อยากทราบว่าเจ้าแม่กวนอิมคือพระพุทธเจ้าองค์ใดที่เคยมีการทำนายไว้คะ

ดิฉันได้อ่านเห็นมีหลายท่านเขียนว่า เจ้าแม่กวนอิมท่านลงลาพุทธภูมิแล้ว ดิฉันจึงเกิดคำถามดังนี้คือ ถ้าท่านเคยเป็นพระพุทธเจ้าที่มีการ พยากรณ์ไว้ แล้วเช่นนี้จะลาได้อย่างไร อีกคำถามที่สงสัยคือ ทำไม การบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าแมกวนอิมถึงได้หลากหลาย จนไม่สามารถบอกได้ว่า จริงๆแล้วท่านเป็นผู้ใดกันแน่ และเคยมีตัวตนอุบัติขึ้นจริง ณ ที่ใด

เคยอ่านของบางที่ก็กล่าวว่า ท่านแม่กวนอิม จริงๆ คือ องค์สมเด็พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า สมโคดม อวตาร เป็น หญิง ซึ่งเป็นเรื่องแต่งขึ้นในฝ่ายมหายาน เพราะผู้หญิงนั้น เมตตา อ่อนโยน เหมาะแก่การเป็นโพธิสัตว์

บางที่ที่ดิฉันอ่าน กลับบอกว่า เจ้าแม่กวนอิม คือ พระนางตารา เทวี เป็น เจ้าหญิงในตำนานของอินเดีย แต่จีน เอาไปประยุคเป็น เจ้าหญิง เหมี้ยวซ่าน


พอไปอ่านงานวิจัยของ นักวิชาการ อินเดีย ที่นิยม ระบบวรรณะ อารยัน แบบ พรามณ์กลับอ้างอิง เจ้าแม่กวนอิม จริงๆ คือ เทพ เออร์ซูร่า มาสด้า ใน ศาสนา ของชาว เปอร์เซีย อิหร่าน ที่ มี อีกพระนาม คือ อมิตตา ในภาษาเปอร์เซีย คือ ชื่อของเทพ ของชาวเปอร์เซียโบราณ ซึ่ง มีความ เมตตา และมีหลักการทางศาสนาคล้าย แนวปฏิบัติพุทธภูมิ และ เป็น ต้นแบบขอศาสนาทางตะวันตกอื่นๆ เช่น คริตส์ อิสลาม ฮิบรู ที่มี พระผู้ช่วยรอด มีความเมตตา และ ไปโปรด สรรพสัตว์เวลาที่บรรดาสัตว์ต้องการความช่วยเหลือและสวดมนตร์อ้อนวอน ซึ่ง สังเกตดูได้ ว่า แนว คิดเรื่อง พระโพธิสัตว์ นั้นคล้ายกับ God ในศานาของโลกตะวันตก ซึ่ง นักวิชาการอินเดีย เหล่านั้นกล่าวว่า มหายาน นั้น มีต้นกำเนิดจริงมาจาก ภิกษุสาย ที่มีโรงเรียนอยู่ในอัฟกานีสถาน ซึ่งในเวลานั้นเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร อะคีเมเนีย ซึ่ง คือ อิหร่าน ในเวลานั้น ภิกษุเหล่านี้จึงผสมศาสนาพุทธเข้ากับศาสนาที่มี God ของ ตะวันตก และกลายเป็น นิกายมหายานในจีนซึ่ง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า เจ้าแม่กวนอิมจริๆแล้ว คือ เทพเจ้า เออร์ซูร่า มาสด้าของ ชาวเปอร์เซีย ซึ่ง เป็น ต้นแบบ ของ พระเจ้าใน ศาสนา ยูดาย คริตส์ และอิสลาม ด้วย

 

สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนมิถุนายน ๒๕๔๔
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


ถาม : เจ้าแม่กวนอิม ท่านเป็นใครกันแน่ ?
ตอบ : เกิดไม่ทัน ท่านเกิดก่อนเป็นพันปี เลยเกิดไม่ทัน
ถาม : ก็มีตำนานเล่าว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ว่าคนในปัจจุบันก็เรียกท่านว่าเจ้าแม่
ตอบ : คือว่าชาติที่ท่านมีชื่อเสียงมาก คือชาติที่ท่านเกิดเป็นองค์หญิง เมี่ยวซ่าน คราวนี้เวลาท่านบวช ท่านมีฉายาว่า กวนอิม คือผู้คอยฟัง คอยฟังในความทุกข์คนอื่น เขาก็เลยติดว่าในชาตินั้นที่ท่านมีชื่อเสียงมากที่สุด ควรให้ความเคารพนับถือมากใช่มั้ย ? ทั้งประเทศนี่เห็นตามท่านหมด เขาก็เลยถือเอาชาตินั้นเป็นสัญญลักษณ์ท่านมา
ชาติต่อไปท่านจะเป็นใคร เขาไม่ฟังแล้ว เอาชาตินั้นเป็นหลัก สละแขนตนเองเพื่อประกอบยาให้พ่อ อย่าลืมนะ พระโพธิสัตว์ การตัดแขน ตัดขา ควักดวงตา ควักหัวใจ ถวายเป็นบูชาอะไรนี่ท่านทำเป็นปกติ แล้วพอหนัก ๆ ขึ้นมา สละลูก สละเมีย เป็นทาน สละลูกเมียเป็นทานน่ะ ยากกว่าตัดหัวตัวเองอีก
ถ้าเป็นเราสมัยนี้ก็เอาไปเถอะ ขอให้ตูรอดไว้ก่อน ไอ้พวกกำลังใจไม่ถึง ท่านเองท่านเกิดมาพร้อมกับความดี แต่ว่าพ่อเป็นจักรพรรดิน่ะ ตีบ้านตีเมืองเขาแหลกรานไปเลย คัดค้านพ่อไม่สำเร็จ โดนไล่ไปเลยอยากบวชนัก ก็บวชได้แต่บังคับที่สำนักบวชให้ทำงานให้หนักที่สุดเท่าที่หนักได้
คราวนี้ท่านอยู่กับความรื่นเริงเบิกบาน อยู่กับบุญน่ะจิตใจเกาะบุญอยู่ตลอด ไม่ได้สนใจว่าภายนอกเขาจะเป็นยังไง ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไป ยิ่งทำยิ่งหนัก ก็ไม่ว่าทำแค่ไหนก็ทนได้ ขอให้ได้ประพฤติพรหมจรรย์ พ่อก็เลยยัวะ สั่งให้ทหารไปเจี๋ยนซะ ปรากฏว่าท่านเองคงจะสร้างบุญเอาไว้ดี
ตามประวัติว่าท่านตายแล้วฟื้นใหม่แล้วไปอยู่ที่เกาะฝงไหล ปฎิบัติจนกระทั่งเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ ตรงนั้นมีบุญมีบารมีมากที่สุด ถึงวาระสุดท้ายกรรมเก่ามันตามทัน พ่อก็เลยตาบอด แล้วก็เกิดโรคร้ายขึ้นมาอะไรรักษาก็ไม่ได้ หมอก็บอกว่าต้องได้ดวงตาเหรือแขนของผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์มา ถึงจะรักษาได้ ก็ไม่รู้ว่าเจ้าแม่กวนอิมที่คนเขาศรัทธากันนักหนา ในระยะนั้นน่ะก็คือลูกตัวเอง ก็ให้มหาอำมาตย์ไปขอก็ให้มาจริง ๆ พอรักษาหาย จะไปขอบคุณ ไปถึงเพิ่งจะรู้ว่าลูกตัวเอง

 

คลิปฟังเสียง อยากรู้ ฟังดู

 

เจ้าแม่กวนอิมลาพุทธภูมิ

โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

..............................

เจ้าแม่กวนอิมลาพุทธภูมิแล้ว

ผู้ถาม มีผู้ถามว่า ที่บ้านของลูกมีทุกอย่าง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพเทวะ อะไรต่างๆ มีคนเขาบอกว่า ลองเอา เจ้าแม่กวนอิม ไปบูชาบ้าง จะทำให้เจริญรุ่งเรือง แล้วลูกก็เลยซื้อมา เมื่อนำมาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะตั้งตรงไหนดี จะตั้งกับพระพุทธก็เห็นว่าเป็นผู้หญิง จะซื้อโต๊ะใหม่สะตุ้งสะตังค์ก็ไม่มี ขอให้หลวงพ่อช่วยชี้แนะวิธีตั้งสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ

หลวงพ่อ ไม่ต้องตั้ง...ห้อยก็ได้ ใช้ห้อยคอไว้...(หัวเราะ) ก็หาโต๊ะเล็กๆ ซิ ม้าเล็กๆ ถ้าตั้งโต๊ะพระพุทธรูป ก็ตั้งให้ต่ำกว่า ขั้นต่ำกว่าไม่เป็นไรนะ เพราะท่านกวนอิมจริงๆ เดิมทีเป็น พระโพธิสัตว์ ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้หญิง และต่อมานานๆ เข้า ใกล้จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เอาแค่ใกล้นะ บารมีเริ่มเป็นปรมัตถบารมีก็ขอลาพุทธภูมิ เวลานี้เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานแล้ว

ผู้ถาม เจ้าแม่กวนอิมไม่ใช่พระศรีอาริย์หรือครับ?

หลวงพ่อ ไม่ใช่...คนละองค์ ไกลกันลิบลับ พระศรีอาริย์ ท่านจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณอยู่แล้วแต่เจ้าแม่กวนอิมนี่ยัง ความจริงก่อนนั้นฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ไปพบกันจริงๆ จึงรู้เรื่อง ไปควานหาประวัติตามหนังสือเอาแน่นอนไม่ได้ หาตัวไม่พบ

ผู้ถาม เอ...หลวงพ่อ อย่างงานเทศกาลไหว้พระจันทร์เอารูปเจ้าแม่กวนอิมมาไหว้ อยากจะทราบว่าองค์จริงท่านจะมาหรือเปล่าครับ?

หลวงพ่อ ความเป็นทิพย์มี ถ้าเรานึกด้วยความเคารพก็ถึงทันที

ผู้ถาม ถ้าไหว้พร้อมกันทั่วโลกล่ะครับ?

หลวงพ่อ อย่าลืมว่าความเป็นทิพย์น่ะ ท่านจะไปพบกับคนได้ทุกคนในขณะเดียวกันทั่วโลก ทั้งภาษาต่างกันใครต้องการอะไรก็ได้

ผู้ถาม พูดถึงเรื่องภาษา เวลาเจ๊กสวดมนต์เจ๊ก อิสลามสวดมนต์อิสลาม คริสต์สวดมนต์คริสต์ แล้วเวลาตายจะมีสิทธิ์ไปอยู่ชั้นยามาไหมครับ?

หลวงพ่อ อย่าลืมนะเจ๊กนี่ส่วนใหญ่จริงๆ เขาศาสนาพุทธนะ เจ๊กธิเบต ก็ต้องยามาเจ๊ก ยามาอิสลาม ยามาคริสต์ แต่ส่วนใหญ่จริงๆ เขาศาสนาพุทธ แต่ว่าเป็น ฝ่ายมหายาน ก็ที่เดียวกันนั่นแหละ แต่อิสลามยังสงสัย ไปทีไรไม่เจออิสลามสักที ถ้าอย่างคริสต์เขามีสิทธิชั้นกามาวจรเหมือนกัน อย่าง พระเยซู ท่านอยู่ชั้นดาวดึงศ์ แต่จริงๆแล้วเขาอยู่ชั้นดุสิต แต่ว่ากำลังของพระเยซู กำลังของตัวเองก็ดี กำลังที่สอนลูกศิษย์ก็ดี ถึงขั้นกามาวจรสวรรค์ ไม่ถึงพรหมนะ ศาสนาคริสต์นี่ไม่ถึงพรหมนะ แต่ว่าอิสลามนี่ไม่รู้ลามไปถึงไหน เพราะไม่เคยเจอะข้างบนเลย

จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญญาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 7
แสดงกระทู้ - เจ้าแม่กวนอิมลาพุทธภูมิ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ • ลานธรรมจักร

 

คุณ Saber แล้วพอจะทราบไหมท่าน นี มูฮัมหมัด อยู่ชั้นไหน

 

กลับไปอ่านข้างบนครับ

 

ผมคนนึงขอยืนยันว่ายังไม่เข้านิพพานแน่นอน
ใครคิดอย่างไรก็เถอะ ปฏิบัติแล้วจะรู้เองครับ
อย่าเชื่อโดยฟังตามๆกันมา ชาวพุทธเปิดใจให้กว้าง
แล้วจะรู้อะไรอีกเยอะ

 

พระโพธิสัตว์กวนอิมสละรูปกายช่วยคุ้มภัย

ประมาณ 12 ปีก่อนข้าพเจ้ามีอายุ 18 ปี ขณะนั้นบ้านอยู่เมืองเกาสง กำลังเรียนอาชีวศึกษา คืนหนึ่งไปเที่ยวตลาดกลางคืนที่หลังโรงหนังวั่นหลง กับเพื่อนนักเรียนชื่อ หวงซิ่งชิง แผงขายของในตลาดมีมากมาย เรียงกันยาวถึง 2 กิโลเมตร มีแผงขายของกิน พวกแสดงมวยกังฟูเพื่อขายกอเอี๊ยะ (พลาสเตอร์บรรเทาปวดของจีน) แผงขายเสื้อผ้าและของใช้ประจำวันต่างๆ มีผู้คนเป็นจำนวนมากเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างดี
เดินไปเดินมาจนมาถึงแผงดูดวง แผงนั้นอยู่ปากซอย ไม่ค่อยมีคน เห็นผู้เฒ่านั่งอยู่คนเดียว พอเห็นพวกเราเดินมาก็เรียก
“ไอ้หนุ่ม ฉันจะดูดวงให้ ไม่เอาเงิน ปะกั่วเหวินหวางของฉันแม่นมาก ตรวจแล้วจะรู้ว่ามงคลหรืออัปมงคล คนหนุ่มไม่มีเงินไม่เป็นไร” เมื่อเรา 2 คนให้หมอตรวจดูดวงชะตาให้ ไม่นานก็มีคนเข้ามามุงดู
ผู้เฒ่าอายุมาก แต่ตาสองข้างยังคมชัด เขาดูหน้าตาหวงซิ่งชิง แล้วดูลายมือ ถามชื่อแซ่ แล้วให้เขาดึงแผ่นป้ายออกมาแผ่นหนึ่ง หน้าโต๊ะมีกระถางธูป ผู้เฒ่าดูอักษรในป้าย มองหวงซิ่งชิงแล้วบอกว่า “เธอเป็นคนจีนแคะที่เขตเหม่ยหนองหรือ” เขาตอบว่า “ใช่”
ผู้เฒ่าบอกว่า “ดูจากหน้าตาเธอ การเรียนธรรมดา ปัญญาธรรมดา จากลายมือ ชีวิตเธอสลับซับซ้อน ตอนอายุน้อยเหนื่อยมาก จากป้ายที่ดึงออกมา เธอควรเป็นข้าราชการดีที่สุด จะอาศัยใครที่บ้านก็ไม่ได้ ต้องอาศัยมือเปล่าของตัวเอง ผู้อุปถัมภ์ของเธออยู่ทางทิศเหนือ ฮวงจุ้ยที่บ้านเคยขุดฝังใหม่ 1 ครั้ง เธอรู้ไหม”
“รู้ครับ” หวงซิ่งชิงตอบ “ต้นปีนี้มีการจัดสุสานใหม่ ฝังคุณปู่คุณย่า”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด ฮวงจุ้ยนี้เป็นการเลือกของพี่ชายคนโต เพราะในฮวงจุ้ยวางยันต์สั่งให้เงินทองเข้าบ้านลูกคนโต ทำให้หน้าผากของเธอเกิดลมปราณแห่งความยากจน อนาคตเธอจะลำบาก
ลูกเอ๋ย ทั้งชีวิตถึงจะราบเรียบ แต่ไม่มีโอกาสร่ำรวยเหมือนคนอื่นเขานะ”
“ถูกแล้ว ฮวงจุ้ยนี้เป็นการเลือกของพี่ใหญ่” หวงซิ่งชิงพูด คนที่มุงดูต่างก็ว่าแม่นมาก
ผู้เฒ่ามองข้าพเจ้าที่ดูแล้วผอมแห้ง ขี้อาย ตอนนั้นข้าพเจ้าทั้งผอมทั้งเตี้ย เขาดึงตัวข้าพเจ้าไปใกล้ ดูหน้าตาอย่างละเอียด ดูลายมือ และให้ดึงป้ายออกมาแผ่นหนึ่งเช่นกัน เขาอ่านแล้ว ขมวดคิ้วสั่นหัว พูดว่า “เธอเป็นลูกคนโตหรือ”
ข้าพเจ้าตอบว่า “ใช่ครับ”
ผู้เฒ่าว่า “โหงวเฮ้งหน้าตาเธอนั้นสลับซับซ้อน แปลว่าอนาคตของเธอไม่แน่นอน นิสัยแปลกมาก ต้องอาศัยดวงชะตาแล้ว ลายมือยิ่งแปลกใหญ่ คลังทองเต็มไปหมด น่าจะเป็นคนรวย แต่ลายอักษรเส้นยาวมากทะลุคลังทอง ฉันสงสัยว่า อนาคตเธออาจทำงานผิดจากวิชาที่ร่ำเรียนมา ตอนนี้ทางครอบครัวก็ธรรมดา เธอเป็นคนประเภทสร้างทุกสิ่งด้วยมือเปล่า สำหรับปะกั่วเหวินหวาง....... พูดแล้วเธออย่าตกใจนะ”
“พูดมาเถอะ ไม่เป็นไร” ข้าพเจ้าพูดอย่างใจกว้าง
“ในปะกั่วเหวินหวางแสดงว่า คนมาถามผู้นี้เป็น คนเทพ หรือเทวภาพ อายุ 28 จะมีภัย อาจถึงสูญสิ้นชีวิต เธอลองไหว้พระขอให้พระคุ้มครองเถอะ”
“แต่ผมเป็นคริสตศาสนิกชน” ข้าพเจ้าพูด ตอนนั้นข้าพเจ้าทำพิธีล้างบาปจากสมาคมศาสนาคริสต์ซินซิง
“คริสตศาสนิกชนหรือ ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้” ผู้เฒ่าพูด คนที่มุงดูต่างอุทาน “เฮ้อ เด็กคนนี้ดูหน้าตาดี ไม่น่าอายุสั้น” ต่อจากนั้นก็มีคนมากมายขอให้ผู้เฒ่าดูดวงให้ พูดแล้วก็แปลก เราสองคนยืนฟังอยู่ รู้ว่าแม่นมาก แต่ถ้ามันแม่นอย่างนั้น ข้าพเจ้ายิ่งไม่สบายใจ เพราะถูกทายว่าอายุสั้น
ปีหมิงกั๋วที่ 60 (ค.ศ. 1971 หรือพ.ศ.2514) ข้าพเจ้าอายุ 27 ปี อีกปีก็คือ 28 ปีแล้ว ข้าพเจ้าไม่ได้ลืมเรื่องเมื่อ 10 ปีก่อนที่หมอดูทักไว้ คืนหนึ่ง ข้าพเจ้าถามครูทิพย์ว่า “สมัยก่อนหมอดูทักว่า อายุ 28 จะสิ้นชีพ ไม่ทราบว่าจริงหรือเท็จครับ”
“เหลียนเซิน วิชาหมอดูดูเบาไม่ได้ ไม่ว่าดูดวงวันเดือนปีเกิด หรือคำนวณตามตำราหวางจิ หรือการชั่งน้ำหนักของเหยียนเทียนกังหรือปะกั่วของเหวินหวางเป็นวิชาจริงแท้ไม่ใช่ล้อเล่น แม้แต่
ดวงแห่งฟ้ายังแก้ได้ประสาอะไรกับดวงมนุษย์เล็กๆ 28 ปีสิ้นชีพ ทายได้แม่นมาก แต่เขาไม่สามารถคำนวณว่าในชีวิตแห่งปัญญาของเธอได้สร้างสะพานกู้ชีพไว้แล้ว และก็ได้เวลาพอดี จำได้ไหมว่าเธอได้บูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์หนึ่ง เราเคยพูดแล้วใช่ไหมว่า เธอบูชาพระโพธิสัตว์ วันหลังพระโพธิสัตว์จะช่วยชีวิตเธอครั้งหนึ่ง กุศลในการบูชาช่างยิ่งใหญ่นัก”
ปีหมิงกั๋วที่ 60 ใกล้วันคริสต์มาส ข้าพเจ้ากินข้าวกลางวันอยู่ที่บ้าน ขณะนั้นยังไม่ได้กินเจ ทั้งเนื้อปลา เนื้อหมูกินลงท้องหมด อยู่ๆ เวียนศีรษะจนทนไม่ไหว กระเพาะแปรปรวน ทั้งปลาและหมูที่กินเข้าไป อาเจียนออกมาจนหมด คนในบ้านคิดว่าข้าพเจ้าป่วย แต่ตัวไม่ร้อน ให้หมอมาตรวจ ก็บอกว่าสุขภาพดีมาก ตอนเย็นคุณแม่ต้มหัวปลา ซึ่งเป็นอาหารที่ข้าพเจ้าชอบมาก แต่กินน้ำแกงแค่ไม่กี่คำ โรคเก่าก็กลับกำเริบ อาเจียนแล้วอาเจียนอีกไม่ยอมหยุด
สุดท้ายต้องกินอาหารเจจึงไม่อาเจียน แต่ถ้าลองกินของคาวสักนิดก็กลับเป็นขึ้นมาอีก ท่านผู้อ่านอาจคิดว่าเป็นการเกิดจากจิตใต้สำนึกแต่ทว่าไม่ใช่ เพราะหลังจากกินเจแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่งน้องสาวเอาปลาที่กินเหลือนำมาตั้งนึ่งที่หม้อข้าว ข้าพเจ้าไม่รู้ พอกินข้าวก็อาเจียน ตรวจดูจึงรู้ว่า มีการเอาปลามาตั้งบนข้าวนึ่งให้ร้อน แค่นี้ก็ไม่ได้ ฉะนั้นจึงกินเจตั้งแต่นั้นมา
ข้าพเจ้าถามครูทิพย์ “เพราะเหตุใดหรือ”
ครูทิพย์ตอบว่า “สาธุ สาธุ เอาชีวิตแลกกับชีวิต ย่อมชำระภัยแห่งชีวิต”
ข้าพเจ้ากินเจตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีหมิงกั๋วที่ 60 จนถึงเดือนธันวาคม ปีหมิงกั๋วที่61 ในเดือนนั้น วันหนึ่ง น้องสาวข้าพเจ้าเอาน้ำมันที่ทอดไส้กรอกมาผัดผักให้กิน แต่คราวนี้ไม่อาเจียนและไม่เวียนศีรษะด้วย แปลกดีแท้ นับแล้ว1 ปีเต็มพอดี
ข้าพเจ้าถามครูทิพย์ “เพราะเหตุใดหรือ”
ครูทิพย์ตอบว่า “วันเวลาผ่านไปแล้ว ภัยพิบัติชำระแล้ว ใช้ชีวิตแลกกับชีวิต เหตุปัจจัยจบแล้ว ก่อนนี้เธอกินเจ เป็นการบังคับของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกๆ วันจะมีเทพแห่งศีลรักษาอยู่ข้างกาย วันนี้เรื่องราวสำเร็จพ้นภัย เทพแห่งศีลจึงจากไป เธอก็กลับคืนเป็นคนเดิม จะกินเจหรือกินของคาวแล้วแต่เธอไม่บังคับ ตามสบายเถอะ เธออาจไม่เชื่อ ลองกลับไปดูที่วิหาร ไปดูองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมซิ เธอจะเข้าใจดี”
พอครูทิพย์พูดแบบนี้ ข้าพเจ้าจึงไปตรวจดูองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม เห็นผิวเคลือบขององค์รูปแตกร้าวตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยร้าวแตกเป็นลายทั่วตัว ต่างจาก 3 ปีก่อนที่บูชาใหม่ๆ ใบหน้าอันเปี่ยมเมตตาที่มีอยู่เดิมนั้นก็กลายเป็นรอยแตกร้าว เรียกว่าทั่วตัวไม่มี
ส่วนไหนที่ไม่มีรอยร้าว
หลังจากนั้นจึงรู้ว่า เมื่ออายุ 28 ตามดวงต้องสิ้นชีพ แต่ข้าพเจ้ากินเจ 1 ปี อาศัยบุญกุศลที่ไม่ฆ่าสัตว์ไม่กินเนื้อสัตว์และการสละ
รูปกายแทนของพระโพธิสัตว์กวนอิม จึงช่วยชีวิตไว้ได้ ข้าพเจ้าบูชาท่าน แต่ท่านกลับแตกร้าว พระโพธิสัตว์ช่างยิ่งใหญ่นัก จนข้าพเจ้าไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไรดี พระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นี้ข้าพเจ้ายังคงบูชาจนถึงปัจจุบัน ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวัดเหลยจั้งของข้าพเจ้าทีเดียว

 

พระเดชพระคุณพระเทพสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เจอ เทพธิดาที่มารักษารูปจำลองเจ้าแม่กวนอิมองค์ เพราะได้รับบัญชาจากพระแม่กวนอิมโดยตรงเเพ่อมาข่วยมนุษย์




ราวปี พ.ศ.2539 แม่ชีซูง้อ แซ่เอ็ง ศิษย์ในพระเดชพระคุณพระเทพสิงหบุราจารย์ (จรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ได้อาราธนาหลวงพ่อให้เดินทางไปโปรดโยมบิดา-มารดาและญาติมิตร ณ ประเทศสิงคโปร์ ทัวร์นั้นมีศิษย์ติดตามไปหลายคน

ตอนหนึ่งของการเดินทางแม่ชีซูง้อได้พาหลวงพ่อจรัญไปชมรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่และศักดิ์สิทธิ์เป็น 1 ใน 3 องค์ที่ชาวสิงคโปร์นับถือมาก ขณะเดินชมสถานที่ซึ่งจัดแต่งอย่างสวยงามนั้น จู่ ๆ หลวงพ่อจรัญได้สั่งศิษย์ผู้ชายซึ่งถือย่ามท่านอยู่ให้เอาซองปัจจัยในย่ามของท่านทั้งหมดใส่ลงตู้รับบริจาคที่ตั้งอยู่ใกล้กับองค์เจ้าแม่กวนอิม และสั่งให้ศิษย์ที่ไปด้วยทั้งหมดลงมือทำบุญทันที กำชับอีกว่าทำบุญแล้วจงอธิษฐานขอในสิ่งที่ปรารถนาอย่างสูงสุดในชีวิตเดี๋ยวนี้

ทุกคนแม้งงกับเหตุการณ์แต่เชื่อหลวงพ่อนี่แน่นอนที่สุด จึงรีบควักปัจจัยหย่อนลงตู้บริจาคเป็นโกลาหล เมื่อทำบุญเสร็จและกลับมายังบ้านพัก ท่านเมตตาเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อบ่ายว่า ขณะที่ท่านยืนพิจารณารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมอยู่นั้น ได้เห็นเทพธิดาองค์หนึ่งลอยออกมาจากองค์เจ้าแม่กวนอิม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแพรพรรณอย่างชาวจีนซึ่งสวยงามมาก แสดงคารวะต่อท่านและยิ้มแย้มยินดี

หลวงพ่อกำหนด เห็นหนอ ก็ทราบได้ทันทีว่าเทพธิดาองค์นี้เป็นเทพเจ้าระดับสูง มีบุญญาภินิหารมากนัก บำเพ็ญบารมีมาทาง สัจจะวาจา ทำให้เป็นผู้มี วาจาสิทธิ์ เมื่อให้พรใครย่อมเป็นไปตามนั้นทุกประการ ที่มารักษารูปจำลองเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เพราะรับบัญชาจากพระแม่กวนอิมโดยตรงเพื่อโปรดมนุษย์

และขณะนั้นเทพเจ้าองค์นี้ก็ปรารถนาจะอำนวยพรแก่หลวงพ่อและชาวคณะ ท่านจึงรีบทำทานบารมีและสั่งคณะศิษย์ให้ทำตาม เพื่อสร้าง กรรมพัวพัน อันจะเปิดโอกาสให้พรที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นจริงขึ้นมา เป็นมงคลแก่คณะศิษย์ที่ติดตามไปตลอดชีวิต

สุดยอดไหมล่ะกับหลวงพ่อวัดอัมพวัน ?

เรื่องเหล่านี้คือความจริงที่ผมได้มีโอกาสรับรู้ นับว่าเป็นสิริแก่ตนอย่างยิ่ง แม้จะไม่มีญาณรู้เห็นด้วยตน ชั้นชั่วแต่ได้ผู้ทรงญาณยืนยัน ผมก็ถือเป็นวาสนาแล้ว ผมหายสงสัยได้ในเรื่องเจ้าแม่กวนอิม ไม่เพียงเพิ่มพูนศรัทธาในท่าน ยังเลื่อมใสไปถึงท่านผู้เมตตาแจ้งข่าวเหล่านั้นด้วย หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม และ ท่านพลโทสมาน วีระไวทยะ

ขอกราบขอบพระคุณครับ.

 

เจ้าแม่กวนอิม จากปากคำของพลโทสมาน วีระไวทยะ


สมัยหนึ่งได้อ่านบันทึกและคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งคุ้นเคยกันดีกับท่านพลโทสมาน วีระไวทยะ ที่ต้องคุยเพราะนายพลท่านนี้เป็นอีกผู้หนึ่งที่ฝึกฝนสมาธิจิตจนสงบนิ่งควรแก่การงาน ควรแก่การพบเห็นผู้อยู่ต่างภพภูมิได้อย่างน่าทึ่ง และวาระหนึ่งท่านก็ได้พบพระโพธิสัตว์กวนอิม

ท่านนายพลเล่าว่าท่านมักทำสมาธิเมื่อมีเวลาว่างเสมอ โดยเฉพาะก่อนนอนจะนั่งเป็นชั่วโมง ๆ ทุกวัน วันหนึ่งขณะจิตสงบได้พบหญิงสาวนางหนึ่งเหาะลอยมาในอากาศ แวดล้อมด้วยหมู่เมฆสวยงามนัก สตรีท่านนั้นแต่งตัวด้วยชุดจีนพื้นขาวมีลายดอกสีแดงปักห่าง ๆ ใบหน้ายิ้มละมัยเปี่ยมด้วยเมตตา

ครั้นเอ่ยวาจาน้ำเสียงก็ไพเราะดุจระฆังเงินก้องกังวานทั่ว ท่านแนะนำองค์ว่าท่านคือ เจ้าแม่กวนอิม ที่มานี้เพราะสวรรค์เห็นในคุณความดีที่นายพลสมานได้กระทำมาตลอดชีวิต และยังเข้าพระกัมมัฏฐานภาวนาโดยสม่ำเสมอ มหาเทพผู้เป็นใหญ่ในเทวโลกจึงมีบัญชาให้องค์อวโลกิเตศวรนำคำพรมาให้ จากนั้นท่านก็ให้พรเป็นภาษาจีนแต่ไม่ยาวเท่าใด และท่านก็กล่าวลา

เมื่อออกจากสมาธิท่านนายพลก็ไม่แน่ใจว่าตนเกิดนิวรณ์ไปเองหรือเปล่า ด้วยท่านนั้นนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่สุด รู้จักแต่พระไทย ไม่เคยสนใจในเรื่องเจ้าแม่กวนอิมหรือเจ้าจีนที่ไหนเลย ครั้นคิดไม่ตกท่านก็วางเฉยต่อเหตุการณ์

ไม่นานเท่าใดนัก ขณะท่านทำสมาธิในอีกวาระหนึ่งองค์กวนอิมก็มาพบอีกครั้ง คราวนี้ทรงชุดขาวปักลายคล้ายปล้องไผ่และใบไผ่เป็นสีทอง ชายผ้าทั้งแขนเสื้อและคอเสื้อขลิบด้วยด้ายทองเป็นประกายระยิบระยับงามตา ทั้งการแต่งองค์และวงพักตร์ในครั้งนี้งดงามกว่าหนก่อนมากนัก ท่านนายพลถึงแก่ตะลึงด้วยไม่นึกว่าจะพบท่านอีกเป็นคำรบสอง

ท่านปรารภว่า เราคือพระโพธิสัตว์กวนอิม มาครั้งนี้เพื่อยืนยันว่าท่านมิได้ฝันเพ้อหรือเกิดนิวรณ์ในจิตแต่อย่างใด หนก่อนเรานำพรจากสวรรค์มาให้ตามโองการ เมื่อท่านไม่แน่ใจเราจึงต้องมาอีกครั้ง และครั้งนี้เราจะประทานอักษรให้แก่ท่านด้วย

แล้วองค์กวนอิมก็คลี่ม้วนผ้าแดงปักดิ้นทองเป็นตัวอักษรจีนอยู่ภายในให้ดู พร้อมกับอ่านให้ฟังอย่างชัดเจน

“กวนอิมไต้ซือ ซี่สื่อ ฮกลกหงีเทียนสื่อ”

อ่านแล้วก็ทำกิริยายื่นม้วนผ้านั้นให้ ท่านนายพลรับมาอย่างซาบซึ้งในกรุณา เจ้าแม่ยังสั่งอีกว่า ท่านจะจำได้ขึ้นใจทั้งคำอ่านและอักษร จากนี้จงหาผู้รู้หนังสือจีนให้เขาเขียนลงกระดาษแดงด้วยอักษรสีทองแล้วใส่กรอบบูชาไว้ จะบังเกิดโชคลาภ ปราศจากภัยอันตรายแก่ผู้บูชาด้วยอำนาจแห่งเรา และยังสามารถสวดบริกรรมโองการสวรรค์นี้ได้อยู่เรื่อย ๆ จะได้รับพรอันประเสริฐจากเทวโลก ทั้งยังได้รับความคุ้มครองจากเราพระโพธิสัตว์กวนอิม แล้วท่านก็จากไป

เมื่อท่านนายพลออกจากสมาธิ น่าประหลาดว่าท่านสามารถจำลักษณะตัวอักษรและการออกเสียงได้หมดทั้งที่ท่านพลโทสมานไม่รู้หนังสือจีนเลย และท่านก็ไปจ้างซินแสแถวเยาวราชให้เขียนหนังสือนี้ใส่กรอบบูชาไว้เพื่อระลึกถึงคุณแห่งพระแม่กวนอิม และยังเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้ทำไว้บูชาที่บ้าน ได้สวดตามเพื่อความเป็นสิริมงคลเสมอ

นี่เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ผมเชื่อถือในท่านมาก่อนหน้า เมื่อผู้ที่ผมเชื่อใจยังยอมรับถึงความมีอยู่จริงของเจ้าแม่กวนอิม ผมก็เริ่มคล้อยตาม...

 

ผู้ที่จะมีความเมตตาหรือไม่เมตตา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ญ หรือ ช
ลองพิจารณากันตามเหตุผล ศาสนาพุทธให้ใช้เหตุผลอยู่แล้ว
ท่านคิดว่า"เราจะเป็น ญ เพื่อให้ดูเป็นเพศที่มีความเมตตามากกว่าการเป็น ช" สิ่งนี้จะเป็นดำริของสัพพัญญูหรือ?

 

คอ ที่ดิฉันอ่านมาจะเป็น เวป ของต่างประเทศ เขาให้นิยาม ว่า ที่สร้างให้พระโพธิสัตว์กวดอิมเป็นหญิงก็เพราะ สตรีนั้น อ่อนโยน มีความเป็นมารดาที่รักลูก และผู้หญิงนั้นขี้สงสาร รูปเทพสตรีก็ทำให้คนรู้สึกดีกว่า เพราะสตรีนั้นเน้นเรื่องความงาม สวมใสแพรพรรณงดงาม ผู้เห็นก็ศรัทธา อยากบูชา พระแม่มารีของคริตส์ก็เชื่อว่ามีการแยกนิกายกันออกมาด้วยความเชื่อนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีใครตอบดิฉันได้เลยเรื่องกำเนิดของเจ้าแม่ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่เป็นใคร แต่ถ้าอ่านจากงานวิจัยของนักวิชาการอินเดีย เขาไม่ได้อิงตามนั่งเทียนเขียน หรือ เข้าวิปัสสนาไปถามเจ้าแม่เอง แต่ยึดตามหลักประวัติศาสตร์ว่า พระแม่กวนอิมเป็น การวิวัฒนาการของ นิกายมหายาน ซึ่งเกิดจาก การเอาศาสนาเปอร์เซีย คือ เทพ อฮูร่า มาสด้ามาผสม

 

แวะเข้ามาเยี่ยมค่ะ แถมยังได้ความรู้ติดตัวกลับออกไปอีก " อนุโมทนา...สาธุค่ะ "

 

ที่ ๒๐/๔ /๒๕๕๖ กรรมติดจรวจ มีมีเรื่องเล่า ให้พวกพี่น้องได้ฟังกันครับ ผมไปโคราช ยังไม่ทันถึงไปแค่เลยลพบุรีเท่านั้น น้องผมจะบวช แต่ผมไม่ไปไม่ได้ เพราะไม่ทันแล้ว จึงไปถึงโคราช เพื่อไปกราบแม่ พอถึงปักธงชัย น้องนครปฐมโทรมาอีก บอก น้องจะบวชวันที่ ๑๙ / ๔ / ๒๕๕๖ เมื่อวานเอง เออถ้างั้นพอไปได้ผมตอบไป เมื่อผมไปกราบแม่เสร็จ ซื้อของฝาก ไปถวายท่าน แล้ว เมื่อสนธนาจบ ท่านให้ดูวันพรุ่งนี้ ร่างกายท่านไหว ท่านจะมาสงเคราะ ปรก ติท่านจะไม่รับแขก ผมนอนค้าง ๑ คืน รอเวลา ท่านแม่เกริ่นไว้ แล้วบุญ และท่านจะสงเคราะ เมื่อถึงเวลาท่านมาสงเคราะ จึงเล่าเหตุการณ์ให้ท่านฟัง ท่านบอก ให่ไป ช่วยจัดแจง และให้กลับ ด่านช้างทันทีครับ


ผมมาแวะที่อุทัย แล้ว ขับรถตีเข้าด่านช้างใกล้ห้วยขาแข้งครับ ขอเล่าลัดๆสักนิด น้องจะบวช เพราะกรรม ร่วมกับเขา เพียงแค่กินเก้ง ไม่ได้ฆ่ากับเขา กรรมมันติดจรวจ ก่อน สงกรานต์ ๒ วัน คือว่า อย่างนี้ เก้งมาจากไหน ไม่ทราบ วิ่งผ่านกลางหมู่บ้าน หมาไล่กัด วิ่งผ่านเข้มา บ้านผม ชนรถปิ๊กอับ ของน้อง และผ้า ตะข่ายเขียว ที่กันไว้บ้านผม ซึ่งน้องเอารถมาอาศัย แล้วหมามันวิ่งกวดไป แล้วคนมาช่วยฆ่า ตายก่อนจะฆ่ามีตะโกรธ ห้ามไปฆ่าเขา คนไทย ส่วนใหญ่ เขาถือกันนัก มันมีเหตุอาเพศ ไม่ใครฆ่า หรือกินกัน



แต่ไม่มีใครฟัง ผลที่สุดฆ่าตาย เขาเอามาทำ ในที่ผม หลังบ้าน ที่น้อง ผมมาอาศัยอยู่ เขาให้เนื้อเก้ง มาหนึ่งขา ใส่ตู้เย็นไว้ แล้วน้องผมไปแต่งงาน กับมาบ้าน ทำเก้งกินกัน ผ่านไปหนึ่งวัน เหตุการณ์ ก็เกิด ทะเลาะ กับแฟนถึงเกือบเลิกกัน แล้วพัฒนามาเป็น เบอ ประสาทหลอน มีคนจะมาฆ่า ทำร้ายบ้าง จะเอาชีวิตบ้าง เพ้อไปทั่ว ที่น้องๆเล่าให้ฟังครับ ผลสุดท้าย เขามาทวง ถ้าไม่บวชให้ จะเอาชีวิต ให้ถึงตาย เขาจึงตัดสินใจ บวชให้ แต่ก็ไม่วายประสาท เบอหลายอย่าง

น้องผมคนนี้ จะว่ามีบุญก็มี กรรมเล็กน้อย ที่ไม่ได้ฆ่า ให้ผลเพียงนี้ ถ้าฆ่า จะขนาดไหนหนอ ที่เขามีบุญ เมื่อก่อน เขาไม่เคยฆ่าสัตว์ ยังเด็กไม่เข้าโรงเรียน ผมเคยพามาวัดท่าซุง หลังจากพ่อตาย เขาอยู่กับพี่ๆ มาตอนหลัง เขาอยู่ คนเดียว กลัวตาย นอนภาวนา พุทโธ อยู่หลายปี จนกระทั่ง อายุเกือบ ๑๗-๒๐ ปี และตอนหลัง เกิน ๒๐ ปี มาอยู่ กับกระเหรี่ยงไม่เคย ทำงานหนัก ไม่เคยฆ่าสัตว์ ก็ทำเป็นทุกอย่าง งานหนักทุกอย่าง และไปนั่งห้าง คอยยิงสัตว์ ทุกประเภท ผมเคยไปเตือน เมื่อปีก่อน กับ ปีที่แล้ว ให้เลิกเสีย แต่เขาไม่ยอมฟัง


ชีวิตใครๆก็รักหวงแหน เพราะผมทำมาก่อน จึงไปเตือน แต่เหตุครั้งนี้ มันเร็วมาก ติดจรวจ จริงๆครับ ปรกติ สัตว์ทุกชนิด ถ้าเข้ามาในหมู่ บ้าน คนไทย เขาถือกันนัก มันจะมีเหตุอาเพศ บางที่เขาจัดทำบุญกัน เป็นอาทิตย์เลยนะครับ ผมคุยกับกระเหรี่ยงเมื่อวาน กระเรี่ยง เขาส่วนใหญ่ ก็ถือกันครับ เมื่อวาน บวชเสร็แล้ว ก็ยังเบอๆอยู่ครับ ผมบอก ให่ท่าน ภาวนา ให้มาก แล้วอุทิศ บุญให้เข้า เขา ตอนผมไปถึงโคราช ผมโทร ให้คน ไปถวายสังฆทานชุด ๕๐๐ ที่วัดท่าซุง ให้ทันที แล้วอุทิศบุญไปให้เก้ง ที่โดนฆ่าตาย น้องสาวโทรมา บอกว่า เขาเบาลง และให้ฟังธรรมะ ปรกติจะนอนไม่ได้ครับ นี่ พวกท่านอ่านแล้วยังไงครับผม

 

ผมขอพูดเป็นกลางนะครับท่าน ทุกคนมีปํญญา จงใช้ปัญญาไตร่ตรองให้ดีเหตุ และผล มันมีอยู่ ในตัวของมันเสร็จ และหมดจดแล้วครับ คนมีความรู้แค่ ป๑ จะไปรู้ป ๔ ไหม แล้วป ๔ จะไปรู้ ม.๑ -๒-๔ ม.๖ แล้วม.น่ะจะไปรู้ ที่สูงๆอีกไหม แล้วสูงขึ้นไป จะไปรู้ ของที่เรียนสูงขึ้นไปอีก อย่าง ปริญญา ตรี โท เอกอีก เท่านี้ก็เปรียบกันไม่ได้แล้ว ทางธรรมมันเกินวิสัย บางอย่างมันเป็นอจินไตย์ รู้ได้เฉพาะตน หรือผู้ที่ทำถึง เข้าถึงเท่านั้น


พระอรหัน ยังมี ๔ แบบ ๔ ขั้นเลย เลย แล้วในชั้น ขั้นเดียว ความรู้ความสามารถไม่เท่ากันเลยครัย แต่ตัดกิเลส เป็นสมุทปหาน เป็นพระอรหันเหมือนกัน พระพุทะเจ้า ท่านตรัสว่า บางองค์ จบกิจ เป็นพระอรหันต์ แล้ว ระลึก ชาติได้ ๑๐๐ ชาติบ้าง พันชาติบ้าง หมื่นชติบ้าง แสนชาติบ้าง กี่ล้านชาติบ้าง บางองค์รู้ไม่จำกัด ที่มาจาก พุทธภูมิ ที่มีบารมีมาก พระสาวก ก้เหมือนกัน รู้ไม่เท่ากัน จนกระทั่ง พระอัครสาวก พระอรหันทั้ง หลายมีความรู้ ความสามารถ ไม่เท่าพระโมคคัลลาสาลีบุตร ไปห่อ่านเอาครับ ไม่อยากพูดมากว่านี้ครับ แล้วมีใครมากเท่ากับองค์เด็จบ้าง มันไม่มีเลยครับ ถ้าอ่านตรงนี้ มันก้จะเข้าใจหมด ถ้าอ่านไม่เข้าใจ ตรงอื่นมันก้จะผิดเยอะครับ

ไม่ว่าชนชั้นใด ชาติไหน ภาษาไหน ศาสนาไหน เมื่อเจริญ สมาธิกรรมฐาน มันไปตามกำลัง ที่ทำที่ได้ สวรรค์มี ๖ ชั้น เหมือนกัน เพศหญิงชายมีแค่ สวรรค์ ๖ ชั้น แต่ถ้า เจริญสมาธิ ได้ ฌาณ ๑-๒-๓-๔- มันจะไปเกิด เป็นพรหม ๆ มี ๑๖ ชั้น ว่าไปตามกำลัง ฌาณ ถ้าเป็นพระอริยเจ้า ก็เลือกชั้นอยู่ได้ ตั้งแต่พรหม ชั้นที่ ๑๓ ถึง ๑๖ เป็นชั้นของพรหม อนาคามี (ฌาณ โลกีย เกิดได้ แค่ชั้นที่ ๑ ถึง ๑๒ เท่านั้น ไม่ว่าหญิงหรือชาย ได้ฌาณไปเกิดเป็นพรหม ไม่มีเพศ หญิงก็ไม่ใช่ ชายก้ไม่เชิง มีเพศเดียวเหมือนกันหมดครับ


ไอ้คนที่มีกิเลส เต็มหัว กับท่านที่มี กิเลส น้อย กับหมดกิเลสหมดแล้ว จะเชื่อใครดี เอาแค่ ฌาณ โลกีย เรามีความดี และความฉลาด ปราดเปรื่อง ไม่เท่าท่านแล้ว แล้วจะไปพูดเอาอะไร กับคนไม่มีอะไรเลย เอาแค่คน กับ มนุษย์ มันก้ต่างกันแล้ว ทุกคนมีการผิดพาด ทุกคน แต่ให้มันผิด น้อยๆหน่อย จะได้มีโอกาส กับเขาบ้าง บอกให้รู้ ไว้ บอกเฉพาะ ที่เป็นบรรดาษ สำหรับบรรฑิต ท่านต้องเข้าใจครับ เข้าใจน้อย ไปหามากครับ

 

ขอมาต่ออีกนิด ท่านที่อยู่ สูง ท่านจะไปโปรดใคร หรือไปหาใคร ท่านจแสดงตน เฉพาะ ในความเข้าใจ ของเราเท่านั้น หรือ ในสมัยเป็นมนุษย์ และที่คนทั้งหลายเข้าใจ และการ สำผัสได้นั้น การเห็น รู้นิดรู้ หน่อยรู้น้อยๆ มันก้ต่างกันแล้ว และรู้มาก เห้นมาก ยิ่งๆขึ้น ท่านรู้แค่ ไหน ท่านจึงมาสอนแค่นั้น ที่สำผัสมา ท่านตรัสกิเลส ได้หมดแล้ว ท่านยังกล่าว ยังไม่ดี เท่ากับ เทวดา ชั้นเลวๆ เลย สวรรค์ชั้นต่ำน่ะครับ ท่านยังกว่าว ขนาดนั้น แล้ว พวก ท่านน่ะเป็น ใคร ใหญ่กว่าท่านหรือ ทั้งๆมีทั้งขี้เยี่ยว สรกปก เต็มไปหมด สวรรคืชั้น ต่ำน่ะ มีตั้งแต่ พระโสดาบัน ถึงพระอนาคามี อยู่นะจะบอกให้ ท้าวมหาราช ทั้ง ๔ ได้ดวงตา เห้นธรรม ตั้งแต พระพุทธเจ้า ทรงพระชนชีพ อยู่ ไปนึก ให้ดีๆ น่ะครับ ท่าน ผู้รู้ บางคน อย่านึกว่าตนเอง แน่แล้ว รู้มากแล้ว มีครู บาอาจารย์พระองค์ หนึ่ง พระองค์ หนึ่ง พุทโธคำเดียว แยก ไปให้ละเอียด ไม่รู้กี่แสนกี่ล้าน ถ้าพรรณา ความดีของพระพุทธเจ้า นั่ง เทศ ทั้งกัป ยังพรรณาไม่หมดเลย บางอย่าง ไม่เกิดประโยชน์ ท่านจึงไม่สอน ขนาดแสดงฤทธิ์ ท่านยังไม่ให้แสดง เพราะคน มันไม่เอาความดี มันไปติดฤทธิ์ แค่นี้แหละครับ ขอให้ ทุกคนจงโชคดี มีความสุขครับ

 

เจริญธรรมครับ

 

คนเราอย่าไปใช้ใจ เป็นอคติ เถียงกันก้ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดเลย ควร จะฟัง และวางใจเป็นกลางๆก่อน ใช้ใจ พินิจพิเคราะให้ดีๆ ใช้เหตุและผล ทางที่ดี ควร หาทางปฏิบัติ ให้ตามความเป็นจริงบ้าง จะได้รู้อะไรดีๆบ้าง เรียนอย่างเดียว มันเสือกระดาษครับ ต้องเรียนด้วย ปฏิบัติ ด้วย จะเก่งพอรู้บ้าง ไม่ว่า อะไร จะเป็นใคร ก็ตาม ก็มีแค่ ๒ มือ ๒ขาเท่านั้น แม้แต่เทวดา หรือพรหม เครื่อง หมายทำเป็นพัน มือ หรืออะไรก็ตาม เขาทำเปรียบเทียบ ผมก้ตอบมาหลายกระทู้แล้วครับ ตั้งแต่เกิดมา ผมทำงานมา ๑๐๐ กว่าชนิด แต่คนที่ทำ นากับทำไร่ มันรู้แค่นั้น จนกระทั่งตาย ผมน่ะรู้ มากกว่าทำนาทำไร่



ถ้าแน่จริง ก็สำผัส ผีเทวดา ให้ได้ก่อน มันถึงพอจะรู้บ้าง ถ้าสำผัส ได้ ถึงท่านยิ่งดี จะได้หายสงสัยไงครับ ขนาดบางคนทำได้ ท่านยัง สงเคราะ มาให้เห็นแบบนั้น จิตของคนมันละเอียด อ่อน ธรรมก็เหมือนกัน มันมีขั้นหยาบๆ นับร้อยนับพัน จนไปถึง ละเอียด หมดกิเลส ถ้าเปรียบเทียบ การเรียนของคน ทำไม่ไม่เรียนให้มันจบ ป๑ ถึงป.๔ ทำไม จึงต้องมี ม.๑ ถึงม.๖ ยังมี ป.ว.ช. และมี ป.ว.ส. และทำไมจะต้องเรียน ปริญา ตรี โท เอก อีกทำไมล่ะ และจะต้อง เรียน ต๊อกเตอร์อีกเล่าครับ นี่เขาว่าไปตามขั้นตอน


ไม่ใช่กูอยากจะพูด ก็พูด กูอยากจะเถียงก็เถียง ก็ไอ้โลกต่างๆ ที่เรามองเห็น ด้วยตาเนื้อ ดวงดาวต่างๆที่อยู่บนท้องฟ้า ยังรู้ไม่ได้ละอองฝุ่นเลย แม้นักวิทยาศาสตร์ ทั้งหลาย ที่วิเคราะ อยู่ก็ตาม รู้ดวงดาว ไม่กี่ดวง แต่เรามองเห็นกัน นับไม่ถ้วน แล้วจะไปรู้ มากกว่าไอ้สิ่งที่เรามองไม่เห็นเล่าครับ หัดมาปฏิบัติบ้าง ให้รู้ งูๆปลาๆก็ยังดี พอได้รู้บ้าง ดีกว่าไม่รู้เลยครับ

 

จริงเท็จอย่างไร ก็อย่าไปกังวลนะครับ เอาเป็นว่า ท่านพระอวโลกิเตศวร โพธิสัตว์ หรือเจ้าแม่กวนอิม ท่านมีมหากรุณาธิคุณมากต่อเหล่ามนุษย์ ท่านเคยสงเคราะห์ไว้มาก ความดีที่ท่านกระทำไว้จึงเป็นเหตุให้มีผู้คนนับถือ บูชา ซึ่งก็ไม่แปลกครับ
กระผมก็เป็นคนหนึ่ง แต่เดิมก็ไม่เชื่อ อะไรนัก เพราะจะเชื่อถือในทางพระพุทธเจ้า ทางพราหม อินดูมาก

คือผมเป็นร่างทรงมานานหลายปีตั้งแต่เรียนจบ ปตรีใหม่ๆมาทำงานบวชพระได้9วันหลังจากนั้นก็ชอบและติดใจนำมาปฏิบัติต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน
มีอยู่ครั้งหนึ่งกระผมเจริญสมาธิและได้พบกับ เจ้าแม่กวนอิม ในภาคประทานพร มีเด็กน้อยสองคน คนหนึ่ง ชื่อ เง็กนึ่ง ผิวขาวเป็นผู้หญิงสวยน่ารัก กับ กิมท้งเป็นชายผิวเหลืองทอง เป็นเด็กน่ารักมากๆ ผมชื่อในสิ่งที่ผมประสพในสมาธิครั้งนี้ก็ไม่มากนัก
จนมีอยู่วันหนึ่งผมกระทำพิธีบูชาไหว้ครู ท่านพระแม่กวนอิม ก็ได้มาผ่านประทับร่างผม
ท่านสวดมนต์เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว โบราณ น้ำเสียงท่านไพเราะเป็นเสียงผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่ใช่ไม่แหลมไม่ทุ้ม แต่ไพเราะ สุดท้ายคนที่ร่วมพิธีก็เลยสนธนากับท่านจนทราบ รายละเอียด ว่าท่านคือพระโพธิสัตว์ และท่านก็จะทำหน้าที่ของท่านต่อไปจนกว่าจะสมปณิธาณซึ่งอีกนานมากๆ หลังจากท่านสนธนาความต่างๆเสร็จแล้ว ลืมไปท่านสวดมนต์ภาษาจีน แต่พูดภาษาไทยปนจีน จะพูดไทยไม่ชัด นั่นคือครั้งแรกในชีวิตผม ที่มีสภาวะแบบนี้ พอท่านออกจากร่างผม กระผมทราบทันทีว่า ท่านมาโปรดประทานพร จึงตั้งสัจจะว่า นับแต่นี้ไป กระผมขออนุญาตุครูอาจารย์ทุกท่าน บัดนนี้ไปกระผมขออุทิศตน มอบตนยกให้พระแม่กวนอิมเป็นบรมครูอีก1ท่าน หลังจากให้สัจจะไปแล้วนั้น ก็บูชามาตลอด กระผมไม่ทานเนื้อวัวหรือสัตว์ใหญ่มานานแล้วและหากติดปัญหาอะไร ก็จะอัญเชิญท่านมาแสดงธรรมหรือบอกทางแก้ไขได้เช่นกันครับตามโอกาสอันสมควร

ยังมีอะไรอีกมามายในภัทรกัปป์นี้ที่เรายังไม่ทราบและไปไม่ถึงก็ ควรศึกษาดูหลายๆทาง สุดท้ายก็เพื่อปัญญาบารมีที่ดีงามของตนนะครับ สาธุครับ

 

ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกที่ได้บันทึกไว้ พระพุทธเจ้า จะไม่พุทธพยากรณ์ผู้ปรารถนาที่เป็นสตรี เพราะธรรมสโมธาน ยังไม่ครบสมบูรณ์ครับ