อยากรู้ว่า ท่าน ๆ ในบอร์ดนี้ เคยเจอกับผีด้วยตัวเองหรือไม่ แล้วเจอในลักษณะอย่างไรบ้าง

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย กายในกาย, 15 มิถุนายน 2006.

  1. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    อยากให้เล่าประสบการณ์ของตนเองนะครับ สนุกดี
     
  2. angus

    angus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +2,725
    เคยเจอะตอนเด็ก ตอนโตก็เจอะ แต่ตอนเด็กๆเนี่ยจำได้แม่นเลยว่าโดนจังๆ ขอเล่าตอนเด็กนะค่ะ ครั้งแรกแอบไปเล่นคนเดียวที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ไปเจอะลุงคนหนึ่งอยู่หน้าบ้าน เลยไปขอเล่นกะเขา ใจแก่ดีมาก กระโดดขี่หน้าอกแก่เลย แรกๆก็เล่นดี ตอนหลังแก่อุ้มขึ้นมาเลยนะ หน้าแก่ยิ้มแย้ม แก่เลยบอกว่ามีไรให้ดู เท่านั้นแหละ เราเห็นเลือดไหลออกจากตา ออกจากจมูก ออกจากหู เชื่อไหม เราดิ้นลงพื้นเลย แล้ววิ่งหนีสุดชีวิตเข้าบ้าน ไข้จับเอาตอนนั้นเลย มาบอกแม่ แม่ก็ไม่เชื่อ หาว่าเราไข้ขึ้นเลยตาลาย รุ่งขึ้นผมร่วงเกือบหมดหัสอ่ะ อีกครั้งเจอะที่ศิริราช ตอนนั้นไปเฝ้าพี่สาวที่นั้น ความที่ยังเด็กจูงมือแม่อยู่ แม่กำลังยืนคุยอยุ่กะพยาบาล แต่เห็นเด็กคนหนึ่ง ยืนอยุ่ห่างเรามาก มายืนกวักมือกะเรา ใจเรานึกว่าจะเรียกไปไหน เท่านั้นมีเสียงตอบมาเองเลย ว่าไปเที่ยวกันไหม จะพาไปเที่ยว เราเลยนึกในใจตอบกลับไปว่า อยากไปแต่ต้องขอแม่ก่อน คิดเสร็จก็ถามแม่เลย ว่าไปเล่นกะเด็กคนนั้นได้ไหม แม่ถามเราว่าคนไหน เราเลยชี้ไปให้ดู แต่แม่เราบอกว่ามองไม่เห็น เราเลยคิดตามประสาเด็กนะ สงสัยแม่ไม่อยากให้ไปเลยพูดว่าไม่เห็น พอหันกลับไปมองที่เด็กคนนั้นอีก เขาก็บอกว่ามาเถอะ เราเลยไม่ตอบ ได้แต่เฉยๆ เพราะตอนนั้นง้อนแม่ว่าหาไม่ยอมให้ไปเล่น พอกลับมาบ้าน มาลองคิดดูว่าทำไมห่างกันตั้งไกล ทำไมถึงคุยกันรูเรื่อง ทำไมแม่เราถึงไม่เห็นเขา โห...เท่านั้นแหละ ตัวสั่นยังกะเจ้าเข้า ทุกวันเนี่ยก็ยังกลัวไม่หาย
     
  3. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,148
    กำลังอยากได้รูป 3กษัตริย์อยู่พอดีเลย
     
  4. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +1,148
    เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องลึกลับ

    อย่าไปใส่ใจดีกว่า รู้แล้วจะไม่สบายใจเปล่าๆนะคะ

    เพราะรอบตัวเรา มีผี และ เทพหลายระดับมากๆ
     
  5. เจ้าโก้

    เจ้าโก้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,221
    ค่าพลัง:
    +939
    ขอเล่าบ้างครับ

    ตอนผมเด็กๆ ประมาณป.3-ป.4 พ่อพาไปเยี่ยมบ้านย่า ที่จ.อุบลฯ
    บ้านย่าผมอยู่อ.เดชอุดม เป็นชาวชนบทแท้ ๆ ก็ผมก็เป็นลูกหลานชาวนานี่ครับ!
    ตอนนั้นรู้สึกจะเป็นครั้งแรก ที่จำความได้ว่า เอ้อ ไปบ้านย่ามานะ
    ก่อนหน้านั้นพ่อกับแม่ผมก็เคยพา ผมกับน้องไป แต่ยังจำความไม่ได้

    บ้านของอาผมคนหนึ่ง ปลูกหันหน้าเข้าหากันกับบ้านย่า
    บ้านตามชนบท ก็มักจะยกใต้ถุนสูง และมีระเบียงบ้านที่โล่งๆ

    จำได้ติดตา วันนั้นผมกับน้องกับพ่อแม่ นอนมุ้งเดียวกัน ที่ระเบียง
    หันหัวนอนเข้าในบ้าน และแน่นอนว่า ปลายเท้าก็ต้องชี้ไปทางบ้านอาคนนั้น

    ไม่แน่ใจว่าตอนหัวค่ำหรือดึกแล้ว นอนกำลังเคลิ้ม ๆ สายตาที่มองเห็นออกไปนอกมุ้ง
    ก็เห็นแค่ภาพของชายคาบ้านย่า...หลังคาบ้านอา ท้องฟ้ามืดๆสลัวๆ และต้นไม้
    แต่มีเงาตะคุ่ม ๆ ...เงาบางอย่างที่คล้ายๆคน
    แต่ว่ายืนอยู่หลังบ้านของอา ตัวสูง ๆ มือค้ำหลังคา ดวงตาคล้ายจะโบ๋ ๆ จ้องมาทางบ้านย่า

    จ้องมาทางมุ้งที่ผมนอน!

    ด้วยความที่เป็นเด็ก ผมไม่รู้สึกว่าจะตกใจโวยวายอะไรมากมาย
    ผมรู้สึกตัวดี ในตอนนั้น แม้จะไม่ได้ผุดลุกขึ้นมานั่ง แต่ก็ไม่ได้ฝันไปอย่างแน่นอน

    รุ่งเช้า เล่าให้ลุงป้าน้าอา ฟัง ว่าใครมายืนค้ำหลังคาบ้านอาฝั่งตรงข้ามเมื่อคืนนี้
    เลยได้รู้ว่า น้องของผมก็เห็นเหมือนกันกับที่ผมเห็น!

    หลังจากเล่าไปแล้ว ลุงป้าน้าอา ลงความเห็นกันว่า อาจเป็นญาติผู้ใหญ่ของผมคนหนึ่ง
    เมื่อยังมีชีวิตอยู่ท่านติดเหล้ามาก เมื่อเสียชีวิตไปแล้ว เป็นไปได้ว่าคงอยากเห็นหน้าหลาน

    มันผ่านมานาน ราว 10 กว่าปี แต่ภาพเงาลึกลับที่ยืนค้ำหลังคานั้น ผมยังจำได้ดีติดตา
     
  6. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    เล่าบ้าง แต่อาจเล่าไม่จบ ก็จะมาต่อที่หลังนะ
    เรื่องของผมมีหลายเรื่อง แต่เอาเรื่องนี้ละกันครับชัดเจนที่สุด ก็ช่วยกันตัดสินหน่อยนะครับว่า คนหรือผี...
    เรื่องเกิดในคืนลอยกระทง ก้ผมไปเที่ยวผับกับเพื่อน ไปกันแค่2คน ผมเป็นคนไม่ดื่มเหล้าหรือของมึนเมาเลย เพราะผมแพ้แอลกอฮอ ก็แปลว่าคืนนั้นหรือคืนไหนๆ ผมไม่เมาแน่นอน ก็กลับบ้านกันตี3 ผมก้ต้องขับรถไปส่งเพื่อน ซึ่งเมาเพราะอกหัก ที่วัดดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน สมุทรสาคร ทางที่ผมเลือกไปก็ผ่านทาง วัดนางสาว ไม่รู้เคยได้ยินกันไหม วัดนางสาวก็มีโรงเรียนติดกับวัด
    และถนนข้างวัดก็มีไฟเป็นระยะๆ ตอนผมมาถึงตรงนั้นก็ตี3ได้ มันเป็นทางหักศอก ทางไม่ไหญ่รถสวนกันได้ ผมก็เลี้ยวไปตามทาง ผมผมเลี้ยวเสร็จก็ต้องตรงไปที่ทางแยกข้างหน้า ตรงนี้เป็นทางตรงแล้วนะครับ ข้างกำแพงวัดนางสาวตลอด มีไฟเป็นระยะๆ พอผมเลี้ยวเข้าทางตรงก็เจอเลยครับ มองตรงไปเห็นมี อะไรบางอย่างนั่งหันหลัง อยู่ข้างกำแพง ความรู้สึกแรกที่เห็น ขนลุก หัวตั้งทั้งตัวเลยครับ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวนะ ที่สำคัญผมต้องขับผ่านสิ่งนั้นไป แวบแรกที่เห็น เหมือนใครนั่งหันหลัง แต่ดูๆ ก็เหมือนมีแต่เสื้อสีดำ มีแค่เอว เหมือนโผล่มาจากพื้น ผมก็มองไปตลอดจนบับไปถึงที่เขานั่งอยู่ ผมก็มองก็ชัดเจนครับ
    ทางไม่ไหญ่และที่ไฟส่อง ชัดเจน ไม่มีหัวครับ . . .
    ผมก็ขับเลยไป ผมก็มองกระจกหลังตลอดเวลา ก็ยังอยู่และไม่มีหัวเหมือนเดิม
    พอไปถึงทางแยก 3แยก ผมก็เลยหยุดแล้วเรียกเพื่อน เพราะเพื่อนผมเมาเหมือนจะหลับ พอผมเห็นเพื่อนยังตื่นอยู่ก็ไม่กลัว ใจชื้นขึ้น
    ผมก็ถอยรถกะว่า จะไปจอดดูซะเลย ว่ายังไงกัน ตอนที่ผมถอยรถ ก็เหมือนคนขับรถทั่วไปก็คือต้องหันหลังมองทาง ผมก็มองไปที่สิ่งนั้นตลอดเวลา
    มองๆ ยังไงๆ ก็ยังไม่เห็นมีหัว .. . จนผมไปจอดเทียบและหันไปมองแต่ผมไม่เปิดกระจกคุยนะครับ มองอย่างเดียว . . .จะๆเลยครับ แมง ดันมีหัวผมก็เลย เอ้อ มีหัวนี้หว่า ผมก้เลยขับรถออกไป ตอนที่ผมมองเขา เขาก็มองผม
    หน้าเขาแหลมๆ และผมมานึกๆดู เอ ไอ้หยดดำๆ ที่คล้ายๆหยดน้ำที่อยู่บนหน้าเขานี่มันอะไรหว่า มาคิดที่หลังมันเหมือนเลือดแห้งๆเป็นจุดๆทั่วหน้าอะครับ
    รุ่งเช้าผมก็เลยขับรถไปดูที่เกิดเหตุอีก ชัดเจนครับ ตรงที่เขานั่งนั้นเป็นนอกกำแพงวัด และ ข้างในกำแพงวัด ตรงนั้นเป็น เมรุเผาศพ . . .
    ผมก้เล่าไห้แม่ไห้ไครๆฟัง ก็สรุปก้ไปถวายสังทานไว้ก่อน ไช่ไม่ไช่แต่น่าจะไช่อะนะครับ จบครับ . . .พวกคุณคิดว่าผีหรือคนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2006
  7. นืเฟร

    นืเฟร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +433
    เคยเจอ แต่ว่าจำไม่ได้แล้ว แต่มั่นใจแน่ๆว่าเคยสัมผัสด้วยตนเอง คืนนั้นนอนอยู่มั่นใจแน่ๆว่าเป็นอะไร ได้แต่ท่องพุทโธๆอย่างเดียวๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่
     
  8. landends

    landends เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2006
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +477
    เล่าบ้างครับ..ยาวหน่อยนะ ทน ๆ อ่านหน่อยละกัน

    เมื่อเกือบสิบปีก่อน ตอนนั้นย่างเข้าวัยรุ่นใหม่ ๆ ผมเรียนไปด้วยทำงานกลางคืนไปด้วย ..ผมมีโอกาสได้เข้าไปทำงานในดิสโก้แอนด์ผับแห่งหนึ่ง ในพัฒน์พงษ์ ต้องบอกว่าดังมาก ๆ ร้านนี้ ..ร้านนี้เปิดบริการด้วยกันทั้งหมด 5 ชั้น

    ชั้นแรกเป็นผับ มีดีเจเปิดเพลงทั้งไทยและเทศ
    ชั้นสองเป็นผับที่เปิดแต่เพลงไทยอย่างเดียว
    ชั้นสามและสี่ เป็นดิสโก้เทคที่เน้นเปิดเพลงสากล แต่ก็มีเพลงไทยด้วย (ชั้นสี่มีการเจาะพื้นเพื่อให้มองลงมาเห็นฟอร์ที่ชั้นสามได้ และมีบันไดเวียนขึ้นไปชั้น 5)
    ชั้นห้าเป็นคาราโอเกะอยู่ชั้นดาดฟ้า นั่งสบาย ๆ เน้นลูกค้าวัยรุ่นต่างชาติ และเป็นออฟฟิสสำหรับพนักงานเข้าไปตอกบัตรด้วย

    ที่ชั้นดาดฟ้าชั้นห้า มีศาลตายาย และ เจ้าแม่สไบทอง อยู่ปกติพนักงานขึ้นไปตอกบ้ตรทำงานจะมองเห็นแล้วยกมือไหว้กันประจำ

    ตัวผมเองได้เข้าไปทำงานที่นี่แบบบังเอิญ เพราะตามไปส่งเพื่อนที่สมัครทำงานที่นี่แล้วเขาขาดบาร์น้ำอยู่พอดี ผมเลยได้ทำ

    ทำงานไปได้เกือบปี จนได้เลื่อนเป็นบาร์เทนเดอร์ ...ทีนี้น่ะ มีกฎว่า บาร์เทนเดอร์ต้องทำงานได้ในทุกชั้น จึงต้องมีการสลับกันไปในทุกเดือน และเดือนนั้นผมก็ได้ย้ายจากชั้นห้าลงมาประจำที่ชั้นสี่กับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นบาร์เทนดี้และกำลังท้องอ่อน ๆ

    วันนึง ผมตื่นเร็ว ประมาณบ่ายโมงได้ ผมก็เลยอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปที่ที่ทำงานเลย ไปถึงประมาณบ่ายสองโมงครึ่งได้ วันนั้นผมใส่สีดำทั้งชุดครับ ทั้งเสื้อและกางเกง พอไปถึง ผมก็เข้าไปที่สโตร์ชั้นล่างเพื่อขอเบิกส้มมาคั้นน้ำไว้บริการลูกค้า ก็ทักทายกับพนักงานสโตร์นิดหน่อย แล้วก็ขึ้นไปที่ชั้น 4

    บันไดที่ขึ้นจากชั้นสามไปชั้น 4 ติดกับทางหนีไฟ ซึ่งถ้าผมเดินขึ้นบันไดไปแล้วจะเลี้ยวเข้าเคาน์เตอร์บาร์ที่ทำงานอยู่ จะต้องหันหลังกลับ เหมือนเวลาเรากลับรถน่ะครับ และจะเห็นทางหนีไฟ ตอนที่ผมเอาส้มไปเก็บในเคาน์เตอร์บาร์นั้น ตาผมก็มองไปที่ประตูหนีไฟ ก็เห็นว่ามันใส่กลอนอยู่ แล้วผมก็ขึ้นไปตอกบัตรที่ชั้นห้า

    ผมได้เจอหัวหน้าบาร์เทนเดอร์กำลังนั่งเช็คสต๊อกเหล้าอยู่ ก็ทักทายกัน และผมก็เห็นว่าเขาใส่เสื้อยืดสีขาวครับ ผมก็ลงมาคั้นส้มต่อ

    ถัดจากเคาน์เตอร์บาร์ชั้นสี่ จะเป็นห้องน้ำหญิงและห้องน้ำชาย คือผนังห้องน้ำจะอยู่ติดกับที่ล้างแก้วของบาร์ครับ และตรงที่ล้างแก้วจะมีเสาต้นใหญ่มากกั้นไว้ระหว่างเคาน์เตอร์กับที่ล้างแก้ว แต่เสาไม่ชิดผนัง ทำให้เวลาที่ยืนล้างแก้ว ถ้ามีคนเดินผ่านไปเข้าห้องน้ำจะมองเห็น

    ก่อนจะหั่นส้มเพื่อคั้น ผมก็เอาเบียร์ไปแช่ตู้เย็น ตู้เย็นอยู่ติดกับทางหนีไฟ ตาผมก็มองที่ไปทางหนีไฟอีกครั้ง ก็เห็นว่ามันใส่กลอนอยู่แต่ไม่ได้ล็อคกุญแจ ไม่มีกุญแจคล้องไว้ ผมก็มาหั่นส้ม ...อากาศร้อนมาก เพราะว่าไม่มีหน้าต่าง และไม่ได้เปิดแอร์ เพราะเพิ่งจะบ่ายสามโมงเอง งานเข้าตั้งสองทุ่ม ผมจึงทนร้อนแล้วยืนคั้นส้มอยู่ตรงที่ล้างแก้ว

    ระหว่างที่กำลังทำงานตัวเองไป ผมก็เห็นเป็นผู้ชายเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งขณะนั้นเงียบมากครับ (พื้นชั้นสี่มีการปูพรมไว้ ทำให้เดินไม่ได้ยินเสียง) ผมก็หันไปมอง ก็เห็นหลังไว ๆ ผ่านช่องเสาเดินไปทางห้องน้ำ ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดเพียงแต่ว่า หัวหน้าคงจะลงมาเข้าห้องน้ำ เพราะคนที่ผมเห็นน่ะ ใส่เสื้อสีขาว

    สักพักคน ๆ นั้นก็เดินกลับมา ผมก็เลยหันไปมองอีก แต่พอเขาเดินพ้นเสา เขาก็หายไปเลย ผมก็ตกใจ คิดในใจว่า ..."อ้าว หายไปไหนวะ" ใจตอนนั้นคิดเพียงแต่ว่า หัวหน้ามาหยอกเล่นแน่เลย อาจจะก้มตัวหลบอยู่หน้าเคาน์เตอร์จะหลอกให้ผมตกใจ ผมก็เลยเดินไปชะโงกดูที่หน้าเคาน์เตอร์ ปรากฎว่าไม่มีใคร และที่ชั้นสี่ก็มืดพอสมควร เพราะปิดไฟไว้แค่ที่บาร์เท่านั้น ผมพยายามมองฝ่ามืดอันวังเวงของชั้นสี่ไปทั่ว ๆ เพื่อดูว่าเขาหายไปไหน ก็มองไม่เห็นใคร เหงื่อผมเริ่มออกมากขึ้น แต่ยังไม่ได้กลัวอะไรนะครับ

    ผมก็เลยกลับมาคั้นส้มต่อ ในตอนนี้รีบแล้ว ความรู้สึกคือไม่อยากอยู่ที่ชั้นนี้ตอนนี้คนเดียวอีก (ชักเริ่มกลัวแล้วล่ะ) พอสักพัก อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงดัง แกร๊ง ๆ ปึง ๆ และแล้วประตูทางหนีไฟก็ได้เปิดออก (ซึ่งผมบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ผมมองไปสองครั้งมันใส่กลอนอยู่) ผมก็ตกใจกับเสียงมาก หันหลังกลับไปมอง แต่มุมที่ผมยืนอยู่ตู้เย็นแช่เบียร์มันบังทำให้ผมมองไม่เห็นทางหนีไฟ ผมเลยตัดสินใจเดินไปดู พบว่าประตูทางหนีไฟมันเปิดอยู่ ผมก็เลยเดินออกไปที่ทางหนีไฟ (ก่อนหน้านั้นสองวันเคยเห็นหัวหน้าออกไปทางทางหนีไฟนี้ เพื่อไปสูบบุหรี่) ผมตามออกไปเพื่อดูว่าหัวหน้าผม (ยังเข้าใจว่าคนที่เห็นเมื่อกี้เป็นหัวหน้า) เขาออกไปทางหนีไฟหรือเปล่า ผมก็มองขึ้นไปข้างบน ก็ไม่มี มองลงไปข้างล่างก็ไม่มี คิดในใจ "จะหายไปไหนวะ ก็ประตูเพิ่งเปิดเมื่อกี้ จะปีนบันไดลงไปไวขนาดนี้ได้ไง" ผมก็เลยกลับเข้ามาแล้วปิดประตู ตอนที่ปิดประตู ถึงได้รู้ว่า ประตูทางหนีไฟน่ะ มันมีขอบยางติดไว้ตรงกรอบประตู ทำให้เวลาปิดหรือเปิดจะค่อนข้างฝืดยางนิดหน่อย แต่ถ้าปิดเข้ามาแล้ว ถึงไม่ใส่กลอนก็เปิดไม่ได้ง่าย ๆ ต้องกระแทกอย่างแรงถึงจะเปิดได้ ผมก็ลองผลักดู ผลักธรรมดาเปิดไม่ได้จริง ๆ ครับ ต้องเอาหัวไหล่น่ะ กระแทกเพื่อเปิดถึงจะได้ (ตอนหลังมีคนสันนิษฐานให้ผมว่า ลมมันพัดประตูเปิดหรือเปล่า ผมก็เถียงตามที่เล่านี่ล่ะครับ ว่าไม่น่าจะได้นะ) ผมก็เลยเริ่มกลัวแล้ว ปิดประตูทางหนีไฟ แล้วใส่กลอน (ย้ำครับ ใส่กลอนด้วยมือตัวเองเลย) แล้วก็หันหลังมาจะกลับมาคั้นส้มต่อ (รักงานจริง ๆ) เดินมายังไม่ทันถึงที่ล้างแก้วเลยครับ ก็มีเสียง แกร๊ง ๆ ปึง ดังสนั่นอีก ประตูทางหนีไฟเปิดออกอีกแล้วครับ คราวนี้หันหลังกลับไปทันที มองไปก็ไม่เห็นใคร แล้วประตูเปิดได้ไงล่ะเนี่ย เดินกลับไปที่ประตู เอื้อมมือดึงประตูเข้ามาปิด แล้วก็ไม่สนใจอะไรแล้ว ใจคิดว่าอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เหงื่อก็โทรมตัวเลย

    เดินกลับมาคว้ากระป๋องส้ม เขียงแล้วก็มีด (ห่วงงานจริงด้วย) เดินออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ จะลงมาที่สโตร์ชั้นล่าง ตอนกำลังจะเดินลงบันได ตาก็เหลือบไปเห็นว่ามีคนยืนอยู่ตรงบันไดเวียนที่จะขึ้นไปชั้นห้า ปรากฎว่า ตอนนี้เห็นชัดเลย เป็นคนรูปร่างไม่สูงมากนัก ใส่เสื้อสีขาว กางเกงสีดำ ที่สำคัญ ไม่มีหัวครับ (ตรงบันไดจะมีไฟอยู่ครับ เพราะว่าต้องไว้ส่องทางเวลาเดินขึ้นชั้นห้าน่ะ มันจะไม่มืด) เท่านั้นล่ะครับ ผมวิ่งไม่คิดชีวิตเลย ลงมาถึงชั้นล่าง เพื่อน ๆ ที่เริ่มจะมาเข้างานกันแล้ว ก็ถามกันใหญ่ว่าเป็นอะไร ผมก็เล่าให้ฟังตามเรื่องที่เล่ามา

    ทุกคนก็บอกว่าเจออีกแล้ว (อ้าว...ไหงพูดอย่างนั้นล่ะนั่น แสดงว่าไม่ใช่ผมคนเดียวสิเนี่ย ที่เจอ แสดงว่ามีหลายคน แต่ทำไมไม่ยักเตือนกันไว้บ้างล่ะเนี่ย) ผมน้ำตาไหลเลย ...จนกระทั่งป้าแม่บ้านมาพูดให้สบายใจว่า
    "เขาอาจจะเห็นว่าผมทำงานแล้วร้อนมาก เพราะไม่มีลม ไม่มีหน้าต่าง และไม่ได้เปิดแอร์ เขาก็เลยมาเปิดประตูให้ลมพัดเข้ามา"
    ผมก็เลยบอกว่า "ถ้ามาอย่างนี้ผมก็ไม่เอาหรอกนะ เพราะว่าผมร้อนก็จริง แต่ผมทนได้นะ"
    วันรุ่งขึ้น ผมซื้อหมากพลูดอกไม้ธูปเทียนมาถวายศาลที่อยู่บนชั้นห้า อธิษฐานว่า "ลูกทำงานที่นี่ไม่ต้องการเจออะไรทั้งนั้น ขอให้ลูกทำงานด้วยความสบายใจด้วยเถิด" หลังจากนั้นทุกวันพระ ผมต้องนำดอกไม้ธูปเทียนและหมากพลูมาถวายศาลทุกสัปดาห์ จนกระทั่ง ที่นี่ปิดบริการลงครับ

    ยังมีอีกเรื่องนึงนะครับไว้จะมาเล่าต่อวันหลังละกันนะ :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2006
  9. landends

    landends เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2006
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +477
    อีกเรื่องที่ยังอยู่ในความทรงจำของผมครับ

    เรื่องเกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ที่บ้านเก่าของน้าผม ...

    ตอนนั้นผมอายุได้ 15 ปี ...ขณะนั้นเป็นหน้าฝน ฝนตกเกือบทุกวัน และในวันเสาร์วันนึง (ที่จำได้ว่าเป็นวันเสาร์เพราะผมกับน้องชายไม่ได้ไปโรงเรียน) คนรับใช้ที่บ้านก็มาบ่นให้ฟังว่า เวลานอนมักจะได้ยินเสียงคนมาเรียกที่หน้าต่างห้องนอน (ห้องของคนรับใช้จะอยู่ติดกับห้องครัวทางหลังบ้าน) พี่คนนี้เขาบอกว่าเขาได้ยินเสียงคนเรียกมาหลายคืนแล้ว แต่เมื่อคืนเสียงดังมากเขาก็เลยกลัว ...หลังจากนั้น ผมก็แนะนำให้เขาทำบุญ ยายของผมรู้เรื่องก็บอกว่าจะพาไปทำบุญในวันพฤหัสบดีสัปดาห์หน้า...

    และพอวันอาทิตย์ คนรับใช้คนนี้เขาก็ทะเลาะกับสามีเขา (สามีเขาเป็นคนสวนที่บ้านครับ) สามีเขาก็ออกจากบ้านไป ...จนกระทั่งเช้าวันอังคารในสัปดาห์ที่จะพาเขาไปทำบุญ น้าผมตื่นเช้ามาก็โวยวายหาพระเลี่ยมทองที่เก็บไว้ไม่เจอ ก่อนออกไปทำงานก็เลยสั่งให้คนรับใช้คนนี้หาพระให้เจอด้วย ..วันนั้นเลยเป็นวันที่วุ่นวายอีกวัน เพราะหาพระกันเท่าไรก็ไม่เจอ ...

    จนกระทั่งเย็นวันนั้น สามีของคนรับใช้ก็กลับมา เมามาด้วย ผมเองกำลังต้มมักกะโรนีกินอยู่ในครัว สามีคนรับใช้เขาก็เอาระเบิด (ระเบิดที่พวกทหารเขาใช้กันน่ะครับ ..เรียกว่าระเบิดน้อยหน่าหรือเปล่า [​IMG] ) ออกมาโชว์ให้ผมดู ผมก็ตกใจมาก ต่อว่าไปว่าเอามาทำไมในบ้าน มันไม่ดีนะ เขาก็บอกว่าเพื่อนที่เป็นทหารเรือให้มา ผมก็บอกให้เอาออกไปนอกบ้านอย่าเอามาให้เห็นอีก ...

    จนถึงประมาณสามทุ่มกว่า ๆ น้าผมก็กลับมา คนรับใช้คนนี้ก็ออกไปเปิดประตูให้ แต่น้าผมกลับไม่ถามเรื่องพระที่ให้หา น้าผมอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย ผมเองก็ยังแปลกใจ คิดในใจว่า "ให้หาพระ แต่ไม่ยักถามว่าเจอไหม" แต่ก็ไม่ได้สนใจ และเตรียมตัวเข้านอน

    พอถึงประมาณห้าทุ่มกว่า ๆ มีเสียงระเบิดดังกึกก้อง ...ดังมาจากท้ายซอยที่ผมอยู่ (ผมอยู่หมู่บ้านครับ แต่ท้ายซอยที่ผมอยู่น่ะ มันเป็นทุ่งนา และบ้านผมก็นับจากท้ายซอยมาเป็นหลังที่สอง) ผมก็ตกใจตื่น ทุกคนในบ้านก็ตกใจตื่นกันหมด เพราะเสียงระเบิดดังมาก น้าผมตื่นออกมาถามว่าเสียงอะไร ตอนแรกนึกว่าแอร์ระเบิด (ห้องนอนยายเพิ่งติดแอร์) แต่ไม่ใช่ ผมก็เลยชี้ไปทางเสียงว่า เสียงดังมาจากทางนั้น ..ก็คุยกันว่าหรือว่าจะเป็นเสียงฟ้าร้อง เพราะเป็นหน้าฝน ก็เลยไม่มีใครใส่ใจ

    จนกระทั่งตอนเช้า ผมกำลังอาบน้ำแต่งตัวจะไปโรงเรียน (ประมาณ 6 โมงเช้าได้) แม่ค้าร้านที่บ้านผมไปซื้อผักซื้อกับข้าวประจำ เขาก็มาเรียกหน้าบ้าน แล้วบอกว่า ให้ไปดูที่ตรงท้ายซอย ห่างจากบ้านผมไปประมาณ 500 เมตร มีคนตาย ให้ไปดูว่าใช่เด็กรับใช้ที่บ้านหรือเปล่า ผมเองวิ่งออกไปก่อนเลย ...ไปถึงที่เกิดเหตุ มีศพอยูสองศพ ศพผู้หญิงหัวขาด และกลางลำตัวเละหายไปแถบนึงเลย ไม่สวมเสื้อผ้าและรองเท้า (ซึ่งมารู้ทีหลังว่า เจ้าหน้าที่ปอเต็กตึ้งเขาเอาเสื้อผ้าออกเพื่อห่อศพใหม่ แต่รองเท้าเจ้าตัวไม่ได้ใส่ตั้งแต่ออกมาจากบ้านจนถึงที่ตาย) และห่างกันไปอีกห้าเมตรมีศพผู้ชายนอนหงายท้องอยู่ (กลางลำตัวเละเลย) เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มากันให้ผมออกไป แต่ผมบอกว่าผู้ตายเป็นคนรับใช้ที่บ้านทั้งสองคน ก็เลยโดนสอบปากคำนิดหน่อย (ซักถามประวัติผู้ตาย) และนักข่าวก็เข้ามารุม ..ตอนนั้นตอบอะไรไม่ถูกแล้ว ได้แต่ตกใจ

    ตำรวจสืบสาเหตุพบว่า ผู้ตายผู้ชาย ต้องการฆ่าตัวตายพร้อมเมียเพราะมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเข้ามาแล้วจัดการไม่ได้ เมียขอเลิก และได้เขียนจดหมายลาตายไว้สองฉบับ (ซึ่งสาเหตุนี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขามีปัญหากันมานานแล้ว จนตำรวจไปเจอจดหมายที่บ้านพ่อแม่ของผู้ชาย)

    หลังจากไปรับศพกลับมาจากมูลนิธิปอเต็กตึ้ง ที่บ้านก็ได้โทรเลขไปบอกญาติพี่น้องของผู้ตายที่ต่างจังหวัดให้มางานศพ ที่บ้านจะจัดการให้

    คืนสวดศพคืนแรกทุกคนไปงานศพกันหมด ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน แต่พวกเพื่อนบ้านบอกว่า หมาหอนตลอดเลย และพอผมกลับมาจากงานศพ มีรอยเท้าเลอะโคลนเดินอยู่เต็มบ้านไปหมด ทุกคนก็ได้แต่ฉงนว่ามาได้ไง

    คืนสวดศพคืนที่สอง ยังเหมือนเดิมคือ มีหมาหอนอยู่ที่บ้าน (แต่คืนนี้พี่สาวยายอยู่บ้านไม่ได้ไปงานศพด้วย) พี่สาวยายบอกว่า ได้ยินเสียงคนเดินอยู่หลังบ้าน ทั้ง ๆที่เขาอยู่คนเดียว

    คืนสวดศพคืนที่สาม ซึ่งสวดเสร็จจะทำการเผาเลย ตอนที่จะเอาโลงขึ้นเมรุ กลิ่นศพแรงมาก ๆ แต่ป้าบอกผมว่าไม่ให้พูด ผมเลยไม่พูด จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็กลับบ้านไว้รอมาเก็บกระดูกวันรุ่งขึ้น พอขึ้นรถกลับมาได้ครึ่งทาง ในรถมีแต่กลิ่นศพ ซึ่งมีผมกับคนรับใช้อีกคนที่ได้กลิ่น แต่คนอื่นในรถไม่มีใครได้กลิ่นเลย ผมก็คิดในใจว่า "ไปที่ชอบเถอะนะ ไม่ต้องห่วงหรอก ทุกคนกลับบ้านด้วยความปลอดภัยแน่นอน" กลิ่นศพก็หายไป

    ตั้งแต่คืนเผา มีหมาหอนแถวบ้านผมทุกคืน ซึ่งปกติไม่เคยมีเสียงหมาเห่า แถวบ้านผมจะอยู่กันเงียบมาก ๆ ...จนกระทั่งเย็นวันนึง ที่ผมกลับมาจากโรงเรียน คนรับใช้บ้านใกล้ ๆ กันเขามาถามว่า คนรับใช้บ้านผมตายแล้วเหรอ เขาไม่รู้เรื่องเลย เพราะลากลับบ้านเพิ่งกลับมาได้เมื่อวาน ผมก็บอกว่าตายไปจะอาทิตย์นึงแล้ว ก็เล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่า พูดแล้วขนลุกนะ เมื่อคืนเห็นคนรับใช้ที่ตาย มายืนร้องให้อยู่ริมรั้วบ้านผม ซึ่งพอดีเขาออกมาปิดไฟโรงรถที่บ้านเขาพอดี ก็เลยเห็น ก็เลยร้องเรียกทักไปว่ามายืนร้องไห้ทำไมตรงนี้ แต่ร่างนั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตา เช้ามาเขาเล่าให้คนรับใช้บ้านข้าง ๆ กันฟัง ถึงได้รู้ว่าคนรับใช้บ้านผมตายไปแล้ว [​IMG]

    ทำเอาที่บ้านหลอนกันไปพักนึง แล้วก็ได้ยินคนในหมู่บ้านเขาร่ำลือกันเรื่อง คนรับใช้บ้านผม ว่ามีคนเห็นอยู่ตรงที่เขาตาย ผมกับน้องชายเลยไปพิสูจน์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปดูกันตอนเที่ยงคืน ปรากฎว่า เห็นครับ เห็นเป็นผู้ชายกับผู้หญิงนั่งอยู่ตรงที่เขาตายนั่นล่ะ แล้วมองมาทางผมกับน้องชาย น้องชายซึ่งนั่งซ้อนท้ายผมอยู่ เอาหัวมุดเข้าเสื้อผมเลย ผมตกใจรีบกลับรถเร่งบิดกลับบ้านแทบไม่ทันเลยครับ

    หลังจากนั้นก็เฮี้ยนอยู่เรื่อย ๆ ยามหมู่บ้านไม่กล้ามาตรวจแถวนั้นอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งต้องมีการตั้งศาลให้ ถึงได้เงียบไป ไม่มีใครเห็นอีก ...และตอนนี้น้าผมก็ได้ขายบ้านหลังนั้นไปแล้ว เพราะว่าไม่มีใครกล้าอยู่ เพราะยังมีรอยเท้ามาปรากฎในบ้านให้เห็นอยู่บ่อย ๆ

    ทุกวันนี้ถ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร คนในครอบครัวผมจะขนลุกกันทุกครั้งเลย และก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่า รอยเท้านั้นมาได้ยังไงกัน หรือว่า จะเป็นรอยเท้าของคนรับใช้ที่ตายไป ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ และเสียงที่มาเรียกคนรับใช้ทุกคืนก่อนที่เขาจะตายนั้น เป็นเสียงของใครกัน [​IMG]

    แถมท้ายอีกนิด ตอนที่ยามหมู่บ้านไปเจอศพน่ะ มีสุนัขกำลังแทะศพอยู่อย่างเอร็ดอร่อย แล้วก็เห่าแย่งกัน ยามสงสัยเลยเข้าไปดู ถึงได้เห็นว่าเป็นศพคน ยามตกใจโทรไปแจ้งตำรวจผิดท้องที่ คุณตำรวจก็ดี ประสานงานให้ตำรวจท้องที่มาดู ....ปัจจุบันนี้ท้ายหมู่บ้านที่เป็นทุ่งนา ได้มีการสร้างเป็นหมู่บ้านจัดสรรแล้ว และศาลที่เขาตั้งให้ ก็ได้ถูกรื้อถอนไปแล้ว และไม่มีใครได้เห็นสองคนผัวเมียนี่อีกเลย ...ส่วนตัวผมเอง ทุกวันนี้ยังฝันเห็นคนรับใช้คนนี้นาน ๆ ครั้ง แต่ถ้าเขามาหาผมในฝันทีไร ผมจะมีโชคทุกครั้งเลยครับ เพราะผมกับเขาผูกพันกันมาก เขาเหมือนพี่เลี้ยงผมเลย เพราะอยู่กับผมมาตั้งแต่ผมจำความได้ครับ ...และพระเลี่ยมทองที่หายไป ก็กลับมาอยู่ตรงที่น้าเก็บไว้ตั้งแต่แรกเหมือนไม่ได้หายไปไหน และมาเจอตอนที่สวดศพและเผาวันสุดท้ายนั่นล่ะครับ [​IMG]
     
  10. zalome

    zalome สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    ผมคิดว่าเสียงที่มาเรียกคงเปนเสียงของแฟนเขาแน่ๆ
    อาจจะทะเลาะกันในช่วงนั้นซึ่งกำลังมีปัญหากัน
     
  11. cheterk

    cheterk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +1,568
    อนุโมทนา ครับ
    แจกไฟล์ - รวมภาพพระพุทธรูป ที่สำคัญของประเทศไทย - รวมรูปภาพพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า พระอัครสาวก และพระอริยสงฆ์ - รวมรูปภาพ พระอริยะสงฆ์ ครูบาอาจารย์ ที่เคารพ ศรัทธา
    http://thaihotbiz.com/dmc/budha-picture-book.zip

    แม่หนอ แม่เรา เห็นภาพแล้ว วันนี้ท่านรักแม่หรือยัง ?
    mms://www.luangta.com/archive1/video/vBorn.wmv

    พระนิพพาน จากคำครูอาจารย์
    http://www.geocities.com/pranipan/

    VDO ของสัตว์ต่างๆ ที่จะต้องถูกนำมาเป็นอาหารให้เราได้กิน เรื่องจริงที่หลายคนไม่เคยเห็น ว่าน่าสงสารแค่ไหน อานิสงส์ ๑๐ ประการ ของการไม่กินเนื้อสัตว์ ( อันนี้ผมผิมตามหน้าปก CD นะครับ )
    1. เป็นที่รักของบรรดาเทพพรม ตลอด จนมนุษและสัตว์ทั้งหลาย
    2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
    3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์ เหี้ยมโหดเคียดแค้นในใจลงได้
    4. ปราสจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
    5. มีอายุมั่นขวัญยืน
    6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
    7. ยามหลับนิมิครเห็นแต่สิ่งที่ดีงาม เป็นศิริมงคล
    8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ้งกันและกัน
    9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
    10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมุ่งสู่คติภพ

    http://thaihotbiz.com/dmc/ก่อนที่จะมาเป็นอาหารให้เราได้กิน2.zip

    ดาวธรรม ถ่ายทอดสด รายการธรรมะ 24 ชม. ทั่วโลกและเสนอ Case Stady กฏแห่งกรรม

    http://www.dmc.tv/multimedia.php?mediaURL=http://203.146.251.191/vcont100k_2

    วัดถ้ำเขาวง อ. บ้านไร่ จ. อุทัยธานี
    ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง สวยงามมาก และ ได้ทำบุญด้วย คือ ที่วัดถ้าเขาวง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี พวกเราศิษย์เก่า มช. ไปเมื่อ 23-24/10/47 ที่ผ่านมา สวยงามมาก และยังเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมด้วยน่ะ ขับรถสะดวกมาก อาหารการกิน ก็เยอะ รับรองใครที่ชอบโพสต์ ถ่ายรูป เก็บภาพประทับใจ ตากล้องต้องบ่นว่าเมื่อยแล้วล่ะ เพราะว่าทุกมุมสวยไปหมด เผอิญพวกเรากลับมาเมื่อวันอาทิตย์ รูปยังไม่เรียบร้อย ค่อยขึ้นเน็ตให้ดูน่ะ ว่าสวยงามขนาดไหน (วิวหรือ สถานที่น่ะ) ไม่เสียค่าเข้าชม มีการถวายสังฆทานด้วยน่ะ มีให้อาหารปลา มีสระน้ำ และขากลับเดอนทางผ่านทางสุพรรณบุรี ยังแวะเที่ยวบึงฉวาก และอ่างเก้บน้ำกระเสียว วัดป่าเลไลย์ และ อนุสรณ์ดอนเจดีย์ให้อีกด้วย ได้ทั้งความรู้ ทำบุญสนุกสนาน ถ่ายรูปเต็มที่ และ คุ้มค่ากับการท่องเที่ยวอีกด้วยน่ะ ดูรูปภาพที่นี่ครับ

    http://thaihotbiz.com/dmc/tumkawwong.zip
    สำคัญคือ ที่นี่มีถ้ำ สงบเงียบ เตรียมไว้ให้นั่งสมาธิ วิปัชชนา โดยสามารถไปนอนค้างคืนได้ เช่นไปเย็นวันศุกธ์กลับเย็นวันอาทิตย์เป็นต้น เพราะเราจะได้เข้าสู่ธรรมชาติ ไกลความวุ่นวายในเมือง สงบสุขกับธรรมชาติที่แท้จริง

    แถมท้าย แจกไฟล์
    - รวมภาพพระพุทธรูป ที่สำคัญของประเทศไทย
    - รวมรูปภาพพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า พระอัครสาวก และพระอริยสงฆ์
    - รวมรูปภาพ พระอริยะสงฆ์ ครูบาอาจารย์ ที่เคารพ ศรัทธา
    http://thaihotbiz.com/dmc/budha-picture-book.zip

    อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
    อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
    อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุสุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้าขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
    อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุสุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวงขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุสัพเพ เปตา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวงขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุสัพเพเวรี
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
    อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตาโหนตุ สัพเพ สัตตา
    ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
     
  12. yokine

    yokine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +602
    เคยเห็น อยู่ครับ ที่รู้สึกว่าจะ เห็นจะจะ ก็เมื่อครั้งตอนนั้นยังเรียนอยู่ ม.6 ครับ มีโอกาสได้ไป ทำงานบ้านพี่คนหนึ่ง ซึ่งบ้านพี่คนนี้อยู่ในเขตวัด ซะด้วยสิครับ ตอนไปถึงก็พลบ ค่ำซะแล้วก็ไปนั่งทำงาน แต่พอตกดึกก็รู้สึกว่าหิวครับก็เลยคิดว่า จะออกไปซื้อของที่เซเว่นปากซอยสักหน่อยหนึ่ง แต่ตอนที่กำลังเดินออกมาจากบ้านก็ หันกลับไปถามพี่เค้าว่า จะฝากซื้ออะไรมั๊ย ปรากฎว่า เห็นผู้หญิงแก่ๆคนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงแคร่ เยื้องไปทางซ้ายมือ เล็กน้อย ซึ่งเป็นแคร่ที่พ่อของพี่เจ้าของบ้านกำลังนอนอยู่ในมุ้ง ยังเห้นขาพ่อเค้าอยู่เลย ส่วน คุณยายที่เห็นนั้น นั่งอยู่นอกมุ้ง แล้วก็จ้องมาที่ผม ในใจตอนนั้นก็งงเอามากๆว่าคุณยายแกเข้ามานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมถึงไม่เห็นแล้วก็ อดสงสัยไมได้ว่า คุณยายแกเป็นใคร เพราะตอนแรกที่เข้ามาในบ้านของพี่เค้า มีกันอยู่สามคน ซึ่งก็คือ ผม พี่เค้า แล้วก็คุณพ่อของพี่เค้า ส่วนคุณแม่นั้น ทราบว่าตายไปเมื่อ 10 ที่แล้ว ก็เดินไปซื้อของ ก็งงไป แต่ไม่ทราบ เหมือนกัน ถึงแม้จะสงสัยแต่ก็ไมได้ สอบถามพี่เค้า เพราะคิดว่าหรืออาจจะเป็นคุณแม่ใหม่ ที่พี่เค้าไม่สนิทหรือไม่ชอบพอกันเท่าไหร่ละมัง เลยไม่ได้แนะนำให้รู้จัก ก็เลยไม่อยากถาม เพราะพี่เค้าก็ไมได้พูดถึง จนช่วยพี่เค้าทำงานเสร็จกลับบ้าน อีตอนกลับบ้านนี้เองมันอดสงสัยไม่ได้ ก็เลยโทรศัพท์กลับไปถามพี่เค้า ว่า ผู้หญิงแก่ๆ ที่นั่งบนแคร่ ที่บ้านนั้นเป็นใคร สรุปพี่เค้าก็งง แล้วก็บอกว่า ใครกัน ไม่มีเพราะว่าเมื่อคืน ก็มีกันอยู่แค่ 3 คนเท่านั้น ผมก็เลยเข้าใจสิ่งที่เห้นได้ทันที สำหรับ จิตวิญญาณ ที่ผมได้มีโอกาสเห็นนั้น เหมือนคนทุกอย่าง จนผมไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น เรื่องของผมก็มีสั้นๆแค่นี้ละครับ ^^ หลังจากนั้นมาผมก็เชื่อมาโดยตลอด ว่า ภูติ ผี วิญญาณ น่ะมีจริงๆ ครับ
     
  13. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,094
    เจอแล้วเป็นตัวๆ เลย แต่เขียนเล่าไปหลายกระทู้แล้ว

    ก็ไม่น่ากลัวเลยครับ เป็นเหมือนคนธรรมดานี่หละ

    แค่ลอยไปลอยมาได้ หายไปได้

    ก่อนจะเห็นก็กลัว เพราะบรรยากาศครับ

    แค่พอเจอแล้ว กลับตื่นเต้น ดีใจที่ได้พบเห็น

    เป็นอย่างนี้จริงๆครับ

    อนุโมทนาครับ
     
  14. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ทุกวันนี้รักผียิ่งกว่ารักพวกคนนะคะ วันนี้ก็คุยกับผี ร้องไห้น้ำตาคลอกกับผี สงสารผี ผีเขาไม่หลอกเรา

    นี่พูดจากใจนะคะ คนน่ากลัวกว่าผีมากๆ

    ตอนเด็กๆ กลัวผี จะนอนคลุมโปง เปิดช่องให้หายใจได้นิดเดียว

    เพราะโดนปลูกฝังว่า ผีน่ากลัว

    แต่พอเจอเขาเข้าจริงๆ เทียบกับคนนะคะ ผีน่ารักมากๆ ไปไหนมาไหน มีเพื่อนเป็นผี เวลานอนมีความรู้สึกว่าผีดูแล ขอบคุณเพื่อนๆ ต่างมิติทุกรูปค่ะ
     
  15. 24

    24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +160
    ขอเล่าบ้างแต่ไม่น่ากลัวอะไร
    นานมาแล้วตอนนั้นไปเช่าบ้านอยู่ พอย้ายเข้าบ้านนั้นก็เป็นช่วงที่พี่สาวต้องไปงานศพแม่ของพี่เขย เราก็เลยอยู่กับหลานตัวเล็กประมาณ 4 ขวบ เราอยู่ชั้นบนกำลังจะอาบน้ำให้หลานก็มองเห็นเป็นเหมือนผู้หญิงที่อยู่ในความมืด คือเป็นสีดำยืนอยู่ตรงบันไดขั้นบนสุด กำลังมองเราอยู่ เราก็นึกว่าเอ๊ะพี่สาวกลับมาไวจัง แต่ก็เอะใจว่าเอ๊ะแล้วเขาเข้าบ้านได้ยังไง ประตูรั้วเราปิดเอาไว้ต้องรอให้เราไปเปิดให้จึงจะเข้าได้ นึกได้เท่านั้นก็สะดุ้งสุดตัวจนหลานเราตกใจว่าเราเป็นอะไร รู้ทันทีเลยว่าโดนดีเข้าแล้ว (เหตุเกิดตอนกลางคืนประมาณ 4 ทุ่มกว่า)

    เรื่องนี้แปลก วันนั้นเราป่วยมากก็โทรศัพท์บอกให้สามีรีบกลับบ้านพาเราไปโรงพยาบาล พอสามีกลับมาเราเตรียมตัวไปโรงพยาบาล เดินออกมาจากห้องนอนมองไปที่โซฟาเห็นสามีนั่งอยู่ และข้างๆ สามีเห็นมีผู้ชายนั่งอยู่ข้างหน้านิ่งไม่ยิ้มเลย แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ในใจนึกว่าเขาคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่ก็ยมฑูต(แต่เขาใส่เสื้อผ้าเหมือนคนธรรมดาเสื้อยืดลายขวาง) แต่เราก็ไม่กลัวนะเพราะเราป่วยจนหมดอาลัยตายอยากในชีวิตแล้ว(ณ ขณะนั้น) แล้วเราก็ไปโรงพยาบาล สรุปต้องผ่าตัด เมื่อผ่าตัดแล้วก็ไม่ยอมหายง่ายๆ เพราะมีไข้ตลอด หมอไม่ยอมให้กลับบ้าน เราต้องอยู่นานกว่าปกติเพิ่มไปอีกประมาณ 10 วัน(เหตุเกิดตอนกลางคืน ประมาณ 2 ทุ่ม)

    เรื่องนี้ก็แปลกอีกเหมือนกัน คือสามีเป็นคนจีน ตลอดเวลาเราก็จะนึกว่าการเผากระดาษเงินกระดาษทองสิ่งของไปให้ผู้ตายจะถึงหรือไม่ มีอยู่วันหนึ่งพระท่านเรียกวิญญาณแม่สามีมาถาม ท่านบอกว่าวิญญาณแม่สามีอยากได้พัดของเขา ซึ่งสามีก็บอกว่าสมัยก่อนตอนแม่เขายังมีชีวิตอยู่ก็จะมีพัดประจำตัวอยู่อันหนึ่งซึ่งใช้เป็นประจำทุกวัน พระท่านบอกว่าให้เผาไปให้เขาแล้วทำพิธีแบบจีน เราก็ไปที่วัดที่เก็บกระดูกแม่เขาทำพิธีไหว้แล้วก็ไปเผากระดาษเงินกระดาษทองและพัด(ซึ่งซื้อมาใหม่เพราะของเก่าหายสาปสูญไปนานแล้ว) ที่วัดจะทำปล่องสำหรับเผากระดาษ ขณะกำลังเผาอยู่เราเห็นชายหญิงเดินผ่านมาด้านหลัง หลังจากนั้นประมาณไม่เกิน 2 นาที เราก็เห็นมีผู้ชายหัวโล้นแต่ตัวดำเป็นถ่านเลยประมาณ 4-5 คน เดินไปเดินมาอยู่ชั้นล่าง ในใจเราก็นึกว่าอ๋อชายหญิงสองคนเมื่อกี๊นี้เขาลงไปชั้นล่างแล้ว แต่เอ๊ะทำไมตัวดำจังเมื่อกี๊เราเห็นเขาใส่เสื้อผ้าสีสดใสแต่ตอนนี้ทำไมดำไปหมด แล้วก็นึกได้ว่าอ้าวจะเป็นพวกเขาได้อย่างไรเพราะคนดำๆที่เราเห็นเขาอยู่ด้านล่างของเตาเผานั้น คือเป็นปล่องสำหรับเผากระดาษเงินกระดาษทองจะมีเหล็กเป็นซี่ๆ เพื่อให้ขี้เถ้าตกลงไปด้านล่างซึ่งคนธรรมดาจะไปอยู่ตรงนั้นไม่ได้เพราะมันร้อนและเขาก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป คิดได้เท่านั้นก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เราสงสัยว่าคนตายจะได้รับสิ่งของที่เผาไปให้หรือไม่ ตอนนี้เราคิดว่าคนดำๆที่เราเห็นคงเป็นเหมือนไปรษณีย์มารับของที่เราเผาส่งไปให้คนตายแล้วเอาไปส่งให้เขาอีกทีหนึ่ง (เหตุเกิดตอนกลางวัน)
     
  16. fishblue2

    fishblue2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +319
    จริงๆเรื่องที่เล่านี้ก็ไม่น่ากล้วหรอกคะ
    เมื่อ ประมาณ สองปีได้นะคะ แฟนดิฉันไปเมืองนอก ก็เกาหลีใต้นะคะ ไปสักตามร่างกายนะ ก่อนจะกลับมา เค้าโทรมาหาดิฉันบ่อยๆ บ่นว่าปวดหัวอย่างรุนแรง เคยให้หมอที่โน่นฝังเข็มที่หัวนะคะ หลังจากนั้น สักประมาณอาทิตย์หนึ่งได้นะคะ เค้าบอกว่าจะกลับมา ตลอดทางที่ ดิฉันโทรคุยกับเค้าเค้าเริ่มไม่รู้สึกตัว หลังจากที่ลงเครื่องที่ ดอนเมือง แล้ว ก็วนหาเค้าตลอด เป็นห่วง เพราะเค้าเริ่มจดจำอะไรไม่ได้แล้ว หลังจากนั้น ประมาณ 6-7 ชั่วโมงเที่ยงคืนดิฉัน พาเค้าส่งโรงพยาบาล เค้าเริ่มอาเจียน และถ่ายหนัก ดิฉันจึงโทรหาเพื่อนอีกคนหนึ่ง เค้าบอกว่า แย่แวละ ธาตุแตกแล้ว คือช่วยไม่ได้ แล้ว เค้าเลยนอนให้อ๊อกซิเจน หนึ่งอาทิตย์ ก็สิ้นลม ในช่วงที่ตัวเค้านอนอยู่โรงฯบาล ดิฉันนอนหลับในรถอยู่ข้างคนขับ ดิฉันรู้สึกเหมือนมีผู้ชายตัวใหญ่ตาสองข้างดำสนิทไม่เห็นดวงตา มานั่งข้างหลัง เหมือนจะมาบอกอะไรสักอย่าง แต่เค้าไม่ยอมพูด พอตกใจตื่นก็เล่าความฝันให้แม่ของเค้าฟัง แม่เค้ามาบอกทีหลังๆจากที่เผาศพแล้วว่านั่นแหละ พี่...ของเราเอง น้องสาวเค้าก็ฝันว่าพี่ชายเค้าใส่ชุดนักรบสมัยก่อนมาหา
     
  17. 24

    24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +160
    แล้วหมายความอย่างไรคะ คือสนใจแต่ งงๆ แล้วแพทย์สรุปว่าสามีคุณเสียชีวิตเพราะอะไรคะ
     
  18. superjunioryok

    superjunioryok Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +91
    เราก็มีประสบการณ์นะ แต่ไม่เคยเห็นจะจะ
    ตอนนั้นไปเที่ยวที่เชียงรายกับญาติ ไปด้วยกันอยู่ 8 คน ไปพักโรงแรม (ไม่ขอระบุชื่อโรงแรมนะ ) เปิดห้องอยู่ 2 ห้อง เรานอนห้อง 106 ญาติเรานอนห้อง 107 (ครอบครัวละ 4 คน ) คืนนั้นประมาณ 23.30น. ได้ดูหนังกับพ่อ2คน แม่ กับพี่นอนแล้ว แล้วเมื่อหนังจบเราก็นอน พอนอนได้ถึงเวลาประมาณ 01.00 น. เราปวดฉี่ เราก็ตื่นขึ้นมา ไม่ครึ่งหลับครึ่งตื่น ห้องน้ำอยู่ด้านข้างพอดี ดันได้ยินเสียงคนอาบน้ำ เสียงฝักบัวดัง ซ่า ซ่า เราก็ตกใจ คิดไปว่าพ่อคงลุกมาฉี่เราก็มองไปข้างๆ ก็ไม่มีใครลุกไปเลย ทุกคนนอนอยู่บนเตียงหมด แล้วเป็นใครละที่มาอาบน้ำตอนกลางคืน (ห้องเรานะ) ช่วยบอกทีว่าเป็นใคร...........?
     

แชร์หน้านี้

Loading...