อยากบูชาพระเครื่องครูบาคำเป็งครับ

ภาพสายพระโพธิสัตว์เจ้า

 

พระครูบา คำเป็ง

เอาของหายากมาให้ชมคร๊าบ

 

พี่โคมฉายครับ พระที่จองไว้เพื่อร่วมทำบุญ ขอไปรับวันงานเลยนะครับ และนำเงินถวายหลวงปู่โดยตรงเลย และขอจองไปวัดราชสิงขร วันที่ 11 ด้วย 1 ที่นะครับ

 

รับทราบครับ คุณ บัวตะวัน
คุณวิษณุ
และคุณธัญญ์นิธิ

 

ตาเม้า
เอาอะไรมาโชว์
เดี่ยวเจอพี่เหลี่ยมแน่
แกบ่นผมหลายรอบแล้ว
เดี่ยว โผล่มาเมื่อไร มีประท้วงแน่ๆๆ

 

เอาแล้วไหมล่ะ เชื้อตาฉาย ออกฤทธิ์ ติดต่อไปถึงพี่สามเหลี่ยมแล้ว
555+
(b-uh)

 

พี่เหลี่ยมเขาเอามาโชว์ บ่ใช่ผมเด้อ
สงสัยต้องตัดแว่นให้ใส่อีกอันแล้วมั๊ง

ก็ติดเชื้อมาจากตาฉายนั่นแหละ
เอามาให้อยากแล้วก็จากไป 555+

 

อ้าว
ผมดูเป็นตาเม้า
ออ พี่เหลี่ยม 555
สงสัย ต้องไปตัดแว่นใหม่ซะแล้ว
[b-hi]

 

HA HA HA HA +5555 สงสัยตาโคมฉาย วันนี้ drink จัดไปหน่อย มองผิดมองถูกไปใส่ไฟตาเม้าท์ ซะแอ้ว ส่วนผมติดเชื้อตาโคมฉายเข้าอย่างจัง แฮ่ แฮ่ แฮ่ แอบเอามาให้น้ำลายไหลกันบ้างกั๊บ
(one-eye) (one-eye) (one-eye) (one-eye)

 

พี่ครึ่งชีวิต ไม่ไปหรือครับ น่าจะไปนะครับนานๆมีที จะได้ครบๆ

 

คลื่นพลังงานและความคิดแง่บวก

เรื่องพลังงานเป็นเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมาก ปัจจุบันมนุษย์รู้จักคลื่นพลังงานหลายอย่าง เช่นคลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ คลื่นอสง คลื่นเสียง คลื่นความถี่ และรังสีต่างๆจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

แต่ที่น่าสนใจและทางตะวันตกพยายามศึกษามากที่สุดคือ คลื่นพลังจิต

พลังจิตของมนุษย์เราส่งออกมาเป็นคลื่น คลื่นพลังงานดังกล่าวสามารถถ่ายทอดไปสู่ระยะทางไกลๆได้ อย่างกรณีที่พี่โคมฉายตั้งใจส่งพลังมาที่ผมเมื่อวันก่อนโน้นเมื่อทดลองดูแล้วปรากฏว่าผมมีอาการขนลุกอย่างชัดเจน หรือกรณีผู้สำเดร็จพลังจักรวาลชั้นสูงอย่างพี่สามเหลี่ยมส่งพลังรักษาระยะทางไกล

นอกจากพลังจิตสามารถส่งไปหามนุษย์ด้วยกันเพื่อจุดประสงค์หลายอย่าง เช่นโทรจิต หรือ รักษาโรค ฯลฯ

พลังจิตยังมีคุณสมบัติส่งไปยังธาตุต่างๆ หรือวัตถุธาตุได้ด้วย

เช่นการส่งพลังจิตไปยังน้ำ น้ำธรรมดาก็กลายเป็นน้ำมนต์มีคุณสมบัติรักษาโรคได้ เพราะน้ำมีประจุพลังงานอยู่ภายใน

หรือการนำพลังจิตไปประจุลงสู่วัตถุ วัตถุนั้นก็เป็นวัตถุมงคล มีแรงเหนี่ยวนำดึดงดูดจิตใจคนให้เข้ามาหาเราได้ เรียกว่าพลังเมตตา

หรือมีอำนาจปกป้องคุ้มครอง

วัตถุมงคลทั้งหลายที่มีฤทธิ์ มีอำนาจก็ด้วยเหตุผลที่ว่า เกิดจากอำนาจจิตที่กล้าแข็งมีกำลัง ส่งพลังงานลงประจุไว้ โดยแต่ละอาจารย์จะมีอุปเท่ห์วิธีการที่ต่างๆกันไป

การสวมใส่พระเครื่องที่มีพลังงานจิตสูงๆ ย่อมทำให้ผู้สวมใส่เกิดความกล้าแข็งตามไปด้วยไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับบุคคลผู้นั้นจะสื่อกับพลังงานของพระได้มากน้อยแค่ไหน

อย่างผู้ที่นำพระมาศึกษาด้านพลังงานนำมาสร้างพลังสมาธิเป็นประจำ สื่อสารกับพระบ่อยๆ ก็จะได้ประโยชน์กับพระมาก ได้รับกระแสพลังงานจากพระแบบเต็มๆ ทำให้มีพลังจิตดี พลังจิตที่ดี เมื่อนึกคิดสิ่งใดก็มักสำเร็จ เพราะจิตมีอำนาจมีศักยภาพเพียงพอ ที่สำคัญคือต้องหมั่นคิดในแง่บวก มีพระมีของดีแล้วอย่าคิดแง่ลบทั้งต่อตัวเองและคนอื่น เพราะเป็นการสร้างกระแสพลังงานที่ไม่ดี เป็นปรปักษ์หรือเป็นแรงต้านกับพลังของพระเครื่องด้วย เพราะพระเครื่องย่อมมีกระแสจิตแง่บวกหรือพลังกุศลประจุไว้

ผู้ที่คล้องพระหลวงปู่คำเป็ง หรือพระเครื่องอื่นใดก็ตามจึงควรหมั่นดูใจตนเองให้คิดเรื่องแง่บวกเสมอๆครับ แล้วรับรองว่าจะมีเรื่องดีๆเข้ามาอย่างไม่ขาดสายแน่นอน

 

ขอจองอีก 1 ที่ พี่ MOUNTAIN ขอบคุณครับ

 

วันรวมศิษย์กราบนมัสการ และร่วมสร้างวัดกับ
หลวงปู่ครูบาคำเป็ง วันอาทิตย์ที่ 11 พ.ย.2550
เวลา 14.00 น. ณ วัดราชสิงขร

ประสานงานนิมนต์หลวงปู่และจัดสถานที่โดย พี่triangle-w<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_788201", true); </SCRIPT>




รายชื่อผู้ที่จะไปร่วมงาน

1.โคมฉาย (เตรียมวัตถุมงคลและเจ้าพิธี)
2.MOUNTAIN (ประชาสัมพันธ์รวบรวมสมาชิกศิษยานุศิษย์)
3.ทิพยจักร (ข้อมูลพลังพระเครื่อง)
4.KDUSIT
5.เอกณัฐยศ
6.ทรงพร
7.โดเร่
8.กวง
9.กวงเม้ง
10.จิตตานุปัสสนา1
11.aoffy_s
12.ittiruth 1
13.ittiruth 2
14.Da_li
15.week
16.มังกร-เที่ยงคืน
17.ลายสิงห์1
18.ลายสิงห์ 2
19.ลายสิงห์ 3
20.ariyachot
21.aeziss
22.yai_93
23.เอกวัฒน์
24.Chalermwich
25.curio
26.ประสงค์.
27.TonPo
28.ชายเสรี 1
29.ชายเสรี 2
30.จิตพอเพียง 1
31.จิตพอเพียง 2
32.จิตพอเพียง 3
33.moony
34.dream team
35.Hareluya
36.arnon
37.thongdee1
38.s-ma-ti
39.จิตตานุปัสสนา2
40.จิตตานุปัสสนา3
41.แม่เนื้อหอม (กร)
42.แม่เนื้อหอม (เล็ก)
43.แม่เนื้อหอม (กิต)
44.tarus77
45.Pringles
46.Chou (ญ)
47.Chou (ช)
48.nongnooo
49.apedet
50.ฤๅษีน้อย
51.จิตพอเพียง4
52.จิตพอเพียง5
53.Centrifuge
54.pongthanutch
55.บอย งามวงศ์วาน1
56.บอย งามวงศ์วาน2
57.บอย งามวงศ์วาน3
58.น้องของ มังกร-เที่ยงคืน
59.นาวี
60.ธรรมจักร
61.KRITA 1
62.KRITA 2
63.shashu 1
64.shashu 2
65.น้องของcurio
66.apedet2
67.apedet3
68.ทานะบารมี
69.จิตตานุปัสสนา4
70.mail2wissnu
71.Amadi
72.เกจิหนุ่ม
73.sei-ko<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_788766", true); </SCRIPT>
74.ปัชฌา
75.ดินสอ
76.jintawadee
77.บ้านไม้...1
<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_790493", true); </SCRIPT>78.บ้านไม้...2<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_790493", true); </SCRIPT>
79.โดเร่ 2
80.ธัญญ์นิธิ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_791599", true); </SCRIPT>
81.apedet4
82.จิตตานุปัสสนา5
83.จิตตานุปัสสนา6
84.จิตตานุปัสสนา7
85.fevernova

 

อยากไปพบพี่ๆๆทุกท่าน และไปกราบหลวงปู่ติดภาระกิจครับ ยังไงก็ขออนุโมทนา สาธุ กับ ทุกท่าน ขอรับ มาสร้างบุญบารมีช่วยหลวงปู่สร้างวัดกันนะครับ
[b-wai] [b-wai] [b-wai] (b-smile) (b-smile)

 

ขอจองอีก 3 ที่ครับ เป็น จิตตาฯ 5 6 7 แล้วนะครับ
เกณฑ์น้องๆ ที่กทม มาร่วมช่วยหลวงปู่สร้างวัีด
คนละเล็กละน้อยก็ยังดีคร้าบบบ

 

ฝากเรียนถามพี่โคม พี่สาม พี่เมาท์ พี่โรเบิร์ต
มีอะไรติดอยู่ที่รถไหมครับ

 

มีก็ไม่เป็นไรครับ
ทำบุญไปให้
จะได้ดีขึ้น
วันที่ 4-5 ธันวา ถ้ามีโครงการบรรพชาถวายเป็นพระราขชกุศล
น่าจะร่วมเป็นหนึ่งในผู้บรรพชา (ถ้าสามารถลาได้)
จะได้ถวายเป็นพระราชกุศลให้พระองค์ท่านมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์
และการถวายพระราชกุศลโดยการบวช จะทำให้เราดีขึ้น รับพระบารมีเต็มๆ
รวมทั้งจะได้มีโอกาสอุทิศบุญให้ทั้งสามคน
จะได้ไม่มีอะไรค้างต่อกัน(*)

 

ความเชื่อเรื่องศิวลึงค์
เรื่องของศิวลึงค์ เป็นสิ่งที่นักโบราณคดีให้ความสนใจมาก เพราะทีหลักฐานการนับถือกันมาในยุคโบราณ อาจเรียกว่าได้ว่าตั้งแต่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็น่าจะเริ่มมีการนับถือสิ่งนี้กันแล้ว ที่น่าสนใจคือ พบหลักฐานว่ามีการนับถือในทุกมุมโลก ไม่ว่ากรีก โรมัน อินเดีย แอฟริกา สุวรรณภูมิ จีน ฯลฯ แสดงว่าการนับถือลึงค์มีแพร่หลายมานานมากแล้ว

ความเชื่อถือเรื่องลึงค์ หรือศิวลึงค์นั้น เชื่อกันว่ามาจากความเชื่อถือเรื่องพลังงานที่เป็นเหตุปัจจัยของปรากฏการณ์บนโลก โดยคนสมัยก่อนเชื่อกันว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาตินั้นอาจมีอะไรอยู่เบื้องหลัง และน่าจะมีพลังงานสักอย่างที่สามารถควบคุมธรรมชาติได้

พลังงานดังกล่าวสรุปลงที่พลังแห่งการกำเนิด ซึ่งแทนสัญลักษณ์ด้วยความเป็นชายและหญิง นั่นคือ ศิวลึงค์นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้คนโบราณจึงนับถือว่า ลึงค์ นั้นมีอำนาจในการดบบันดาลให้ผลผลิตทางการเกษตรดี สามารถควบคุมฟ้าฝนให้ตกดต้องตามฤดูกาล ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ป้องกันภูติผีปีศาจ

ในทุกมุมโลกเชื่อกันอย่างนี้รวมถึงประเทศไทยเราด้วย

และยังมีความเชื่อที่ว่าลึงค์ เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ยศฐาบรรดาศักดิ์

และอีกมากมายในความเชื่อถือ

ในไทยเราเองมีวิชาขลังๆที่เกี่ยวกับลึงค์นี้มาก แต่เราเรียกว่าปลัดขิก

ที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อนต้องปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ หลวงพ่อเหลือ วัดเขาชะโงก หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ฯลฯ

ปลัดขิกของท่านอาจารย์ในอดีตเหล่านี้ราคาเป็นหมื่นเป็นแสน แสดงให้เห็นว่าความนิยม ความเชื่อในเรื่องปลัดขิกหรือลึงค์ในไทยเราไม่ใช่ย่อย

หลวงปู่คำเป็ง ก็นับว่าเป็นเกจิอีกท่านนะครับที่ทมีความสามารถด้านนี้จริงๆ รู้จริง ทำจริง ผมโชคดีครับได้ปลัดสองหัวของครูบาท่านไว้

ปลัดของท่านมีอานุภาพหลายอย่างครับ เห็นพี่โคมใช้บ่อยมากในการรักษาโรคให้กับผู้เจ็บป่วยท่านต่างๆ นอกจากนี้เรื่องเมตตาค้าขายก็ดีด้วย

แต่ปลัดขิกของท่านทราบว่าทำน้อย แต่กระนั้นก็ยังมีเทพกามา ซึ่งเป็นการใช้วิชาทางปลัดขิกหรืออำนาจศิวลึงค์เช่นกันใช้แทนกันได้ครับ

เทพกามาก้ดี หรือแม่เป๋อก็ดี เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจที่ควบคุมธรรมชาติ เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจที่อยู่เหนือจิตใจสรรพชีวิตที่เป็นปุถุชน หรือสามัญสัตว์ เป็นสัญลักษณ์แห่งการรังสรรค์ ตามคติของฮินดูโบราณ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังก่อกำเนิด พลังแห่งการใหชีวิต หลักปรัชญานี้ลึกซึ้งและแฝงเร้นด้วยอำนาจลี้ลับครับ ท่านผู้อ่านสามารถหาศึกษาได้จากหนังสือเรื่องเทวนิยาย ของ ส.พลายน้อย และหนังคือ ไหว้ศิวลึงค์และคลึงโยนี ครับไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้ยังพอหาได้หรือไม่ ข้อมูลดีทีเดียว ภายในเล่มยังบอกด้วยว่าสัญลักษณ์อย่าง ปตท.เองแท้จริงก็คือสัญลักษณ์ของโยนีแห่งพระนางอุมาที่ลุกโชน หรือสัญลักษณ์ของการบินไทยก็คือลึงค์นั่นเอง แสดงให้เห็นว่าสัญลักษณ์แหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อและอำนาจ ที่ผู้บริหารระดับสูงในบ้านเมืองต่างมีความเชื่อเช่นกัน ถือว่าเป็นอีกศาสตร์เร้นลับที่น่าศึกษา ไม่ว่าเป็นเชิงวัฒนธรรม หรือเชิงเร้นลับครับ

สำหรับคาถาปลุกศิวลึงค์ หรือเทพกามา หรือแม่เป่อ บทหนึ่งที่ใช้ได้จำง่ายสั้นๆด้วยคือ โยนีวา ลึงคะ โยคะ และมีคาถาออีกมากมายที่ผมจะเตรียมไปจดกับหลวงปู่ ในวันที่จะมาถึงนี้ครับ

 

ทีนี้ในประเทศอินเดีย มีอะไรที่น่าสนใจหรือจะน่าหัวก็สุดแท้ มากไปกว่านั้น คือให้คนเคารพสัญลักษณ์ของพ่อแม่ บูชากราบไหว้สัญลักษณ์ของพ่อแม่ ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ด้วยเจตนาดี แต่คนไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดๆ ไปเสียก็มี คือเขาสร้างสัญลักษณ์ของพ่อขึ้นมา เรียกว่าศิวลึงค์ สร้างสัญลักษณ์ของแม่ขึ้นมา เรียกว่าอุมาโยนิหรืออุมาโยนี ที่ปรากฏอยู่ตามที่บูชาทั่วๆ ไป ที่ในอินเดียที่อาตมาเคยไปเห็น ศิวลึงค์เป็นลักษณะเหมือนกับเสาหัวเกลี้ยงๆ ไม่ได้แกะเหมือนรูปองคชาติโดยเฉพาะ แต่พอดูออกหมายถึงอะไร อุมาโยนิก็มีลักษณะเหมือนฐานล่างของโม่บดแป้ง ที่ตรงกลางมีรอบๆ ให้น้ำไหลมารวมมาเป็นพวย และศิวลึงค์ก็ตั้งตรงกลางของอุมาโยนิ แล้วก็รดน้ำ รดน้ำลงไปบนศิวลึงค์ น้ำก็ไหลลงมาตามรอบข้างแล้วมารวมที่พวย กลายเป็นน้ำมนต์ แล้วก็เอาน้ำมนต์นั้นไปใช้กัน อย่างน้ำมนต์เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ บางแห่งทำรางยาวไกลออกไปให้ได้รับน้ำมนต์กันได้มากๆ พร้อมกัน
คนโง่คงจะเห็นว่าบ้าบอ เอารูปลึงค์สตรีและบุรุษมาบูชาอย่างนี้ นั่นแหละจึงเลิก ค่อยๆ เลิกไป แต่มันเป็นศาสนาสากลของธรรมชาติ ผู้รู้ความหมายอันศักดิ์สิทธิ์และบุญคุณของสัญลักษณ์นี้ คือสัญลักษณ์ศิวลึงค์กับอุมาโยนิ ในโบสถ์เก่าๆ ในอินเดียของฝ่ายที่มิใช่พุทธก็เห็นมีมาก ที่รวมอยู่กับโบสถ์ของพุทธก็มี
ได้ข่าวว่าในลังกาในโบสถ์ฝ่ายพุทธแท้ๆ ก็มีศิวลึงค์ใช้ประกอบพิธีกันอยู่ คล้ายๆ กับว่ามันก่อนพุทธ มันของธรรมชาติคือลัทธิศาสนาบูชาพ่อแม่ ลัทธินี้ก็แผ่มาถึงที่นี่ วัฒนธรรมศรีวิชัยแผ่ไปถึงที่ไหน การบูชาศิวลึงค์ พระอุมาโยนิ ก็แผ่ไปถึงที่นั่น ที่เขาขุดที่วัดแก้ว แล้วเก็บไปไว้ รวมไว้ในพิพิธภัณฑ์ก็ดีมีศึวลึงค์ด้วยเหมือนกัน ทั้งที่นี่เป็นของพุทธ เป็นของพุทธก็มีศึวลึงค์รวมอยู่ด้วยคล้ายกับว่านะ สันนิษฐานเอาว่า ส่วนที่เป็นพุทธก็เป็นพุทธ ก็บูชากันอย่างพุทธ แต่ลูกเด็กๆ จะต้องบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในความหมายของคำว่า “พ่อ” และคำว่า “แม่” ฉะนั้นศิวลึงค์จึงมารวมอยู่ในโบสถ์เดียวกันกับโบสถ์ของพุทธ
ที่พุทธคยาที่อินเดียก็มีศิวลึงค์วางอยู่หน้าพระพุทธรูปเหมือนกัน ได้ยินว่าฝ่ายพุทธเจรจาต่อสู้กันอย่างมากมายขอให้เอาออกก็ไม่เอาออก เพราะว่ากรรมสิทธิ์เป็นของฝ่ายพวกมหันต์ เดี๋ยวนี้จะเอาออกหรือยังไม่ทราบ ไม่ได้ถามใครดู แต่ครั้งหนึ่งยังมีอยู่ที่ตรงนั้น เอาออกไม่ได้
นี่ขอให้นึกดู ทำไมศิวลึงค์หรือสัญลักษณ์ลึงค์ของบุรุษไปอยู่ในโบสถ์ของพระพุทธเจ้า มันเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก เป็นศาสนาบูชาพ่อ บูชาแม่ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แล้วทำไมจะไม่มาอยู่รวมกันได้กับพระพุทธรูป พระพุทธรูปก็เป็นเรื่องพุทธศาสนาเป็นเรื่องสติปัญญา เป็นเรื่องมรรค ผล นิพพานไปโน่นไปไกลลิบนั่น แต่ส่วนง่ายๆ ต่ำๆ ตื้นๆ ที่นี่ จะเป็นเด็กที่ดีเป็นเด็กที่มีวัฒนธรรม มีอะไรดี ยังไม่อาจจะรู้เรื่องมรรค ผล นิพพาน ก็ต้องบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพ่อแม่ จึงมีรูปปฏิมาสัญลักษณ์ของบุรุษและสตรี คือศิวลึงค์กับอุมาโยนิ
คำว่า “โยนิ” ถ้าไม่เคยเรียนบาลีอาจจะไม่รู้หมายความว่าอะไร คำว่า “โยนิ” แปลว่าเหตุ แปลว่าต้นเหตุ หรือรากเหง้า มาใช้เป็นคำธรรมะว่า โยนิโส ปฏิสังขาโยนิโสพิจารณาโยนิโสโดยโยนิ คือโดยต้นเหตุ ที่มาใช้เป็นชื่อของลึงค์ของสตรีจะมีความหมายทีหลัง คำโยนิแปลว่าต้นเหตุ โยนิโสแปลว่าโดยต้นเหตุ พิจารณาโดยต้นเหตุ ก็ถูกแล้ว โยนิเป็นต้นเหตุให้เกิดลูกหลานออกมาเรื่อยไม่ใช่เรื่องหยาบโลน แต่เมื่อไม่เข้าใจก็เห็นเป็นเรื่องหยาบโลน
ฉะนั้น เป็นที่เชื่อได้ว่าคนสมัยโน้น ที่ยังบูชาศิวลึงค์อุมาโยนิอยู่นั้น ต้องมีศีลธรรม วัฒนธรรมดีกว่าคนสมัยนี้เป็นแน่นอน คนสมัยนี้ไม่รู้บุญคุณพ่อแม่กันแล้ว สมัยโน้นยังบูชาบุญคุณของพ่อแม่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เกรงขามโดยทั่วไป คนสมัยที่ไหว้ศิวลึงค์ ยังต้องมีศีลธรรมดีกว่าคนสมัยนี้เป็นแน่นอน เพราะว่ายอมรับลึกซึ้งไปถึงพระคุณของบิดามารดา
คนที่ยอมไหว้สัญลักษณ์ศิวลึงค์ โยนินั้นคงไม่อวดดีเพราะว่ามีบุญคุณ เพราะว่าลูกทุกคนออกมาทางช่องคลอดของมารดา มันจะอวดดีไปได้อย่างไร ถ้ามันนึกอยู่อย่างนี้ สัญลักษณ์ของอุมาโยนิก็คือ สิ่งที่ทุกคนจะต้องยอมรับว่า ทุกคนออกมาจากช่องนี้ มันก็มีความสงบเสงี่ยมเจียมตัว สุภาพดีกว่าคนสมัยที่มันไม่รู้จัก
อยากจะพูดเผื่อไปถึงกับว่า เด็กปัญญาอ่อนไม่รู้จักอะไรได้ไกลไปถึงมรรค ผล นิพพาน แต่มันมีปัญญาเท่านั้นแหละ มันก็พอที่จะไหว้สัญลักษณ์ของพ่อและแม่ คือศิวลึงค์กับอุมาโยนิมันทำได้ แล้วมันก็เชื่อว่านี่เป็นบุญคุณของเรา เราเกิดมาจากสิ่งทั้งสองนี้ เด็กปัญญาอ่อนต้องทำ ทำได้ แล้วก็จะเลยมาถึงเคารพไหว้พ่อแม่ที่เป็นคน ไม่เคารพแต่เพียงสัญลักษณ์ คนสมัยที่ยังไหว้สัญลักษณ์พ่อแม่นี้ได้ ต้องมีศีลธรรมดีกว่าคนสมัยนี้ คิดดูเอาเอง แม้ว่าเดี๋ยวนี้มันจะเกิดได้จากหลอดแก้วบ้าๆ บอๆ อะไรก็ไม่รู้ ก็ไม่เว้นจะต้องมีพ่อมีแม่ มันก็ลืมไปหมดแล้ว นี่คนจะเลวลงเพราะเหตุนี้
อาตมาเลยคิดเอาเองว่า สัญลักษณ์ศิวลึงค์

คำบรรยายของพระคุณเจ้าท่านหนึ่งครับ