หลวงปู่มั่น...กล่าวถึงพระแก้วมรกต

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย phataravudh, 11 เมษายน 2013.

  1. phataravudh

    phataravudh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +2,440
    หลวงปู่มั่น...กล่าวถึงพระแก้วมรกต

    [​IMG]

    "พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศใด
    ประเทศนั้นจะไม่ว่างจากพระอริยบุคคล
    พระอริยบุคคลมีอยู่ในประเทศใด
    ประเทศนั้นจะไม่ฉิบหายด้วยภัยแห่งสงคราม"

    การเสด็จไปสู่สถานที่ต่างๆ ของพระแก้วมรกตนั้นมีปัจจัย 3 อย่าง คือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา เกิดกลียุคในประเทศนั้น และด้วยความรัก

    พระแก้วมรกต


    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งท่านพระอาจารย์มั่น
    พักที่วัดป่าบ้านหนองผือ พระอุปัชฌาย์อุ่น
    (พระครูบริบาลสังฆกิจ (อุ่น อุตตโม)
    วัดอุดมรัตนาราม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร)
    ได้ไปกราบนมัสการฟังเทศน์ และ
    ได้นำรูปพระแก้วมรกตขนาด 20 นิ้ว
    เป็นภาพพิมพ์ใส่กรอบไปถวายท่านพระอาจารย์
    แต่ดูท่านจะลืมทำความสะอาด เพราะมีฝุ่นจับอยู่
    ท่านพระอาจารย์ก็น้อมรับด้วยความเคารพ

    หลังจากท่านอุปัชฌาย์อุ่นลาลงกุฏิไปแล้ว
    ท่านพระอาจารย์ได้ทำความสะอาด
    โดยนำผ้าสรงน้ำของท่านฯ มาเช็ดถู ผู้เล่า
    (หลวงตาทองคำ-ภิเนษกรมณ์)
    เอาผ้าเช็ดพื้นเข้าไปช่วยทำความสะอาดด้วย
    เพราะเห็นว่าผ้ายังสะอาดอยู่ ท่านหันมาเห็นเข้า พูดว่า

    "อะไรกัน นั่นรูปพระพุทธเจ้าแท้ๆ
    ยังเอาผ้าเช็ดพื้นมาถูได้"

    ผู้เล่าสะดุ้งไปทั้งตัว เพราะความโง่เขลาปัญญาอ่อน
    ท่านฯ ก็เลยทำความสะอาดเอง

    เสร็จแล้วก็มีเพื่อนภิกษุทยอยกันขึ้นไป
    รวมทั้งท่านอาจารย์วิริยังค์ด้วย
    ท่านเลยเทศน์ถึงความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต
    ท่านว่า

    "พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ว่างจากพระอริยบุคคล พระอริยบุคคลมีอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ฉิบหายด้วยภัยแห่งสงคราม"

    การเสด็จไปสู่สถานที่ต่างๆ ของพระแก้วมรกตนั้นมีปัจจัย 3 อย่าง คือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา เกิดกลียุคในประเทศนั้น และด้วยความรัก

    และท่านยังบอกอีกว่า
    วัดพระแก้วนี้เป็นวัดพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ
    พระสงฆ์อยู่ไม่ได้ เพราะพระสงฆ์มาจากตระกูลต่างๆ
    ทั้งหยาบทั้งละเอียด ไม่รู้พุทธอัธยาศัย พุทธธรรมเนียม
    เพราะพระพุทธเจ้าเป็นทั้งกษัตริย์ และผู้สุขุมาลชาติ
    เมื่อพระสงฆ์ไม่รู้พุทธธรรมเนีย
    ม ถ้าไปอยู่ก็มีแต่บาปกินหัว

    ผู้รู้ทั้งพุทธอัธยาศัยและพุทธธรรมเนียมแล้ว
    มีพระมหากษัตริย์องค์เดียวเท่านั้น
    ครั้งพุทธกาลก็มีพระเจ้าพิมพิสารเท่านั้นทรงรู้

    แต่จอมไทย คือ พระมหากษัตริย์ทรงรู้มาแล้ว

    ได้ทรงสร้างวัดถวายจำเพาะพระแก้วเท่านั้น

    พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร
    คือ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า
    ต่างแต่วาสนาบารมีมากน้อยต่างกันเท่านั้น
    ท่านจึงทรงรู้พุทธอัธยาศัยเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า .
    ..ผู้ใดย่างกรายเข้าสู่วัดพระแก้ว
    เป็นบุญทุกขณะที่อยู่ในบริเวณวัด

    แม้แต่ชาวต่างชาติ มีโอกาสเข้าไปในบริเวณวัดพระแก้ว
    จะด้วยศรัทธาหรือไม่ก็ตาม
    ก็ได้เข้ามาสู่วงศ์พระพุทธศาสนาโดยปริยาย
    หรือจะบังเอิญก็แล้วแต่ สามารถเป็นนิสัยให้เข้ามาได้
    ต่อไปจะสามารถมาเกิดเป็นคนไทย
    สืบต่อบุญบารมีสำเร็จมรรคผลได้

    ....................................................................................................................................................................

    ที่มา เกร็ดประวัติ และ
    ปกิณกธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ๑
    จากหนังสือ "รำลึกวันวาน"
    โดย หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ
    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (หรือ วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร

    พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกอ่อนสีเขียวดังมรกต เป็นพระพุทธรูปสกุลศิลปะก่อนเชียงแสนถึงศิลปะเชียงแสน หลักฐานที่ตรงกันระบุว่าพบครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์วัดป่าญะ เมืองเชียงราย (ปัจจุบันคือวัดพระแก้วงามเมือง อำเภอเมืองเชียงราย) ในปี พ.ศ.1977 (หรือ ค.ศ.1434) ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิกเกิดกระเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต จึงกระเทาะปูนออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์

    หลังจากนั้น พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่เดินทางไปยังเชียงใหม่ แต่ไปทางลำปางหากช้างนั้นมีพระแก้วมรกตอยู่บนหลังช้าง เชียงใหม่เห็นว่าลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า ถึงสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้เชิญพระแก้วมรกตมายังเชียงใหม่ สร้างปราสาทประดิษฐานไว้แต่ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง ครั้นเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างซึ่งเป็นญาติกับราชวงศ์ล้านนามาครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาเสด็จกลับหลวงพระบาง ก็เชิญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ ทางเชียงใหม่ขอคืนก็ได้แต่พระพุทธสิหิงค์ เมื่อล้านช้างย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็เชิญพระแก้วมรกตลงมาด้วย ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบาง มาจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ (ลาว) ในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงปัจจุบัน ส่วนพระบางพระราชทานคืนให้แก่ลาว

    ตำนานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

    พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในปี พุทธศักราช 500 โดยพระนาคเสนเถระ วัดอโศการาม กรุงปาฏลีบุตร ในแผ่นดินพระเจ้ามิลินท์ (เมนันเดอร์) สมเด็จพระอมรินทราธิราช พร้อมกับพระวิสสุกรรมเทพบุตร ได้นำแก้วโลกาทิพยรัตตนายก อันมีรัตนายกดิลกเฉลิม 1000 ดวง สีเขียวทึบ (หยกอ่อน) นำมาจำหลักเป็นพระพุทธรูปถวายให้พระนาคเสน ถวายพระนามว่า พระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต พระนาคเสนจึงได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงไปในพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต 7 พระองค์ คือพระโมลี พระนลาฏ พระนาภี พระหัตถ์ซ้าย-ขวา และพระเพลาซ้าย-ขวา แต่เมื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานแล้วนั้น เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น พระนาคเสนได้พยากรณ์ว่า พระแก้วองค์นี้ จะเสด็จไปโปรดสรรพสัตว์ในเบญจประเทศ คือ ลังกาทวีป กัมโพชะศรีอโยธยา โยนะวิสัย ปะมะหละวิสัย และ สุวรรณภูมิ

    พุทธศักราช 800 โดยประมาณในแผ่นดินพระเจ้าศิริกิตติกุมาร พระเชษฐราชโอรสในพระเจ้าตักละราช ขึ้นครองราชสมบัติเมืองปาฏลีบุตร เป็นช่วงที่เมืองปาฏลีบุตรเกิดมหากลียุค ทั้งมีการจลาจลภายในและข้าศึกภายนอก ผู้คนในปาฏลีบุตรที่เคารพนับถือพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต ลงสู่สำเภาแล้วเดินทางลี้ภัยไปยังลังกาทวีป เมื่อถึงลังกาทวีปพระเจ้าแผ่นดินลังกาทวีปในสมัยนั้น(ไม่ได้ระบุพระนาม) ทรงรับรักษาพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตเป็นอย่างดียิ่ง และทรงอุปถัมภ์ค้ำชูชาวปาฏลีบุตรเป็นอย่างดีสมควรตามความดีความชอบ

    พุทธศักราช 1000 โดยประมาณในแผ่นดินศรีเกษตรพุกามประเทศ พระมหากษัตริย์ผู้ครองนครขณะนั้นคือพระเจ้าอนุรุทธราชาธิราช(ภาษาบาลี) หรือ มังมหาอโนรธาช่อ(ภาษามอญ) พระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีพระอานุภาพมาก บริบูรณ์ด้วยพลช้างพลม้าและทหารมากมาย แต่พระองค์ก็เป็นกษัตริย์ที่ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฐิ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง ทรงมีพระราชโองการ ให้ส่งพระราชสาส์นและเครื่องมงคลบรรณาการ ไปยังลังกาทวีป เพื่อขอคัดลอกพระไตรปิฎกและขอพระแก้วมรกตกลับมาด้วย แต่เรือที่บรรทุกพระแก้วมรกตถูกพายุพัด พลัดเข้าไปทางอ่าวกัมพูชาแทน พระเจ้านารายณ์ราชสุริยวงศ์ เจ้ากรุงอินทปัตถ์มหานคร แคว้นกัมพูชา สั่งให้อำมาตย์คุมสำเภากลับไปถวายคืนแก่พระเจ้าอนุรุทธ แต่ส่งกลับไปเพียงพระไตรปิฎกเท่านั้น มิได้ส่งพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตไปด้วย

    หลังจากที่พระแก้วมรกตได้ประดิษฐานอยู่กรุงอินทปัตถ์นานพอสมควร(ไม่ได้ระบุปี) ในแผ่นดินพระเจ้าเสน่ห์ราช เกิดพายุฝนขนาดใหญ่ตกเป็นนิจกาลยาวนานหลายเดือน(ไม่ได้ระบุ) พระเจ้าเสน่ห์ราชก็สวรรคตด้วยอุทกภัยนั้น พระมหาเถระ(ไม่ปรากฏพระนาม) ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตขึ้นสำเภาหนีไปยังที่ดอน พระเจ้าอติตะราช (อาทิตยราช) เจ้าครองนครอโยธยา(หมายถึงอโยธยาโบราณ) ทราบเรื่องจึงเสด็จกระบวนพยุหยาตรา ไปอัญเชิญพระแก้วมรกตมาไว้ในที่ปลอดภัย โดยทรงอัญเชิญพระแก้วมรกตประดิษฐานในพระมหาเวชยันตปราสาท และได้ประดิษฐานในนครอโยธยาอีกหลายรัชสมัย

    ต่อมาเจ้าเมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นพระบรมญาติกับกษัตริย์อโยธยาสมัยนั้น จึงทูลขอนำพระแก้วมรกตขึ้นไป ประดิษฐานที่เมืองกำแพงเพชรอีกหลายรัชสมัย ซึ่งปัจจุบันก็คือวัดพระแก้วกำแพงเพชร ในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ต่อมา เจ้ามหาพรหมพระอนุชาของพระเจ้ากือนา เจ้าผู้ครองหัวเมืองฝ่ายเหนือสามหัวเมือง คือเชียงราย เชียงแสน และเมืองฝางได้ลี้ภัยจากศึกสงครามกับเมืองเชียงใหม่ ไปอาศัยอยู่กับพระยาญานดิส เจ้าเมืองกำแพงเพชร ต่อมาเมื่อจะกลับไปเมืองเชียงราย ก็ได้ทูลขอพระแก้วมรกตต่อพระเจ้ากำแพงเพชร พระเจ้ากำแพงเพชรจึงได้ถวายให้เจ้ามหาพรหม

    เมื่อเจ้ามหาพรหมชราภาพลง ด้วยความเป็นห่วงในพระแก้วมรกต จึงได้ทำการพอกปูนจนทึบและลงรักปิดทองเสมือนพระพุทธรูปสามัญทั่วไป แล้วบรรจุเก็บไว้ในเจดีย์วัดป่าญะในเมืองเชียงรายโดยไม่มีใครรู้ จนกระทั่งเกิดอัสนีบาตลงเจดีย์ตามที่ปรากฏในพงศาวดารของล้านนา

    กุศลกรรมบท10
    กุศลกรรมบท10 เป็นหนทางแห่งการทำความดีงาม ทางแห่งกุศลซึ่งเป็นหนทางนำไปสู่ความสุข ความเจริญแบ่งออกเป็น 3 ทางคือ กายกรรม 3 วจีกรรม 4 และมโนกรรม 3

    1. กายกรรม 3หมายถึง ความประพฤติดีที่แสดงออกทางกาย 3 ประการ ได้แก่
    (1) เว้นจากการฆ่าสัตว์ คือ การละเว้นจากการฆ่าสัตว์ การเบียดเบียนกัน เป็นผู้มีเมตตากรุณา

    (2) เว้นจากการลักทรัพย์ คือ ละเว้นจากการลักขโมยเคารพในสิทธิของผู้อื่น ไม่หยิบฉวย เอาของคนอื่นมาเป็นของตน

    (3) เว้นจากการประพฤติผิดในกาม คือ การไม่ล่วงละเมิดสามีหรือภรรยาผู้อื่น ไม่ล่วงละเมิด ประเวณีทางเพศ

    2. วจีกรรม 3หมายถึงการเป็นผู้มีความประพฤติดีซึ่งแสดงออกทางวาจา 4 ประการ ได้แก่
    (1) เว้นจากการพูดเท็จ คือ พูดแต่ความจริง ไม่พูดโกหก หลอกลวง

    (2) เว้นจากการพูดส่อเสียด คือ พูดแต่ในสิ่งที่ทำให้เกิดความสามัคคี กลมเกลียว ไม่พูดจาในสิ่งที่ก่อให้เกิดความ แตกแยก แตกร้าว

    (3) เว้นจากการพูดคำหยาบ คือพูดแต่คำสุภาพ อ่อนหวาน อ่อนโยน กับบุคคลอื่นทั้ง ต่อหน้า และลับหลัง

    (4) เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ คือพูดแต่ความจริง มีเหตุมีผลเน้นเนื้อหาสาระ ที่เป็นประโยชน์ พูดแต่สิ่งที่จำเป็นและพูดถูกกาลเทศะ

    3. มโนกรรม 3หมายถึง ความประพฤติที่เกิดขึ้นในใจ 3 ประการ ได้แก่
    (1) ไม่อยากได้ของของเขา คือ ไม่คิดจะโลภอยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตน

    (2) ไม่พยาบาทปองร้ายผู้อื่น คือ มีจิตใจดี มีความปรารถนาดี อยากให้ผู้อื่น มีความสุขความเจริญ

    (3) มีความเห็นที่ถูกต้อง คือมีความเชื่อในเรื่องการทำความดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และมี ความ เชื่อว่าความพยายามเป็นหนทางแห่งความสำเร็จ

    อกุศลกรรมบท10
    อกุศลกรรมบท10 เป็นหนทางแห่งการทำความชั่ว ความไม่ดี 10 ประการ แบ่งออกเป็น 3 ทางคือ กายกรรม 3 วจีกรรม 4 และมโนกรรม 3
     
  2. narapat

    narapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +718
    ขอบพระคุณเป็นความรู้ที่มีประโยชน์มาก
    อนุโมทนาบุญ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ระยิบ

    ระยิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +181
    พระแก้วมรกตเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มาก
    เมืองไทยโชคดีและมีบุญมากเลยที่มีพระคู่บ้านคู่เมืองเช่น
    พระแก้วมรกต
    คำพูดของหลวงปู่มั่นล้วนมีความหมายเป็นอย่างสูงเพราะท่านเห็นและรู้เหนือคนธรรมดา

    ขอขอบคุณและอนุโมทนาสาธุกับเจ้าของกระทู้นี้ด้วยค่ะ เป็นความรู้ดีมากๆค่ะ
     
  4. ระยิบ

    ระยิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +181

    ขอเล่าเพิ่มเติมเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลวงปู่มั่นที่ว่า...
    ท่านมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาและประเทศไทยเป็นอย่างมาก
    จึงขอลอกเรื่องราวนี้จากหนังสือที่เคยอ่านพบมา
    เพื่อประกอบให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความสำคัญของหลวงปู่มั่นและคำพูด
    ของท่าน
    ( ต้องขอโทษที่จำชื่อหนังสือไม่ได้ แต่เคยจดเก็บไว้เพราะน่าสนใจ )


    เมื่อพระสยามเทวาธิราชมาขอพบหลวงปู่มั่น

    คราวหนึ่งหลวงปู่ท่านพักอยู่บนดอยมูเซอ
    วันหนึ่ง พระสยามเทวาธิราชพร้อมคณะเทพบริวารไป
    กราบนมัสการหลวงปู่มั่น ซึ่งกำลังเดินจงกรมอยู่
    พอรายงานตัวเสร็จ หลวงปู่ท่านถามวัตถุประสงค์
    พระสยามเทวาธิราชท่านบอกว่า…
    " เวลานี้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิดที่กรุงเทพอย่าง
    หนักหน่วงพวกข้าพเจ้าได้ป้องกันเต็มที่ ”

    ท่านถามว่า…."มีคนบาดเจ็บล้มตายไหม"

    " มี "

    ”ทำไมไม่ช่วย"

    "ช่วยไม่ได้เพราะเขามีเวรกรรมกับฝ่ายข้าศึก
    จะช่วยได้แต่ผู้ไม่มีกรรม สถานที่สำคัญ และพระพุทธศาสนาเท่านั้น"

    "พวกท่านมานี่ประสงค์อะไร"

    เขาได้กราบเรียนว่า…….
    "ขอให้ท่านบอกคาถาปัดเป่าลูกระเบิดไม่ตกถูกในที่สำคัญ"

    ท่านกำหนดพิจารณาหน่อยหนึ่งได้ความว่า……
    " นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา" เท่านั้น

    เทพพวกนั้นที่สาธุการแล้วลากลับไป ไม่เห็นกลับมาอีกเลย

    ---------------------------------------------



    เมื่อหลวงปู่มั่นได้กล่าวถึงพระแก้วมรกต
    จึงทำให้ยิ่งเกิดความความเข้าใจและเลื่อมใสเกี่ยวกับพระแก้วมรกตมากขึ้นค่ะ
     
  5. phataravudh

    phataravudh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +2,440
    สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
     
  6. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สาธุๆๆ เป็นบุญจริงๆครับสาธุๆๆ กราบพ่อแม่ครูอาจารย์สาธุๆๆ
     
  7. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    เป็นบุญของประเทศไทยโดยแท้ที่มีบารมีจากองค์พระแก้วมรกตคุ้มครองรักษา ขอกราบอนุโมทนา สาธุ
     
  8. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,673
    เคยสงสัยตั้งกะเด็กว่า ทำไม ??? วัดพระแก้วเป็นวัดเดียวที่ไม่มีพระสงฆ์ มากระจ่างตอนนี้เอง อ่านเรื่องนี้แล้ว ขนลุกค่ะ

    เป็นบุญของชาติไทยและคนไทย รวมทั้งตัวเองด้วยที่เกิดใต้บวรพระพุทธศาสนาและพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทย ^-^
     
  9. ระยิบ

    ระยิบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +181
    เป็นความจริงค่ะ เมืองไทยและคนไทยโชคดีและ
    มีบุญมากๆที่ได้มีพระแก้วมรกตที่มีอานุภาพและบารมีสูงยิ่ง
    คุ้มครองให้ อีกทั้งเรามีศาสนาพุทธที่เจริญรุ่งเรือง
    และศาสนาพุทธนี้สอนคนอย่างละเอียดทุกขั้นตอนจนกระทั่ง
    หลายท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์มากมายในเมืองไทย
    เมืองไทยจึงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองไปทั่วทั้งประเทศ
    เพราะเทพเทวาช่วยกันคุ้มครองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน
    คนดีก็พลอยได้รับความคุ้มครองจากพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย

    นอกเหนือจากนี้เมืองไทยและคนไทยยังโชคดีและมีบุญมากอีกอย่าง
    ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ดียอดยิ่งเต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรมอันสูงยิ่งมาเป็น
    กษัตริย์ไทยเรา เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ชาวไทย

    วัดพระแก้วเป็นอารามหลวง ตามที่เคยอ่านพบมาว่า...
    เดิมทีวัดพระแก้วเป็นวัดและพระราชวังของกษัตริย์เท่านั้นตั้งแต่
    สมัยรัชกาลที่ 1 เป็นต้นมา ( ถ้าจำไม่ผิด )
    ต่อมาในหลวงเราทรงอนุญาติให้เปิดวัดพระแก้วให้แก่ปวงชนให้
    ได้เข้าไปเยี่ยมชมได้อย่างที่ทำกันทุกวันนี้
    จากนั้นมาพื้นที่ส่่วนนึงในเขตของวัดพระแก้วก็กลายเป็นสำนักงาน
    ของสถานที่ราชการสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ด้วย

    เราคนไทยจึงควรระลึกถึงพระคุณในหลวงเราเป็นที่ยิ่งที่
    พระองค์ยอมเสียสละเพราะเมตตาธรรมด้วยการเปิดโอกาสให้
    ประชาชนคนไทยและคนต่างชาติได้มีโอกาสเข้าไปชื่นชม
    ความงดงามของวัดพระแก้วและได้กราบนมัสการพระแก้วมรกตอัน
    เป็นบุญและเป็นศิริมงคลแก่ผู้เยี่ยมชมและกราบไว้เองด้วย
    ความใจกว้างและพระเมตตาของในหลวงเรามีมากมายเหลือจะพรรณาได้
    ทรงมีพระบารมีสูงทำให้ประเทศไทยมีบุญคู่ควรแก่การมีพระแก้วมรกตที่ได้
    ประดิษฐานในวัดพระแก้วเพื่อเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง

    อยากขอเชิญชวนคนไทยไปชมวัดพระแก้วและกราบไหว้พระแก้วมรกต
    ให้เป็นบุญตาบุญใจนะคะ
    ควรแต่งกายให้สุภาพเข้าไว้เวลาไปเข้าวัดเพราะเป็นการแสดงความ
    เคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และต่อพระแก้วมรกตรวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
    ในวัดด้วยค่ะ ไม่ควรใส่กระโปรงสั้นหรือรองเท้าแตะไปนะคะ
    เพราะที่นั่นมีกฏต้องทำตาม ไม่งั้นอาจจะเข้าไปไม่ได้นะคะ
    จะเสียเที่ยวไปค่ะ
    ขอให้ช่วยกันรักษาความสะอาดในบริเวณวัดด้วยนะคะเพราะเป็นบุญ
    แก่ตนเองจะได้ไม่เป็นบาปค่ะ

    ตอนเข้าไปชมพระแก้วมรกตจะรู้สึกสงบเย็นมากๆค่ะ
    พระแก้วมรกตงดงามมากๆและศักดิ์สิทธิ์มากนะคะ
    คนต่างชาติมากมายก็เคยประสบถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระแก้วมรกต
    จึงพากันบินมาไทยเพื่อกราบไว้พระแก้วมรกตโดยเฉพาะก็มีมากรายค่ะ

    เราคนไทยจึงควรภูมิใจที่มีวัดพระแก้วและพระแก้วมรกตคู่บ้านคู่เมืองค่ะ
    เราจึงควรช่วยกันทำนุบำรุงวัดนี้กันด้วยนะคะ




    ================================

     
  10. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ขอกราบบารมีพระแก้วมรกต
     
  11. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,058
    เคยได้ยินแม่เล่าให้ฟัง แม่สมัยสาว ๆ ไปดูหนัง ขากลับมองไปบนท้องฟ้าเห็นพระแก้วมรกต ท่านเสด็จลอยอยู่บนฟ้าไปมาระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาว...
     

แชร์หน้านี้

Loading...