ใครด่าพระเกษมบ้าง ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 29 มีนาคม 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ผมขอหยุดการเสวนา กับท่าน อุรุเวลาไปก่อนนะครับ
    เพราะเท่าที่คุยกันมาหลายวัน ผมไม่ได้คำตอบตรงจากตัวคุณเลย
    ทั้งๆที่พยายามถามตรงๆมาโดยตลอด คุณก็ แถ ออกข้าง ทำเหมือนนักการเมืองเลย
    ถามเรื่อง ข้าว ไปตอบ ยางพารา
    ปล.1 ข้อชมว่าท่านมี ข้อมูลเกี่ยวกับ พุทธวัจนะ เยอะดีครับ ซึ่งผมก็เคยอ่านมาเกือบหมดแล้วตอนสมัยบวชที่ วัดอโศการาม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่นำมาเผยแพร่บ่อยๆ
    แต่ควรใช้ให้ถูกและตรง ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นดาบ2คมเหมือนท่าน พลศักดิ์ได้นะครับ
    เหมือนนักกฏหมาย ทนายความ ใช้ถ่อนคำใน กฏหมาย มาโจมตีกันไม่รู้จบ
    เหมือนมีคนกำลังติดป้าย ห้ามสูบบุหรี่ แต่ตัวเองกับ ดูดวันละซองประมาณนั้น
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่านยึดแต่ความเห็นของตนเอง สิ่งที่ถามมาผมตอบหมดแล้ว
    ยกพระสูตรมาตอบก็มี ตอบเองก็มี ตอบไปแล้วแต่ท่านบอกว่าไม่ตอบ
    เพราะคำตอบมันไปตรงกับทิฐิของท่าน ท่านเลยเข้าใจว่าไม่ได้ตอบ
    ท่านอ่านตำรายึดตัวหนังสือยึดคำสาวกติดคำของอาจารย์เสียเอง
    พุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า "รูปไม่เที่ยง รูปเป็นทุกข์ รูปเป็นอนัตตา"
    ท่านพิจารณาดูเถิด ตอบคำถามท่านแล้ว ตอบไว้หมดแล้วครับ
    เหมือนท่านเห็นผมใช้รูปพระพุทธทาส ท่านติดรูปพระพุทธทาส
    ท่านจะเห็นผมได้อย่างไร
     
  3. ปรม

    ปรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +325
    ถ้าเป็นพระดีจริง ต้องรู้ว่าปฏิบัติแบบใดคนจะไม่ปรามาส

    เคยทราบมา พระสุปฏิปันโนหลายๆท่านที่มีจริยาแปลก บางท่านชอบเล่นอภิญญา

    จริยาของท่านอาจทำให้ชาวบ้านปรามาสได้ ท่านจะเลี่ยงปรากฏตัวต่สาธารณะ

    เพราะจริยาของท่านอาจทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เข้าใจผิด ปรามาสท่านแล้วตกนรกได้

    แต่เท่าที่ดูตรงข้ามกับพระเกษม ที่ดูๆๆ แล้ว คนปรามาสเกือบทั้งประเทศละมั้ง

    ทำไปได้เอาเท้าเหยีบพระพุทธรูปแถมจุดไฟเผา แล้วยังพูดลบหลู่อีก ว่ายังไงน่ะ...นั่นล่ะ

    นี่หรือพระดี พระดีจริงต้องสงสารชาวบ้านครับ ต้องไม่ทำตัวให้ชาวบ้านตกนรก เพราะข้าว

    ทุกคำที่ฉัน ชาวบ้านเป็นคนให้ถึงได้ฉัน อย่าลืมบุญคุณชาวบ้าน
     
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระดีพระไม่ดีไม่ได้ดูที่กริยาครับ ท่านดูที่ศีลครับ พระดีศีลดีคนกลับปรามาส
    พระดีท่านไม่เล่นอภิญญาครับ ที่เล่นส่วนใหญ่พระปลุกเสก พระรับเงิน พระรดน้ำมนต์
    พระพ่นน้ำมนต์ พวกทำติรัจฉานวิชาคนกลับเคารพนับถือ สวนทางไปเลยก็มีดีเหมือนกัน
     
  5. peatkungza

    peatkungza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +138


    คุนอุรุเวลาอย่าเถียงเลยคับ เดะเรื่องมันไม่จบ

    เค้าหลงของเขา เขารักที่จะแสวงหาอภินิหาร ความมหัสจรรย์ จากพระพุทธรูป และ เข้าใจในแบบของเขา เขาคิดว่าเขาถูก เขาคิดว่าเขาทำดีแล้วปล่อยเค้าไปดีกว่าคับ
     
  6. thnasak

    thnasak สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +21
    จงให้อภัยแก่กันและกัน
     
  7. DarKKazE

    DarKKazE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +239
    หึหึหึหึ
    ครับพระดีท่านไม่เล่นอภิญญา ช่างกล่าวได้รัดคอตัวเองดีครับ

    แล้วหลวงพ่อโมคคัลลานะ หลวงพ่อปิณโฑลภารทวาชะ
    อ่านดูจากประวัติของท่านนี่เล่นอภิญญานี่ครับ

    องค์สมเด็จจอมอรหันต์นี่ท่านก็อภิญญาใหญ่นี่ครับ

    ถ้าอ่านตามที่คุณกล่าวนี่..........ก้คิดเอาเองครับ
    แต่ผมว่าคุณกล่าวได้ตรรกะวิบัติดีแท้
     
  8. หมอมด

    หมอมด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +208
    ...555 ผมหวาดเสียวกับผลกรรมที่หลวงพ่อเกษมจะได้รับจริง ๆ การทุบพระพุทธรูป การด่าสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์แทนพระศาสดา กรรมสองเด้ง อีกเด้งคือสอนคนให้เชื่อไปในทางมิจฉาทิฐธิ นรกในความคิดของท่านคงไม่มี ท่านคงมีแนวคิดแบบนักปราชน์ แบบนักวิทยาศาสตร์ ตายแล้วสูญ นิพพานแล้วสูญ พระพุทธเจ้ามีองค์เดียว การตรัสรู้คือการนั่งคิดแล้วปิ๊งไอเดียแบบอิกคิวซัง...555 กรรม
     
  9. หมอมด

    หมอมด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +208
    ...ครูบาอาจารย์ของผม ขอเอ่ยนามท่านเลยครับ ครูบาเจ้าศรีวิชัย ครูบาเจ้าขาวปี ครูบาเจ้าชัยยะวงษา ท่านได้บูรณะเจดีย์เก่า พระธาตุเก่า พระพุทธรูปเก่า ในสายตาของท่านอริยะเกษมคงจะมองว่าเป็นเศษดิน เศษปูน เศษโลหะ ไม่เจิญตา ไม่เจริญปัญญา .... แต่ครูบาเจ้าได้เอาชีวิตเข้าแลกในการกอบกู้เศษซากเหล่านี้ให้เจริญมาเป็นพระธาตุ เป็นเจดีย์ เป็นพระพุทธรูป ลองไปค้นประวัติท่านดู ครูบาเจ้าท่านสร้างถนนขึ้นไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ แต่ท่านอริยะเกษมท่านคงบอกว่าเสียเวลา สร้างทำไม ไม่ประเทืองปัญญา
     
  10. หมอมด

    หมอมด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +208
    ...หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ท่านสร้างพระแจกคนไม่มีประมาณ ท่านอริยะเกษมคงบอกว่า ปูน ปูน ไหว้ทำไม...555
    ...โทษของการทุบทำลายพระพุทธรูป เจดีย์ มีสถานเดียวครับ ....ลงไปผิงไฟ
    ...ท่านคงจะบอกว่า ไม่มีในพระไตรปิฏก อืม ท่านอริยะอย่าเชื่อพระไตรปิฏกเลยครับ ก็ท่านคงคิดว่า เป็นแค่หนังสือเท่านั้น
     
  11. หมอมด

    หมอมด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +208
    ...เรื่องบุญกรรมเป็นเรื่องแต่ง เรื่องงมงาย สวรรค์ในอก นรกในใจ นิพพานสูญ ชาติหน้าไม่มี อภิญญาเป็นของไม่ดี 5555 แม้กระทั่งการรดน้ำมนต์ท่านก็ยังว่าไม่ดีเรอะ การรดน้ำมนต์มีมาตั้งแต่พุทธกาลนะ ท่านลูกศิษย์อริยะเกษม
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธเจ้าสอนสร้างตัวเอง ไม่ได้ให้สร้างพระพุทธรูป

    พระไตรปิฎกท่านชี้เข้ามาหาตัวของบุคคลเรา ใครบกพร่องที่ตรงไหนให้พยายามแก้ไขดัดแปลงอย่างนี้ไปทั่วหน้ากันแล้ว เมืองไทยเราไม่ต้องถามหาเรื่องความสุข จะเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รวมหัวกันแล้วเกิดทั่วเมืองไทยเรา นี้คือความสุขเกิดขึ้นจากการปฏิบัติ อันนี้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะพระพุทธเจ้าชี้ลงทางภาคปฏิบัติ ปริยัติเมื่อศึกษาเล่าเรียนได้ยินได้ฟังมาแล้วให้ไปปฏิบัติ กำจัดสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายตามที่ท่านสอนไว้ สอนไว้คือปริยัติ มาปฏิบัติตนเองแก้ไขตามปริยัติที่ท่านสอน หรือว่าแบบแปลนแผนผังได้แก่ปริยัติ แล้วก็ปฏิบัติตัวตามนั้น ๆ แล้วจะค่อยเบาขึ้นไปเรื่อย ๆ

    คำว่าปฏิเวธ คือผลของงานที่เราทำลงไป เรียกว่าปฏิเวธ แปลออกแล้วแปลว่าความรู้แจ้งในธรรมที่ตนปฏิบัติ จากปริยัติที่ศึกษาเล่าเรียนมาแล้ว ปฏิบัติตามนั้น ๆ ผลจะเป็นความสงบร่มเย็น ๆ ตัวเองก็ชุ่มเย็นภายในจิตใจ นี่เรียกว่าปริยัติ นอกจากนั้นจะรู้เห็นธรรมในแง่ต่าง ๆ ขึ้นเป็นลำดับลำดา เริ่มตั้งแต่กิเลสขาดออกไปจากใจ ๆ ธรรมแผ่กระจายขึ้นมา เป็นความสุขขึ้นมาพร้อมกับธรรมที่แผ่กระจายออกไป นั่นเรียกว่าปฏิเวธ ๆ เป็นผลรู้ประจักษ์ใจตัวเอง ๆ แล้วก็เป็นผลจนหาที่ต้องติไม่ได้จากปริยัติ สำหรับพวกเราเรียนปริยัติจากครูจากอาจารย์ ไม่เหมือนครั้งพุทธกาล แล้วผลจะปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ

    ปริยัติเล่าเรียนมาเพื่ออะไร ก็เล่าเรียนมาเพื่อแก้ตัวเอง ชี้เข้ามาหาตัวเอง หลักวิชาทุกด้านของธรรมก็ดีของโลกก็มี เข้ามาหาตัวของเราทั้งนั้นแหละ ให้นำมาปฏิบัติผลจะปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจะสมชื่อสมนามว่าเราเป็นชาวพุทธ เวลานี้ชาวพุทธเรามันมีแต่ชื่อนะ ส่วนมากเป็นอย่างนั้น ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ ให้เห็นผลประจักษ์กับตัวเอง แล้วมาประกาศสอนให้คนอื่นได้รับความสุขความเย็นใจไปด้วยนี้มีน้อยมากทีเดียว อะไร ๆ ก็มีแต่วัตถุ ไปคลำไปเกาอยู่วัตถุนั่น ไม่ได้มาเกาตัวหมัดที่มันกัดให้คัน ๆ อยู่ในหัวใจคือกิเลสนั้นเลย กิเลสตัวมันทำให้คันอยู่ในนี้ ถ้ามาแก้ตรงนี้แล้วจะสมชื่อสมนามว่าพุทธศาสนาสอนสัตวโลกนะ ไม่ได้สอนให้ไปงมเงาเกาหมัดข้างนอก

    อย่างนี้ละที่ควรเตือน-เตือนเสียบ้างซิ ให้รู้เรื่องรู้ราว เรื่องตำรับตำราที่ไหนนี้เกลื่อนไปหมด แต่ไม่สนใจปฏิบัติตัวให้เป็นไปตามตำรับตำราซิ มันถึงเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไม่สมศักดิ์ศรีกับศาสนาที่มีวัตถุเครื่องกราบไหว้บูชาเป็นขวัญใจ แล้วนำตัวน้อมเข้าสู่ธรรมปฏิบัติตนเองตามนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะเวลานี้ มีแต่คัมภีร์ใบลาน ไปที่ไหนเต็ม พระพุทธรูปนี้ก็เกลื่อนไปหมดเลย มันสนใจสร้างพระพุทธรูป ไม่ได้สร้างตัวเองนั่นซี ถ้าว่าธรรมก็ เอ้า พิมพ์ไป ฟาดกี่พระไตรปิฎกฟาดลงมา สุดท้ายรวมกัน ๔๕ เล่มเป็นเล่มหนึ่ง แล้วใครจะไปแบกได้หนังสือถึง ๔๕ เล่มมาเป็นเล่มหนึ่งแล้ว ตั้งแต่เล่มบาง ๆ มันก็ขี้เกียจจนจะตายแล้ว

    พูดตรง ๆ อย่างนี้ นี่เรียกภาษาของธรรม พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ เอาเหตุผลไปจับกันอย่างนี้ แล้วเกิดประโยชน์อะไรจากการรวมกันหาเหตุผลมาซิน่ะ เพียงเล่มเดียว ๆ มันก็พอแล้วเอามาอ่านด้วยความสนใจ ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปที่ไหนติดตัวไปด้วย ติดย่ามไปด้วย ติดถุงไปด้วยก็ได้ถ้าตั้งใจปฏิบัติ ขัดข้องตรงไหน เปิดคัมภีร์ออกมาดู คัมภีร์นี่คือแปลน แปลนบ้านแปลนเรือนแปลนมรรคผลนิพพานอยู่ในนั้นในศาสนา แปลนบ้านแปลนเรือนดังที่เขาสร้าง เขาสร้างตามแปลนเป็นยังไง สำเร็จขึ้นมาเป็นบ้านเป็นเรือนตึกรามบ้านช่องใหญ่โตขนาดไหน ขึ้นมาจากแปลน ๆ อันนี้ก็เหมือนกันไม่เหนือแปลนแห่งศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าได้เลย ในสภาวธรรมทั้งหลายที่มีอยู่ในแดนโลกธาตุนี้ เต็มอยู่ในแปลนคือศาสนาพระพุทธเจ้าทั้งหมดแล้ว

    มันบกพร่องแต่พวกเรา ที่จะปฏิบัติตามแปลนที่ถูกต้องดีงามเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนนี้บกพร่องมากพวกเรา รู้สึกว่าบกพร่องมากทีเดียว เพราะฉะนั้นไปเทศน์ที่ไหน ๆ เราจึงได้เตือนเสมอ ๆ เพราะฟืนไฟเกิดไปจากกิเลสตัวทำลายแปลน ถ้าแปลนพระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างใด กิเลสจะเข้าไปลบ ๆ แล้วก็เอาตั้งแต่ความจอมปลอมขึ้นมาให้โลกได้เชื่อ เชื่อแล้วก็วิ่งตามมัน กองทุกข์ก็ไหลเข้ามา ๆ โลกอันนี้ตรงไหนที่มีความสุขเอามาอวดสักหน่อยน่ะ อย่าไปอวดพระพุทธเจ้า เอามาอวดหลวงตาบัวนี้ก็ได้ เวลานี้หลวงตาบัวยังไม่ตาย เอามาอวด แล้วหัวใจดวงนี้กับโลกทั้งหลายเอามาอวดกันดูซิน่ะ ว่าอย่างนี้นะ ฟังซิท่านทั้งหลายฟังเอา

    เราสอนโลกเราสอนเล่นเมื่อไร สอนจริงสอนจังทุกอย่าง เราปฏิบัติมาจนถึงขั้นจะสลบไสล ไม่สลบไสลก็บอกไม่สลบไสล บอกว่าเราไม่เคยสลบไสล แต่เฉียดตลอด เฉียดเรื่อย ๆ พระพุทธเจ้าถึงขั้นสลบไสล นั่นฟังซิ เราไม่ได้ถึงขั้นนั้น แต่เอาตามอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารของเรา คือเป็นหนูตัวหนึ่งก็มาเถอะน่ะ หนูตัวนี้ก็เต็มตัวของหนู หางมันก็มี หัวมันก็มี หูมันก็มี ขี้มันก็มี เยี่ยวมันก็มีเหมือนคน ช้างทั้งตัวมันก็มีแบบเดียวกันครบหมด แล้วจะไปมีอันไหนว่ายิ่งหย่อนกว่ากัน หนูก็เป็นหนูเต็มตัว อันนี้ความรู้ก็เต็มตัวที่ปฏิบัติมาเต็มกำลังความสามารถ อะไรขัดต่อธรรมจะรู้ทันที ๆ ไม่อวด นอกจากไม่พูดเท่านั้น เพราะเกี่ยวกับภายนอก เรื่องของเจ้าของขัดตรงไหนแก้ทันที เรื่องของคนอื่นแทนที่จะแก้ให้มันถูก สอนคนแทนที่จะเป็นมงคล กลับเป็นเสนียดจัญไรขึ้นแก่ผู้ฟังไปเสีย ไม่เกิดประโยชน์

    เพราะฉะนั้นจึงพูดบ้างไม่พูดบ้าง รู้เท่าไรควรพูดก็พูด ไม่ควรพูดไม่พูด เพราะนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์ยังเป็นโทษแก่ผู้ฟังอีก อย่างพูดเหล่านี้เราก็ไม่ได้เชื่อว่าจะเป็นไปตามแนวทางที่เรานำมาสอนเพื่อความถูกต้องนี้หรือไม่ประการใด เราก็ยังไม่ได้เชื่อนะหัวใจ กิเลสมันฝังมันคอยโต้ตอบอยู่ภายใน มันไม่เชื่อจะว่าไง สิ่งใดที่มันเชื่อก็คือเรื่องที่จะพาให้จม คือเรื่องลบล้างความจริงนั้นแหละ อะไรที่ไปลบล้างความจริง ก็คือความจอมปลอมไปลบล้างความจริง มันก็ปลอมไปตามกิเลสเสียไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร

    เวลานี้ศาสนาของเรามีแต่คัมภีร์นะ ฟังทุกคน คัมภีร์อยู่ตามตู้ตามหีบ คัมภีร์ใบลานที่ว่านะ ไม่อยู่ในคัมภีร์คือหัวใจคนตามที่พระพุทธเจ้าประทานสอนเอาไว้ มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน สำเร็จแล้วด้วยใจ ดีชั่วสำเร็จแล้วด้วยใจทั้งนั้น ท่านสอนลงไปที่นี่ ให้แก้ตรงนี้ ๆ ไม่ได้มาแก้คัมภีร์นี้นะ คัมภีร์ตัวมหาภัย ตัวเองทำมหาภัยแก่ตัวเอง สร้างแต่บาปแต่กรรมเต็มตัวแล้วยังไประบาดสาดกระจายไปให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนอีก ทำไมไม่พากันแก้คัมภีร์ตัวนี้น่ะ คัมภีร์ตัวนี้เป็นตัวอาละวาดใหญ่ทั่วบ้านทั่วเมือง มีอยู่กับทุกผู้ทุกคนไม่มากก็น้อย ให้แก้คัมภีร์นี้บ้าง พระพุทธเจ้าสอนให้แก้คัมภีร์นี้นะ

    หายุ่งตั้งแต่สิ่งภายนอกไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าที่ไหนไม่คันละไปเกา ถ้าคันไม่ยอมเกาให้มันหายคันบ้าง ถ้าเกาถูกที่คันมันก็หายคัน เกาที่มันไม่คันก็ยิ่งถลอกปอกเปิก เพิ่มความคันความเจ็บปวดแสบร้อนขึ้นอีก เลอะเทอะไปหมดทั้งตัว เลยกลายเป็นหมาขี้เรื้อนไปเลย เป็นอย่างนั้นนะเกาไม่ถูกที่คัน เป็นอย่างนั้น ขอให้พี่น้องทั้งหลาย นำแปลนของพระพุทธเจ้าที่สอนไว้แล้ว นั้นละคือแปลนแห่งมรรคผลนิพพาน แปลนบุญแปลนบาปอยู่ในนั้นหมด ให้นำไปพินิจพิจารณาแก้ไขดัดแปลงตัวเอง อย่ายุ่งตั้งแต่ภายนอกจนเกินไป

    ไปที่ไหน ๆ เห็นตั้งแต่สิ่งก่อสร้าง ทำไปแล้วมันทำง่ายนะ ทำไปแล้วก็ทิ้งไว้ ๆ เจ้าของจะเป็นยังไงไม่สนใจ ถือว่าได้สร้างพระพุทธรูป เอาแค่นั้นแหละ สร้างตัวเองพระพุทธเจ้าสอนอย่างเด็ดขาด สร้างลงตัวเองนี่นะ ไม่ได้ให้สร้างพระพุทธรูปอะไร พระพุทธเจ้าไม่ได้เคารพพระองค์ยิ่งกว่าเคารพธรรมนะ ถ้าลงธรรมตรงไหนพระพุทธเจ้ากราบ พระพุทธเจ้าไม่ทรงกราบอะไรในสามแดนโลกธาตุ กราบแต่ธรรมอย่างเดียว ฟังซิน่ะ พระพุทธเจ้าเคารพธรรมด้วย

    นี่เราก็ให้เคารพธรรม ธรรมอยู่กับตัวของเรา คัมภีร์ใหญ่อยู่นี้ ให้มาแก้ตัวนี้บ้าง อย่าพากันเร่ ๆ ร่อน ๆ ไปที่ไหนมองดูถ้าตาบอด-บอดมานานแล้วนะ มันอดดูไม่ได้ ใจก็เหมือนกันใจแตกแล้วนะ มันอดดูอดคิดอดฟังอดพินิจพิจารณาเรื่องเขาเรื่องเราไม่ได้ ทีนี้เมื่อมันมาเกี่ยวข้องถึงโอกาสที่จะพูดก็พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังเสียบ้าง ให้พากันแก้ไขดัดแปลงแปลนของเราเสียใหม่ แปลนน่ะถูกต้อง ตัวของเรานี้มันไม่ถูก ท่านบอกแปลนไว้อย่างหนึ่งมันไปทำอย่างหนึ่ง บอกว่าให้ไปสร้างวัดสร้างวาหรือสร้างที่ภาวนา มันไปสร้างโรงสุราขึ้นแทน มันเป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้

    อย่างที่เราเคยพูดที่หลวงปู่ท่านสอน ไปจุดธูปจุดเทียนปักไหว้วอน ดังที่เขาเขียนการ์ตูนไว้นั้น ศาลเจ้าพ่อใหญ่อยู่ข้างบน มีสายระโยงระยางลงมา เขาทำเป็นการ์ตูนให้เห็น เป็นคติธรรมดีมาก เพราะฉะนั้นจึงนำมาพูดเสมอ นี่ละความเสื่อมของคน เข้าใจไหม หลวงปู่ท่านมองเห็นซิ กำลังจุดธูปจุดเทียนไหว้วอนอยู่ ทำอะไรล่ะหลาน เป็นทุกข์อะไรเหรอ โอ๊ย เป็นทุกข์มากปู่ เป็นทุกข์เพราะอะไร เป็นทุกข์เพราะปฏิบัติตามปู่สอนนั้นแหละ ปู่สอนว่ายังไง สอนว่าให้มีความปรารถนาน้อย แล้วไปทำยังไงมันถึงเป็นทุกข์ล่ะ ไปมีเมียน้อย นั่นเห็นไหมมันเสือกไปอย่างนั้น พวกนี้มันเสือกไปอย่างนั้น บอกให้ไปสร้างนี้มันไปสร้างนั้นเสีย มันไปมีเมียน้อย หมดท่าเลย หลวงปู่ก็มีแต่ เหอ เท่านั้นหมดท่าเลย หมดท่า มันเป็นอย่างนั้นนะ มันเสือกไปอย่างหนึ่ง

    Luangta.Coท

    กิเลสตีออกนอกลู่นอกทางพระไตรปิฎกท่านชี้เข้ามาหาตัวของบุคคลเรา ใครบกพร่องที่ตรงไหนให้พยายามแก้ไขดัดแปลงอย่างนี้ไปทั่วหน้ากันแล้ว เมืองไทยเราไม่ต้องถามหาเรื่องความสุข จะเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รวมหัวกันแล้วเกิดทั่วเมืองไทยเรา นี้คือความสุขเกิดขึ้นจากการปฏิบัติ อันนี้เป็นอันดับหนึ่ง เพราะพระพุทธเจ้าชี้ลงทางภาคปฏิบัติ ปริยัติเมื่อศึกษาเล่าเรียนได้ยินได้ฟังมาแล้วให้ไปปฏิบัติ กำจัดสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายตามที่ท่านสอนไว้ สอนไว้คือปริยัติ มาปฏิบัติตนเองแก้ไขตามปริยัติที่ท่านสอน หรือว่าแบบแปลนแผนผังได้แก่ปริยัติ แล้วก็ปฏิบัติตัวตามนั้น ๆ แล้วจะค่อยเบาขึ้นไปเรื่อย ๆ

    คำว่าปฏิเวธ คือผลของงานที่เราทำลงไป เรียกว่าปฏิเวธ แปลออกแล้วแปลว่าความรู้แจ้งในธรรมที่ตนปฏิบัติ จากปริยัติที่ศึกษาเล่าเรียนมาแล้ว ปฏิบัติตามนั้น ๆ ผลจะเป็นความสงบร่มเย็น ๆ ตัวเองก็ชุ่มเย็นภายในจิตใจ นี่เรียกว่าปริยัติ นอกจากนั้นจะรู้เห็นธรรมในแง่ต่าง ๆ ขึ้นเป็นลำดับลำดา เริ่มตั้งแต่กิเลสขาดออกไปจากใจ ๆ ธรรมแผ่กระจายขึ้นมา เป็นความสุขขึ้นมาพร้อมกับธรรมที่แผ่กระจายออกไป นั่นเรียกว่าปฏิเวธ ๆ เป็นผลรู้ประจักษ์ใจตัวเอง ๆ แล้วก็เป็นผลจนหาที่ต้องติไม่ได้จากปริยัติ สำหรับพวกเราเรียนปริยัติจากครูจากอาจารย์ ไม่เหมือนครั้งพุทธกาล แล้วผลจะปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ

    ปริยัติเล่าเรียนมาเพื่ออะไร ก็เล่าเรียนมาเพื่อแก้ตัวเอง ชี้เข้ามาหาตัวเอง หลักวิชาทุกด้านของธรรมก็ดีของโลกก็มี เข้ามาหาตัวของเราทั้งนั้นแหละ ให้นำมาปฏิบัติผลจะปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจะสมชื่อสมนามว่าเราเป็นชาวพุทธ เวลานี้ชาวพุทธเรามันมีแต่ชื่อนะ ส่วนมากเป็นอย่างนั้น ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ ให้เห็นผลประจักษ์กับตัวเอง แล้วมาประกาศสอนให้คนอื่นได้รับความสุขความเย็นใจไปด้วยนี้มีน้อยมากทีเดียว อะไร ๆ ก็มีแต่วัตถุ ไปคลำไปเกาอยู่วัตถุนั่น ไม่ได้มาเกาตัวหมัดที่มันกัดให้คัน ๆ อยู่ในหัวใจคือกิเลสนั้นเลย กิเลสตัวมันทำให้คันอยู่ในนี้ ถ้ามาแก้ตรงนี้แล้วจะสมชื่อสมนามว่าพุทธศาสนาสอนสัตวโลกนะ ไม่ได้สอนให้ไปงมเงาเกาหมัดข้างนอก

    อย่างนี้ละที่ควรเตือน-เตือนเสียบ้างซิ ให้รู้เรื่องรู้ราว เรื่องตำรับตำราที่ไหนนี้เกลื่อนไปหมด แต่ไม่สนใจปฏิบัติตัวให้เป็นไปตามตำรับตำราซิ มันถึงเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไม่สมศักดิ์ศรีกับศาสนาที่มีวัตถุเครื่องกราบไหว้บูชาเป็นขวัญใจ แล้วนำตัวน้อมเข้าสู่ธรรมปฏิบัติตนเองตามนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะเวลานี้ มีแต่คัมภีร์ใบลาน ไปที่ไหนเต็ม พระพุทธรูปนี้ก็เกลื่อนไปหมดเลย มันสนใจสร้างพระพุทธรูป ไม่ได้สร้างตัวเองนั่นซี ถ้าว่าธรรมก็ เอ้า พิมพ์ไป ฟาดกี่พระไตรปิฎกฟาดลงมา สุดท้ายรวมกัน ๔๕ เล่มเป็นเล่มหนึ่ง แล้วใครจะไปแบกได้หนังสือถึง ๔๕ เล่มมาเป็นเล่มหนึ่งแล้ว ตั้งแต่เล่มบาง ๆ มันก็ขี้เกียจจนจะตายแล้ว

    พูดตรง ๆ อย่างนี้ นี่เรียกภาษาของธรรม พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ เอาเหตุผลไปจับกันอย่างนี้ แล้วเกิดประโยชน์อะไรจากการรวมกันหาเหตุผลมาซิน่ะ เพียงเล่มเดียว ๆ มันก็พอแล้วเอามาอ่านด้วยความสนใจ ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปที่ไหนติดตัวไปด้วย ติดย่ามไปด้วย ติดถุงไปด้วยก็ได้ถ้าตั้งใจปฏิบัติ ขัดข้องตรงไหน เปิดคัมภีร์ออกมาดู คัมภีร์นี่คือแปลน แปลนบ้านแปลนเรือนแปลนมรรคผลนิพพานอยู่ในนั้นในศาสนา แปลนบ้านแปลนเรือนดังที่เขาสร้าง เขาสร้างตามแปลนเป็นยังไง สำเร็จขึ้นมาเป็นบ้านเป็นเรือนตึกรามบ้านช่องใหญ่โตขนาดไหน ขึ้นมาจากแปลน ๆ อันนี้ก็เหมือนกันไม่เหนือแปลนแห่งศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าได้เลย ในสภาวธรรมทั้งหลายที่มีอยู่ในแดนโลกธาตุนี้ เต็มอยู่ในแปลนคือศาสนาพระพุทธเจ้าทั้งหมดแล้ว

    มันบกพร่องแต่พวกเรา ที่จะปฏิบัติตามแปลนที่ถูกต้องดีงามเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนนี้บกพร่องมากพวกเรา รู้สึกว่าบกพร่องมากทีเดียว เพราะฉะนั้นไปเทศน์ที่ไหน ๆ เราจึงได้เตือนเสมอ ๆ เพราะฟืนไฟเกิดไปจากกิเลสตัวทำลายแปลน ถ้าแปลนพระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างใด กิเลสจะเข้าไปลบ ๆ แล้วก็เอาตั้งแต่ความจอมปลอมขึ้นมาให้โลกได้เชื่อ เชื่อแล้วก็วิ่งตามมัน กองทุกข์ก็ไหลเข้ามา ๆ โลกอันนี้ตรงไหนที่มีความสุขเอามาอวดสักหน่อยน่ะ อย่าไปอวดพระพุทธเจ้า เอามาอวดหลวงตาบัวนี้ก็ได้ เวลานี้หลวงตาบัวยังไม่ตาย เอามาอวด แล้วหัวใจดวงนี้กับโลกทั้งหลายเอามาอวดกันดูซิน่ะ ว่าอย่างนี้นะ ฟังซิท่านทั้งหลายฟังเอา

    เราสอนโลกเราสอนเล่นเมื่อไร สอนจริงสอนจังทุกอย่าง เราปฏิบัติมาจนถึงขั้นจะสลบไสล ไม่สลบไสลก็บอกไม่สลบไสล บอกว่าเราไม่เคยสลบไสล แต่เฉียดตลอด เฉียดเรื่อย ๆ พระพุทธเจ้าถึงขั้นสลบไสล นั่นฟังซิ เราไม่ได้ถึงขั้นนั้น แต่เอาตามอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารของเรา คือเป็นหนูตัวหนึ่งก็มาเถอะน่ะ หนูตัวนี้ก็เต็มตัวของหนู หางมันก็มี หัวมันก็มี หูมันก็มี ขี้มันก็มี เยี่ยวมันก็มีเหมือนคน ช้างทั้งตัวมันก็มีแบบเดียวกันครบหมด แล้วจะไปมีอันไหนว่ายิ่งหย่อนกว่ากัน หนูก็เป็นหนูเต็มตัว อันนี้ความรู้ก็เต็มตัวที่ปฏิบัติมาเต็มกำลังความสามารถ อะไรขัดต่อธรรมจะรู้ทันที ๆ ไม่อวด นอกจากไม่พูดเท่านั้น เพราะเกี่ยวกับภายนอก เรื่องของเจ้าของขัดตรงไหนแก้ทันที เรื่องของคนอื่นแทนที่จะแก้ให้มันถูก สอนคนแทนที่จะเป็นมงคล กลับเป็นเสนียดจัญไรขึ้นแก่ผู้ฟังไปเสีย ไม่เกิดประโยชน์

    เพราะฉะนั้นจึงพูดบ้างไม่พูดบ้าง รู้เท่าไรควรพูดก็พูด ไม่ควรพูดไม่พูด เพราะนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์ยังเป็นโทษแก่ผู้ฟังอีก อย่างพูดเหล่านี้เราก็ไม่ได้เชื่อว่าจะเป็นไปตามแนวทางที่เรานำมาสอนเพื่อความถูกต้องนี้หรือไม่ประการใด เราก็ยังไม่ได้เชื่อนะหัวใจ กิเลสมันฝังมันคอยโต้ตอบอยู่ภายใน มันไม่เชื่อจะว่าไง สิ่งใดที่มันเชื่อก็คือเรื่องที่จะพาให้จม คือเรื่องลบล้างความจริงนั้นแหละ อะไรที่ไปลบล้างความจริง ก็คือความจอมปลอมไปลบล้างความจริง มันก็ปลอมไปตามกิเลสเสียไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร

    เวลานี้ศาสนาของเรามีแต่คัมภีร์นะ ฟังทุกคน คัมภีร์อยู่ตามตู้ตามหีบ คัมภีร์ใบลานที่ว่านะ ไม่อยู่ในคัมภีร์คือหัวใจคนตามที่พระพุทธเจ้าประทานสอนเอาไว้ มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน สำเร็จแล้วด้วยใจ ดีชั่วสำเร็จแล้วด้วยใจทั้งนั้น ท่านสอนลงไปที่นี่ ให้แก้ตรงนี้ ๆ ไม่ได้มาแก้คัมภีร์นี้นะ คัมภีร์ตัวมหาภัย ตัวเองทำมหาภัยแก่ตัวเอง สร้างแต่บาปแต่กรรมเต็มตัวแล้วยังไประบาดสาดกระจายไปให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนอีก ทำไมไม่พากันแก้คัมภีร์ตัวนี้น่ะ คัมภีร์ตัวนี้เป็นตัวอาละวาดใหญ่ทั่วบ้านทั่วเมือง มีอยู่กับทุกผู้ทุกคนไม่มากก็น้อย ให้แก้คัมภีร์นี้บ้าง พระพุทธเจ้าสอนให้แก้คัมภีร์นี้นะ

    หายุ่งตั้งแต่สิ่งภายนอกไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าที่ไหนไม่คันละไปเกา ถ้าคันไม่ยอมเกาให้มันหายคันบ้าง ถ้าเกาถูกที่คันมันก็หายคัน เกาที่มันไม่คันก็ยิ่งถลอกปอกเปิก เพิ่มความคันความเจ็บปวดแสบร้อนขึ้นอีก เลอะเทอะไปหมดทั้งตัว เลยกลายเป็นหมาขี้เรื้อนไปเลย เป็นอย่างนั้นนะเกาไม่ถูกที่คัน เป็นอย่างนั้น ขอให้พี่น้องทั้งหลาย นำแปลนของพระพุทธเจ้าที่สอนไว้แล้ว นั้นละคือแปลนแห่งมรรคผลนิพพาน แปลนบุญแปลนบาปอยู่ในนั้นหมด ให้นำไปพินิจพิจารณาแก้ไขดัดแปลงตัวเอง อย่ายุ่งตั้งแต่ภายนอกจนเกินไป

    ไปที่ไหน ๆ เห็นตั้งแต่สิ่งก่อสร้าง ทำไปแล้วมันทำง่ายนะ ทำไปแล้วก็ทิ้งไว้ ๆ เจ้าของจะเป็นยังไงไม่สนใจ ถือว่าได้สร้างพระพุทธรูป เอาแค่นั้นแหละ สร้างตัวเองพระพุทธเจ้าสอนอย่างเด็ดขาด สร้างลงตัวเองนี่นะ ไม่ได้ให้สร้างพระพุทธรูปอะไร พระพุทธเจ้าไม่ได้เคารพพระองค์ยิ่งกว่าเคารพธรรมนะ ถ้าลงธรรมตรงไหนพระพุทธเจ้ากราบ พระพุทธเจ้าไม่ทรงกราบอะไรในสามแดนโลกธาตุ กราบแต่ธรรมอย่างเดียว ฟังซิน่ะ พระพุทธเจ้าเคารพธรรมด้วย

    นี่เราก็ให้เคารพธรรม ธรรมอยู่กับตัวของเรา คัมภีร์ใหญ่อยู่นี้ ให้มาแก้ตัวนี้บ้าง อย่าพากันเร่ ๆ ร่อน ๆ ไปที่ไหนมองดูถ้าตาบอด-บอดมานานแล้วนะ มันอดดูไม่ได้ ใจก็เหมือนกันใจแตกแล้วนะ มันอดดูอดคิดอดฟังอดพินิจพิจารณาเรื่องเขาเรื่องเราไม่ได้ ทีนี้เมื่อมันมาเกี่ยวข้องถึงโอกาสที่จะพูดก็พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังเสียบ้าง ให้พากันแก้ไขดัดแปลงแปลนของเราเสียใหม่ แปลนน่ะถูกต้อง ตัวของเรานี้มันไม่ถูก ท่านบอกแปลนไว้อย่างหนึ่งมันไปทำอย่างหนึ่ง บอกว่าให้ไปสร้างวัดสร้างวาหรือสร้างที่ภาวนา มันไปสร้างโรงสุราขึ้นแทน มันเป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้

    อย่างที่เราเคยพูดที่หลวงปู่ท่านสอน ไปจุดธูปจุดเทียนปักไหว้วอน ดังที่เขาเขียนการ์ตูนไว้นั้น ศาลเจ้าพ่อใหญ่อยู่ข้างบน มีสายระโยงระยางลงมา เขาทำเป็นการ์ตูนให้เห็น เป็นคติธรรมดีมาก เพราะฉะนั้นจึงนำมาพูดเสมอ นี่ละความเสื่อมของคน เข้าใจไหม หลวงปู่ท่านมองเห็นซิ กำลังจุดธูปจุดเทียนไหว้วอนอยู่ ทำอะไรล่ะหลาน เป็นทุกข์อะไรเหรอ โอ๊ย เป็นทุกข์มากปู่ เป็นทุกข์เพราะอะไร เป็นทุกข์เพราะปฏิบัติตามปู่สอนนั้นแหละ ปู่สอนว่ายังไง สอนว่าให้มีความปรารถนาน้อย แล้วไปทำยังไงมันถึงเป็นทุกข์ล่ะ ไปมีเมียน้อย นั่นเห็นไหมมันเสือกไปอย่างนั้น พวกนี้มันเสือกไปอย่างนั้น บอกให้ไปสร้างนี้มันไปสร้างนั้นเสีย มันไปมีเมียน้อย หมดท่าเลย หลวงปู่ก็มีแต่ เหอ เท่านั้นหมดท่าเลย หมดท่า มันเป็นอย่างนั้นนะ มันเสือกไปอย่างหนึ่ง

    Luangta.Com

    กิเลสตีออกนอกลู่นอกทาง
    (คัดลอกมาบางส่วน)
    (คัดลอกมาบางส่วน)
     
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นหมอดูดวง หมอดูฮวงจุ้ย หมอปลุกเสก หมอผี เป็นติรัจฉานวิชา

    ติรัจฉานวิชา
    [๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปุถุชนกล่าวชมตถาคต พึงกล่าวเช่นนี้ว่า
    ๑. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่
    สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย
    ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ
    ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำ
    บูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่า
    บูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอ
    ปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็น
    หมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทางเสียงกา เป็น
    หมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์.

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๙
     
  14. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ เป็นติรัจฉานวิชา

    [๑๒๐] ๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพ โดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่
    สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วย
    ติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกัน
    บ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธี
    บวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยา
    ถ่ายโทษเบื้องบน ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา
    ปรุงยานัตถุ์ ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล
    แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.


    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๙
     
  15. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=C7NcX3D9Jwk"]??????? - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=BG9QnuBdotU"]?????? - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=pk5fkl56BSE"]Movie ?????????????001 YouTube - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  16. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...