ทำสมาธิแล้วเห็นภาพ...ผมจะปิดมันยังไงดีครับ..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย GLiKe, 19 มีนาคม 2013.

  1. Greenpleace

    Greenpleace เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2012
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +8,768
    จิตสงบระดับอุปจารสมาธิครับ เป็นธรรมดาครับ
     
  2. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    เป็นอีกหลายรอบจนเบื่อ
    แล้วจะเป็นอย่างอื่นอีก
    ไม่มีที่สิ้นสุดที่เป็นนั้น .....แม่นแหล้ว
    แต่ยังไม่ใช่
    อย่าเชื่อคนเมาอย่าเอาคนบ้า

    พิจจ้าระ.......น้า.........คนเดียวขอรับ
    แล้วจะเกิดปัน

    อย่าเกิดคันแล้วกันเพราะต้องเก๋า

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  3. GLiKe

    GLiKe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +137
    ท่าน มะหน่อ... อย่าป่วนบอร์ดเลยครับ....
    ..... อย่าหลงตามอ่าน คอมเม้มของท่าน มะหน่อ....กันนะคับ.....
     
  4. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ถ้าจิตส่งออกไปเห็น อะไรต่างๆ แนะนำให้ จับ รูป พระ ให้รูปพระอยู่ระหว่าง เหนือ สะดือสอง นิ้ว ครับ แล้ว บริกรรม พุทโธ หรือ อะไรก็ได้ ครับแล้วแต่ ท่านจะชอบ

    สาธุขอให้ได้มรรคผลนะครับ
     
  5. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    หนึ่งความคิดเห็นน่ะครับ ดูๆแล้วคุณ มะหน่อก็สมัครสมาชิกของที่นี่ก็หลายปีแล้วครับ คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับว่า จะมาพูดหรือทำอะไรแบบลอยๆได้ สิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังมาก็หลายเรื่อง บางทีผมยังสงสัยเลยว่า เอ!มันเป็นแบบนี้หรอ มันเป็นแบบนี้หรอ ใช่หรือเปล่า กล่าวคือ ยกตัวอย่างถ้ามีใครเคยไปดูคลิบของ อ.แดง ที่ท่านทำคลิบสอนธรรมมะ จะมีการโซโล่กีต้าร์โชว์ด้วย ถ้ามองอย่างแบบเป็นไป ดูๆแล้วมันไม่ใช่แบบนี้ เหมือนประมาณว่าไม่สำรวมรัยประมาณนี้ครับ แล้วที่ยิ่งไปใหญ่คือ อ.แดงบอกว่า ท่านถึงแล้วน่ะครับท่านไม่กลับมาเกิดแล้ว ใครที่ไปสงสัยหรือทำการกล่าวกระทำสิ่งไม่ดีกับท่านถือว่า ปรามาส ท่านน่ะครับ เหมือนกันครับกับคุณ มะหน่อ คุณมะหน่ออาจจะพูดหรือพิมพ์แบบว่าไม่ได้ยึดกับคำหรือการกระทำเหล่านี้ หรืออาจเข้าใจในธรรมที่ค่อนข้างสูง เวลาใช้คำหรือกล่าวอาจใช้คำที่เข้าใจยากหรือง่ายแบบหลุดโลก ถ้าเราๆที่ปฏิบัติธรรมกันอยู่นี้ไม่ควรที่จะไปยึดกับสิ่งเหล่านี้ครับ ก็พื้นฐานทั่วๆไปแหละครับว่าอย่าไปยึดติด เขาจะใช่หรือไม่ใช่ก็ดูที่จิตเราครับ ยกตัวอย่างครั้งหนึ่งผมดูคลิปธรรมมะที่องค์หลวงตามหาบัวท่านกำลังเทศและรับของที่คนนำมาถวายมีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิงใส่ชุดขาวมาถวายของปัจจัย แต่หญิงคนนั้นดันใส่เสื้อคอค่อนข้างกว้าง หลวงตารับแล้วคงเหลือบไปเห็นนมเข้าตอนหญิงก้มลงถวาย แล้วท่านก็เทศแบบประมาณว่าด่า เอาของลับออกมาพูดกันเลยหญิงคนนั้นได้ยิน(ได้ยินกันหมดศาลา)ถ้าเป็นสามัญคนทั่วๆไป จะรู้สึกว่าผิด และอายอยากมุดดินหนีประมาณนี้เลย คำที่องค์หลวงตาเทศสอนแรงมากๆสำหรับบุคคลที่ไม่เข้าใจความหมายในธรรมและในสิ่งที่ท่านเป็น ก็คงมองว่าทำใมท่านถึงกระทำแบบนี้เช่นนี้ มีพระหรือบุคคลที่อ้างว่าปฏิบัติธรรมมะอยู่น่ะ กำลังปฏิบัติอยู่ แต่ไปยุ่งหรือพูดเรื่องการเมืองไห้บุคคลอื่นฟัง ถ้าเป็นทั่วๆไปเราจะมองว่าไม่สมควร เพราะสิ่งนี้เมื่อมีคนไปเข้าใจว่าไม่สมควร เราไม่ชอบบุคคลนี้ หรือไปสร้างให้มันเกิดเป็นอกุศลจิตกับผู้อื่นเข้า นี่ก็ถือว่ามันเป็นกรรมอย่างหนึ่ง นี่แหละครับเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติธรรมเลยครับ เราอย่าเอาจิตหรือใจเข้าไปยึดกับสิ่งเหล่านี้เลยครับ นำเอามาแต่สิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกหรือคิดว่าใช่เอานำมาปฏิบัติดีกว่าครับ เพราะบางทีเราไม่เข้าใจหรือเข้าไ่ม่ถึงจิตของผู้นั้นได้เลยครับว่าเขามีเจตนารมย์ของจิตเป็นอย่างไร ครับกับเรื่องของนิมิต ส่วนนี้ก็มีความมหัศจรรย์ในตัวมันเองเลยครับ ถ้าเราไปหลงหรือมีความสงสัย แล้วเราไปคิดอยากมี อยากได้ อยากเห็น อยู่แบบนี้ มันก็จะดึงจิตเราไว้ไม่ให้เจริญหรือก้าวหน้าไปกว่านี้ครับ ถ้าหวังนิพพานอย่าไปยึดครับ ถ้าหวังพุทธภูมิ เล่นไปเถอะครับลองเล่นไปไม่เสียหลาย(เป็นความคิดและจินตนาการของผมเองครับ ถ้าเห็นไม่สมควรผมขออภัยครับ) จะเอาแบบหลวงตาก็ได้ครับรู้ตามลมหายใจพุทธโธภาวนาอย่างเดียว ไม่เอา ฤทธิ์ อภิญญา ปาฏิหารย์ ฝึกกำหนดรู้เพื่อละในสิ่งที่เราไปยึดมั่น เมื่อจิตมันทรงตัวแบบนั้นชำนาญแล้วประกอบกับปัญญาที่เข้าไปรู้สภาวะนี้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว ก็จะหลุดไปเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2013
  6. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    สิ่งที่คุณเห็นนั้น เห็นจริงคะ แต่สิ่งที่คุณเห็นมันไม่ใช่ของจริงคะ คุณเห็นอะไรอย่าเอาจิตไปปรุงแต่ง และอย่าเอาจิตไปยึดติด เวลาคุณเห็นอะไรก็ตามให้คุณกำหนดคำบริกรรมว่า " เห็นหนอๆๆๆๆ " ช้าๆคะ แล้วสิ่งเหล่านั้นก็จะหายไปคะ และคุณก็เจริญสติภาวนาไปเรื่อยตามเวลาของคุณคะ ขอให้คุณเข้าถึงธรรม รู้ชัด รู้แจ้ง เห็นจริงในสัจจธรรมของพุทธองค์เจริญในธรรมนะคะ บุญรักษาคะ
     
  7. GLiKe

    GLiKe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +137
    เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 3 ทุ่มเมื่อคืนครับผม... ตามจริงมีข้อความ 2 คำตอบที่ท่านมะหน่อโฟสไว้... อีกคำตอบทางผู้ดูแลเว็บ ได้ลบคำตอบออกไปแล้ว 1 คำตอบ.... เนื่องจากใช้คำไม่สุขภาพส่อให้เห็นภาพ...

    ...........ผมไม่ได้เก็บภาพแค็ปหน้าจอ ข้อความไว้.... ส่วนอาจารย์แดง ผมไม่ทราบว่าเป็นใคร ขอขอบคุณคุณโช นะครับที่แนะนำ....
     
  8. tokyoo2

    tokyoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2012
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +419
    คุณเคยภาวนาอานาปานสติ เเล้วสักพักก็เปลี่ยนไปพิจารณา อสุภะ หรือ ธาตุ4 ดูไหม
    ถ้าคุณเคย คุณจะเห็นว่า สติ สมาธิ มันก็ยังพัฒนาขึ่นต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่การภาวนาต่างกัน เเต่ ทำไมถึงไม่เรียกว่าฟุ่งซ่านบ้างหล่ะ หรือ ไม่เรียกว่านั้งคิดบ้างหล่ะ?
    เพราะว่า มันเป็นกายคตาสติ เหมือนกัน เป็นเสาหลักเเห่งจิต เมื่อภาวนา จิตมันก็จะไปทางเดียวกันทั้งหมด ถ้าหากภาวนาในลักษณะนี้ คือการเลือกเพ้น ธรรม ที่เรียกว่า ธัมมวิริยะสัมโพชฌงค์ ความเพียรที่ไม่ตึงเกิน ไม่ย่อหย่อน เป็นวิริยะ มันจึงทำให้เกิด ปิติ ที่เป็นนิรามิส ได้ทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้จิตสามารถตั้งมั่นได้ ทั่งที่การพิจราณา อสุภะ หรือ ธาตุ4 บางคนอาจจะมองว่า ไม่ทำให้เกิดสมาธิอยู่เเล้ว เเต่พอเอามารวมกัน กลาย เป็นเหมือนการนั้งคิด เปล่าๆ เเต่ในความเป็นจริงมันจัดในหมวดกายทั้งหมด
    ฉนั้น สมาธิเหล่านี้เป็นอนิมิตตสมาธิ ถ้าหากคุณภาวนาอยู่ มันเกิดนิมิต มันไม่จำเป็นที่คุณจะต้องกลับมาหาอนิมิตก็ได้ จะไปอยู่ตรงไหนก็ได้ท่ารู้สึกว่าสมาธิมันมาเร็ว เพราะมันเป็นสมาธิเหมือนกัน อย่างที่คุณเเนะนำก็คือวิธีการทำรายนิมิตสมาธิไว้ถ้ามันเกิดขึ้น ถ้าคนมันเกิดวิจิกิจฉาเเบบ จขกท อยู่เเล้ว ไม่จำเป็นที่ต้องบริกรรม เห็นหนอๆ(นานัตตสัญญา) อุปกิเลิสพวกนี้มันสามารถทำรายล้าง นิมิต ทำสมาธิให้เคลือนจากนิมิตทั้งหมดอยู่เเล้ว เดียวมันก็ดับไป ไม่มีใครที่จะทำนิมิตให้ตั้งนานได้ ถ้าไม่ยอมละอุปกิเลิส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2013
  9. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ทิ้งคำว่า อยาก กับ ไม่อยาก
    ชอบ กับ ไม่ ชอบ
    มี คือ ไม่มี
    สักแต่ ว่าเห็น อ้าวเหรอ เอ่อ แหะ
    โง่ บ้า เซ้อ ได้ยิ่งดี
    น้านแหละ ชัดเจน
    ที่เราแนะนำนะ
    แล้ว ก็ ภาวนาต่อไป
    แล้วจะ แค่สงสัย แล้ว ได้ คำตอบ
    กับ จับแล้วติด พิจารณา ไปเรื่อยๆ
    ขอให้เจริญในธรรมคะ

    ป ล ลิง ไม่สงสัยสบายที่สุด ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2013
  10. GLiKe

    GLiKe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +137
    คุณtokyoo2..ครับผม

    การที่เราอยู่ในสมาธิ มีอารมณ์เป็นหนึ่งๆ บ้างก็นิ่งเฉย บ้างก็สงบจ่ออยุ่อารมณ์ข้างหน้าเรา...

    แล้วยังคงเห็นภาพนิมิตต่างๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแต่อารมณ์ ณ ขณะนั้น... ผมได้แต่มองพิจารณาสิ่งที่เห็นคืออะไร...(เห็นภาพไป คิดตามไปด้วยเพราะไม่เคยเห็นภาพแบบนี้ที่ไหนมาก่อน) ไม่อยากเห็นมันก็เห็น...ได้แต่มองๆ สิ่งที่เกิด อ๋อ..อย่างนี้เรียกว่า วิจิกิจฉา ที่ผมติดอยุ่ใช่ไหมครับ...
     
  11. GLiKe

    GLiKe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +137

    แรกๆ ผมมึนงง กับภาพที่เห็นนี้มาก...มันสำคัญต่อสมาธิเริ่มต้นของผมมากเลยครับ... ผมก็แค่คนธรรมดาด่อยความรู้...ผมเริ่มอ่านและศึกษาด้วยตัวเอง..ด้วยความศัทธาเลื่อมใส... เมื่อเจอแบบนี้ก็ไปต่อไม่ถูกเลย...

    .....หวังเมื่อเจอปัญหาทางโลก ขอแค่เข้ามานั่งสมาธิอยุ่กับตัวเอง... มันสลัดทุกข์ได้เยอะจริงๆๆ....
     
  12. GLiKe

    GLiKe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +137
    เมื่อคืนลองตามจิตไปเที่ยวว่าไปไหนบ้าง..

    ... คือเมื่อผมทรงอารมณ์สมาธิ ได้ในอารมณ์ระดับหนี่งๆ จิตมันก็จะเข้าสู่สภาวะ ที่เห็นสถานที่หนึ่งๆ ของมัน...เหมือนมันกำลังเดินทางของมันเอง ปล่อยตามอิสระ...

    .... อารมณ์ของจิต เหมือนลมพัดเย็น มันก็จะไปอยู่บนภูเขา ทะเลหมอก...
    .... อารมณ์เบาว่าง สงบนิ่งๆๆ มันเหมือนขึ้นลิฟท์ไปอยู่ ในห้องโถ่งปราสาทใหญ่ๆๆ คล้ายๆ วัดโบภ์อารามต่างๆ

    ..... เมื่อไม่สมรสกับสิ่งต่างๆ ข้างทาง...ที่ขณะ จิตเดินทางท่องเที่ยวไป มันก็จะกลับมาเองตรงเดิมที่เรานั่งสมาธิอยุ่...ถึงตรงนี้ เห็นกองๆ หนึ่งเป็นตัวเองนั่งอยู่บนเตียง..ผมเลยมโนแหวกอกตัวเอง...ดูอสุภในร่างตัวเอง..เห็นปอด ตับ หัวใจ ลำไส้...ความรู้สึกตื่นเต้น แต่ได้แต่มอง แล้วภาพก็ค่อยๆ นิ่งๆไปจนภาพไม่มีมีหายไปเอง...และนิ่งๆ อารมณ์อยุ่และเริ่มสังเกตุร่างกายตัวเองอีกครั้ง..

    .... ตอนนี้ตัวแข็งแป็งเลยครับ น้ำลายเกือบไหลลงมาแบบไม่รู้ตัว...ผมกลับมานึกหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็คลายจากสมาธิครับ...

    .... เมื่อก่อนผมคิดจะเอาให้นิ่ง บังคับลมหายใจ จนแทบหายใจไม่ออก...อารมณ์จะหนัก ร่างกายไม่ตั้งตรงบิดเบี้ยว สมองตันมาก...ลืมตามาสายตาจะพล่ามัว ไม่แจ่มใส่...และทำอะไรช้าลง...อากาศที่ได้รับไม่เพียงพอในกระบวนการที่คิดนั้นๆๆ...
     
  13. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    อาการของคุณ จขกท เกิดขึ้นทุกครั้งเลยหรือครับผ
    ผมเคยได้เจอแต่ใจส่งออกนอก เห็นภาพลอยไปมา แต่ถ้าสงบดีแล้วค่อยถอนถอยมาอธิษฐานเพื่อดูภาพประมาณนั้น
     
  14. GLiKe

    GLiKe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +137
    ..............ผมขณะหลับตา... จะไม่เห็นเลยทันที่ครับ สำจรวจรางกายก่อนว่า..นั่งสบายหรือยัง ไม่กัดฟัน ไม่ข่มหนังตา... ไล่ลมเสีย หากแน่นอกเกินไป ( //ตามวิธีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สูดหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนลมออกเบาๆ สัก 2-3 ครั้ง)
    .............. เฝ้าลมหายใจสักพัก จะสั่น-จะยาวรู้มันตลอด(หายใจเข้าสุดพอดีๆ และรู้ว่าเต็มปลอดพอดีแล้วนะ เราต้องปล่อยลมออกแล้วนะ...ไม่บังคับ เรารู้ไว้เฉยๆ //คุณดังกฤต) ..ตรงนี้ผมไม่บริกรรมแล้ว หรือจะภาวนา"พุทธ-โธ"ตาม เพื่อไล่ความคิด (พวกเพลงที่ติดในหัว เสียงที่ชอบฟังอะไรต่างๆๆ พวกนี้ครับ )

    .............จนเหลือตัวรู้ที่มันเฝ้าลมหายใจอยู่ เหลือไว้แค่ 2 ตัวแค่นี้เท่านั้น... ถึงขั้นตอนนี้ทั้งหมดขณะที่เตรียมสมาธิ ผมก็ยังไม่เห็นภาพใดๆ นะครับ...(ผมไม่ชอบเห็นภาพอยุ่แล้ว)

    ............. ผมย้ายตัวรู้จากลมหายใจมาอยุ่บริเวณใกล้ๆหัวคิ้ว จุดมโนทวาร(มันง่ายดี...แล้วแต่ใครสะดวกจะย้ายไปรู้ตรงไหน) อารมณ์มืดๆ ดำๆ นั้นแหละครับ...ผลลัพธ์จากที่ตัวรู้ ไปเฝ้าดูลมหายจนนิ่งระดับหนึ่งแล้ว พอแยกจากลมหายมีเจอมืดๆ ดำๆ ... จิตตัวรุ้จะยิ่งนิ่งนาน ไม่บังคับ...ดูไปเรื่อยๆ .... ตอนนี้ถ้าคิดอะไร จะรู้เลยว่ามันมี เพิ่มขึ้นการทำงานของสมองมาเป็น 2 ไม่เป็น 1แล้ว ...และจะรู้สึกเลยว่ามันคิดมาจากสมองซีกไหน (ผมไม่รู้ว่าท่านอื่นสัมผัสได้แบบนี้ หรือเปล่านะครับ) แน่นอนความคิดเกิดขี้นที่หลังตัวรู้...รู้ทันความคิดก็ตัดมันทิ้ง...

    ............... ถึงตรงนี้ครับ ตัวรู้กลมๆๆ ที่เรารู้อยุ่เนี่ย ตรงจุดมโนทวารเนี่ย...ซึ่งลมหายใจก็ไม่สนแล้วแยกแล้ว เหมือนตัวผมเข้าไปจับหลักที่มีทะเลอยุ่ข้างใต้หลักนั้นลอยๆ อยุ่อย่างนั้น... จิตมันก็จะเบาบ้าง ลอยบ้าง วู๊บว๊าบ..บ้างก็ทิ้งตัว แล้วแต่จะเป็นไป..(แอบตกใจบ้างครั้งแรก)

    .................*** นี้ครับตรงนี้ที่เห็นภาพ..ขณะจิตมันนิ่งๆ เบาๆ มันก็จะพาไปไหนสักแห่งตามแต่อารมณ์ตอนนั้น....ฉายภาพออกมา 360 องศา ผ่านจิตตัวรู้เนี่ยครับ.. พาให้เห็นไหนต่อไป.. เว๊บหนึ่งอยุ่อีกที่หนึ่ง อารมณ์ก็จะอิ่มๆ ต่างกันไปตามสถานที่....อิ่มมากก็จะลอยขึ้นสูง.... เราก็ได้แต่เห็นตามนั้น...(แหน่ะๆๆ ..พิจารณาตามที่เห็นได้ด้วยนะ) เกิดวิจิกิจฉา ตาม...เพราะแรกๆ ไม่รู้ว่าคือ สภาวะอะไร...

    ............. เรื่องราวก็จะเป็นเช่นนี้ครับ.... เล่าตามที่ประสบพบเห็นรู้ด้วยตนเอง...

    .............ท่านผู้รู้ชี้แนะด้วยนะครับ....ขอบคุณครับ
     
  15. GLiKe

    GLiKe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +137
    ตอนที่ส่งใจออกไป...จะเป็นตอนที่ผมไปฝึกมโนมยิทธิบ้านสายลมครับ

    ............ตัวผมเองเวลาที่เห็นมันไม่ได้ใส หรือเห็นภาพชัดมาก ยังตอบอาจารย์ถูกบ้างผิดบ้าง ต้องมีอาจารย์คอยกำกับนะครับ.. เพราะใช้กำลังทางใจ และระลึกตาม...บางครั้งคิดว่าถูกยังผิดได้ อาจารย์เค้าจะรู้ทันเรา ว่าได้หรือไม่...

    ............ ตรงนี้ผมบอกตรงๆว่าไม่เก่งอะไรเลย...แต่ที่สำคัญต้องระลึกคุณครูบาอาจารย์ พระบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไว้เสมอ..ต้องระลึกเห็นภาพตถาคตไว้เสมอขณะฝึกใจส่งออกไป...เพื่อขอพระบารมีคุ้มครองใจเรา เพราะไม่รุ้ว่าเราจะไปพบเห็นอะไรบ้าง.....
     
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอาตรงนี้เลย


    เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เห็น สภาวะใดๆ ตามที่บรรยายข้างบนเนี่ยะ ให้ ระลึกรวม
    ลงมาเลย รวบยอดเลยว่า " จิตไม่ตั้งมั่น "

    ซึ่ง ถ้ายังไหลตามไปกับอาการใดอาการหนึ่ง หรือ ปักการรู้ลงไปในอาการ
    หนึ่งอาการใด ตามที่บรรยาย ก็รู้ไปเลยว่า " จิตส่งออก "

    พอจิตส่งออกไปแล้ว มันจะไปเห็นอะไร รู้อะไร ก็ให้ยกรวมๆไปว่า พอมัน
    ส่งออกมันก็เลยออกไปรู้ แต่ เป็นการรู้ที่ ตัดกำลังสมาธิ พอกำลังสมาธิ
    หมด พอกลับมาภูมิจิตปรกติ สังเกตุเลย มีแต่ นิวรณ์เข้ามาสับรางรัก ปู้ยี้
    ปู้ยำเราต่างๆนานา สารพัด ....ตรงนี้ หากศีลไม่เคยรักษา จะยิ่งขาดทำนบ
    กั้น คราวนี้ พูดเล่าการเห็นเป็นต่อยหอยเลย และส่วนใหญ่ จะไปจบที่เรื่อง

    หากุญแจ หรือไม่ก็ เห็นว่าตัวเองเป็นกุญแจ ตัวมันเริ่มใหญ่ ที่เห็นกันบ่อยๆ
    ก็เป็น พระศรี5บ้าง เป็นรังสีมุนีบ้าง เป็นปาปิเลยย่ะบ้าง เป็นรัชการนู้นนั้นี่บ้าง แย่งกันเป็นอุตลุต

    แต่ถ้าเราเห็นอาการดังกล่าว แล้ว รวบยอดเห็นว่า " จิตไม่ตั้งมั่น " แล้วแค่
    รำพึงจิตว่า " จะยังให้จิตตั้งมั่น " สังเกตเลย จิตมันจะหาทางกุ๊กกิ๊กนิดๆ
    หน่อย โดยเราไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ถ้าเข้าไปยุ่ง สมาธิจะถอน ถ้าไม่ยุ่งนะ
    แล้วจิตตั้งมั่น มันจะเดิน"........"ไปเรื่อยๆ

    อะไรเดิน"......." นี่ขอต๊ะเอาไว้ก่อน

    หากมี สัจจญาณ จริง เดี๋ยวก็เอามา เล่าตามความเป็นจริงได้ ค่อยว่ากันต่อ
     
  17. GLiKe

    GLiKe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +137
    ..........ใช่ครับ ภาพพวกนี้มันสำคัญกับสมาธิผมมากเลย ทำให้ผมไม่นิ่งสักที....

    ภาพที่ต้องเห็น แม้ไม่อยากเห็นมันก็เห็นอยู่ดี...เคยรวมจิตเข้ามาใกล้ตัวเกือบจะกลับไปจับ ลมหายใจอีกครั้ง...พยายามอยู่หลายครั้ง เข้า-ออก อยุ่อย่างนี้.... ไม่ไปไหนเลยครับ

    นึกถึงครั้งแรกที่ไม่เห็นภาพอะไรเลย...ทำไมจิตตอนนี้ไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน (เป็นที่ศิลอย่างคุณเอกวีร์ บอกมาแน่เลย) ยุ่งอยู่ทางโลกเยอะ เกือบจะไม่ค่อยได้ฝึก...แต่ของพวกนี้มีเสื่อมต้องฝึกตลอดชีวิต ทิ้งไม่ได้...ยิ่งเจอปัญหายิ่งต้องนำมาใช้..

    อะไรเดิน...ผมตอบไม่ได้จริงๆครับ ผมไม่รู้ความหมาย... รู้แต่จิตมันนิ่งขาดวั๊บ แล้วไม่เห็นอะไรเลย...แต่สุขใจดี เหมือนจิตวิ่งหนี้โจ้ปล้นฆ่าได้ ก็ไม่ป่าน... ใจมันดีสุดๆ แล้วหยุดพักตรงๆ นั้นเย็นสบาย วิ่งมาเหนื่อยร้อน แล้วกระโดดลงน้ำ สบายใจ....อิ่มหน้าบานทั้งวัน...

    .......ผมอยากได้แบบนี้อีกครั้ง...เวลาที่เจออะไรมาหนักๆ กลับมาทำสมาธิแล้วมันหายเหนื่อย...จนบ้างครั้งเราทำสมาธิแล้วให้อภัยเค้าคนนั้นได้ แม้เค้าจะเคยคิดฆ่าเรา เลยด้วยซ้ำครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2013
  18. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เนี่ยะๆ ระลึกดีๆ ตรงจุดที่เรียกว่า " จิตตั้งมั่น " กับ จิตส่งส่าย ส่งออก

    ( อย่าลืมนะ เราเสวนามาแต่ต้น เรื่องจิตส่งออก มันจะส่ง ก็เรื่อง
    ของมัน เราไม่ได้กล่าวเพื่อ ห้ามส่ง มันจะเป็นเรื่อง การบริหาร )

    แต่ เราเน้นกลับมาที่ จุดเริ่มต้น จุดที่เรียกว่า " จิตตั้งมั่น "

    ตรงนี้ คุณจะพบโศลกธรรมว่า " ความสุขใด ยิ่งกว่าความสงบ ไม่มี "

    แต่พอเราเห็น จิตใจเรากลับไม่ยอมรับ ลังเลว่า จะได้อะไร ลังเลในมรรคผล

    พอลังเล " จิตมันก็ไม่ตั้งมั่น " พอจิตไม่ตั้งมั่น มันก็ หิวความรู้แบบโลกๆ

    โลกจึงร้อยรัด ชักนำให้จิตออกไปรู้ ออกไปเห็น ทิ้ง สภาวะ จิตสงบ จิตตั้งมั่น
    หันหลังให้กับธรรม แล้วไปเอา อุปทานสารพัดเป็นอรรถสาระทับธรรมสิ้น

    การบริหาร จึงเป็นเรื่องที่เราต้อง ฉลาดในการพิจารณา คุณ และ โทษ ของ
    ทุกๆสิ่ง แม้แต่ เรื่องที่สำคัญผิดว่าเป็นธรรมะ( ที่เอามาทับธรรมแท้ ) จิต
    มันถึงจะหันกลับไปยอมรับ " ความสุขใด ยิ่งกว่าความสงบ ไม่มี "
     
  19. GLiKe

    GLiKe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +137
    ขอบคุณคุณเอกวีร์ อีกครั้งนะครับ...ที่คอยสะกิตให้ตื่น.... ผมจะรักษาเอาไว้

    .... นึกถึงตอนนั้น... อารมณ์มันไม่อยากหลับอยากนอนเลยอิ่มไปทั้งวัน...หน้าตาที่เคยผลัดแป้ง..ก็ปล่อยไม่แต่งตัวใดๆ เลย... อยู่ในที่เสียงดังๆ ก็ไม่วุ้ยวายใจ...

    .....เมื่อก่อนโน้น วันไหนหยุด ปกติจะแต่งตัวออกไปเที่ยวละ... แต่นี้อยุ่ห้องสบายๆเป็น2-3 คืนวัน ไม่เที่ยวหรือไปไหนๆ เลยครับ.....ก็มันสบายใจกว่าออกไปข้างนอก บอกไม่ถูกครับ...จนคิดอยากจะไปบวชเลยด้วยซ้ำครับผม
     
  20. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ยากินไม่รักษาโรค
    เอายาฉีด

    ละคือลอลิง
    หยินหยาง

    หากมาไม่ถึงก็พึงรู้วันหนึ่งอย่าหาว่ากระผมป่วนจัยขอรับ

    ลูกหลานเดินผิดทาง

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

    คำว่าบอด
    หรือบอร์ด
    คือตะบะ
    การบำเพ็ญตะบะคือนั่งหลับตา
    ตาบอด ตามืด.....
    หรือไม่อย่างไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...