จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=_vulNAn65EY&feature=player_detailpage#t=181s]วังวน Clash - YouTube[/ame]จิตที่อยู่ในวัง หมายถึง จิตสบายไม่ลำบาก จิตสงบก็ได้(พูดแบบยานคางงง) เพราะในวังเปรียบเหมือนสถานที่ที่สุขยิ่ง คนทั่วไป ชอบเอามาเปรียบเป็น "วิมานบนดิน"
    แต่ถ้าเป็น"วังวน" ดั่งเพลงของพี่แคลส แฮะๆ กำลังหาเรื่องเข้าเพลงอะค่ะ ไม่มีไร!!!
    Kim_Uoonso and Samrung ฟังป่าวเพราะดีๆ ฟังไปวิปัสสนึก(ภาวนาไปด้วย) อิอิ
     
  2. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    กึ๋ย สงสัยติดพี่ภูมา อิๆๆๆๆ(ขอแซวจักหน่อย)
    พอดีที่จะสื่อคือว่าถ้าจะเข้ามาฝึกก็ต้องจริงจังแต่ว่าถ้าจะเข้ามาคุยเล่นเฮฮาก็ได้มิมีใครว่าอะไร กระ้ทู้นี้มิได้ผิดกั้นว่าจะต้องธรรมมะอย่างเดียว จะเข้ามาแบบไหนผมก็คิดว่าคนที่กระทู้นี้ยินดีต้อนรับซัมเหมอจ้า:cool::cool:
    ต้องขออภัยพอดีเขียนสั้นไปหน่อยครับ

    ขอตอบเรื่องทางโลกจักกะหน่อยที่ถามนะครับ
    ประเด็นเรื่องโง่ แต่ขยันนั้นอยู่ที่การจัดการของแต่ละคน หากจัดงานที่เหมาะกับเขา งานนั้นก็อาจจะไปด้วยดีก็ได้เช่น เราเองอาจจะคิดระบบขึ้นมาแล้วให้เขาปฏิบัติตาม ซึ่งคนประเภทนี้ผมเองเชื่อว่าเขาจะปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมาอย่างเข้มงวด แบบนี้เป็นต้นครับ
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ทำบุญเล็กน้อยต้องรอ แต่ทำบุญใหญ่ไม่ต้องรอ

    เพราะว่า...
    ทำบุญเล็กน้อยต้องรอทรัพย์ภายนอก รอเวลา
    แต่ทำบุญใหญ่ไม่ต้องรอ เพราะว่าใช้แค่ สติกับจิต เท่านั้นเอง

    ผู้เจริญทั้งหลาย
    พวกท่านอยากได้บุญ ได้กุศลตลอดทุกวินาที นาที ชั่วโมง
    หรือได้บุญ ได้กุศลเกือบตลอดทั้งวันคืน หรือไม่?

    แต่ถ้าอยากได้...
    ต้องคอยหมั่นทำสติให้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เมื่อมีสติเกิดมาก จิตก็เป็นสมาธิหรือฌาน
    และด้วยจิตที่ทรงฌานอยู่ทั้งวันคืนนี้ นี่เอง
    เสมือนเราได้ทำบุญ ทำำกุศลตลอดเวลาแล้ว
    เพราะในขณะที่จิตทรงฌานอยู่นั้น ถือได้ว่านำจิตไปตั้งอยู่ในฝ่ายบุญ ฝ่ายกุศลแล้ว
    เพราะสติถือว่าเป็นฝ่ายดี ที่เกิดจากธรรมชาติ
    และกิเลสถือว่าเป็นฝ่ายไม่ดี ที่เกิดจากธรรมชาติเหมือนกัน

    ในขณะที่หมั่นสร้างสติอยู่บ่อยๆนั้น กิเลสเขาจะหมอบชั่วคราว
    ในขณะที่ทำบุญเล็กน้อยต้องรอปัจจัย รอเวลา รอผู้อื่นหรือสิ่งอื่น
    แต่การทำบุญใหญ่ คือ การทำบุญภายใน โดยที่เราไม่ต้องรออะไรเลย
    คือ สามารถทำได้คนเดียว และ เดี๋ยวนี้ได้เลย
     
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    "วังวน" แปลว่า หาทางออกเองไม่ได้
    วังวน อาการถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในเหตุการ
    วนเวียน อาการฝักใฝ่เพื่อเข้าไปสู่เหตุการ

    ถ้าเปรียบเทียบกับทางโลก หมายถึง รักทำให้คนตาบอด เพราะรักทางโลก เป็นรักแบบยึด+ติด=ไปไหนไม่รอด
    (ลองถามคู่สามีภรรยาเขาดูเองดิ..อิอิ)
    ยิ่งรักแบบไร้สติด้วยแล้ว เป็นการสร้างกรรมอย่างต่อเนื่อง อาจจะมีทั้งกรรมดีหรือไม่ดี
    ยิ่งรักไม่สมหวังด้วยแล้ว เมื่อพบเจอกัน รักกัน อยู่ด้วยกัน ยึดติดกันไปเรียบร้อยแบบอัตโนมัติ
    แต่ถ้าฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใดไม่ซื่อ+สัตย์=หึง+หวง

    แต่ถ้าเป็นทางธรรม ก็จะหมายถึง ผู้ที่เดินหลงทาง มานับภพชาติไม่ถ้วน หาทางออกจากวัฎฎะไม่ได้

    ปล.ไม่น่าออกความคิดเห็นเลย เข้าเนื้อจนได้
    เอ๊าไม่เป็นไร เนื้อกายหยาบนี้ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
    นั่นเรารอดจนได้ ฮ่าๆ
    มีใครจะสาวความยืดกับเราไหมเนี๊ย ฮ่าๆตามสบาย
    ธรรมะคือ ความเสรีภาพ
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    "อาจกล่าวว่านี่คือ วังวนรัก"

    ฉันทำดีที่สุดแล้วใช่หรือเปล่า

    ไยปวดร้าวอีกเล่าเจ้าดวงใจ

    ฉันทำดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่

    แล้วทำไมใจจึงตรมระทมอีก

    ฉันคิดฉันเค้นฉันค้นหา

    ดวงใจแปลบว่าดั่งว่าโดนฉีก

    ฉันหวังฉันฝันฉันมีปีก

    บินหนีลี้หลีกกระผีกอวิชา

    ไปให้ไกลห่างไกลความเจ็บร้าว

    ไปให้พ้นหม่นหนาวในเหว่ว้า

    ไปให้ผ่านสายธารม่านน้ำตา

    ไปอีกฝั่งของขอบฟ้าซึ่งพร่าไกล

    ฉันทำดีที่สุดแล้วใช่หรือเปล่า

    ฉันเฝ้าไถ่ถามความหวั่นไหว

    ฉันทำดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่

    ไม่แน่ใจแปลกเปลี่ยวเสี้ยวอารมณ์

    ฉันไถ่ฉันถามถึงความรัก

    ฉันอยากรู้ให้ประจักษ์ไยมักขม

    เพียงผ่านผิวในความหมายของสายลม

    ก็กรีดรอยกดคมจมเนื้อใจ

    หรือบางทีดีที่สุดของตัวฉัน

    อาจเพียงหนึ่งในพันอันกว้างใหญ่

    ที่คิดคาดอาจไม่ดีเสมอไป

    ที่คิดคงไม่ตรงใจของตัวเธอ

    ฉันจึงคิดจึงเค้นจึงค้นหา

    จึงค้นพบฉันเหว่ว้าอยู่เสมอ

    ยิ่งฉันครุ่นฉันคิดจึงพบเจอ

    ฉันและเธอมีบางอย่างแตกต่างกัน

    ฉันทำดีที่สุดแล้วใช่หรือเปล่า

    ในแง่เหงาตอบว่าใช่ไปอย่างนั้น

    แท้ที่จริงนิ่งนึกในผูกพัน

    ฉันว่าฉันทำวันนี้ไม่ดีพอ

    ฉันคิดฉันค้นจนรู้ว่า

    ดวงใจปรารถนาอยากร้องขอ

    ฉันหวังฉันฝันฉันตัดพ้อ

    เพียงมีเธอคู่คลอก็พอเพียง

    ไม่อาจไปห่างไกลความเจ็บร้าว

    ไม่อาจหนีหม่นหนาวเคยพร่ำเสียง

    ไม่อาจผ่านสายธารน้ำตาเพียง

    หวังจะเสี่ยงปล่อยใจในวังวน

    คือวังวนแห่งรักประจักษ์แจ้ง

    นาฏกรรมแสดงแห่งหมองหม่น

    คือวังวนแห่งรักเราสองคน

    นาฏกรรมแห่งจำนนทนจำยอม

    จำยอมอยู่ด้วยรู้ว่าใจรัก

    จึงจำหลักปักไว้ด้วยใจล้อม

    จำนนต่อเหตุผลทนจำยอม

    จึงจำพร้อมยอมทนหม่นมัวใจ

    ฉันคิดดีที่สุดแล้วใช่หรือเปล่า

    จะปวดร้าวใจโดนฉีกอยู่อีกไหม

    ฉันคิดดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่

    คงต้องปล่อยให้เป็นไปในวังวน

    อาจกล่าวว่าความรักไร้หลักหมาย

    เกินกว่าบรรยายด้วยเหตุผล

    เฉกฉะนั้นฉันจึงไม่แปลกคน

    หากจะกล่าวจำนนทนรักเธอ

    เพราะฉันรักจึงทนรักเพียงเพื่อรัก

    ใจจำหลักรักไว้ในใจเสมอ

    อาจเหลวไหลไร้ค่าในสายตาเธอ

    ก็ยังคงนำเสนอให้เธอไป

    ฉันกล่าวดีที่สุดแล้วใช่หรือเปล่า

    ฉันไถ่ถามเบาเบาอย่างหวั่นไหว

    เกรงจะกล้าเกินกว่าเธอเข้าใจ

    และกลัวเธอจะจากไปในทันที

    อาจกล่าวว่านี่คือวังวนรัก

    ซึ่งฉันตระหนักในวิถี

    และยินยอมจะอยู่อย่างยินดี

    จึงร่ายคำกวีแทนสัญญา

    จึงกล่าวว่านี่คือวังวนรัก

    และตัวฉันตระหนักในมรรคา

    แม้จะรู้อยู่แก่ใจในวันหน้า

    อาจต้องหลั่งน้ำตาเพียงลำพัง

    ................................

    แม้จะรู้อยู่แก่ใจในวันหน้า

    อาจต้องหลั่งน้ำตาก็จะทน


    ..........................

    หมอกฟ้า ณ ผาเมฆ/ขนำนกทุ่ง

    นี่ก็คือ หนังตัวอย่าง​
     
  6. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    "นิพพาน" เส้นทางนี้ต้องอาศัยยานพาหนะ(เปรียบเป็นเช่นเรือ)(ความว่างที่ปราศจากกิเลส)แล่นไป... แต่ด้วยระยะทางที่อาจจะยาวไกลหรือกำหนดไม่ได้ จึงอาจจะต้องมีการ TRANSFER ย้ายจากอีกลำไปอีกลำเพื่อเล่นต่อไป(พัฒนาความว่าง) ....อันนั้น ก็อย่าลืมสะกิดผู้ที่อาจจะยังคงนั้งอยู่ลำเดิมให้ย้ายตามกันไปด้วย (เพราะเขาคือ....เพื่อนร่วมทางผู้น่าสงสาร)......
    ประเทศไทยขณะนี้ ทิศเหนือเย็นนนมากกก แต่ทิศใต้ บอกตามตรง ร้อน ฮ้อน hottt จริงๆเด้
     
  7. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    อารมณ์พระนิพพาน
    มันไม่มีอารมณ์อะไรนี่ อารมณ์อย่างเทวดาก็ไม่มีอารมณ์อย่างพรหมก็ไม่มี
    จะมานั่งห่วงว่าคนนั้นจะแก่ก็ไม่มี
    ห่วงว่าคนนั้นจะป่วยมันก็ไม่มี
    ห่วงว่าคนนั้นจะหิวมันก็ไม่มี
    ห่วงว่าคนนั้นจะเหนื่อยมันก็ไม่มี
    มันไม่มีอะไรจะห่วงทั้งหมด อารมณ์มันเฉยๆ ถึงจะเป็นลูก เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นสามี เป็นภรรยา อารมณ์เดิมมันก็ไม่มี
    แต่ความเนื่องถึงกันในอดีตนั่นเป็นเรื่องธรรมดา
    แต่ขึ้นมาบนนี้อารมณ์มันปล่อยหมด
    แต่ทว่า คำว่า พันธะ ยังมีอยู่นิดหนึ่งคือ
    ห่วงพวกที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์
    แต่ห่วงแล้วจิตมันก็ไม่ทุกข์หรอก
    มีกังวลอยู่นิดเดียวว่า ทำอย่างไรเขาจึงจะเป็นพระอรหันต์
    พระองค์อธิบายว่า ขณะที่ทรงขันธ์ ๕ อยู่
    ให้ทำจิตเหมือนกับอยู่ที่นิพพาน
    แต่ทว่ากิจที่จะต้องทำก็คือ ภาระเกี่ยวกับขันธ์ ๕
    ถือว่าเราทำเพื่อมันทรงอยู่ เพราะมันยังไม่ดับ แต่อย่ามีอารมณ์กังวล
    มันอยากกินก็ให้มันกิน มันอยากขี้ก็ให้มันขี้ มันอยากนอนก็ให้มันนอน
    ทำสภาวะเหมือนกับว่า ร่างกายเหมือนเสือตัวร้ายที่เราเลี้ยงไว้
    แต่เรา กำลังจะกระโดดหนีเสือ แต่มันยังไปไม่ได้ เมื่อเราอยู่กับเสือก็มีความ รังเกียจเสือ เราให้มันกินเพราะความจำใจ
    แต่เนื้อแท้จริงๆ เราไม่ต้องการมันเลย
    แล้วพระพุทธองค์ ทรงสรุปอีกว่า
    ให้พยายามรักษากำลังใจว่า ที่เราทรงขันธ์อยู่ให้เหมือนกับว่า เราละขันธ์ ๕ ไปอยู่นิพพาน คืออย่าให้มีอารมณ์ยุ่ง หน้าที่ก็ให้มันเป็นหน้าที่ จิตจงอย่ายุ่ง ทำทุกอย่างเพื่อเราละโลกนี้ เทวโลก พรหมโลก ซึ่งเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่คอยทำอันตรายเรา เราต้องการอย่างเดียว คือ พระนิพพาน
    บทความตอนหนึ่ง พระราชพรหมยาม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  8. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    นิพพาน
    โดย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    นิพพาน คำว่า นิพพานนี้เขาแปลว่า ดับ ท่านจัดให้หลายประเภท ด้วยกัน คือ
    ๑. ดับกิเลส มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่าสอุปาทิเสสนิพพาน
    คือยังไม่ตาย แต่จิตเป็นนิพพาน
    ๒. ดับกิเลส โดยไม่มีเบญจขันธ์เหลือบ้าง เรียกว่าอนุปาทิเสสนิพพาน
    คือตาย แล้วจิตเป็นสุขอยู่แดน นิพพาน
     
  9. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เอาเรื่องทางโลกมาคั่นมั่งนะครับ เดี๋ยวเครียดไป

    สมัครด่วน!! ผู้ทดสอบเล่นสไลเดอร์ เงินเดือน 80,000 บาท

    บริษัท เฟิร์ส ชอยส์ บริษัทด้านการท่องเที่ยว ทั้งสวนสนุก โรงแรม เที่ยวบิน ฯลฯ รับสมัครผู้ที่สนใจ เข้าทำงานกับทางสวนน้ำและสวนสนุก สแปลซ เวิลด์ โดยเปิดสาขาที่ประเทศแถบยุโรป รวมถึงมาร์ยอกา ตุรกี และอียิปต์

    ผู้สมัคร ต้องเป็นผู้ที่ชื่นชอบสวนน้ำ รักการเล่นเครื่องเล่น ซึ่งจะรับผิดชอบทดลองเล่นเครื่องเล่นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสไลเดอร์น้ำ และให้คะแนนว่าสนุกมากแค่ไหน และจะต้องปรับปรุงในเรื่องใดบ้าง เพื่อให้เครื่องเล่นนั้น ตอบโจทย์ผู้เล่นให้สามารถได้รับอรรถรส สมบูรณ์มากที่สุด

    ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ทางบริษัทจะให้เงินค่าจ้าง ปีละ 20,000 ปอนด์ หรือปีละประมาณ 973,000 บาท หากคิดเป็นเงินเดือนก็จะได้ประมาณ 81,000 บาท แต่ต้องเดินทางไปมาต่างประเทศ และเข้าออกสวนสนุกบ่อยครั้ง หากสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ Want to be our Slide Tester? บน Facebook | Facebook หมดเขต 28 ก.พ.นี้
     
  10. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    พี่ภู ยังไม่หายเหรอ... อย่าคิดมาก ไปหาเพลงฟังนะ
    ป.ล.ต้อง version เก่า คนสูงวัยร้องด้วย...

    เนื้อคู่กันแล้ว คงไม่แคล้วกันไปได้
    ถ้าเคยทำบุญร่วมไว้ ถึงจะยังไงก็ต้องเจอะกัน

    พรหมลิขิต/กรรมลิขิต

    ขอให้โชคดีค่ะ
     
  11. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151

    "สติ" นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะทำให้เราได้หยุดคิดพิจารณา ก่อนที่จะทำ จะพูด และแม้แต่จะคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าสิ่งนั้นดีหรือชั่ว มีคุณประโยชน์หรือเสียหาย ควรกระทำหรือควรงดเว้นอย่างไร

    เมื่อยั้งคิดได้ก็จะช่วยให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดประณีต และสามารถกลั่นกรองเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระไม่เป็นประโยชน์ออกให้หมด คงเหลือแต่เนื้อที่ถูกต้องและเป็นธรรมซึ่งเป็นของควรคิด ควรพูด ควรทำแท้ ๆ

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก
    ที่มา fb ธรรมทาน
     
  12. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ธรรมะเป็นเรื่องของใจ. บุคคลที่มี ใจ.ใจ. ใจ.

    บุคคลที่มีใจที่คิดและใฝ่หา แต่ธรรมะเพราะเขาทราบว่า ธรรมะทำให้ใจเขาพบแสงสว่าง

    เพราะธรรมะทำให้เขาได้คำตอบทุกอย่างจากเขาเอง เขาถึงค้นหาธรรมะของครูบาอาจารย์

    มาศึกษาเพื่อใจที่เขามุ่งมั่น ในการศึกษาจะได้ไม่ปฏิบัติในทางผิดการปฏิบัติเราต้องมีครูบา

    อาจารย์คอยแนะนำ ฉนั้นธรรมะจึงมีความสำคัญมากที่จะช่วยให้การศึกษาของเราให้สอบ

    ผ่านไปตามการศึกษาของเราให้สอบใจเราผ่านไปแต่ละชั้น แต่ละขั้น เหมือนการศึกษา

    ธรรมะของเราเริ่มแรกเราก็ต้องหาตำราที่ไม่ยากเกินไปมาเรียน และเรียนไปเพราะใจเรา

    รักและพร้อมที่จะเรียน ถ้าเรามีตำราที่ไม่ยากนักเราเรียนเราเข้าใจมัน เราก็จะมีความสุขใจ

    ในการเรียนของเรา แล้วใจเราการอยากเรียนอีก ทีนี้เราจะได้เรียนรู้เราในขั้นต่อไป เหมือน

    เราเข้าโรงเรียน ขั้นแรกเราก็เรียนอนุบาล ต่อมาก็จะได้ขึ้นมาชั้นป.๑ แล้วเราก็อยากขึ้นชั้น

    ต่อๆไปให้สูงขึ้น สูงขึ้น ถ้าเราเรียนและศึกษาด้วยใจรัก เราปฏิบัติอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เราก็จะ

    มีความสุขใจกับการเรียนของเรา ยิ่งเราเรียนมากเท่าไหร่ ความสุขใจก็จะเพิ่มเป็นทวีคุณ

    และเมื่อถึงเวลานั้นใจเราก็จะพ้นทุกข์. คือ การทำใจให้ได้ต่อการ ได้ลาภยศเกียรติ และ

    สรรเสริญจิตก็ไม่หลงยินดี ไม่หลงในสิ่งที่ได้ และในขณะเดียวกัน หากมีการสิ้นลาภ

    สิ้นยศ สิ้นเกียร สิ้นสรรเสริญ อีกทั้งมีความตำหนินินทา อันเรียกว่าโลกธรรม ๘ ใจเราก็

    ปกติ ไม่ตื่นเต้นหวั่นไหวแม้แต่นิดเดียวต่อการสูญสิ้นนั้นๆ.

    เมื่อใดยังทำใจไม่ได้ เราก็จะทุกข์ใจอยู่ร่ำไป แต่หากทำใจได้แล้ว เราก็จะมี

    ความสุขความสบายใจ. ธรรมะแห่งพุทธะ ทั้งหมดอยู่ที่ใจ อยู่ที่ความปล่อยวางของใจ

    ธรรมะแห่งพุทธะจึงเป็นเรื่องใจ. ผู้เขียนจึงขอฝาก เรื่องใจ ใจ ใจ ไว้ด้วยค่ะ.

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2013
  13. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    [​IMG]
     
  14. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    ทำไมพี่ข้าวฮางพูดเหมือนจะทิ้งน้อง (ไหมนะ?) อย่างงี้อะ?
    จะหายไปไหนคะ?
    น้องรออยู่นะจ้ะ...





    .............................


    อย่าห่างน้อง ไปเลย นะพี่รัก
    พี่น้องรัก รักกัน อยู่ใช่ไหม?
    มาวันนี้ ทำไมพี่ เหมือนห่างไกล
    แล้วเมื่อไร เราจะได้ มาคุยกัน?

    เรื่องกระทู้ ดูไป ก็เสียเปล่า
    หากตัวเรา เศร้าหมอง ครองโศกศัลย์
    แต่ตัวพี่ นี่ก็รู้ อยู่ด้วยกัน
    ว่าเรานั้น ต่างมี เจตนาดี

    กระทู้ธรรม ธรรมะ ธรรมดา
    มีบรรดาหลากเสียงที่สดศรี
    แต่ก็มีหลายเสียงถ้อยพาที
    ดี - ไม่ดี ก็มี ปนกันไป

    จะเป็นไร ก็ช่าง เถิดพี่รัก
    ขอพี่มั่น ในทาง ที่ฝันใฝ่
    พี่ไม่มา หาน้อง ไม่เป็นไร
    อยู่ที่นี่ "กำลังใจ" ให้พี่ยา

    กำลังใจ จากน้อง ไงพี่รัก
    พี่จะหัก หันหน้า ไปทางไหน
    ก็อย่าลืม ว่ามีน้อง ส่งแรงใจ
    ไปทางไหน กับใคร ให้เจริญ...

    [​IMG]

    .........................

    มามะมากอดกันหน่อย... พี่ข้าวฮาง



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2013
  15. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  16. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  17. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG]
     
  18. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ในโลกนี้ท่านกล่าวไว้ว่ามีคนอยู่ 2ประเภทเท่านั้น "คนดี" และ"คนไม่ดี" และถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านจะทราบได้อย่างไร ว่าคนไหนดี และคนไหนไม่ดี อะไรเป็นเครื่องหมาย ก็จะรู้ได้ด้วยความพฤติปฏิบัติ คือคนไหนมีความกตัญญูกตเวที รู้อุปการะคนอื่นทําและตอบแทนบุญคุณท่านในโอกาสที่สมควร เรารู้ได้ว่าคนนั้นเป็นคนดี คนไหนลบหลู่บุญคุณท่าน ไม่คิดตอบแทนท่าน เรารู้ได้ว่าคน คนนั้นไม่ใช่คนดี ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี ตรงกันข้ามความ"อกตัญญูกตเวที" ก็เป็นเครื่องหมายของคนไม่ดี และท่านให้ชื่อคนที่รู้จักอุปการะ ผู้อื่น เช่นลูกเป็นหนี้ บุญคุณของบิดา มารดา ศิษย์ เป็นหนี้บุญคุณของครูบาอาจารย์ ประชาราษฏร์ เป็นหนี้ พระเจ้าแผ่นดิน พุทธบริษัทเป็นหนี้พระพุทธเจ้า เมื่อเป็นหนี้บุญคุณท่านอยู่เช่นนี้ สมควรที่จะปฏิบัติตอบแทนคุณของท่าน จึงจะเปลื้องหนี้เสียได้ เมื่อทําแล้วจึงเรียกว่า มีความ"กตัญญูกตเวที" คนอกตัญญูไม่ดี คือ ไม่รู้คุณค่าของใครๆแม้จะให้ทรัพย์หมดทั้งแผ่นดิน ก็ไม่ทําให้คนอกตัญญูรู้สึกถึงบุญคุณได้ เป็นคนประทุษร้ายมิตร เวลาตกทุกข์ก็เข้าหา ครั้นสมประสงค์แล้วก็เบือนหน้าหนี้ เลี้ยงคนอกตัญญู เหมือนเลี้ยงอสรพิษ มีใจประทุร้ายอยู่เป็นนิตย์ เพราะเหตุนี้ท่านจึงห้ามไม่ให้คบคนอกตัญญู เหมือนคําฟังเผยว่า "แม้แผ่นดินจะไร้หญ้า ก็อย่าคบค้ากับคนอกตัญญู"จึงได้นํามากล่าวถึง ซึ้งท่านก็จะเห็นได้ว่าคนดี และไม่ดี ก็อยู่ที่การกระทําและมีความสํานึกถึงบุญคุณของคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุญคุณของพ่อ แม่ ผู้ให้กําเนิดเรามาให้มีชีวิตทุกๆชีวิตมีค่า.
    ที่มา ธรรมวิภาคและคิหิปฏิบัติ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2013
  19. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    คนขี้เกียจทำงานใดๆ ก็ไม่สำเร็จ ปฏิบัติธรรมใดๆ ก็ไม่สำเร็จ คนจะไปนิพพานนั้นขี้เกียจไม่ได้ แม้เห็นคนอื่นเขาขี้เกียจ แล้วนึกตำหนิกรรมของเขา ก็เท่ากับไปยกเอาความขี้เกียจของเขามาไว้ในจิตของเรา เพราะเห็นอารมณ์หลง (โมหะ) เป็นของดี ยกตัวอย่างเช่น เห็นถังขยะเต็ม แต่ผู้มีหน้าที่ไม่ยกไปเททิ้ง เดินผ่านครั้งใด พอเห็นจิตก็นึกตำหนิกรรมของเขาว่าขี้เกียจ (แม้ในพระวินัย หากเห็นของสงฆ์ชำรุด หรือใช้ของสงฆ์แล้วทิ้งไม่เก็บเข้าที่ เดินผ่าน ๑ ครั้ง เห็นแล้วไม่ซ่อมแซม หรือบอกให้ผู้อื่นที่มีหน้าที่มาซ่อม เดินผ่านทุกครั้งหากยังวางเฉย จะถูกปรับอาบัติทุกครั้งที่เดินผ่านแล้วเห็น ยิ่งไปตำหนิกรรมเข้าด้วย ก็จะมีผลเหมือนพวกเจ้านี่แหละ) เหตุผลเพราะเดินผ่านครั้งใด อารมณ์ปฏิฆะก็เกิดเมื่อนั้น เป็นขี้เกียจบวกขี้เกียจ อารมณ์ก็ยิ่งเกิด จิตก็ยิ่งเศร้าหมอง แล้วขาดทุนหรือได้กำไรล่ะ

    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
    ที่มา fb เครือข่ายกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2013
  20. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    เล่าสู่กันฟัง คือ ผู้เขียนได้มีโอกาส ได้ติดตามรับใช้พระผู้ใหญ่หลายท่าน ที่เดินทางมาเยี่ยม ญาติโยมที่อยู่อังกฤษ และได้โอกาสได้รับฟังธรรมะของแต่ละท่าน ท่านพูดว่า "ประเทศ อังกฤษนี้ มันเป็นประเทศเหมาะกับการ ภาวนา"เราก็ได้แต่ยิ้มๆฟังไป เพราะมันใช่... เพราะผู้คน ส่วนใหญ่ เขาจะไม่มาวุ้นวายกับเรา และไม่ได้ไปไหนมาไหนได้ง่ายๆ เพราะมันไม่สะดวก ถ้ายิ่งขับรถไม่เป็นแล้วยิ่งแล้วกันไปใหญ่ ก็มีทางเดียวคือ ต้องมีความอดทนเป็นเยี่ยมยอด ถ้าอย่างนั้นท่านก็จะมีแต่เซ็งๆๆ อย่างเดียวเลย และพระที่ท่านมาที่อังกฤษ ท่านก็จะเห็น แต่บ้านคนและถนนใหญ่ๆ แต่ไม่ค่อยเห็นคนมาวุุ้นวาย เหมือนบ้านเรา คือมันเป็นประเทศส่วนตัว หรือมีโลกส่วนตัว ก็ว่าได้ ท่านก็พูดไปเราก็ฟังไป ก็ถูกของท่านหมด เพราะถ้าเราเห็นความคิดของเราแล้ว เราก็จะแก้ไข ว่าจะทําอย่างไร? ถึงจะไม่ทุกข์ไม่ฟุ้งซ่าน รําคาญใจ ก็ต้องปฏิบัตินี่แหละของจริงเพราะมันทุกข์ และทุกอย่างก็ไม่ได้ดังใจ บางคนอยู่ประเทศที่มีอากาศอบอุ่น อย่างเมืองไทยเราก็จะสบายกาย สบายใจ ก็ไม่เห็นความคิดของตนเอง เพราะมีอะไรๆแก้เซ็งเยอะ ก็วิ่งหาแต่ภายนอก เพื่อแก้ทุกข์ภายใน ก็จะได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ที่นี่มันภาคบังคับก็ว่าได้ คนนี่เวลาไม่ทุกข์ไม่เห็นธรรม ท่านถึงกล่าวว่า"คนไหนเห็นทุกข์ คนนั้นเห็นธรรม คนไหนเห็นธรรม คนนั้นเห็นตถาคต"นี้แหละถูกต้องอย่างไม่มีข้อสงสัยเลย จึงเอามาแชร์เพื่อให้ท่านเห็นว่าการเห็นความคิดของเรานั้นแหละดี และก็นําธรรมมาปฏิบัติเพื่อ กําจัด ความฟุ้งซ่านรําคาญใจที่เป็นกิเลส ค่อยยุแย่เราอยู่ตลอดเวลาจึงต้องปฏิบัติเพื่อสิ่งๆนี้และการได้เห็นจิตตน ก็จะสามารถรู้ตนเองและใช้ตนนี่แหละเป็นที่พึงของตน "เหมือนคําสอนที่หลวงปู่มั่นท่านกล่าวไว้ "ได้อะไร ก็ไม่สู้ได้ตน" เพราะตนนํามาซึ้งความสําเร็จกิจทั้งหลายทั้งปวง.
     

แชร์หน้านี้

Loading...