เครียดมากคะ มันหนักเกินที่หนูจะแบบรับไหวแล้ว Y_Y

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย pikkad, 29 มีนาคม 2013.

  1. pikkad

    pikkad สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +19
    สวัสดีคะทุกคน หนูมีเรื่องเครียดเกี่ยวกับครอบครัวหนูมองไม่เห็นทางจนมาเจอบอรด์นี้ ก่อนอื่นบอกก่อนว่าหนูเป็นคนที่คิดมากและชอบเครียดโดยพื้นเพอยู่แล้วพอมาเจอปัญหาเข้าก็เกินจะทนไหว เรื่องคือ โดยทีแรกหนูก็ทราบแล้วว่าบ้านหนูมีหนี้สินอยู่จำนวนหนึ่งไม่ถึงล้านเพราะคงเป็นเงินที่กู้มาสร้างบ้าน ตั้งแต่หนูเด็กๆ หนุก็รับรู้และชินกับหนี้สินมาตลอด ทีแรกบ้านหนูแทบจะหมุนเงินไม่ทัน ก็ต้องไปยืมบ้างอะไรบ้าง จนพ่อได้เปิดกิจการอย่างหนึ่งจนสามารถตั้งตัวขึ้นมาได้ เราก็อยู่กันมาเรื่อยๆผ่อนหนี้ให้กับธนาคาร ป่อนรถ อะไรได้ทุกเดือน สุขบ้างทุกข์บ้างมีเงินใช้ โดยทีไม่ขาดให้ต้องเครียดเลย แต่พอจู่ๆเมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว คือหนูได้รู้ว่าทางบ้างมีหนี้สินเกือบๆ 3 ล้านเข้าไปแล้ว ช่วงนั้นหนูก็แปลกใจเพราะหนูไปอยู่หอเรีัยนมหาลัยแล้ว ก็สงสัยว่าทำไมพ่อแม่ไม่ค่อยติดต่อมาเลย ถามว่ามีอะไรหรือเปล่าก็ไม่มีใครตอบ แต่หนูรู้ว่ามันต้องมีแน่ๆ จนได้กลับบ้านไปปิดเทอมก็ได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดว่าบ้านมีหนี้สินเกือบ 3 ล้านเพราะเกิดจากการบริหารเงินที่ผิดพลาด ช่วงนั้นพ่อกับแม่คงจะต่อเติมสร้างร้านใหม่ เลยกู้เงินทำนองเนี่ยหนุไม่รู้รายละเอียดมาก ก็ผิดำพลาดเสียเงินเปล่าไปก็จำนวนหนึ่งอยู๋เอาเป็นว่า ที่รู้ๆหนี้ตอนนี้เกือยเหยีบสามล้าน แม่เป็นคนจัดการทุกอย่าง ทั้งไปยืมใครต่อใครมาโดยที่ไม่มีใครในครอบครัวรู้เลย จนกระทั่งมีคนมาท้วง แม่หมุนเงินไปทัน เรื่องเลยแดงขึ้น ช่วงที่พ่อแม่ไม่ติดต่อหนูมารู้ตอนหลังด้วยว่าแม่เข้าโรงพยาบาลไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากกินยาเกินขนาดหรือเปล่า ไม่มีใครบอกหนูเลยเพราะเขาไม่อยากให้หนูเครียด ทางพ่อไม่รู้ว่าแม่ไปยืมใครมาบ้าง เลยเครียดเหมือนกัน ทตายายเลยให้เรียกแม่มาคุยและให้จดมาให้หมดว่าไปยืมใครมาบ้าง พ่อเห็นยอดถึงกับตะลึ่ง แม่เอารถที่มีไปจำนองเต็นทำทุกอย่างอ่ะแต่ไม่มีใครรู้เลย พอคนมาทวงแม่ก็ไม่รับโทรศัพท์ ไม่เข้าใจเหมือนกันประกอบกับแม่ศึกษาต่อใกล้จบก็เครียดกับวิจัยด้วยเลยเครียดเป็นสองเท่าเลย ณ ตอนนี้มีเจ้าหนี้มาที่บ้านมาตามหาแม่ มาทวงเงินแต่ไม่เจอเพราะแม่ไปเรียนต่อเดือนละ 15 วัน หนูกับพ่อเลยต้องรับหน้าและเจอเขา บอกจะฟ้องและฝากบอกแม่ให้รับโทรศัพท์ หนูถามทำไมแม่ไม่รับแม่บอกเครียดวิจัย รู้ว่าบริหารเงินพลาดไปแต่ขอเรียนให้จบก่อน เมื่อวาน3คนวันนี้มาแต่7โมง1คน เขาเจอพ่อเพราะพ่ออยู่หน้าบ้านพอดีพอเจ้าหนี้กลับไปพ่อกลับเข้ามานั่งในบ้าน นั่งเหม่อ เงียบๆมองอะไรนิ่งๆเหมือนคนมีอะไรในใจ หนูนั่งมองพ่อแล้วแบบร้องไห้ พ่อต้องรับผิดชอบทุกอย่าง จากที่พ่อเคยดูแฮปปี้กว่านี้ เป็นฮาเฮกว่านี้ก็เปลี่ยนไป พ่อคิดจะขายทุกบ้านแล้วกลับเริ่มนับ1ใหม่ หนูเลยเผลอพูดไปด้วยอารมว่าขายไปก็ไม่หมดหรอก เราจะไปอยู่ไหน คนอื่นเขาล้มละลายกว่านี้ก็มี เรายังพอมีกิจการมีเงินก็ค่อยๆจ่ายไปเด๋วก็หมด หนูไม่อยากเจอสภาพแบบนี้เลย พ่อแม่ก็ไม่คุยกัน หนูไปเรียนต่างถื่นคิดว่าอยากกลับมาบ้าน บ้านคือที่ที่อบอุ่นที่สุด ที่ที่จะทำให้หนูมีความสุข แต่พอมาเจอสภาพที่เจ้าหนี้มาทวง พ่อแม่ไม่คุยกัน มันทำให้หนูอยากไปไกลๆ ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้นแล้ว หนูรู้ว่าหนูจะ 20 ปีก็โตพอที่ต้องรับรู้แต่มันหนักเกินจริงๆ หนูไม่อยากให้พ่อเป็นแบบนี้ พ่อคนสดใสคนเดิมของหนูอยู่ไหน หนูยอมรับว่าโกรธแม่มากที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ หนูเลยไม่ค่อยคุยกับแม่ หนูรู้ว่าหนูทำผิดมากแต่ใจหนูมันไม่ไหวจริงๆจะปรึกษาเพื่อนก็อาย บอกใครไม่ได้เลย ได้แต่นอนร้องไห้คนเดียว พิมไปหนูก็น้ำตาไหล เห็นครอบครัวไหนๆมีความสุข ไปไหนมาไหนด้วยกันก็อิจฉาเขาลึกๆ ทำไมครอบครัวเราไม่เป็นแบบนั้นบ้าง แต่บ้านหนูยังดีที่มีบ้านมีรถเก่าๆให้ขับอยู่ มีข้าวกินทุกมื้อ แล้วตอนนี้เงินเดือนพ่อแม่โดนหักหมดไม่มีเหลือโชคดีที่เรามีกิจการก็ได้มีเงินส่วนนั้นใช้ อีกอย่างแม่ชอบตัดพ้อปีะชดชีวิตว่าตายไปก็ดี จนหนูทำให้อารมณ์หนูขึ้น พูดไปว่าตายไปก็ไม่ใช่หนี้จะหมด แม่คิดว่าแม่ตายไปคนข้างหลังจะมีความสุขมั้ย ก็ไม่หรอก สู้มาหาเงินใช้หนี้ไม่ดีกว่าหรอ หนูกลัวพ่อเครียดแม่เครียดจนเขาคิดฆ่าตัวตาย หนูกลัวจริงๆ ในฐานะลูกหนูทำไรได้ไม่มากในตอนนี้แค่ตั้งใจเรียนไม่เพิ่มภาระ จะทำยังไงให้3ล้านหมดไป เมื่อไรมรสุมนี้จะหมดไปจากชีวิตครอบครัวหนูเสียที TT
    รบกวนทุกคนค่ะ ขอโทษนะคะที่ยาวไป แต่ไม่รู้จะระบายที่ไหน :(
     
  2. พลังกสิณ

    พลังกสิณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +94
    ชีวิตคุณเหมือนกับผมเลยต่างกันตรงที่ผมอายุจะ 34ปีแล้ว ผมก็ไม่อยากจะกลับบ้านเหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกลับบ้านไปก็ไม่กล้าออกไปไหนไม่อยากเจอเจ้าหนี้ของแม่ เงินเดือนออกก็ต้องใช้หนี้ให้แม่เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว แต่ให้ทำไงได้เราเป็นลูกก็ต้องทำหน้าที่ของลูก ผมว่าคุณตั้งใจเรียนทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดดีกว่าส่วนเรื่องหนี้สินให้ผู้ใหญ่หาทางแก้ไขปัญหากันไปเชื่อว่าคงจะมีทางแก้ไขอะไรต่างๆ ให้ดีขึ้นได้ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณจริงๆปัญหาเดียวกันกับผมเลย ขอให้คุณเข้มแข็ง อดทน และผ่านปัญหานี้ไปให้ได้นะครับ จะเป็นกำลังใจให้
     
  3. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,038
    อ่านดูแล้ว น้องมีความเข้มแข็งอยู่เหมือนกันนะคะ

    รู้ไหมคะ บางทีคนที่เขายังดูมีความสุขอยู่เขาก็มีภาระหนี้สินเหมือนกันค่ะ

    ขอแค่เรารู้ว่านี่มันเป็นปํญหา และต้องแยกให้ออก

    ขอให้ตั้งมั่นว่าจะสู้กับมันซักตั้ง ปัญหาหนี้สินมีกันแทบทุกคนค่ะ

    ขอให้น้องให้กำลังใจคุณพ่อคุณแม่ อย่าท้อกับมันค่ะ อย่ายอมแพ้

    เรื่องอะไรเราจะต้องตายเพื่อมันค่ะ การที่คุณพ่อคุณแม่ ตัดสินใจจะขายทรัพย์สินบางอย่าง

    นั่นก็ ถือว่าเป็นการแก้ไขคลี่คลายปัญหาหนี้สินทางหนึ่งค่ะ

    ก่อนที่เราจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร เราต้องมองหาทรัพย์สินรอบตัวของเราก่อน

    แก้ปํญหาเองก่อนค่ะน้อง จะได้มีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น ทรัพย์สินเราหาใหม่ได้

    ขอให้ใจเย็นๆ ตั้งสติกันก่อน ใครไม่เป็นหนี้จะไม่รู้หรอก

    พี่มากิรู้ค่ะ เคยเป็นมาก่อน เมื่อมาถึงทางตันแล้ว ทำไงล่ะ ก็ใช้ใจนี่แหล่ะสู้

    เหลือแค่ใจค่ะ พี่มากิยังใช้วิธีนี้เลย

    อย่าไปเครียดกับมันมาก เพราะมันจะทำให้เราเสียสุขภาพ จนทุกอย่างจะแย่ไปหมดค่ะ

    เป็นหนี้ก็เป็นนี่แหล่ะ มีแค่ไหนจ่ายแค่นั้น ถ้าไม่มีจริงๆ ก็บอกไปตามนั้น

    จะมีทางออกอยู่ค่ะ คนอื่น เป็นหนี้ร้อยล้านเขายังปลดหนี้ได้ แก้ปัญหาได้

    แล้วเราล่ะ ทำไมจะไม่ได้ ขอให้มีกำลังใจ ให้ตัวเองและคุณพ่อคุณแม่ด้วย

    ตอนนี้ไม่ทราบว่ารายได้หักรายจ่ายแล้ว ยังเหลือเงินอยู่บ้างไหม

    ถ้ายังเหลือ ก็ยังดีอยู่นะคะ ถ้าติดลบ ต้องหาทางลดภาระหนี้ จ่ายยอดหนี้ให้น้อยลงก่อน

    อาจไปเจรจากับเจ้าหนี้ ผ่อนยอดหนี้ให้น้อยกว่าเดิม จะได้มีเงินเหลือไว้ใช้บ้างค่ะ

    ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปค่ะน้อง ปํญหาหนี้ถึงจะคลี่คลายได้

    ขอเพียงใจอย่ายอมแพ้นะคะ
     
  4. mabucha

    mabucha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +329
    กำลังใจจากใครก็ไม่สาำคัญเท่ากำลังใจของน้องเองครับ..ชีวิตมีเคล็ดลับให้เราเรียนรู้ อย่าได้หวั่นจ๊ะ..(ไม่มีเรื่องใด ที่มนุษย์เราทนไม่ได้)
     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    อย่ากลัวความทุกข์เลย ความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ ทุกคนทุกข์หมด สิ่งที่เราทำได้คือรู้เท่าทันความทุกข์ เข้าใจความทุกข์ ไม่เพิ่มทุกข์ที่มีอยู่แล้วให้มากขึ้นไป พอเรายึดกับเรื่องราวภายนอก ว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้เราถึงจะมีความสุข ถ้ามันเป็นแบบที่เราหวังไว้เราก็มีความสุขจริง แต่ถ้ามันเปลี่ยนแปลงไปจากที่เราหวังไว้เราก็จะทุกข์ทันที เปลี่ยนแปลงน้อยก็ทุกข์น้อย เปลี่ยนแปลงมากก็ทุกข์มาก ถ้ากลับจากหน้ามือเป็นหลังมือมันก็ทุกข์มากจนเกินจะทนไหวแบบนี้แหละ ที่ทุกข์มากก็เพราะยึดมั่นมาก อย่าไปยึดกับเรื่องราวต่างๆ ภายนอกเลย เพราะมันไม่มีอะไรเที่ยง ทุกสิ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง ถ้าเราไปยึดว่าเป็นแบบนั้นแล้วสุข เมื่อไหร่มันเปลี่ยนแปลงไปเราก็ทุกข์เมื่อนั้น ที่ผ่านมาสิ่งต่างๆ มันยังไม่ได้แสดงความไม่เที่ยงให้เราเห็น แต่ตอนนี้เราเห็นแล้วว่าสิ่งที่เราเผลอยึดมันไม่เที่ยง มันพร้อมจะกลับเป็นทุกข์ได้ตลอดเวลา ถ้าเห็นแล้วก็อย่าไปยึดมันเลย อย่ายึดแม้แต่ความคิด คสามรู้สึก คำพูด การกระทำของคนอื่น ยึ่งไปยึดมั่นมันก็ยิ่งทุกข์ อย่าไปคิดแทนพ่อกับแม่เลย เราทำแต่สิ่งที่เราทำได้เถอะ บางอย่างที่ไม่ใช่หน้าที่ของเรา เราก็อย่าไปยึดมัน ลองพูดคุยกันให้มากขึ้นในครอบครัว ปัญหาที่มันเกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เพราะไม่ได่พูดคุยปรึกษากัน อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก ป้องกันได้าทุกคนเข้สใจกัน
     
  6. comfx22

    comfx22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2011
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +234
    เงิน=อสรพิษ
    ความกตัญญูมีค่ามากกว่าทรัพย์ภายนอกแน่ๆ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=zP_Kr6i7itM]KAPOOYA - AUTOTUNE REMIX! (Original) - NOW ON ITUNES !! - YouTube[/ame]
     
  7. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    พี่Magigochan แนะนำไว้ดีมากแล้ว...หนูพึงใคร่ครวญตามด้วยดี

    ..เข้าใจและรับรู้ได้ถึงความรู้สึก อัดอั้น หดหู่ที่เกิด เพราะตนเองเคยผ่านมาแล้วเช่นกัน...เวลานี้ หนูไม่อยู่ในฐานะที่จะจัดการสิ่งไรๆด้วยตนเอง ก็พึงระงับความวิตกกังวลลงไว้ก่อนจะด้วยการสวดมนตร์หรือทำสมาธิก็ได้ ..ตั้งสติให้ดีรักษาจิตใจไว้ในความสงบ เมื่อใจสงบได้ ปัญญาย่อมได้โอกาสปรากฏ อาจเห็นช่องทางที่จะรับมือกับวิกฤติที่ปรากฏได้ด้วยดี ..

    หนูพึงทำหน้าที่ของตนให้ดี อย่างที่ท่านพลังกสิณกล่าวไว้..เพราะนี่...เป็นสิ่งที่หนูทำได้ในเวลานี้...

    สิ่งหนึ่งที่หนูควรทราบและต้องเข้าใจให้ดีคือ ความรักของพ่อแม่ที่มีให้หนู..การที่พ่อแม่เก็บเรื่องไว้เป็นความลับก็เพราะไม่ต้องการให้หนูทุกข์ใจไปด้วย..........พ่อแม่นั้นแม้ตนทุกข์เพียงใดก็ยังทนได้ แต่หากลูกทุกข์ไปด้วยแล้ว ท่านแทบตายไปทีเดียว....

    การที่หนูโกรธเกรี้ยวแม่ ว่าทำผิดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย ..หนูพึงเข้าใจว่าคนเรานั้นย่อมทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้นไม่เว้น..ที่แม่ทำไปนั้น แม่คงจะมีเหตุผลว่าทำเพื่อครอบครัว แต่วิธีการที่แม่ใช้นั้นไม่ถูกต้อง..หนูเองเมื่อเข้าถึงทุกข์สาหัส แสดงความโกรธให้ปรากฏ กระทั่งห้ามปรามพ่อในวิธีแก้ไขปัญหา ก็เหมือนเพิ่มภาระ ความกดดันให้พ่อแม่อีกส่วนหนึ่ง.. เวลานี้ปัญหาต้องการการแก้ไข พ่อแม่มีประสบการณ์ชีวิตมาพอที่จะทราบว่าจะแก้ได้อย่างไร หนูเองมีเพียงความต้องการให้ทุกอย่างคงที่ไม่แปรเปลี่ยน นี่จึงเกิดความขัดแย้งขึ้น...

    ขอให้ทราบว่า ถ้าเป็นไปได้ พ่อแม่ก็จะทำในสิ่งที่หนูประสงค์นั่นแหละ แต่เงื่อนไขชีวิตไม่อาจทำได้ตามนั้น หนูพึงเข้าใจด้วยตามจริง...

    ...ขอให้หนูเข้าใจว่า ในชีวิตจริงนั้น คนทุกคนไม่อาจมีหรือได้รับสิ่งที่ตนปรารถนาหรือไม่ปรารถนาได้อยู่ตลอดเวลา และแม้ในระหว่างที่ชีวิตที่ดำเนินไปด้วยดี หรือด้วยไม่ดี ก็สามารถเกิดปรากฏการณ์ที่ใครๆคาดไม่ได้คิดไม่ถึงได้..เพราะทุกสิ่งเกิดได้ด้วยเหตุปัจจัยที่ไม่อยู่ในอำนาจควบคุมบังคับบัญชาได้อย่างแท้จริง...นี้เป็นความจริงในธรรมดาโลก..

    ดังนั้น ขอให้หนูวางใจในการแก้ไขปัญหาของพ่อแม่นะครับแล้วเตรียมตัวรับสถานการณ์ใดๆด้วยความมั่นคงไม่หวั่นไหว และเข้าใจว่า ไม่มีใครพบแต่เรื่องดีหรือเลวร้ายตลอดเวลาหรือตลอดชีวิตเลย...สิ่งเหล่านี้มี สลับคละเคล้ากันตลอดเวลา หากหนูไม่ยอมรับ หรือรับไม่ได้เวลานี้ ต่อไปภายหน้า เมื่อหนูพบปัญหาหนักกว่านี้ ในชีวิตภายหน้า...หนูจะทนหรือฝ่าฟันไปได้อย่างไร..

    ขอให้กำลังใจให้หนูพ้นวิกฤติด้วยดีโดยเร็วครับ..
     
  8. pikkad

    pikkad สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาให้คำแนะนำ
    หนูพยายามจะทำอารมณ์และทุกอย่างให้ปกติเพื่อที่จะยอมรับ
    และไม่กลัวอุปสรรคใดๆแต่มันยากเหลือเกิน
    โดยพื้นเพอุปนิสัยหนูไม่ค่อยดีเท่าไรนะคะหนูยอมรับ
    ถ้าไม่พอใจสิ่งใดๆหนูจะแสดงออกมาโดยการเงียบ หนูรู้ว่ามันไม่ควรมากๆ
    อย่างล่าสุดแม่กลับมาจากเรียนต่อ หนูกับแม่ไม่เจอกันนานมากแล้ว
    เพราะหนูก็เรียนอยู่ต่างถิ่น ระหว่างหนูกลับมาสักพักอย่างที่บอกหนูก็เจอกับการมาทวงหนี้และได้รับรู้ได้ฟังอะไรหลายๆอย่างมันกดดันและกระทบต่อจิตใจหนูมาก
    หนูจึงเงียบไม่คุยกับแม่ แม่เลยส่งข้อความมาหาหนูว่า "ขอโทษนะ ถ้าเรื่องที่แม่ทำหนี้ไว้แล้วมันสร้างปํนหาทำไม่สบายใจให้กับลูกตั้งแต่กลับบ้านมาต้องขอโทษด้วย"
    หนูบอกตามตรงว่าหนูรู้สึกผิดมากๆ มันไม่ดีเลยกับการที่แม่ต้องมาขอโทษหนู
    หลายๆครั้งที่เกิดปัญหาแม่ขอโทษหนูหลายครั้ง มันต้องบาปมากๆแน่
    หนูรักแม่นะคะ แต่นิสัยเงียบของหนูจะแก้ยังไงดี
    หนูขอให้ไม่ช้าไม่เร็วนี้ เรื่องราวทั้งหมดจะต้องดีขึ้นๆให้ได้
    ขอบคุณทุกๆท่านนะคะ มันทำให้หนูสงบจิตใจลงได้เยอะเลย
    เพราะทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจและแนะนำ มีวุฒิภาวะมากเพียงพอ ผ่านมาเยอะ
    ทำให้มีมุมมองทางความคิดที่ดีกว่าหนู ขอขอบคุณจากใจจริงๆคะ
     
  9. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    หนูเห็นความรักอันไม่มีขอบเขตจำกัดของแม่หรือยัง?..แม้หนูจะเงียบ แต่แม่ก็รู้ว่าหนูรู้สึกอย่างไร...เเละเพียงเพื่อทำให้หนูรู้สึกดีขึ้น แม่ถึงกับขอโทษหนู ซึ่งเป็นอาการที่แม่แสดงออกขั้นสูงสุดว่ารักห่วงใยแคร์ หนูเหลือเกิน..แล้วหนูเล่า เคยใส่ใจแคร์กับความทุกข์ระทมของแม่บ้างหรือยัง ?..ถ้ายัง เวลานี้คือเวลาดีที่หนูควรแสดงออก เพื่อประคับประคองใจอันบอบช้ำของแม่ในสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว..ทั้งจะช่วยประคับประคองใจที่ชอกช้ำระส่ำระสายของพ่อเมื่อต้องเผชิญวิกฤติเช่นนี้...

    หนูควรบอกกล่าวปลอบพ่อแม่เวลานี้ว่า หนูเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้ และพร้อมยืนเคียงข้างพ่อแม่เสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แสดงออกให้ท่านทราบว่าหนูรักและห่วงใยท่านไม่แพ้กับที่ท่านรักและห่วงใยหนู..สิ่งใดที่ท่านเห็นสมควรในการแก้ไขปัญหา ท่านพึงทำตามที่เห็นควร หนูจะยอมรับและเข้าใจได้อย่างไม่หวั่นไหว..

    การแสดงออกเช่นนี้ จะช่วยพ่อแม่คลายความวิตกไปได้ส่วนหนึ่ง และแน่นอนว่า เมื่อท่านจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีใดๆ ท่านจะไม่ลืมคิดถึงความสวัสดีที่ท่านจะทำเพื่อหนู ..ดังนั้น แทนการทุกข์โทมนัส หนูพึงหันหน้าสร้างบุญให้เกิดด้วยการสวดมนตร์ไหว้พระ แล้วอธิษฐานให้บุญนั้นช่วยปัดเป่าปัญหาให้เบาคลายหายไป....เรื่องเช่นนี้มีให้รู้เห็นได้ในโลก ขอให้ทำจริงด้วยตั้งใจเถิด แล้วจะทราบด้วยตนเองทีเดียว..

    เป็นกำลังใจให้พ้นทุกข์ไวๆครับ..
     
  10. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เวลาที่เราทุกข์ให้มองถึงคนที่ทุกข์กว่า...แต่เชื่อเถอะ...ไม่ว่าทุกข์...หรือสุข...หรือ..ไม่ทุกข์ไม่สุข...สุดท้ายแล้วก็จะผ่านพ้นไป...ตอนนี้ต้องทำใจยอมรับสภาพก่อน...และไม่สร้างใหม่ขึ้นมาอีก...หรือก็ให้เกิดน้อยที่สุด...เหมือนกับที่เราชดใช้กรรมไง...ล้างกรรมเก่า...ละเว้นกรรมใหม่...ไม่มีใครเคยล้ม...ที่สำคัญคือเราจะลุกขึ้นมาสู้ได้มั้ย...อย่าท้อ(ทั้งๆที่คนบอกก็ท้ออยู่)คนที่แย่กว่าเรามีอีกเยอะ...เป็นแค่หนี้ไม่ได้เป็นโรค..บางคนเป็นทั้งโรคเป็นทั้งหนี้...ตายก็จะตาย..หนี้สินก็มากมาย...มองให้ออกว่ามันเป็นธรรมดาของโลก..ทำกรรมอย่างไรไว้สุดท้ายก็ต้องรับผลของมัน... " ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเอง " สวัสดี...
     
  11. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    หนูมาถูกทางแล้วนะ แต่ละท่านในเวปแห่งนี้ได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และข้อคิดดีๆ ให้ได้ ฉุกใจคิดได้ดีทีเดียว ขอให้เริ่มเลยลูกพูดกับคุณท่านก่อนทันทีและบอกว่าหนูีรักคุณแม่มากแค่ไหน เหมือนที่ท่าน ddman ได้แนะนำไว้เพื่อให้คุณแม่ท่านนคลายทุกข์ที่ประดังมามากมายอยู่แล้วนะ หนูอย่าได้บอกว่าที่ไม่พูดคุยกับคุณแม่เป็นเพราะหนูเป็นคนเงียบแต่ใจนั้นรักท่านมาก อยากบอกว่าการเงียบไม่พูดไม่คุยกับคนเป็นคุณแม่เราเองนั้นนั่นไม่ใข่ความเงียบนะคะ? มันเป็นมิจฉาทิฐิที่ไม่ดีและไม่สมควรเลยลูกพูดกับคุณแม่ก่อนหักทิฐิในใจซะและบอกตัวเองมาก ๆ คะว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่รักและหวังดีกับเรามากกว่าใคร ๆในโลกและผู้หญิงคนนี้แหละทีจะยอมทำทุกอย่างได้เพื่อลูก เพราะจากการที่คุณไม่พูดไม่คุยกับท่านเลยท่านยังส่ง ข้อความมาหามาขอโทษคนเป็นลูกก่อนนั่นมิใช่เพราะท่านรักและแคร์หนูดอกรึ? ดิฉันจำได้ว่าเมื่อเป็นเด็กก็เคยโมโหโกรธากับคุณแม่คนเราดิฉันเชื่อว่าต้องมีกันทั่งนั้นแหละดิฉันเป็นลูกสาวคนโตกับสามีคนแรกคุณแม่สมรสใหม่กับคุณพ่อเลี้ยงมีลูกสาวอีก 3 คน ท่านเชื่อหรือไม่ คุณพ่อเลี้ยง ตั้งแต่จำความได้ท่านไม่เคยแม้แต่มาตี ดิฉันได้เลย น้องสาว 3 คนก็รักเคารพดิฉันเหมือนเป็นพี่น้องคุณพ่อคุณแม่เดียวกันดิฉันก็รักน้องทั้ง 3 มากและรักเคารพคุณพ่อเลี้ยงเหมือนพ่อบังเกิดเกล้า เมื่อยังเป็นวัยรุ่นดิฉันก็คงคล้ายหนูนี่แหละอาจดื้อกว่าด้วยซำ้ำเพราะบัดนี้เมื่อมามองย้อนกลับไปแล้วนำ้ตาไหลเลยนะคะเพราะอะไรผิด ดิฉันต้องถูก อะไรถูกดิฉันก็ถูก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดิฉันจะไม่เคยและไม่กล้าทำคือการไม่พูดไม่คุยกับคุณแม่เพราะไม่ว่าด้ิืือดึงเช่นไร ดิฉันจะยกไว้คะ่เพราะทุกวันนี้ที่ได้ดีมีสุขก็เพราะคุณแม่นั่นเองดิฉันรักคุณแม่มากจริง ๆ ทางใดที่ทำให้ท่านมีความสุขในวันนี้ได้ดิฉันจะทำทันที
    อนึ่ง : และจากการตัดสินใจในการบริหารการเงินในครอบครัวของคุณแม่ท่านจะพลาดผิดอย่างมหรรศ์ไปก็ตามหนูเป็นลูกคนเดียวของท่านนะคะต้องยืนอยู่ข้างท่านนะลูก ช่วยยังไง? ช่วยด้วยการไม่ทำให้ท่านทุกข์มากไปกว่าที่เป็นอยู่ และที่ดิฉันเห็นในเรื่องนี้คุณแม่ท่านมุมานะขวนขวายเรียนต่อน่าจะเพื่ออนาคตที่ดีของครอบครัวเพราะการมี ดีกรีที่เพิ่มมากขึ้น หมายถึงโอกาสในการทีจะเลื่อนขั้นให้สูงขึ้นนั้นก็คือรายได้ที่จะมีมากขึ้นนั่นเอง ขณะนี้ขอให้คนในครอบครัวต้องรักและสามัคคีกันให้มากไม่ควรโทษกันโทษแก เพราะเหตุมันได้เกิดไปแล้วมันต้องแก้ไขเท่านั้น ก่อนจะแก้ใดๆ สามัคคีมีพลังนะคะหนูจะเป็นกาวใจได้ดีที่สุดประสานให้คุณพ่อและคุณแม่ท่านหันมาใช้สติแก้ปัญหาตั้งเป้า วางแผนด้วยกันอย่างรอบคอบ เพราะเมื่อสติมาปัญญาเกิด โดยมีหนูที่เป็นแรงใจให้ท่านทั้ง 2 ดิฉันเชื่อว่า ทุกปัญหา มีทางแก้นะคะ และหนูเองควรเข้าห้องพระสวดมนต์แผ่เมตตาให้คุณแม่คุณพ่อรวมถึงหนูและเจ้ากรรมนายเวรด้วย เชื่อว่าครอบครัวน่ารักอบอุ่นจะกลับมารักกันยิ่งกว่าเดิมด้วยเพราะ ครอบครัวหนูได้ร่วมกันฝ่าวิกฤติครั้งสำคัญในชีวิตมาได้ และในเหตุการณ์ของครอบครัวหนูก็ยังโชคดีอย่างที่สุดที่ไม่มีใครเป็นโรคภัยไข้เจ็บ หรือเป็นโรคร้ายแรงใด ๆ เหมือนครอบครัวอื่น อย่างที่ท่าน AYACOOSHA ว่าไว้ เพราะบางครอบครัวหนี้ก็ท่วมแถมยังเป็นโรคร้าย ๆ อีก ขอหนูและครอบครัวจงผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้โดยเร็วและด้วยความเป็นลูกกตัญญูรู้คุณของหนูจะทำให้แม้ฟ้าเบื่องบนจะต้องเมตตาอย่างแน่นอน
    เจิรญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในใจมาก ๆ นะคะ
     
  12. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208
    - เรื่องหนี้สินนี้ เป็นธรรมดาของคนอย่างเราที่พานพบเจอเป็นปกติ
    - หน้าที่ของน้องในตอนนี้คือการเป็นลูกที่ กตัญญู กตเวที ซึ่งในตอนนี้คือ น้องต้องรู้จักให้กำลังพ่อกับแม่ เช่น พูดกับท่านทั้งสองว่าเมื่อความผิดพลาดมันเกิดขึ้นแล้วมันไปย้อนแก้ไขใดๆไม่ให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ นอกจากที่เราจะยอมรับมันและต่อสู้ให้มันหมดสิ้นไปให้ได้
    - เมื่อก่อนเราก็เคยลำบากมาแล้ว นี่เป็นวิกฤตที่จะทำให้เรานั้นแข็งแแกร่งขึ้น บางครั้งอาจจะเจอคนทางที่ดีขึ้นมาและทำให้เราหลุดพ้นจากทุกข์นี้ไปได้ด้วยดี และ เราต้องช่วยเหลือกัน หากหันหน้าหนีกันไม่ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากทุกข์นี้ได้แน่ คนอื่นเจาทุกข์กว่าเราก็มี เรานั้นยังมีโอกาสที่จะต่อสู้ได้มากกว่าหลายคนเราควรช่วยเหลือ หันหน้าเข้าหากันปรึกษาแก้ไขปัญหากัน ตัวน้องเองก็จะต้องประหยัด ช่วยเหลืองานบ้านบ้าง หาเงินบางส่วน เช่น รับพิมพ์งาน ทำงานทางเน็ต หรือ หาของมาขายที่มหาลัยหรือทางเน็ต
    - น้องรู้ไหมเมื่อก่อนบ้านพี่จนมาก ไม่มีเงิน ครอบครัวมีลูก 8 คนพี่จำความได้ว่าพ่อเตี่ยเงินเดือนน้อย แม่ขายส้มตำหาเงิน พี่น้อง 4 คนกินไข่พะโล้ 1 ฟอง มีหนี้สินอยู่เช่นกัน แต่พี่สาวพี่ตั้งแต่เด็กเรียนอยู่ประถมเขาก็ช่วยแม่ค้าขาย หอบผักไปขายที่ตลาด อีกส่วนก็รับซื้อขนมแล้วเอาไปขายทืี่โรงเรียน หรือ ร้านสหกรณ์โรงเรียน พี่ชายพี่ก็ซื้อลูกเป็ดลูกไก่และปลามาเลี้ยงขาย พี่ตอนนั้นจำได้ว่าอายุประมาณ 4 ขวบ พี่ก็ไปซื้อพวกฉลากจับของรางวัล หรือ ของเล่นและขนมเด็กมาขาย สมัยเมื่อประมาณ 28 ปีก่อนนู้น จนทุกวันนี้พวกพี่ก็สร้างเนื้อสร้างตัวซื้อที่ซื้อบ้านให้พ่อแม่อยู่ได้ พี่สาวจบ ป.ตรี วิทยาศาสตร์เคมี มข. อีกคนก็เป็น ครูใหญ่ รร.ที่ จหนองบัวลำภู อีกคนก็เป็นผู้จัดการโรงงานต่างประเทศแห่งหนึ่ง อีกคนก็เป็นเสมียนโรงน้ำปลา อีกคนก็เปิดกิจการของตนเอง พี่ชายก็เปิดรับเหมาทำงานตกแต่งภายในและเดินระบบไฟฟ้าภายในอาคาร ส่วนพี่ก็ทำงานบริษัทเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์กทั่วประเทศไทย และ สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของบริษัทมีชื่อแห่งหนึ่ง
    - น้องลองมองดูสิครับพวกพี่แค่เด็กไม่มีขวบ ยังมีปัญญาช่วยพ่อแม่หาเงินและเอาใจใส่พ่อแม่ได้ น้องอายุมากกว่าพี่ในตอนนั้นถึง 5 เท่า เรียนปริญญาตรีมีคุณวุฒิ มีความรู้ น้องน่าจะทำได้มากกว่าพวกพี่ในตอนนั้นนะครับ เพียงแค่เปิดใจตนเองยอมรับความจริงและมีใจขยัน อดทน ต่อสู้เพื่อครอบครัว ไม่มีสิ่งใดที่เราทำไม่ได้ นอกจากเรานั้นไม่ยอมที่จะทำมันเอง
    - เตี่ยพี่ก่อนที่ท่านจะตายท่านบอกไว้ว่า ปัญหามีไว้ให้เราแก้ไข เมื่อเราเจอมันเราก็ต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้ ถ้าไม่รู้จักวิเคราะห์แก้ไขปัญหาแล้วลุกขึ้นสู้ให้ผ่านมันไปได้มันก็เสียชาติที่เกิดมาเป็นคนแล้ว หายหมามัน หมามันอยู่ข้างถนนไม่มีคนเลี้ยงดูมันลำบากก็ยังอดทนเพียรที่จะแสดงหาอาหารเพื่ออยู่รอด มันไม่เคยนอนรอความตาย
    - หวังว่าน้องคงได้แง่คิดจากพี่บ้างเพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์แก่ครอบครัว บางครั้งน้องอาจต้องการคำปลอบใจแต่คำปลอบใจนั้นมันแค่คำพูดให้รู้สึกดี มันไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้น้องต้องกระทำเท่านั้น ที่พี่ยกชี้มานี้มันเป็นเพียงทางออกทางหนึ่งในอีกล้านล้านหนทาง ลองพิจารณาดูครับ
    - เราไม่ใช่เด็กแล้ว เราโตพอที่จะยอมรับความจริงและสู้กับมันได้แล้ว หากไม่อดทนเข้มแข็งลุกขึ้นสู้ในวันนี้ ก็จะไม่มีอนาคตที่เราต้องการในวันหน้าแน่นอน


    - สุดท้ายก็ขอให้ครอบครัวของน้องผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาทั้งหลายเหล่านี้ไปได้นะครับ

    ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธเจ้า
    ด้วยอำนาจแห่งพระธรรม
    ด้วยอำนาจแห่งพระสงฆ์
    ด้วยเดชแห่งบุญใดๆที่พี่นี้ได้ปฏิบัติธรรม พยายามเผยแพร่พระธรรมในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ดีแล้วนี้ ได้เพียรให้รู้แจ้งเพื่อเข้าถึงพระธรรมที่ถูกต้องและเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเพื่อประกาศพระพุทธศาสนาได้ถูกและตรงแล้วนั้น ด้วยเดชแห่งบุญนั้น ขอเทวดาจงดูแลรักษาช่วยเหลือครอบครัวน้องให้ปลอดภัย ให้ครอบครัวน้องหมดหนี้สินทั้งหลายนี้ไป ให้ครอบครัวน้องได้มีความสุขที่ดีงามต่อไปด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...