เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. oakpr

    oakpr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +264
    ไม่ต้องเกรงใจครับ

    ค่าจัดส่งจะอยู่ในรูปแบบของพัสดุภัณฑ์เก็บเงินปลายทางครับ ส่งทุกที่ แต่ต้องรบกวนช่วยค่าจัดส่งตามความเป็นจริงครับ ขอบคุณครับ
     
  2. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765

    ขอทิ้งตะขอเหมือนพี่meadด้วยล่ะกันจ้า
    แต่นกไว้ติดต่อผ่านพี่เฉลยก็ได้
    คุณzipperเก็บรูปสวยๆมาฝากพวกเราห้องวิทย์ด้วยนะ
    เสียดายพี่meadไม่ได้ไปเมื่อวาน
    วันนี้นกนอนยาวไม่ได้ตื่นไปทำงานเลย พลังหมดไงไม่รู้ นอนมากก็ปวดหัวนะเนี่ย
    ตอนนี้ฝนตกหนักมาก น่าเบื่อ ไม่ชอบเลยอ่ะ อยากให้มีฤดูใบไม้ผลิมากกว่า
    ตอนนี้ที่ว่าเหนื่อยคือเหนื่อยกะหมาที่บ้านอ่ะ เจ้าฟลุ๊คนี่แหล่ะมันแก่มากแล้ว
    มันเริ่มไม่รู้เรื่องล่ะ วันนึงขี้เป็น10รอบ แล้วนกต้องเลี้ยงไว้ในบ้านด้วย
    ปล่อยมันออกมาไม่ได้เดี๋ยวโดนหมาอื่นกัด แถมฉี่ใส่ประตูใส่โต๊ะมั่วไปหมด
    แม่ก็ไม่อยู่ นกเลยต้องตามเช็ดตามเก็บทั้งก่อนไปทำงานกลับมาก็ต้องจัดการ
    อย่างนี้แหล่ะทำไงได้เลี้ยงเค้าแล้วนี่นา เกิดมาเพื่อเรียนรู้กันและกัน (tm-love)
     
  3. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ธรรมชาติของชาติภพ บทที่ 2 แสวงหาผู้รู้-ผู้ตอบคำถาม
    ในหน้าที่ 7 ชื่ออาจารย์ โนวา อนาลัย แปลว่า " เสันทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา"
    คำว่าอิสระจากความปรารถนา ต่างกับอิสระแห่งความปรารถนาหรือปล่าครับ?
    หน้าที่ 7 บรรทัดที่ 12 "ฉันจึงเป็นอิสระจากความปราถรถนาที่จะอยู่รอด"
    ทำอย่างไรจึงจะเป็นอย่างอาจารย์อนาลัยได้ครับ? เพราะทุกวันนี้ยังต้องทำเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดอยู่เลยครับ
    ผมรักอาจารย์อนาลัยอย่างหมดใจครับ และพยายามที่จะไม่แสวงหาผู้รู้-ผู้ตอบคำถามอื่นๆ แต่เวลาเห็นหนังสืออื่นๆ ก็อดใจไม่ไหวที่จะต้องเอามาศึกษา อย่างนี้แสดงว่าผมไม่ได้รักอาจารย์ไม่เชื่ออาจารย์จริงๆใช่ไหมครับ?
    ขอบคุณอาจารย์ล่วงหน้าครับ
     
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เมื่อวานส่งใจไปครับ เสียดายที่ไม่ได้ไปครับน้องนก (เดี๋ยวงานทำไม่ทัน)
    เห็นว่าได้รับคริสตัสไอซีส (Isis) จากพี่เม้าส์มาด้วย
    อย่าลืมเอาไปไว้ใต้หมอนตามสูตรนะครับ..

    อ.ตาที่สาม เช็คกำลังภายในให้น้องนก พุ่งไกล 212 เมตร
    รัศมีออร่า 4.5 เมตร องค์ในพระสุรัสวดี
    งั้นมาเป็นเอเลี่ยนด้วยกันเลยครับ มีสมาชิกต่างดาวเพิ่มมาอีกหนึ่ง
    ไปงานนี้คงได้รู้จักเพื่อนๆทางด้านนี้หลายคน สนุกดีนะครับ

    เรื่องสุนัขที่เลี้ยงไว้ ถึงไงเค้าก็อยู่กับเรามานาน ดูแลเค้าให้ถึงที่สุดครับ
    ถ้าเค้าขอบคุณเราได้คงบอกนับครั้งไม่ถ้วนแล้วครับ
    (ถ้าเค้าพูดได้จริงๆน้องนกคงหงายหลังตึงแน่!)

    ไปคว้ารูปถ่ายมา
    รวดเร็วทันใจจริงๆครับพี่เม้า

    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2007
  5. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ง่ะพี่meadเอารูปมาโชว์ก็อายแย่เลย รูปบนไม่เท่าไหร่ รูปล่างอ่ะพุงปลิ้นเลย
    แหม พี่เม้าส์จะถ่ายรูปกันก็ไม่บอกจะได้แขม่วทัน 555
    ชวนนกไปเป็นเอเลี่ยนด้วยก็น่าสนใจนะพี่mead แต่อยู่ๆไปตัวจะเขียวหรือเปล่าอ่ะ อิอิ
    ส่วนเจ้าฟลุ๊คนี่ก็เหมือนพี่น้องกันเลย ขนาดมันเคยกัดปากนกเย็บไป7เข็มนะ
    นกยังไม่ตีมันซักแอะ หึหึ แอบกระทืบอย่างเดียว ผูกพันรักกันมากเลย
    ถึงตอนนี้จะต้องคอยดูแล ทำให้เราเหนื่อยก็เหอะ แต่เลี้ยงเค้าแล้วนี่เนอะ
    วันไหนถ้าฟลุ๊คพูดได้ นกจะพาไปออกงานภูเขาทอง อิอิ เร่เข้ามา หมาพูดได้ :555:
     
  6. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    [​IMG]
    เทวีไอซิส (Isis) ทรงประสูติในวันที่ 4 ที่เพิ่มเข้ามา ทรงเป็นเทวีที่มักได้รับความเคารพคู่กับเทพโอซีริส กล่าวกันว่าทั้งสองพระองค์ให้กำเนิดเทพฮอรัสโดยการรวมตัวกัน ในขณะที่เทพฮอรัสยังอยู่ในพระครรภ์หรือหลังจากเทพโอซีริสสิ้นพระชนม์แล้ว
    ในช่วงที่เทพโอซีริสยังอยู่ พระนางมีบทบาทเพียงช่วยพระสวามีในการสร้างอารยธรรมแก่มวลมนุษย์ เพราะพระนางคือเทวีแห่งมารดร หลังจากเทพโอซีริสวรรคตแล้วพระนางจึงมีบทบาทมากขึ้น ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับพระนาง เทพโอซีริสและพระโอรสอีกมากมาย
    สัญลักษณ์ของเทวีไอซิสมีหลายแบบ พระนางอาจเป็นมนุษย์ที่มีศีรษะเป็นวัว หรือมีดวงจันทร์สวมบนศีรษะ หรือสวมมงกุฎรูปดอกบัวและมีหูเป็นข้าวโพด หรือถือขาแพะ สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นรูปปั้นมักเป็นรูปพระมารดากำลังให้นมเทพเจ้าฮฮรัสอยู่ แสดงถึงการปกป้องเด็กๆจากโรคภัย บนศีรษะมีเขาสองเขาและมีวงสุริยะอยู่ตรงกลาง
    ตำนานไอซิส
    ตามความเชื่อของชาวไอยคุปต์ (อียิปต์โบราณ) ไอซิส (Isis) เป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นเทวีแห่งมารดา และเป็นเทวีแห่งการคุ้มครองเด็ก ไอซิส (Isis) เป็นธิดาของเทพแห่งโลก เคบ (Keb) และเทพธิดาแห่งท้องฟ้า นุต (Nut) รวมถึงเป็นภรรยาของเทพ โอซิริส เป็นมารดาของ โฮรุส
    ในแดนดินไอยคุปต์ โอซิริส (Osiris) เป็นผู้ปกครองที่เปี่ยมด้วยเมตตา และเป็นที่เคารพรักของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน จากการนำอารยธรรมทางการเกษตรมาสู่ไอยคุปต์ พระองค์ปล่อยให้ภรรยาไอซิส (Isis) ปกครองไอยคุปต์ชั่วคราว เนื่องจากต้องการเดินทางไปรอบโลกเพื่อเผยแพร่กฎหมายและวิชาความรู้ในการทำฟาร์ม
    เสต (Set) น้องชายของโอซิริส อิจฉาริษยาพี่ชาย และวางแผนกำจัด โดยเริ่มแอบวัดขนาดร่างกายของพี่ชายเพื่อสร้างโลงศพงดงามโอ่อ่าที่พอดีตัว โลงศพนี้อยู่ในรูปแบบของกล่องรูปทรงมนุษย์ จากนั้น เสต ได้จัดพิธีเฉลิมฉลองใหญ่โต โดยเชื้อเชิญโอซิริส และสมาชิกราชวงศ์และขุนนางทั้งหลายมาร่วมงาน จุดเด่นของงานคือ เสต ประกาศว่า เขาจะมอบโลกศพที่งดงามแก่ใครก็ตามที่มีขนาดร่างกายพอดีกับขนาดของมัน แขกทั้งหมดพยายามลองแต่ก็ไม่มีใครพอดี จนกระทั่งโอซิริสก้าวเข้าไปในโลกศพ ทันใดนั้น เสต ก็ปิดฝาโลงศพอย่างแรงก่อนปิดผนึกด้วยตะกั่วหลอมเหลว ซึ่งในไม่ช้าโลกศพปิดผนึกด้วยไม้ซีดาร์นี้ถูกนำไปทิ้งในลุ่มน้ำไนล์
    [​IMG]
    ไอซิส, โอซิริส, เซต
    ไอซิส เศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียสามี จึงออกค้นหาโลงศพทั่วไอยคุปต์ และนอกประเทศ จนกระทั่วไปถึงที่ ไบบลอส (Byblos) ใน เลบานอน (Lebanon) โดยรากมโหฬารของต้นตามาริสค์ห่อพันโลงศพเอาไว้ และกษัตริย์แห่งไบบลอสได้ตัดโค่นต้นไม้เพื่อไปติดตั้งเป็นเสาหินในห้องโถง ไอซิส ค้นหาร่างของสามีจนในที่สุดพบว่ามันอยู่ในเสาหินห้องโถงของกษัตริย์ ซึ่งก็ได้รับอนุญาตให้นำศพกลับสู่ไอยคุปต์เพื่อการฝังศพที่เหมาะสม และเพื่อความปลอดภัย ไอซิส จึงซ่อนไว้ในดินที่ต่ำชื้นข้างลุ่มน้ำไนล์ โดยไม่คาดคิด เสต เจอโลงศพเข้าโดยบังเอิญขณะออกไปล่าสัตว์ และโกรธแค้นมาก เขาจึงสับร่างกายของ โอซิริส เป็นชิ้นๆ และกระจัดกระจายทิ้งทั่วแผ่นดินไอยคุปต์
    ไอซิส ผู้น่าสงสารจึงเดินทางเพื่อค้นศพสามีอีกครั้ง แม้เป็นภาระหน้าที่อันยากยิ่งในเวลานั้น ทุกครั้งที่พบชิ้นส่วนหนึ่ง ไอซิส จะปั้นขี้ผึ้งจำลองส่วนนั้น และมอบให้แก่นักบวชท้องถิ่น โดยขอร้องให้นำไปวางไว้ในอารามเพื่อบวงสรวงจนกว่าความทรงจำของสามีจะกลับคืนมา
    ในที่สุด ไอซิส ก็สามารถค้นพบชิ้นส่วนทั้งหมด และทำพิธีกรรมประกอบใหม่โดยใช้เวทมนตร์และความช่วยเหลือจากเทพองค์อื่นๆวางชิ้นส่วนต่างๆของโอซิริสเข้าด้วยกัน รวมถึงเก็บรักษาร่างกายของเขาพันในผ้าลินิน ซึ่งเป็นการสร้างมัมมี่ตัวแรก ด้วยพลังอำนาจเวทมนตร์สามารถนำลมหายในแห่งชีวิตกลับสู่โอซิริสอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน ไอซิสก็ตั้งครรภ์โอรสโฮรุสอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งในเวลาต่อมา โฮรุส ผู้เยาว์วัยได้ต่อสู่กับ เสต อาของเขาเพื่อนล้างแค้นแทนบิดา
    โอซิริสจึงกลายเป็นผู้ปกครองโลกยมบาล ในขณะที่โฮรุสเป็นกษัตริย์แห่งการดำรงชีวิต และ เสตเป็นผู้ปกครองทะเลทราย เสมือนเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายและความวุ่นวาย
    ไอซิส (Isis) ได้รับความเคารพบูชาจากชาวไอยคุปต์ว่าเป็นเทวีที่มีความพยายาม อุตสาหะ เป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นเทวีแห่งมารดาและคุ้มครองเด็ก โดยจัดให้มีการบูชาไอซิสทั่วทั้งแผ่นดินไอยคุปต์ (อียิปต์โบราณ) และพิธีบูชาไอซิสสิ้นสุดลงเมื่อคริสต์ศตรวรรษที่ ๖

    --------------------------------------------------
    พอดีเข้าไปsearchหาคำว่าIsis อยากรู้เกี่ยวกับคริสตัลเพิ่มเติม
    ก็ไปเจอข้อมูลนี้เข้าพอดี รู้สึกว่าน่าสนใจความหมายของเทวีไอซิสก็คล้ายความหมายของคริสตัลเหมือนกัน
    ที่รู้ๆนกชอบเรื่องราวเกี่ยวกับอียิปต์มาก เจออย่างนี้ยิ่งน่าสนใจใหญ่เลย​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • isis_winged.jpg
      isis_winged.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.6 KB
      เปิดดู:
      60
    • osiris.jpg
      osiris.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46 KB
      เปิดดู:
      66
    • osiris_isis.jpg
      osiris_isis.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14 KB
      เปิดดู:
      55
    • isisosihorus.jpg
      isisosihorus.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.2 KB
      เปิดดู:
      55
  7. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    จะพยายามถ่ายรูปให้สวยเท่าที่จะสวยได้มาฝากกันนะครับ

    เมื่อคืนอ่านประวัติเวียดนาม ประวัติเมืองต่างๆ ที่ไปเที่ยว ทำให้เข้าใจขึ้นเยอะเลยว่า แต่ละเมืองที่ไปมีอะไรน่าสนใจบ้าง
     
  8. jaroen

    jaroen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +43
    ขอบุญ กุศลจงบังเกิดแก่ท่าน สาธุ

    ผมมีความสนใจในเรื่องของจิต ถ้าท่านทั้งหลายมีประสบการณ์อันมหัศจรรย์ แห่งจิต และสามารถ ใขความกระจ่างโปรดช่วยชี้แนะด้วยครับ
    ผมรู้ว่าผมไม่ได้เป็นแบบมนุษย์ สัตว์ ทั้งหลายทั่วไป ทั้งหมดโลกที่เราเห็น ทั้งสัตว์น้อยใหญ่ ต้นไม้ หรือสิ่งมีชีวิตไดๆ ในโลก ที่สามารถจับต้องได้ ผมเป็นจุดกลางของสิ่งเหล่านี้อยู่ ท่านไดมีความรู้สึกอย่างนี้บ้างครับ มันเป็นสิ่งที่รบกวนความรู้สึกมาตลอด ผมพยายามหาเหตุผลของความรู้สึกเหล่านั้นมาตลอด มันรบกวนจิตใจมาก ผมเกิดมา มาทำอะไร สักอย่าง แต่ยังไม่เจอ ท่านทั้งหลายมีแนวทางในการค้นหา เรื่องเหล่านี้หรือเปล่าครับ อย่าบอกนะครับ นะว่าคูณยังไม่เจอ แล้วผมจะเจอได้ไง
     
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความปรารถนา

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า จิตวิญญาณมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังเพื่อแสวงหาการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต จิตวิญญาณเป็นพลังงานที่บรรจุด้วยแนวโน้มและความเป็นไปได้อันหลากหลาย-เป็นอนันต์ ดังนั้นในแต่ละชาติภพ-จิตวิญญาณย่อมมาถือกำเนิดและดำเนินชีวิตเพื่อเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างกันไปอย่างเป็นเอกลักษณ์-ไม่ซ้ำแบบกัน บางชาติภพ-จิตวิญญาณดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ต่างขั้วกับอีกชาติภพหนึ่ง เช่น ชาติภพหนึ่งเผชิญกับความโกรธ-เกลียด-การกล่าวโทษ ในขณะเดียวกันอีกชาติภพหนึ่งก็ดำเนินชีวิตไปด้วยการเผชิญกับการเสียสละ-ความรัก-การให้อภัย ความเป็นไปที่แตกต่างเหล่านี้เป็นไปเพืิ่อช่วยให้จิตวิญญาณเรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้ง เพราะหากชาติภพหนึ่งๆเป็นไปเพียงทีละชาติภพเดียว ในขณะที่บุคคลเผชิญกับการเสียสละ-ความรัก-การให้อภัย เขาก็ไม่อาจรู้จักคุณค่าเหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้ง ต่อเมื่ออีกตัวตนหนึ่งของเขากำลังเผชิญกับสิ่งที่ตรงกันข้ามอยู่พร้อมกันเป็นปัจจุบัน เขาจึงจะเรียนรู้และตระหนักในคุณค่านั้นได้อย่างลึกซึ้ง

    การที่คุณ bassete พบว่าตนเองแตกต่างไปจากการเป็นบุคคลตัวตนในชาติภพอื่นๆ ก็เป็นไปตามธรรมชาติที่จิตวิญญาณได้เลือกที่จะมาถือกำเนิด คือเผชิญกับประสบการณ์ที่แตกต่างไปเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต จิตวิญญาณย่อมไม่เลือกที่จะเผชิญกับประสบการณ์ในทิศทางเดิมเพื่อเรียนรู้คุณค่าหนึ่งๆที่ได้เรียนรู้แล้ว หากมันได้เรียนรู้และค้นพบคุณภาพอันเป็นอมตะหนึ่งๆแล้วในชาติภพหนึ่งๆ จิตวิญญาณย่อมจะเลือกที่เผชิญกับประสบการณ์ที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เพื่อค้นให้พบคุณภาพอันเป็นอมตะใหม่ๆที่มันยังค้นไม่พบจากมุมมองและจุตยืนในชาติภพอื่นๆ

    หากอารมณ์และความรู้สึกลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของการเป็นบุคคลตัวตนของคุณ bassette ทำให้ตนเองตระหนักได้ว่า เรากำลังฝืนความรู้สึกของตนเองอยู่ อย่างน้อยที่สุดคุณ bassette ก็กำลังตระหนักได้ว่าความปรารถนาที่แท้จริงของตนเองคืออะไร แม้ว่าเราจะยังไม่ได้มี-ไม่ได้เป็น-ไม่ได้ทำสมความปรารถนา แต่การตระหนักได้ในความปรารถนาย่อมทำให้เราเกิดความเพียร เกิดแรงผลักดันที่จะได้-จะเป็น-จะทำให้บรรลุผลสำเร็จ

    คุณ bassette กล่าวว่า ตนเองรู้ข้อแม้ของจิตว่า ถ้าหากตนเองพังกำแพงที่ขวางกั้นการไขว่คว้าสิ่งที่ปรารถนาลงได้ ทุกอย่างจะกลับมา คุณ bassette ควรจะตระหนักอีกด้วยว่า คุณ bassette เป็นผู้สร้างกำแพงนั้นขึ้นด้วยความเชื่อของตนเอง

    ความเชื่อคือปัจจัยที่กำหนดว่า อะไรคือสิ่งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้สำหรับตัวเรา

    กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เราทั้งหลายต่างก็เป็นผู้เลือกโจทย์ชีวิตให้กับตนเองว่า ชาติภพนี้เราจะมาเผชิญกับปัญหาและความท้าทายใด เราเป็นผู้กำหนดแม้กระทั่งอุปสรรคทั้งหลายที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่ามันจะดูเสมือนว่าเป็นอุปสรรคที่มาจากผู้อื่น มาจากสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมภายนอกตัวตนของเรา เช่น หากเรากำลังเผชิญกับปัญหาสัมพันธภาพ กำลังเผชิญกับความขัดสน กำลังเผชิญกับปัญหาถูกคดโกงด้านการเงิน กำลังเผชิญกับความไม่จริงใจหรือหลอกลวง จิตวิญญาณของเราก็เป็นผู้เลือกประสบการณ์ชีวิตเหล่านี้ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเรียนรู้และค้นให้พบคุณภาพอันเป็นอมตะในตนเอง เช่นค้นให้พบความเพียรอันสูงส่งในตัวเรา ค้นให้พบความอดทน การให้อภัย การรักโดยปราศจากเงื่อนไข

    บุคคลตัวตนทั้งหมดที่เกี่ยวพันกับชีวิตของเรา ล้วนเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์กับเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นคนรักคนใกล้ตัว หรือเป็นศัตรูของเราก็ตาม ต่างก็ล้วนมาเกี่ยวพันกับชีวิตของเราด้วยการมีวัตถุประสงค์ร่วมกันคือ ค้นให้พบคุณภาพอันเป็นอมตะหนึ่งๆ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์ต่างขั้วกับเราก็ตาม เช่น เขาเป็นผู้ที่กำลังเอารัดเอาเปรียบ โกรธหรือเกลียดเรา และเราอาจอยู่ในสถานภาพผู้ที่กำลังถูกเอารัดเอาเปรียบ ต้องการการให้อภัยหรือต้องการความรัก วัตถุประสงค์ของเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากเรา เพราะแก่นแท้แล้วเป้าหมายของเขาก็คือ ต้องการได้รับความยุติธรรมในส่วนที่เขาคิดว่าเขาสมควรจะได้รับ ต้องการการให้อภัยแต่โกรธเพราะเขาคิดว่าเขาไม่ได้รับ เขาเกลียดเพราะต้องการความรักและไม่ได้รับความรัก เป็นต้น

    ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่า ประสบการณ์ชีวิตในปัจจุบันที่ดูเสมือนว่าเราไม่ได้มี-ไม่ได้เป็น-ไม่ได้ทำสมความปรารถนา จะเป็นสิ่งที่เมื่อเราเลือกมาก่อนหน้าที่ืจะมาถือกำเนิดในชาติภพนี้แล้ว เราไม่สามารถเลือกใหม่ คิดใหม่ ทำใหม่ได้ และต้องก้มหน้ารับปัญหาต่างๆที่ตนเองเลือกและยอมรับโจทย์ยากๆเหล่านี้โดยไม่รู้ว่าจะแก้โจทย์ได้อย่างไร

    ในทางตรงกันข้าม ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า เราสามารถพลิกผันชีวิตและทางเลือกทั้งหมดของเราได้ตามปรารถนาทุกเมื่อที่เราเปลี่ยนความเชื่อ เพราะเราทั้งหลายต่างก็ตั้งโจทย์ยากๆให้กับชีวิตในแต่ละชาติภพของเราด้วยความเชื่อที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นความรู้

    ยกตัวอย่างเช่น หากเราได้ตั้งโจทย์ชีวิตและต้องมาเผชิญกับการคดโกง การไม่ซื่อตรง การไร้น้ำใจของผู้ร่วมงาน เราพบว่าเรากำลังใช้ความอดทน ความเพียรและการให้อภัย แต่เราก็ไม่ได้ตกที่นั่งที่จะต้องก้มหน้ารับการกระทำในแง่ลบเหล่านี้ หากเราตระหนักได้ว่า ความเชื่อของเราสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของเรา เราก็สามารถพลิกผันประสบการณ์ชีวิตได้ด้วยการสำรวจความเชื่อของตนเองว่า เรากำลังเผชิญกับการคดโกง การไม่ซื่อตรง การไร้น้ำใจของผู้ร่วมงานด้วยเหตุผลใด ? เราอาจให้ความไว้วางใจเขาจนกระทั่งเราไม่ได้ให้ความไว้วางใจกับตนเองที่จะดูแลผลประโยชน์ในธุรกิจของตนเอง เมื่อเพื่อนร่วมงานรับหน้า-รับเครดิต-รับผลประโยชน์จากผลงานและหยาดเหงื่อของเรา มันอาจเกิดจากการที่เราไม่ได้หวังที่จะรับหน้า-รับเครดิต-รับผลประโยชน์ และเราลืมที่จะให้คุณค่ากับหยาดเหงื่อของตนเอง ทำให้ผู้ร่วมงานฉวยโอกาส เป็นต้น

    แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เรียกได้ว่า เป็นประสบการณ์ที่เกิดจากความเชื่อของเราโดยแท้ การพลิกผันสถานการณ์ทั้งหมดก็เป็นไปได้ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อ ตามตัวอย่างนี้เราจะสามารถพลิกผันสถานการณ์ดังกล่าวนี้ได้ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนความเชื่อและตระหนักว่า เราสามารถไว้วางใจผู้ร่วมงานได้ เพราะผลงานของเราเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ผู้ที่ไม่ได้สละเวลา ไม่ได้ใช้ความพากเพียรและหยาดเหงื่อของเขา ย่อมไม่สามารถรับเครดิตจากสิ่งที่ตนเองไม่ได้ลงมือทำด้วยตนเองได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะออกรับหรือนำผลงานของเราไปแอบอ้างอย่างไร มันก็กลายเป็นของเขาไปไม่ได้วันยังค่ำ และเราก็สมควรได้รับเครดิตและผลประโยชน์ที่คล้องจองกับหยาดเหงื่อของเราอย่างเป็นธรรม เพราะความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย

    ในนัยนี้กล่าวได้ว่า นอกจากความเชื่อที่ผิดของเราจะก่อเกิดจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ซึ่งมาถือบทบาทต่างขั้วแล้ว ยังทำให้บุคคลตัวตนของจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์มีภาวะจิตที่ตกต่ำไปตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราอีกด้วย หากเราตระหนักได้ในการพัฒนาอย่างเป็นระบบเครือข่ายของจิตวิญญาณ เราจะรู้ว่าถ้าเราสามารถพลิกผันความเชื่อ พลิกผันอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราให้เป็นไปในแง่บวกได้ นอกจากเราจะสามารถพลิกผันสถานการณ์ชึวิตได้แล้ว เรายังสามารถพลิกผันพฤติกรรมของจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ของเราได้อีกด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรามีอำนาจเหนือจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ของเรา เพราะเขาก็เป็นบุคคลตัวตนที่มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเขาเองเช่นกัน

    จากตัวอย่างที่พี่นักเขียนกำลังกล่าวถึงนี้ ผู้ร่วมงานซึ่งคือจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ของเรา ก็เป็นผู้ที่ต้องเรียนรู้ที่่จะซื่อตรง เรียนรู้การมีน้ำใจ และเรียนรู้ที่จะให้เกียรติในคุณค่าของผลงานและหยาดเหงื่อของผู้อื่น และเรียนรู้ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายด้วยเช่นกัน หากเขาไม่เรียนรู้ การเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ของเรากับเขาก็จบลง และความเชื่อใหม่ก็จะเหนี่ยวนำให้เราได้ผู้ร่วมงานใหม่ที่คล้องจองกับความเชื่อใหม่ของเรา

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่นักเขียนมีศาสดาจารย์ผู้สอนวิชาบริหารแรงงานจากเมืองไทยมาเยี่ยมเยียนถึง Kansas ท่านได้คุยเรื่องการบริหารธุรกิจ ท่านกล่าวว่าการพลิกผันสถานการณ์ของธุรกิจทำได้ด้วยการพลิกผัน demand ซึ่งทำให้ supply พลิกผันตามไปด้วยโดยปริยาย คำกล่าวของท่านทำให้พี่นักเขียนได้ข้อคิดทางจิตวิญญาณอีกแง่มุมหนึ่ง กล่าวคือ ชีวิตของเราทั้งหลายจะประสพความสำเร็จคือได้มี-ได้เป็น-ได้ทำสมความปรารถนาได้นั้น เราต้องสำรวจความเชื่อของตนเองว่า เรามี demand ที่คล้องจองกับความปรารถนาของเราหรือเปล่า ?

    หากเรามีแต่ความปรารถนาแต่เราไม่ได้มี demand ที่คล้องจอง supply ที่คล้องจองกับความปรารถนาก็จะมาสู่เราไม่ได้ ตามกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล การทำลายกำแพงทีี่คุณ bassete กล่าวถึงในนัยนี้จึงหมายถึงการกำจัด demand ที่ไม่คล้องจองกับความปรารถนาที่แท้จริง ค้นให้พบ demand ที่คล้องจองกับความปรารถนา และเปลี่ยนความเชื่อให้คล้องจองกับความปรารถนา

    ชั่วชีวิตการทำงานพี่นักเขียนได้ยินคนจำนวนมากกล่าวว่า คนรู้ไม่ได้ทำ-คนทำไม่ได้รู้ คนเป็นไม่ได้ทำ-คนทำไม่ได้เป็น คนคิดไม่ได้ทำ-คนทำไม่ได้คิด พี่นักเขียนเคยตั้งคำถามว่าคำกล่าวเหล่านี้เป็นความจริงหรือเป็นเพียงความเชื่อในทางที่ผิด มาวันนี้พี่นักเขียนเข้าใจว่าคำกล่าวเหล่านี้นอกจากจะเกิดจากความเชื่อในทางที่ผิดที่ขวางกั้นการได้มี-ได้เป็น-ได้ทำสมความปรารถนาแล้ว ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เราให้คุณค่าตนเองน้อยไปกว่าที่ควร หากเราคิดว่าเราคือผู้ที่รู้ ผู้ที่เป็น หรือผู้ที่คิดได้ แต่ถูกฉวยโอกาสไปหมด ย้อนกลับไปที่ข้อคิดเกี่ยวกับ demand กับ supply อีกหน พี่นักเขียนเชื่อว่าเราจะต้องเรียนรู้ที่จะมี demand ที่จะนำตนเองไปอยู่ ณ จุดที่เรารู้และทำ เป็นและทำ คิดและทำ เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่บอกว่าไปไม่ถือดวงดาว ตกที่นั่งลำบาก โชคร้าย ล้มเหลว ฯลฯ เพราะเขาไม่ได้ตระหนักว่าเขาได้แต่พูดว่ารู้ ได้แต่พูดว่าคิดเป็น ได้แต่พูดว่าทำเป็น แต่ไม่ได้ลงมือทำจนถึงที่สุด แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีผู้ที่กล้าที่จะคิดฝันและเชื่อว่า แม้ไม่รู้ แม้คิดไม่เป็น แม้ทำไม่เป็น แต่เขาก็กลับกล้าลงมือทำด้วยความเชื่อว่า ขอให้เขาได้ทำเถอะ แล้วเขาจะประสพผลสำเร็จ และความสำเร็จของพวกเขาก็มักจะมาจากการลงมือทำอย่างสุดความสามารถเสมอ

    มีคำกล่าวว่า เด็กๆมักไม่ประสพความล้มเหลว เพราะเขาไม่เคยกลัวว่าเขาไม่รู้ แต่เขากล้าทำ
    ส่วนผู้ใหญ่มักประสพความล้มเหลว เพราะมักกลัวว่าตนเองไม่รู้ แต่ยิ่งรู้ก็กลับยิ่งไม่กล้าทำ


    เมื่อเรากล่าวถึงความปรารถนา พวกเราจำนวนมากเรามักแยกแยะว่ามันเป็นแค่ความต้องการทางโลก และเป็นเพียงบทบาทในแต่ละชาติภพของเรา ซึ่งหากเปรียบบทบาททางโลกกับบทบาทของจิตวิญญาณแล้ว บทบาททางโลกเป็นเพียงละครมายา ความคิดเหล่านี้เป็นความไม่เข้าใจในธรรมชาติที่แท้จริงที่ว่า เราคือจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง เราจึงไม่ได้มีร่างกายที่แปลกแยกไปจากจิตวิญญาณ ความปรารถนาของร่างกายไม่ได้แปลกแยกไปจากความปรารถนาของจิตวิญญาณ จิตวิญญาณบรรลุเป้าหมายในการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตผ่านร่างกายเนื้อหนัง เพราะจิตวิญญาณไม่สามารถเป็นได้-มีได้-ทำได้ ในโลกทางกายภาพโดยปราศจากร่างกายเนื้อหนัง ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่มีค่ามีความหมายต่อความปรารถนาอันลุ่มลึกที่จะเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต จึงมีความหมายทั้งสำหรับร่างกายตัวตนอันเป็นเนื้อหนังและสำหรับจิตวิญญาณ เพราะในโลกทางกายภาพนี้ จิตวิญญาณและร่างกายเนื้อหนังเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแยกจากกันไม่ได้

    หากความปรารถนาของร่างกายเนื้อหนังปราศจากความหมายกับจิตวิญญาณ จิตวิญญาณก็ไม่จำเป็นต้องมาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง หากเราแยกความปรารถนาของจิตวิญญาณออกจากความปรารถนาของตัวตนอันเป็นร่างกายเนื้อหนัง ร่างกายเนื้อหนังก็ไม่ใช่ตัวตนที่จะเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตให้กับจิตวิญญาณได้

    คำกล่าวข้างบนนี้อาจทำให้คนจำนวนมากคิดต่อไปว่า หากเราดับความปรารถนาได้ จิตวิญญาณก็จะข้ามขั้นไปสู่การที่จะไม่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังได้อย่างฉับพลัน แต่ถ้าเรามัวจดจ่อกับความปรารถนาผ่านร่างกายเนื้อหนัง จิตวิญญาณก็คงมาถือกำเนิดเป็นร่างเนื้อหนังต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

    ความคิดและความเชื่อเหล่านี้จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อมันเป็นไปตามกฏเกณฑ์ที่อยู่ภายใต้ช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาเท่านั้น แต่จิตวิญญาณอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา การเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีึวิตตามความปรารถนาจึงเป็นไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า ความปรารถนาเป็นปัจจัยที่ทำให้จิตวิญญาณเป็นอมตะ หากปราศจากความปรารถนา จิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังจะปราศจากการแสวงหาการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต ทำให้การเรียนรู้และการพัฒนาเป็นไปไม่ได้ ซึ่งหมายความว่า ความปรารถนาเป็นธรรมชาติที่ไม่มีวันดับได้ แต่ความปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆจากการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต โดยเปลี่ยนแปลงจากความปรารถนาในระดับกายภาพ ไปสู่ระดับจินตภาพ และในที่สุดไปสู่ระดับจิตวิญญาณ

    ตามคำนิยามของมนุษย์กล่่าวได้ว่า:
    1. ความปรารถนาในระดับการภาพ เป็นความปรารถนาระดับต่ำ อันได้แก่ความปรารถนาเพื่อเติมเต็มในระดับกายภาพ เพื่อการอยู่รอด หรือเพื่อสนองความต้องการในระดับกายภาพ
    2. ความปรารถนาในระดับจินตภาพ เป็นความปรารถนาระดับสูงขึ้น อันได้แก่ความปรารถนาเพื่ิอเติมเต็มในระดับจินตภาพ เช่น ศิลปะ ดนตรี การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
    3. ความปรารถนาในระดับจิตวิญญาณ เป็นความปรารถนาระดับสูงสุด อันได้แก่ความปรารถนาในความรู้ ในภาวะที่เรายังมีร่างกายเนื้อหนังอยู่นี้ ความปรารถนาในระดับจิตวิญญาณของเราคือปรารถนาที่จะเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ หากปราศจากร่างกายเนื้อหนังแล้วเช่นท่านอาจารย์อนาลัย ท่านกล่าวว่าความปรารถนาของจิตวิญญาณก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเป็นอมตะแต่เป็นความปรารถนาในการรับและถ่ายทอดความรู้ ซึ่งจะดำเนินต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด

    ศาสนามักสอนให้เราดับความปรารถนา เพื่อการพัฒนาจิตวิญญาณ ซึ่งในข้อนี้พี่นักเขียนมองเห็นว่าเป้าหมายสูงสุดของศาสนาทั้งหลายไม่ได้ขัดแย้งกับคำสอนของท่านอาจารย์อนาลัยเลย เพราะท่านก็กล่าวเช่นนั้นว่าความปรารถนาระดับสูงสุด อันได้แก่ความปรารถนาของจิตวิญญาณ เป็นความปรารถนาในความรู้แต่เพีียงอย่างเดียว

    พี่นักเขียนเชื่อว่า คำสอนของท่านอาจารย์อนาลัย realistic ก็คือประเด็นที่ท่านกล่าวว่า ความปรารถนาจะแปลงสภาพไปก็ต่อเมื่อจิตวิญญาณได้เติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตจนบริบูรณ์แล้วในระดับหนึ่งๆ แม้แต่ในปัจจุบันนี้ท่านอาจารย์อนาลัยก็กล่่าวไว้ว่าง โลกมนุษย์ก้าวพ้นยุคสมัยที่เราต้องจดจ่อกับการอยู่รอดทางกายภาพไปแล้ว และเราสามารถหันมาจดจ่อกับความปรารถนาในระดับจิตวิญญาณ คือปรารถนาในความรู้ได้อย่างเต็มที่

    อย่างไรก็ตามการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตที่เป็นไปตามความปรารถนาในนัยนี้กล่าวได้ว่า จะเป็นไปอย่างก้าวกระโดดได้ยากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย กล่าวคือจิตวิญญาณที่ยังไม่ได้เติมเต็มความปรารถนาในระดับกายภาพจะก้าวกระโดดไปสู่การเติมเต็มในระดับจิตวิญญาณนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ความเป็นจริงนี้คงเป็นสิ่งที่เราทั้งหลายพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง-กับตนเอง และมีข้อพิสูจน์มากมายให้เราเห็นได้รอบตัว ซึ่งน่าจะทำให้เราตระหนักความวเป็นจริงนี้ได้ไม่มากก็น้อยว่า การเปลี่ยนการแต่งกายก็ดี การเปลี่ยนวิถีทางดำเนินชีวิตก็ดี ไม่สามารถเปลี่ยนระดับความปรารถนาของมนุษย์ได้ จนกว่าความปรารถนาในระดับหนึ่งๆจะเติมเต็มแล้ว

    ความขัดแย้งหรือข้อแม้ของจิต เป็นสิ่งที่เราทั้งหลายควรจะพิจารณาเพื่อให้เราตระหนักได้ว่า ความปรารถนาที่แท้จริงของเราในปัจจุบันนี้ อยู่ในระดับใด เราพร้อมแล้วหรือยังที่จะเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตด้วยความปรารถนาในระดับจิตวิญญาณ อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณ (rose)
     
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    fiber optic & Cable

    ราคาของ fiber optic cable ถูกลงเรื่อยๆค่ะ และอีกไม่นานก็คงจะสวนทางกับระบบไฟฟ้าระบบเก่า เช่นเดียวกับที่ digital technology เคยแพงเมื่อเทียบกับระบบ analog แล้วราคาก็ลดลงเรื่อยๆจนสวนทางกัน

    ในปัจจุบันนี้การใช้ fiber optic ในอเมริกาแทบจะไม่พูดถึงราคาเป็นสาระหลัก แต่ไปเน้นถึงการใช้แสงธรรมชาติที่นอกจากจะลดค่าไฟ ลดมลพิษแล้ว ยังทำให้วงการต่างๆที่จำเป็นต้องพึ่งแสงไฟอย่างมากไม่ต้องเสี่ยงกับภาวะที่ขาดไฟฟ้า เช่น วงการแพทย์ ห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลหันมาใช้แสงจาก fiber optic กันมาก และอาศัย generator เฉพาะกลางคืนหากขาดไฟฟ้าตามปกติ ขนาดหรือจำนวนของ cable กับปริมาณแสงยังคงเป็นอย่างคุณ zip ว่า แต่เทคโนโลยีก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและไม่หยุดยั้ง ทุกวันนี้ของเด็กเล่นที่เป็น fiber optic ก็ออกมาเกลื่อนกลาด ทำให้เห็นแนวโน้มว่ามันกำลังมีราคาลดลงเรื่อยๆค่ะ ตามบ้านในอเมริกาก็ใช้ระบบนี้กันมากขึ้น หากเทียบกับราคาของการเจาะช่องแสงและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าตามปกติ บางกรณี fiber optic ก็ถูกกว่าระบบธรรมดาแล้วค่ะ แต่บ้านเราคงจะยังแพงเพราะต้องนำเข้า แต่ก็อาจจะถูกลงหากการผลิตย้ายฐานไปทางประเทศจีน หรือ เมืองไทย ?

    Bon Voyage ค่ะคุณ zip (rose)
     
  11. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    จิตวิญญาณคือพลังงาน พลังงานคือจิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณคือพลังงาน พลังงานคือจิตวิญญาณ
    จิตวิญญาณคือข้อมูล ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด


    หากเราสามารถเข้าใจได้ถึงความหมายที่แท้จริงของจิตวิญญาณ โดยตัดเอาความเป็นบุคคลตัวตนออกไปได้อย่างสิ้นเชิง เราจะเข้าใจได้ว่า ไม่ว่าจิตวิญญาณจะสถิตย์อยู่ในสิ่งใด มีรูปกายหรือปราศจากรูปกาย จิตวิญญาณก็มีคุณสมบัติเสมอเหมือนกับต้นกำเนิดด้วยกันทั้งหมด

    ดังนั้นจะกล่าวว่าพวกเรา ผู้เป็นหน่วยย่อยของจิตวิญญาณที่แตกแยกเป็นบุคคลตัวตนพร้อมด้วยร่างกายเนื้อหนัง เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณรวมที่ปราศจากการเป็นบุคคลตัวตน ปราศจากการเป็นร่างกายเนื้อหนัง แต่เป็นองค์ความรู้หมวดที่เป็นเส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนาในระดับกายภาพและจินตภาพ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นอิสระจากความปรารถนาในระดับจิตวิญญาณก็ไม่ผิดค่ะ

    พี่นักเขียนเข้าใจดีว่า การที่พวกเราจะนึกคิดว่า ท่านอาจารย์อนาลัยไม่ใช่บุคคลนั้นเป็นของยาก เพราะการเป็นมนุษย์ผู้มีร่างกายเนื้อหนังพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะทำให้เราเข้าใจแทบไม่ได้ว่า การถ่ายทอดข้อมูลความรู้จะเป็นไปได้อย่างไรโดยปราศจากใคร หรือตัวตนใดๆ

    พี่นักเขียนเองก็ต้องเริ่มต้นรับและถ่ายทอดข้อมูลมาจากองค์ความรู้ที่พี่นักเขียนเรียกว่าเป็นหมวดความรู้ที่เป็น เส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา ด้วยการเผชิญกับบุคคลตัวตนมาก่อน หลายรูปกาย หลายบุคคลตัวตน ตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้องจองกับข้อมูลความรู้ที่ตนเองได้รับ มิฉะนั้นการรับและถ่ายทอดในชั้นแรกจะเป็นไปไม่ได้ และพี่นักเขียนก็จำเป็นต้องตั้งชื่อหรือเรียกชื่อที่มาของข้อมูลความรู้ไปตามหมวดความรู้นั้นๆ โดยให้ชื่อหรือเรียกชื่อองค์ความรู้นี้ว่า โนวา อนาลัย เมื่อรับข้อมูลความรู้ที่ตนเห็นว่ามีค่า มีความสูงส่งด้วยปัญญา พี่นักเขียนก็เห็นองค์ความรู้นี้ว่ามาจากครูบาอาจารย์ผู้ปราศจากร่างกายตัวตน การสือสารทั้งหมดเป็นไปแบบฉับพลันคือ เรียกได้ว่าไม่มีเวลามาทบทวนไตร่ตรองตั้งชื่อ แต่ได้ชื่อเสียงเรียงนามของท่านมาตามความหมายที่คล้องจองกับองค์ความรู้ แต่เมื่อองค์ความรู้นี้มีชื่อ ก็ทำให้พวกเราหลายคนติดกับความคิดเดิมๆต่อไปคือ เมื่อมีชื่อก็น่าจะมีตัวตน เมื่อมีตัวตนก็น่าจะเป็นบุคคล

    แต่ตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้วแม้ปราศจากชื่อ ปราศจากร่างกายตัวตน ปราศจากการเป็นบุคคล จิตวิญญาณซึ่งคือ ข้อมูล ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด กลับมีบุคลิกภาพมากมายไปกว่าจิตวิญญาณที่มีชื่อ มีร่างกายตัวตน และยังเป็นบุคคลเสียอีก เพราะจิตวิญญาณบันทึกบุคลิกภาพซึ่งเป็นคุณภาพอันเป็นอมตะไว้มากมายจากหลายชาติภพ ผู้ที่อ่านหนังสือชุดนี้อาจสัมผัสกับบุคลิกภาพที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาและอารมณ์รัก อันเป็นความรักที่ปราศจากเงื่อนไข เพราะบุคลิกภาพของจิตวิญญาณของท่านอาจารย์อนาลัยไม่ได้เป็นบุคลิกภาพในระดับกายภาพ แต่เป็นบุคลิกภาพที่ท่านเรียกว่าเป็นคุณภาพอันเป็นอมตะ หรือเรียกอีกนัยหนึ่งได้ว่า เป็นบุคลิกภาพอันเกิดจากอารมณ์และความรู้สึกลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ที่ท่านมีมาหลายชาติภพ จนกลายเป็นคุณภาพอันเป็นอมตะที่เป็นท่าน

    คุณหนู Mila ได้เขียนเขียน e-mail มาถึงพี่นักเขียนและเล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงภายใน ในความฝัน ที่ฟังเสมือนเสียงบรรยายสารคดี และสอนหรือถ่ายทอดข้อมูลความรู้ให้คุณหนู Mila :
    คืนหนึ่งหนูฝันเห็นตู้ไม้ ค่อยๆเปิดออก
    แต่ข้างในเป็นแสงสีทองจ้า
    พร้อมกับเสียงราบเรียบเป็นจังหวะ แบบสารคดี แบบที่หนูได้ยินประจำในฝัน
    สั้นๆ ว่า "แม้มนุษย์จะหนีธรรมชาติเท่าไหร่ แต่ธรรมชาติก็ยังพยายามเข้าหามนุษย์"
    อาจไม่ถูกเป๊ะ แต่ก็ประมาณนี้ค่ะ
    แถมยังเห็นในป่ามีคนป่า การใช้ชีวิตของคนในป่า และอีกเยอะแยะเลย
    ทุกฉากก็มีเสียงอธิบายตลอด


    เสียงบรรยายสารคดี ที่หนู Mila กล่าวถึงนั้น เรียกได้ว่าคล้องจองกับภาวะที่พี่นักเขียนได้ยินเสียงภายในที่พี่นักเขียนเรียกว่า"ท่านอาจารย์อนาลัย"เป็นอันมาก เพราะเสียงบรรยายสารคดี เป็นเสียงหรือข้อมูลความรู้ที่มีแต่เนื้อ-มีแต่สาระสำคัญ-ไม่มีน้ำ และเป็นการรับข้อมูลความรู้จากภายในที่เป็นไปในความฝันของเราทุกคน หากเราตระหนักได้ว่าการรับและถ่ายทอดข้อมูลความรู้เหล่านี้มีจริง เป็นไปจริงเสมอ เราจะมีสติสัมปชัญญะที่จดจ่อและติดตามรู้เห็นได้ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าหากเราไม่ได้ตระหนักว่าการรับและถ่ายทอดข้อมูลความรู้เหล่านี้มีจริง เป็นไปจริงเสมอ เราก็มักจะมองข้ามไป ปล่อยให้ข้อมูลความรู้เหล่านี้ผ่านไป เมื่อตื่นขึ้นเราก็จดจำไม่ได้ (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2007
  12. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ตอบคำถาม โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพ หน้า 4-5

    หากความเชื่อใดได้เปลี่่่ยนเป็นความรู้แล้ว เราจะเกิดอีกกี่ชาติภพเราก็ไม่ลืมความรู้นั้น
    คำกล่าวนี้ถูกต้องก็ต่อเมื่อมันเป็นไปตามเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้น

    แต่ตามธรรมชาติความเป็นจริงแล้ว อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่เป็นอยู่ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน ดังนั้นคำว่าชาติภพแรกจึงปราศจากความหมาย แต่หากกล่่าวว่า ชาติภพหนึ่งๆจิตวิญญาณพัฒนาน้อยกว่า อีกชาติภพหนึ่งๆจิตวิญญาณพัฒนาไปไกลกว่า-ก็ถูกต้องกว่า เพราะไม่ได้เป็นไปตามเส้นทางแห่งกาลเวลาและพัฒนาการของจิตวิญญาณก็เป็นไปอย่างเป็นระบบเครือข่าย จะขาดหน่วยที่ด้อยพัฒนาก็ไม่ได้ จะขาดหน่วยที่กำลังพัฒนาก็ไม่ได้ และจะขาดหน่วยที่พัฒนาไปถึงจุดสูงสุดแล้วก็ไม่ได้ เพราะทุกหน่วยประสานกันและเกื้อกูลกันเป็นภาพรวม เสมือนต้นไม้ต้องมีทั้งราก ลำต้นและใบ จะเรียกว่ารากต่ำต้อยกว่าลำต้นและใบ รากก็สำคัญต่อพัฒนาการของลำต้นและใบ ไม่น้อยไปกว่าที่ลำต้นและใบสำคัญต่อราก

    จิตวิญญาณไม่เคยลืมเลือนความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติความเป็นจริง แต่ถ้าจะกล่าวตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก กล่าวได้ว่า เมื่อจิตวิญญาณมาถือกำเนิดในโลกทางกายภาพ หรือโลกมนุษย์ใหม่ๆ จิตวิญญาณมีความรู้เดิมทั้งหมดคือจดจ่อได้ทั้งอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติได้พร้อมกันหมด ทำให้จิตวิญญาณรู้เห็นธรรมชาติความเป็นจริงได้ แต่ความรู้ในระดับจิตวิญญาณทำให้มันจดจ่อกับโลกทางกายภาพไม่ได้ จิตวิญญาณจึงพยายามปรับสภาพด้วยการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อมาสู่ภาวะทางกายภาพมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำให้มันสามารถอยู่รอดในโลกทางกายภาพได้ คือจดจ่อกับเพียงปัจจุบันเพื่อการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมอย่างฉับพลัน ตัดการรู้เห็นอดีตและอนาคต และโลกแห่งความเป็นจริงมิติอื่นๆออกไป และตัดความปรารถนาในระดับจินตภาพและจิตวิญญาณออกไป เพื่อ ะจดจ่อกับความปรารถนาในระดับกายภาพแต่เพียงอย่างเดียว ทำให้รูปกายของมันอยู่รอดได้

    แต่มนุษย์โลกก็พัฒนามาเรื่อยๆตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก จนกล่าวได้ว่าเราได้มาถึงยุคสมัยที่เราไม่จำเป็นต้องจดจ่อกับภาวะทางกายภาพ และความปรารถนาในระดับกายภาพแต่เพียงอย่างเดียวเพื่อการอยู่รอดอีกต่อไปแล้ว เราสามารถกลับคืนสู่ภาวะตามธรรมชาติของจิตวิญญาณได้ คือสามารถจดจ่อได้กับทั้งอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตและโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติได้พร้อมกันหมด เพื่อรู้เห็นธรรมชาติความเป็นจริงได้อย่างที่เคยเป็น และจดจ่อกับความปรารถนาอันเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณ ซึ่งคือความปรารถนาในความรู้ได้ตามธรรมชาติ

    แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะจิตวิญญาณที่เคยชินกับการจดจ่อกับภาวะทางกายภาพเพื่อการอยู่รอดมายาวนานในร่างกายเนื้อหนัง กลับยึดติดกับภาวะทางกายภาพ คือเห็นคุณค่าของเงินและวัตถุธาตุและความปรารถนาในระดับกายภาพจนเกินเหตุ

    จิตวิญญาณในร่างกายเนื้อหนังเหล่านี้ จะให้ความสำคัญกับเงิน-วัตถุธาตุและความปรารถนาในระดับการภาพมากกว่าความรู้เสมอ พวกเขาลืมเลือนเป้าหมายดั้งเดิมก่อนหน้าที่เขาจะมาถือกำเนิดในโลกมนุษย์ เพียงเพราะการยึดติดที่จะทุ่มเทกับการได้มาซึ่งเงิน-วัตถุธาตุและสนองความปรารถนาทางกายภาพมากกว่าการทุ่มเทเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ (rose)
     
  13. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ผู้รู้-ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายใน

    อิสระจากความปรารถนา แตกต่างจาก อิสระแห่งความปรารถนา โดยสิ้นเชิง

    ชื่ออาจารย์ โนวา อนาลัย แปลว่า " เสันทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา"
    เพราะท่านเป็นจิตวิญญาณที่ปราศจากร่างกายเนื้อหนัง
    ปราศจากความปรารถนาในระดับการภาพ ปราศจากความปรารถนาในระดับจินตภาพ
    เหลือแต่ความปรารถนาในระดับจิตวิญญาณอันได้แก่ความรู้เท่านั้น ซึ่งเป็นความปรารถนาอันเป็นอมตะที่จะคงอยู่กับจิตวิญญาณตลอดไป

    เราทั้งหลายยังไม่เป็นอิสระจากความปรารถนา เพราะเรายังต้องการแสวงหาการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต ตราบใดที่ช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของเรายังไม่เติมเต็ม เราก็ยังคงเต็มไปด้วยความปรารถนามากมาย ท่านอาจารย์อนาลัยได้ถ่ายทอดข้อมูลความรู้ให้เราในหนังสือ อิสระแห่งความปรารถนา เพราะท่านตระหนักดีว่าจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังเช่นเราทั้งหลาย ยังกระหายการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต พูดง่ายๆได้ว่าเรายังอยากมี-อยากเป็น-อยากทำอีกมากมาย และท่านก็สนับสนุนให้เราได้มี-ได้เป็น-ได้ทำให้สุดความสามารถในชาติภพนี้ เพราะท่านกล่าวว่าจิตวิญญาณสามารถเรียนรู้ได้มากมาย หรือเรียนลัดที่จะมีได้-เป็นได้-ทำได้อย่างอิสระ ด้วยการตระหนักได้ว่าพลังอำนาจทั้งหมดที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้อยู่ที่ความเชื่อของเราเอง และเป็นอำนาจแห่งปัจจุบัน

    เราทั้งหลายพ้นภาวะของการจดจ่อเพื่อการอยู่รอดทางกายภาพมายาวไกลแล้ว หากเปรียบเทียบกับมนุษย์โบราณที่ผจญกับภัยธรรมชาติมากมาย แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังเรียกการเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจ-สังคม ฯลฯ ว่าการเผชิญกับภาวะของการอยู่รอดอีกอยู่ดี ซึ่งท่านอาจารย์อนาลัยก็ไม่ได้สอนให้เราหันหลังให้โลกหรือสังคมโลก แต่กลับสอนว่าเราจะดำเนินชีวิตและเติมเต็มให้ตนเองมีได้-เป็นได้-ทำได้อย่างอิสระสมความปรารถนาได้อย่างไร

    เราทั้งหลายมักจะมองเห็นได้ยากว่า การเติมเต็มช่องว่างประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของเราแต่ละคนนั้นแตกต่างกันมาก เพราะเราต่างก็มีมาตรฐานตามความเชื่อและมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ มาตรวัดของการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของเราแต่ละคน-แต่ละชาติภพ-ห่างไกลหรือแตกต่างกันลิบลับ บางคนพอใจกับชีวิตที่เรียบง่ายและรู้สึกอิ่มกับชีวิตนั้นๆ ในขณะที่บางคนพอใจกับชีวิตที่ท้าทายผาดโผนหรือเดินทางกว้างไกล แต่เราจะเปรียบเทียบว่าชีวิตที่เรียบง่ายนั้นเป็นชีวิตที่ไม่ได้เติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์หรือคุณค่าก็ไม่ได้ เพราะมาตรวัดนั้นอยู่ที่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของแต่ละบุคคล และการเติมเต็มนั้นๆก็อยู่ที่ภาวะแห่งอารมณ์ของจิตวิญญาณ ซึ่งอิ่มและพอใจกับความรู้ พอใจคุณภาพอันเป็นอมตะบางอย่างที่ได้รับจากประสบการณ์ชีวิตนั้นๆ

    คุณเฉลยจะแสวงหาความรู้ต่อไปอีกมากมายเพียงใด ก็เป็นไปตามความปรารถนาอันลุ่มลึกของจิตวิญญาณอยู่เสมอค่ะ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการแสวงหาความรู้ทั้งหลายจะหมายถึงการแสวงหาผู้รู้-ผู้ตอบคำถามเสมอไป เพราะผู้รู้-ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายนอกตัวตนของเรานั้น-ไม่มี แม้พี่นักเขียนจะรวบรวมข้อมูลความรู้จากท่านอาจารย์อนาลัย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผู้รู้-ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายในของพี่นักเขียนมาถ่ายทอดเป็นหนังสือให้พวกเราได้อ่านกัน แต่เราแต่ละคนก็จะยังคงต้องแสวงหาผู้รู้-ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายในของเราแต่ละคนต่อไปให้พบ

    พี่นักเขียนมาสู่ห้องวิทย์ฯในฐานะนักเขียนผู้ทำหน้าที่ล่ามและเลขา ผู้ทำหน้าที่สื่อสารกับท่านอาจารย์อนาลัย ซึ่งก็คือผู้รู้-ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายในของพี่นักเขียน ซึ่งพวกเราแต่ละคนต่างก็ต้องใช้วิจารณญาณของตนเองว่า การทำหน้าที่ของพี่นักเขียนทำให้พวกเราเข้าถึงผู้รู้-ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายในของเราหรือไม่ แม้ว่าพวกเราจะคิดว่าได้ข้อมูลความรู้จากการอ่านหนังสือ ไม่ได้ยิน ไม่ได้สัมผัสกับจิตวิญญาณที่ีบางคนเรียกว่า Guru ไร้รูปอย่างที่พี่นักเขียนสัมผัสกับท่านอาจารย์อนาลัย

    แต่พี่นักเขียนก็ขอย้ำว่า หากพวกเราเข้าถึงสาระของหนังสือ เชื่อถือข้อมูลความรู้เหล่านี้ รับรู้ และเข้าใจ หรือรู้สึกรักความรู้เหล่านี้ได้อย่างหมดใจ ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเราได้พบผู้รู้-ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายนอกหรืออยู่ในหนังสือ แต่เราต่างก็พบผู้รู้-ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายในที่ตรงกันกับหนังสือ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า-ข้อมูลความรู้ที่ปรากฏในหนังสือกระตุ้นข้อมูลความรู้ในจิตวิญญาณของเรา หรือกระตุ้นผู้รู้-ผู้ตอบคำถามที่อยู่ภายในของเราแต่ละคนก็คงไม่ผิด

    หนังสืออื่นๆก็อาจแฝงพลังของผู้รู้-ที่ดึงดูดผู้ใฝ่รู้ได้เช่นเดียวกันค่ะ คุณเฉลยเป็นผู้ใฝ่รู้ ย่อมสัมผัสกับพลังดึงดูดของผู้รู้ที่ปรารถนาจะถ่ายทอดให้เสมออย่างแน่นอนที่สุด ตามกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2007
  14. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับรูปกาย

    (bb-flower ยินดีต้อนรับคุณ jaroen สู่ห้องวิทย์ฯค่ะ(bb-flower

    ไม่ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายจะถือกำเนิดเป็นอะไร สรรพสิ่งทั้งหลายมีแก่นแท้ที่เสมอเหมือนกับต้นกำเนิดซึ่งก็คือจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานที่เต็มไปด้วยข้อมูลความรู้-ความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด พร้อมด้วยแนวโน้มอันมีความเป็นไปได้หลากหลาย-เป็นอนันต์

    เราทั้งหลายกำหนดการเป็นบุคคลตัวตนหรือตระหนักในภาวะความเป็นไปของเราได้ด้วยสติสัมปชัญญะ
    สติสัมปชัญญะคือการจดจ่ออันคมชัดของจิตวิญญาณ หากจะหาความหมายในความเป็นไปใดๆของตัวตนของเรา ของสภาพแวดล้อมภายนอก-ภายใน ของสภาวะจิต เราก็ต้องอาศัยสติสัมปชัญญะเพื่อการรู้เห็นความเป็นไปนั้น ทำให้เราตระหนักได้ว่า เราคืออะไร เรากำลังทำอะไร เรากำลังเป็นอย่างไร หากปราศจากสติสัมปชัญญะที่คมชัด หรือหมดสติ เราก็ตกอยู่ในสภาพที่เราเรียกว่าไม่รู้ ไม่เห็น หรือจำไม่ได้

    พี่นักเขียนขอคัดลอกบทความจากหนังสือ ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะมาให้คุณ jaroen ลองนำไปพิจารณาดู

    --------------------------
    ตามความเป็นจริงแล้วจิตวิญญาณซึ่งมาถือกำเนิดในร่างกายตัวตนทางกายภาพของเธอพร้อมด้วยบุคลิกภาพไม่มีการแบ่งแยก แต่เพื่อทำให้เธอเข้าใจได้ง่ายขึ้น ฉันจะแบ่งแยกสติสัมปชัญญะของเธอออกเป็นสามส่วนตามหน้าที่ของมัน:

    ๑. สติสัมปชัญญะส่วนที่จดจ่อกับโลกภายใน
    สติสัมปชัญญะส่วนแรกนี้จดจ่อกับโลกภายในและ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2007
  15. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    คุณ mead กำลังภายในนี่หมายถึงอะไรหรือครับเหมือนหนังจีนมั๊ย ใช่พลังความสามารถของมนุษย์มั๊ย อาจารย์ท่านใช้เครื่องมืออะไรวัดหรือครับ ละเอียดเป็น เมตรเลยหรือ ก็น่าสนใจครับ ถ้าเป็นพลังความสามารถของมนุษย์ก็ถือว่าน้อยจัง เพราะพลังของคนเรามากกว่าจรวดที่พุ่งออกนอกโลกเราอีก สามารถไปถึงจักรวาลอันไกลโพ้นได้ เราสามารถไปถึงหลุมดำได้ หรือผมเข้าใจผิดว่าคนละพลังกัน
    และแสงออร่า เป็นยังไงครับ(ชื่อเหมือนน้ำแร่เลย) ใช้ประโยชน์อะไรบ้างครับ
     
  16. ronnie07

    ronnie07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +193
    (b-wow)

    หวัดดีครับเพื่อนๆพี่น้องจิตวิญญาณทั้งหลาย ผมบินไปบินมาอยู่แถวนี้มาหลายวันแล้ว วันนี้เข้ามาทักทายเฉยๆ[b-hi]
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติครับ มีผู้รู้ท่านนึงมาบอกกล่าวให้ในขณะนั้นโดยรวมๆคือคนทั่วไปที่จิตไม่ได้รับฝึกฝนจะพุ่งไปไกลเพียง 20-50 เมตรเท่านั้น ส่วนคนที่จิตสมดุลจะพุ่งไปไกล 200-500 เมตร แต่มันก็เปลื่ยนแปลงขึ้นๆลงๆได้เสมอสัมพันธ์กับพลังจิต ท่านน่าจะรับข้อมูลมาจากจิตวิญญาณระดับสูง ส่วนตัวผมรับฟังไว้ไม่ได้ไปยึดติดอะไรกับตรงนี้ครับ..เพราะเชื่อว่าพลังจิตที่บริสุทธ์ของแต่ละคนมีความเป็นธรรรมชาติเท่าเทียมกัน..เพียงแต่ยังขัดเกลาให้ผ่องใสได้ไม่เท่ากัน ไปลองอ่านดูจากอาจารย์ตาที่สาม (ที่เช็คพลังให้น้องนก) ที่ลิงค์นี้ดูครับ เรื่องแสงออร่าก็มีกล้องถ่าย แต่ภาพที่ถ่ายออกมาได้เฉพาะเวลาหนึ่งๆ ไปถ่ายอีกก็ไม่เหมือนเดิม แต่ละคนก็มีโทนสีหลักๆอยู่บ้างครับ..สำคัญคือต้องเข้าใจและไม่ยึดติดกับเรื่องพลังพวกนี้ครับ สติปัญญาสำคัญที่สุดแล้วครับ


    http://palungjit.org/showthread.php?t=88024
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2007
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    (bb-flower

    ยินดีต้อนรับคุณวิหกเหิรลมครับ
    เข้ามาอ่าน+มาทักทายกันตามอัทยาศัยเลยครับ
    พี่ๆน้องๆกันทั้งนั้นมาคุยกันเยอะๆอบอุ่นดี
    ช่วงนี้งานเยอะครับ ว่างอีกนิดคงมีเรื่องสนทนา+กิจกรรมเล็กๆน้อยๆมาเล่นกันครับ


     
  19. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ธรรมชาติของชาติภพ บทที่ 2 แสวงหาผู้รู้-ผู้ตอบคำถาม
    หน้าที่ 9 ย่อหน้าสุดท้าย
    ถ้าเธออยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ เปิดใจของเธอให้กว้างให้ความรู้หลั่งไหลมาสู่จิตวิญญาณของเธอ จากอดีตและอนาคตชาติและจากทุกภพภูมิ อดีตและอนาคตของเธอขึ้นอยู่กับปัจจุบันอย่าปล่อยให้ปัจจุบันของเธอปราศจากความรู้
    ข้อความนี้หมายถึงอะไรครับและจะต้องปฏิบัติอย่างไรครับ?เพราะทุกวันนี้ยังหาตัวตนของตัวเองอยู่เลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2007
  20. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    อย่างที่อาจารย์อนาลัยท่านสอน พวกเราทุกคนมีพลังในตัวเหมือนกัน
    แต่อยู่ที่ว่าต้องรื้อฟื้นมันขึ้นมาเท่านั้นเอง รื้อฟื้นเร็วก็ได้ใช้เร็วรื้อฟื้นช้าก็ได้ใช้ช้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...