เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,342
    เป็นกำลังใจให้พี่พีนะครับ รอสองปีก่อนจะลองส่งลูกไปสอบบ้าง ถ้าเข้าจุฬาภรณ์์สาขาพิษณุโลก พระนักธรรมผมให้ลูกสาวสองคนของผมคล้องมาตั้งแต่เด็กๆผลการเรียนก็อยู่ในลำดับที่ดี ล่าสุดให้ลูกพี่ภูไปคล้องเห็นเอาภาพมาลงในเฟสบุ๊คว่าไปสอบแข่งจินตคณิตได้รางวัลที่สาม เมื่อก่อนยังไม่แพงผมซื้อเก็บไว้แล้วแจกให้กับคนที่มีปัญหาและกังวลเกี่ยวกับลูก ตอนนี้ไม่ได้แล้วหายแซ่บไปเลย หาไม่ค่อยเจอ ในรังเก็บไว้สามสี่องค์ เผื่อวันข้างหน้า เพราะตามประสาพ่อแม่ทุ่มเทแรงกายและแรงใจทุกอย่างไปก็เพื่อให้กับลูก หากพบเจอคนที่มีปัญหาแบบนี้ในวันหน้าเราก็สุขใจ ตอนนี้ไม่แบ่งให้ใครแล้ว ฮ่าๆๆ ว่าแต่เจ๊นกไม่มีลูกอ่านคงไม่เข้าใจหรอก ฉะนั้นมีอะไรส่งมาทางโขทัยให้หมดเด้อ ฮ่าๆๆ
     
  2. พลศิริ

    พลศิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    7,978
    ค่าพลัง:
    +18,982
    กราบหลวงปู่-หลวงตาด้วยความเคารพครับ
    ยากยามอีหละครับ เอาใจช่วยเด้ออ้ายพีครับ
    ส่วนข้าพเจ้า มีแต่ลูกครับ ยังบ่มีพระนักธรรม แต่อาศัยลูกกล้อมแกล้มว่าเป็นลูกมหาก็พอถูพอไถไปได้ครับอ้าย แต่สีข้างถลอกเบิดแล้วครับ:cool:
     
  3. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    น้อมกราบหลวงปู่บุญศรีด้วยเศียรเกล้า...
    อรุณสวัสดิ์เช้าวันเสาร์พี่พี,พี่ช้าง,พี่นก,พี่แสงแข,พี่โจ,อ้ายพล,คุณccและคุณญานกร..
     
  4. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้พี่พี เสาวภา ครับ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2013
  5. ธรรมจักร

    ธรรมจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,151
    พี่ครับ ผมขอคาถากรมหลวงชุมพรที่หลวงพ่อฤๅษีให้ไว้ อีกครั้งได้ไหมครับ จำได้ว่าพี่เคยลงมาแล้วครั้งหนึ่งแต่หาหน้ากระทู้ไม่เจอแล้ว
     
  6. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    หนึ่งในอีกหลายร้อยเรื่องของอภินิหารพระนักธรรม พระนักเรียน ....ที่คนไม่มีขายเอามาเรียก

    ที่จริงผมไม่ต้องจะไปอ้างสรรพคุณ ต่อไปมาก เพราะ เขียนมานาน เขียนมาเยอะ ที่เหลือจะเป็นปากต่อปากไปเอง ตาม สัจจธรรมความจริง

    ๑) ผมไม่มีขาย ไม่เคยขายพระ ก็มีเงินกิน บอกคนขายพระที่มาด่าผมไปตั้งแต่ ยุคสวนขลัง แต่มุขพวกขายพระกิน ตอนชวนทะเลาะ ต้องดึงมาให้มาระดับเดียวกัน คือขายพระเหมือนกัน...เหอๆๆ ทุกคณะ แบบเดียวกัน มุขเดิม ลีลาเดิม โบราณมาก ทางมวยมีทางเดียว คือ โฆษณา ด่า ใส่ความ ใน เน็ท ลงท้ายก็ขายของ ...... แต่ก็ทำให้ ผมเลยขายพระไม่ออกเลย จนต้องขอซื้อกลับ ให้ราคา ๑๐๐๐ เท่า จากที่ผมเคยขายไป ประกาศมา ข้ามปี ยังซื้อกลับไม่ได้สักองค์ แหม.....มันหายากจัง...เหอๆๆๆ

    ยังรีบซื้อตลอดครับ ท่านเคยซื้อไปจากใครที่อ้างว่าผมให้เอามาขาย ก็เอาไปคืนน่ะครับ ผมให้ราคา พันเท่า จากที่ท่านซื้อไปครับ มารับเงินสดๆครับ

    ๒) ของก็เริ่ม มีราคาขึ้น เดี๋ยวจะแพงกันขึ้นไปใหญ่ เด็กมันจะห้อยไม่ได้ เพราะผู้ใหญ่ ดันแย่งเอามาขาย เอาเงินเข้ากระเป๋าซ่ะ...แหะๆ จะไปห้ามก็ห้ามไม่ได้

    ๓) ของก็หายากขึ้น คนต้องการเยอะขึ้น พระมีปริมาณเท่าเดิม บล็อคทำลายไปแล้ว ไม่มีงอก ถ้างอก เก็ลูกเดียว....เล่นง่าย

    ๔) พระนักธรรมนี้และพระหลวงพ่อทรงอีกหลายรายการ อีกหน่อยจะถูกดัน จากเซียนพื้นที่ คนพื้นที่ เพราะเขาได้ประโยชน์เต็มๆ ดันพระในพื้นที่เขาให้มีชื่อเสียงด้วย เหมือนพระรุ่นอาจารย์ รุ่นพี่ ผมไม่ต้องทำอะไรเลย รอวันคนที่ลงทุนตุน เขาจะป้องผลประโยชน์ของเขาเอง ไม่ใช่หน้าที่ผมตรงนี้ เงินทองไม่เข้าใครออกใคร ไม่ใช่เงินของผม

    ท่านที่ซื้อพระ เล็กน้อย องค์ สององค์ ให้ลูกหลาน ก็จะเข้าไปในระบบนายทุนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ระบบทุนนิยม มันมีทุกที่ จะเลี่ยงได้อย่างไร

    และหน้าที่ผม คือ แค่เด็กส่งสารกับเด็กส่งของ ให้คนรับทราบข้อมูลที่แท้จริง อีกด้าน ของท่านผู้เฒ่า วัดมอญฯ ที่แตกต่างจากนิตยสารและ เล่าโดยคนขายของ ขายพระได้ประโยชน์โดยตรงจากการขาย

    ผมเล่าเรื่องท่านผู้เฒ่าจากที่สัมผัสเองกับตัว ไม่ได้ฟังใครเล่ามา เห็นกับตา จับกับมือ จับแขน นวดขา อุ้มไปโรงพยาบาล พาไปผ่าตัดตา พาไปรักษาอาการ ติดเชื้อ หายา หาอาหารดีๆ บำรุงสังขาร ถวายท่าน พูดคุยกับท่านด้านประสบการณ์และ คาถาอาคมที่ผมชอบ ได้เห็นปรากฎการณ์ของคนที่เสกของเป็น ตามแบบครูบาอาจารย์ของท่าน สายวิเศษฯ และ ที่สำคัญ ท่านปฐมปรมาจารย์ เหรียญบิน หลวงพ่อ มุ่ย วัดดอนไร่ ยอดปรมาจารย์ สายสุพรรณบุรี

    ของจริงจะนิ่งเงียบ จากสูงสุดคืนสู่สามัญ เพลงดาบสูงสุดจะไร้ขบวนท่าและไร้ผู้ต่อต้านได้ หมัดเด็ดจะไม่ต้องต่อย พญาราชสีห์ทองคำจะห่มกายด้วยหนังลูกแกะ เสียงโกญจนาทของพญาช้างสารเอราวัญจะเหลือเพียงแค่เสียงกระซิบ ของที่ไม่ใช่จะใช่ และที่เขาว่าใช่ จะไม่ใช่

    พระแบบนี้ผมเจอมาที่ วัดใหม่ศรีสุทธาวาส มาแล้ว เหมือนกันแทบเด๊ะ ท่วงท่ากริยา ความสุภาพ อ่อนน้อม ถ่อมตน แกะแบบมาจาก พระศากยบุตร พุทธวงศ์ ท่านผู้เฒ่าวัดใหม่ฯ มาแนวลีลาด้านบน ผมชินหู ถนัดตา เพราะเป็นอาจารย์ที่ผมคลุกคลี ด้วยลีลาเดียวกัน กิน นอน ในที่เดียวกับท่าน ปรนนิบัติ นวดแข้ง นวดขา รักษาอาการท่าน เหมือนกับพ่อ แม่ มาหลายปี จนท่านสิ้นใจ เพียงแต่ท่านไม่ได้สิ้นใจในวงแขนเท่านั้น เพราะระยะทางเหมือนกับท่านผู้เฒ่าวัดมอญฯ

    แต่ก่อนหน้าจะสิ้นใจ ล่ะสังขาร ผมเป็นคนพาไปรักษาอาการที่โรงพยาบาล สวรรค์ประชารักษ์ โรงพยาบาลอันดับหนึ่งของนครสวรรค์ ในห้องพิเศษ ด้วยตนเอง เอาท่านไปฝาก หมอที่เป็นระดับบริหาร (ตอนนี้เป็นระดับผู้อำนวยการ เบอร์ ๑ ) ไปบอกหมอว่า ไอ้กวงดูแลท่านให้ที คนนี้พ่อกูเอง ยาอะไรมึงมีดีๆเด็ดๆ ใส่ลงมา เงินทองเอาที่กู

    แต่สิ่งที่ไม่แน่นอน ก็คือสิ่งที่แน่นอน ตอนจบมีกันทุกคนไม่มีเว้น

    อภินิหารพระนักธรรม จะไม่มีวันจบ อาจจะมีคนสำคัญของประเทศในอนาคต ที่ห้อยพระนักธรรม และ ห้อยมาตั้งแต่เด็ก จะเรียนเก่งขนาดได้ไปเมืองนอก เมืองนา ได้ปริญญายาวเหยียด แบบฝรั่งค้อน กลับมาจะได้ไป ใหญ่ เป็นเจ้านายคน...อันนี้ไม่ใช่คำพยากรณ์ แต่มันจะเป็นไปตามนั้น ด้วยบารมี อภินิหาร อันไพสาล ของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และ วัตถุธรรม พระนักธรรมครับ

    ท่านที่มีพระนักธรรม ในครอบครอง ขอให้เจริญในสติ ปัญญา และมั่นใจว่าท่านมีของดี ที่สุด ที่ท่านผู้เฒ่าวัดมอญฯ บรรจงอธิษฐาน ปลุกเสก ประจุวิชา มอบมาให้ท่าน ด้วยความรักและเมตตาแบบ พ่อมีต่อลูก แบบพระโพธิสัตว์ที่มีต่อสัตว์โลก ทุกคนเหมือนกันไม่มีเว้น

    สาธุ ๆ ๆ กราบ ท่านผู้เฒ่า วัดมอญ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน ที่ผมเคารพ เหมือนกับญาติผู้ใหญ่ ต่อมาจาก พ่อ และ แม่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2013
  7. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    อ่านเทคโนโลยี่แล้วมึน ผมเองวันๆเริ่มงงๆกับของที่มี ต้องกลับไปใช้ โนเกียขาวดำ ปุ่มโตๆ เหมือนเดิมจะดีกว่า คนแก่รับได้ ...เหอๆๆ
     
  8. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เสด็จเตี่ย ท่านกราบเรียนหลวงพ่อ ท่านผู้มีบุญวัดท่าซุง ในนิมิตว่า

    ท่องคาถา

    อาภากโร อิมสมิง โหตุ ๆ

    แล้วผมจะมาช่วย มาไม่ได้จะให้บริวารมา ( แบบทหารเอกและมากันหลายท่าน อันนี้ผมว่าเอง...แหะๆ หลวงพ่อท่านไม่ได้ว่า )

    หมั่นท่องบ่น เช้าเย็น ตอนบูชาท่าน และ นอกนั้น อย่าท่องเล่น ไว้ท่องตอนมีภัยมา ทั้งที่มองเห็นและไม่เห็น ใครผู้ร้าย มาเจอเสด็จเตี่ย เสร็จทุกราย ไม่มีเว้น

    กราบ เสด็จเตี่ย ด้วยความเคารพอย่างสูง
     
  9. ส่างปา

    ส่างปา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,531
    ค่าพลัง:
    +11,165
    กราบหลวงตาเล็ก หลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บ และสวัสดีพี่ ๆ ทุก ๆ ท่าน ครับ


    ... สู้ ๆ ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ...
     
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292


    บางที่เขียน โหตุ โหตุ อาภากะโร อิมัสมิง โหตุ ท่านก็เลือกใช้เอาน่ะครับ

    ต่อ บันทึกเสด็จเตี่ยกันหน่อยครับ

    บันทึกของเสด็จใน
    กรมหลวงชุมพร เขตรอุดมศักดิ์

    เจอบันทึกนี้ให้เอาคำต่อไปนี้ของกูไปประกาศให้คนรู้ว่า

    "กูกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักด์"

    ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า

    แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษ ได้เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตแลกไว้

    ไอ้อีมันผู้ใด คิดชั่วร้ายทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

    ฤา กระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม

    จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว

    ก่อนที่ที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตรให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยาม

    อันเป็นที่รักของกู

    ตราบใดที่คำว่า "อาภากร"

    ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู

    ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา

    มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น

    แผ่นดินใดที่ให้ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข

    มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น


    จากหนังสืออนุสรณ์พระนคร '39
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2013
  11. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    ขออนุญาตคุณพี เอาพระสูตรมาให้อ่านกันเพลินๆ ค่ะ เสียดายเอาภาพประกอบมาไม่เป็น


    5 ผู้ต้องธรณีสูบ สมัยพุทธกาล
    พระเทวทัต ถูกธรณีสูบ


    โดยทั่วไปเราทราบกันว่า ในสมัยพระพุทธองค์มีคนที่ทำความชั่วจนถูกธรณีสูบไป 1 คน คือ พระเทวทัต แต่ความจริงมีถึง 5 ซึ่งทุกคนล้วนแต่ก่อกรรมทำเข็ญมุ่งร้ายต่อพระพุทธองค์และสาวกของพระองค์ทั้งสิ้น

    พระเทวทัต เป็นพระเชษฐาของพระนางยโสธราพิมพา ชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ ตามพระพุทธประวัติกล่าวว่า พระเทวทัตตามล้างตามผลาญพระพุทธองค์มาแล้วหลายชาติ

    แรกเริ่มนั้น เมื่อครั้งพระเทวทัตเกิดเป็นพ่อค้า พระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพ่อค้าเช่นกัน ได้มีหญิงชราเป็นผู้ดีตกยากนำถาดทองสมบัติเก่าที่ยังเหลืออยู่ไปขายพระเทวทัต เพื่อจะหาเงินยังชีพ ด้วยนิสัยพ่อค้าที่คดด้วยเล่ห์ พระเทวทัตจึงบอกว่าถาดนั้นไม่ได้ทำด้วยทองแท้และตีราคาให้ต่ำ หญิงชราทราบดีว่าสมบัติเก่าของนางนั้นเป็นของมีค่า จึงไม่ยอมขายให้ พอดีกับพระพุทธองค์ขณะเสวยชาติเป็นพ่อค้าเสด็จผ่านมา หญิงชราจึงนำถาดทองเสนอขาย พระพุทธองค์เห็นว่าเป็นถาดที่ทำด้วยทองแท้ จึงให้ราคาสมกับค่าของถาด หญิงชราจึงได้ขายสมบัติชิ้นสุดท้ายนั้นให้พระพุทธองค์

    เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นแก่พระเทวทัตมาก เพราะถ้าไม่มีพระพุทธองค์ หญิงชราก็จำต้องขายให้ตนเพราะความยากจนบีบบังคับ พระเทวทัตจึงกำทรายขึ้นมา 1 กำมือ แล้วหว่านออกไปพร้อมกับประกาศว่า จะขอจองล้างจองผลาญพระพุทธองค์ไปทุกชาติ เท่ากับเม็ดทรายเม็ดละชาติ

    จากนั้นพระเทวทัตก็ติดตามจองเวรกับพระพุทธองค์มาหลายชาติ ชาติสุดท้ายก่อนเกิดเป็นพระเทวทัตจนถูกธรณีสูบ ได้เกิดเป็นชูชกขณะที่พระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพระเวสสันดร

    ในชาติที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ พระเทวทัตก็มีจิตริษยาอาฆาตพระพุทธองค์มาแต่เยาว์วัย เมื่อพระพุทธองค์ทรงผนวช พระเทวทัตก็ออกผนวชด้วย และเมื่อพระพุทธองค์บรรลุพระโพธิญาณ พระเทวทัตก็สำเร็จโลกีย์ญาณ ได้อภิญญาสามารถแปลงกายและเหาะเหินเดินอากาศได้


    นายขมังธนูซึ่งพระเทวทัตส่งไปฆ่าพระพุทธองค์ ปลงอาวุธ ฟังธรรม สำเร็จมรรคผล


    แม้จะสำเร็จถึงขั้นนี้แล้ว พระเทวทัตก็ยังมุ่งประกอบการชั่วจองล้างจองผลาญพระพุทธองค์ตลอด ครั้งหนึ่งได้ส่งนายขมังธนูไปปลงพระชนม์ เพื่อจะตั้งตนเป็นพระศาสดาเสียเอง เมื่อไม่สำเร็จก็ยุยงให้พระเจ้าอชาติศัตรูที่เคยเลื่อมใสพระพุทธองค์ จนหลงผิดถึงขั้นปลงพระชนม์บิดาของตัวเอง และยังยุให้มอมเหล้าช้างนาฬาคีรีให้เมามันดุร้ายไปทำร้ายพระพุทธเจ้า ทั้งยังยุยงหมู่สงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ว่าพระองค์ยังพัวพันกับกิเลส มัวหมองในพรหมจรรย์ ฉันพระกระยาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ ขณะที่พระเทวทัตหันไปฉันมังสวิรัติ และโอ้อวดว่ามีพรหมจรรย์ที่เหนือกว่า

    ความชั่วร้ายต่างๆ ที่พระเทวทัตสะสมมาหลายชาติ ก็ได้บันดาลให้แผ่นดินลงโทษ เพราะไม่อาจจะแบกความชั่วไว้ได้ต่อไป แยกตัวออกสูบพระเทวทัตตกลงขุมนรกอเวจี หมกไหม้ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป

    .............................................................
    พิธีอภิเษกสมรส พระสิทธัตถะ กับ พระนางยโสธราพิมพา


    ส่วนคนที่ 2 ซึ่งถูกธรณีสูบในสมัยพุทธกาลก็คือ สุปปะพุทธะ ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระเทวทัตและพระนางยโสธราพิมพา พระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะนั่นเอง เมื่อรู้ว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบเพราะจองล้างจองผลาญพระพุทธองค์ แทนที่สุปปะพุทธะจะสำนึกในบาปบุญคุณโทษ กลับมีจิตโกรธแค้นอาฆาต ทั้งยังโกรธแค้นเจ้าชายสิทธัตถะที่ทอดทิ้งธิดาของตนออกผนวช จึงนำอำมาตย์ข้าราชบริพารไปนั่งดื่มสุรา ขวางทางที่พระพุทธองค์จะออกโปรดเวไนยสัตว์ ทำให้พระพุทธองค์เสด็จดำเนินไม่ได้เพราะมีทางออกอยู่ทางเดียว ถึงกับต้องอดพระกระยาหารไป 1 วัน

    เมื่อพระอานนท์ทูลถามถึงความผิดของสุปปะพุทธะที่กระทำเช่นนั้น พระพุทธองค์ซึ่งทราบด้วยญาณ จึงตรัสว่า

    “ดูก่อนอานนท์ หลังจากนี้ไปได้เจ็ดวัน สุปปะพุทธะจะลงอเวจีตามเทวทัตไป”

    เมื่อสุปปะพุทธะทราบถึงพุทธดำรัส จึงขึ้นไปประทับบนชั้น 7 ของปราสาท ทั้งยังให้นายทวารคอยขัดขวางไว้ไม่ให้พระองค์ออกจากปราสาทใน 7 วัน

    สุปปะพุทธะประทับอยู่ในปราสาทชั้น 7 จนถึงวันที่ 7 ก็ได้ยินเสียงม้าแก้ว ซึ่งเป็นม้าที่ทรงโปรดร้องก้อง ด้วยความเป็นห่วงม้า สุปปะพุทธะจึงวิ่งลงมา เหล่านายทวารก็คิดว่าครบ 7 วันตามกำหนดแล้ว จึงไม่มีผู้ใดขัดขวางไว้

    พอสุปปะพุทธะก้าวพ้นปราสาท เหยียบพระบาทลงบนพื้น ธรณีก็เปิดออก สูบสุปปะพุทธะลงสู่ขุมนรกอเวจีตามพุทธดำรัสที่ทรงรู้ด้วยญาณ

    ................................................
    พระอุบลวรรณาเถรี


    รายที่ 3 ที่ถูกธรณีสูบอีกคนก็คือ นันทมานพ แม้จะมิได้ทำร้ายต่อพระพุทธเจ้าโดยตรง แต่ก็ได้ทำผิดขั้นร้ายแรงต่อพระอรหันต์

    เหยื่อของนันทมานพ ก็คือ ท่านอุบลวรรณาเถรี สตรีผู้มีโฉมงดงาม เป็นที่หมายปองของชายผู้พบเห็นตั้งแต่พระราชาและเศรษฐี คหบดีทั่วไป แต่ท่านอุบลวรรณาเถรีเบื่อหน่ายในโลกีย์สุข ต้องการหาความสงบตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จึงออกบรรพชาเป็นภิกษุณีตั้งแต่อายุได้ 16 ปี ในที่สุดก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

    แม้ท่านอุบลวรรณาเถรีจะก้าวไปอยู่ในโลกแห่งความสงบ ปราศจากกิเลสใดๆ แล้ว แต่นันทมานพก็ยังฝังใจด้วยกิเลสตัณหา ปรารถนาจะลิ้มรสสวาทจากนางให้ได้ วันหนึ่งจึงไปแอบซุ่มอยู่ในป่าข้างกระท่อมที่ท่านอุบลวรรณา จำพรรษาอยู่ เมื่อเห็นว่าออกจากกระท่อมไปบิณฑบาตแล้ว นันทมานพก็เข้าไปซ่อนอยู่ใต้เตียง และเมื่อท่านอุบลวรรณฯ กลับมานันทมานพก็เข้าปลุกปล้ำ แม้ท่านอุบลวรรณฯ จะร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะอยู่ในป่าเปลี่ยววิเวก พระอรหันต์อุบลวรรณาเถรีจึงได้กล่าวกับนันทมานพหวังจะเตือนสติให้เขาสำนึกในการกระทำว่า

    “จงอย่าทำเช่นนี้เลย ความหายนะจะมาสู่ท่าน”

    นันทมานพก็หาฟังไม่ ปลุกปล้ำท่านอุบลวรรณฯ จนสำเร็จดังใจปรารถนา แต่พอเขาก้าวลงจากแคร่ ธรณีก็เปิดอ้าสูบลงไปในขุมนรกอเวจี เพราะกรรมที่เขาก่อกับพระอรหันต์นั้นหนักหนาสาหัสนัก

    การที่ท่านอุบลวรรณฯ ถูกกระทำเช่นนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของภิกษุ ภิกษุณี และพุทธบริษัททั้งปวงว่า เมื่อท่านอุบลวรรณฯ ได้รับการสัมผัสเช่นนี้ ย่อมจะฝืนความยินดีให้คล้อยตามไปด้วยยาก พระพุทธองค์จึงตรัสบอกกับพุทธสาวกว่า

    “พระอรหันต์นั้นเป็นเช่นเดียวกับไม้ผุ ไม่มีกิเลสและไม่มีความยินดีในกิเลส เฉกเช่นตุ๊กตาที่ไม่มีความปรารถนาในการสัมผัสฉันใด พระอรหันต์ก็เป็นฉันนั้น...”

    ................................................
    นางจิญจมาณวิกา ถูกธรณีสูบ


    รายที่ 4 ที่ถูกธรณีลงโทษเป็นหญิง และเป็นหญิงรายเดียวใน 5 รายที่ถูกธรณีสูบ ซึ่งได้ทำบาปกรรมต่อพระพุทธองค์โดยตรง นางนี้มีนามว่า จิญจมาณวิกา หลงผิดไปรับอาสาจากพวกปริพพาชก ผู้เชื่อถือศรัทธาในนิกายหนึ่ง ซึ่งเกิดความอิจฉาริษยาที่เห็นคนไปเคารพเชื่อถือในคำสอนของพระพุทธองค์ จึงว่าจ้างให้นางจิญจมาณวิกาแกล้งทำเป็นหญิงมีครรภ์ โดยเอาไม้กลึงนูนไปผูกรัดไว้ที่หน้าท้องในเสื้อผ้า ให้ดูเหมือนนางกำลังมีครรภ์ แล้วไปเต้นร้องต่อหน้าพระพุทธองค์ขณะที่กำลังเทศนาแก่สาวกว่า

    “ท่านสมณะโคดม จะมัวมาเทศน์หน้านวลอยู่ไย ทำให้ฉันมีครรภ์เช่นนี้มิดูแล อย่ามัวเทศน์โปรดสัตว์อยู่เลย จงไปตัดฟืนไว้ให้ฉันดีกว่า เมื่อเวลาคลอดลูกจะมิลำบาก”

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสดับจึงหยุดเทศนา กล่าวกับนางจิญจมาณวิกาด้วยท่าทีสงบว่า

    “ดูก่อนภักคินี เรื่องที่เธอกล่าวนั้น คนอื่นเขาไม่รู้ด้วยหรอก จะมีเธอกับฉันสองคนเท่านั้นที่รู้”


    พระอินทร์แปลงร่างเป็นหนู ไปกัดเชือกที่หน้าท้องของนางจิญจมาณวิกา


    เหล่าพุทธบริษัททั้งหลายที่ได้ฟังต่างก็สงสัย ด้วยพระพุทธองค์ก็มิได้ทรงปฏิเสธ ร้อนถึงพระอินทร์ต้องแปลงร่างเป็นหนู ไปกัดเชือกที่หน้าท้องของนางจิญจมาณวิกา เมื่อเชือกขาดไม้ที่ทำให้ท้องนูนเหมือนคนท้องจึงหลุดลงท่ามกลางสายตาของพุทธบริษัท นางตกใจวิ่งหนีไปแต่พอลับตา ธรณีก็สูบเอาลงขุมนรกอเวจีไปอีกราย

    นางจิญจมาณวิกาผู้นี้ เมื่อชาติก่อนเกิดเป็นนางอมิตตา ภริยาชูชก หรือพระเทวทัตที่จองเวรพระพุทธองค์มาหลายชาติ

    ................................................................................
    นันทยักษ์ เหาะขึ้นกลางอากาศแล้วใช้กระบองซึ่งเป็นอาวุธประจำตน ฟาดลงมาหมายเศียรของพระสารีบุตร


    ส่วนรายที่ 5 ที่ถูกธรณีสูบไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นยักษ์ มีนามว่า นันทยักษ์ ซึ่งมีฤทธิ์เดชมาก วันหนึ่ง นันทยักษ์ได้เหาะเหินเดินอากาศมากับเหมตายักษ์ ผู้เป็นสหาย ครั้นผ่านมาถึงที่พระสารีบุตร สาวกของพระพุทธองค์กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ ทำให้อากาศธาตุในบริเวณนั้นว่างเปล่า ยักษ์สองสหายไม่สามารถเหาะผ่านไปได้ นันทยักษ์ผู้มีนิสัยพาล ชาติก่อนก็อาฆาตผูกพยาบาทพระเถระไว้ จึงทำปาณาติบาต ต่อพระสารีบุตรด้วยสันดานพาล เหมตายักษ์ ได้ทัดทาน แต่นันทยักษ์ก็ไม่ฟัง เหาะขึ้นกลางอากาศแล้วใช้กระบองซึ่งเป็นอาวุธประจำตน ฟาดลงมาหมายเศียรของพระสารีบุตร ความแรงของอิทธิฤทธิ์นันทยักษ์ทำให้ภูเขาระเนระนาดไปถึง 100 ลูก แต่พระสารีบุตรซึ่งอยู่ในสมาธิหาเป็นอันตรายอย่างใดไม่ ยิ่งทำให้นันทยักษ์เกิดเร่าร้อนในอารมณ์ ตะโกนก้องไปทั่วทิศว่า

    “เราร้อน....เราร้อน”

    ทันใดก็ตกลงมาจากอากาศ พลันแผ่นดินก็เปิด สูบเอานันทยักษ์ลงขุมนรกอเวจีไปอีกราย นับเป็นรายที่ 5 ในสมัยพุทธกาล

    ที่มา Palungdham.com : พลังธรรม -นำแสงสว่างสู่จิตใจมวลมนุษย์
     
  12. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ***ขอเอาใจช่วยครับ......***
     
  13. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
     
  14. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    ขอเป็นกำลังใจครับพี่ เจอคนจริงของจริงครับ งานนี้
     
  15. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410


    กราบ กราบ กราบ หลวงตาเล็ก ค่ะ
     
  16. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG]
     
  17. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410


    รูปหล่อหลวงตาเล็ก ปิดทอง โชคลาภอร่ามงามใจ

    "สามัคคีบุญพี่น้องบ้านเหรียญบิน"
     
  18. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG]
     
  19. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    วันนี้ทางเว็บคงมีปัญหาน่ะครับ น่าจะเกี่ยวกับ ระบบ

    เอาใจช่วยครับ
     
  20. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    รูปหล่อนี่ ช่วยกันออกทุน หล่อพร้อมกันที่สำนักท่านแม่ชีฯ เททองโดย พระเดชพระคุณ สมเด็จเกี่ยว ผมก็ยืนช่วยจับสายสิญญ์อยู่ด้วย ลูกศิษย์ที่จำได้ มีเฮียโก จารย์ช้างและ อีกหลายท่าน เผอิญลืมชื่อ ช่วยๆกัน

    องค์ที่วัดหล่อพร้อมกัน ช่วยกันออกทุน หลังจากแต่งเสร็จ ป้าอิ้ด โทรมาบอกว่าจะ ยกไปถวายวัด ๑ องค์ ค่าปิดทอง ๑ ๐ ,๐๐๐ หมื่นบาทจะออกไหม ผมบอกว่า...เอาครับ ผมรับหมด ขอให้ เหลืองอร่าม สวยงาม เป็นทองคำแท้ ๑๐๐ % หนึ่งหมื่นบาทในยุคนั้น จัดว่าตึงครับ เพราะรวมทั้งค่าแรง

    ป้าอิ้ดปิดทอง แล้ว ยกไปถวายวัด ถือว่าพระรูปหล่อนี่ผมเป็นเจ้าภาพด้วยตั้งแต่ ยังเป็น เศษทองเหลืองเทใส่เบ้า เจตนาเจ้าภาพรวมทั้งผม เอาไว้ ให้ลูกศิษย์ลูกหา ไว้กราบไหว้ ประจำวัดใหม่ ผมไม่มีเจตนาและอนุญาตให้เอาไป ตั้งเร่ บนท้ายรถ กะ บะ หาเงิน หรือ เรี่ยไรเงินด้วยวิธีการใด

    หลวงตาเล็ก ไม่เคยเรี่ยไร เงินทองใคร แม้แต่บาทเดียว ซองกฐิน ซองผ้าป่า ท่านก็ยังไม่เคยเเจก ไม่เคยเรี่ยไร ทำโน่นนี่ ที่ทำ ลูกศิษย์ไปทำกันเอง ท่านก็นั่งมอง เออๆ ไปด้วย

    ใครเอารูปหล่อที่ผม มีส่วนเป็นเจ้าภาพนี้ ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เอาไปใช้ผิด อุปนิสัย ของหลวงตาเล็ก ด้าน หากิน เงินทอง ........ ขอให้ไปคิดเอาเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...