เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. Dr.Khoon

    Dr.Khoon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +123
    อนาคตที่เราเห็นนั้น...ย่อมจะไม่ใช่อนาคตอีกต่อไปแล้ว...เพราะมันถูกป้อนกลับมาแก้ไขให้ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป...คล้ายระบบ Feed Back Control ในวงจรไฟฟ้าอะไรทำนองนั้น ...ดังนั้น การไปดูดวงหรือการทำนายอนาคตล่วงหน้านั้น...ก็ย่อมจะไม่ใช่การมองเห็นอนาคตที่แท้จริง...แต่เป็นการนำข้อมูลในอนาคตมาปรับเปลี่ยนปัจจุบันมากกว่า...
     
  2. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เรียนภาษาอังกฤษด้วยสมองซีกขวา

    พี่นักเขียนขอตอบน้องลูกเกด และจะขอย้อนขยายความที่ได้ตอบคุณเฉลยเมื่อวันก่อนเกี่ยวกับการฝึกใช้ประสาทสัมผัสที่หกไปด้วย เพราะเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด

    น้องลูกเกดอยากเก่งภาษาอังกฤษ และพูดเรื่องสมองซึกขวา
    ส่วนคุณเฉลยอยากฝึกฝนการใช้ประสาทสัมผัสที่หกโดยไม่ต้องนั่งสมาธิ
    ส่วนคุณน้องขจรวรรณสงสัยว่าเราจะทำอย่างเด็กอัจฉริยะได้อย่างไร

    การติดต่อถ่ายทอดข้อมูลความรู้และความสามารถจากจิตวิญญาณต่างร่างมาสู่สติสัมปชัญญะของเรา เป็นไปได้ด้วยสมองซีกขวา เพราะสมองซีกขวารับข้อมูลที่เป็นภาพรวม นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ปราศจากเหตุผลที่เป็นลำดับ และมีความฉับไว คือเรียนรู้ได้อย่างฉับพลันปราศจากลำดับขั้นตอน ส่วนสมองซึกซ้ายรับได้แต่ข้อมูลที่อยู่ใต้กฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา เป็นไปตามเหตุผลที่เป็นลำดับเท่านั้น

    สมองซีกขวาทำงานมากกว่าสมองซึกซ้ายเมื่อเรายังเป็นเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรายังไม่ได้เรียนหนังสือ ยังไม่ได้หัดคิดเลข และยังพูดไม่เก่ง สมองซึกขวาทำให้เด็กๆหัดเดิน หัดรับประทานอาหาร หัดพูด วาดภาพหรือร้องเพลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่าเรียนได้อย่างฉับพลันด้วยตนเอง แต่เมื่อเด็กๆเข้าระบบโรงเรียน การเรียนคิดเลขและหัดอ่านหนังสือที่เป็นสัญญลักษณ์ เป็นเหตุเป็นผล ล้วนเป็นกระบวนการที่ทำให้สมองซึกซ้ายเริ่มขยายการทำงาน และในที่สุดก็ทำงานเป็นนายสมองซึกขวาโดยสิ้นเชิง ทำให้เราคิดอย่างฉับพลันนอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาไม่เป็นอีกต่อไป หรือ ขัดขวางการถ่ายทอดข้อมูลความรู้และความสามารถจากจิตวิญญาณต่างร่างมาสู่สติสัมปชัญญะของเรา

    เด็กอัจฉริยะคือบุคคลที่ยังคงสภาพการใช้สมองซึกขวาได้ตามธรรมชาติมากกว่าเด็กอื่นๆที่เรียกได้ว่า ถูกกลืนโดยระบบการศึกษาซึ่งสอนให้ใช้สมองซีกซ้ายมากกว่า

    เราจะพัฒนาตนเองให้กลับไปสู่ภาวะที่เป็นธรรมชาติได้เหมือนเด็กๆที่พัฒนาตนจนกลายเป็นอัจฉริยะได้ก็ต่อเมื่อ เราพัฒนาสมองซึกขวาให้ทำงานมากกว่าซีกซ้าย หรือทำให้สมองซึกขวากลายเป็นนายของสมองซีกซ้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ เช่น ฝึกด้วยการวาดภาพ ด้วยการเล่นดนตรี ด้วยการเต้นรำ หรือด้วยการเล่นกีฬาที่่ต้องใช้ความฉับไวแม่นยำของร่างกาย และนำแรงบันดาลใจมาลงมือทำให้กลายเป็นความเป็นจริงด้วยการจดจ่อและทุ่มเทอย่างหมดใจ

    การฝึกให้สมองซีกขวาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือสมองซีกซ้าย จะทำให้รู้เห็นการทำงานของประสาทสัมผัสที่หกได้ง่ายขึ้น เพราะสมองซีกขวามีความอ่อนไหวกับทุกสิ่งทุกอย่าง-นอกเหนือเหตุผล สัมผัสรู้เห็นทุกสิ่ง-ด้วยอารมณ์อันอ่อนไหวอย่างตรงไปตรงมาที่สุด

    น้องลูกเกดเริ่มต้นได้ด้วยการฝึกสมองซีกขวาด้วยการวาดภาพค่ะ หนังสือเล่มที่น้องลูกเกดพูดถึงมีขั้นตอนอย่างละเอียดมาก ซึ่งสอนให้วาดภาพเหมือน และผลงานภาพวาดนั้นๆจะเป็นเครื่องวัดที่ชัดเจนมากว่า เราได้พัฒนาสมองซีกขวาไปได้มากน้อยเพียงใด เพราะภาพวาดจะฟ้อง วาดเหมือนได้มากเท่าไรก็หมายถึงว่าสมองซึกขวาทำงานได้ดีเท่านั้น

    คุณเฉลยสามารถฝึกประสาทสัมผัสที่หกได้ด้วยการฝึกให้สมองซีกขวาทำงานมากขึ้น

    สมองซีกขวามีความอ่อนไหว ละเอียดอ่อน เป็นสมาธิ ปราศจากคำพูด มีแต่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด จดจ่อได้กว้างไกลลึกล้ำ รู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หก การฝึกสมาธิก็ไม่ต่างไปจากการฝึกสมองซึกขวา ดังนั้นหากคุณเฉลยอยากจะฝึกฝนใช้ประสาทสัมผัสที่หกโดยไม่นั่งสมาธิ ก็ฝึกได้ด้วยการฝึกสมองซึกขวา คือฝึกสมาธินอกเบาะอย่างที่พี่นักเขียนได้อธิบายไว้ที่ http://www.novaanalai.com/novaanalai/20124617-2B10-11DC-A09E-000D932ED860.html

    เมื่อสมองซึกขวาทำงานได้ดีขึ้นจากการฝึกหลากหลายวิธีที่พี่นักเขียนแนะนำไว้ที่ website นี้ เราจะพบว่าการจดจ่อกับงานศิลปะหรือดนตรีมักเหนี่ยวนำให้เราจดจำความฝันได้ดีขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะสมองซีกขวาเป็นสมองซีกที่ทำงานในความฝันและจดจำทุกส่ิงทุกอย่างเป็นภาพหรือเสียงดนตรี ไม่ได้จดจำเป็นคำพูด การรู้เห็นประสบการณ์ในความฝันทำให้เราตระหนักได้ถึงแรงบันดาลใจ และความปรารถนาที่แท้จริงของเรา ซึ่งจะทำให้เราจดจ่อกับส่ิงที่เราปรารถนาจะทำได้อย่างหมดใจ ปัญหาหลักของเราที่เรามักทำหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตไม่สำเร็จก็คือ การที่เราไม่แน่ใจว่า สิ่งนั้นเป็นความปรารถนาที่แท้จริงของตนเองหรือไม่ ความไม่แน่ใจทำให้เราขาดความเชื่อมั่น ทำให้ความคิดฝันเหล่านั้นกลายเป็นความเป็นจริงไม่ได้

    สมองซีกขวาจะเอื้ออำนวยให้เราเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างข้ามขั้นตอน เพราะมันมีธรรมชาติที่เรียนรู้โดยปราศจากลำดับ ยกตัวอย่าง พี่นักเขียนเคยเรียนเปียโนด้วยการอ่านโน้ต ซึ่งอ่านได้ช้ามากและทำให้เล่นไม่ได้ดีเอาเลย ถ้าขยันซ้อม-อ่านโน้ตได้เร็วขึ้นก็จึงจะเล่นเพลงนั้นๆได้ หากไม่มีโน้ตก็เล่นไม่ได้

    เมื่อมาฝึกสมาธิด้วยการวาดภาพตามหนังสือที่น้องลูกเกดกล่าวถึง ทำให้การคิดเปลี่ยน การเล่นดนตรีก็เปลี่ยนไปด้วยคือ แทนที่จะเล่นด้วยการอ่านโน้ต พี่นักเขียนกลับพอใจจะเรียนด้วยการฟัง จำเสียง แล้วเล่นตามอ่านโน้ตผ่านๆเพื่อตรวจทานเท่านั้น จำโน้ตยากๆ 9-12 หน้าได้โดยอัตโนมัติในเวลาอันสั้น จำได้แล้วก็เล่นได้โดยไม่ต้องเปิดโน้ตอีกเลย

    ขอแนะนำให้ลูกเกดเริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยการหัดฟังก่อนด้วยการดูหนังการ์ตูนภาษาอังกฤษ ซึ่งจะช่วยได้มากเพราะเริ่มจากภาษาง่ายๆและเป็นธรรมชาติ ดูบ่อยๆนะคะ cartoon disney มีมากมาย ดูซ้ำๆเรื่องเดียว พยายามอย่าอ่าน subtitle ภาษาไทย นอกจากไม่รู้ความหมายจริงๆก็ชำเลืองมองบ้างเป็นครั้งคราว และสังเกตตนเองไปเรื่อยๆว่า เราฟังได้มากขึ้นเพียงใดโดยชำเลืองอ่าน subtitle ภาษาไทยน้อยลงแค่ไหน จากนั้นค่อยเปลี่ยนไปดูภาพยนต์ และค่อยหัดฟังข่าว เป็นลำดับไป

    อีกวิธีหนึ่งที่จะเรียนภาษาอังกฤษด้วยสมองซีกขวาได้ดีคือ ฟังเพลงและอ่านเนื้อร้องให้เข้าใจ ฟังเพลงด้วยใจ ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ให้เข้าถึงความหมายและอารมณ์ของเสียงเพลงนั้น

    ต้องขยันเปิด dictionary เพื่อหาความหมายและเรียนคำศัพท์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ควบไปกับเวลาดู cartoon และฟังเพลง

    แต่ฟังแล้วก็ต้องหันไปขยันอ่านหนังสือด้วยนะคะอย่าลืม เพราะโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็ยังคงบังคับให้เราใช้สมองซึกซ้ายตามเดิม เราเลยเลิกใช้มันไม่ได้นะคะ
    [​IMG]
    วันนี้น้านักเขียนเอาเนื้อเพลง Somewhere Over The Rainbow มาฝากน้องลูกเกดค่ะ(rose)
    http://www.brave.com/bo/lyrics/somerain.htm

    ฟังหนู Connie นางฟ้าน้อยๆร้องไปด้วยนะคะ
    http://www.youtube.com/watch?v=hkcE6Vy-e6c
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2007
  3. Dr.Khoon

    Dr.Khoon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +123
    เรียนถามพี่นักเขียนหน่อยครับ...ทำไมต้องมีชาติก่อนด้วยครับ...ตายแล้วก็น่าจะจบกันไป
     
  4. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เวลานอนทำสมาธิ (โดยเฉพาะตอนเช้าที่อาจารย์ให้ฝึกให้กายภายนอกหลับแต่ให้จิตรู้สึกตัวอยู่) หรือแม้แต่ในความฝัน มักจะมีเสียงหนึ่งมักจะมาบอกสิ่งต่าง ๆ เป็นประจำ ไม่ว่าเรื่องราว หรือ สิ่งที่จะเกิดขึ้น อันนั้นเป็นเสียงจากตัวตนภายในหรือจิตไร้สำนึกใช่หรือไม่
     
  5. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดของมนุษย์โลก

    ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเป็นระบบเครือข่าย เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนด้วยระบบ Internet ที่ทำให้การติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด แลกเปลี่ยนสินค้าทุกชนิดเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ตามธรรมชาติแล้วความสัมพันธ์ของมนุษย์ทั้งในระบบ Internet ในโลกปัจจุบันและนอกระบบ Internet ในอดีตก็ไม่ได้แตกต่างกัน ในด้านความสัมพันธ์ ทุกวันนี้แตกต่างกันก็เพียงความรวดเร็วของการติดต่อสื่อสาร และการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเท่านั้น แต่ทั้งหมดก็ส่งผลกระทบต่อการแลกเปลี่ยนเงินตรา การขนส่ง การผลิต การคิดค้น การพัฒนาทุกสาขาเป็นไปได้เร็วขึ้นด้วยโดยปริยาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ และการเคลื่อนย้ายและผ่องถ่ายทุกสิ่งในโลก

    ทุกวันนี้โลกของเรามีแม้กระทั่งอุตสาหกรรมส่งนมมารดา จากสหรัฐอเมริกาไปให้ทารกใน Africa ทั้งหมดเกิดขึ้นจากว่า แม่ลูกอ่อนชาวอเมริกันผู้หนึ่งปั๊มนมบรรจุขวดไว้ให้ลูกน้อยของเธอ แต่ปรากฏว่าเธอกลับไม่ได้ใช้น้ำนมที่เธอเก็บใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้เรื่อยๆ จนในที่สุดเธอพบว่าเธอมีน้ำนมที่บรรจุขวดแช่อยู่ในตู้เย็นมากมาย จะเททิ้งก็รู้สึกว่าเป็นการเปล่าประโยชน์ เธอจึงลงโฆษณาทาง Internet ว่าหากมีผู้มีความต้องการนำน้ำนมเหล่านี้ไปใช้เลี้ยงทารกแรกเกิดให้ติดต่อมา เธอยินดีจะจัดการส่งไปให้

    ปรากฏว่ามีความต้องการน้ำนมมารดาอย่างสูงสำหรับทารกแรกเกิดในประเทศอัฟริกา ซึ่งอดอยากและแม่ลูกอ่อนไม่มีน้ำนมให้ทารก อเมริกาเป็นประเทศที่รณรงค์ให้มารดาเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดามานานกว่า 20 ปี และไม่สนับสนุนให้เลี้ยงลูกด้วยนมผง เพราะค้นพบว่านมแม่ช่วยให้ทารกมีภูมิคุ้มกันโรคทุกชนิด และทำให้ทารกเติบโตด้วยสุขภาพกายและจิตที่สมบูรณ์กว่าทารกที่เติบโตด้วยนมวัว ทำให้มารดาในยุคนี้เห็นคุณค่าของนมแม่ เมื่อ Oprahh Winfrey นักจัดรายการระดับโลกของอเมริกาทราบข่าวคุณแม่ลูกอ่อนใจบุญผู้นี้ จึงได้จัดตั้งองค์กรรับบริจาคนมมารดาจากแม่ลูกอ่อนในอเมริกาทั่วประเทศ เพื่อรับไป pasteurize และจัดส่งไป Africa

    หากจะมองหาผลกระทบของการส่งนมมารดาไป Africa ก็คงมากมายเกินกว่าเราจะทราบได้ทั้งหมด อย่างน้อยที่สุดที่พี่นักเขียนพอจะทราบคือ กระทบต่ออุตสาหกรรมนมผง ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตนมวัว ธุรกิจการเลี้ยงวัว ส่งผลกระทบต่อบุคคลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และทำให้เกิดอาชีพใหม่ขึ้นอันได้แก่การ pasteurize และบรรจุน้ำนมมารดา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมใหม่ ปริมาณน้ำนมที่ส่งออกจากอเมริกาต่อวันสามารถเลี้ยงทารกใน Africa ได้ทั้งหมู่บ้านได้เป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ทีเดียว ที่ย่อมจะส่งผลกระทบต่ออะไรอีกมากมายสุดจะพรรณนาในระบบอุตสาหกรรมนมและบรรจุภัณฑ์

    ในสหรัฐอเมริกามีธนาคารนมแม่ Human Milk Banking มานานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานในโรงพยาบาล เช่นเดียวกับธนาคารเลือด แต่ก็กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นระบบที่เป็นไปด้วยการบริจาคให้กับทารกแรกเกิดอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว

    ผลกระทบของการส่งนมแม่จากสหรัฐไป Africa เป็นเพียงหนึ่งเรื่องเดียวที่พี่นักเขียนหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์โลก ซึ่งมีอีกมากมายที่เรารู้เห็นความเป็นไปอื่นๆอีกมากมาย เช่นการรับเด็กๆจากประเทศตะวันออกมาเป็นบุตรบุญธรรมของพ่อแม่ในประเทศตะวันตก การที่นักเรียนไทยไปเรียนหนังสือในต่างประเทศ การที่ชาวพม่า ชาวเขมรเข้าไปหางานทำในประเทศไทย ชาว Mexican เข้ามาหางานทำในสหรัฐอเมริกา โลกของเราเล็กลงทุกวันด้วยการติดต่อสื่อสารที่เป็นระบบเครือข่่ายของจิตวิญญาณ ที่ได้รับการสะท้อนให้เห็นและสนับสนุนให้เป็นไปได้อย่างชัดเจนขึ้นด้วยระบบการสื่อสารและคมนาคม

    ประเทศ Dubai ซึ่งอยู่ใน Middle East อากาศร้อนและมีภูมิประเทศเป็นทะเลทราย
    ทุกวันนี้มี Indoor Ski Resort
    [​IMG]
    [​IMG]

    Okinawa, Japan มี Aquarium ใหญ่ที่สุดในโลก
    [​IMG]

    เราได้ข่าวการสร้างสิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เช่น ตึกสูงที่สุด สะพานยาวที่สุด เขื่อนใหญ่ที่สุด สนามบินใหญ่ที่สุด ฯลฯ ซึ่งล้วนต้องใช้ความรู้ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญในโลกร่วมมือกันหลายประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อบุคคล อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการเมืองของทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง และส่งผลกระทบต่อทุกประเทศในโลกอย่างหลึกเลี่ยงไม่ได้เสมอ

    การเคลื่อนไหวของมนุษย์โลกทั้งหมดย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ทรััพยากรของโลกทุกหย่อมหญ้า ทั้งทรัพยากรมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหมดบนผืนโลก (rose)
     
  6. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ฝันร้ายกับความเชื่อ

    ความฝันเกี่ยวพันกับสภาวะจิตของเราอย่างตรงไปตรงมาที่สุด เพราะความฝันเปรียบเสมือนแบบพิมพ์เขียวที่เราวาดขึ้นก่อนที่เราจะนำมาสร้างประสบการณ์ชีวิตในประจำวัน มันเป็นแบบพิมพ์เขียวจากอดีตและอนาคต

    ฝันร้าย หรือ ฝันดี ก็ล้วนเกิดจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดของเราที่คล้อยตามความเชื่อ ทั้งที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัวว่าเราจดจ่อกันมัน แต่เมื่อมันปรากฏให้เราเห็นในความฝันเป็นฝันร้าย เราก็ควรจะตระหนักได้ว่าเรากำลังมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดของเราที่คล้อยตามความเชื่อในแง่ลบ ซึ่งเป็นปัจจัยเหนี่ยวนำให้เราสร้างภาพเหล่านั้นขึ้นมา หากเราจดจ่อกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดของเราที่คล้อยตามความเชื่อในแง่ลบนั้นต่อไป เราก็ย่อมดึงดูดมันมาสู่ความเป็นจริงในที่สุด

    แต่ถ้าหากเราเชื่อว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี แม้มันจะไม่ใช่ความเป็นจริง แต่มันก็ทำให้เราเปลี่ยนความเชื่อได้ ทำให้เราจดจ่อว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้น ซึ่งเท่ากับว่าเราเปลี่ยนอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดของเราที่คล้อยตามความเชื่อนั้นไปโดยปริยาย สิ่งเลวร้ายๆนั้นก็ไม่เกิดขึ้น

    ต่อไปนี้หากฝันร้าย คุณน้อง dont_worry ก็ Just don't worry ได้แล้วค่ะ แต่ให้หันไปจดจ่อกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึิกคิดของเราที่คล้อยตามความเชื่อในแง่บวกแทน ให้ตระหนักว่าเรามีพลังอำนาจที่จะฝันใหม่ให้ดีกว่าเดิมได้เสมอ แม้จะไม่ฝันตอนหลับ ฝันตอนตื่นก็ได้ค่ะ นึกคิดแต่สิ่งที่ดีงามให้ตรงข้ามกับฝันร้ายเลยก็ย่อมทำได้ และจดจ่อกับสิ่งที่ดีกว่า เพื่่อดึงดูดมันมาสู่ประสบการณ์ชีวิตเราแทนสิ่งที่ปรากฏในความฝัน

    ฝันร้ายจะเป็นจริงได้ด้วยเหตุเดียวคือ เมื่อเราเชื่อว่ามันจะเป็นจริง พลังอำนาจที่สร้างโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดของเรา คือ ความเชื่อของตนเอง (rose)
     
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เรามีแต่ปัจจุบัน

    หากความตายคือจุดจบที่สูญสิ้น ความรู้ทั้งหลายย่อมหายสาบสูญไปจากโลกและจักรวาล โลกและจักรวาลจะพัฒนาต่อไปไม่ได้ ขยายตัวไม่ได้ ณ วันนี้ย่อมปราศจากการสนับสนุนทั้งปวงให้คงสภาพอยู่ได้อย่างที่กำลังเป็นอยู่

    อดีตชาติ-ปัจจุบันชาติ-อนาคตชาติ มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน เพราะจิตวิญญาณมีพลังอำนาจเสมอเหมือนกับต้นกำเนิดของมัน ซึ่งเต็มไปด้วยแนวโน้มและความเป็นไปได้ที่หลากหลายเป็นอนันต์ จิตวิญญาณมาถือกำเนิดในทุกชาติภพ ทุกมิติ ทุกโลก เพื่อแสวงหาการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และความเป็นไปได้อันหลากหลาย-เป็นอนันต์-ไม่มีวันสิ้นสุด
    [​IMG]
    ชาติเดียว ภพเดียว โลกเดียว ไม่อาจจะเพียงพอต่อการแสวงหาการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตอันหลากหลายเป็นอนันต์ได้

    ณ วันนี้ คำว่าจบสิ้นมีความหมายอะไรกับคุณ Drkhoon ? คำว่าแสนชาติภพมีความหมายอะไร ? จุดจบกับความเป็นอนันต์ต่างกันอย่างไร ? แม้แต่เมื่อวานนี้ สัปดาห์ที่แล้ว ปีที่แล้ว ชาติที่แล้วอยู่ที่ไหน ? พรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า ปีหน้า ชาติหน้าอยู่ที่ไหน?

    เราต่างก็มีเพียงแค่ปัจจุบันเท่านั้น
    ทำปัจจุบันของเราให้ดีที่สุดด้วยการแสวงหาความรู้และเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ เรียนรู้คุณค่าชีวิตของเราในวันนี้อย่างดีที่สุด (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2007
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    <CENTER>
    Over The Rainbow



    (Arlen-Harburg) <HR>
    Somewhere over the rainbow
    Way up high
    There's a land that I heard of
    Once in a lullaby
    Somewhere over the rainbow
    Skies are blue
    And the dreams that you dare to dream
    Really do come true
    Some day I'll wish upon a star
    And wake up where the clouds are far behind me
    Where troubles melt like lemondrops
    Away above the chimney tops
    That's where you'll find me
    Somewhere over the rainbow
    Bluebirds fly
    Birds fly over the rainbow
    Why then, oh why can't I?
    Some day I'll wish upon a star
    And wake up where the clouds are far behind me
    Where troubles melt like lemondrops
    Away above the chimney tops
    That's where you'll find me
    Somewhere over the rainbow
    Bluebirds fly
    Birds fly over the rainbow
    Why then, oh why can't I?
    If happy little bluebirds fly
    Beyond the rainbow
    Why, oh why can't I?




    </CENTER><HR>
    คุณลูกเกดลองใช้วิธีเสริมแนวนี้นะครับ หัดเรียนภาษาจากเพลงหรือหนังที่มี Subtitle ก็ช่วยได้มากครับทำ ลองฟังดูก่อนแล้วแปลความหมายออกมา ถ้าไม่เข้าใจจริงๆค่อยเปิด Subtitle ประกอบการฟังอีกสัก2-3รอบ ทำบ่อยๆน่าจะเข้าใจได้ง่ายๆแบบธรรมชาติแทบไม่ต้องแปลไทยอีกรอบ ถ้าเป็นภาพยนต์เก่าหน่อยจะได้ภาษาที่สละสลวยในช่วงนั้นด้วยครับ
    เมื่อคืนหยิบ The Sound Of Music มาดูเห็นบุคลิกของตัวเอก (Maria) นึกถึงพี่นักเขียนเลย..เหมือนตรงจิตใจดี ชอบอยู่กับธรรมชาติ รักเด็กๆ รักเสียงเพลงเหมือนศิลปินที่รอบรู้ทีเดียวครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2007
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เสียงภายใน

    เสียงภายในเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาว่า เราได้ยินหรือรับรู้ในภาวะที่สติสัมปชัญญะของเรากำลังตื่นตัวเพียงใด เรากำลังจดจ่อกับอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อใด ?

    หากเป็นภาวะที่เรากำหนดรู้ หรือขอรู้และมีสติสัมปชัญญะที่คมชัด โดยที่ร่างกายของเราละประสาทสัมผัสทั้งห้าได้แล้ว เราจะเรียกมันว่าเป็นข้อมูลความรู้ที่มาจากจิตไร้สำนึก จิตใต้สำนึกหรือจิตเหนือสำนึก ก็ไม่มีความหมายเท่าไร เพราะหากภาวะนั้นๆที่เรารับรู้ได้ เรามีสติสัมปชัญญะที่คมชัด มันก็จะกลายเป็นข้อมูลความรู้ในระดับจิตสำนึกในที่สุด
    [​IMG]
    หากจำข้อมูลความรู้เหล่านั้นได้เมื่อตื่นขึ้นควรจะจดไว้ค่ะ เพราะหากมาจากตัวตนภายในเราจะได้ข้อมูลที่มีความหมายลึกซึ้ง ซึ่งเราอาจจะยังตีความหมายหรือถอดรหัสไม่ได้หมดทันทีที่ตื่นขึ้น การจดจะช่วยให้เรามีเวลาที่จะพิจารณา และเมื่อเราเผชิญกับประสบการณ์ที่ข้อมูลเหล่านั้นมีความหมายต่อประสบการณ์หนึ่งๆ เราจะเรียนรู้ได้มากขึ้นว่า เมื่อรับข้้อมูลเหล่านั้นมาแล้วควรจะตีความหมายหรือถอดรหัสอย่างไร เพราะเมื่อเราจดบ่อยๆ เราจะพบ pattern และสัญญลักษณ์ ที่เป็นชุดสัญญลักษณ์ที่มีความหมายจำเพาะเป็นเอกลักษณ์ของเรา และทำให้เราเข้าใจข้อมูลเหล่านั้นได้ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2007
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    หัวข้อบรรยายเข้มมากคราวนี้
    จันทร์นี้ไปแน่นอนครับจะเอางานไปส่งพรุ่งนี้ด้วย
    แล้วพบกันครับคุณขจรวรรณ พี่เฉลยด้วยอีกคน
    หากท่านใดสนใจจะไปฟังเชิญที่ศูนย์ประชุมฯสิริกิตต์ ห้องประชุม1
    ในงานสัปดาห์หนังสือนะครับ ฟรีทุกอย่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2007
  11. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอเชิญชวน คุณDrkhoon ไปฟังบรรยายของ อ.ปริญญา ด้วยนะคะบ่ายโมงค่ะ เพราะแนวก็คล้าย ๆ ของคุณอาทิตย์ทรงกลดเลยค่ะ..
    (good)
     
  12. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    (b-flower) ขอเป็นกำลังใจให้พี่นักเขียนค่ะ.. สงสัยเมื่อคืนจะนอนดึกมากเลยนะคะ เห็นตอบคำถามซะเยอะเลยค่ะ..

    แฮะ.. แฮะ.. คือขจรวรรณเป็นคนอ่านหนังสือไวน่ะค่ะ เพราะตอนเด็ก ๆ ชอบอ่านหนังสือนิยายเล่มโต ๆ จึงขออนุญาติถามคำถามต่อนะคะพี่นักเขียน..
    ธรรมชาติของชาติภพ บทที่ 7 จิตวิญญาณ ( เสมือนร่วมร่าง ) แต่ต่างมิติในอดีต - ปัจจุบัน - อนาคตชาติ

    หน้า 92 หมวดหมู่ของความเชื่อและความรู้ในโลกนี้ - โลกหน้าและโลกอื่น ๆ ที่เธอไม่รู้จักมีมากมายมหาศาล ดังนั้นการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้จึงเป็นกระบวนการที่ไม่มีวันจบสิ้น หรือเรียกได้ว่า - ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดจบ
    หน้า 93 เพราะบางส่วนของจิตวิญญาณซึ่งคละเคล้าด้วยความเชื่อยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะพัฒนาถึงที่สุดของวิวัฒนาการและแปลงสภาพเป็นหนึ่งเดียวกันกับความรู้

    ขอบเขตของการพัฒนาถึงที่สุดของวิวัฒนาการนั้นอยู่ตรงไหนคะ? ในเมื่อได้กล่าวไว้ว่ากระบวนการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้นั้นไม่มีวันจบสิ้น คือไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดจบ..
    (b-glass)
     
  13. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    หน้า 97 สภาวะจิตของเธอก็เช่นกันสามารถรับรู้อดีตและอนาคตได้ด้วยการปรับเปลี่ยนสภาวะของสติสัมปชัญญะ ซึ่งเคยชินกับการรับรู้แต่เพียงปัจจุบันภาวะของการปรับเปลี่ยนนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันตามธรรมชาติโดยที่เธอไม่รู้ตัว

    เราจะสามารถปรับเปลี่ยนสภาวะของสติสัมปชัญญะให้สามารถรับรู้อดีตและอนาคตได้อย่างไร?
    (b-2love)
     
  14. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    หน้า 99 เมื่อโครงสร้างและองค์ประกอบของการรับรู้เปลี่ยนกลไกและช่องทางการรับรู้ไปเพื่อวิวัฒนาการของจิตวิญญาณมันจะทำให้เธอสามารถ " มองเห็นเสียง " หรือ " ได้ยินสี " องค์ประกอบเหล่านี้อาจจะแปลกประหลาดสำหรับเธอ ในขณะที่เธอยังใช้ชีวิตในโลกทางกายภาพอยู่

    คำว่า " มองเห็นเสียง " หรือ " ได้ยินสี " หมายความว่าอย่างไรคะพี่นักเขียน?
    (b-hmm)
     
  15. Dr.Khoon

    Dr.Khoon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +123
    ขอบคุณครับคุณ Nova analai...จิตวิญญาณมีโอกาสดับสลายได้หรือไม่ครับ...
     
  16. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    วันนี้ได้พาน้องๆที่ทำงานไปสถานธรรม ฟังธรรมะกัน ก็มีหัวข้อ ผู้ขอกราบรับวิถีอนุตตรธรรมคือผู้โชคดี กับ ธรรมะในชีวิตประจำวัน
    ดูน้องๆเค้าก็มีความสุขดีที่ได้รับสิ่งดีๆ เพื่อเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ก็เป็นคำสอนซื่อๆตรงๆจากจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติ ก็ถือว่าเป็นการเติมเต็มประสบการณ์ให้กับจิตวิญญาณของน้องๆเค้า และเราก็ได้รับด้วย
    วันนี้อ่านบทที่ 5 จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติ
    หน้า 75 บรรทัดที่ 3 จากล่าง
    เธออาจฝันกลางวัน เห็นตนเองเป็นบุคคลทีี่มีความสามารถหรือมีประสบการณ์แตกต่างไปจากตัวตนที่เธอเป็นอยู่
    คำว่าฝันกลางวัน ในประโยคนี้ ไม่ใช่การนอนหลับแล้วฝัน แต่เป็นการจินตนาการใช่หรือเปล่าครับ?
    อาจารย์ครับ เวลาวันหยุดผมนอนหลับกลางวัน แล้วฝัน ทำไมจดจำได้ละเอียดมากกว่าฝันกลางคืน ทั้งๆที่เวลานอนเท่ากันคือประมาณ 2 ชั่วโมงครับ?
    บุคคลที่อยู่ในโรงเรียน หรืออยู่ในโรงภาพยนต์ เราจะเรียกว่าเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติได้หรือเปล่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2007
  17. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    จากประสบการณ์ จิตวิญญาณคือ ความรู้ หรือพลังาน ซึ่งสามารถแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุ วัตถุก็สามารถแปรเป็นพลังงาน
    ตามกฏวิทยาศาสตร์ สสาร พลังงาน ไม่มีการสูญหายครับมีแต่การแปรเปลี่ยนสภาวะครับ
     
  18. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    เดี่ยวคืนนี้จะแอบไปดาวน์โหลด ข้อมูลจากคุณขจรวรรณในฝันหน่อย จะได้ตามคุณขจรวรรณทัน 555+
    พรุ่งนี้ ถ้่างานไม่ยุ่งจะไปที่ศูนย์ประชุม ฯ ด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2007
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ที่สุดของวิวัฒนาการนั้น_ไม่มี

    ขอบเขตของพัฒนาการที่เรียกว่า ถึงที่สุดของวิวัฒนาการนั้น ท่านอาจารย์อนาลัยเน้นตรงสาระที่ว่า ความเชื่อได้เปลี่ยนเป็นความรู้หรือจิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับความรู้ คืิอจิตวิญญาณปราศจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคล แต่จิตวิญญาณมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เป็นไปตามความรู้ที่แท้จริง

    อย่างไรก็ตามท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ความเป็นเลิศหรือถึงจุดที่อิ่มตัวของการพัฒนา หรือจุดอิ่มตัวของวิวัฒนาการนั้น-ไม่มีจริง เพราะจิตวิญญาณที่พัฒนาได้ถึงจุดที่เรียกว่า ถึงที่สุดของวิวัฒนาการ จะกลับมาสนับสนุนหรือรวมตัวกับจิตวิญญาณอื่นๆที่ยังต้องได้รับการพัฒนาต่อไปอีก

    พี่นักเขียนได้เคยยกตัวอย่างน้ำบริสุทธิ์ กับ น้ำเสียหรือน้ำที่ยังไม่บริสุทธิ์ โดยเปรียบน้ำบริสุทธิ์กับจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยความรู้ที่แท้จริง เปรียบเทียบน้ำเสียหรือน้ำที่ไม่บริสุทธิ์กับจิตวิญญาณที่คละเคล้าไปด้วยความเชื่อส่วนบุคคล หากการกลั่นกรองน้ำเสียหรือน้ำที่ยังไม่บริสุทธิ์กับการซึมผ่านชั้นหินเปรียบได้กับการกลั่นกรองเอาความเชื่อในทางที่ผิดออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเราได้น้ำบาดาลที่สะอาดวิธีหนึ่ง หรือเปรียบการระเหยของน้ำจนกลายเป็นไอน้ำที่บริสุทธิ์ปราศจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคล แต่จิตวิญญาณมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เป็นไปตามความรู้ที่แท้จริง

    [​IMG]
    ทั้งน้ำบาดาล หรือไอน้ำอันบริสุทธิ์ย่อมไหลเวียนกลับไปจุนเจือน้ำเสียหรือน้ำที่ยังไม่บริสุทธิ์อีก เป็นวงจรที่ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะหากน้ำบริสุทธิ์ หรือจิตวิญญาณที่เปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ได้จนหมดสิ้นแล้ว ไม่กลับมาจุนเจือน้ำเสียหรือน้ำที่ยังไม่บริสุทธิ์ แต่แยกตัวออกไปจากระบบโดยสิ้นเชิง น้ำเสียหรือน้ำที่ยังไม่บริสุทธิ์จะไม่สามารถแปลงสภาพต่อไปได้ เสมือนน้ำเสียที่ถูกกักขังแน่นิ่งโดยไม่เคยมีการถ่ายเทน้ำดีเข้าไปปนเปเพื่อปรับสภาพ ก็รังแต่จะเน่าลงไปเรื่อยๆจนหมดสภาพที่จะเป็นน้ำที่ดีได้

    ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น ท่านอาจารย์อนาลัยซึ่งเป็นจิตวิญญาณที่ปราศจากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคล แต่เป็นจิตวิญญาณที่มีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เป็นไปตามความรู้ที่แท้จริง ยังคงกลับมาช่วยเหลือเกื้อกูลจิตวิญญาณที่ยังเป็นร่างกายเนื้อหนังเช่นเราทั้งหลายต่อไป เพื่อช่วยให้จิตวิญญาณสามารถเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ได้ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด (rose)
     
  20. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    สวัสดีครับพี่นักเขียน คือ ผมอ่านหนังสือในเว็บไม่ค่อยทันพี่ๆเขา
    แต่ขอถามเพราะสงสัยมานานแล้วว่า

    จิตวิญญาณ ใช้พลังงาน หรือไม่ อย่างไร
    แล้วมนุษย์หรือวิญญาณที่เขามีพลังจิต อิทธิฤทธิ์ ต่างๆ เป็นสิ่งที่ได้มาจากไหนครับ แล้วถือว่าเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณหรือไม่ อย่างไรครับ

    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...