เครียดมาดจนอยากตายครับ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย yoshisunae, 18 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. yoshisunae

    yoshisunae สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +17
    เครียดมากครับตอนนี้ เป็นหนี้ เยอะมากจนไม่รู้จะสามารถหาเงินมาใช้ได้ยังไงหมดครับ หนี้เกิดจาก นำเงินไปช่วยแม่ ครั้งแรกแม่ก็มายืมเงิน โดยบอกว่าเงินขาดมือเงินไม่พอในการนำเงินไปให้ คนอื่นกู้โดยมีของเป็นสิ่งจำนำ
    ต่อมาแม่ก็มาบอกว่าโดนโกงเงิน จนหมด มายืมเงินผมอีกผมจึงต้องไปกู้ธนาคาร และยืมเพื่อนมาให้ และสัญญาว่าจะทยอยคืนให้ เพราะเงินผมไม่มีแล้ว แม่ก็ร้องไห้ ขอให้ช่วย ผมจึงหาให้ ต่อมาอีกไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ก็มีปัญหา มาอีก แม่บอกว่าถูกโจรจี้ จนหมดอีก และมีปัญหาตามมาเรื่อยๆ จนไม่มีเงินคืนผมเลย ตอนนี้ผมจึงต้องรับภาระหนี้ทั้งหมด ไม่รู้จะทำยังไง ดีครับ อยากตายมากเพราะโดนกดดันและโดนทวงหนี้ พยายามพูดขอ ให้เจ้าหนี้เข้าใจ แต่ผมก็เข้าใจว่าตอนไปยืมพูดว่าจะ คืนแต่พอตอนนี้ มาบอกว่าไม่มีได้ยัง เครียดและกดดันมาก
    จนอยากฆ่าตัวตายทุกวัน อยาก ให้ตัวเองมีอันเป็นไปประสบอุบัติเหตุ เพราะกลัวบาป ที่ต้องฆ่าตัวตาย

    และผมมีภาระต้องดูแลลูกด้วย แต่ตอนนี้ไม่สามารถนำเงินมาช่วยได้เลย มีแต่ภรรยาที่ต้องรับภาระทุกอย่าง แต่โชคดีว่าที่บ้านภรรยามีฐานะดี จึงไม่มีปัญหา ในการส่งเสียลูก ผมรู้สึกว่าผมเป็นตัวปัญหาให้ลูกและภรรยา
    เพราะ ยืมเงินพ่อตา และตอนนี้ไม่สามารถใช้หนี้พ่อตาได้ ภรรยาก็เครียด รู้สึกว่าตัวไร้ค่ามาก ตอนที่ยังไม่เกิดเรื่องนี้ กับภรรยาเราก็มีเรื่อง ระหองระแหง กันพอสมควรพอมาเกิดเรื่องนี้อีกทำให้ความสัมพันธ์ผมกับภรรยา แย่ขึ้นไปอีก จนเหมือนอยู่กันก็เพราะลูก แค่นอนรวมเตียงเดียวกันเท่านั้น มีเรื่องอะไรไม่เคยคุยกันยกเว้นเรื่องลูกเพียงเรื่องเดียว ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดีครับ อยู่ก็เป็นภาระไม่ได้ช่วยแบ่งเบาอะไรให้เลย ปกติตอนที่ไม่มีหนี้ ผมก็เหลือเก็บ น้อยมากอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย บางครั้งนำเงินไปใช้หนี้ จนไม่เหลือเงิน พอจะกินข้าวด้วยซ้ำ
    รู้สึกท้อแท้ มาก คุยกับแม่ก็ด่าว่าแม่รู้สึกว่าตัวเองบาปมาก จนไม่อยากอยู่เพราะ เวลาโดนกดดันมากๆ ผมก็คุยกับแม่แล้วก็ด่าว่าแม่ โทษแม่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างแม่ทำร้ายผม แต่จริงๆ มันก็เพราะผมเอง ควรจะดูแล แม่มากกว่านี้ และไม่ควรไว้ใจแม่แบบนี้เลย

    และทุกปัญหาที่เกิด มักจะเกิดหลังจากที่ผมคิดจะบวช รู้สึกหดหู่และกดดันตลอดเวลาจนไม่อยากทำอะไรเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  2. poppop_127

    poppop_127 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +330
    ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ การตายไม่ใช่การแก้ปัญหานะคะ
    ค่อยๆ คิด มีสติ ทุกปัญหาย่อมมีทางออกที่เหมาะสมเสมอค่ะ

    อดทนนะคะ เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ ค่ะ
     
  3. ชไลธร

    ชไลธร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +248
    ใจเย็นๆนะคะ เวลาทุกข์ก็เข้ามาเวปนี้ อ่านทุกอย่างที่ทำให้จิตใจเราสงบขึ้น น่าจะมีทางออกนะคะ อีกเดี๋ยวคงจะมีผู้ใจบุญหลายท่านเข้ามาให้แง่คิดดีดีกับคุณ yoshisunae นะคะ ขอเป็นกำลังใจ และขอให้เจอทางออกที่ดีในเร็ววันค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  4. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    :cool:ใจเย็นๆอดทนมีสติจับจิต บังคับความคิดใ้ห้คิดแต่สิ่งดีๆเท่านั้นนะครับ..(คิดแต่ฝ่ายกุศล)..มีคนไทยหลายแสนคนเป็นหนี้สิบล้านร้อยล้านบาท..เขาก็ยังสู้เลยครับ..รู้ความทุกข์มาทดสอบพลังจิตใจให้หันมาสนใจในธรรม-ช่วงนี้แนะนําให้ท่านถือศีลห้า-ไหว้พระสวดมนต์คาถาเงินล้าน-ทําสมถภาวนาสมาธิ..นะคับนะคับ..(เพื่อลดกรรมให้เบาบางลงครับ..)..การเรียนพุทธศาสนา ด้วยการฟัง อ่าน ปฏิบัติ เกิดความสงบ หลุดพ้น หลุดด้วยอำนาจของปัญญา สมาธิน้อยปัญญามาก ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า "พึงละชั่ว ด้วยการกระทำดี" ดังนั้นจึงควรตระหนักเสมอว่า "การกระทำที่เป็นบาป อันบุคคลทำแล้ว พึงละ ด้วยการกระทำที่เป็นกุศล" "ให้ความดีเกิดขึ้น ทั้งภายในภายนอก"

    ท่านกล่าวเรื่องทาน ความหมายของทาน และการชนะการให้ทั้งปวงด้วย "ธรรมทาน" ผู้ให้เป็นยอดของการให้ ผู้รับเป็นความสุขหาประมาณไม่ได้ ผู้รับ--> รับด้วยภาชนะที่สะอาดบริสุทธิ์ หมายถึง กายใจ เกิดความสุขใจ จิตที่ปรุงแต่งคือเกิด --> พอใจ ไม่พอใจ และเกิดทุกข์ การชำระจิตใจให้สะอาดนั้น ต้องตั้งจิตเป็นกลางวางเฉย มีพุทโธ มีสติอยู่กับพุทโธ ใจผู้รู้ก็จะตั้งมั่นอยู่ที่นั่น เสียงผู้รู้ของธรรม ไม่ว่าจะเป็นภาษาโลก ภาษาธรรม เมื่อใจบริสุทธิ์จะรู้แจ้งไปหมด
    คำว่า"ดวงตาเห็นธรรม" เป็นอย่างไร ใจที่ตั้งสงบตั้งเป็นหนึ่ง อยู่ในกาย พิจารณา ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุที่อยู่ในกาย ท่านอธิบายถึงธาตุต่างๆในร่างกาย เมื่อกายตั้งรู้อยู่ในลมก็ึคือการตั้งมั่นอยู่ในกายเมื่ออยู่ในกายแล้วจะเกิดสมาธิ ธรรมะคือแสงสว่างเป็นทางของผู้ที่ตั้งใจศึกษา ใจดีอยู่ในอารมณ์ที่ดี แสงสว่างคือ ปัญญาคือความรู้ เมื่อเราตั้งใจฟังธรรมะจะได้อานิสงส์ 5 ข้อ
    - ได้ฟังในสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
    - กำจัดความสงสัย
    - ให้การกระทำเป็นไปด้วยความถูกต้อง
    - จิตใจของผู้นั้นย่อมเกิดความผ่องใส สงบ สุขเย็น ในจิตใจ ขจัดเสียความฟุ่งซ่าน ตั้งอยู่ในความเป็นปัจจุบัน
    - สิ่งที่ไม่กระจ่าง ก็ได้รู้กระจ่างถูกต้อง

    เมื่อจิตใจเพลิดเพลินในกระแสธรรม ตั้งรู้/สติของเราถูกธรรมะเป็นธรรมชาติ เมื่อไปกระทบธรรมะที่ขาวสะอาด ก็รู้ว่าผ่องใส ถ้าไปกระทบธรรมะที่ดำมืด ก็รู้ว่าธรรมนั้นมันดำมืด เกิดแสงสว่างรู้ว่าทางใดเป็นอย่างไร กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา อัพยากตธรรม ธรรมที่เป็นกุศล ธรรมที่เป็นอกุศล และธรรมที่ไม่เป็นทั้งกุศลและอกุศล เกิดแสดงสว่าง รู้ชัดว่าทางใดเป็นอย่างไร เกิดความรู้สึกที่ดี เกิด หิริโอตัปปะ อยู่ทีใจของเรา อยู่ที่สติปัญญา การฟัง เป็นทางขั้นพึื้นฐานที่เราจะเกิด หิริโอตัปปะ เกิดทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค รู้เห็นเป็นเหตุให้เราเกิดมีความศรัทธา วิริยะ

    รู้แล้ว เห็นแล้ว เฉย --> ไม่เกิดศรัทธา ไม่เกิดการกระทำบำเพ็ญ (สักแต่รู้) บุญนั้นจะสำเร็จด้วยตนเอง ด้วยทาน ด้วยการให้ ผดุงจิตใจ ท่านอธิบายถึงการมองตัวเอง การผดุงจิตใจ ด้วยการให้ ทั้งกาย ให้วาจา ให้ใจ เป็นกำลังทาน การให้ทั้งกาย และวาจา เป็นทานต่อเพื่อนมนุษย์เป็นเมตตากรุณา เกิดจากดวงจิตดวงใจ ดวงตาเห็นธรรม เกิดศรัทธา ศรัทธา คือความเชื่อเกิดในหัวใจ เกิดการกระทำ เกิดการเสียสละ
    เมื่อเกิดศรัทธา ความเชื่อทั้งหลายที่เต็มเปี่ยมในกาย ในวาจาของเรา ความโลภ โกรธ หลง เป็น อกุศลในใจ เกิดความเศร้าหมองในใจ เมื่อเกิดตัวใดตัวหนึ่ง ก็จะเกิดการล้นกระพือ ล้นออกมาจากวาจา กาย และใจ เกิดการพูดปด หยาบคาย ฆ่า ลักทรัพย์ กระจายออกมาเต็มไปด้วยความชั่ว ความชั่วมันล้นออกมาจากใจ ล้นไปวาจา ล้นไปกาย กิเลสที่ล้นในใจแล้วก็จะล้นไปยังกาย วาจา ใจ เหมือนน้ำที่ปริ่มแก้ว มันล้นออกมา เมื่อมีศรัทธา เกิดแสงสว่าง เห็นโทษของบาป เกิด หิริโอตัปปะ เกิดความสนใจในคำสอน ติดตามคำสอน สอนไว้เพื่ออะไร สามารถวิเคราะห์ได้ "เกิดการละ งดเว้น"
    เกิดศรัทธา ความเชื่อ ในทางที่ดี การฟังธรรม ทำความดี เป็นธรรมะที่ขาวสะอาด สร้างความดีให้ดียิ่งขึ้นให้ผ่องใสยิ่งขึ้น ถ้ายังไม่มีก็พยายาม ขวนขวายแสวงหาให้เกิดธรรมะที่ใจ กุศลต้องเกิดขึ้นที่ใจด้วย
    "ขอให้จิตใจเกิดเป็นกุศล เห็นดีเป็นดี " ก็จะเกิดกำลังใจ พยายามจะสร้างและฝึกฝน เช่น พยายามให้ทาน รักษาศีล ภาวนา แม้ไม่เคยเลยก็ตาม แต่มีความพยายามมันก็จะเป็นกำลังใจที่ดีขึ้นมา "ทำสิ่งที่มี ให้มีมียิ่งขึ้น ทำสิ่งที่ไม่เป็น ให้มันเป็นขึ้น"

    การทำเพื่อให้รู้ว่า เกิดสุข เกิดทุกข์ และก็ปล่อยวาง ท่านสอนไว้ว่า ให้ระลึกถึงรูปที่สบายใจ เกิดความสุข แล้วลองนึกถึงรูปที่ไม่สบายใจ เพื่อที่จะให้รู้ว่า เกิดสุข เกิดทุกข์เป็นเช่นไร ทำใจให้เป็นกลาย ไม่สุขไม่ทุกข์ เกิดสมาธิในธรรมชาติ ดีกว่าการไปครุ่นคิดถึงความสุข และ ความทุกข์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  5. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,057
    คุณอย่าหนีปัญหาเลยนะคะ ปัญหามันมาแล้วแก้ไม่ได้ตอนนี้ ให้ทำใจก่อน

    ใจเย็นใจสงบก่อนเถอะค่ะ ปัญหาหนี้สิน เมื่อไม่มีใช้ตอนนี้ก็รับสภาพไปก่อนว่าไม่มี

    เมื่อเรายังไม่มีเจ้าหนี้จะทวง เขาอาจจะฟ้องร้องคุณ แต่ก็อย่าไปตื่นตระหนกอะไรนักเพราะคุณก็ไม่ได้หนีหนี้

    อยากจะใช้หนี้ แต่ก็ยังไม่มีจะใช้

    ทุกอย่างมันมาถึงขีดสุดแล้ว อย่าคิดเอาความตายมาเป็นทางแก้เลยค่ะ

    อยู่เพื่อลูก เพื่อตัวเองเถอะนะคะ ไม่ใช่แค่คุณหรอกค่ะ ที่เจอปัญหาแบบนี้

    มากิเอง ก็เคยเจอปัญหาแบบคุณเช่นกัน ต้องแบกภาระหนี้สินที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้น

    แต่เป็นของญาติพี่น้องซึ่งเขากำลังลำบาก เราก็ช่วยตลอด ช่วยจนถึงขนาดต้องกดเงิน

    จากบัตรเครดิตไปให้ จนเงินเดือนตัวเองติดลบมาตลอด และเท่าที่คิดดูเราใช้เงินต่อเดือนน้อย

    กว่าที่เราโอนให้ญาติเราเสียอีก มากิต้องทนอยู่ในสภาพนั้นมาหลายปีค่ะ

    ไม่ทราบว่าคุณยังพอมีทรัพย์สินอะไรเหลือบ้างหรือเปล่าคะ

    คุณอาจใช้มันมาเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อไปลดหนี้ลดปัญหาได้บ้างนะคะ

    มีอีกทางนึงซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่ามันจะช่วยลดปํญหาได้บ้างคือ

    ไปทำเรื่องขอรีไฟแนนซ์หนี้ โดยที่ยอดกุู้จะได้เท่ากับยอดหนี้ที่เรามี
    แต่ยอดผ่อนชำระต่อเดือนจะน้อย ชึ่งจะช่วยให้คุณมีความคล่องตัวทางการเงินขึ้นค่ะ

    หรือไปหาญาติพี่น้องท่านอื่นหรือมีใครที่คุณเคารพนับถือที่พอจะช่วยคุณได้บ้างไหม ลองไปขอคำปรึกษาเขาดูค่ะ

    เรื่องคุณแม่ของคุณ ว่ากันไม่ได้แต่ทว่า ต่อจากนี้ไปคุณต้องจำกัดขอบเขตการช่วยเหลือทางการเงินบ้างนะคะ

    ตอนนี้คุณไม่มีช่วยท่านแล้ว ท่านก็ไม่เห็นจะมาขออะไรคุณอีกแล้วใช่ไหมล่ะค่ะ

    คุณช่วยมาจนแทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ขอให้พิจารณาเรื่องนี้ใหม่นะคะ

    มากิเองตอนนี้เลิกช่วยญาติคนนั้นไปแล้วค่ะ เพราะว่ามากิไปเห็นพวกเขาใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย

    เงินของเราที่แลกมาจาการเป็นหนี้ ถูกใช้ไปแบบไม่มีความหมายเลยค่ะ

    และที่ยิ่งกว่านั้นคือ ญาติคนนี้เขาไม่ได้นึกถึงบุญคุณอะไรเลย

    แต่เขากลับเอาเรา ไปพูดให้ญาติคนอื่นฟังว่า เรามีเงิน แต่เราไม่ช่วยเขา

    ตอนนี้มากิ ทำใจวางเฉยแล้วค่ะ หันกลับมาดูตัวเอง เงินเก็บแทบไม่มี นี่มันวิกฤตแล้ว

    ขอให้คุณทำใจตั้งมั่นใหม่ค่ะ หนี้เราต้องใช้แน่ๆ แต่ต้องรอเวลา ตอนนี้ยังใช้เขาไม่ได้

    ก็อย่ากลัวค่ะ เพราะเราไม่มีจริงๆ และอีกอย่างหนทางไหนที่ประหยัดได้ ก็ประหยัดไปก่อนนะคะ

    อย่าอายเลยถ้าขอความช่วยเหลือจากครอบครัวภรรยา ทุกข์เรื่องนี้ คือความเร่งด่วนที่คุณจะต้องแก้ค่ะ

    ภรรยาคุณน่าจะเข้าใจ และเมื่อคุณผ่านพ้นปัญหาหนี้ มาได้ ก็ค่อยทยอย

    ใช้คืนครอบครัวภรรยาคุณก็ได้นี่คะ

    สุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ เข้าใจว่าคุณท้อแล้ว แต่ชีวิตคุณ มีค่ากว่าหนี้สินก้อนนี้มากมายนัก

    อย่าด่วนตัดสินใจแบบนั้นเลยค่ะ เข้มแข็งไว้ก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  6. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    เห็นใจมากกับเรื่องที่พบอยู่ครับ..

    เพื่อนๆให้คำแนะนำที่ดีมากๆแล้ว ขอเพิ่มเติมเพื่อให้พิจารณา เผื่อจะบรรเทาความเครียดได้บ้างไม่มากก็น้อย..

    ก่อนอื่น ขอให้ยุติความคิดอยากตายอะไรๆลงเสีย เพราะถ้าตายในเวลานี้ที่จิตเศร้าหมอง มีโอกาสได้ไปเกิดในทุคติมีอบายนรกเปรตเดรัจฉาน แน่นอน..ซึ่งเมื่อได้ไปที่นั่นแล้ว ออกมาได้ยาก..ยากมากที่สุด เรียกว่าถ้าไม่มีบุญใหญ่จริงๆมาช่วยดึงฉุดออกมา ก็มีหวังวนในทุคตินั้นนิรนดรทีเดียว...ทุกข์แม้คิดว่าสาหัสในโลก เมื่อเทียบกับทุกข์ในอบายแล้ว น้อยกว่าจนเทียบไม่ติด..เชื่อพระพุทธเจ้าเถิดครับ ..พระองค์ทรงเคยตรัสสอนเปรียบเทียบไวัให้พระสาวกฟังว่าทุกข์บนโลกเหมือนหินก้อนเล็กๆ ส่วนในอบายเหมือนภูเขาพระสุเมรุ(เอาหิมาลัยเป็นประมาณทำนองเดียวกัน)..คิดดูครับว่ามันห่างไกลกันลิบลับทีเดียว..

    ทั้งหากตายไปเวลานี้ ท่านจขกท จะได้รับการโอนหนี้นี้ไปเพื่อต้องชดใช้อีกนับชาติไม่ถ้วนทีเดียว..ปรากฏว่าเดิมทีหนี้อาจมีอยู่ 10ล้าน ..พอโอนไปเท่านั้น มูลค่านับไม่ถ้วนทีเดียว ..เพราะนี้เป็นการ"โอนด้วย กำลังแห่ง"อกุศลกรรม"คือโกงหนี้เขา หนีหนี้ืไม่ชำระ...ผลจึงกลายเป็นการทวีคูณยกกำลังนั่นแหละ..เคยได้ยินใหมว่า ทำกรรมครั้งเดียวต้องใช้กรรมเป็น500ชาติ?...เช่นพระอานนท์เคยเกิดเป็นกระเทยมา 500 ชาติเพราะผิดศีลข้อ๓ หรือคนคิดสั้นฆ่าตัวตายก็จะไปคิดสั้นฆ่าตัวตายอีกใน500ชาติข้างหน้า.,..คงไม่น่าสนุกนักหรอกครับ..

    แม้เวลานี้ที่ท่านจขกท ต้องเป็นหนี้เขา...ส่วนหนึ่งพึงทราบว่า เคยผิดศีลข้อ๒มา อาจเคยโกงหนีหนี้เขามาแล้วผลของบาปนั้นจึงจัดสรรค์ให้ต้องพาตนไปทำหนี้...เช่นนี้..

    ท่านไม่พึงก่นโทษคนอื่นเลยว่าเป็นเหตุให้ท่านต้องเป็นหนี้...ที่จริงท่านควรจะโทษตนที่ไม่ระวังรอบคอบ..หรือพูดให้ตรงก็ว่า ไม่รู้ประมาณตน จึงสร้างขยายวงหนี้ได้จนเกินขีดความสามารถที่ตนจะชดใช้คืน..

    เมื่อตอนที่ท่านไปกู้ยืมเขา ท่านก็ไม่ถูกใครๆบังคับมิใช่หรือ?..เมื่อท่านทำไปด้วยสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ท่านก็ต้องรับผิดชอบ การก่นรำพันรันทดไม่มีประโยชน์แก่ใคร ในที่ใหนๆ บัดนี้ ท่านพึงกลับคืนสู่สภาวะปรกติ พิจารณาหาหนทางแก้ไขปัญหาอันท่านสร้างขึ้นด้วยความไม่รอบคอบเถิด...การช่วยเหลือแม่ย่อมเป็นบุญแน่ แต่ช่วยแล้วกลายเป็นเบียดเบียนตนและคนอื่น.. จนถึงตาจนเช่นนี้ ไม่นับว่าถูกเหมาะควรเลย..

    ท่านพึงพิจารณา ว่าหนี้ใดต้องเร่งใช้คืนก่อน ถ้าไม่ไหวจะหาทางผ่อนผันอย่างไรได้บ้าง..คำแนะนำของท่าน makigochan นั้นมีประโยชน์มาก บางทีท่านอาจนำไปแก้ไขปัญหาได้..

    บุคคลผู้ไม่มีหนี้ย่อมอยู่เป็นสุข นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ..เรื่องของท่านจขกท น่าจะเป็นอุทาหรเตือนใจธารณชนว่า เมื่อไม่มีทางช่วยเหลืออื่นใด ก็อย่าพึงสร้างหนี้สินให้ตนเอง..เพราะความทุกข์เดือดร้อนจะตามบีบคั้นทำร้ายตนตลอดเวลาดุจถูกไฟเผาลนฉะนั้น..

    ขอให้ท่านจขกท ตั้งสติและปัญญา สู้กับปัญหา เพราะหากยอทพ่ายแพ้โดยไม่คิดแก้ไข ท่านจะสั่งสมอุปนิสัยชอบถือ"ลูกท้อ" เมื่อพบเจอปัญหาอื่นใด..ท่านก็จะท้อเป็นอย่างเดียว ในที่สุดก็กลายเป็นคนอ่อนเเอ..พอเจอปัญหาก็จะท้อเสียแต่แรก ไม่คิดขวนขวายแก้ไข ไม่ดีเลยครับ..

    อันความคิดใคร่บวชนั้น ก็ดีอยู่ ..แต่บัดนี้ภาระหนี้สินที่ท่านมีอยู่เป็นเครื่องขวางทางนี้อยู่ ถึงท่านจะบวชบุญอันใดที่จะมีหรือได้คงไม่มากนักเพราะเมื่อตนยังไม่รับผิดชอบหนี้ ทิ้งไปเข้าบวช ก็เท่ากับศีลแตกทำลายไปแล้ว ..ศีลเป็นฐานรองรับบุญต่างๆ เมื่อศีลเสียหายไป กุศลอื่นๆที่ใหนจะตั้งขึ้นได้บนฐานที่ผุพังเช่นนี้เล่า...พึงตั้งใจกล้าหาญที่จะใช้หนี้ให้หมดจดเถิด ในขณะเดียวกันก็หมั่นรักษาศีล สวดมนตร์ภาวนา..ทำให้มากให้ต่อเนื่อง บุญย่อมมีกำลังสามารถเบียดแทรกให้อกุศลวิบากตกไปได้...ไม่แน่ บางทีเจ้าหนี้เกิดใจดียกหนี้ให้ไม่ต้องใช้ก็อาจเป็นได้...อย่าประมาทอำนาจบุญนะครับ..

    ขอให้ปลอดหนี้พ้นทุกข์ ไวๆครับ
     
  7. pawanakun

    pawanakun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +181
    เข้มแข็งไว้ค่ะ คุณเป็นคนดี ต้องมีทางออกที่ดีแน่นอนค่ะ
     
  8. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ตอนนี้อะไรก็ไม่สามารถเข้าสมองคุณได้ ลองเข้าไปอ่าน"สนทนาภาษาธรรม"ในเวปกัลยาณธรรม มีปัญหาคล้ายๆกันแบบนี้เยอะมากเลยค่ะ ลองเข้าไปดูนะคะ
     
  9. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ถึงคุณเจ้าของกระทู้

    อะไรๆ ที่มันเกิดขึ้นกับชีวิตของแต่ละคน มันเป็นผลมาจากกรรมเก่า ซึ่งมันคือ การกระทำของเก่า ตั้งแต่เมื่อไรก้ได้ ไม่ว่าจะชาติก่อน รึชาตินี้ แต่เอาเป็นว่า การกระทำนี้ เราได้เคยทำมันขึ้นมา

    อีกอย่างก็ เป็นผลจากกรรมใหม่ รึว่า การกระทำที่เพิ่งทำไปหยกๆ เมื่อไม่นานนี้นี่แหละ

    ทีนี้ การที่ชีวิตคุณ รึใครก็ตาม ที่ต้องมาเจอสถานการณ์อย่างนี้ เจอคนแบบนี้ มันมีเหตุมีปัจจัย ที่ส่งผลมา

    [​IMG]

    ก็ต้องยอมรับสภาพแล้วพยายามทำใจให้ดีๆ ให้เข้มแข็ง ก้มหน้าก้มตา ทำเหตุปัจจัยในปัจจุบันให้ดีที่สุด ให้ถูกทำนองครองธรรมที่สุด

    เรื่องอดีต เอาไว้ใคร่ครวญเป็นบทเรียน มันผ่านไปแล้ว เรื่องอนาคตอย่างเพิ่งไปวิตก มันยังมาไม่ถึง เอาเฉพาะแต่ปัจจุบันวันนี้ เดี๋ยวนี้ก่อน

    เกิดเป็นคนเกิดยากมากเหลือเกิน เคยสงสัยไหม ทำไมไม่ไปเกิดเป็นสิงสาราสัตว์สารพัดชนิด แต่การมาเกิดในภพภูมินี้ แต่ละคน ก็มีสุขมีทุกข์แตกต่างกัน มีชีวิตไม่เหมือนกัน เพราะสั่งสมบุญบาปมาต่างกัน

    ถ้าคิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย นั่นคุณอาจจะคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ลองถอยออกมาเป็นผู้มองดูปัญหา ดดยไม่เอาตัวเองไปอยู่ตรงกลางปัญหา สักชั่วครู่ก่อน แล้วคลิก เข้าไปที่ link นี้..

    การฆ่าตัวตาย มีผลอย่างไร

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2013
  10. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ขอให้เจ้าของกระทู้ พยายามคิดตามนี้ว่า..มาเกิดเป็นคนรอบนี้ มาทำไม และหมดจากชีวิตนี้ไปแล้ว จะเอาอะไรกลับไปบ้าง จะเอาบุญ รึจะเอาบาป ถ้าจะเอาบาป ก็นั่นแหละ ไม่พ้นลงเอยที่ การคิดสั้นๆ อย่างนั้น

    [​IMG]

    การฆ่าตัวตาย มีผลอย่างไร

    กายนี้ไม่ใช่ของใคร เป็นเพียงกระแสปฏิจจสมุปบาท

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! กายนี้ ไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย และทั้งไม่ใช่ของบุคคลเหล่าอื่น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! กรรมเก่า (กาย) นี้ อันเธอทั้งหลาย พึงเห็นว่า เป็นสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น (อภิสงฺขต), เป็นสิ่งที่ปัจจัยทำ ให้เกิดความรู้สึกขึ้น (อภิสญฺเจตยิต), เป็นสิ่งที่มีความรู้สึกต่ออารมณ์ได้ (เวทนีย).

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีของกายนั้น อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมทำไว้ในใจ

    โดยแยบคายเป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้ว่า ด้วยอาการอย่างนี้ :

    เพราะสิ่งนี้มี, สิ่งนี้จึงมี; เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้, สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.

    เพราะสิ่งนี้ไม่มี, สิ่งนี้จึงไม่มี; เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้, สิ่งนี้จึงดับไป : ข้อนี้ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ

    เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย; เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ ; ...ฯลฯ...ฯลฯ...ฯลฯ...เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้.

    เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร; เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ;

    ...ฯลฯ...ฯลฯ...ฯลฯ... เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้", ดังนี้แล.

    ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ หน้า ๖๔

    นิทาน. สํ. ๑๖/๖๒/๑๔๓ : E-Tipitaka | Read

    [​IMG]

    ปาราชิกสิกขาบทที่ ๓


    โย ปะนะ ภิกขุ สัญจิจจะ มะนุสสะวิคคะหัง ชีวิตา.....


    “อนึ่ง ภิกษุใด จงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต

    หรือแสวงหาศัสตราอันจะปลิดชีวิตให้แก่กายมนุษย์นั้น

    หรือพรรณนาคุณแห่งความตาย

    หรือชักชวนเพื่ออันตาย ด้วยคำว่า แน่ะนายผู้เป็นชาย

    จะประโยชน์อะไรแก่ท่าน ด้วยชีวิตอันแสนลำบาก ยากแค้นนี้

    ท่านตายเสียดีกว่าเป็นอยู่ดังนี้ เธอมีจิตอย่างนี้ มีใจอย่างนี้

    มีความหมายหลายอย่าง อย่างนี้ พรรณนาคุณในความตายก็ดี

    ชักชวนเพื่ออันตายก็ดี โดยหลายนัย แม้ภิกษุนี้ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้.”


    [​IMG]

    อริยวินัย หน้า ๑๖

    เรื่องต้นบัญญัติ

    พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ป่ามหาวัน ทรงแสดงอสุภกถา การพิจารณาเห็นร่างกายโดยความเป็นของไม่งาม สรรเสริญคุณแห่งการเจริญอสุภะ กับทั้งคุณแห่งอสุภสมาบัติ

    ครั้นแล้วทรงหลีกเร้นอยู่ตามลำพังพระองค์ตลอดกึ่งเดือน ภิกษุทั้งหลาย ปฏิบัติอสุภภาวนา ก็เกิดความอิดหนาระอาใจ รังเกียจด้วยกายของตน เหมือน ชายหนุ่มหญิงสาวที่ชอบการประดับตกแต่ง อาบน้ำ ดำเกล้าแล้ว รังเกียจซากศพงู ซากศพสุนัข ซากศพมนุษย์ อันคล้องอยู่ที่คอ ก็ฆ่าตัวตายบ้าง ฆ่ากันและกันบ้าง เข้าไปหานายมิคลัณฑิกะผู้แต่งตัวเหมือนสมณะ จ้างด้วยบาตรจีวรให้ฆ่าบ้าง.

    เมื่อครบกึ่งเดือนแล้ว เสด็จกลับจากที่เร้น ทรงทราบเรื่องนั้น จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ ทรงสั่งสอนอานาปานสติสมาธิ (คือการทำใจให้ตั้งมั่นโดยกำหนดลมหายใจเข้าออก) โดยปริยายต่าง ๆ แล้วทรงปรารภเรื่องภิกษุฆ่าตัวตาย ฆ่ากันและกัน รวมทั้งจ้างผู้อื่นให้ฆ่าตน ทรงติเตียน แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามมิให้ภิกษุฆ่ามนุษย์หรือใช้ให้คนอื่นฆ่า ทรงปรับปาราชิกแก่ผู้ละเมิด.

    [​IMG]

    อนุบัญญัติ

    สมัยนั้นอุบาสกคนหนึ่งไม่สบาย ภิกษุฉัพพัคคีย์ เกิดพอใจในภริยาของอุบาสกนั้น จึงพูดพรรณนาคุณแห่งความตาย อุบาสกนั้นเชื่อ ก็รับประทานแต่ของแสลง เป็นเหตุให้โรคกำเริบและตายด้วยโรคนั้น ภริยาของอุบาสกจึงติเตียน ยกโทษภิกษุฉัพพคีย์เหล่านั้น

    ความทราบถึงพระผู้มีพระภาค ทรงเรียกประชุมสงฆ์ ไต่สวนได้ความเป็นสัตย์แล้ว จึงทรงติเตียนว่า

    “ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั้น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนพวกเธอจึงได้ พรรณนาคุณแห่งความตายแก่อุบาสกเล่า

    ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั้น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยัง ไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของผู้ที่เลื่อมใสแล้ว…”


    อริยวินัย หน้า ๑๘

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ต้องตกนรก เหมือนกับถูกนำเอาไปฝังไว้

    ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ

    ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑

    ชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์ ๑
    พอใจในการฆ่าสัตว์ ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ต้องตกนรก เหมือนกับถูกนำเอาไปฝังไว้ …

    ติก. อํ. ๒๐/๒๘๙/๕๙๘ : E-Tipitaka | Read

    [​IMG]
     
  11. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ปัญหาทุกปัญหามีทางออกคะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกทางออกไหน และทำใจยอมรับทางออกที่เลือกได้แค่ไหน เรื่องหนี้เนี้ยมีกันทุกคนนะคะ ดิฉันเองก็เป็นหนี้เหมือนกัน แถมเป็นหนี้เมืองนอกอีก สามีเพิ่งเสียต้นปีโดนฆาตรกรรม นี้ก็เสียใจจะแย่อยู่แล้ว เขาหล่อมากด้วย นิสัยดี, แถม มีศีลธรรมขั้นพระ คือ จะแต่งงานกันก็บอกเขา เราขอเป็น พรหมจรรย์นะ ไม่ต้องมีอะไรกัน เขาก็ไม่ว่า เขาบอกคนเรารักกันที่จิตใจ คิดดู เป็นผู้ชายที่ดีขั้นเทพ แต่ก็มาตาย ชาตินี้เขาตายไป ดิฉันสาบานไว้เลยขอเป็นสาวพรหมจรรย์ตลอดชีวิต ไม่แต่งงานอีก รักวิญญาณเขาคนเดียวตลอดไป คิดดู มันเจ็บแค่ไหน ไหนจะเรื่องหนี้สินอีก ทังบ้าน ทั้งที่กู้มาทำ ธุระกิจธนาคารส่งจดหมายมา ให้จ่ายค่าดอกบ้าน ตั้งแต่สามีเสียกะ บิลอื่นๆอีก โดนญาติโกงเงิเข้าบัญชีตัวเองอีก ไหนจะค่าจ้างทนายรายเดือนอีก ค่าบ้านอย่างเดียวก็เป็นแสนแล้ว ไหนจะเรื่องเรียนอีก, คนรอบข้างก็มีแต่สิงค์กระทิงแรด แถมถ้าไม่จ่ายภายในอาทิตย์นี้เขาจะยึดบ้าน และยึดเงินมรดก รู้ไหมดิฉันก็ต้องไปยืมเงินคนอื่นมาโปะหนี้เหมือนกัน แต่รู้ไหมว่าดิฉันคิดยังไง ก็คิดว่าถ้ามันเป็นกรรมเขาลิขิตมาแล้ว มันจะมายึดบ้านก็มายึด เราก็กลับไทยไปเข้าวัด ปฏิบัติธรรมก็เท่านั้น แต่ถ้าเรายังมีบุญวาสนาจะได้เดินทางทางโลกต่อ เย็นนี้กำลังจะขอยืมเงนญาติผู้ใหญ่ท่านนึงที่ก็ไปยืมอยู่บ่อยๆ ของเก่าก็ยังไม่ได้คืนเขา ถ้าเขาให้ยืมอีกก็ดีไป ถ้าไม่ได้ก็ช่างมัน ต้องกลับก็กลับ เราก็ต้องคิดอย่างนี้ นี้คือทางเลือกที่มันเลือกได้ แต่ถ้าไปฆ่าตัวตาย คนที่เจ็บก็พ่อแม่เรา ดิฉันเองก็เคยคิดอยากจะฆ่าตัวตายไม่รู้กี่รอบ ปัญหามันมีมากกว่าที่เล่าอีกคะ แต่ก็คิดเสมอ แฟนเราก็เสียไปแล้ว ชีวิตนี้ก็ไม่ได้อยากจะอยู่ต่อ แต่ละวันผ่านไปก็ร้องไห้ คิดถึงความดีของเขา มาประกอบกับเรื่องอื่นๆอีกก็เคลียดไม่น้ย มันเจ็บจุกอยู่ในใจ แต่คิดเสมอว่า เรายอมเจ็บคนเดียวแต่ไม่ยอมให้พ่อแม่ต้องมาเจ็บด้วย เพราะถ้าเราตาย แม่จะร้องไห้เหมือนที่เราร้องอยู่ทุกวันนี้ก็เลยคิดว่าขอเป็นฝ่ายเจ็บแทนพ่อแม่โดยอยู่อย่างเจ็บปวดโดยไม่ฆ่าตัวตาย อะไรมันจะเกิด เราก็ช่างมัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2013
  12. KBLS

    KBLS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +280
    ถ้าคุณมีเงินสักสิบล้าน แต่ต้องนอนป่วยอยู่ ICU

    กับการที่คุณมีสุขภาพดี มีลมหายใจ เดินไปไหนมาไหนได้คุณจะเลือกอะไร

    อยู่ที่ความคิด หนี้มันมาเกาะตามตัวคุณหรือคุณเอาใจไปผูกติดกับปัญหา

    วางลงเถิด แล้วค่อยคิดค่อยทำไป ทีละอย่าง
     
  13. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ขออนุโมทนากับทุกๆคำตอบที่เป็นกำลังใจยามยากของเพื่อนมนุษย์

    ฟังเรื่องของเจ้าของกระทู้ ช่วงนี้เป็นช่วงกรรมส่งผล ขอให้คุณอดทนไม่ด่าแม่หรือถ้าอดคิดไม่ได้ให้หลีกการสนทนาไว้ก่อน รวมทั้งทุกคนในครอบครัว .. ต่อมาให้หยุดความคิดว่าภรรยาและพ่อตาจะคิดหรือมีความรู้สึกอย่างไร เพราะยิ่งคิดคุณจะยิ่งเพิ่มความกดดันให้ตนเองซึ่งในความคิดของคนอื่นเขาอาจคิดดีก็ได้แต่เพราะอาจโมโหในการเสียทรัพย์จึงไม่อยากคุยด้วยดีๆ ช่วงนี้จะยังคงเป็นไป "ระยะหนึ่ง" ถ้าคุณไม่ฆ่าตัวตายเสียก่อนจะมีโอกาสพ้นแน่นอน จะมีคนมาช่วย อาจเป็นแนวคิด หรือ หาทางออกให้คุณ ...
    จำไว้ว่า ศักดิ์ศรีของคนไม่ได้อยู่ที่หน้าตา บทเรียนนี้คือบทกรรมและบทที่จะสอนคุณบางอย่าง
    ดิฉันเจอกรรมตัวเดียวกับคุณมาก่อน ตลอดเวลา 6-7 ปี มันก็ผ่านมาได้ แต่ที่เอากลับคืนไม่ได้คือคำพูดที่ไม่ดี ต่อผู้มีคุณ ...
    ลืมมันซะ อยู่ต่อให้ได้ แล้วจะดีขึ้นยอมรับมันอย่างอาจหาญและคิดเสมอว่า " เพื่อแม่ !!!" แค่นี้จบค่ะ .. แล้วสิ่งนั้นมันจะคืนมาให้คุณเอง
    ขอให้คุณโชคดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2013
  14. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    ความเครียด ยิ่งทำให้คิดไรไม่ออก ยิ่งคิด ยิ่งเครียด... พักสักครู่เถอะคะ วางทั้งหมดลงก่อน เมื่อคิด แล้วแก้ปัญหาไม่ได้ หยุดคิด พัก เพื่อตั้งสติ ตั้งหลัก บางปัญหา ไม่ได้แก้ได้ในเวลาอันสั้น...

    ถ้าอยากไปบวชก็ดีค่ะ เผื่อบวชแล้ว จะได้หยุดความวุ่นวายทางโลกสักพัก เมื่อความสงบเกิด ปัญญาก็ค่อยๆ เกิด ตั้งหลัก ตั้งสติ... คำพระท่านสอน ให้อยู่ท่ามกลางความทุกข์ ความสุขได้ โดยไม่ไปเดือดร้อนกับความทุกข์ ความสุขนั้น แต่อย่างเราๆ อาจจะทำได้ไม่เท่ากับพระ ก็แค่ให้รู้สึกว่า ทุกข์นั้นยังอยู่ แต่เราเดือดร้อนใจน้อยลง... ปัญญาเกิดได้เมื่อมีสติ มีความสงบ...ลองดูค่ะ ภาษาพระว่า วาง... วางทุกข์ วางความวุ่นวายใจลงบ้าง เมื่อมีสติค่อยมาจัดการกับปัญหา... ขอให้ชนะค่ะ
     
  15. แมวเหมียว99

    แมวเหมียว99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +136
    อย่าทำร้ายตัวเองนะคะ..ความทุกข์ใช่ว่ามีคนคนเดียวในโลกใบนี้...เราต้องอดทนชีวิตเรามีคุณค่าคุณยังมีครบ32...อย่าท้อแท้เลย...คุณนึกถึงคนพิการเขาขาดไปแต่เขากลับใช้ชีวิตแบบมีสุขและมีคุณค่า...สักวันความดีจะตอบแทนคุณ..ใจเย็นๆ..การปฏฺิบัติธรรมเป็นสิ่งที่ดีค่ะอาจมีมารมาผจญบ้าง..สู้ๆอย่ายอมแแพ้ค่ะเรายังไม่ตายหาเงินใหม่ได้นะคะทำงานขยันอดออมและบอกความจริงให้แม่ได้รู้ว่าเราเสียใจเราทุกข์ใจ..ท่นคงไม่ใจร้ายให้ลุกทุกข์ใจหรือเสียใจหรอกค่ะ...ให้กำลังใจค่ะ
     
  16. สุโขสุขี

    สุโขสุขี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ทุก คห. พูดได้ดีแล้ว
    งั้นผมให้กำลังใจแทนละกัน ครับ
    สู้ๆ ครับ
    ขอให้ผ่านพ้นช่วงที่ทุกข์ไปได้นะ ครับ
     
  17. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158

    ***ถ้าเจ้าของกระทู้เข้ามาอ่านแล้ว ให้รีบทำเลยนะคะ อย่าปล่อยเวลาให้นานเกินไป***

    ก่อนอื่น คุณต้องเข้าไปคุยกับภรรยาคุณนะคะ
    ไปบอกกับเขาตรงๆ ขอโทษเขาตรงๆ บอกเขาว่า
    "ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ เพราะคุณผิดเอง ที่ไว้ใจมากเกินไป
    ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ ที่ทำให้ทุกข์ใจ
    และจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก"
    ไปสารภาพนะคะ การขอโทษ ไม่ใช่การเสียศักดิ์ศรีหรอกค่ะ
    อย่าทำให้ห่างเหินกัน ต้องคุยกัน เพราะครอบครัวของคุณมาเป็นอันดับ 1
    เลยนะคะ เรื่องนี้ สำคัญมากเลยนะคะ

    2.ไปขอโทษฝ่ายครอบครัวภรรยา
    เช่น พ่อตา ไปกราบขอโทษท่านได้ ยิ่งดีเลยค่ะ
    (หาโอกาสคุยกัน 2 คนนะคะ)
    บอกท่าน สารภาพตามความเป็นจริง ว่าเหตุการณ์ต่างๆเป็นมายังไง
    บอกท่านว่าทุกสิ่งทุกอย่าง คุณยินดีที่จะรับผิดชอบ
    แต่ขอทยอยใช้หนี้ให้จนหมด กราบขอขมาท่าน
    ให้ท่านให้โอกาสอีกสักครั้งหนึ่ง ว่าคุณผิดไปแล้ว
    และจะไม่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
    ใช้ความนอบน้อมและยอมรับผิดจริงๆนะคะ มีสติ
    พยายามอย่าให้โทสะอยู่เหนือสติ
    พยายามควบคุมตนเองให้ได้ ใจเย็นๆนะคะ
    ยังมีทางออกอยู่

    เอาครอบครัวคุณก่อนนะคะ คนอื่นไม่สำคัญ
    เท่าเสถียรภาพในครอบครัวของคุณหรอกค่ะ
    ถึงแม้จะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

    อย่าคิดว่าเป็นการเสียศักดิ์ศรีเลยนะคะ การที่เรายอมรับ
    สำนึกผิดในสิ่งที่เราได้กระทำผิดพลาดไป
    ไม่ใช่การเสียศักดิ์ศรี แต่เป็นการแสดงออก
    ถึงความรับผิดชอบแบบลูกผู้ชายมากกว่าค่ะ

    มีสติมากๆนะคะ อย่าโกรธ อย่าเกรี้ยวกราด
    ยอมรับสภาพว่าผิดจริงๆ และคุณสำนึกในสิ่งที่พลาดพลั้งไปนะคะ

    ขอให้หายทุกข์หายเศร้าใจนะคะ สู้ๆค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2013
  18. kananclub

    kananclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +401
    ใจเย็นๆ ตั้งสติก่อนค่ะ อย่างที่ญาติธรรมบอก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ย่อมมาจากกรรมเก่า ซึ่งเรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ สำหรับเรื่องที่ผ่านมา

    ตอนนี้ให้คุณอยู่กับปัจจุบัน และเลิกคิดเรื่องอยากตายเลยค่ะ แล้วที่อยากแนะนำคือ ถ้าคุณยิ่งโทษยิ่งด่าว่าแม่ ทุกอย่างจะยิ่งแย่ลงค่ะ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า พ่อแม่เปรียบเหมือนพรหมของลูก หลวงพ่อจรัญบอกว่า พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ดังนั้น การที่เราทำให้พ่อแม่เสียใจ ถือว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง เคยได้ยินไหมคะเรื่องไฟนรกเจ็ดกอง ลองเสิร์ชอ่านดูค่ะ

    มาถึงตรงนี้ ก็อยากให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ อย่าเครียดไปเลยค่ะ ให้รับรู้และปล่อยวาง ถือศีล5 สวดมนต์ แนะนำให้ภาวนาคาถาปัจเจกพุทธเจ้า ของหลวงปู่ปาน หมั่นสวดภาวนาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเองค่ะ

    สู้ๆนะคะ อยากให้คุณมองคนที่เขามีปัญหา คนที่เขาทุกข์กว่าเรามีอีกเยอะค่ะ ถ้ามองในแง่ดี

    ผิดพลาดประการใดก็กราบขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
    อภัยทาน เป็นการให้อันสูงสุด

    ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่าน
     
  19. bambamm

    bambamm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +134
    ใจเย็น ๆพี่ท่าน อย่าทำแบบนั้น....ฆ่าตัวตายมันง่ายกว่าได้เกิดเยอะ

    เกิดมาเจอพุทธศาสนานี่ยิ่งยาก.....อย่าทำลายโอกาสตนเองเลย

    ถ้าพี่ท่านตายไปชาติหน้าเกิดมาใหม่ เจอปัญหาอีกพี่ท่านก็จะคิดฆ่าตัวตายอีกงั้นหรอ

    ทุก ๆคนมีทุกข์เหมือนกันหมด คนที่ทุกข์หนักกว่าพี่ท่านมีอีกนับล้าน เค้ายังคิดสู้เลย

    ...ขอให้กำลังใจพี่ท่าน ผ่านพ้นทุกข์ครั้งนี้ได้นะครับ มันจะผ่านไปได้แน่นอน
     
  20. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ติดหนี้บวชไม่ได้นะ
    ทะยอยใช้หนี้ให้หมด
    ไม่ต้องรับภาระเรื่องลูกเมียก็น่าจะไหว
    ที่หลังอย่ากู้ยืมไปให้ใคร ให้เท่าที่มี
    อย่าไปหวังว่าใครจะคืนเรา แต่เราต้องคืนเขาให้หมด
     

แชร์หน้านี้

Loading...