ปาฏิหาริย์หลวงปู่ฝั้น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย วิปัศย์, 20 กันยายน 2012.

  1. วิปัศย์

    วิปัศย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +1,443
    [​IMG]


    “...ท่านอาจารย์ฝั้นนะกับเราจะมีอะไรเป็นพิเศษ รู้สึกว่าท่านจะเมตตาเป็นพิเศษเลย เจดีย์ของท่าน ๑๒ ล้านเราหาให้ทุกบาททุกสตางค์นะ เจดีย์วัดอุดมสมพร ๑๒ ล้านเราหาให้สร้างให้หมดทุกบาททุกสตางค์ เป็นเงิน ๑๒ ล้าน เหลือเงินอยู่ ๘ แสนเลยมอบให้วัดอุดมสมพร เพราะวัดนี้เป็นวัดที่รับเป็นรับตาย เศษเหลืออะไรก็ต้องมอบให้วัดนี้ เราเป็นคนสั่งเอง คณะกรรมการว่าอย่างไร ยอมรับหมด ๘ แสนเลยมอบให้ ๑๒ ล้าน สร้างเจดีย์ เศษเหลือเงินอยู่แปดแสนเลยให้ท่าน
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    สร้างเจดีย์ท่าน ๓ ปีไม่ขึ้น เราปัดแล้วตั้งแต่ต้นเพราะเราทำพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่นเป็นหน้าที่ของเราทำเอง ไม่มีใครมาบังคับ เราทำด้วยความสมัครใจ พอเสร็จแล้วทีนี้จะทำเจดีย์หลวงปู่ฝั้น เราก็บอกให้พระทำ เราไม่ทำแล้ว ฟาดอยู่ ๓ ปีไม่ขึ้น ประชุมกันทีไรเบาลงๆ คณะกรรมการมาประชุมห้าคนหมดหวัง ทีนี้ก็ท่านสุวัจน์เป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ฝั้น เลยตกลงกันกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจจังหวัดสกลนคร พร้อมทั้งพ่อค้าประชาชนประชุมกันเลยนะ แล้วจะทำอย่างไรกันนี่
    <o:p></o:p>
    คือ เราปัดแล้ว เราไม่เอาแล้ว ไปหาที่ไหนก็ไม่ได้ แล้วก็วกกลับมา เลยตัดสินใจกัน ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์มหาบัวไม่ขึ้น ใครก็ไม่ขึ้นๆ ก็ยกทัพมาหาเรา เต็มกุฏิแน่นหมดเลย พ่อค้าประชาชน ผู้มีเกียรติทั้งหลาย มีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจเป็นหัวหน้าไป ไปเล่าเรื่องสุดๆ สิ้นๆ ให้ฟัง
    <o:p></o:p>
    ‘เมื่อวานหรือวันไหนมีคณะกรรมการมาประชุมเพียง ๕ คน ปีที่ ๓ เรียกว่าหมดหวังแล้ว จึงได้มาประชุมกัน มาหาท่านอาจารย์ ถ้าไม่ได้ท่านอาจารย์ไม่สำเร็จ’
    <o:p></o:p>
    บอกอย่างนี้เลยนะ จึงได้พากันมา ‘มาขอความหวังจากท่านอาจารย์ เจดีย์ของท่านอาจารย์ฝั้นจะขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับท่านอาจารย์องค์เดียว’
    <o:p></o:p>
    ดูซิมันมาหายอ ผลสุดท้ายเราก็พิจารณามันก็ไม่ขึ้นจริงๆ เพราะ ๓ ปีแล้ว ตั้งคณะกรรมการคนไหนขึ้นเป็นประธานล้มเหลวๆ ถูกเตะถูกยันกัน วิ่งมาหาแต่เราๆ เราปัดๆ เราไม่เอา พอถึง ๓ ปีล่วงไปแล้วเห็นจะไปไม่ไหวเราก็เลยรับให้ พอรับเท่านั้นก็ขึ้นปึ๊บเลย เรียบร้อยมา
    <o:p></o:p>
    ท่านอาจารย์ฝั้นกับเรารู้สึกท่านเมตตาเรามากอยู่นะ อย่างลึกๆ ลับๆ ไม่มีใครทราบได้ ท่านอาจารย์ฝั้นท่านเสียอยู่ที่วัดอุดมสมพร เราอยู่วัดดงสีชมพู เราจะกลับมาอุดรวันนั้นกลับไม่ได้เลย นี่ละเรื่องธรรมแสดงปาฏิหาริย์ก็เหมือนกับกิเลสแสดง ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสเรียกว่าปลิ้นปล้อนหลอกลวงคดโกง อันนี้อุบายวิธีการของท่านอาจารย์ฝั้นก็เหมือนกัน
    <o:p></o:p>
    ตอนเช้าเราสั่งท่านทุย กลางคืนฝนตกทั้งคืน น้ำท่วมหมด รถเข้าออกไม่ได้เลยทำอย่างไร ท่านทุยก็วิ่งไปเลยไปหาพวกญาติโยมบ้านนาขาม ท่านไปสั่งเองนะ มันพลิกตาลปัตรอย่างนี้ละเรื่องธรรม ท่านทุยไปสั่งเขาพลิกปั๊บไปแบบนี้ ฟาดเสียจนตอนเที่ยงรถยังไม่มา พลิกไปพลิกมา อุบายวิธีการของท่านอาจารย์ฝั้นบังคับเอาไว้ มันมีอยู่อันหนึ่งว่าท่านเอียนมาฉันจังหันที่ตังล้งอุดร มาทราบข่าวท่านอาจารย์ฝั้นเสียที่สกลนครเมื่อคืนนี้ นั่นละรอข่าว เพราะอย่างนั้นเรื่องอะไรจึงยุ่งไปหมด ไปไม่ได้นะ นี่ละปาฏิหาริย์ เราได้ร้องโก้กเลย มันจะมีเรื่องนะวันนี้ ขึ้นสะเทือนใจสามหนแล้ว เราบอก
    <o:p></o:p>
    ‘ทำไมคนที่เราสั่งเสียมอบความไว้วางใจให้คือท่านทุย ท่านทุยเป็นหนึ่งเรื่องความจริงความจัง และรับจากเราด้วยความเคารพทำไมจึงไปเหลวไหล ท่านไปสั่งอย่างนี้เขาพลิกอย่างนี้ สั่งอย่างนี้เขาพลิกอย่างนี้ ไม่ใช่ท่านทุยพลิกนะ เขาพลิกเองอำนาจของท่านอาจารย์ฝั้น’
    <o:p></o:p>
    คือจะยังไม่ให้เราไป ให้เรารอยู่นั้น จนกระทั่งท่านเอียนไปบ่าย ๒ โมงกว่าแล้ว ท่านจึงไปจากอุดรบ้านตังล้ง จึงเอาเรื่องท่านอาจารย์ฝั้นเสียไปบอกเรา พอบอกเราแล้วรถมาแล้วติดเครื่องไม่ติด มันอัศจรรย์ไหมละกับฤทธิ์ของท่านอาจารย์ฝั้น เครื่องมันไม่ติดนะ ‘มันเป็นอย่างไรรถคันนี้ ก็มันดีๆ อยู่ แต่นี้เป็นอย่างไรไม่ทราบ’
    <o:p></o:p>
    (พอ)ติดเครื่องปุ๊บๆๆ ก็ดับพุบๆ สักเดี๋ยวท่านเอียนโผล่หน้ามา มาจากอุดร พอมาถึงปั๊บเรากำลังนั่งอยู่บนรถ ติดเครื่องเท่าไรรถก็ไม่ติด พอท่านเอียนวิ่งมาหาเรา เราก็จ้องคอยดู พอมาปั๊บบอกว่า ‘ท่านอาจารย์ฝั้นเสียแล้วแต่เมื่อคืนนี้ ๖ โมง ๕๐ นาที’
    <o:p></o:p>
    เราเลยไม่ลืม ‘เออเอาล่ะได้ความ (ไปวัดหลวงปู่ฝั้นเลย)’ ทีนี้รถไม่ต้องติดเครื่อง เหยียบคันเร่งไปได้เลย ก็ผึงเลย นั่นเห็นไหมปาฏิหาริย์ของท่าน (เวลา)ไม่ยอมให้ไปเดี๋ยวติดนั้นขัดนี้อยู่อย่างนั้นละ นี่ละอำนาจเมตตาธรรมของท่านอาจารย์ฝั้นเกี่ยวกับเรา (เพื่อ)จะให้เราไปนู้น ท่านไม่ยอมให้ไปอุดร พอทราบข่าวเท่านั้นละ (ทีนี้)ไม่มีเครื่องติดเลย เหยียบคันเร่งไปได้เลย ผึงไปวัดอุดมสมพรเลย พระเณรก็รอกันอยู่หมด รอเราคนเดียว เสร็จเรียบร้อยแล้วถึงได้กลับมาอุดร นี่ละเป็นอย่างนั้นละท่านอาจารย์ฝั้น อำนาจจิตของท่านรุนแรงมากนะ...”<o:p></o:p>


    โดย หลวงตาพระมหาบัว
    www.luangta.com
     
  2. amarpinky

    amarpinky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    423
    ค่าพลัง:
    +522
    น้อมสักการะหลวงปู่ฝั้นด้วยความเคราพอย่างสูง อนุโมทนาบุญกุศลด้วยค่ะ
     
  3. ปาวา

    ปาวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +5,946
    ระหว่างพรรษานั้น มีเรื่องอัศจรรย์ซึ่งบรรดาพระลูกศิษย์ชุดที่จำพรรษาอยู่ด้วยยังจำกันได้แม่นยำอยู่เรื่องหนึ่ง

    กล่าวคือ เวลาพระอาจารย์ฝั้นมีกิจธุระต้องเข้าไปในตัวเมือง หรือไปที่วัดป่าสุทธาวาสนั้น หากคิดระยะทางดูแล้วจะเห็นได้ว่า จะต้องเดินเท้าออกจากวัดไปเป็นระยะทาง ๑ กิโลเมตรเศษจึงจะถึงสี่แยกถนนใหญ่ และจากสี่แยกไปจนถึงตัวเมืองสกลนคร จะเป็นระยะทางอีกประมาณ ๖ กิโลเมตร บางครั้งท่านจะนำพระภิกษุสามเณรออกเดินทางด้วยเท้าไปจนถึงตัวเมืองเลยทีเดียว แต่ที่น่าอัศจรรย์มีอยู่ว่า บางครั้ง เมื่อเตรียมตัวจะออกจากวัดเพื่อเดินทาง ก็ได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งกระหึ่มอยู่บนถนนใหญ่ ซึ่งแน่ใจได้ว่าเป็นรถโดยสารที่วิ่งจากอุดรฯ จะเข้าสู่ตัวเมืองสกลนคร พอได้ยินเสียงรถ พระภิกษุที่จะร่วมเดินทางด้วยก็เรียนท่านว่า จะขอวิ่งออกไปก่อนเพื่อบอกให้รถหยุดรอตรงสี่แยก แต่ท่านจะบอกว่า ไม่ต้องหรอก วิ่งไปให้เหนื่อยเปล่า ๆ รถคันนั้นต้องหยุดรอเราแน่ ๆ จากนั้นท่านก็นำคณะออกเดินเท้าไปตามสบาย พอถึงสี่แยกก็พบรถโดยสารจอดรอเราอยู่แล้วจริง ๆ

    ปรากฏว่าเครื่องยนต์ดับ คนขับสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด

    พระอาจารย์ฝั้นได้สอบถามดูแล้ว ท่านก็บอกแก่คนขับรถโดยสารว่า เอาละ เครื่องดีแล้ว รีบไปกันเถอะ อาตมาขอโดยสารไปในตัวเมืองด้วย กล่าวจบท่านก็พาคณะก้าวขึ้นรถ คนขับลองสตาร์ทดูใหม่ ก็ปรากฏว่าเครื่องติดดังกระหึ่มขึ้นจริง ๆ ผู้คนในรถจึงพากันเอ่ยปากว่าแปลกแท้ และต่างมองหน้ากันเองด้วยความไม่เข้าใจ

    เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อาจมีใครทราบได้ว่า เกิดจากกระแสจิตอันแรงกล้าของพระอาจารย์ฝั้นหรืออย่างไร แต่พระภิกษุผู้เป็นศิษย์ของท่านรูปหนึ่ง ยังจำได้ถึงคำสั่งสอนของท่านเกี่ยวกับอำนาจจิตได้ดี กล่าวคือ ท่านเคยเทศน์ถึงความแก่กล้าของจิตว่า ก่อนจะทำต้องบำเพ็ญความเพียร ชำระกิเลสออกจากจิตให้หมดสิ้นไปเสียก่อน เมื่อขัดเกลาจนหมดจดได้แล้ว อำนาจของจิตย่อมเกิดขึ้นได้เอง เปรียบเช่นกับน้ำฝน เมื่อตกลงสู่เผ่นดินอันเต็มไปด้วยฝุ่นละออง น้ำฝนที่ใสก็กลายเป็นข้นขุ่น ยิ่งไปกวนเข้าก็ยิ่งขุ่นมากขึ้น ใครฉลาดตักใส่ภาชนะวางทิ้งไว้นิ่ง ๆ ความสกปรกก็จะตกตะกอน และน้ำนั้นก็จะใสขึ้นใหม่ สามารถใช้ดื่มกินได้ สภาพของจิตนั้นเดิมก็ใสสะอาด ปราศจากมลทินเป็นสิ่งที่มีอำนาจอยู่แล้ว แต่เมื่อเข้ามายึดถือในอัตภาพร่างกาย อันเต็มไปด้วยกิเลสต่าง ๆ จิตก็จะเศร้าหมองขุ่นมัว หากชำระให้หมดไปได้ จิตก็จะใสสะอาด มีพลังและมีอำนาจสามารถทำอะไร ๆ ได้ตามกำลังของจิต

    พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
     
  4. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ขอกราบแทบบาทพ่อแม่ครูอาจารย์ สาธุ สาธุ สาธุ อานุโมทามิ
     
  5. เสือทองแดง

    เสือทองแดง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +44
    ขอกราบท่านอาจารย์ฝั้น

    สาธุ สาธุ สาธุ
    จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมใสสะอาดและมีพลัง
    กราบ กราบ กราบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...