ศาสนาใดเหมาะสมมนุษย์ และ มนุษย์จะเลิกระบบชนชั้นได้หรือไม่ เิปิดกว้างทางความคิด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ญี่ปุ่น, 20 มีนาคม 2013.

  1. ญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +564
    1.ตามความเห็นของผมผมคิดว่า ศาสนาพุทธเหมาะสมสำหรับมนุษย์ที่สุดครับเนื่องจากชี้หนทางในการนิพพาน แต่ถ้าจะนิพพานกันจริงก็ต้องมีความรู้ประกอบในหลักคำสอนของศานาอื่นด้วย
    เพราะทุกอย่างคือสิ่งเดียวกัน

    2.โดยส่วนตัวคิดว่า หลักของชนชั้นวรรณะพระพุทธเจ้าท่านมีจุดประสงค์จะทำให้หมดไปในสมัยของท่าน แต่ท่านยังทำไม่ได้ เปรียบอะไรกับคนธรรมดาที่จะทำได้ และอีกอย่าง ชนชั้นวรรณะไม่สามารถทำลายลงได้เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติครับ การที่มีคนบอกว่าจะล้มเลิกระบบชนชั้นคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นนอนที่สุดครับ
     
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ก็มนุษย์ที่ยังไม่มีคุณธรรมเปรียบได้ไม่ต่างจากสัตว์เดียรฉาน สรรพสัตว์ผู้ขาดปัญญา ย่อมยังยึดติดในกลุ่มพวกพ้องชนชั้นและวรรณะ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม การที่จะให้มนุษย์ไม่มีคำว่าชนชั้น มนุษย์ทั้งหลายต้องมีคุณธรรมประจำใจ คืออาศัยพระศาสนานี่เอง
    แม้กระนั้น ความเป็นผู้มีคุณธรรม ก็มีหลายชนชั้นหรือหลายประเภท อย่างพระอริยะก็มีระดับชั้น แต่ผู้เป็นพระอริยะเขาไม่สนใจหรอกว่าฉัน สูงหรือต่ำกว่า อริยะผู้สูงกว่าเขาย่อมมีแต่เมตตาผู้ด้อยกว่าเพื่อส่งเสริมช่วยเหลือให้ดียิ่งๆขึ้นไป ส่วนอริยะชนผู้ต่ำกว่า เขาก็ให้เกียรติเคารพอริยะชนผู้สูงกว่าด้วยใจเคารพ คือคิดในทางที่ดีที่เป็นประโยชน์

    สุดท้ายเรื่องชนชั้นวรรณะนั้น จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีทางที่จะหมดไปจากวัฏฏสงสารนี้ จัดว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กัน จะว่าไปแล้วก็จัดอยู่ในโลกธรรม8 ก็ขอให้ท่านทั้งหลายพึงตั้งอยู่ในอุเบกขาธรรมนะครับ อย่าไปกังวลเลยครับ สาธุ
     
  3. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ๑ ศึกษามามากพอที่จะสรุปอย่างนั้นแล้วหรือ
    ๒ ศาสนาของพระพุทธเจ้าไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเรื่องนั้น
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ใช่ครับ พระพุทธเจ้าเราไม่ได้สอนอย่างนั้นในเรื่อง ระดับชั้น
    แต่เพื่อการปกครองเพื่อการควบคุมดูแลเพื่อการศาสนาจึงอุปโหลกขึ้นมาก ก็เพื่อประโยชน์ความดีงามความเจริญงอกงาม
    แต่ผู้ที่มีศีลธรรมน้อย ผู้มีมิจฉาทิฏฐิ ก็ขาดปัญญาใช้ในทางที่ผิด ก็ย่อมเป็นบาบกรรมแก่ตนเอง แม้ในพุทธกาลก็เพราะการมีมิจฉาทิฏฐิของพระเทวทัต นั้นเองซึ่งก็เกี่ยวกับเรื่องชนชั้นวรรณะข
    องความเป็นพระสาวกนี่แหละจึงได้กระทำบาบกรรมแก่ พระพระพุทธเจ้าและพระสาวกด้วยกันครับ สาธุครับ
     
  5. ติดบ่วง

    ติดบ่วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +771
    ไม่ยึดมั่นก็ไม่มีวรรณะแล้วครับ
     
  6. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    อย่าไปสมมุติทางโลกแบบนั้น
    ชาวป่าชาวดง เขามีลัทธิผีสางเทวดา มันก็เหมาะสมกับเขา เป็นต้น...
    ศาสนาพุทธจะเหมาะสมสำหรับผู้มีวาสนาบารมีมาก่อนแล้วมาอุบัติอยู่ภายใต้ร่มบวรพระพุทธศาสนาในนานาประเทศที่มีศาสนาพุทธ...นั่นประการแรก
    ส่วนประการสองเรื่องชั้นวรรณะของอินเดียเป็นเรื่องทางโลก แต่ทางธรรมเป็นเรื่องบุญญาวาสนาบารมี...พระพุทธองค์จึงเปรียบเป็นบัวสี่เหล่า(คล้ายชั้นวรรณะอินเดีย)คือมีบุญได้เกิดเป็นมนุษย์ แต่ไอคิวคนละระดับกัน บุญคนละระดับกัน หมุนเวียนใน31ภพภูมิ...
    ...และการที่อินเดียมีชั้นวรรณะ4ชั้นนั้น ผมเข้าใจว่า ลัทธิฤาษี โยคีนี่ สามารถเข้าถึง ฌาน8ได้ ย่อมมีฤทธิ์รู้ความเป็นไปของวงจรชีวิตมนุษย์ เพียงแต่ไม่ใช้วิปัสสนาช่วยให้หลุดเท่านั้น จึงมีการบัญญัติชนชั้น ตาม สมถะกรรมฐาน(คือผู้ปกครองเชื่ออาจารย์)
    หมายเหตุ ส่วนบัวสามเหล่าหมายถึงผู้มีบุญที่จะพ้นทุกข์ได้ สรุปคือพวกบัวใต้โคลนตรมนี่ พ้นทุกข์ยาก จนกว่าจะสร้างบุญขยับชั้นขึ้นมาเมื่อเกิดใหม่เป็นมนุษย์
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =========

    พระพุทธองค์ สอนเรื่อง หนูสี่จำพวกและบัวสี่เหล่า ครับ บัวสามเหล่าไม่เคยได้ยินครับ
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    บัว ๓ เหล่า และบุคคล ๔ จำพวก


    พระอาจารย์ กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าตรัส ถึงบัว ๓ เหล่า และบุคคล ๔ จำพวก คนก็เลยไปมั่วเป็นบัว ๔ เหล่า แล้วคิดว่าเป็นพระพุทธวจนะ พระองค์ทรงเปรียบบัว ๓ เหล่า คือ บัวพ้นน้ำ บัวปริ่มน้ำ บัวใต้น้ำ เท่านั้น

    แต่บุคคลท่านกล่าวถึง ๔ เหล่าคือ อุคฆฏิตัญญู ฟังหัวข้อธรรมก็บรรลุมรรคผลได้ วิปจิตัญญู ฟังการอธิบายขยายความก็บรรลุมรรคผลได้ เนยยะ ต้องเคี่ยวเข็ญจ้ำจี้จ้ำไชกันอย่างหนัก ปทปรมะ ประเภทนี้ไปห่างๆ เลย ปทปรมะไม่ใช่คนโง่ แต่ฉลาดเกินจนไม่ยอมรับความคิดคนอื่น ปทปรมะเขาแปลว่ามากด้วยบทบาท ในเมื่อความรู้มากก็ทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว เติมเข้าไปไม่ได้ เพราะเถียงทุกเรื่อง รู้ทุกเรื่อง"



    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕


    ที่มา : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕ - หน้า 5 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2013
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ปล่าครับเพราะที่พระอาจารย์หลายที่ก็สอนเรื่องบัว4เหล่า
    1 บัวใต้โคลนตม
    2 บัวใต้น้ำ
    3 บัวปริ่มน้ำ
    4 บัวพ้นน้ำ

    กระผมได้ยินแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ มาค้นดูในประวัติก็กล่าวไว้แบบนี้ครับ
    ก็เลยเข้าใจเช่นนี้ ครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าเราควรเข้าใจว่าบุคคลผู้มีโอกาสเข้าถึงพระธรรมมี4จำพวกก็แล้วกันครับ สาธุครับ
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    บัว 3 เหล่า มีนัยปรากฎในพระวินัยไตรปิฎก มหาวรรค(4/9/11) ความว่า
    ... ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ. เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัวหลวง หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้ บางเหล่า ตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่า ตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี...
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เปรียบบุคคลด้วยดอกบัว ๓ เหล่า
    ดูกรราชกุมาร ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัย
    ความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ. เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ
    ก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
    มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
    ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัวหลวง
    หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ

    บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้
    บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ
    บางเหล่าตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด

    ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น
    ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
    มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
    ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี. ดูกรราชกุมาร ครั้งนั้นอาตมภาพ
    ได้กล่าวรับท้าวสหัมบดีพรหมด้วยคาถาว่า

    ดูกรพรหม เราเปิดประตูอมตนิพพานแล้ว เพื่อสัตว์ทั้งหลาย
    ผู้มีโสต จงปล่อยศรัทธามาเถิด เราสำคัญว่าจะลำบาก จึงไม่
    กล่าวธรรมอันคล่องแคล่ว ประณีต ในมนุษย์ทั้งหลาย.
    ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงเปิดโอกาส เพื่อจะแสดง
    ธรรมแล้ว จึงอภิวาทอาตมภาพ ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้นเอง.
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์หน้าที่ ๓๔๙/๕๑๘
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [๕๑๑] ดูกรราชกุมาร ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัย
    ความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ.(ญาณหยั่งรู้) เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ
    ก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลส(โลภ โกรธ หลง)ดุจ(เหมือน คล้าย)ธุลี(ละอองฝุ่น)ในจักษุ(ดวงตา)น้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
    มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
    ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัว
    หลวง หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ
    บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้ บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่าตั้งขึ้น
    พ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น
    ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี
    มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยาก
    ก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี. ดูกรราชกุมาร ครั้งนั้นอาตมภาพ
    ได้กล่าวรับท้าวสหัมบดีพรหมด้วยคาถาว่า
    ดูกรพรหม เราเปิดประตูอมตนิพพานแล้ว เพื่อสัตว์ทั้งหลาย
    ผู้มีโสต จงปล่อยศรัทธามาเถิด เราสำคัญว่าจะลำบาก จึงไม่
    กล่าวธรรมอันคล่องแคล่ว ประณีต ในมนุษย์ทั้งหลาย.
    ลำดับนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงเปิดโอกาส เพื่อจะแสดง
    ธรรมแล้ว จึงอภิวาทอาตมภาพ ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้นเอง.
     
  13. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    บัวสามเหล่า (ตามนัยพระไตรปิฏก)
    ในพระไตรปิฏก พระพุทธองค์ทรงพิจารณาตามคำเชื้อเชิญของสหัมบดีพรหมที่เชิญให้พระองค์แสดงธรรม พระพุทธองค์จึงทรงพิจารณาตรวจสัตว์โลกด้วยพุทธจักษุ และทรงเห็นว่า สัตว์โลกที่ยังสอนได้มีอยู่ เปรียบด้วยดอกบัว 3 จำพวก ดังความต่อไปนี้[5]
    ... ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ. เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัวหลวง หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้ บางเหล่า ตั้งอยู่เสมอน้ำ บางเหล่า ตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี...

    — 'มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ทรงเปรียบบุคคลด้วยดอกบัว ๓ เหล่า'
     
  14. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    เวลาศึกษาจากครูบาอาจารย์ ก็ควรเทียบเคียงกับพระไตรปิฏกบ้างนะครับ
    อย่างเช่นท่านยกนิทานชาดกหรือธรรมะอะไรขึ้นมา
    เราก็ลองมาค้นๆดูในพระไตรปิฏกว่ามีกล่าวไว้อย่างนั้นจริงมั้ย
    (สมัยนี้ทำง่ายมากด้วยอากู๋)
    ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเป็นพระที่นิยมยกพระสูตรมาอธิบายจริงๆ จะไม่ผิดพลาด
    รายละเอียดอาจจะไม่เป๊ะๆ แต่เนื้อหาใจความจะลงกันได้กับพระสูตรจริง
    เรื่องบัวสี่เหล่านี่ก็มีการพูดคุยกันบ่อยๆในบอร์ดธรรมะ
     
  15. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เอ้า ท่าน NARKA เห็นหายไปนาน

    กลับมาแล้วก็ช่วยกลับไปเคลียร์ประเด็นเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ที่กระทู้นี้หน่อยนะ

    http://palungjit.org/posts/7603972
     

แชร์หน้านี้

Loading...