สมเด็จองค์ปฐมวัดโขงขาว ข้าวตอกพระร่วง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อธิษฐานจิต

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย kyetip, 29 มกราคม 2013.

  1. ashigun

    ashigun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +718
    ขอจองวัวธนูหนึ่งองค์ กับ สมเด็จองค์ปฐมหนึ่งองค์ แต่ขอโอนภายในอังคารหน้าได้ไหมครับ
     
  2. ตามธรรม

    ตามธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +966
    จองด้วยครับ 1 ตัว ดุๆครับ

    อนุโมทนา สาธุ
    ตามธรรม
     
  3. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    ได้ครับ

    :cool::cool::cool:
    รับทราบการจอง ครับ :cool::cool:
     
  4. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    วัวธนูวัดโขงขาว หลวงปู่คำแสน หลวงปู่ชุ่ม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และอีกหลายคณาจารย์ร่วมอธิษฐานจิต จำนวน 10 องค์


    คุณ phataravudh จอง 1 ตัว ครับ
    คุณ ตามธรรม จอง 1 ตัว


    วัวธนู เหลือ 8 องค์ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2013
  5. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    วัวธนูวัดโขงขาว ปี 2518 หลวงปู่คำแสน (วัดป่าดอนมูล) หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่ชุ่ม หลวงปู่วงศ์ หลวงปู่ธรรมชัย หลวงปู่พรหมจักร หลวงปู่อินทรจักร หลวงปู่บุญทึม หลวงปู่เส่ง อธิษฐานจิต

    เนื้อวัวธนู เป็นทองแดงกว่า 80 % ส่วนที่เหลือ คือ ปรอท เจ้าน้ำเงิน และโลหะธาตุ ต่างๆ อีกหลายอย่าง
    แต่มวลสารหลักคือทองแดงครับ

    วัวธนูวัดโขงขาว ปี 2518 เป็นวัวธนูรุ่นเดียวที่ทันหลวงพ่อฤาษีอธิษฐาน และท่านอธิษฐานให้หลายครั้งมาก

    ประวัติครับ

    หลวงปู่คำแสน และหลวงพ่อบุญรัตน์ ท่านคุ้นเคยกันมานานแล้ว
    ประมาณปี 2518 ที่วัดป่าดอนมูล หลวงปู่คำแสน ท่านได้มอบตำราสร้างวัวธนู ให้กับหลวงพ่อบุญรัตน์ พร้อมกับสอนวิธีการสร้าง ท่านกล่าวว่า ท่านอายุมากแล้ว เกรงว่าต่อไปวิชานี้จะสูญหาย ในการนี้ ท่านได้มอบวัวธนูที่สร้างจากไม้หวายผ่าซีก และแกะคอดให้กับหลวงพ่อบุญรัตน์ด้วย
    (แทรก ต่อมาหลวงพ่อบุญรัตน์ ได้รับตำราสร้างวัวธนูจาก ครูบาชุ่ม วัดวังมุ่ย ด้วย ซึ่งท่านกล่าวว่า เหมือนกับตำราของหลวงปู่คำแสนเลย ไม่มีผิดเพี้ยนกัน)
    หลังจากนั้นหลวงพ่อบุญรัตน์ ได้จัดสร้าง วัวธนูขึ้นตามตำราของหลวงปู่ทั้งสองรูป
    โดยหลวงพ่อบุญรัตน์ ได้นำไปให้หลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล อธิษฐานจิตเดี่ยว
    เมื่อเสร็จพิธี หลวงปู่คำแสน ท่านได้กล่าวกับหลวงพ่อบุญรัตน์ว่า
    "วัวธนูชุดนี้ให้เก็บไว้ก่อน อย่าเพิ่งนำออกมา ในภายภาคหน้าคนจะถามหากันเยอะ จะเป็นที่ต้องการกันมาก"
    ตรงนี้จึงเป็นมูลเหตุให้หลวงพ่อบุญรัตน์ท่านเก็บวัวธนูชุดนี้ไว้นับแต่บัดนั้น

    นอกจากหลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูลแล้ว หลวงพ่อบุญรัตน์ยังได้นำวัวธนูชุดนี้ ไปขอความเมตตาให้ครูบาอาจารย์เสกเดี่ยวอีกหลายรูป คือ

    หลวงปู่ครูบาชุ่มโพธิโก วัดวังมุ่ย
    หลวงปู่คำแสน วัดสวนดอก
    หลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง
    หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
    นอกจากนี้ท่านยังนำมาที่กรุงเทพฯ เพื่อขอความเมตตาให้
    หลวงปู่เส่ง วัดกัลยา (ปรมาจารย์ ตำนาน น้ำมนต์ดอกบัวบาน) เสกให้ด้วย
    ครูบาอินทจักร วัดบ่อน้ำหลวง (พี่ชายแท้ๆ ของครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า)
    ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า
    ครูบาบุญทึม วัดจามเทวี (ลูกศิษย์ครูบาศรีวิชัย ที่ ลพ.ฤาษี ท่านเคยเล่าว่า สมเด็จองค์ปัจจุบัน ท่านกำชับหลวงพ่อฤาษีว่า ให้ไปตามหาพระที่ชื่อทึมให้เจอ)


    สำหรับหลวงพ่อฤาษีนั้น ท่านได้พุทธาภิเษกวัวธนูชุดนี้หลายครั้งหลายคราวมาก
    เพราะท่านเดินทางไปทอดกฐินที่วัดโขงขาวทุกปี (จากความสัมพันธ์ ในอดีตที่ท่านเคยเล่าว่า สมัยเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าพรหมมหาราช อัฐธาตุของท่านเก็บไว้ที่วัดโขงขาวแห่งนี้ และในอดีตนั้นหลวงพ่อบุญรัตน์คือราชโอรสฝาแฝดของท่าน)

    หลวงพ่อบุญรัตน์เพิ่งตัดสินใจ นำวัวธนูชุดนี้ออกมาให้ทำบุญกัน โดยในส่วนของกล่องนั้นเพิ่งได้สั่งทำขึ้นไม่นานนี้

    สรุปวัวธนูชุดนี้ ได้รับการอธิษฐานจากพระเถระดังต่อไปนี้

    1. หลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล (ลพ.ฤาษี เคยกล่าวว่า วัวธนู ต้องหลวงปู่คำแสน)
    2. หลวงปู่ชุ่ม วัดวังมุ่ย (ท่านสามารถเข้านิโรธได้ทั้ง 4 อิริยาบถ)
    3. หลวงปู่คำแสน วัดสวนดอก (รูปนี้ก็เย็นแล้ว จบกิจ)
    4. หลวงปู่ชัยวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม (พระมหาโพธิสัตว์ อดีตฤาษีวาสุเทพ ผู้สร้างพระรอดในตำนาน)
    5. หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระผู้มากบารมี อยู่ในใจหลายๆ คน)
    6. หลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง (พระผู้ทรงอภิญญาแก่กล้า)
    7. หลวงปู่เส่ง วัดกัลยาฯ (ปรมาจารย์น้ำมนต์ดอกบัวบาน)
    8. หลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า (มหาเถระแดนล้านนา)
    9. หลวงปู่ครูบาอินทจักร วัดบ่อน้ำหลวง (รูปนี้บารมีมาก เก่งมาก แต่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้)
    10. หลวงปู่บุญทึม วัดจามเทวี (ลูกศิษย์ครูบาศรีวิชัย และเป็นพระที่สมเด็จองค์ปัจจุบันท่านกำชับ ลพ.ฤาษี ลิงดำ ให้ตามหา)

    เพิ่มเติมอีกนิด
    คุณเกรียงไกร (ลูกศิษย์รุ่นเก่าของ หลวงปู่คำแสน ท่านได้รับไม้เท้าของหลวงปู่หลังจากหลวงปู่มรณภาพ) ท่านก็ได้ถามหาวัวธนูรุ่นนี้กับหลวงพ่อบุญรัตน์ เพราะท่านทราบว่า วัวธนูรุ่นนี้ หลวงปู่คำแสน ได้เสกเดี่ยวให้ที่วัดป่าดอนมูล


    การบูชาวัวธนู (ตามใบฝอยจากวัดป่าดอนมูล)
    ให้หาหญ้าและน้ำใส่ภาชนะ เป็นอาหาร 7 วันให้เปลี่ยนเสียหนึ่งครั้ง
    วัวธนูมีไว้สำหรับป้องกันภูตผีปีศาจ และป้องกันจากเหล่าโจรต่างๆ
    ทางเมตตาโชคลาภก็ได้เหมือนกัน เช่น เวลากลางวันให้หันหน้าวัวเข้าบ้านให้อธิษฐานเอาในทางโชคลาภ ในเวลากลางคืนหันหน้าวัวธนูออกนอกบ้านเพื่อป้องกันภัยต่างๆ
    อนึ่ง จุดธูป 3 ดอก ทุกค่ำเช้า (ตั้งนะโม 3 จบ) แล้วบูชาด้วยพระคาถา

    “โอม โกโน มหาโกโน โอมโกโส มหาโกโส โอมกูจักมนต์งัวธนู กูสูงได้เก้าปันศอก ปลายหนอกได้เก้าปันวา กูโอ้ดังก้องฟ้า อ้าปากร้องผีกลัว เห็นเสือด่าหนี เห็นผีด่าจม โอมสวาหะ ขะจัดเถ็กฯ
    โอมโกโน มหาโกโน โอมกูจักมนต์งัวธนู กูบินฆะฆะ ตั่วมีราคะ มัวมืดเศร้า ปะริเทหะ ชนไล่ดอกชน สัพพะศัตรู วินาสันตุฯ


    การบูชาดูเหมือนจะยาก แต่จริงๆ แล้ว ไม่ยากเลย

    ประสบการณ์วัวธนู วัดโขงขาว

    1. อนาคตวัวธนูรุ่นนี้ ไปได้อีกไกลมากครับ (ลป.คำแสน ท่านคงรู้ ว่าต่อไปจะมีภัยต่างๆมาก ท่านจึงบอกให้หลวงพ่อบุญรัตน์เก็บไว้ก่อน ต่อไปคนจะต้องการกันมาก)
    วัวธนูรุ่น 1 ของหลวงปู่คำแสนเสกเดี่ยว บูชากันที่หลายหมื่นบาท
    วัวธนู รุ่นสุดท้ายของท่าน สวยๆ ก็ทะลุ 2 หมื่น
    วัวธนูรุ่นนี้ นอกจากหลวงปู่คำแสนท่านเสกเดี่ยว แล้ว ยังได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์ระดับปรมาจารย์อีกหลายรูป ต่อไปในอนาคต คงต้องพลิกแผ่นดินหากันเป็นแน่


    เพราะครูบาอาจารย์หลายรูปสัมผัสแล้ว รับรองความสุดยอด
    เช่น ลต.ชลอ วัดศาลฯ สัมผัสแล้ว กล่าวว่า "สุดยอดทางป้องกันเลยนะนี่"

    พระเถราจารย์รูปหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ท่านกล่าวว่า "วัวธนูนี้เป็นกายสิทธิ์ มีฤทธิ์มาก บูชาที่บ้าน 1 องค์ คุ้มกันได้ทั้งบ้าน การบูชาให้หาพานดินมารองรับ (ควรเป็นดินบริสุทธิ์ เพราะวัวนี้สร้างจากปรอทธรรมชาติ) เพราะวัวต้องอยู่กับดิน"

    2. วัวธนูชุดนี้ เมื่อหลายปีก่อน หลวงพ่อบุญรัตน์เคยมอบให้ พระสงบ วัดนาคปรก ไปบูชา 1 องค์

    เกิดเรื่องราวคือ มีผู้คนเห็นวัวเดินไปมาตรงกุฏิพระสงบอยู่บ่อยๆ พระสงบท่านจึงนำมาเล่าให้หลวงพ่อบุญรัตน์ฟัง ปัจจุบัน พระสงบได้ละสังขารไปหลายปีแล้ว

    อีกท่านหนึ่งที่เคยได้รัยวัวธนูรุ่นนี้ไปบูชา คือ พ.ต. อำนวย (ยศ สมัยนั้น) อยู่ กรุงเทพ หลังจากได้วัวไป มีเพื่อนบ้านเห็นมีวัวเดินอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้าน


    3. ขอสอบถามเพิ่มนะครับ 1.ถ้าใส่กรอบไม่ต้องใส่ดินใช่ไหมครับ 2.ถ้าเลี่ยมกรอบเหน็บกระเป่าเสื้อหรือคอเสื้อ...(พระห้อยคออยู่ด้านล่างกระเป๋าเสื้อ)จะเป็นไรไหม..อยู่คนละเส้นกัน 3.ส่วนที่ตั้งหิ้ง(แยกต่างหากจากหิ้งพระ)ผมทำตามที่คุณได้บอกไว้เเล้ว แต่เวลาไหว้ไม่ใช้ธูปได้หรือไม่(ผมแพ้ควันธูปและฝุ่นจากขี้ธูป)ใช้มือ10นิ้วพนมมือระลึกถึงคุณ ครูอาจารย์ และค่อยนึกถึงวัวธนูได้หรือไม่ 4.ต้องตั้งชื่อให้วัวด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ได้ไหว้เช้าเย็น(เป็นประจำ)จะยังคุ้มครองไหม
    1. เลี่ยมธรรมดาครับ ไม่ต้องใส่ดิน
    2. ไม่เป็นไรครับ แต่เวลาวางบูชา พระต้องอยู่สูงกว่า
    3. ผมก็ไหว้แบบยกมือพนมต่างธูปเทียนครับ (ไม่มีปัญหาเรื่องไฟด้วย ปลอดภัยดี)
    4. ไม่ต้องตั้งครับ (ถ้าเป็นกุมารทองต้องตั้ง)


    4. เพิ่มเติมข้อมูลให้นะครับ

    ปกติแล้ว ไม่ว่า วัวธนู กุมารทอง หรือผงพราย ล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานมาจากไสยเวทย์ (ไสยศาสตร์) ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดำ หรือ ขาว (สัมมา หรือ มิจฉา) ต่างก็สร้างได้

    แต่ ความแตกต่างมีอยู่ ยกตัวอย่าง เช่น

    อาจารย์ฆราวาส หลายๆ ท่าน ในปัจจุบัน สร้าง ผงพราย โดยใช้ซากทารก และวัสดุอาถรรพ์ หรือแม้แต่สร้างพระโดยการใช่น้ำมันพราย(ของจริง) ที่ได้จากการปลุกซากศพให้ลุกนั่งแล้วรนเอาน้ำมัน ก็ตาม ส่วนใหญ่แล้ว ใช้อำนานแห่งไสยเวทย์นั้น บังคับ กักขัง วิญญาณ (ทำให้วิญญาณนั้นได้รับทุกขเวทนา) เพื่อใช้ทำเรื่องต่างๆ สร้างบาปกรรม เวรกรรม ให้กับ ทั้งตัวผู้เสก ผู้ใช้ และวิญญาณ นั้น เป็นเดรัจฉานวิชา มีแต่โทษ

    แต่สำหรับฝ่ายขาว แม้วิชาจัก มีพื้นฐานมาจากไสย แต่ท่านได้ทำให้เกิดธรรม ที่บริสุทธิ์ เช่น สร้างพระผสมน้ำมันพราย แต่หาได้กักขังวิญญาณนั้นไม่ ท่านกลับเทศนาสั่งสอน และแผ่เมตตา จากดวงวิญญาณบาปกลายเป็นดวงวิญญาณบุญ (จากอาทิสมานยกายที่ราศรีหม่นหมอง กลายเป็นสว่างด้วยบุญ) คือ กลายเป็นเทวดา นางฟ้า และบำเพ็ญบารมีต่อโดยการเกื้อกูลผู้ใช้วัตถุมงคลนั้น มีแต่คุณไม่มีโทษ

    พระเถระรูปหนึ่ง ท่านกล่าวว่า
    "วัวธนูรุ่นนี้ ไม่ธรรมดา นอกจากกันภูติผีปีศาจ โจรขโมย ยังสามารถป้องกันภัยพิบัติต่างๆ ได้ด้วย
    การบูชาให้วางบนพานดิน (ดินบริสุทธิ์) บูชาด้วยน้ำสัก 1 แก้ว (เปลี่ยนทุก 7 วันก็ได้) วัว 1 องค์ สามารถคุ้มได้ทั้งบ้า
    วัวธนูรุ่นนี้ มีแต่คุณ ไม่มีโทษ"
    ที่สำคัญอีกประการ คือ วัวธนูรุ่นนี้ แม้จักลืมอาราธนา ท่านก็ปกป้องคุ้มครองโดยอัตโนมัติเองอยู่แล้ว


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  6. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) และ พระครูปิยรัตนาภรณ์(พระอาจารย์บุญรัตน์)

    ท่านพระครูปิยรัตนาภรณ์ (พระบุญรัตน์ กันตจาโร) ที่ได้เล่าถึงอุปการคุณของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่มีต่อวัดโขงขาวไว้ดังนี้

    วัดโขงขาว ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดมาตั้งแต่โบราณกาล ไม่อาจนับได้ว่ากี่ปี แต่ก็มีคำเล่ากล่าวสืบๆ กันมาว่า สร้างก่อน พระนางเจ้าจามเทวี สวรรคต เพราะว่าเจ้าแม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนามากจึงสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ ดังจะเห็นได้ว่าวัดในลำพูน-เชียงใหม่ จะมีวัดติดวัด วัดโขงขาวเป็นวัดเล็กๆ ซึ่งมีหมู่บ้านที่อุปถัมภ์ไม่กี่หลังคาเรือน มีทุ่งนาล้อมรอบในสมัยก่อนเป็นวัดที่ห่างไกลความเจริญ ถนนหนทางก็ไม่ดีมีแต่เส้นทางเดินเล็กๆ พอสัญจรไปมาเท่านั้น ถาวรวัตถุภายในวัดก็มีแต่พระวิหารหลังเล็กๆ เก่ามาก จำนวน ๑ หลัง ด้านหลังพระประธานจะมี "โขง" ถ้าแปลตามภาษาภาคกลางว่า "ซุ้ม" โขง หรือ ซุ้ม นี้คนโบราณคงจะเอาสีขาวมาทาก็เลยตั้งนามวัดว่า "วัดโขงขาว" ตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน และก็มีพระเจดีย์ติดต่อกับซุ้มออกไป นี่เป็นของโบราณมาตั้งแต่สร้างวัด และก็มีศาลารอบพระวิหารอยู่ ๒ ข้างเท่านั้น นอกจากนั้นก็มีกุฏิที่พักสงฆ์เป็นเรือนไม้จำนวน ๑ หลังเก่าแก่มาก นอกจากที่กล่าวมานี้ไม่มีอะไร เพราะชาวบ้านที่อุปถัมภ์วัดแถวนี้ยากจนหาเช้ากินค่ำไปวันๆ เท่านั้น
    วัดโขงขาวนี้มีเจ้าอาวาสปกครองมาโดยตลอดมิได้ขาด สภาพความเป็นอยู่ของวัดลำบากมาก ถาวรวัตถุก็ทรุดโทรมไปตามสภาพของกาลเวลา ผู้คนที่สัญจรไปมาผ่านวัดมักจะพูดเป็นทำนองเดียวกันว่า อีกไม่ช้าเท่าไหร่ วัดโขงขาวคงจะกลายเป็นวัดร้างไปแน่นอน คณะสงฆ์ส่วนใหญ่ และชาวบ้านถิ่นนั้นมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะหมดหนทางที่จะช่วยเหลือได้
    พอดีประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เดือนสิงหาคม ฤดูฝนกลางพรรษา ฝนตกมาก ในขณะนั้น อาตมาภาพได้รับนิมนต์ไปงานศพแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ทั้งวัน พอเผาศพเสร็จแล้วเจ้าภาพก็นำมาส่งที่วัด พอรถเลี้ยวเข้ามาตามถนนกลางทุ่งนา ก็มีรถสวนทางมาพอดี คนในรถก็ลงมาจากรถมาถามว่า เจ้าอาวาสวัดโขงขาว อยู่ในรถใช่ไหมครับ คนขับรถก็บอกเขาไปว่าอยู่ในรถ เขาขึ้นรถแล้วกลับรถเข้ามาพร้อมกันที่วัด มาถึงวัดแล้วเขาก็กราบเรียนว่า ผมมาจากกรุงเทพฯ เป็นลูกศิษย์ของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร วัดท่าซุง อุทัยธานี คณะนี้มาประมาณ ๕ คน ถ้าจำไม่ผิด อาตมาก็เลยถามว่า โยมมีธุระอะไร เขาก็กราบเรียนว่า มานมัสการท่าน และมาดูวัด เขาก็เล่าต่อไปว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกให้มา เพราะว่าเป็นวัดเก่าและวัดนี้มีความผูกพันกับหลวงพ่อมาตั้งแต่สมัยก่อนโน้น อาตมาก็ลืมมิได้ถามชื่อญาติโยมคณะนั้นไว้ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาก็มีคณะศิษยานุศิษย์ลูกหลานพระเดชพระคุณมาทำบุญเรื่อยๆ จนมาถึง พ.ศ. ๒๕๑๘ ก็มีคณะ คุณอำนาจ มณีน่วม บางรัก กรุงเทพฯ ร้านเตียง้วนเฮียง คุณแม่นิภา ผลิตผลการดี คุณสกล อาชวพร นำพาลูกหลานญาติมิตรสหาย คณะศิษย์พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ มาวัดโขงขาวในรูปถวายสังฆทาน - ทอดผ้าป่า - ทอดกฐิน ทางวัดก็เลยรื้อกุฏิไม้หลังเก่าออกสร้างกุฏิหลังใหม่ขึ้นแทนตามคำสั่งของพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ท่านก็ฝากเงินมาถวายทำการก่อสร้างวัดอยู่ตลอด ของใช้ภายในวัดพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็ให้คณะศิษย์นำมาถวายโดยมิได้ขาด เพราะว่าที่วัดไม่มีของใช้เท่าที่ควร เมื่อสร้างกุฏิเสร็จแล้ว พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็สั่งให้สร้างหอฉัน - โรงครัว เมื่อสร้างเสร็จ พ.ศ.๒๕๒๔ พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็สั่งให้สร้างศาลา เสร็จแล้วก็สร้างกุฏิถวายพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ๑ หลัง สร้างเรียบร้อยแล้ว ประมาณเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๒๕ ก็ได้กราบอาราธนานิมนต์พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ มาที่วัด วันนั้นอากาศหนาวมาก ญาติโยมชาวอำเภอหางดง และอำเภอเมืองเชียงใหม่มาคอยกราบนมัสการท่านพ่อเป็นจำนวนมาก พอพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ เดินทางมาถึง แล้วก็กราบอาราธนาขึ้นศาลา สถานที่ถวายการรับรอง เมื่อพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ กราบพระประธานแล้ว พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็เล่าว่าเมื่อกี้นี้ หลวงปู่ชุ่ม ซึ่งเป็นพี่ชายของฉันมาบอกว่า ขอให้บูรณะวิหารวัดนี้ให้เป็นพระอุโบสถด้วยนะ และช่วยสร้างวัดนี้ให้มีความเจริญรุ่งเรืองด้วยนะ และหลวงพ่อท่านก็เล่าต่อไปว่า วัดนี้เป็นวัดที่ท่านแม่เคยมาสร้างไว้มีความผูกพันกันมา วัดนี้สำคัญมาก พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ เรียกอาตมาภาพเข้าไป ท่านบอกว่า

    "บุญรัตน์ ลูกเอ้ย เคยเกิดเป็นลูกพ่อมาได้หลายชาติหลายปางแล้วนะลูกนะ ขอให้ลูกช่วยเป็นกำลังของพระศาสนาด้วย อย่าได้เข้าป่าตามที่ลูกคิดไว้นะพ่อจะเอากฐินมาทอดตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทุกปีนะ"

    ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นต้นมา พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ก็ได้นำคณะศิษย์ลูกหลานมาทอดกฐินทุกปีตามที่พระเดชพระคุณท่านปรารภไว้ ทางวัดก็ได้สร้างถาวรวัตถุตามที่ท่านพ่อได้สั่งให้ทำ เช่น กุฏิพักสงฆ์หลายหลัง - ที่พักญาติโยม - ห้องกรรมฐาน - แทงค์น้ำ ซื้อที่ดินถวายวัดให้กว้างขวางขึ้น เพราะว่าที่ดินเก่าของวัดมีไม่กี่ไร่ พอมาถึง พ.ศ.๒๕๓๒ ท่านพ่อนำคณะลูกศิษย์ลูกหลานมาทอดกฐิน พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ สั่งว่า ให้สร้างศาลาอีก ๑ หลัง ให้กว้างหน่อยทำเป็น ๒ ชั้น บรรจุคนได้มากหน่อย อาตมาภาพก็กราบเรียนท่านว่า เกล้าฯ ไม่ทราบว่าจะหาเงินที่ไหนมาสร้างขอรับ พระเดชพระคุณท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นไรเรื่องเงินพ่อจะหามาให้ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าพ่อไม่ช่วยลูกแล้วพ่อจะช่วยใคร" พระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ให้กำลังใจดีมาก หลังจากทอดกฐินแล้ว ก็เริ่มสร้างศาลาโดยใช้เวลาก่อสร้าง ๒ ปีเศษ สิ้นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมด ๑๕ ล้านบาทเศษ ทางวัดก็กราบเรียนถวายพระเดชพระคุณฯ ขออนุญาตตั้งนามศาลาอันเป็นมงคลว่า "ศาลาพระราชพรหมยานไพศาลภาวนานุสิฐ" เพื่อถวายเป็นอนุสรณ์แด่พระเดชพระคุณท่านฯ

    ปี พ.ศ.๒๕๓๔ ท่านพ่อก็ได้นำคณะศิษย์ลูกหลานมาทอดกฐินท่านก็สั่งการว่า "บุญรัตน์ ลูกเอ้ย ปีนี้ขอให้สร้างพระพุทธรูปปางลีลา-รูปเหมือนหลวงพ่อปาน-รูปเหมือนพ่อตั้งประดิษฐานที่หน้าศาลานี้เพื่อไว้ให้ลูกหลานสักการบูชาในขณะที่พ่อไม่อยู่ และให้สร้างรูปท่านแม่จามเทวี พร้อมรูปเจ้าแม่กวนอิมไว้ เผื่อลูกหลานพ่อมาจะได้ระลึกถึง เมื่อสร้างเสร็จแล้วปีต่อไปให้สร้างศาลารอบพระอุโบสถ บูรณะพระอุโบสถให้เสร็จนะ แล้วทำการผูกพัทธสีมา เพื่อให้ถูกต้องตามพระวินัยสืบต่อไปนะลูก ส่วนกำแพงรอบวัดนั้นให้ทำหลังจากฝังลูกนิมิตแล้วนะ" ตามที่กล่าวมานี้เป็นคำสั่งของพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ได้สั่งการเอาไว้ อาตมาภาพในฐานะที่เป็นลูก ก็ต้องเจริญรอยตามที่พระเดชพระคุณท่านฯ สั่งไว้ทุกประการ
    ขอย้อนหลังไปปี พ.ศ.๒๕๓๓ พระเดชพระคุณท่านฯ มาทอดกฐินที่วัด เวลาตอนเช้าท่านพ่อได้พาลูกหลานเดินชมวัด พอมาถึงหน้าพระวิหาร ท่านพ่อได้เล่าว่า "ชาติก่อนหน้านี้เขาได้นำเอาศพพ่อมาฝังไว้ใต้พระสถูปเจดีย์แห่งนี้ พร้อมด้วยข้าวของของพระบุญรัตน์นี่แหละ เพราะเหตุนี้จึงได้นำกฐินมาทอดทุกปี วัดนี้มีความสำคัญกับหลวงพ่อมากนะ" ตามที่ได้กล่าวมานี้เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกมากมาย ไม่อาจนำมาพรรณนาเป็นภาษาอักษรได้หมดสิ้น จึงนับได้ว่าพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ได้มีพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ไพศาลต่อวัดโขงขาวเป็นอย่างมาก สมดังคำหลวงปู่ชุ่ม โพธิโก - หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร ได้เล่าไว้ว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นพระทองแท้ มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีบุญบารมีอันสูงส่งหาใครเปรียบมิได้ รู้ใจคนเก่ง มีสมาธิธรรมอันสูงส่ง มีเจโตอันแจ่มใสชัดเจนมาก

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ อาตมาได้ไปกราบท่านพ่อที่ซอยสายลมประมาณเดือนมกราคม พอก้มกราบเท้าท่าน ๓ ครั้ง เงยหน้าขึ้นมา พระเดชพระคุณท่านบอกว่า "บุญรัตน์ลูกเอ้ย ให้ลาพระพุทธภูมิเสียนะลูก เอานิพพานดีกว่าไม่ต้องมาเกิดอีกแล้วนะ" อาตมาจึงคิดได้ว่า พระเดชพระคุณท่านพ่อรู้ใจเราอย่างถูกต้องได้ดี ก็กราบเรียนท่านว่า "ขอรับครับผม" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา อาตมาก็ลาพระพุทธภูมิปรารถนาเอาพระนิพพานเป็นที่สุด ต่อมาประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๒๗ เหมือนกัน ก็ไปกราบพระเดชพระคุณท่านที่วัดท่าซุง ท่านบอก "ดีแล้วลูก เอานิพพานเป็นที่มั่นหมายไม่ต้องมาเกิดอีกแล้วนะลูก นิพพานัง ปรมังสุขังนะ" อาตมาได้ยินท่านพูดแล้วก็ดีใจ ชื่นใจมาก และก็ได้ปฏิบัติเจริญรอยตามคำสั่งของท่านพ่อทุกประการ

    ในการจากไปของพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ครั้งนี้ จากไปเพียงสรีระสังขารเท่านั้น ส่วนคุณงามความดียังอยู่ทุกประการ บุญกุศลใดที่บรรดาลูกหลาน ศิษยานุศิษย์ได้ทำบุญอุทิศถวายพระเดชพระคุณท่านพ่อฯ ในครั้งนี้ ขอจงโปรดรับโมทนาอันเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ไพศาล ขอให้ลูกหลานท่านพ่อจงได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด


    [​IMG]

    [​IMG]

    ผมได้มาหลายปี แล้วครับ ราวๆ 7 ปีก่อน ปัจจุบันที่วัด หมดไปนานแล้ว

    ท่านกล่าวว่า เทพ เทวดา พรหม อรูปพรหม มาร่วมเสก อนุโมทนา กันมากมาย สว่างไสว ไปทั่วทั้งวัด
    พุทธคุณประมาณมิได้


    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    สมเด็จ องค์ปฐม รุ่น 1 วัดโขงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อธิษฐานจิต

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง พุทธาภิเษกพร้อมพิธีบวง

    สรวง ที่วัดโขงขาว ๓ ปี ตั้งแต่ ๒๕๓๒ - ๒๕๓๔ ตอนทอดกฐินที่วัด
    เดิมที ทางหลวงพ่อบุญรัตน์สร้างพระขึ้นมาโดยคิดว่าให้เป็นรูปพระ

    พุทธชินราช ไม่ได้คิดว่าจะเป็นสมเด็จองค์ปฐม พอกราบเรียนให้หลวง

    พ่อพระราชพรหมยานท่านอธิษฐานจิต ท่านก็ถามว่า อะไรอยู่ในกล่อง

    ลองเอามาให้ดูหน่อยสิ เมื่อหลวงพ่อบุญรัตน์มาหยิบไปให้ท่านดู ท่านก็

    ปรารภว่า นี่ไม่ใช่พระพุทธชินราชนะ นี่คือสมเด็จองค์ปฐม
    จากนั้นท่านก็อธิษฐานจิตให้ และก็ อธิษฐานให้อีก 2 วาระ ในปี 2533

    2534 คราวนำกฐินมาทอดที่วัดโขงขาว
    เท่ากับว่ารุ่นนี้เป็นสมเด็จองค์
    ปฐมรุ่นแรก พุทธาภิเษก 3 ครั้ง คือ ปี 2532 ,2533 ,2534
    และสร้างก่อนรุ่น 1 วัดท่าซุง ด้วย

    ปกติหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จะนำกฐินไปทอดที่วัดโขงขาว เป็นประจำ เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการคือ
    1. หลวงพ่อบุญรัตน์ เจ้าอาวาสวัดโขงขาว เคยเกิดเป็นลูกของท่านมาหลายชาติ (ท่านกล่าวเรื่องนี้เสมอๆ)
    2. ท่านมีความผูกพันธ์ กับสถานที่นี้ในอดีต (มีอัฐธาตุในอดีตชาติฝังอยู่สมัยท่านเป็นพระเจ้ารามราช พระสวามีพระแม่จามเทวี)
    ---------------------------------------------
    วัดโขงขาวในอดีต
    วัดโขงขาวเป็นวัดหนึ่ง ที่มีความผูกพันกับลูกหลานพุทธบริษัทของ

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษี พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    หลวงพ่อฤๅษีท่านได้นำคณะลูกหลานพุทธบริษัทจัดงานทอดกฐิน

    สามัคคีครั้งแรกที่ขัดโขงขาวแห่งนี้ เมื่อปีพ.ศ. 2525 เพื่อทำนุบำรุงวัด

    และสนับสนุนเจ้าอาวาส พระครูปิยรัตนาภรณ์
    หลวงพ่อท่านได้มีเมตตาชักชวนข้าพเจ้าให้ไปด้วยกันในครั้งนั้น

    และในการต่อมาข้าพเจ้าได้ติดตามท่านไปอีกเกือบทุกครั้ง ยกเว้นบาง

    คราวที่ติดราชการงานบ้านเมืองอื่นๆ จึงต้องงดบ้าง ครั้งสุดท้าย ก่อนที่

    หลวงพ่อท่านจะละขันธ์ 5 ท่านได้นำพาพุทธบริษัทลูกหลานไปจัดงาน

    กฐินสามัคคีเมื่อปี พ.ศ. 2534 ตอนนั้น ก่อนที่ท่านจะเดินทางท่านได้

    กล่าวไว้เป็นนัยที่ซอยสายลมกรุงเทพฯ ว่า “...การเดินทางไปไกลๆ คง

    เป็นครั้งสุดท้ายที่พ่อจะไป เพราะสังขารพ่อป่วย เดินทางไกลไม่ไหว...”
    ในปลายปี พ.ศ.2535 วันที่ 30 ตุลาคม หลวงพ่อฤๅษีของเราก็ได้ละ

    ขันธ์ 5 ไว้เบื้องหลัง ให้ลูกหลานที่เคารพท่าน ระลึกถึงความดี ความ

    เมตตากรุณาของท่านพร้อมทั้งสืบสานปฏิปทาในฐานะ “ลูกกตัญญู”
    พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง ต่อมาก็ได้

    กระทำการเหมือนสมัยที่ “หลวงพ่อ”ท่านยังอยู่ คือนำผู้คนพุทธบริษัทไป

    จัดทอดกฐินสามัคคีที่วัดโขงขาวต่อมาจนปัจจุบันนี้
    วัดโขงขาวเมื่อข้าพเจ้าไปเยือนเป็นครั้งแรกนั้น เกิดความรู้สึกว่าคุ้น

    เคยกับสถานที่เหมือนเคยรู้จักมาก่อน ไม่แปลกถิ่นแปลกที่ทั้งๆ ที่เพิ่ง

    เคยไปภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย เป็นครั้งแรกพร้อมหลวงพ่อและ

    คณะในคราวนั้นเมื่อ พ.ศ.2526
    วัดโขงขาวสมัยที่ข้าพเจ้าพบเห็น เป็นวัดที่กำลังปรับปรุงพัฒนา

    พื้นที่อาณาเขตของวัดไม่กว้างขวาง ประมาณ 2 ไร่เศษ อาคารสถานที่

    ก็มีเพียงโบสถ์เก่าหลังหนึ่ง ซึ่งชำรุดมากอยู่ระหว่างซ่อมแซม ศาลาหลัง

    หนึ่ง อาคารที่พักของหลวงพ่อฤๅษี และคณะพระ ที่พระบุญรัตน์ กันตจา

    โร (พระครูปิยรัตนาภรณ์) เพิ่มสร้างขึ้นเพื่อรับรองหลวงพ่อของเรา

    เป็นพิเศษ (ส่วนญาติโยมที่พักในศาลา ในโบสถ์ ระเบียงรอบโบสถ์) กุฏิ

    เจ้าอาวาส ที่พักพระเณรหนึ่งหลังห้องน้ำห้องส้วมไม่มากนัก โรงครัว

    เล็กๆ (ปรุงอาหารเลี้ยงแขกใช้พื้นที่โล่งๆ ) ส่วนพระเณร อาคันตุกะก็

    พักที่โบสถ์เก่า โดยที่ทางวัดจัดถุงซีเมนต์ตราเสือเป็นฝากั้น มีไม้ไผ่วัสดุ

    หาง่ายตามธรรมชาติในสมัยนั้น มาทำเป็นโครงฝา กั้นศาลารายรอบ

    โบสถ์ เป็นที่พักชั่วคราวเป็นสัดส่วนก็เป็นการดัดแปลงนำถุงซีเมนต์

    วัสดุไม่ใช้แล้ว มาใช้ใหม่ “รียูส” ตามภาษาฝรั่งวิชาการ
    วัดโขงขาวสมัยนั้น ค่อนข้างขาดแคลน ทรุดโทรม ประชาชนรอบๆ

    อาณาบริเวณก็ไม่ค่อยจะเข้าวัดเพราะมีแต่คนคอยขัดขวางตลอดเวลา

    พุทธศาสนิกชนก็เป็นกลุ่มคนที่ทำมาหากินไม่คล่องตัว นอกจากนี้ยังมี

    บุคคลจำนวนหนึ่งที่ไม่ประสงค์คดีต่อวัด เคยก่อปัญหาให้เจ้าอาวาสมาก

    พอดู แต่ว่าด้วยความอดทนและความเมตตากรุณา รวมทั้งการเป็นพระ

    ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของท่านเจ้าอาวาส ทุกอย่างจึงผ่านพ้นไปด้วยดี มี

    ประชาชนญาติโยมได้รับการสงเคราะห์จากอาจารย์บุญรัตน์ และ

    ติดตามมาทำบุญวัดต่อๆ มา แม้ว่ากำลังศรัทธา ที่เป็นหลักสำคัญซึ่งทำ

    บุญทะนุบำรุงวัดแบบไม่ประสงค์สิ่งของทางโลกตอบแทน ส่วนใหญ่เป็น

    คณะบุคคลจากกรุงเทพมหานคร
    ปัจจุบันในปี พ.ศ.2540 วัดโขงขาวเจริญรุ่งเรืองเหลืองอร่ามอีกครั้ง

    แม้จะไม่เท่าเมื่อแรกเริ่มการก่อสร้างสถาปนาวัด พื้นที่ของวัด จากเดิม

    ประมาณ 2 ไร่เศษ ได้เพิ่มขึ้นเป็น 14,463 ตารางวา พร้อมกับมี

    เสนาสนะก่อสร้างอีกมากมาย คล้ายเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งด้วยศรัทธา

    พุทธบริษัท ญาติโยม และลูกหลานหลวงพ่อฤๅษี พระราชพรหมยาน วัด

    ท่าซุง ผู้ริเริ่มการให้การสนับสนุนวัดนี้


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ผมได้มาหลายปี แล้วครับ ปัจจุบันที่วัด

    [​IMG]

    ******* รับประกันแท้ตลอดไป ************

    ในสมัยตอนที่ได้บูชา สมเด็จองค์ปฐม มานั้น
    ผมได้ถาม พระอาจารย์บุญรัตน์ ถึง 2 ครั้ง... ว่า " หลวงพ่อครับ สมเด็จองค์ปฐม ทันหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อธิษฐานจิต
    ไหมครับ ท่าน ตอบ ว่า ทันอย่างแน่นอน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่าน มาทอดกฐิน หลายครั้ง หลายคราว ที่วัดโขงขาว นี่ อีกทั้งท่านยังนำมาไว้ หน้าพระประธาน สวดทำ วัตรเช้า วัตรเย็น หลายปี "
     
  7. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    รายการที่ 92

    ]ผ้ายันต์พิชัยสงคราม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    ((((( ปิดให้คุณตามธรรม ))))[]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06140.JPG
      DSC06140.JPG
      ขนาดไฟล์:
      73.4 KB
      เปิดดู:
      492
    • DSC06141.JPG
      DSC06141.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65.1 KB
      เปิดดู:
      497
    • DSC06142.JPG
      DSC06142.JPG
      ขนาดไฟล์:
      61.5 KB
      เปิดดู:
      479
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2013
  8. ทามาก็อต

    ทามาก็อต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +359
    จองสมเด็จองค์ปฐม 2 องค์ครับ
    โอนเงินภายในวันศุกร์ครับ
    รบกวนแจ้งยอดสุทธิด้วยครับ
    ขอบคุณมากครับ:cool:
     
  9. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    970 + 970 = 1940 บาท

    ขอบคุณครับ

     
  10. ทามาก็อต

    ทามาก็อต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +359
    โอนแล้วจะแจ้งครับผม ที่อยู่จัดส่งเด๋ว PM ไปนะครับ
    ขอบพระคุณมากครับ:cool:
     
  11. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    ยินดีครับ
    ขอบคุณครับ
     
  12. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  13. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  14. ashigun

    ashigun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +718
    ของผมนี่คือไม่ยังไม่รับจองใช่ใหมครับ ถ้าอาทิตย์ยังเหลืออยู่จะเข้ามาจองใหม่นะครับ
     
  15. ทามาก็อต

    ทามาก็อต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +359
    โอนแล้วนะครับวันนี้ เวลา 18:55 น. ยอด 1940 บาท
    ที่อยู่จัดส่ง Kampanaj Phianloet
    Osotspa Co.Ltd. (HR.SAB)
    348 Ramkamheang Huamark Bangkapi Bangkok 10240

    ขอบคุณครับ:cool:
     
  16. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    ได้ครับ
     
  17. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855

    ขอบคุณครับ
    พรุ่งนี้ จัดส่งให้ นะครับ :cool:
     
  18. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  19. คุณปิง

    คุณปิง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +60
    ขอรบกวนจองสมเด็จองค์ปฐม วัดโขงขาว 2องค์นะครับ
    โอนแล้วจะแจ้งให้ทราบ
     
  20. kyetip

    kyetip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    5,367
    ค่าพลัง:
    +855
    ขอบคุณ คุณปิง ครับ
    วันจันทร์ จัดส่งให้นะครับ

    :cool:

     

แชร์หน้านี้

Loading...