ผ่าตัดด้วยเทียนไขกับใบพลู

สมัยเด็กผมเคยได้ยินว่ามีหมอเทวดา ใช้เทียนไขกับใบพลูสามารถผ่าตัดคนป่วยโดยไม่มีบาดแผลภายนอก แต่เมื่อนำไปเอ็กซ์เรย์แล้วจะเห็นรอยว่าเนื้อร้ายถูกตัดออกไปอย่างคมกริบเหมือนผ่าตัดด้วยเลเซอร์ แต่เนื้อดีไม่ได้รับความบอบช้ำ นอกจากนี้แล้วคนป่วยกลับหายจากโรคมะเร็งได้....ฟังหูไว้หู....โตขึ้นมาเกิดได้ยินซ้ำอีกครั้ง มันก็ต้องลองไปดูสินะ...บ้านหมอเทวดานี้อยู่ไม่ไกลจากวัดธรรมกาย ผมชวนพี่ๆน้าๆที่วัดท่าซุงไปด้วยกัน คนหนึ่งเป็นครูมีปัญหาที่กล่องเสียง คนหนึ่งหนังตาตกคอยแต่จะน้ำตาไหล คนหนึ่งแขนชาๆ ส่วนผมเองมึนๆเพลียๆ(คงเพราะทำงานอยู่4บริษัทฯแล้วเรียนป.โท อีกมั๊ง) ระหว่างรอการรักษาผมเจอผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นแคลเซี่ยมเกาะท้ายทอย คนที่เป็นอาการนี้จะหันหน้าไม่ได้ มือจะเหยียดเกร็ง หากรักษาด้วยการผ่าตัดก็จะต้องผ่าจากด้านหน้าเข้าไปแล้วไปขูดหินปูนที่ท้ายทอยออก พอเย็บกลับเข้าไปแล้วมักจะเกิดปัญหาเส้นประสาทสั่งการช้า ถ้าปวดฉี่สมองสั่งอั้นฉี่แต่กว่าร่างกายจะอั้นฉี่ก็ฉี่ราดเสียก่อน เป็นอาการที่น่าสงสารมาก ผมเองคุยกับพี่คนนี้เพื่อถามอาการ เขามากับญาติผู้หญิงอีกคน เป็นคิวก่อนหน้ากลุ่มผม....ถึงตอนรักษา พ่อหมอจะให้แต่ละคนไปเอาใบพลูมา 9 ใบ ล้างน้ำแล้วเช็ดให้สะอาด ค่ายกครูตอนนั้น 500 บาท (ทราบว่าท่านเอาไปทำบุญถวายวัดซะส่วนใหญ่) พ่อหมออายุมากแล้วดูท่าทางใจดี ใส่กางเกงขายาว เสื้อคอกลมสีขาวเหมือนผู้ถือศีล8ทั่วไป ที่ผมต้องสังเกตมากไว้เพราะผมเองก็จะหาทางจับผิดว่า มีการเล่นกล แอบซ่อนอะไรไว้ตามแขนเสื้อ ขากางเกงหรือ อุปกรณ์ที่ใช้หรือไม่ ตอนที่ผ่าชายคนที่มีหินปูนเกาะท้ายทอย ผมเข้าไปนั่งใกล้ๆ แทบจะข้างๆพ่อหมอ เมื่อพ่อหมอเห็นเข้าจึงทำช้าๆให้ดู ให้คนป่วยนอนคว่ำ เอาใบพลูมาปิดไว้ที่ท้ายทอย เอาเทียนไขสีขาวกระแทกลงไป ปรากฎว่ามีไขมันเหลว ปนเส้นเลือด ปนเศษหินปูนเป็นก้อนๆ พ่อหมอจะเอากระดาษทิชชูเช็ดออกมาแล้วเอามาแบให้ข้าพเจ้าดู ท่านบอกว่า ต้องมาอีก 2 ครั้ง แต่ต้องเว้นไปอีก 2อาทิตย์ เพื่อให้บาดแผลภายในหายดีก่อน ผมเห็นชายคนนั้นลุกขึ้นแล้วลองเอี้ยวหน้าหันไปหันมาได้ แกดีใจมากๆเลยนะ ผมเองก็ยังจับผิดไม่ได้ จนถึงคิวของ พี่ที่วัด พ่อหมอให้นอนลงแล้วบอกว่า ไขมันเกาะกล่องเสียง แล้วเอาใบพลูวางเอาเทียนไขเจาะ ไขมันข้นๆปนเลือด ปนเศษเส้นเลือดหลุดออกมา การเช็ดออกเห็นจะมีปริมาณสักครึ่งแก้วกาแฟ ผมถามพี่สาวว่าเป็นยังไงบ้าง พี่ผมบอกว่าตอนที่เอาใบพลูแปะลงไปมันเหมือนมีอะไรคาวๆวิ่งมากองอยู่ตรงคอหอย อยากจะอ๊วก แล้วหลังจากผ่าเป็นอย่างไร พี่ผมบอกว่า มันโล่งคอไปเลยนะ...เหลือน้าอีกคน เข้าไปนอนตะแคง พ่อหมอเอาใบพลูแปะตรงขมับใกล้กระบอกตา พอแทงเทียนไขทะลุใบพลูไขมันเปลวก็ไหลทะลักออกมามาก เช็ดแทบไม่ทัน ปกติพ่อหมอจะทำเร็วมาก เพราะคนป่วยรอมาก แต่วันนั้นทำให้ผมดูช้าๆ แล้วแบให้ดูทุกครั้ง บางครั้งเอามาเขี่ยให้เห็นว่ามีอะไรออกมาบ้าง (เห็นแล้วอยากจะอ๊วก) ผมถามน้าว่าเป็นอย่างไร น้าบอกว่า เหมือนมีกลิ่นคาวจัดๆวิ่งมาจนถึงจมูก แล้วหลังรักษาก็บอกว่า อาการที่ตาดีขึ้น ไม่หนักเหมือนทีแรก และน้ำตาไม่ไหลตลอด ตัวผมเองพ่อหมอจับแล้วบอกว่า "ก็คาราโอเกะให้มันน้อยหน่อยสิ" ความจริงกลางวันผมทำรับเหมาอยู่2บริษัทฯเป็นที่ปรึกษาบริษัทฯข้ามชาติอีกแห่งกลางคืนร่วมกับเพื่อนทำระบบเสียงระบบภาพคาราโอเกะจริงๆแหละ ไม่ได้บอกพ่อหมอหรอกครับแต่แกรู้เองได้ไง? พ่อหมอจับหัวไหล่ผมแล้วผมก็สลบไป รู้สึกตัวก็งงๆ แต่ว่าร่างกายเบาสบายดีจัง เสียฟอร์มนิดหน่อยตรงนอนไปบนตักพ่อหมอ...คิดว่านี่คงเป็นการกดจุดจับเส้นเพื่อให้หลับ พอตื่นมาแล้วก็สบายดี..ส่วนน้าที่แขนชาก็ไม่ได้รักษาอะไรท่านว่าให้เอายาน้ำไปดื่ม ครั้งละ ครึ่งแก้วกาแฟ วันเว้นสองวัน ... ยาน้ำขุ่นๆเหมือนน้ำคลอง ขนาดขวดแม่โขง ต้องแช่ตู้เย็น กินเข้าไปครั้งแรก จองห้องส้วมเลยครับ ถ่ายพร้อมอาเจียร ไปสัก 5 รอบ แล้วตามด้วยถ่ายต่อไปอีก สิบรอบ นั่งเฝ้าหน้าห้องส้วมเลยนะ กลิ่นนี่เหม็นสุดยอด เหม็นกว่าการถ่ายปกติ พ่อหมอว่าเป็นการล้างพิษและสิ่งสกปรกที่หมักหมมในร่างกายมานาน ใครมีมากก็ออกมาก เมื่อออกหมดแล้ว กินยาเข้าไปก็ไม่ถ่ายอีก... แต่พี่ผมนี่สิน่าเห็นใจมาก ถ่ายท้องไป 30 กว่าครั้ง ขาสั่น ไปสอนหนังสือไม่ไหว เดินแทบไม่เป็น...ผมเองก็พิสูจน์อะไรไม่ได้สักกะอย่างหรอกครับ...ตอนหลังนี่ไปหาอีก คนที่บ้านบอกว่าพ่อหมอเสียชีวิตแล้ว ก็ไม่ได้ถามว่ามีใครที่ไหนสืบทอดวิชานี้ไว้อีกหรือเปล่า...

 

เรื่องจริงครับคนที่บ้านเคยไปรักษาอาการปวดหลังเรื้อรังตอนนี้หายขาดไม่ปวดอีกเลย

 

เสียดายจังคะ ไม่ได้มีวาสนาใหพ่อหมอช่วย

 

ความคิดเห็นที่ 17

โดยส่วนตัวแล้วดิฉันเชื่อว่าไสยศาสตร์มีจริงแน่นอน แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญหรือสนใจกับเรื่องพวกนี้ ถึงมันมีอยู่จริงแต่มันก็ต่างคนต่างอยู่กับดิฉัน คนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ก็จะหาว่าเป็นเรื่องงมงาย ก็แล้วแต่ความเชื่อค่ะ ไม่เชื่อก็ไม่เห็นแปลก เชื่อก็ไม่เห็นจะแปลกเช่นกัน แต่คนไม่เชื่อก็ไม่น่าไปว่าคนที่เชื่อว่างมงายนะคะ ของอย่างนี้มันมีอยู่แต่คุณสัมผัสมันไม่ได้เท่านั้นค่ะ

ดิฉันเคยเห็นกับตามาแล้วนะคะ จะเล่าให้ฟัง

เมื่อหกเจ็ดปีก่อนดิฉันเคยพาป้าและน้องชายไปรักษากับหมอเทวดาซึ่งเป็นชาวเขมรที่นครนายกคลองหกนะ ถ้าจำไม่ผิด (ตอนนี้หมอแกเสียไปแล้วค่ะ)

ป้าดิฉันเป็นโรคปวดเข่าเดินกระย่องกระแย่งเป็นปีๆมาแล้ว ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็นกระดูกงอกต้องผ่าตัดไม่งั้นไม่มีทางหาย แต่ป้าเขาไม่อยากผ่าตัด พอดีมีคนแนะนำเรื่องหมอเทวดาคนนี้ดิฉันก็เลยพาไปตามเจตนาของป้าเขาค่ะ ดิฉันน่ะไม่เชื่อหรอกของแบบนี้ แล้วเราก็หัวนอกด้วยดิ ก็คิดในใจว่าคนงมงายมันก็แบบนี้แหละ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมานะคะ ก็พาป้าไปหาหมอคนนี้ค่ะ ไปถึงเห็นคนเป็นร้อยเลยรอการรักษา ฝรั่งก็มีหลายคน ดิฉันถามเมียคนไทยว่ามารักษาอะไรกัน เขาบอกว่ามารักษาหัวใจ บางคนมารักษามะเร็งในท้อง มาครั้งนี้เป็นครั้งสองบ้าง สามบ้าง ครั้งแรกบ้าง ดิฉันฟังแล้วก็ไม่ว่าไรค่ะ

ก็จับบัตรคิวนั่งรอ ดูว่าเขารักษากันอย่างไร จะแหกตาประชาชนได้แค่ไหน แต่สังเกตุบ้านช่องหมอเทวดาจะใหญ่โตเป็นเรือนไม้ มีบริเวณกว้างขวางราว1ไร่ได้ หน้าบ้านมีเสาติดธงชาติแบบที่มีตามโรงเรียนต่างๆด้วย ในบริเวณที่ทำการรักษามีรูปเจ้านายหลายพระองค์ต่างๆติดไว้เป็นรูปหมอเทวดาเข้าเฝ้าถวายเงินให้กับเจ้านายบางพระองค์นะคะ ถามคนที่นั่นเขาบอกว่าหมอแกใจบุญมากได้เงินเท่าไรก็แบ่งส่วนใหญ่เอาไปทำบุญถวายให้แก่เจ้านายหลายๆพระองค์เพื่อการกุศล ส่วนเงินที่แกเก็บจากคนที่มารักษาก็ไม่กี่บาทหรอกค่ะจำไม่ได้ว่าเท่าไร คล้ายๆเป็นค่ายกครู ที่จะจ่ายมากนิดนึงก็ตรงยาที่เขาให้ไปทาน ก็สี่ห้าร้อยประมาณนั้นค่ะ ไม่เอาก็ไม่เป็นไร แต่ส่วนใหญ่จะเอากัน ก็เป็นยาหม้อสมุนไพรค่ะ

พอ10โมงหมอก็ลงมารักษาคนไข้ เขาเป็นคนผอมสูง ใส่ชุดขาวทั้งชุดแต่ตัวดำปี๋เลย มีคนบอกว่าหมอเป็นชาวเขมรที่สำเร็จวิชารักษาคนด้วยการผ่าตัดด้วยเทียนไขมาจากเขมร ดิฉันดูแกแล้วก็ว่าท่าทางน่านับถือดี แกก็มานั่งกลางห้องเรียกคนป่วยมาทีละคนตามบัตรคิว คนดูก็นั่งห่างๆล้อมรอบตัวแก ดิฉันเป็นประเภทผู้สังเกตุการณ์มีหน้าที่คอยจับผิด ก็นั่งชิดในหน่อยดูว่าเขารักษาอย่างไร

เขาให้คนไข้นอนหงาย หมอก็นั่งติดคนไข้ถือเทียนไขสีขาวอยู่1แท่ง ข้างๆมีใบพลูจำนวนมากเป็นร้อยๆใบมังคะ กองอยู่ในภาชนะ มีทิชชูอยู่หลายม้วนและก็มีกระถังเปล่าๆอยู่ใบหนึ่ง คนไข้คนหนึ่งเป็นผู้หญิงเขาบอกว่าเป็นมะเร็งในท้อง ก็เปิดท้องให้หมอรักษา ดิฉันเห็นหมอเขาเอาใบพลูมาวางบนท้องคนไข้ แล้วเอาเทียนไขแทงทะลุใบพลูเข้าไปเลย ต่อหน้าต่อตาไม่มีปิดบัง มือเปล่าๆนี่แหละค่ะ เทียนไขแทงทะลุใบพลูและทะลุท้องเข้าค่อนด้าม เห็นหมอเขาควานไปมสองสามครั้ง ปากเขาก็สวดคาถาอะไรบางอย่างนะคะ พอควานเสร็จ ก็ชักเอาเทียนออก เปิดใบพลูออกมา จะเห็นกองเศษเนื้อ เลือดและไขมันจำนวนหยิบมืออยู่ใต้ใบพลู แกก็เอาใบพลูทิ้งลงในกระถังข้างๆตัวแก และก็เอาทิชชู่เช็ดๆเอาเศษเนื้อปนไขมันเน่าๆออกจากหน้าท้องคนไข้แล้วก็โยนใส่ถังไป เช็ดจนสะอาดก็เป็นอันเสร็จพิธี

ดิฉันก็นั่งดูไปเรื่อย บางคนให้ผ่าหน้าอกตรงหัวใจ บางคนผ่าที่หลัง ก็ใช้ใบพลูปิดแล้วเอาเทียนผ่า เสร็จก็เอาทิชชูเช็ด แล้วโยนลงถังไป พอถังเต็มคนก็เอามาเปลี่ยนใบใหม่ให้ แกก็ทำไปเรื่อยๆ ถ้าว่าแกเล่นกลโดยการซ่อนพวกเศษเนื้อเศษไขมันเลือดน้ำหนองเอาไว้ที่ตัวแก ก็ต้องซ่อนไว้เป็นกิโลล่ะค่ะ เสื้อแกก็แขนสั้นด้วยสิ จะซ่อนตรงไหน แล้วก็ผ่ากันให้เห็นจะจะ อย่างนั้นด้วย

ทีนี้ก็ถึงตาป้าของดิฉัน หมอก็ทำแบบเดียวนี้ล่ะค่ะ เอาใบพลูปิดที่หัวเข่าแล้วก็ผ่าด้วยเทียน พอเปิดใบพลูมาก็ หมอก็เอาทิชชูปาดของที่มันออกมาจากหัวเข่าออก ป้าดิฉันไม่ให้หมอทิ้ง เขาขอทิชชูนั้นไว้ หมอก็ให้ค่ะ ดิฉันเอามาดูก็เห็นเป็นเศษกระดูกเล็กๆสองสามชิ้นและก็มีพวกเศษเนื้อปนไขมันปนเลือดนิดหน่อย ดิฉันขอดูหัวเข่าป้าเห็นเป็นรอยแผลเป็น เป็นรอยกรีดเล็กๆราว1เซ็นติเมตร อยู่ตรงที่เทียนผ่าลงไป เสร็จเรื่องป้าก็กลับบ้านไป ตั้งแต่นั้นมาอาการปวดเข่าก็หายเป็นปลิดทิ้ง ไม่ต้องผ่าหัวเขาตามที่หมอที่โรงพยาบาลบอกเลยค่ะ

ดิฉันเห็นป้าหายดีก็เลยลองพาน้องชายสามีที่เป็นโรคหอบหืดไปรักษาดู เขาไม่เชื่อหรอกค่ะ แต่เกรงใจดิฉันก็เลยยอมให้พาไป พอจะถึงคิวเขารักษา ก็ถึงเวลาทานยาแก้หอบหืด เขาทานไปได้แป๊บเดียวหมอก็เรียกเขา ก็ทำตามขั้นตอนล่ะค่ะ เอาใบพลูปิดที่คอของเขาเอาเทียนแทงทะลุใบพลูเข้าไปแล้วควานไปมา แล้วก็ชักเอาเทียนออก พอเปิดใบพลูออกมา มันแปลกไหมคะ เศษยาที่เพิ่งทานเข้าไปมันออกมาปนกับเศษเสมหะเต็มใบพลูเลยค่ะ พอรักษาเสร็จดิฉันขอดูคอของน้องชายสามี ปรากฏว่าเป็นรอยแผลเล็กยาวประมาณ1เซ็นติเมตรเหมือนของป้าเลยค่ะ

หมอบอกว่าให้เขามาอีกสองสามครั้ง แต่น้องชายสามีเขาไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์และไม่ชอบรักษาแบบนี้ค่ะ ก็เลยไม่ไปรักษากับแกอีก ตอนนี้เขาก็ยังเป็นโรคนี้อยู่นะคะ ก็เลยไม่รู้ว่าไสยศาสตร์จะรักษาโรคหอบหืดหายได้หรือปล่าวน่ะสิ

จากคุณ : หิหิ - [ 1 ก.ย. 48 14:41:27 A:61.91.173.204 X: TicketID:005901 ]

PANTIP.COM : Y3705872

น่าจะที่เดียวกันนะครับ

 

ตามที่บรรยายสถานที่มาน่าจะเป็นที่เดียวกัน แต่ตอนที่ผมไปนั่นดูพ่อหมอจะท้วมๆซะแล้ว ผมก็เริ่มหงอกเป็นสีดอกเลา ทางเข้าก็มีพระพุทธรูปบูชาตั้งอยู่หลายองค์ ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ตำหนิในใจว่าตั้งพระพุทธรูปไว้ต่ำไปหน่อย ผมไปครั้งที่สองนี่รู้สึกว่ามีคนถูกผีเข้ามาให้ไล่ ระหว่างกำลังไล่อยู่ พ่อหมอแกก็ไล่ผม(อ้อ..แต่ผมไม่ใช่ผีนะ..คนจริงๆแค่โดนไล่เหมือนกัน)ไม่ให้ไปอยู่ในแนวที่เท้าของคนที่ถูกผีเข้าหันไป นัยว่าผีจะออกทางปลายเท้าแล้วถ้าผมอยู่ตรงนั้นผีจะมาเข้าผมต่อ คงประมาณนั้น เห็นไล่สักพักก็ออก ...ที่ผมสงสัยคือว่าสิ่งที่ออกมาทุกครั้งจะมีไขมันเปลวและเศษเส้นเลือดออกมาด้วยทุกครั้ง แต่ใบพลูนั้นพ่อหมอให้แต่ละคนไปหยิบจากกะละมังแล้วเอาไปล้างเองเช็ดเอง คงเพื่อให้หมดข้อกังขาว่าซ่อนของพวกนี้ไว้ในใบพลูกระมัง เพราะลำพังเทียนไขเล่มเดียวใช้งานตลอดทั้งวันคนเป็นร้อย คงไม่สามารถซ่อนอะไรไว้ได้แน่ แต่เรื่องรอยแผล ผมเองก็ดูของพี่ๆน้าๆแล้วก็ไม่เห็นเป็นรอยแผลนะครับ ทราบมาว่ามีบางคนไปเอ็กซเรย์แล้วเห็นเป็นรอยแผล ผมเคยถามพ่อหมอว่า ทำไมต้องรอ2อาทิตย์ ท่านว่าแผลมันอักเสบอยู่ผ่าต่อไม่ได้ต้องรอให้แผลข้างในหายดีก่อนจึงกำหนดไว้ว่า 2 อาทิตย์ค่อยมาใหม่ ผมถามพี่ที่ไปรักษาว่าน่าเรียนไหมเนี่ยวิชาแบบนี้ พี่คนนี้มโนมยิทธิดีทีเดียว ด้วยเป็นศิษย์ใกล้ชิดก้นกุฏิหลวงพ่อฤษี พี่แกหันมาตอบทันทีเลยว่าคงไม่ได้วิชานี้เฉพาะของใครของมัน นี่ไม่ใช่ธรรมดานะ ของเขาเป็นอภิญญาอยู่ด้วย

 

มีเรื่องเล่าต่อหลังจากพี่ที่แขนชาเอายาที่พ่อหมอให้ไปกิน กินแล้วก็ออกอาการเดียวกัน แกจองห้องส้วมไว้เลย วันนั้นใส่ผ้าถุง ไปไหนไม่รอด พอผ่านไปอีก2วันครบกำหนดต้องดื่มยาอีกแล้ว ความเข็ดขยาดก็ยังมีอยู่ เพราะรอบแรกโดนหนัก ถ่ายกันไปเกือบ 20 รอบ สามีพี่แกก็แสนดีนะ สงสารเมียเลยมาช่วยเมียกินยาแทนให้ เพื่อว่าเมียจะได้หาย อันนี้ก็งงจริงๆนะครับ มันจะหายได้ยังไงนะ เมียไม่สบาย ให้ผัวกินยาแทน ไสยศาสตร์ยังทำไม่ได้เลยนะเนี่ย...

 

พอจะบอกสถานที่ๆพ่อหมอเคยอยู่ได้มั๊ยคะ จะลองไปถามดูว่ามีใครสืบทอดวิชานี้บ้าง เคยได้ยินเรื่องนี้มานานแต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด มีคนรู้จักหลายคนที่รักษาที่ไหนก็ไม่หาย จะได้ลองพาไปหากมีคนสืบทอดวิชาได้ค่ะ ขอที่อยู่หมอส่งมาทางPM ก็ได้ค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
ปกติพี่จะเก็บข้อมูลแพทย์ทางเลือกไว้มากมายและจะแนะนำหรือพาคนไปรักษามากมายมาตลอด บางแห่งก็จะรวมคนป่วยช่วยกันแชร์ค่ารถพาไปรักษากันเป็นรถตู้ ซึ่งแต่ละแห่งพี่ก็จะนำทางเขาไปรักษากันมากเป็นร้อยคน หรืออาจวาดแผนที่แล้วให้ข้อมูลเขาไปกันเองด้วย การช่วยคนแบบนี้ไม่ต้องเสียเงินแต่ช่วยคนที่ใกล้จะหมดกรรมนั้นๆได้หลุดพ้นจากโรคภัยต่างๆ ส่วนใหญ่ไม่คิดเงินค่ารักษาแล้วแต่ผู้ป่วยจะให้ บางแห่งจัดกระดูกเก่งมาก ก๋งอายุเกือบ 80 ปีอยู่ใกล้อ.แกลง หรือหมอเทวดารักษาอัมพาทจัดรักษากระดูกทับเส้น แต่มีค่าใช้จ่ายอยู่แค่บางเลน แม้คนที่บานหกล้มก้นกระแทกกระดูกสันหลังย่นติดกัน 4 ข้อ หมอให้ผ่าตัดด่วน แต่พี่พาไปดึงแค่ 20 นาทีกระดูกที่ย่นติดกันก็ยืดเป็นปกติไม่ต้องเสียเงินผ่าตัดหลายแสนบาท และเคยพาคนที่เดินไม่ได้เป็นอัมพฤกษ์มา 6 ปีไปรักษาต้องอุ้มขึ้นลงรถตู้ด้วยความลำบาก รักษา 20 นาทีก้าวขาได้ เดินได้ด้วยไม้เท้า ขึ้นรถได้เองแค่ช่วยประคอง แล้วพอเราแวะตลาดดอนหวาย เขาก็ลงมาถือไม้เท้าเดินได้เอง 2 ชั่วโมง ซึ่งพี่ก็ขอให้คนขับรถตู้เดินตามเพื่อความปลอดภัยเป็นต้น หากได้ข้อมูลจากคุณ พี่ก็จะได้บอกบุญกับคนอื่นต่อไปได้อีก ทั้งนี้พี่อุทิศเวลาที่ว่างช่วยแนะนำและพาไปโดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆ แต่การช่วยคนแบบนี้เราไม่เดือดร้อน คนที่เราช่วยก็พ้นทุกข์มากน้อยแล้วแต่บุญเขา สิ่งที่เราได้คือความสุขใจค่ะ

 

อโรคา ปรมาลาภา

ก่อนอื่นก็ต้องขออนุโมทนาในความใจบุญใจกุศลด้วยครับ..ที่ผมไปหาน่าจะเป็นซอย4 เป็นซอยถัดจากวัดธรรมกายไป แต่ท่านที่เล่าเรื่องไว้ในพันทิปบอกว่าซอย6 ถ้าไปทางวัดธรรมกายจะอยู่เลยวัดธรรมกายไป จำได้ว่าหน้าปากซอยมีศาลาผู้โดยสาร เข้าซอยไปสัก 200 เมตร อยู่ซ้ายมือ รั้วโปร่ง หน้าบ้านนอกบ้านมีซุ้มนั่งพัก ในบ้านเป็นบ้านไม้ มีบริเวณด้านหน้า โถงหน้ามองไปจะเห็นตั้งเป็นพระพุทธรูปบูชา...อันนี้ไปถึงใกล้ๆแล้วลองถามคนแถวนั้นดูอีกทีนะครับ...อีกที่หนึ่งที่ผมพาพี่ชายไปรักษาเนื่องจากเส้นประสาทขาดไป 6 เส้น และเป็นไปไม่ได้ที่เส้นประสาทจะต่อเข้าถึงกัน หลวงพ่อตี๋ วัดเพชรสุวรรณ อยู่เพชรบุรี ท่านสักด้วยสมุนไพรจีน ไม่คิดค่ารักษา แถมยังเลี้ยงชากาแฟ และเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้อีก หลวงพ่อท่านดีมากครับ พี่ชายผมรักษาอยู่2ปีก็เดินเหินได้ช่วยตัวเองได้...บางรายเป็นอัมพาตไป หนักขนาดต้องหามกันขึ้นมาบนศาลา ตอนกลับไปนี่เดินกลับเองได้ แต่ใช้ไม้เท้านะครับ หลวงพ่อบอกว่า การรักษาก็มีรักษาแล้วตาย,รักษาแล้วไม่หายและรักษาแล้วหาย.ถ้าเป็น2อย่างแรกท่านไม่รักษา ท่านจะหัวเราะแล้วบอกว่าให้ไปตายโรงพยาบาลเถอะ ตายที่วัดนี่ฉันเดือดร้อน แล้วถ้ารักษาไม่หายเราก็เสียชื่อน่ะสิ..ระหว่างแวะเวียนไปรักษาก็ได้เห็นผู้ป่วยชายรายหนึ่งมาอ้อนวอนให้ท่านรักษาเพราะถ่ายเป็นเลือดแล้วไปรพ.มา2แห่งแล้วรักษาไม่ได้ อ้อนวอนอย่างไรท่านก็ไม่รักษา ผมเองก็ดูอยู่เหมือนกันว่าทำไม เห็นในท้องเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย ก็เงียบไว้ก่อน หลวงพ่อให้เขาไปรักษาที่รพ.ในเมือง จนเมื่อคนป่วยรายนี้ไปแล้วหลวงพ่อก็หันมานั่งคุยด้วย ผมก็ถามหลวงพ่อว่ามะเร็งลำไส้หรือครับ ท่านบอกว่า เออ..ระยะสุดท้าย ยังไงก็ไม่รอด ให้เขาไปที่โรงพยาบาลเองดีกว่า...หลวงพ่อตี๋ท่านจะรู้ทันทีเลยนะว่าใครมาหาท่านป่วยเป็นโรคอะไรมาป่วยมานานแล้วเท่าไร รักษาได้หรือไม่ได้ เดินขึ้นศาลามาท่านรู้หมด...แต่ผมเห็นท่านรักษาคนแล้วเหนื่อยแทน บางวันไม่ได้ฉันเพลก็มี..ท่านเคยให้พระลูกวัดบางรูปมาช่วยสักน้ำมันให้แต่ก็แปลกว่าใครมาทำหน้าที่นี้ ทำได้ไม่นานก็มีอันเป็นไปทุกราย ตายเรียบ น้ำมันที่ว่าท่านบอกว่าแพงมาก แพงกว่าทองคำ มีส่วนผสมด้วยลูกอัณฑะสุนัขจิ้งจอกก็มี จะสีดำๆข้นๆเหนียวๆ ท่านสักเพื่อให้สมุนไพรซึมผ่านเข้าเส้นประสาทโดยตรง ลองแวะไปดูก็ได้ครับ อันนี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์นะ... ส่วนวิชาของหมอเทวดานี่ความเห็นส่วนตัวผมว่าของเขาทำได้จริงนะครับ เพียงแต่คนทำก็ต้องทำบุญสุนทานมากๆ เจริญภาวนาไม่หยุดหย่อน เผลอ พลาดไป เจ้ากรรมนายเวรของคนป่วยที่มารักษาก็ตามมาราวี ก็ต้องไปรับกับเขาเหมือนกัน อันนี้น่าเห็นใจคนที่อยากจะช่วยคนนะครับ ยอมรับกรรมแทนคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จักกันโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ใครจะด่าใครจะชมก็เฉยๆ ผมก็นับถือน้ำใจพ่อหมอคนนี้เหมือนกันนะ ส่วนหลวงพ่อตี๋ไปหาท่านก็ไม่ต้องเอาเงินไปถวาย ท่านไม่รับเงินจากคนแปลกหน้า ส่วนมากจะรับเป็นข้าวสาร กาแฟ นมข้น น้ำตาล ข้าวสารจะไว้เลี้ยงเด็กกำพร้า ส่วนกาแฟ นมข้น น้ำตาล โอวัลติน ก็ให้พวกผู้ป่วยและญาติชงกินกันระหว่างที่มารอรักษากับท่านนั่นแหละครับ...

 

โมทนากับกุศลจิตของคุณดวงเดือนโอ ถ้าจะกรุณาติดต่อผมทางโทร.0896754996 จักเป็นพระคุณยิ่ง ผมอยากได้ข้อมูลแพทย์ทางเลือกครับ

 

อยากให้เลิกความคิดประเถทนี้จังเลย ถ้าเป็นจริงนะ คงไม่ต้องเรียน ไม่ต้องฝึก คนไข้มาถึงก็ผ่าด้วยจิตเลย ใครเลื้อมใส ก็ไปเลย กล้าก็ไป

อยากบอกว่า ถ้ามันเป็นจริง ป่านนี้วงการแพทย์คงจบไปแล้ว

 

ดิฉันเป็นอีกคนนึงค่ะ ที่เคยได้รับการรักษากับพ่อหมอมาแล้วด้วยตัวเอง คือมีเพื่อนตจว ทราบเรื่องการรักษาของหมอเทวดาได้ข้อมูลมาเรียบร้อย ก็ลงมาหาดิฉันด้วยแฟนของเค้าเป็นต่อมไทรอยซ์เป็นพิษค่ะ ก็เลยพากันไปข้อมูลทุุกอย่างตรงกับ จขกท. เล่าจริงๆ ค่ะ ส่วนตัวดิฉันเอง ช่วงนั้นรู้สึกปวดๆ ที่เต้านมด้านซ้าย เลยถือโอกาสให้พ่อหมอตรวจดู พ่อหมอบอกว่าเป็นฝีในเต้านม ที่ถ้าพวกหมอตาม รพ. เค้าก็เรียกว่ามะเร็งนั่นแหละ แล้วพ่อหมอก็ทำการรักษาโดยเสียค่าครูไป 500 บาท ก็นั่งเช็ดใบพลูไปด้วยตัวเอง กี่ใบก็จำไม่ได้แล้ว พ่อหมอก็ทำการเอาใบพลูที่เเช็ดทำความสะอาดมาวางซ้อนกันแล้วเอามาวางบนหน้าอกด้านที่รู้สึกปวดๆ จากนั้นก็นำเทียนไขมาแทงลงไปทะลุผ่านใบพลูปึ้งนั้น ใช้เวลาทำการรักษาแป๊บเดียวจริงๆ เหมือนเล่นกล ก็รู้สึกไขมันเหลว เหม็นมากผสมกับกลิ่นของใบพลูที่ฉีกขาด โอ้วว!! เหลือเชื่อ ดิฉันงงมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ คิดถึงพ่อหมอมากๆ เลยค่ะ อาการที่รู้สึกแปลบๆ นั้น หาายไปจนถึงวันนี้ และทราบข่าวอีกทีพ่อหมอเสียไปแล้ว น่าเสียดายมากเลยค่ะ ดิฉันยังแปลกใจอยู่เลยนะคะเนี่ยว่า หนองเหลวๆ ที่มีกลิ่นเหม็นเข้ามาถึงจมูกนั้น มันออกมาได้อย่างไรเพราะใบพลูทุกใบ รู้สึกประมาณ 9 ใบเนี่ยค่ะเราก็เช็ดกับมือ และถ้ามันมีซ่อนอยู่ก่อนแล้วกลิ่นก็ต้องเข้าจมูกเราก่อนแน่ นี่ถ้าพ่อหมอยังมีชีวิตอยู่ ดิฉันคนนึงค่ะ ที่จะกลับไปหาพ่อหมออีกครั้ง

 

https://www.facebook.com/photo.php?v=117601491761464 เหมือนคลิปนี้ไหม

 

คลิปคลิกไปแล้วดูไม่ได้จ้า