เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

คุณ zipper สงสัยเป็น supper man พอคิดถึงก็มาทันทีเลย ตอนนี้อาจารย์ไปธุระ หาเพลงเด็กๆมาฟังกันเถอะ หรือไม่กัให้คุณ mead ร้องให้ฟังก็ได้
ส่วนหนังสือก็จะดูทุกวันและจดคำถามไว้ครับ รออาจารย์กลับ
ส่วนคำถามอื่นๆก็ถามได้นะครับ แต่ไม่ตอบนะ แต่จะเอาประสบการณ์แรกเปลี่ยนกัน

 

ต้อนรับการกลับบ้านครับคุณซิปเปอร์ คงอิ่มอกอิ่มใจกลับมาแน่
ส่วนพี่นักเขียนจะเดินทางไปต่อ..ก็ขอให้ภารกิจราบรื่นตลอดทริปครับ
Long Horn คือเขาวัวใช่ป่าวครับ ที่แรกคิดว่าเป็นเครื่องดนตรีของชาวพื้นเมือง..
ทางนี้ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวหาอะไรมาคุยมาเล่นกันได้เรื่อยๆครับ

 

เรื่องความลึกลับของภาพนี้ นอกจากเรื่องเสน่ห์แววตาที่มองมาแล้ว
ภาพวิวด้านหลังทำไมถึงเป็นคนละสถานที่กัน? มุมมองทางซ้าย-ขวาที่สูงต่ำไม่เท่ากัน? ปกติจิตรกรเก่งๆจะไม่เขียนวิวออกมาแบบนี้ มันผิด perspective เค้าจึงพยายามหาความหมายที่แท้จริงกันถึงขั้นเอาไป X-ray ดูเส้นร่างและฝีแปรงกันทีเดียวครับ
แล้วก็มีคำถามว่าตัวตนของโมนาลิซ่าจริงๆแล้วเป็นใครกันแน่ ?
นักวิชาการบางท่านให้ความเห็นว่าเป็นตัวคนวาดเอง คือเลโอนาร์โด ดาวินชี่ เองในมุมมองที่เค้าอยากเป็น เค้ามองไปถึงความเอนเอียงทางจิต

จริงๆแล้วความลับนี้อยู่ตรงนี้ครับ เค้าสามารถพรรณนา"กฎแห่งการดึงดูด"ลงไปในภาพวาดสำเร็จครับ บันทึกเรื่องราวการจดจ่อด้วยสติสัมปชัญญะของเค้าลงไปอย่างหมดจด และยังจดจ่อไปที่คนดูอีกขั้นนึง จนเกิดพลังงานที่เหมือนขั้วแม่เหล็กไฟฟ้าดึงดูดให้ผู้คนที่เห็นผลงานเค้าต้องหลงเข้ามาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเสน่ห์ของภาพนี้ และคิดไปจินตนาการไปต่างๆนานาในความหมายที่แท้จริง
ความลับอยู่ตรงนี้แหละครับ เค้าถึงเป็นอัจฉริยะเพราะรู้กฎข้อนี้
กฎแห่งการดึงดูดนี้ ทุกคนสามารถนำไปใช้อย่างได้ผล มันจะดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาหาตัวเรา จากการคิดถึงมันบ่อยๆ ทั้งความรู้+ความสำเร็จที่เราปรารถนาอย่างที่สุด

 

ขอบคุณอาจารย์ครับทุกครั้งที่อาจารย์ตอบคำถามที่พวกเราสงสัยทำให้พวกเรากระจ่างขึ้นอย่างมากเลยครับ
ตอนนี้ผมกำลังปลื้มกับเถ้าแกที่ผมทำงานให้ และก็เป็นความใฝ่ฝันอีกความใฝ่ฝันหนึ่ง ที่ผมมีอารมณ์จดจ่อกับสิ่งนี้มากที่สุด คือการประสบความสำเร็จของเถ้าแก่ของผมที่ท่านเริ่มต้นจากศูนย์ คือ สมัยก่อนที่ท่านยังจนอยู่คุณแม่ของท่านหาบผลไม้ขายเลี้ยงลูกๆห้าหกคน จนทุกวันนี้ท่านมีธุรกิจเป็นร้อยๆล้าน ความที่ท่านเป็นนักธุรกิจในดวงใจที่ผมพยายามเอาแบบอย่าง ทำให้ผมฝันถึงท่านบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่ฝันก็ถอดรหัสในทำนองว่าท่านมามอบหมายงานให้ โดยไม่ได้คิดว่าท่านก็เป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์เดียวกันที่กำลังถ่ายทอดข้อมูลความรู้การทำธุรกิจให้เพื่อให้เราดำเนินตามความปรารถนาให้เกิดความเป็นจริงในระยะเวลาอันสั้น ขอขอบคุณอาจารย์อีกครั้งครับและในเร็วๆนี้อาจารย์คงได้เห็นนักธุรกิจหน้าใหม่เกิดขึ้นอีกคนแล้ว
ส่วนการร้องเพลงให้เพราะผมชอบสไตล์ของ Jonh Lennon ครับโดยเฉพาะเพลง Imagine ชอบมากๆ คงต้องฝันเห็นเค้าบ้างแล้วครับ(ไม่รู้เค้าไปอยู่ภพไหน)
(กะว่าจะเรียนสไตล์การร้องเพลงแบบน้องนกก็กลัวว่าจะต้องถือดาบแล้วร้องลิเกด้วย 555+................อันนี้ล้อน้องเค้าเล่นครับ)

 

<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD>john lennon-imagine.mp3 (1.77 MB)</TD></TR></TBODY></TABLE>

มาลุ้นเถ้าแก่คนใหม่ด้วยคนครับ

[MUSIC]http://palungjit.org/attachment.php?attachmentid=46719[/MUSIC]

 

โห คุณ mead ถูกใจมากๆ ครับ
รักคุณ mead จัง

 

มีเรื่องนึงครับ
อาจารย์ปริญญา ตันสกุลเล่าให้ฟังวันก่อน ก่อนที่อาจารย์จะมานั่งบรรยายลื่นไหล 6 ชั่วโมงรวดแบบนี้ ท่านก็เล่าให้ฟังเมื่อก่อนสมัยวัยรุ่นเป็นคนขี้อายมาก หน้าแดงเสมอ มักโดนเพื่อนล้อบ่อยๆ ออกมาพูดหน้าเวทีก็ขาสั่นพั่บๆ
วันหนึ่งพอมาเรียนรู้เรื่องแก่นแท้แห่งสัจธรรมที่ได้รับสื่อมา ชิวิตก็เปลื่ยนไปจากหลังมือเป็นหน้ามือ เพราะมั่นใจในสิ่งที่รู้-ที่จะพูด จิตวิญญาณเปลื่ยนคุณสมบัติใหม่ไปเป็นคนใหม่ที่กล้าพูด +กล้าคิด เป็นนักรบแห่งแสงสว่างคนใหม่ขึ้นในพริบตาเลยครับ

แล้วก็ในหนังสือ The Secret ที่พี่เหลยแนะนำจากภาพยนต์เรื่องนั้น พอได้อ่านไปสัก 10 หน้า ก็พบว่าความลับที่ว่าก็คือของ กฎแห่งการดึงดูด! นี่เองครับ ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบุคคลสำคัญที่ปฎิวัติโลกใบนี้ทั้งหลาย (คือการพุ่งสติจดจ่อไปยังสิ่งนั้นๆ จะนำกลับมาหาเราพร้อมกับสิ่งนั้นเหมือนบูมเมอแรง-ทฤษฎีในทางปฎิบัติเหมือนกันเป๊ะ) ความลับนี้มีมานานแล้วตั้งแต่พระศาสดาของเราค้นพบกฎนี้ แต่ความลับที่ว่าไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควรในช่วงหลัง ในหนังสือเค้าเปรยไว้ว่า..

ทุกอย่างที่เข้ามาในชิวิตเรานั้น เราเองเป็นผู้ดึงดูดมันเข้ามา
ที่เราดึงดูดมันเข้ามาเพราะเรามีมโนภาพเกี่ยวกับสิ่งนั้นอยู่ในใจ
อะไรก็ตามที่เราคิด สิ่งนั้นสำคัญที่สุด เรากำลังดึงดูดมันเข้ามาหาตัวเราเองในที่สุด
ทุกสิ่งที่เราคิดคือสิ่งที่เป็นจริง..เป็นพลังชนิดหนึ่ง

กฎของนิวตัน ปฎิวัติโลกเข้าสู่คลื่นลูกที่สอง
ทฤษฎีไอสไตน์ ปฎิวัติโลกเข้าสู่คลื่นลูกที่สาม
เมื่ออ่านหนังสือ เดอะซีเครต (หรือหนังสือของ อาจารย์อนาลัย ซึ่งจะเข้าใจได้ลึกซึ้งกว่ามาก)
จะเป็นการปฎิวัติความคิดและความเชื่อโลกเข้าสู่คลื่นลูกที่สี่ ในอนาคตอันใกล้นี้
แนะนำให้ลองไปหามาอ่านเสริมดูนะครับ เพิ่มพลังความคิดได้ดีมาก
(เป็นหนังสือขายดี ติดอันดับกว่า 40 สัปดาห์ของอเมริกา)
The Secret เล่มนี้เอามายืนยันความรู้ของอาจารย์อนาลัยได้เลยครับ++

 

ขอบคุณค่ะคุณ Mead ที่ให้ข้อมูล สมแล้วที่เป็นมะนุดต่างดาวจริง ๆ นะคะ..
เรื่องมนุษย์ต่างดาวนี่ พึ่งได้ฟังจากอาจารย์ปริญญาเป็นคนแรกเลยค่ะที่เล่าให้ฟัง
ตอนฟังใหม่ ๆ ยังเอ๋อเหรออยู่เหมือนกันว่ามีจริง ๆ เหรอ.. อะไรประมาณนี้
และเราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน พออ่านหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยท่านก็กล่าวไว้เหมือนกัน ก็เลยรู้สึกเอียง ๆ
แต่มีพี่คนนึงเคยถามอาจารย์ทางพลังจักรวาล ท่านก็บอกว่าเท่าที่สำรวจดูแล้วไม่มี
คงเป็นเพราะอาจารย์ไม่อยากให้เราวิตกกังวลรึปล่าวก็ไม่รู้นะคะ
แต่พอเห็นรูปของคุณ Mead แล้วก็.. เอ หรือว่าจะมีจริงนะเนี่ย..
สงสัยเราจะต้องฝึกรับ - ส่ง กระแสจิตให้ได้นะคะ จะได้สื่อสารกับพวกเค้าได้.. เนอะ..
เอ.. รึว่าเรากำลังคุยกับมนุษย์ต่างดาวอยู่นะเนี่ย..
[b-wai]

 

กลับมาแล้วเหรอคะ เป็นไงบ้างหนุกมั้ย.. เอารูปมาให้ดูมั่งค่ะ..
ยังมีเวลาอ่านค่ะคุณ Zip พอดีพี่นักเขียนไม่อยู่พอดีเลย..
[b-hi]

 

กำลังนั่งจินตนาการถึงเถ้าแก่คนใหม่อยู่ค่ะ..
ถ้าเป็นเมื่อไหร่จะไปดาวโหลดข้อมูลทุกคืนเลยค่ะ.. อิอิ..
เข้าใจว่าเป็นปีหน้ารึปล่าวคะ.. คุณเฉลย..
(verygood)

 

รูปธรรมในภพภูมิอื่นหรือในมิติคู่ขนานมีอยู่จริงครับยืนยันเลยครับ เคยเห็น ufo ด้วยตาเปล่าๆนี่ล่ะใกล้กว่านี้ (ราว500 เมตรได้) บินโฉบตัดหน้ารถที่นั่งไปด้วยกันกับเพื่อนอีก 3คน ทุกคนเห็นเหมือนกันหมด นั่งอึ้งเงียบไปทั้งคันรถเลยครับ เค้าดิ่งหัวผ่านหน้ารถลงมาเฉียงจากขวามาทางซ้ายเงียบๆครั้งนึง เพื่อที่เราจะได้หมดสงสัยซะทีครับ..ที่อาจารย์บางท่านเค้าบอกไม่มีอยู่คงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ช่วยพัฒนาจิตของเรามากกว่า ยังไม่ถึงเวลาเปิดมิติของเค้าครับ

เจ้า Aliens Crisis 11 ที่อาจารย์ปริญญากล่าวถึง..
เหมือนมีคนพบเห็นบ้างแล้วในทะเล ลองตามไปอ่านดูสิครับคุณขจรวรรณ
http://palungjit.org/showthread.php?t=66981&page=7

 

บรรยากาศยามเย็นในวันนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก
การที่ได้นั่งพิงบนเก้าอี้ไม้บนระเบียงหลังบ้าน มองท้องฟ้า เห็นหมู่นกที่บินกลับรัง แสงแดดอันอบอุ่นยามเย็น ผมหลับตาฟังเสียงสายลม แล้วหายใจลึกๆช้า
แล้วคิดว่าโลกนี้ช่างน่าหลงใหลเสียจริง ทำให้นึกถึงความสุข และลืมความทุกข์ความเครียดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมอยากคุยกับดวงอาทิตย์ได้ ผมคิดเล่นๆ

ผมเงยมองขึ้นฟ้า ดูแดดอ่อนๆ คิดในใจว่า
ดวงอาทิตย์ คุณจะไปแล้วเหรอ
สักพัก เหมือน แว่วเสียง มาจากสายลม ว่า
ใช่ ถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว
ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับเสียงนั่นเหมือนกับอยู่ในฝัน
นี่คือวัฎจักร ไม่มีใครฝ่าฝืนธรรมชาติได้ แม้แต่ฉันเอง
ฉันไปเพื่อกลับมา แล้วก็มาเพื่อที่จะไป
เหมือนชีวิตของพวกเธอที่จุติเพื่อดับสูญ แล้วดับสูญ
เพื่อไปจุติใหม่อีกครั้ง
วัฏจักรของจิตมิได้มีไว้จำเพาะเจาะจงสำหรับใคร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามสภาพที่แท้จริงทั้งนั้น นี่คือ ความจริงที่เป็นปาฏิหาริย์สำหรับทุกสภาวะจิต
ผมไม่แน่ใจว่าตรงหรือเปล่าจำได้ประมาณนี้

โห*-*ผมสะดุ้ง คิดไปเล่นๆแค่นี้ ทำไมได้อะไรมาเป็นชุดอย่างนี้
อยากให้พี่ๆช่วยขยายความให้หน่อยครับ ตอนนี้ยังงงมาก ช่วยลูบหัวที
ถ้าจะว่าผมบ้าก็ว่าได้ ยอมรับครับ อาเมน...

 

อาจารย์ หลังจากอ่านหนังสือของอาจารย์มาหลายเล่ม จินตะมักจะจำความฝันได้ ทั้งที่แต่ก่อนเหมือนไม่เคยฝัน หรืออาจจะจำไม่ได้ แรก ๆ เคยมีความรุ้สึกขัดแย้งอย่างแรงกับแนวทางพุทธศาสนาที่เคยได้ศึกษามาบ้าง หลังจากนั้นได้ฝันเห็นพระพุทธรูป 2 องค์องค์หนึ่งปางนั่งสมาธิ องค์หนึ่งปางไสยยาสน์ ตัวตนเราในความฝันบอกว่า สององค์นี้จะอยู่ในศาลาเดียวกันไม่ได้ แต่มีเสียงบอกว่า อยู่ได้สิ ต้องอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นก็ได้พบกระทู้นี้และได้ตามอ่านมาเรื่อย ๆ จึงได้เข้าใจว่าแนวทางโดยรวมนั้นไม่ได้ต่างกันเท่าไรเลย หลังจากนั้นได้ฝันเห็นตนเองเป็นบุคคลต่าง ๆเป็นประจำ ต่างทั้งรูปร่าง สีผม และอาชีพ (รู้สึกว่าเป็นตัวเราเอง และได้ก้มดูเสื้อผ้า สีผม) แม้จะแตกต่างรูปร่างไปในแต่ละครั้ง แต่จินตะ รับรู้ได้ว่า มีสิ่งหนึ่งที่ทุกตัวตนเหมือนกันคือ แต่ละคนล้วนแต่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ (บางครั้งเป็นภรรยา บางครั้งเป็นลูกค้า) ซึ่งปัจจุบันจินตะทำงานร่วมกับชาวต่างชาติอยู่ ทำให้เชื่อได้ว่านั่นคือจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องการเรียนรู้ของจิตในวัตถุประสงค์เดียวกัน ไม่ทราบว่าทุก ๆท่านที่ได้อ่านหนังสือชุดนี้ คิดเหมือนจินตะ หรือไม่ ว่าเหมือนมีครูบาอาจารย์มาสอนเราในความฝันควบคู่กับการอ่านอยู่เสมอ (อ่านเกือบทุกคืน ตอนนี้ก็ยังไม่ครบทุกเล่ม) ซึ่งมันก็ตอกย้ำกับคำว่า จิตจดจ่อภาวะใด เราจะได้พบกับภาวะนั้น เหมือนจิตที่จดจ่ออยู่กับหนังสือก่อนเข้านอนเกือบทุกคืน ถึงแม้ไม่ได้อ่านก็จะใส่ไว้ใต้หมอน และอธิษฐานให้จิตเข้าไปศึกษาเรื่องราวในเล่มตามคำแนะนำของอาจารย์ทุกครั้ง ขอขอบคุณอาจารย์ที่เขียนหนังสือชุดนี้มา จินตะซึ่งทำแต่งานและละเลยไม่ค่อยสนใจหลักพุทธศาสนาหรือ วงการศาสนาเท่าที่ควร แต่เพราะท่าน ที่ทำให้ข้าพเจ้าหันมาจดจ่อใส่ใจ ปฏิบัติมากขึ้น รวมทั้งการเข้ามาในเว็บนี้ครั้งแรก ก็เพราะมีจุดหมายอยู่ที่การมาพบปะ ท่านอาจารย์เท่านั้น ขอบคุณอาจารย์ที่เสียสละเวลาอันมีค่า บุญใดที่ที่พึงได้จากการเปลี่ยนจินตะ ไปสู่สถานะที่ดีขึ้น พึงมอบคืนให้แก่ท่าน และผู้อ่าน ทุกคนที่ช่วยกันให้ความรู้ รวมถึงบรรยากาศของความสามัคคี ซึ่งดูเหมือนจะพบได้ที่กระทู้นี้แห่งเดียวกระมัง ขอบคุณค่ะ

 

(verygood) แหมคุณMead นี่ จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์เยอะเลยนะคะเนี่ย เห็นมีแฟนคลับเยอะเชียว..
ตามที่อาจารย์ปริญญากล่าวไว้ก็เป็นเหตุเป็นผลกันอยู่ ที่ว่าหากดาวเคราะห์ดวงไหนที่สามารถหมุนรอบตัวเองได้ก็ให้ตั้งสมมุติฐานได้เลยว่าดาวเคราะห์นั้นต้องมีสิ่งมีชีวิตอยู่แน่นอน เพราะสิ่งมีชีวิตมีหน้าที่มอบกระแสจิตด้านบวกเพื่อทำปฏิกิริยาทางเคมี.. เพื่อช่วยเหลือให้ดาวเคราะห์นั้นมีพลังเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้ ฯลฯ

สำหรับเวปอื่นขจรวรรณคงไม่มีเวลาพอที่จะเข้าไปอ่านได้นะคะคุณ Mead แต่ถ้ามีอะไรที่ช่วยให้พวกเราพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงขึ้นก็เอามาเล่าสู่กันฟังบ้างค่ะ.. ตอนนี้ของเรียนรู้กับพี่นักเขียนให้เต็มที่ก่อนนะคะ.. ส่วนของอาจารย์ปริญญานี่ขจรวรรณชอบไปฟังบรรยายสด ๆ ค่ะ เพราะรู้สึกว่าเราพลอยได้รับพลังและมีสมาธิดีค่ะ..

 

อย่าคิดว่าตัวเองบ้าค่ะน้องนาคา พี่นักเขียนกล่าวไว้ว่าเราจะสามารถรับความรู้ที่แท้จริงได้ในเวลาที่เรามีสมาธิหรือในช่วงเวลาที่เราทำอะไรเพลิน ๆ ความคิดก็จะผุดขึ้นมาเอง พี่ก็เคยเป็นอาการแบบนี้ ( และจะเหมือนกับศาสตร์ของวิชาพลังจักรวาลเลยค่ะ.. )
(b-flower)

 

ยินดีด้วยค่ะคุณ Jintawadee ที่ได้มาพบพี่นักเขียน เป็นบุญสัมพันธ์ที่พวกเราได้มาเจอกันด้วยความบังเอิญที่ไม่บังเอิญ พี่นักเขียนเคยกล่าวไว้ว่าอาจารย์ที่แท้จริงไม่เคยทอดทิ้งพวกเราไปไหน ยังคงอยู่เพื่อขยายความรู้ไปกับเราเสมอและท่านก็อยู่กับพวกเราทั้งเวลาตื่น เวลาหลับ เวลาฝัน ศึกษาต่อไปค่ะแล้วจะพบสิ่งดี ๆ ในชีวิต..
(b-love2u)

 

ยืนยันครับตุณจินตะ อาจารย์อนาลัยท่านอยู่กับเราตลอด อยู่ทุกลมหายใจ
เวลาเรามีปํญหา ท่านก็ให้คำตอบตลอด เป็นคำตอบจากจิตสู่จิตครับ

 

อย่างนี้เรียกว่าสัมผัสที่ หกครับ
ในธรรมชาติของชาติภพ บทที่ 4 ธรรมชาติการรับรู้ของจิตวิญญาณ บรรทัดสุดท้าย
ประสาทสัมผัสที่หกหรือประสาทสัมผัสภายใน คือ จิต หรือ อารมณ์ จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด หรือการรับรู้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ
ถ้าใครว่าน้องนาคา บ้า ผมขอบ้าด้วยคนนะ

 

เริ่มสิ้นปีนี้เลยครับ ตอนนี้กะลังวางแผนงานอยู่ครับ

 

ยืนยันเช่นเดียวกับคุณ mead ครับ

ในหนังสือ The Secert หน้าที่ 58 บรรทัดที่ 8 จากล่าง
ไม่มีคำว่าเวลาและขนาดสำหรับจักรวาล จักวาลสามารถบันดาลเงินหนึ่งดอลลาร์หรือหนึ่งล้านดอลลาร์อย่างง่ายดายพอกันด้วยกระบวนการเดียวกัน เหตุผลเพียงประการเดียวที่ทำให้เกิดผลเร็วช้าต่างกันก็เพระคุณคิดว่าหนึ่งล้านดอลลาร์เป็นเงินก้อนใหญ่ส่วนหนึ่งดอลลาร์เป็นเงินน้อยนิด
เรื่องเวลาและขนาด อาจารย์อนาลัยท่านก็ได้สอนไว้แล้วคือ ช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลา
ในหนังสือธรรมชาติของชาติภพ บทที่ 1 เธอคืออะไร หน้า 34 ย่อหน้าแรก
เธอเชื่อกฏเกณฑ์ของช่องว่าง ระยะทาง และกาลเวลา เสียจนกระทั่งเธอจำกัดจิตวิญญาณของเธอ เสมือนแมลงวันที่ถูกขังอยู่ในขวดแก้วเมื่อแมลงวันถูกจำกัดอยู่แต่เพียงในขวดแก้วมันก็ไม่อาจรู้ได้ว่าโลกกว้างคืออะไร และเมื่อเป็นแมลงที่เกิดในฤดูร้อนมันก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าฤดูหนาวคืออะไร หากเธอรู้ว่าช่องว่าง ระยะทาง และกาลเวลากักขังเธอไม่ได้ สติของเธอก็จะเปรียบเสมือนปีกของแมลงวัน เธอจะต้องเรียนรู้ที่จะใช้สติของเธอให้เป็นประโยนช์ การเป็นอิสระจากข้อจำกัดของช่องว่างระยะทางและกาลเวลา เป็นธรรมชาติเสียยิ่งกว่าลมหายใจของเธอเสียอีก และการเป็นอิสระก็เกิดขึ้นกับเธอได้บ่อยๆพอกันกับการหายใจ แต่สติของเธอไม่อาจรู้ได้ว่า เธอหายใจบ่อยครั้งเพียงใดทั้งยามตื่นและหลับ จิตวิญญาณของเธอเป็นอิสระจากช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลาได้ทั้งในขณะที่เธอตื่นและหลับเช่นกัน