก็จะเข้าไปเยี่ยมไม่ได้ และถ้าคนไข้ทนไม่ได้ก็อาจจะต้องเสียชีวิตในตอนนี้ละ แต่ถ้าทนได้ ก็จะฉีดไขกระดูกที่เลี้ยงไว้กลับเข้าไปแล้วก็รอลุ้นว่ามันจะเป็นเซลล์ที่ดี หรือเซลล์มะเร็งที่ดี ถ้ามันเป็นซลล์มะเร็งก็เท่ากับเราไปเพิ่มมะเร็งในร่างกายของคนไข้นั้นเอง (น่ากลัวไหม)
    หลังจากที่ผู้เป็นแม่รู้อย่างนี้แล้ว จะมีแม่คนไหนบ้างที่จะกล้าเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อคีโมครั้งสุดท้าย ลูกเจ็บปวด และทรมานมากถึงขนาดพูดว่า "หม่าม้าครับ ไม่เอาอีกแล้วนะ ในเมื่อไม่มีทางรักษา ก็ขอหยุดเถอะ"
    ผู้เป็นแม่ไม่กล้าที่จะทำสเต็มเซลล์ เพราะคิดอยู่ในใจว่าถ้าลูกจะต้องตายก็ขอให้ตายอย่างสมบูรณ์ มีผมขึ้น สวยงามตามที่เค้าชอบดีกว่า อยู่บ้านรักษาสุขภาพ ฟื้นฟูร่างกาย ดีกว่าให้ลูกต้องทรมานไปจนถึงวันสุดท้ายของเค้านะ

    หลังจากที่ลูกทำคีโม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ร่างกายยังไม่สมบูรณ์ ยังไอ และกินมังสะวิรัติ วันละ 2 มื้อ ลูกก็ยอมบวช เริ่มปฏิบัติธรรม และแม่ได้ซื้อ ซีดี วัดวรเชษฐ์ จังหวัดอยุธยา เป็นซีดีบทสวดสอนเจ้ากรรมนายเวร บทสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร บทสวดโพชฌงค์ปริตร และบทสวดอีกหลายพระสูตร ซึ่งเพื่อนของผู้เป็นแม่ พ่อเค้าก็เป็นมะเร็ง เมื่อไรก็ตามที่ทรมาน เมื่อเปิดเทปความทรมานก็หายไป จากคำที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า เมื่อพระองค์ปรินิพาน สิ่งที่เป็นตัวแทนของพระองค์คือ "พระธรรม" ซึ่งเหมือนที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระวักลิว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"
    ฉะนั้นการสวดมนต์ในบทพระสูตรต่างๆจึงไม่ต่างอะไรกับการที่ได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์แล้ว

    ....แล้ว สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นจริงๆ มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริง เมื่อไรก็ตามที่ลูกไอ เมื่อเปิดเทปสวดมนต์ โดยอธิฐานว่าขอใช้เสียงสวดมนต์นี้เข้าเฝ้าพระองค์แทนตนเองที่สวดไม่ไหว ประมาณ 20 นาทีหลังจากเปิด (สำหรับพี่อ๋อแค่ นาทีเดียวไอก็แย่แล้วงะ) เค้าก็จะหายจากอาการไอ ผู้เป็นแม่พยายามที่จะหาคำแปลของบทสวดต่างๆ มาให้ เพื่อให้เข้าใจในคำสวดทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะไม่งั้นก็เท่ากับเป็นนกแก้วนกขุนทอง เมื่อบวชเค้าก็พาลูกเดินทางไปอินเดีย ไปสักการะ 4 สังเวชนียสถาน (ถ้าตามที่พุทธองค์ตรัส ตายไปก็ไปสวรรค์แน่แล้วงะ) ทั้ง 2 แม่ลูกได้ไปกราบท่านเจ้าคุณพระราชรัตนรังษี ซึ่งบอกแล้วศรัทธาเท่านั้นที่ดีที่สุด เมื่อไปถึงอินเดีย แค่วันแรกเท่านั้นที่ยังไอยู่ นอกนั้นอาการไอและป่วยหายไปจนสิ้น ทุกวันของการสวดมนต์ไหว้พระ ผู้เป็นแม่จะสอนให้ลูกอธิฐานจิตว่า ขออุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร และขอให้หายจากโรคนี้แต่ถ้ามันจะไม่หายก็ขอให้อย่าทรมานเลย
    ตลอดเวลาที่อยู่ที่อินเดีย(จากประสบการณ์ที่เคยไป ขอบอกว่าอยู่ที่วัดนี้เหมือนสวรรค์เลย อาหารโคตรอร่อย นอนก็สบาย) ท่านเจ้าคุณท่านแสนดี พวกเราไม่ลำบากที่อินเดียเพราะท่านเลยละ ท่านมีแต่บวชให้ผู้คนที่ไปแล้วประทับใจจนไม่อยากกลับ แต่ครั้งนี้ท่านกลับยอมที่จะสึกพระให้กับแม่ลูกคู่นี้ แถมยังมีเมตตา โทรศัพท์มาถามไถ่และมาโปรดถึงบ้านด้วย ซึ่งในการสึกครั้งนี้ ผู้เป็นแม่ก็ขอให้ลูกเปลี่ยนชื่อ เพื่อที่จะได้เริ่มชีวิตใหม่ แต่ลูกทำหน้าแสนเบื่อเพราะชีวิตนี้เปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง เพราะแม่ทั้งสิ้น ส่วนคราวนี้ถึงจะไม่พอใจ แต่ก็เหมือนทุกครั้งคือ ถ้าแม่สบายใจ และตนเองมีความหวังว่ามันอาจจะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ก็ทำในที่สุด หลังจากกลับจากอินเดีย เค้าได้เพื่อนพี่น้องดีๆ มาหลายคนทำให้ชีวิตแต่ละวันของเค้ามีความสุขมากขึ้น ผมเริ่มขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้นจนเหมือนคนปกติทุกอย่าง แม่ลูกยังคงไปวัดอย่างสม่ำเสมอ เพียงแต่ไปวัดใกล้ๆเพราะจะทำให้ลูกเหนื่อยง่าย
    ถึงขนาดลุกขึ้นมาเขียนกลอนหัวข้อว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา แต่กูยังอยากอยู่ต่อว้อย
    แม่ได้ทีจึงพูดว่า "เยี่ยมมาก ในเมื่อลูกอยากอยู่ต่อ ลูกก็ต้องรักษาตัว อย่าตามใจปาก อะไรที่เป็นอาหารของเพื่อนของเรา(เจ้าก้อนเนื้อ) เลี่ยงได้ก็เลี่ยง และต้องไม่ลืม ธรรมะโอสถนะลูก"
    หมาร่าในชีวิต นี้ก็ถือว่าสมบูรณ์แล้วนะ เพราะลูกผู้ชายได้เรียน ร.ด. ได้บวชเรียน แต่หม่าม้าครับ ผมยังตายไม่ได้ เพราะยังมีอีก 2 เรื่องไม่ได้ทำ "
    อะไรหรือลูก… 1. ผมยังไม่ได้รับปริญญา มันเป็นความฝันอันสูงสุด….2. ผมยังไม่มีแฟนงะ
    กวนนะเนี่ย ผู้เป็นแม่ยิ้มแล้วพูดว่า ลูกเอ๋ย ถ้าหาย เรื่องเรียนจะเรียนอะไรเมื่อไหร่ได้เลย แต่เรื่องแฟนอย่าพึ่งมาเป็นภาระเลยนะ หลังจากการปฏิบัติที่ดีของทั้งแม่ลูก ความทรมานของกายและใจก็บรรเทา แต่ชีวิตมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อเราไม่ได้อยู่คนเดียว จึงมีผู้ที่หวังดีประสงค์ร้ายเกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งงานนี้ก็เช่นกัน มีหลายคนชอบถามว่า ทำไมไม่เอาลูกไปรักษาที่ต่างประเทศ ทำเหมือนแม่ไม่รักลูก ใครจะหวังดีและรู้ดีเท่าแม่ไม่มีอีกแล้ว สภาพร่างกายของลูกเรารู้อยู่ทุกวัน ใครจะไม่อยากให้ลูกหาย ด้วยความที่สังคมไทย ชอบเป็นห่วงกัน เมื่อห่วงก็เอาแต่ความคิดของตนไปยัดใส่เค้า พอเค้าไม่ทำตามก็ว่าๆเค้าไม่รักลูก เออ หนอคนเรา
    จากประสบการณ์ของครอบครัวนี้ ทำให้เค้าอยากบอกเป็นทานแก่ผู้คนที่ไม่เคยเข้าใจในสถานนะการณ์ของคนที่เค้า กำลังเศร้าว่า สิ่งที่มิตรที่ดีควรทำคืออะไร
    1. การให้กำลังใจ พูดคุยแต่เรื่องสนุกสนาน เพราะทั้งคนไข้และผู้ดูแลไม่อยากตอกย้ำ หรือเจ็บป่วย ทุกคนที่ เข้ามาจะถามซ้ำๆ เหมือนเป็นการตอกย้ำ
    2. อย่าแสดงอาการหรือสีหน้าว่าเวทนาคนไข้ หรือพูดประมาณว่า "โถ .... น่าสงสารจัง ทำไมดูผอมอย่างนี้ ทำไมดูแก่อย่างงี้" เวลาไปเยี่ยมก็อย่าไปทีละมากๆ บางครั้งด้วยอาการ หรือนิสัยของผู้ป่วยบางคน ที่อยากอยู่สงบ
     
  14. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ตอนที่ 4
    เมื่อลูกที่แสนดี ดีขึ้น จึงเริ่มทำหน้าที่ดีโดยขับรถพาแม่และน้องไปเที่ยว แต่ก่อนที่จะขับรถเดินทาง ลูกก็เริ่มมีอาการไข้ โดยกินยาลดไข้ เป็นๆ หายๆ แต่ก็ยังอยากพาน้องไปเที่ยว เพราะรับปากไว้ และนี่นับเป็นครั้งสุดท้ายที่ลูกได้ออกไปเล่นสนุกตามที่ใจเขาอยากไปแบบคน ปกติ
    ลูกเริ่มมีอาการไอและเจ็บปวดด้านข้างขวามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นๆ หายๆ จึงพาลูกไปหาหมอ เพื่อ x-ray ปรากฏว่ามีน้ำขังที่ผนังปอด ซึ่งเป็นอาการของโรคที่แสดงให้รู้ว่า "เวลาเหลือน้อยลงแล้ว"
    คุณหมอเจาะเอาน้ำออกแล้วใส่ยาเข้าไปเพื่อมิให้น้ำกลับเข้าไปอยู่อีก ขณะที่ทำ นึกถึงใจแม่สิ นั่งสวดมนต์อยู่หน้าห้อง ภาวนาให้สำเร็จและไม่เป็นขึ้นมาอีก คุณหมอบอกว่าเป็นมะเร็งปอดก็ต้องไอแบบนี้ สิ่งเดียวที่ทำให้ ลูกทรมานน้อยที่สุดก็คือ "ธรรมะโอสถ" ใครจะนึกว่ายาช่วยไม่ได้แต่บทสวดมนต์ เพียง ๒๐ นาทีก็สามารถทำให้ความทรมานหายไป การไอ หายไป
    มันคงถึงเวลา ผู้เป็นแม่จึงต้องพูดคุยกับลูกอีกครั้งให้เค้ารู้ตัว ซึ่งจากอาการเค้าก็คงสงสัยอยู่บ้าง ผู้เป็นแม่จึงถือโอกาสการอยู่ ร.พ.ครั้งนี้ให้เป็นโอกาส
    คนเราเมื่อไม่ทุกข์ก็ไม่เห็นธรรม (ไม่มีดำก็ไม่รู้จักขาว ไม่มีความไม่ดีก็ไม่รู้จักว่าดี) ความเจ็บป่วยทางกายใช้หมอรักษา ความเจ็บป่วยทางใจให้ธรรมรักษา
    ลูกรู้ใช่ไหมว่า ที่ลูกเป็นอยู่ดื้อยา ไม่สามารถรักษาได้ หม่าม้ามีเงินรักษาได้ แต่ไม่มียารักษา ไม่มีวิธีรักษา รอปาฏิหาริย์เท่านั้น "ผมเป็นระยะสุดท้ายแล้วใช่ไหม"
    หัวอกแม่กว่าจะตอบคำนี้......นึกเอา......ชีวิต "มะเร็งมันกระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ ก็เรียกว่าขั้นสุดท้ายแล้ว แต่บางครั้งปาฏิหาริย์เกิดเท่านั้น กลัวไหมลูก"
    "ไม่กลัว เพราะวันนั้นยังไม่มาถึง" ฟังแล้วอึ้งไหม
    ดีแล้วลูก อยู่กับปัจจุบันอย่างนี้ดีแล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ผู้เป็นแม่พูดพร้อมลูบผมลูก รวมทั้งกลั้นน้ำตา ใจนี่ละน้าที่แสน ทุกข์ สมุทัย นิโรท มรรค เกิดขึ้น รู้วิธีดับแต่ดับไม่ได้ .............. มนุษย์
    ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ให้คิดถึงคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือความไม่เที่ยง ไม่สามารถบังคับให้เป็นไปตามใจของเรา

    วันสุดท้ายของ ร.พ. คุณหมอเรียกไปคุยหลังจากดู x-ray คุณหมอว่า "หมอไม่เคยพบก้อนเนื้อใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย แสดงว่าลูกคุณแข็งแรงมากเลยนะ เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงจากไปนานแล้ว" "คุณทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าลูกคุณใช่ไหม" เท่านั้นละผู้เป็นแม่หรือจะกลั้นได้ กี่เดือนแล้วที่ต้องทน มันกำลังสุดจะทนแล้ว เมื่อร้องไห้จนพอใจจึงกล้าที่จะถามคำถามที่กลัวที่สุด "ลูกจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนค่ะ"
    "ประมาณ ๒ เดือน คุณคงต้องพึ่งธรรมะบ้างแล้ว"
    หารู้ไม่ว่าที่อยู่มาได้นี่ก็เพราะเชื่อมั่นและยึดเอาธรรมะเป็นหลักนี่ละ หมอบอกว่าคุณจะทำยังไงต่อไป ลูกอยากอยู่บ้าน อยากให้เค้ามีความสุขที่สุดก่อนที่จะไปนะค่ะ แล้วหลังจากนี้อาการของเค้าจะเป็นยังไงบ้างค่ะ
    ผนังปอดเชื่อมติดแล้ว แต่สิ่งที่คุณต้องระวังคือ ขณะนี้ก้อนเนื้อใหญ่ของเขาใหญ่มาก และมันไปกดทับเส้นเลือดใหญ่ของเขาอยู่ เส้นเลือดนี้อาจจะแตกเมื่อไหร่ก็ได้…
    จะมีอาการอย่างไรค่ะ มีให้เราสังเกตหรือเห็นบ้างไหม
    มีเลือดออกมากทางปาก จมูก คุณอย่าตกใจ คุณจะทนดูลูกคุณได้หรือเปล่า เมื่อเกิดเหตุต้องนำส่งร.พ.ทันที่


    ส่งเพื่ออะไรค่ะ

    คุณถามได้ดี ส่งเพื่อปั้มหัวใจเค้า เอาเค้ากลับมาเจ็บปวดใหม่ ยังไงเค้าก็ไม่อยู่หรืออยู่ไม่ได้แล้ว
    ถ้าเราไม่ส่ง ร.พ. เค้าจะอยู่ได้นานแค่ไหนค่ะ
    ไม่เกิน ๑๐ นาที เขาจะช็อค หน้าเขียว คุณจะทนดูลูกไหวหรือ
    ทนได้ค่ะ เพราะที่ผ่านมาก็ที่สุดแล้วค่ะ
    คุณหมอจัดยาแก้ปวดไปให้ ต่อไปเค้าจะปวดและปวดมากขึ้น
    แล้วถ้าปวดมากแล้วมอร์ฟีนเอาไม่อยู่ จะทำยังไงค่ะ
    ก็ต้องพามาร.พ. ฉีดแทน แต่เมื่อฉีดเค้าก็จะไม่รู้สึกตัวเลย
    คุณหมอน่ารักมาก เพราะมีหลายคนที่เข้าใจผิด กลัวญาติตายเอาเข้าห้องฉุกเฉิน ช่วยจนถึงที่สุด ไม่รู้บุญหรือบาป เพราะมันยิ่งทำให้เค้าทรมานหนักขึ้นไปอีก เวลาการทรมานเพิ่มขึ้น และจากไปอย่างทุกข์ทรมาน สำหรับผู้เป็นแม่ ขอภาวนาเพียง เมื่อถึงเวลาที่ต้องจาก ขอให้ลูกจากไปอย่างสงบ และจากไปอย่างเป็นสุข
    เงินทองมีมากมายกลับทำอะไรไม่ได้ ไม่มีใครเลยหนีความตายได้ ..
     
  15. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ขอบคุณที่มา :

    http://www.ponboon.com/board/index.php/topic,1834.0/nowap.html

    บุญกุศลอันใดเกิดจากข้อเขียนนี้ขออุทิศกุศลทั้งหมดให้แก่น้องเหวินยุ่ยผู้วายชนม์ และท่านผู้เกี่ยวข้องในการบันทึกและแพร่บทเขียนนี้ครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2012
  16. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ไปทำบุญถวายสังฆทาน ถวายผ้าไตร 1 ชุดแทนน้องของคุณด้วยนะคะ
    ปล่อยปลาในตลาดที่กำลังจะถูกฆ่าจำนวนมากกว่าอายุของน้องเพิ่มอีก 1 ตัว
    กรวดน้ำบอกพระแม่ธรณีอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรของน้องให้เขาได้รับ
    กลับบ้านสวดบทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระคาถาพาหุง มหากา
    คาถาชินบัญชร และพระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก เพื่อขอต่ออายุให้น้องคุณนะคะ
    หมั่นทำแทนเขา หากน้องคุณยังมีแรงสวดมนต์ไหวก็บอกให้เขาพยายามสวดให้ได้
    อย่างน้อยจะลดอาการหรือทุเลาความเจ็บป่วยลงได้บ้าง พยายามให้บุญต่อบุญค่ะ

    ขออนุโมทนาและขอส่งผลบุญที่ดิฉันได้กระทำมาทุกวันในภพชาตินี้จงไปช่วยรักษา
    น้องอมลดา บุตรพรม ให้มีอาการดีขึ้นอย่างอัศจรรย์
    และขอให้บุญกุศลจากพี่ชายของน้องอมลดาที่กระทำต่อน้องสาวจงเกิดปาฏิหาริย์
    ให้น้องอมลดามีอาการดีขึ้นและหลุดพ้นจากเจ้ากรรมนายเวรของน้องด้วยเถิด สาธุ
    บุญรักษาทั้งพี่และน้องด้วยนะคะ
     
  17. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    อาการน้องเป็นอย่างไรบ้างครับ ? น้องมีกำลังใจดีเพียงใดครับ?
     
  18. xmen123

    xmen123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    431
    ค่าพลัง:
    +152
    เป็นกำลังใจ ให้นะครับ
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขอส่งกำลังใจมาให้พี่ชาย
    วันนี้ น้องเป็นอย่างไรบ้างคะ ...
     
  20. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ให้คุณโพสต์รูปน้องขึ้นบนเว็บพร้อมชื่อจริง  ขึ้นมาให้หน่อยครับจะส่งพลังไปช่วยรักษาให้ครับจะช่วยได้เร็วมากถ้ามีรูปภาพครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...