กลศาสตร์ควอนตั้ม กฎอะตอม และพระเจ้า

ถ้าใครเรียนวิทยาศาสตร์ หรือสายวิทย์ ตอน ม.6 หรือใครจะเรียนสายวิทยาศาสตร์ก็ดี ถ้าคุณเข้าใจ หลักเคมี และกฎอะตอม คุณจะรู้ด้วยณานว่า สรรพสิ่งในโลกจักรวาลไปจนถึงเอกภพ ล้วนแล้วแต่ถูกกำหนดมาด้วยกฎเกนต์ที่ตายตัว เหมือนถูกแต่งด้วยนิยาย และถูกกำหนดขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดถึงรู้เช่นนั้น เราสังเกตุได้จาก เวลา เวลามันจะเดิน จาก 1,2 และตามด้วย 3 เวลาจะไม่ข้ามเป็น 4 ดังนั้นชีวิตมนุษย์ทุกคนจึงถูกกำหนดมาแล้ว ว่าจะต้องเป็นอยู่ ตั้งอยู่ หรือตาย การเกิดของมนุษย์ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ตาม ไม่ได้จับสลากว่าจะเกิดเป็นชายหรือหญิง ซึ่งเกิดจาก เวลาที่มีเพศสัมพันธุ์ เวลาปฎิสนธิ อะสุจิที่ไปถึงไข่ก่อน ฯลฯ ดังนั้นลูกที่เกิดมาจึงถูกกำหนดตามพฤติกรรมของพ่อแม่ว่าจะให้เป็นชายหรือหญิง หรือ เรามีเทคโนโลยีที่สามารถพยากรณ์ อากาศ การเกิดพายุ น้ำขึ้น น้ำลงได้อย่างแม่นยำ ก็เพราะว่ามันถูกกำหนดไว้แล้วนั่นเอง มนุษย์นั้นร่างกลายประกอบด้วยสะสารที่เกิดจาก อะตอม รวมกันเป็นธาตุและเซล และประกอบกันเป็นร่างกายมนุษย์ดังที่กล่าวข้างต้นว่า กฎอะตอมเป็นกฎตายตัวสามารถรู้ได้ พยากรณ์ได้ เมื่อสรุปได้ดังนี้ เราจึงรู้ว่า เหตุการณ์ในโลก จักรวาล เอกภพทั้งหมด ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก จึงเป็นคริสเตียน เพราะเกิดข้อสงสัยว่าต้องมีใครบางคนที่เขียนเรือราวของเอกภพนี้ขึ้นมา นั่นคือพระเจ้านั่นเอง จึงอนุมานว่าพระเจ้ามีจริง แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางท่าน คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่การเป็นไปของเอกภพที่ถูกกำหนดไว้แล้วนั่นจริง อีกประการหนึ่งคือมีผู้ที่สามารถทำนายเรื่องอณาคตของโลกได้อย่างแม่นยำดุจตาเห็นหลายคน อย่าง นอสตราดามุส เป็นต้น พวกเค้าอาจได้รับสารจากพระเจ้าก็เป็นได้ และก็เป็นเครื่องยืนยันการถูกกำหนดไว้แล้วของอณาคต แต่จริงไปทางวิทยาศาสตร์มากกว่าจะเชื่อว่ามีพระเจ้า เมือรู้อย่างนี้แล้วเราควรทำยังไง บูชาพระเจ้า คำตอบคือ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ให้คงความเป็นพุทธอย่างเดิมน่ะดีแล้ว การอุบัติของพระพุทธเจ้านั้น อาจเป็นนวนิยายฉากใหญ่ที่พระเจ้าแต่งขึ้นก็เป็นได้ รวมทั้งอภินิหารต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้าก็รวมอยู่ใน นวนิยายฉากใหญ่ ที่พระเจ้าแต่งขึ้น เราจะเห็นได้ว่า พระพุทธเจ้านั่งอยู่แต่ไต้ต้นโพธิ์ แต่ทำไมไม่ไปโปรดชาวอียิปต์ หรือ จีน หรือญี่ปุ่นบ้างทั้ง ๆ ที่ท่านเหาะได้ บางคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะกระดุกกระดิกไปมาเพื่อให้ตัวเอง พ้นจากวัฎจักร หรือทำให้วัฏจักรเคลื่อน ซึ่งถ้าเรากระดุกกระดิกไปมา อาจเกิดลม พอลมไปโดนคนอื่นเข้า เค้าเลยจาม หรือเราอาจจะดิ้นไปดิ้นมา เราก็สงสัยเอะพระเจ้าให้เราดิ้นด้วย ซึ่งก็เป็นละครฉากเล็ก ๆ ที่พระเจ้าแต่งขึ้นอีก แต่บางท่านก็คงตอบว่าใช่ตามนั้นแต่ไม่มีพระเจ้าหรอก ก็แล้วแต่ แล้วมาดูตรงนี้ เราสอบถามคนที่ระลึกชาติได้ หลาย ๆ คนโดยเฉพาะในประเทศไทย มีคริสเตียนที่ตายแล้วระลึกชาติได้ แล้วมาเกิดใหม่บอกว่า ไม่พบพระเจ้าหรือใครเลย ซึ่งคน ๆ นั้น เดินไปเดินมาแวปไปแวปมาอยู่พักนึงแล้วก็มาเกิด ไม่เห็นจะมีใคร ซึ่งกรณีนี้เกิดกับคนที่ระลึกชาติได้หลาย ๆ คนมีกรณี กับพระเดชฤทธิ ที่พบเทวดาและพบยมโลกซึ่งอยู่ไต้ดิน มาถึงตรงนี้ เราเห็นได้ว่า พระเจ้า อาจกำหนดวิญญาณด้วย คือการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ นั้นพระเจ้ากำหนดไว้แล้ว แต่ไม่ได้ปรากฎตัว เมื่อคนตายไป หรืออาจไม่มีพระเจ้า การคิดว่ามีพระเจ้าไหมเป็นเรืองที่ไม่สำคัญ การบูชาพระเจ้าไม่เกิดประโยขน์ เราไปสวรรค์ ไม่ได้แน่ถ้าบูชาพระเจ้า เพราะพระเจ้า เล่นตลก มามองในทางพุทธเทียบกับคริสบ้าง ศาสนาพุทธนั้นเชื่อว่าความพอใจหรือพอแล้วในชาติในภพ เป็นจุดสิ้นสุดแห่งชีวิต หรือนิพพาน รวมทั้งต้องละเว้นจากความชั่วใด ๆ ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นด้วย ซึ่งเราสงสัยว่า คนเราเวียนว่ายตายเกิดอยู่นานแสนนาน แต่จะนิพพานได้ด้วยกาลประกอบกุศลกรรม ชาติภพ ก็จะทวีความเจริญมั่งคั่งไปโดยลำดับ จนถึงชาติใดชาติหนึ่งจะเป็นชาติสุดท้าย คือคุณพอใจแล้ว เหนื่อย ไม่ยึดติด และอยากจบลง แต่มิใช่การฆ่าตัวตาย ก็จะนิพพานไปเอง จากหลักฐานอ้างอิง ที่พูดว่า นิพพานเป็นปลายสาย ทุกคนเมือเวียนว่ายตายเกิดมานานแล้วจะนิพพานไปเอง ซึ่งน่าจะจริง จากสถิติ เราเห็นพระสงห์มากมายที่บวชแล้วมานานแต่ก็ไม่นิพพานกลับไปเกิดบนสวรรค์ชั้นยามา บ้างก็ยังเป็นพรหมอยู่ เพราะยังไม่พอใจในชาติภพปัจจุบัน ชาติสุดท้ายของมนุษย์ จึงเป็นคนพร้อมด้วยสติปัญญา ทรัพย์ ลาภยศ และสรรเสริญ ส่วนสัตว์นรกหรือวิญญาณที่มีอายุน้อยยังไม่ได้รับการบ่มเพาะปัญญา จึงเกิดในวิบาก ทุกข์ และยังมีกิเลศมากอยู่ จะเกิดในภูมิที่ทุกข์ยาก ไม่สามารถหาเลี้ยงตนได้อย่างสบายนัก
สรุป ทั้งเรืองพระเจ้า และ พระพุทธเจ้า ที่เราเสาะหาคำตอบอยู่ คงจะได้แง่คิดไม่มากก็น้อย แต่เราก็สงสัยไม่ได้ว่าพระเจ้า กำหนดไว้แล้วหรือว่าใครจะ นิพพาน ส่วน พระพุทธเจ้านั้นบอกในสิ่งที่สามารถไปได้เร็วขึ้นสำหรับเป้าหมายนิพพานอันยาวไกล

ใครจะเสริมอะไรก็ได้นะครับ

 

แล้วคนที่เค้าทำชั่วเค้าถูกกำหนดให้ทำด้วยป่าว

 

แต่เมื่อเรา พิจารณา โลกทางกายภาพ ตามชีวิตความเป็นจริงแล้ว

แม้นว่า โลกทางกายภาพจะเหมือนถูกกำหนด อธิปัจจัยการ อย่างตายตัว
แต่ความไม่แน่นอน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ก็แทรกอยู่เสมอ ทั้งทางกายภาพ
เอง และ ทางพฤติศาสตร์(พฤติธาตุ หรือ พฤติจิต หรือ อาการของจิต ก็เรียก)

เช่น

ในการปฏิสนธิ ก็ใช่ว่าจะเกิดการแบ่งตัวของเซลได้ปรกติ บ้างก็พบว่าพิกาล
ตาบอดมองไม่เห็น จึงสร้างสัมผัสอันจำเป็น ดูเหนือกฎเกณท์คนธรรมดา ชีวิต
ฉันมีแต่หมาพาไป จะเดินหนใดมีหมานำ.......

ทั้งๆ ที่ ก็เริ่มกระบวนการอย่างถูกต้อง มีกินตับ มีอ๊อดๆ แล้วก็มี เจ๊าะไข่แดง
เหมือนๆกัน

ในทางพฤติธาตุ หละ ก็ต่อให้ ปฏิสนธิสมบูรณ์ คลอดออกมาเป็นกระทา
ชาย ร่างกายกำยำ แต่ด้วยการเอา " ความคิด " เป็นใหญ่

จะทำอะไร ปล่อยให้ ความคิดความอ่าน ความรู้เท่าที่คิดได้ เป็น สิ่งนำชีวิต
คิดอะไรได้ ก็สร้างแนวทางชีวิตไปทางนั้น เมื่อตกเป็น ทาสความคิดมากๆ
เข้า แล้วเผลอไปคิดว่า เป็นหญิง

ด้วยความที่ จิตใจอ่อนแอ ไม่เคยประกอบสมถะ สมาธิ การจะทันความคิด
ที่ดำริว่าเป็นหญิง มันก็ไม่มีกำลังที่จะตัด

เมื่อเป็นชายทั้งแท่ง แต่ เอาความคิดความอ่านเป็นใหญ่ นำชีวิต แล้วเกิด
ดำริผิดๆไปว่า เป็นหญิง สมถะสมาธิก็ไม่มี ความปรกติของใจไม่รู้จัก ปัญญา
ที่เป็นสัมมาทิฏฐิไม่มี ชายทั้งแท่งคนนั้นก็พร้อมจะ เฉาะ !!! เพื่อดัดแปลง
กายตนให้เป็นไปตามอำนาจของ ความคิดที่เป็นเขม่า เป็นฟองสบู่แพรวพราว
นั้นได้

ก็จะเห็นว่า ทางกายภาพแม้จะแน่นอน แต่ พฤติธาตุ อาจจะแปรปรวนได้อีก
เพราะขาดการอบรมจิต สติ สัมปชัญญะ

อย่างไรก็ดี

ถึงแม้โดยพฤติจิต ที่มีอำนาจเหนือกว่า ธาตทางกายภาพ แต่ก็ใช่ว่า จะต้อง
ไปขึ้นกับ พฤติธาตุ หรือ ธาตุกายภาพเหล่านั้น

หากประสงค์จะ พ้นอำนาจของ รูป(ธาตุกายภาพ) กับ นาม(พฤติธาตุ) หน
ทางออกนั้นมีอยู่ ก็แค่ หมั่นตามรู้กาย(รูป) ตามรู้ใจ(นาม) ด้วยจิตตั้งมั่นเป็นกลาง เห็น
ความแปรปรวน เปลี่ยนแปลง เนืองๆ .....เพียงแค่นี้ ก็อาจจะ พบความจริง อมตนิรันดร์ ได้

 

วิตก วิจาร ไม่ลองปฎิบัติดูแล้วจะรู้ได้หรือครับว่าอะไรคือความจริงของธรรมชาติ

 

ว่าแต่มันเกี่ยวกับกลศาสตร์ควอนตัมตรงไหน ข่อย งง และกฏอะตอมอะไร ก็ไม่เห็นมี จริงๆๆ ไอ้กลศาสตร์ควอนตัมไม่ใช่หรือที่เป็นทฤษฏีพื้นฐานของอะตอมและอนุภาคมูลฐานอื่นๆๆที่เล็กกว่าอะตอมลงไปอีก แล้วจะแยกเพื่อ โดยรวมๆๆไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับหัวข้อของคุณตรงไหนเลยและที่มีพระเจ้าเข้ามา มันก็เป็นแค่เรื่องความเชื่อของคุณเท่านั้น อย่างมีคนสามารถทำนายอนาคตได้อย่างชัดเจน อย่างนอสตราดามุส คุณรู้ได้ไงว่าแม่น ว่าแต่มันทำนายเรื่องโลกแตกผิดมาเป็นชาติแล้วไม่หรือ อย่างปีสองพัน อะแล้วสาวกเขาก็ว่า เขาตีความผิดนอสตราดามุสไม่ได้วาปี2000 นู้น2012 พอไม่แตกมันก็โอยเราตีผิดนู้นปีนั้นนี่ เหอๆๆ ถ้าเราดูคำทำนายของนอสตราดามุส เขาก็แค่พูดโน้นนี่นั้นให้มันคลุมเครือเข้าไว้ และ พอคุณเชื่อคุณก็จะเอาเหตุกราณ์จริงมาตีความคำพูดบ้าๆๆบอๆๆของเขามัน โอ้....แม่นวุ้ย เหมือนคนแทงหวยนั้นแหละ เห็นอะไรมันตีเป็นเลขได้หมด ทั้งๆๆที่เราก็ว่ามันดูยังไงของมันว่ะไม่เห็นเลขเลย มันก็ตีได้ อ่านๆๆไปก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรเลยนอกจากความเชื่อ แบบผสมมั่วๆๆตามแต่ความคิดของคุณ สรุป ข่อย งง ว่าจะสื่ออะไร เหอๆๆๆๆๆๆๆ

 

GOD มีจริง ถึงจะพิสูจน์ไม่ได้ แต่ต้องยอมรับ
เพราะยังมีอะไรไม่รู้อีกเยอะในภายภาคหน้า จึงต้องนับถือยังงี้ไปก่อน