เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    พี่ตีตั๋วคนแรกเลยนะ เรื่องท่องเที่ยวเนี่ยพี่ชอบ(b-ping)
    คืนนี้ไปนอนก่อน ง่วงล่ะ ไว้เจอกันในฝันนะจ๊ะ
     
  2. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ควบคุมความคิดด้วยการเปลี่ยนความเชื่อ

    โกรธกันไม่ได้หรอกค่ะคุณน้องขจรวรรณ ไม่ใช่เพียงแค่ว่ายังรักเหมือนเดิมนะคะ แต่รักน้ำใจคุณน้องมากกว่าเดิมอีกที่เห็นความพากเพีียรที่จะแสวงหาความรู้ให้กระจ่างแจ้ง

    ห้องวิทย์ฯของเรามีไว้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ใช่สนามปะทะคารม หรือตัดสินว่าความเชื่อใดผิด-ถูก หากแต่ว่าเรากำลังช่วยกันเปลี่ยนความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง และไม่เกิดประโยชน์กับชีวิตของเรา ให้กลายเป็นความรู้ที่ทำให้เราเกิดปััญญา

    คุณน้องขจรวรรณเข้าใจอย่างไรก็ว่ามาตรงๆตามนั้น พี่นักเขียนจับไม่ได้ว่าคุณน้องหยิบยกเอาข้อความมาจากจุดใด แต่คุณน้องแก้วทิพย์จับประเด็นได้-ก็มาช่วยแก้ไข พี่นักเขียนปลื้มใจและขอบคุณที่เห็นพวกเราศึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและช่วยเหลือกันเช่นนี้ เพราะหนังสือชุดนี้ไม่ใช่สาระที่อ่านและจะเข้าใจได้ง่ายๆเหมือนหนังสืออ่านเล่นทั่วไป

    คุณน้องขจรวรรณเป็นผู้เรียนรู้ผู้ศึกษาที่น่ายกย่อง เพราะคุณน้องไม่รับเอาสิ่งตนเองเข้าใจว่าเป็นความเป็นจริงทันที แต่ตั้งคำถามต่อไปเพราะเมื่อรับเอาสาระหรือข้อมูลความรู้หนึ่งๆแล้วรู้สึกได้ถึงความขัดแย้งในเบื้องลึก ท่านอาจารย์อนาลัยสอนให้เราตรวจสอบความเชื่อของตนเองเสมอๆ ความเชื่อในทางที่ผิดมักทำให้เราเกิดความรู้สึกขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราตั้งใจศึกษาและไม่สามารถจะคล้อยตามสาระเหล่านั้นได้อย่างหมดใจ สติสัมชปัญญะของตัวตนภายในผู้รู้ในธรรมชาติความเป็นจริงมากกว่าสติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอกจะไม่ยอมรับเอาโดยปริยาย ทำให้เราเกิดความขัดแย้งเสมอ ต่อเมื่อข้อมูลความรู้ที่สติสัมชปัญญะของตัวตนภายนอกรับรู้นั้น ถูกต้อง เป็นความจริง และตรงกับความรู้ที่มีอยู่ในสติสัมปชัญญะของตัวตนภายใน เราจะพบว่านอกจากเราจะปราศจากความขัดแย้งแล้ว เรายังมีความเข้าใจลึกซึ้งไปอีกระดับหนึ่งด้วย

    จุดอ่อนที่เราทั้งหลายมักจะมองข้ามไป คืิอเมื่อเราเกิดความขัดแย้งเช่นคุณน้องขจรวรรณ เรามักไม่ตั้งคำถามว่า เรามีความเข้าใจผิดหรือมีความเชื่อที่ผิดหรือเปล่า แต่เรากลับติดสินว่าข้อมูลที่เรารับมานั้นผิด ผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติของจิตวิญญาณจากศาสตร์หลายสายมักพบกับความขัดแย้งเหล่าน้ีเสมอๆ หากเราไม่ได้สำรวจความเชื่อของตนเองเป็นหลัก และวินิจฉัยว่าความรู้สึกขัดแย้งทั้งหมดเกิดจากสาระของข้อมูลที่อยู่นอกตัวตนของเรา เราจะหาแก่นแท้ของความรู้ไม่พบจากทุกสาย เพราะเราจะวินิจฉัยต่อไปไม่รู้จบสิ้นว่า ข้อมูลความรู้ที่อยู่ภายนอกตัวเรานั้น สายใดถูก สายใดผิด และพยายามจะตัดทอนหรือแม้แต่กำจัดข้อมูลบางส่วนที่ขัดแย้งกับความเชื่อของเราออกไป จนในที่สุดสิ่งที่เรารับเอาก็ไม่ใช่ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องอีกต่อไป เหลือแต่เพียงบางส่วนของข้อมูลความรู้ที่คล้องจองกับความเชื่อของเราเท่านั้น

    การหยุด ตั้งคำถาม และหาความกระจ่างเช่่นคุณน้องขจรวรรณกำลังทำอยู่นี้ จึงเป็นการพิจารณาความเชื่อของตนเองที่เรียกว่าได้ผลที่สุด เพราะมันทำให้เรามีโอกาสที่จะพิจารณาและทำความเข้าใจกับข้อมูลในทิศทางใหม่ แทนที่จะสรุปเอาโดยปริยายว่า ข้อมูลนั้นๆผิด ทำให้เราสามารถปรับสติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอกให้คล้องจองกับสติสัมปชัญญะของตัวตนภายใน และสามารถเข้าใจในธรรมชาติความเป็นจริงได้ทั้งภายใน-ภายนอก

    ---------------------
    ช่วงนี้มีผู้อ่านที่ประสพกับปัญหาน้ำท่วม มีผู้ที่บอกว่าฝันเห็นน้ำท่วมมาก่อนหน้านี้หลายเดือน และเชื่อว่าตนเองรู้เห็นอนาคต แต่ก็ข้องใจว่า หากเราทั้งสามารถสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตนเองได้ด้วยความเชื่อ และเขาก็เชื่อว่าบ้านของเขาจะรอดพ้นน้ำท่วมได้ในปีนี้เพราะไม่เคยท่วมมาก่อน เหตุใดเขาจึงกลับต้องเผชิญกับน้ำท่วม

    พี่นักเขียนขอคัดลอกบทความจากหนังสือ อิสระแห่งความปรารถนา ซึ่งน้องแก้วทิพย์ได้นำมาขยายความเพิ่มเติมแล้วส่วนหนึ่ง และพี่นักเขียนนำมาเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง จากหนังสือหน้า 81-83:

    ข้อมูลที่ได้รับโดยตรงด้วยจิตวิญญาณหรือกระแสจิต เป็นข้อมูลที่รับได้ในส่วนลึกของตัวตนภายใน ซึ่งมีความสามารถในการรับข้อมูลได้อย่างมากมายมหาศาลจนน่าอัศจรรย์ยิ่ง ข้อมูลเหล่านี้จึงต้องถูกรวบรวม-กลั่นกรอง-ตัดทอน เพราะบางข้อมูลไม่มีความสำคัญต่อเธอโดยตรง เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลอื่นๆที่เธอไม่มีความรู้หรือความสัมพันธ์ในชาติภพนี้ แต่มีความรู้หรือความสัมพันธ์ในชาติภพอื่น

    จิตวิญญาณของเธอทั้งหลายเป็นผู้รับและส่งข้อมูลเหล่านี้ ความคิดมีคุณสมบัติในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นประจุแม่เหล็กไฟฟ้า ความเชื่อทำให้ความเข้มของความคิดมีประจุแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีกระแสรุนแรง หรือในคำพูดของเธอกล่าวได้ว่า ความเชื่อทำให้เกิดกระแสจิตที่รุนแรง ตามธรรมชาติขององค์ประกอบโครงสร้างของภาวะจิต ความเชื่อที่คล้ายคลึงกันจะรวมตัวเข้าด้วยกัน เธอทั้งหลายมักยอมรับความคิดเห็นของบุคคลอื่นที่เธอเห็นพ้องด้?วย

    ความคิดที่จำกัดมักทำให้เธอมีแนวโน้มที่จะยอมรับความคิดของบุคคลที่มีธรรมชาติคล้ายคลึงกัน ความสุข ความมีชีวิตชีวาในอิสรภาพ ความร่าเริงเบิกบาน เป็นความคิดที่ดึงดูดความคิดอื่นๆที่คล้ายคลึงกันให้มารวมกัน การแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างเธอและบุคคลอื่นๆ เป็นการแลกเปลี่ยนทั้งในระดับสติสัมปชัญญะและระดับจิตวิญญาณ การแลกเปลี่ยนเหล่านี้เป็นไปตามความเชื่อของเธอทั้งหลาย

    โดยอุดมการณ์แล้วเธอน่าจะตอบสนองทางกายภาพต่อข้อมูลที่ได้รับในระดับจิตวิญญาณ-ไม่ว่าความเชื่อในระดับสติสัมปชัญญะหรือความคิดของเธอจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่พวกเธอส่วนมากจะตอบสนองข้อมูลที่ได้รับในระดับจิตวิญญาณก็ต่อเมื่อมันคล้องจองกับความเชื่อที่เธอมีต่อโลกแห่งความเป็นจริงและตัวตนของเธอในระดับสติสัมปชัญญะของเธอเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2007
  3. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ภัยพิบัติ กับ ความโลภของผู้ใหญ่

    พี่นักเขียนได้ชมรายการทีวี Prime Time ซึ่งนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับมวยไทย โดยนำเสนอสาระศิลปะมวยไทย ซึ่งเป็นศิลปะประจำชาติไทย แต่ ณ วันนี้มวยไทยได้กลายเป็นเครื่องมือหากินของพ่อแม่ที่ยากจน โดยส่งลูกชายหญิงอายุเพียง 5-8 ปีไปฝึกมวยไทยเพื่อขึ้นสังเวียนและแข่งขันชกมวย มีผู้ชมชายจำนวนมากทำการพนันขันต่อกันอย่างโจ่งแจ้ง โดยนำฟ่อนเงินพนันให้เด็กหญิงเหล่านี้คาบไว้ในปากก่อนที่จะไหว้ครูและเริ่มต้นชกมวย เด็กหญิงน้อยๆเหล่านั้นขึ้นชกและได้รับบาดเจ็บอย่างที่พ่อแม่ไม่น่าจะทนดูได้ แต่พวกเขาก็นั่งดู-ลุกขึ้นเชียร์-จนกระทั่งเกมส์นั้นจบลง

    เด็กที่ชนะชกได้รับเงินรางวัลเทียบเท่าค่าแรงที่พ่อแม่จะได้จากการทำนาประมาณหนึ่งปี พ่อแม่ของเด็กที่ชนะกับผู้ชมที่ชนะการพนันต่างก็ยิ้มแย้ม ในขณะที่พ่อแม่ของเด็กฝ่ายที่แพ้และผู้ชมที่แพ้พนันต่างก็หงุดหงิดเป็นกำลัง แต่ที่น่าสลดใจเป็นที่สุดคือ ไม่ว่าใครคือผู้แพ้หริือผู้ชนะ ผู้ที่บอบช้ำเป็นทึ่สุดคือเด็กน้อยทั้งสองฝ่าย เด็กๆเลือดตกยางออก บางคนหมดสติและถูกหามออกจากสังเวียนไป ไม่ต่างไปจากนักชกอาชีพที่พวกเราเคยเห็นกัน แต่ที่น่าอนาจใจคือ พวกเขาเหล่านี้-คือเด็กๆ ไม่ว่าเขาจะถูกนำมาแสดงอะไรก็ตาม-เขาก็เป็นเพียงเด็กน้อยที่ถูกนำมาแสดงหรือกระทำในสิ่งที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกหรือขัดขืน

    นักข่าวชายผู้นำเสนอสาระ ให้คำบรรยายด้วยน้ำตาคลอหน่วยตลอดรายการ เขาแทบจะทนดู VDO ที่เขาบันทึกมาไม่ได้ Website และกระทู้ผุดขึ้นมากมายเกี่ยวกับสาระคดีชุดนี้ทันทีทั้งที่รายการสดยังไม่จบ ผู้ชมชาวอเมริกันมากมายกล่าวว่าศิลปะประจำชาติของไทยได้ถูกนำมาเป็นเคริื่องมือทารุณกรรมเด็ก ซึ่งเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนและผิดกฎหมายในโลกตะวันตกอย่างยิ่ง มีการตัดฉากกลับไปแสดงให้เห็นถึงการใช้แรงงานเด็กในสหรัฐเมื่อ 100 กว่าปีก่อน ที่กฏหมายคุ้มครองเยาวชนและกฏหมายปกป้องเด็กๆจากการทารุณกรรมยังไม่มี โดยฉายให้เห็นภาพเด็กอเมริกันวัย 10-12 ปีซึ่งทำงานในไร่ฝ้ายและในโรงพิมพ์ ทุกวันนี้การทารุณกรรมในสังคมตะวันตกก็ถูกควบคุมด้วยกฎหมายอย่างเข้มงวด แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างเปิดเผยในสังคมไทย พี่นักเขียนอ่านพบข้อความต่อไปนี้จาก
    http://abcnews.go.com/2020/story?id=3702664&page=1

    "ดิฉันเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกตามลำพังด้วยตนเอง แม้ชีวิตของฉันจะยากไร้ แต่ดิฉันยินดีที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะรับเด็กหญิงน้ำเพชร (เด็กหญิงวัย 8 ปีที่่พ่อแม่ส่งขึ้นสังเวียน) มาอยู่ภายใต้ความดูแลของดิฉัน เพื่อให้ความรักแก่เด็กน้อยคนนี้ และช่วยให้แกได้อยู่ในบ้านน้อยๆอันอบอุ่นของดิฉัน สมกับที่เด็กๆอย่างแกควรจะได้รับ เรื่องราวที่ดิฉันได้รับชมนี้ทำให้หัวใจของดิฉันสลาย ซึ่งที่จริงแล้วหัวใจที่บุบสลายที่สุดคือหัวใจของเด็กหญิงน้ำเพชร ดิฉันหวังอย่างยิ่งว่าจะมีผู้ที่ติดต่อสื่อสารให้ดิฉันสามารถช่วยให้เด็กหญิงน้ำเพชรพ้นจากภัยนี้ได้ ดิฉันจะสวดภาวนาให้แก"

    พี่นักเขียนรู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก และตระหนักว่าระดับจิตหรือความรักของจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายเนื้อหนังมักจะถูกเบียดบังด้วยความโลภเสมอ มันทำให้มนุษย์จำนวนไม่น้อยไม่รู้จักความรักที่ปราศจากเงื่อนไขแม้แต่กับลูกของตนเอง พี่นักเขียนรู้สึกร้อนใจอย่างยิ่งว่า หน้าที่ในการเปลี่ยนความเชื่อที่ผิดให้กลายเป็นความรู้ เป็นภาระใหญ่หลวงที่พวกเราทั้งหลายไม่เพียงแต่จะต้องพยายามที่จะบรรลุผลสำเร็จด้วยตนเองเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องขยายความสำเร็จออกไปไม่มากก็น้อยตามกำลังความสามารถของเราด้วยเช่นกัน

    คนจำนวนไม่น้อยมัวแต่ห่วงภัยพิบัติตามธรรมชาติ ห่วงภัยพิบัติจากสงครามนิวเคลียร์ ห่วงภัยพิบัติจากนอกโลก ห่วงภัยพิบัติจากเศรษฐกิจหรือการเมือง แต่แท้จริงแล้วพี่นักเขียนคิดว่าภัยพิบัติที่น่ากลัวที่สุดคือ ภัยพิบัติจากสภาวะจิตอันตกต่ำ อันได้แก่ความไม่รู้จักความรักอันปราศจากเงื่อนไขของพ่อแม่ และผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กๆผู้เป็นอนาคตของชาติและของโลกมนุษย์

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวถึง การสร้างโลกของเราด้วยจินตนาการ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นจริงทั้งหมด หากพ่อแม่และเราท่านทั้งหลายผู้มีพลังอำนาจที่จะหยิบยื่นปัจจุบันให้กับเด็กๆเหล่านี้ได้ ด้วยการมอบชีวิตที่เขาจะสามารถใช้จินตนาการของเขาไปในทางสร้างสรรค์ได้ ไม่ใช่ให้พวกเขาเติบโตด้วยการมีจินตนาการที่จมปลักอยู่กับการทำลายล้างและการทารุณกรรม อนาคตของโลกก็คงแทบจะเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สัมนาหนังสือ ทีละเล่ม ทีละประเด็น ร่วมกัน

    ห้องวิทย์ฯเป็นวงสนทนาที่แม้จะไม่ได้เป็นไปทางกายภาพ แต่ก็เป็นไปด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน เมื่อคุณ Mead ชวนพี่นักเขียนมาคุยกับพวกเราด้วยการมาเปิดห้องวิทย์ฯ พี่นักเขียนคาดหวังว่าจะได้พบกับผู้อ่านกลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นและมากกว่านั้นด้วย เพราะได้พบกับผู้ที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือและได้อ่านในที่สุดหลายท่าน ทำให้เราเข้าล้อคกันคือ ได้สนทนาไปในทิศทางเดียวกันสมกับที่คุณ Mead ได้ตั้งหัวข้อกระทู้ไว้ตามสาระที่ปรากฏในหนังสือชุดของท่านอาจารย์อนาลัย

    พี่นักเขียนตระหนักว่าตนเองมีหน้าที่ และต่อไปในอนาคตอันใกล้อาจจะไม่มีโอกาสได้มาตอบคำถามรายวันของพวกเราได้เช่นเคย ทั้งที่พี่นักเขียนก็รักที่จะทำและเต็มใจอย่างยิ่งนับแต่วันแรกที่เข้ามาสู่ห้องวิทย์ฯ ซึ่งดำเนินมาได้เพียง 2 เดือนเศษ

    พี่นักเขียนอยากจะเชิญชวนให้พวกเราอ่านหนังสือร่วมกัน คือเจาะจงอ่านเล่มเดียวกัน และมาตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เพราะต่อไปเมื่อเรากลับไปอ่านหนังสือและมีคำถาม และพี่นักเขียนหมดหน้าที่ตรงนี้ลงแล้ว อย่างน้อยพวกเราก็จะมีคำถามและคำตอบมากมายที่รวบรวมอยู่ในกระทู้นี้ แต่ ณ วันนี้ที่พ่ีนักเขียนยังอยู่ตรงนี้และยังทำหน้าที่ได้อยู่ ก็อยากจะเชิญชวนให้พวกเราร่วมกันศึกษาข้อมูลไปพร้อมๆกัน ด้วยการหันมาอ่านหนังสือด้วยกันทีละเล่ม-ทีละบท และนำสาระมาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและประสบการณ์กัน

    เท่าที่ผ่านมา แม้เราจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กัน แต่เราก็ไม่ได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่า เราจะคุยกันในสาระใดเป็นการจำเพาะ ทำให้ต่างคนต่างก็ตั้งคำถามจากหนังสือที่ตนเองกำลังอ่านอยู่ ต่างเล่ม-ต่างบท-ต่างสาระ ทำให้หลายๆท่านที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือแต่อาจมีคำตอบและข้อคิดดีๆมากมายถ้าได้อ่าน แต่กลับไม่มีโอกาสตอบหรือแสดงความคิดเห็นเพราะยังอ่านไปไม่ถึง พี่นักเขียนเลยต้องเป็นผู้ตอบหรือแสดงความคิดเห็นเสียเป็นส่วนมาก ซึ่งแม้ว่าพี่นักเขียนจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่มีความคิดว่าหากผู้อ่านได้อ่านและได้ทบทวนสาระนั้นๆ อาจมีคำตอบและความคิดที่ลึกซึ้งซึ่งสามารถนำมาแลกเปลี่่ยนพวกเราได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

    นับจากวันนี้ไป พี่นักเขียนขอเชิญชวนให้พวกเราอ่านหนังสือร่วมกัน ศึกษาร่วมกัน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสาระและประเด็นต่างๆร่วมกันทีละประเด็น ทีละสาระ จากหนังสือทีละเล่ม โดยที่พี่นักเขียนจะขอกำหนดตารางเวลาคร่าวๆตามนี้นะคะ
    13 ตุลาคม - 13 พฤศจิกายน
    สนทนาหนังสือเรื่อง โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ

    โดยขอไล่ทีละบท ทีละสาระ ไปเรื่อยๆ ใครยังไม่มีหนังสือ เชิญอ่านบทที่หนึ่งได้จาก
    http://www.novaanalai.com/novaanalai/BK1TOC.html

    ในที่นี้พี่นักเขียนไม่ได้หมายความว่า หากมีผู้ซักถามคำถามเกี่ยวกับสาระจากหนังสือเล่มอิื่นๆ พี่นักเขียนจะไม่ตอบนะคะ ยินดีตอบเสมอ แต่จะขอกำหนดตามนี้เพียงเพื่อช่วยให้ผู้ที่ไม่ทราบว่าจะเข้ามาร่วมสนทนาได้อย่างไร และยังไม่ได้อ่านหนังสือ แต่สนใจจะอ่าน จะได้มีจุดเริ่มต้นร่วมกัน และเข้ามาซักถามทำให้สามารถเสริมความรู้และมีประเด็นสนทนาร่วมกันในวงกว้าง แทนที่จะแตกระแหงออกไปหลายสาระในหนังสือ 10 เล่ม และเสียโอกาสที่เราจะได้ประสานความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ส่วนผู้ที่อ่านเล่มอื่นๆเลยไปแล้ว อยากซักถามก็ยังทำได้เสมอ เรียกได้ว่ามีการสนทนาสองสายควบกันไป ทำให้สมาชิกใหม่ๆตามเราทัน และสมาชิกเก่าๆก็ไม่เบื่อหน่าย ดีไหมคะ?

    หากพวกเราชาวห้องวิทย์ฯทั้งขาประจำ ขาจร ดารารับเชิญ มนุษย์โลกและมนุษย์ต่างดาวทั้งหลายเห็นด้วย กรุณาโหวดด้วยค่ะ (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01cover.jpg
      01cover.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.9 KB
      เปิดดู:
      44
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2007
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    เห็นด้วยกับพี่นักเขียนครับ
    อย่างน้อยก็ทำให้เรามีกำหนดการที่จะต้องทำ โดยการเริ่มต้นพร้อมๆกัน
    ไม่สับสนสำหรับคนมาใหม่ คนเก่า ก็ได้ทบทวนไปด้วย ได้ประโยชน์ทั้งสองทางครับ
    (b-deejai)
     
  6. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    เห็นด้วยครับ
    เริ่มบทที่ 1 เลยนะครับ
    ก็มีคำถามครับ ธรรมชาติของจิตวิญญาณเรามีความใฝ่รู้ อยากรู้อยากเห็น แล้วจิตวิญญาณเราเอาความรู้ไปทำอะไรครับ? ในมิติมนุษย์เอาความรู้ก็เพื่อความอยู่รอดเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นผู้รู้ สุดท้ายแล้วก็จบ พอเกิดใหม่ก็เริ่มเรียนอนุบาลใหม่อีก
    และในมิติของจิตวิญญาณมีผู้ที่มีความรู้สูงสุดหรือเปล่าครับ?
    และในมิติของจิตวิญญาณ เช่น ภูมิของเปรต อสุรกาย เทพ พรหม คนธรรม์ นาคา หรืออื่นๆเค้ามีโรงเรียน เพื่อหาความรู้หรือเปล่าครับ?
    ขอบคุณอาจารย์ล่วงหน้าครับ
     
  7. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ป้อมอลาโมเมื่อก่อนขึงขังยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังขึงขังอย่างนั้น

    ดูจากภาพแล้วนึกว่าพี่นักเขียนจะไปแต่โบสถ์เก่าๆ ซะอีก แต่ว่าป้อมอลาโมแต่เดิมก็โบสถ์มาก่อนนี่เนอะ

    ชาวต่างชาติชอบไปทำสมาธิตามสถานที่เก่าๆ อย่างนี้เหรอ ถ้าเมืองไทยมีคนแบบนี้เยอะๆ ที่เมืองเก่าอยุธยาสงสัยมีคนไปทำสมาธิตามโบราณสถานเต็มไปหมดแน่เลย
     
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ดีครับพูดคุยกันไปทีละเล่ม (1 เดือนพูดคุยกันทีละเล่ม )
    เนื้อหามีเยอะครับ ได้อยู่ในหมวดเดียวกันไม่กระโดดข้ามไปมา
    พวกเราที่อ่านไปแล้วจะได้ทบทวนไปด้วย
    คนที่เพิ่งรู้จักหนังสือใหม่ก็จะตามอ่านได้ทัน
    เริ่มได้เลยครับ ผมว่าทุกคน OK กันอยู่แล้ว ++

    (b-deejai)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2007
  9. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ส่วนเรื่องที่ว่ามองหน้ากันภายใต้แสงเทียน (แหมเหมือนโรแมนติกเนอะ) แล้วจะเห็นใบหน้าเปลี่ยนไปนั้น ที่เคยบอกว่าคุ้นๆ เหมือนเคยอ่านอะไรทำนองนี้มาก่อน วันนี้ก็หาเจอแล้วล่ะ อยู่ในหนังสือชื่อ "ข้ามภพ ย้อนเวลาเยียวยาปัจจุบัน" แปลและเรียบเรียงโดย จุไรรัตน์ อารยะกิตติพงศ์ จากเรื่อง Though Time Into Healing ของ Brian L. Weiss, M.D. บทที่ 11 เทคนิคของการระลึกชาติ หน้า 239-241

    จากที่อ่านมา เหมือนว่า ดร. ไบรอัน ก็ไปเจอเทคนิคนี้มาจากที่นึง เหมือนกัน(ไม่ได้เป็นคนคิดเทคนิคนี้) แรกๆ ก็ไม่เชื่อว่ามันจะทำได้ แต่หลังจากได้ทดลองกับคนที่เข้าปฏิบัติการ ก็พบว่า ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนคนที่มองหน้า แต่ก็ยังคงเห็นหน้าเหมือนกับคนก่อนหน้าที่เห็น

    อันนี้เป็นที่เขียนในหนังสือ จะขอลอกมาเลย ยาวหน่อยนะ
    <hr>
    ยังมีเทคนิคการเล่นอีกแบบหนึ่งที่ผมเรียกว่า "มองหน้า"
    ซึ่งสามารถช่วยคุณให้รำลึกอดีตชาติได้เช่นกัน ขอให้คุณกับเพื่อนนั่งหันหน้าเข้าหากันโดยมีระยะห่างกันประมาณ 1 ฟุต เปิดไฟสลัวและเปิดดนตรีเบาๆ เพ่งมองใบหน้าของเพื่อนคุณ พิจารณาดูว่าใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยปกติใบหน้าของเราจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตา จมูก และทรงผมก็อาจจะเปลี่ยนรูปทรงใหม่

    เทคนิค "มองหน้า" นี้สามารถฝึกตามลำพังได้ด้วยโดยอาศัยกระจกเงาพิจารณาความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของตัวเอง

    ถ้าคุณสังเกตเห็นแสงสีขาวแผ่จากศรีษะของเพื่อนหรือศรีษะของคุณในกระจกเงาเป็นวงขนาดประมาณ 1 นิ้วหรือมากกว่า ก็เป็นไปได้ว่าคุณกำลังมองเห็นปรากฏการณ์ของกระแสพลังที่แผ่ออกจากร่างกาย หลายคนรายงานว่าได้เห็นแสงพลัง "ออร่า" ดังกล่าว และบางครั้งยังเป็นแสงที่มีสีสันด้วย ผมเคยศึกษาแสงพลังของหลายคนซึ่งต่างก็บรรยายลักษณะสีสันของแสงพลังออกมาเป็นรูปแบบเดียวกัน เมื่อผมบอกให้พวกเขามองหรืออ่านกระแสพลังของใครสักคน พวกเขาจะบรรยายออกมาได้คล้ายคลึงกัน

    ผมฝึกเทคนิค "มองหน้า" ครั้งแรกในห้องทำงานพร้อมกับคนอื่นๆ หลายคนพวกเขาต่างก็มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้า สีของหน้า ผม ตา ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังกังวลว่าวิธีการง่ายๆ นี้อาจจะโง่เขลาไร้สาระเกินไป หรืออาจเป็นเพียงวิธีบิดเบือนผัสสะเท่านั้น ผมจึงเสนอให้เป็นวิธีหนึ่งสำหรับกลุ่มปฏิบัติการ แต่ในที่สุด ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นของกลุ่มทดลองปฏิบัติการครั้งหนึ่งซึ่งมีคนหลายร้อยคนมาเข้าร่วม ผมก็ตัดสินใจจะลองดู

    มีการจับคู่นั่งหันหน้าเข้าหากันร่วมร้อยกว่าคู่ภายใต้ไฟสลัวในห้องโถงของโรงแรมและต่างก็จับจ้องใบหน้าคู่ของตน หลังจากผ่านไปชั่วขณะหนึ่งก็ให้หาคู่ใหม่และทดลองทำในลักษณะเดียวกัน ผลที่ปรากฏออกมาสร้างความรู้สึกประหลาดใจแก่ทุกคนเป็นอันมาก ส่วนใหญ่จะเห็นใบหน้าของคู่เปลี่ยนแปลงไปเป็นลักษณะซึ่งบางคนก็ดูเป็นใบหน้าที่โบราณมากก็มี บางคนก็เกิดผัสสะทางจิต มองเห็นรูปหน้าที่คล้ายคลึงกับญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้ว บางคนมองเห็นรูปหน้าที่ชวนให้คิดว่าเป็นผู้นำวิญญาณ บางคนก็มองเห็นเป็นใบหน้าที่คู่ของตนเคยได้เคยเห็นจากการรำลึกอดีตชาติ หรือสอดคล้องกับคำบอกเล่าของผู้ที่สื่อกับวิญญาณได้

    เมื่อทำการสลับคู่และทดลองใหม่ สิ่งที่คนใหม่เห็นก็ยังคงเป็นใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะเดียวกัน มีอยู่หลายคนที่มองเห็นแสงพลังเป็นครั้งแรก เด็กชายอายุ 14 ปีคนหนึ่งถึงกับสามารถรับข้อมูลต่างๆ ของคู่ได้โดยทางจิต เขาไม่เคยปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเลย นับจากการทดลองครั้งนั้นผมก็นำเทคนิคมองหน้ารวมเป็นกรรมวิธีอีกอย่างหนึ่งสำหรับโครงการกลุ่มปฏิบัติการต่างๆ ทุกโครงการ ซึ่งก็ได้ผลดีอย่างคงเส้นคงวา สร้างความสนุกสนานได้ไม่น้อย เคล็ดที่สำคัญสำหรับเทคนิคมองหน้าก็คือต้องกระทำภายใต้แสงไฟสลัว มันจะช่วยปลดปล่อยสมองซีกซ้ายและเปิดทางให้ภาพทางญาณทัศน์ปรากฏออกมาได้ง่ายขึ้น

    เทคนิคการมองหน้าจะให้นัยเกี่ยวกับอดีตชาติต่างๆ หลายชาติเช่นเดียวกับวิธีการอื่นๆ คือ การสร้างจินตภาพ การเพ่งสมาธิ และการเชื่อมโยงความคิดอย่างเสรี โดยจะช่วยเรียงร้อยภาพความทรงจำในอดีตชาติออกมาได้ จงปล่อยให้ภาพเหล่านั้นขยายและพัฒนาของมันไป อย่าได้วินิจฉัยข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น ใบหน้าหนึ่งอาจจะเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของกลุ่มใบหน้า หรือภาพเหตุการณ์ทั้งหมดอาจจะคลี่คลายออกมาจากเบื้องหลังใบหน้านั้นก็ได้ คุณอาจจะได้ยินเสียงหรือถ้อยคำบางคำที่สำคัญก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2007
  10. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ตอนที่พิมพ์ถึงตอนนี้ ก็นึกขึ้นได้ว่า แสงสว่างคงมีผลต่อการทำงานของสมอง เมื่อแสงน้อยลง สมองจะทำงานน้อยลงด้วย ซึ่งในสภาพนั้น คงจะทำให้ สติสัมปะชัญญะภายในทำงานได้ง่ายขึ้น

    เนื่องจากว่ารู้สึกว่าคุ้นๆ ว่าเหมือนว่าเคยอ่านบทความที่เขียนเกี่ยวกับแสงสว่างกับการทำงานของสมอง ก็ไม่รู้ว่านึกทึกทักไปเองหรือเปล่า ก็เลยลองค้นหาดู ก็ไปเจออันนึงมา ที่คิดว่าน่าจะอธิบายเหมือนที่เข้าใจ
    <hr>
    โดยธรรมชาติเราจะเข้านอนเมื่อแสงสว่างหมดไป จัดเป็นวิวัฒนาการอย่างหนึ่ง เมื่อความมืดมาอันตรายจะเกิด มนุษย์จะหลบเข้าไปนอนเพื่อหนีอันตราย การนอนเป็นวิวัฒนาการที่ทำให้เราอยู่รอดมาได้ เมื่อความมืดมาเยือนสารบางอย่าง เช่น เมลาโทนินในร่างกายจะถูกหลั่งออกมา การนอนจะเริ่มเกิด อันนี้เป็นธรรมชาติ แต่ด้วยสังคมปัจจุบัน และความสามารถของมนุษย์ทำให้เรามีไฟฟ้า แสงสว่างเป็นปัญหาใหญ่ในเรื่องการนอนหลับ เพราะทำให้เราไม่ต้องนอน เราสามารถทำงานได้ทั้งคืน เราสามารถเดินทางได้ทั้งคืน

    http://www.bangkokhealth.com/sitesearch_detail.asp?Number=9450
    <hr>
    การที่ปรับแสงให้เป็นแสงสลัว คงเป็นการทำให้ประสาทสัมผัสเราตื่นตัวด้วยส่วนนึง เพราะแสงไม่มืดมาก ที่จะทำให้หลับ (เดาเอานะ)
     
  11. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    รู้สึกดีครับ ที่คุณ TK รู้สึกดีขึ้น

    เรื่องมวยไทยนั้น นักข่าวมาถ่ายที่เมืองไทยหรือครับ อ่านแล้วรู้สึกหดหู่จัง

    สำหรับเรื่องที่พี่นักเขียนเสนอมา ก็เห็นว่าดีครับ จะได้มีแนวทางในการคุยด้วย
     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    คุณซิปไปหามาไวจริงๆ
    ดูแล้วเทคนิคนี้น่าสนุกมากกว่าไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยคิด
    ตอนที่เคยลองนั้นจะออกแนวว่าเห็นรูปแบบวิญญาณ(ผี)มากกว่าเรื่องภพชาติ
    ข้อมูลนี้คงยืนยันได้เลยนะครับ ว่ามีการทดลองแบบนี้และได้ผลมาแล้วจริงๆ
     
  13. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เคยได้ยินมาเหมือนคุณ Mead เหมือนกันครับว่าการทำแบบนี้จะทำให้เห็นผี เห็นว่ามีรายการนึงให้ผู้ชมจากทางบ้านมาลองทำด้วย มิติลี้ลับ หรือมิติพิศวงหว่า ที่มีคุณป๋องเป็นพิธีกรรายการ
     
  14. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยินดีค่ะที่น้องนาคาเตรียมเรือไว้ให้พี่ ๆ โลกมนุษย์ไปทัวร์ดูบั้งไฟกัน..
    เผื่อไปเจอพี่ ๆ น้อง ๆ ของน้องนาคาที่แม่น้ำโขง.. จะได้ทำความรู้จัก.. อิอิ..
    พี่ของจองไว้ 1 ที่นะจ๊ะ.. น้องนาคาผู้น่าร๊ากกก...
    (b-deejai)
     
  15. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ.. เพราะพวกเราจะได้คุยไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ไปกันคนละทิศละทาง..
    เหมือนกำลังเรียนหนังสือด้วยกันทาง Internet เลยค่ะ.. ขออนุญาติกลับไปรื้อตำราก่อนนะคะ..
    (b-flower)
     
  16. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    ดีครับพี่ๆทุกคน
    เรื่องการทดลองนี่ดูลึกลับพอๆกับ 10 วิธีเห็นผีเลยนะครับ
    เคยลองฝึกการจ้องแสงเปลวจากเทียนไข
    พยายามจดจ่อภาวะของเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่
    เคยลองทำดูแล้วมีคนบอกว่าหน้าตาเราน่ากลัว
    แต่เวลาทำรู้สึกเหมือนมีพลังจิตบางอย่างมาวนอยู่รอบตัวเรา
    มันดูวังเวงจนเดี๋ยวนี้เลิกทำแล้วครับ กลัวผี...

    ยินดีครับ พี่ ขจรวรรณ เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน ชอบนั่งหน้า หรือนั่งหลังก็เชิญเลือกตามสบายนะครับ

    TK the Naka
     
  17. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    อันนี้น่าคิดนะเนี่ย

    นอกจากนั้นแล้วความขัดแย้งจากการศึกษาจากศาสตร์หลายๆ สาขา บางที บางเรื่องนั้นอาจจะเพราะว่าเรายังไม่เข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องที่ศาสตร์นั้นว่ามา ก็อาจจะทำให้เราเข้าใจในสิ่งที่ศาสตร์นั้นๆ ต้องการสื่อมาผิดก็ได้ ทำให้เห็นเป็นผิดไป
     
  18. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    พวกวิธีเห็นผีต่างๆ นี่ไม่เคยลองเลย เดี๋ยวเกิดเห็นจริงๆ จะวิ่งไม่ทัน อิอิ
     
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงวิ่งไม่ออกแน่..คุณซิปฯ
    ตอนเจอในฝัน ร่างกายและขามันจะหนักมากๆก้าวไม่ออก เหมือนขาถูกล๊อค
    พอมาเรียนเรื่องจิตวิญญาณมากๆเข้าก็เริ่มรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
    เดี๋ยวนี้เริ่มคุ้นเคยไม่กลัวผีเท่าไหร่แล้ว ถ้ามาสวยๆก็พอรับได้
    มีแต่ถูกมนุษย์ด้วยกันหลอกเอาบ้างนิดหน่อย..คงคล้ายๆกันว่ามั๊ยครับ

    พอได้มาอ่านหนังสือของพี่นักเขียนเข้าไปด้วย...
    ความกลัวในเรื่องยากๆบางอย่างที่เคยคิดว่าทำไม่ได้ ตอนนี้แทบจะเลิกคิดไปแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าเราสามารถดึงเอา ความสามารถพิเศษ หรือ ประสบการณ์เฉพาะด้าน ออกมาใช้ไม่จำกัดทุกรูปแบบจากตัวตนในภพชาติต่างๆ กลับยิ่งสนุกขึ้น เลยพยายามค้นหาเอาสิ่งนั้นออกมาใช้ให้ได้..เช่น ถ้าเราจะแต่งเพลงเพราะๆ,ออกแบบวาดรูปให้สมจริง แก้ปัญหาด้านเทคนิคต่างๆแบบ ดร.อาจอง ชุมสาย ที่ออกแบบอุปกรณ์การลงจอดยานไวกิ้งบนผิวดาวอังคาร หากเราลองปลดปล่อยอารมณ์ให้ว่างๆ ตั้งจิตจอจ่อลงไปเรื่องนั้นๆแค่เสี้ยววินาทีหนึ่ง ก็อาจเพียงพอครับกับข้อมูลแบบน้ำล้น (ซิปไฟล์) ถ้ายิ่งเจอจุดประสานมิติ หรือสถานที่โบราญๆด้วย ก็ยิ่งดีครับ ตรงนี้ผมว่ามีประโยชน์มหาศาล และสิ่งนี้ได้จากพี่นักเขียนจริงๆครับ ขอบคุณอีกสักกี่ครั้งก็ไม่มีวันหมด..เรียกว่าได้ผลทั้งกายภาพ-และจิตวิญญาณควบคู่กันไปครับ

    ผมก็ยังฝึกหัดไปแบบเด็กๆเท่านั้นเองครับ..แต่เพียงเท่านี้ ก็ยังทำให้คิดงานออกมาออกแบบลื่นไหล ชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..เหมือนมุมมองการคิดมันเปลื่ยนไปด้วยน่ะครับ..

    เดี่ยวต้องไปคิดงานต่อแล้วครับพอดีแก้ปัญหายอดปิรามิดยังไม่ออก (ทำชัตเตอร์ปิดช่องแสง)..เป็นห้องนอนเตียงหมุนได้รอบทิศทาง ยอดเป็นปิรามิดกระจกสูญญากาศ เปิดรับแสงจันทร์ตามเพลงของพี่นักเขียน แต่ต้องกันแดดร้อนๆตอนกลางวันได้ด้วย แวะมาเล่าให้ก่อนเผื่อใครมี Idea จะช่วยคิด


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2007
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เคยไปดูบั้งไฟที่หนองคายครับ สีสว่างอมชมพูสวยงามมากคุณ TK the Naka
    มาชวนไปดูในมิติคู่ขนานอีก คงจะแปลกตากว่าทุกครั้งนะครับ
    ช่วงนี้เห็นคุณนาคาอารมณ์ดี๊ดีนะครับ
    น้องนกอย่ากินมากนะ เดิ๋ยวพรุ่งนี้ไปงานเจอพี่เม้าส์จะจำไม่ได้ อิอิ
    คุณขจรวรรณ กับคุณเฉลยคงได้พบกันครับที่งานสัปดาห์หนังสือนะครับ
    ทักทายเพื่อนๆหน่อยครับเดี๋ยวจะเข้าภวังค์แล้ว..อีกสัก 10 วันคงจะโล่งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...