เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

รบกวนสอบถามพี่หนุ่มครับ

พี่หนุ่มครับไม่ทราบว่าพระขุนแผนหลวงพ่อกวยท่านยังอยู่ไม๊ครับ พอดีลงในกระทู้ตั้งแต่ปีก่อน องค์ซ้ายมือนะครับ ถ้ายังอยู่ผมขอจองไว้บูชานะครับ หน้า470 กระทู้ที่ 9399 ผมรบกวนด้วยนะครับพอดีสมัครสมาชิกวันแรกเลยใช้เว๊บบอร์ดไม่ค่อยเป็นครับ ^^

 

วันนี้ได้โอนไปแล้วครับ

พระกสิณ หลวงปู่พิศดู แบบเล็กๆ สภาพสมบูรณ์ คมชัด
ขนาดเกือบเท่าพระของขวัญวัดปากน้ำ
พระกริ่งอุดผง-พระชัย หลวงพ่อทองวัดลำกระดานชุดที่02และ05

 

พระขุนแผนที่สอบถามถึงนะครับ

ตามที่สอบถามตามกระทู้ข้างบนครับพี่หนุ่มครับถ้ายังอยู่ผมขอบูชานะครับ

 

ได้รับของเรียบร้อยแล้วนะครับ ขอบคุณครับ

 

เรียนคุณหนุ่ม คุณหมูน้อย
ขออนุญาตยกเลิกการจองพระปิดตาหลวงปู่พิศดูรายการที่13ครับ
ขอบคุณครับ

 

คุณหนุ่มครับพอจะมีแบบนี้อีกสักองค์ไหมครับ....ถ้ามีผมจองไว้เลยนะครับ

 

ไม่มีแล้วครับ ต้องขอโทษด้วยครับ

 

ผมจะลงภาพพระกสิณเนื้อดินผสมผงองค์ขนาดเท่าหัวแม่มือ ในราคาองค์ละ 3,750.บาท ซึ่งเป็นพระยุคแรกสุดของหลวงปู่พิศดู ที่ท่านทำไำว้อย่างสมบูรณ์แบบและปลุกเสกมานานกว่ายี่สิบปีก่อนแจกจ่ายให้คนไปบูชา ทุกครั้งที่หลวงปู่พิศดูปลุกเสกวัตถุมงคลมาตั้งแต่ยุคแรกๆปี 2519 เป็นต้นมา แน่นอนว่าท่านเชิญพระอุปคุตมาร่วมบรรจุพลังด้วยทุกครั้ง วันนี้พระรูปหล่อบางรุ่นของท่านราคาองค์ละสามหมื่นบาทแล้วและยังไม่มีในท้องตลาด ลองหาพระกสิณของท่านบูชาดูก็ได้ จะรู้ว่าของท่านดีจริงๆ องค์ใหนไม่แท้ยินดีคืนเงินสองเท่า

 

พระกสิณยุคแรกของ ลป.พิศดู เนื้อดินผสมผง มีขนาดเล็กเหมาะแก่การแขวน
สภาพเดิมไม่ผ่านการใช้มาก่อน เป็นพระเครื่องที่ท่านตั้งใจทำไว้ให้ใช้บูชาติดตัว
ทั้งได้อธิษฐาน-ปลุกเสกยาวนานที่สุดในบรรดาวัตถุมงคลทั้งหมดของท่านและดีจริง
ให้บูชาราคา 3,750.บาท สำหรับคนที่ต้องการพระดีๆสายอิทธิฤทธิ์และพลังเหนือโลก

 

ขอจองครับ

 

พระกสิณยุคแรกของ ลป.พิศดู เนื้อดินผสมผง มีขนาดเล็กเหมาะแก่การแขวน
ทั้งได้อธิษฐาน-ปลุกเสกยาวนานที่สุดในบรรดาวัตถุมงคลทั้งหมดของท่านและดีจริง
ศิษย์อาวุโสของท่านรับรองว่า ถ้าใช้ไม่ได้ผลอะไร คืนเงินเขาไปเลยสำหรับพระกสิณ
ให้บูชาราคา 3,750.บาท สำหรับคนที่ต้องการพระดีๆสายอิทธิฤทธิ์และพลังเหนือโลก

 

พระกสิณยุคแรกของ ลป.พิศดู เป็นเนื้อดินผสมผง มีขนาดเล็กเหมาะแก่การแขวน
ครบถ้วนทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ พร้อมด้วยพลังเหนือโลก และพลังจากพระอุปคุต
ศิษย์อาวุโสของท่านรับรองว่า ถ้าใช้ไม่ได้ผลอะไร คืนเงินเขาไปเลยสำหรับพระกสิณ
ให้บูชาราคา 3,750.บาท สำหรับคนที่ต้องการพระดีๆสายอิทธิฤทธิ์และพลังเหนือโลก

 

องค์หลวงปู่พิศดู พระอรหันต์ใหญ่ผู้ทรงฤทธิ์

ก่อนที่ข้อความและเรื่องราวเหล่านี้จะถูกเขียนขึ้น ผมขอบอกให้ทุกท่านทราบก่อนว่า เรื่องราวเหล่านี้เขียนขึ้นจากปากคำของลูกศิษย์ และผู้คนทั้งหลายที่ได้พบเจอมา ซึ่งเป็นประสบการณ์จริง หลายเรื่องเป็นประสบการณ์ตรงของผมเอง และขอยืนยันด้วยหัวใจ สัจจะ และเจตนาอันบริสุทธิ์ของผม ว่าทุกเรื่องที่เขียนมาแล้ว และจะเขียนต่อไปอีกนี้ เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ได้แต่งเติมขึ้นมาแต่อย่างใด(อาจมีบ้างในครั้งที่จำเป็นต้องเรียบเรียง ถ้อยคำให้สละสลวย)

ดังที่กล่าวมานี้เพียงที่จะเผยแพร่ประวัติ เกียรติคุณ ปฏิปทาของพ่อแม่ครูอาจารย์ของเรา เพราะผมเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรทราบและรู้จักองค์หลวงปู่พิศดูในทุก ด้าน(โดยเฉพาะเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ด้วย) หลังจากที่ท่านพยายามปกปิดและซ่อนตัวอยู่ในป่า-เขา มาเป็นเวลานาน ตราบจนบั้นปลายแห่งสังขารธรรมขององค์ท่าน จึงได้มีผู้ค้นพบ และนำข้อมูลในเรื่องต่างๆมาเผยแพร่บ้าง แต่ก็เพียงส่วนน้อยยังไม่มากพอ บัดนี้บารมีธรรมขององค์ท่านและเรื่องราวข่าวสาร ได้แผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง นับวันจะยิ่งกว้างไกล ก็ด้วยความศรัทธาในมหาบารมีธรรมที่เปี่ยมล้นของท่านด้วยประการทั้งปวง .. และขอทุกท่านได้โปรดไตร่ตรอง และใช้วิจารณญาณด้วย ผิดถูกประการใด โปรดชี้แนะผมได้ครับ .. สาธุ

เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์และพระอริยะครูบาอาจารย์ว่า องค์หลวงปู่พิศดูของเรานั้น ท่านเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศในทางฤทธิ์ แม้แต่องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโณ ยังได้กล่าวยกย่องในคุณธรรมขององค์หลวงปู่ไว้ว่า " หลวงพ่อพิศดูท่านเป็นพระอริยะ เพชรเป็นน้ำหนึ่งแห่งภาคตะวันออก " หลวงปู่ท่านคือพระอาจารย์ใหญ่ ผู้นำพระอรหันต์สายฤทธิ์ เบื้องทิศบูรพา ผู้ปกป้องภัยในสามโลกธาตุ .. ครูบาอาจารย์กล่าวกันว่า ท่านจัดอยู่ในพระอริยะฝ่ายปราบ(มาร) ไม่ว่าภัยใดๆจะบังเกิดมี ถ้าไม่เหนืออำนาจของกฏแห่งกรรมจนเกินไป ท่านจะไปช่วยป้องปิดไว้เสมอ อย่างเช่นเมื่อประมาณเกือบ 4 ปีก่อน ได้เกิดพายุไซโคลนนาร์กีส พัดถล่มในประเทศพม่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2551 ด้วยความเร็วลม 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง สร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนและคร่าชีวิตชาวพม่าอย่างมากมายเหลือ คณานับ แต่แทนที่พายุลูกนั้นจะเข้ามาทำความเสียหายในบ้านเมืองเรา แต่กลับไม่เข้าจึงไม่ปรากฏความเสียหายใดๆ หรืออาจจะมีก็คงน้อยมากๆ ในช่วงนั้นองค์หลวงปู่ท่านจะอยู่แต่ในห้อง นอนจำวัดอยู่ตลอดเกือบทั้งวันโดยที่แทบไม่ฉันภัตตาหารเลย พอเหตุการพายุดังกล่าวสงบลง ท่านก็เล่าให้ฟังว่าท่านช่วยป้องกันภัยให้กับประเทศไทย พอดีมีคนมาเล่าให้ท่านฟังถึงเหตุการพายุถล่มที่พม่า องค์หลวงปู่ท่านก็บอกว่า " งานนี้เราไปช่วยปิดอันตรายไม่ให้เข้ามาในบ้านเมืองของเรา หลวงตา(มหาบัว)ท่านก็ช่วยอยู่นะ... "

ท่านเคยบอกว่า เวลาก่อนจะมีภัยเกิดขึ้น จะมีสัญญาณมาบอกให้ทราบก่อน หรือมีเทวดาชั้นต่างๆมาบอก เพื่ออาราธนาให้ช่วย แต่จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับกฏแห่งกรรมที่จะตัดสินสัตว์โลก ถึงแม้พระอริยะผู้ป้องภัยผู้นั้นจะมีอิทธิฤทธานุภาพมากมายแค่ไหน แต่ถ้าไม่ใช่หน้าที่ หรือกฏแห่งกรรมตัดสินแล้ว ก็ต้องปล่อยใจวางเฉยเสีย หากท่านขืนช่วยลงไปท่านก็ต้องทอนอายุสังขารของท่านลงไปด้วย เพราะสรรพสิ่งทั้งปวงในโลกย่อมอยู่ใต้อำนาจกฏแห่งกรรมทั้งสิ้น ทั้งที่ท่านเหล่านั้นจะฝืนกฏก็สามารถทำได้โดยไม่ยากก็ตามแต่ก็ต้องปล่อยไป ตามธรรมชาติ แต่พระผู้ทรงฤทธิ์เหล่านั้นหากลงมือช่วยผู้ใดแล้ว มั่นใจได้เลยว่าอย่างน้อยจากหนัก ก็จะช่วยให้กลับกลายเป็นเบา จากเบาเป็นหายได้ในที่สุด ..

หลวงตาพระมหาบัว ท่านเคยบอกว่า " พระอริยะที่จะช่วยโลกได้ดีนั้น ต้องเป็นพระอริยะมานานแล้วถึง 40 พรรษา ไม่อย่างนั้นจะต้องลง(มรณะภาพ)นะ..."

หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคยบอกว่า " พระที่ท่านจะช่วยสงเคราะห์ หรือสะเดาะเคราะห์ต่อชีวิตให้ญาติโยมได้จริงนั้น ต้องเป็นพระระดับ วิชชาสาม ขึ้นไปจึงจะมีผลเต็มร้อย " (ขอขอบคุณกระทู้เรื่องเล่าของหลวงปู่พิศดู)

 

องค์หลวงปู่พิศดู พระอรหันต์ใหญ่ผู้ทรงฤทธิ์
________________________________________
มีบุญสัมพันธ์กันกับท่านพระมหาอุปคุต ในฐานะศิษย์-อาจารย์ ( 1 )

ก็คงได้ทราบกันอยู่บ้างแล้วถึงบุญสัมพันธ์ระหว่างองค์หลวงปู่พิศดู กับท่านพระมหาอุปคุต ที่เกี่ยวเนื่องกันมาแล้วในหลายๆชาติ ตราบจนในชาติสุดท้ายก่อนที่จะมาเกิดเป็นพระภิกษุพิศดูนี้ โดยบุญสัมพันธ์นั้น หลวงปู่ท่านบอกไว้โดยชัดเจนว่า " เราสาย(ตรง)ท่านพ่ออุปคุต " ดังจะขอยกเรื่องราวที่เคยแสดงไว้ในกระทู้หน้าที่ 103 มาให้ศึกษากันอีกครั้ง ดังนี้..

ซึ่งเรื่องราวในครั้งอดีตขององค์หลวงปู่พิศดูนั้น องค์หลวงปู่เอง และครูบาอาจารย์ผู้ทรงญาณอันแก่กล้าหลายท่าน(ขอสงวนนาม) ก็ยังเคยเล่าให้เราทราบว่า ..ในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้ปกครองดินแดนชมพูทวีปนั้น องค์หลวงปู่พิศดูก็ยังได้เกิดเป็นพระราชนัดดา(หลาน) ของพระเจ้าอโศกฯ (ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ขอท่านผู้อ่านพิจจารณาเพื่อเป็นกรณีศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์ความได้ยาก..(แต่ว่าผมเชื่อครับ) และยังได้มีส่วนร่วมใน อภิมหามหกรรมสมโภชน์ พระมหาสถูป เจดีย์ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนั้น เป็นระยะเวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน

ในครั้งนั้น พยามาราธิราชหวังจะเข้าทำลายมหกรรมพิธี พระเจ้าอโศกฯจึงได้อาราธนานิมนต์องค์พระมหาอุปคุต ซึ่งเป็นอนุพุทธะอรหันตเถระเจ้า ที่กำลังเข้าฌานสมาบัติหลีกลี้จากความวุ่นวาย ให้ขึ้นมาจากปราสาทแก้วในท้องสะดือทะเล เพื่อยับยั้ง ขัดขวางการกระทำของพยามาร ผู้มีใจบาป หยาบกระด้าง ผู้ไม่มีความอดทน โดยการเนรมิตซากสุนัขเน่าผูกคอพญามาร และใช้รัดประคตมัดพญามารไว้กับเขาพระสุเมรุ ด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ ทำให้พญามารรู้สึกทรมารมาก เพื่อแก้จริต หวังให้พญามารได้มีเวลาพิจจารณาไตร่ตรองให้รู้สึกสำนึกผิด ว่านี่ขนาดพระสาวกยังมีฤทธานุภาพถึงเพียงนี้เลยเล่า จึงทำให้ย้อนรำลึกถึงเมื่อครั้งอดีต ตนเคยยกเสนามารกรีธาทัพ หวังเพื่อทำลายความเพียรของพระพุทธองค์ แต่พระองค์ก็มิได้ทรงตอบโต้ตนเลย หนำซ้ำยังมีจิตเมตตา จนตนต้องพ่ายแพ้ไปเองด้วยพุทธะบารมี

พิจจารณาไตร่ตรองเห็นถึงเพียงนี้ จึงเกิดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า พยามารจึงได้ตั้งความปราถนาซึ่งพุทธภูมิหวังเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งใน อนาคตกาล.. เมื่อพระมหาเถระทราบความคิดของพญามาราธิราชโดยละเอียดแล้ว จึงอธิษฐานแก้มัดให้ และยังได้สั่งสอนให้พญามารเข้าใจในความจำเป็นดังกล่าวมา จนทำให้ มหกรรม สมโภชน์พระบรมสารีริกธาตุของพระเจ้าอโศกฯ นั้น รอดพ้นจากภัยของมารไปได้ด้วยดี เพราะคุณของพระมหาเถระอุปคุต ยังความปราบปลื้มปีติ ซาบซึ้งในคุณของพระมหาเถระที่มีต่อองค์กษัตริย์ และปวงประชาเป็นล้นพ้น จึงมีผู้ศรัทธาขออุปสมบทในสำนักของพระมหาเถระเป็นจำนวนมาก

รวมถึงองค์หลวงปู่พิศดูในสมัยนั้นก็ด้วยเช่นกัน ซึ่งคณะลูกศิษย์สาวกของพระมหาเถระอุปคุตในสมัยนั้น ต่างก็ได้สำเร็จมรรคผลนิพพานกันเป็นอันมาก แต่องค์หลวงปู่พิศดูในสมัยนั้น ท่านยังมิได้หวังจะสำเร็จมรรคผลนิพพาน เพราะอดีตได้เคยตั้งปณิธานซึ่งความปราถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามานับภพชาติไม่ถ้วน ซึ่ง ก็เป็นเหตุปัจจัยให้ไม่สามารถเข้านิพพานได้ในชาตินั้น แต่ก็ยังเป็นผู้เลิศในทางแสดงอิทธิวิธี อันมีสมาบัติ8 และทรงอภิญญาใหญ่เป็นบาท ต่อมาภพชาติสุดท้าย บารมีธรรมของท่านเข้าสู่ขั้นปรมัตถ(บารมีเต็ม) บังเกิดความเบื่อหน่ายในชาติภพ จึงอธิษฐานถอนความปราถนาซึ่งพระปัจเจกภูมินั้นเสีย และหาหนทางเพื่อบรรลุอรหัตผลด้วยองค์ท่านเอง... (ขอขอบคุณกระทู้เรื่องเล่าของหลวงปู่พิศดู)

 

มีบุญสัมพันธ์กันกับท่านพระมหาอุปคุต ในฐานะศิษย์-อาจารย์ ( 2 )

จากข้อความที่เขียนเอาไว้เมื่อครั้งก่อน เป็นคำบอกเล่าจากองค์ครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้เมตตาเล่าเรื่องราวความเป็นมาต่างๆให้เราได้ทราบ ได้แสดงถึงความมีบุญสัมพันธ์กันระหว่างองค์หลวงปู่กับท่านพระมหาอุปคุตเถระ ซึ่งเรื่องราวที่ได้แสดงนั้น ก็ขอทุกท่านได้โปรดใช้วิจารณญาณ ถือเสียว่าเป็นเรื่องจริงอิงชาดก เป็นกรณีศึกษาเพื่อเจริญศรัทธา ให้บังเกิดความอิ่มเอม เปรมใจ ตามแต่จะเห็นสมควร(แต่ผมก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง)

แต่ทว่า.. เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น สิ่งที่ผมทราบมายังมีอยู่อีกมาก แต่จะขอนำมาเขียนเพียงเรื่องราวที่สมควรจะเขียนจริงๆเท่านั้น ผมคิดได้ว่า..หากเรารู้สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ควรจะนำมาแสดงให้ได้ทราบโดยทั่วกัน อย่าปล่อยให้สัญญาที่ไม่ค่อยเที่ยงของเรากลืนกินเรื่องราวและสิ่งดีๆให้ลบ เลือนไปจากความทรงจำเลย

และสิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าของลูกศิษย์บางท่าน และหลายเรื่องเป็นประสบการณ์ตรงของผม จากการที่อยู่ใกล้องค์หลวงปู่ท่านแม้ไม่นานมากแต่ก็หลายปีอยู่ เราจะทราบอะไรมากมาย จึงขอใช้คำว่า หมดความสงสัยในคุณธรรมของพระอริยะเจ้า .. สิ่งที่องค์หลวงปู่ท่านบอกให้ฟัง ที่เกี่ยวกับพระมหาอุปคุตนั้น ซึ่งผมจะขอบันทึกไว้ ณ กระดานแห่งนี้ เพื่อกรณีศึกษาของผู้คนรุ่นนี้และรุ่นต่อไปครับ..

.. ตามที่องค์หลวงปู่เคยบอกให้ทราบ หลายๆเรื่องเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจมาก อย่างเช่นสมัยที่ลูกศิษย์ชุดที่สร้างผ้ายันต์พระมหาอุปคุตรุ่นแรกขึ้นไปถวาย โดยสร้างไว้ประมาณ 1,000 ผืน พอขึ้นไปถวายเสร็จ ทันทีที่องค์หลวงปู่ได้เห็นรูปแบบของผ้ายันต์ และรู้พระมหาอุปคุต ท่านก็บอกเลยว่า " ตัวจริงท่านไม่ใช่แบบนี้นะ ที่เห็นเป็นจินตนาการของคนเรา ไม่ว่าที่ไหนก็ทำออกมาไม่เห็นเหมือนตัวจริงหรอก แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งแทนตัวท่านได้.. " พอองค์หลวงปู่ได้รับการถวายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านก็เอาไปอธิษฐานจิตของท่าน แต่ท่านก็ไม่ได้บอกว่าใช้วิชาอะไร เสกอย่างไร ท่านบอกแต่ว่า " ผ้ายันต์นี้ ท่านพ่ออุปคุตท่านมาเสกให้เลยนะ.." แถมยังสั่งให้ตามลูกศิษย์คนนั้น คนนี้ มารับผ้ายันต์ไปอีกด้วย .. แม้แต่ผ้ายันต์พระมหาอุปคุตที่สร้างเป็นรุ่น ต่อๆมา และเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นต่างๆ ท่านก็ยังบอกว่า " ท่านพ่ออุปคุตก็มาช่วยเสกให้ด้วยเช่นกัน " ..

หรือเวลาอยู่ว่างๆ เป็นปกติที่องค์หลวงปู่มักให้ลูกศิษย์อ่านหนังสือธรรมะ หลายครั้งท่านก็จะให้อ่านประวัติพระมหาอุปคุตเถระ ท่านเคยบอกว่า " เรื่องที่เขาเขียนเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริงนา" .. " ท่านพ่ออุปคุตนี่ยังไม่ตายนะ (อยู่มาถึงตอนนี้ท่านก็คงจะมีอายุประมาณ 2,300 ปีแล้ว) ท่านอยู่ใต้สะดือทะเล ปีนึงจะออกมาบิณฑบาตรไม่กี่ครั้ง " จึงเป็นเหตุให้ภายหลังทางวัดเทพธารทองจะจัดงานพิธีตักบาตรพระมหาอุปคุตเป็น ประจำทุกปี เพื่อน้อมถวายบูชาคุณแด่องค์พระมหาอุปคุต และทุกครั้งที่ตักบาตรกันเสร็จ องค์หลวงปู่ท่านก็จะเมตตาบอกทุกครั้งเลยว่า " วันนี้ท่านพ่ออุปคุตท่านมาด้วยนะ.." หากท่านใดที่มีโอกาสได้เข้าร่วมพิธี ก็ยังคงจำบรรยากาศนั้นได้ดี และด้วยมหากรุณาธิคุณอันกว้างใหญ่ไพศาลขององค์หลวงปู่ที่ท่านเมตตาสงเคราะห์ ให้แก่ลูกหลานทุกคนของท่าน คงยากที่จะมีวันลืมเลือน..

หลวงปู่ท่านเคยปรารภหลายครั้งว่า ..
" เจอท่านพ่ออุปคุตครั้งแรกที่เกาะกูด จากนั้นท่านพ่ออุปคุตก็มาหาอยู่เรื่อยๆ "
" ท่านพ่ออุปคุตเนี่ย แค่เราคิดถึงท่าน ท่านก็มาหาแล้ว "
" ท่านมีฤทธิ์มากนะ ทางลาภก็มากด้วย "
" ตั้งแต่พระพุทธเจ้านิพพานลงมา ก็ยังไม่มีพระสาวกองค์ไหนจะมีฤทธิ์เกินกว่าท่านพ่ออุปคุต "
" ท่านมีฤทธิ์มาก ปราบพยามารซะงอเลย "
" เราสายท่านพ่ออุปคุตนะ "
" ท่านพ่ออุปคุต มาโปรดเรื่อย "
" บูชาท่านพ่ออุปคุตแล้ว โยมไม่ต้องห่วงเลย "
" บูชาท่านให้จริงเหอะ แล้วจะรู้เอง "
" ต่อไปมันจะมีภัย ท่านพ่ออุปคุตท่านช่วยได้นะ ให้ไปหามาไว้บูชา "
" ............... ฯลฯ ,,,,,,,,,,,, ฯลฯ "

นั่นก็คงเป็นสิ่งยืนยันได้ดีเช่นกันว่าองค์หลวงปู่ท่านคงมีญาณหยั่งรู้หรือเรียกว่า จิต ถึง จิต นั่นเอง ด้วย ความเกี่ยวข้องกันโดยส่วนลึกนี้ จึงเป็นเหตุให้องค์หลวงปู่ท่านสั่งให้สร้างเหรียญ และผ้ายันต์ท่านพระมหาอุปคุตขึ้นมา เพื่อแจกให้ลูกศิษย์ของท่านจะได้มีไว้บูชาเพื่อป้องกันภัยพิบัติทั้งใน ปัจจุบันและอนาคต หากต่อไปมีภัยเกิดขึ้นจริง ก็อาจทำให้รอดพ้นไปได้ ซึ่งประสบการณ์ของผู้ที่บูชา ก็มีให้รู้ ให้เห็นกันมามากแล้วครับ ..


พระอริยะถึงแม้จะสำเร็จมรรคผลแล้วเพียง ใด จริตวิสัยเก่าก็ยังคงเดิม เคยเป็นมาอย่างไรก็คงเป็นไปอย่างนั้น องค์หลวงปู่ของเราท่านบำเพ็ญมาทางฤทธิ์ จริตของท่านก็มักจะปราถนาในเรื่องของการช่วยสงเคราะห์โลก และการอธิษฐานวัตถุมงคลก็เป็นส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน นอกจากจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวกำลังใจแล้ว ยังเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความศรัทธา และเป็นสัญลักษณ์ความดีงาม เป็นวัตถุสมบัติอย่างหนึ่งในพระศาสนา ให้ช่วยยั่งยืนสืบต่อไปทั้งรูปธรรม และนามธรรม ประกอบกับพลังแห่งบารมีธรรมของพระผู้ทรงคุณวิสุทธิ์ที่ถูกบรรจุเอาไว้ใน วัตถุมงคลดังกล่าว ยังสามารถช่วยสงเคราะห์ผู้ที่ถึงคราวคับขันได้จริง .. องค์หลวงปู่ของเราก็เช่นกัน ท่านเคยบอกว่า " จริงๆเราไม่ได้ติดในวัตถุมงคลเหล่านี้ เพราะมองจริงๆแล้วเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์นา ประโยชน์นั้นขึ้นอยู่ที่ใจของคนที่เอาไปบูชา อย่างน้อยก็ยังช่วยให้เกิดกำลังใจ ... " (ขอขอบคุณกระทู้เรื่องเล่าของหลวงปู่พิศดู)

 

ขอจองครับ กระทู้15189

 

ชำระเรียบร้อยแล้วนะครับ แจ้งที่อยู่ตาม PM ครับ
ขอบคุณมากครับพี่

 

แจ้งโอนค่าบูชา พระกสิณพิมพ์รูปเหมือน ลป.พิศดู หลังจารดินสอโดยลายมือท่านเอง จากแบงก์ SCB วันที่ 28/01/13 เวลา 09.57 สลิปส่งไปให้ที่ email siam araya นะครับ

 

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wBXyYTM2niW5pPlS" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/9e2/DapsVP.JPG" /></a>

 

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/wBWs8pK9ZdlL9VMv" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/873/UZ2GZO.jpg" /></a>