จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

​

...วันอาสาฬหบูชานี้ พี่เมศได้ไปทำบุญเวียนเทียนและอธิษฐานจิตที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิตร ซ.วัชรพล รามอินทรา กทม.ได้น้อมนำบุญบารมีที่ได้สร้างสมมาทุกภพทุกชาติ น้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่ท่านพ่อสมเด็จองปฐม และพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันต์ พระอริยสงฆ์ พระเกจิอาจารย์ และทุกๆดวงจิตทั่วทั้งสามโลกธาตุ

...ด้วยอานิสงค์แห่งบุญบารมีอันยิ่งใหญ่นี้ ขอให้เพื่อนๆจิตบุญ จิตเกาะพระ จิตบำเพ็ญ และเพื่อนๆกัลยาณมิตรทั้งหลาย ไม่ว่าจะสายบุญไหนๆ ศิษย์ครูบาอาจารย์ท่านใดๆขอให้ได้รับส่วนบุญส่วนกุศล และอานิสงค์ผลบุญบารมีโดยทั่วถึงกัน ขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในเส้นทางแห่งธรรมอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า และมีเป้าหมายสู่พระนิพพานในที่สุดโดยทั่วกัน เทอญฯ สา ธุ

​

...ในงานนี้ ถือว่าวัดนี้ได้รับเกียรติสูงมากจากการที่ ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัลยาสิริโสภาพรรณวดี ทรงประทานเทียนจำพรรษา ปี 56 ให้กับวัดศิริพงษ์ฯแห่งนี้ ถือว่าเป็นศิริมงคงเป็นอย่างยิ่ง


...ในวันนี้ ยังได้พบกับเหล่าดารานักแสดงมากหน้าหลายตาแวะเวียนกันมาเวียนเทียนอยู่ไม่ขาดสาย แต่มีโอกาสได้ถ่ายรูปกับ เสก โลโซ เพียงคนเดียวเพราะคนแน่นมาก ก็ได้จับมือแสดงความยินดี และอวยพรให้ได้ดวงตาเห็นธรรม คุณเสกก็ได้กล่าวขอบคุณ ก็หวังว่าธรรมมะคงจะได้ขัดเกลาเขาให้เป็นคนดีและเป็นตัวอย่างให้กับสังคมได้

​

...และที่อดจะกล่าวถึงเสียไม่ได้ก็คือ ในขณะที่เดินเวียนเทียนอยู่นั้น สังเกตุเห็นสุนัขพันธุ์ไทยตัวใหญ่สีน้ำตาลตัวหนึ่ง เดินเวียนเทียนอยู่ข้างๆจนครบ3รอบด้วย ถามคนข้างๆว่า เป็นสุนัขของใคร ก็ไม่มีใครทราบ ก็เลยลองมองเข้าไปในจิตก็รู้ว่า นี่ไม่ใช่สุนัขธรรมดาแน่(คิดเอาเอง ไม่บอก) ก็เลยเรียกมาใกล้ๆ และลูบหัวและแผ่เมตตาอุทิศบุญบารมีให้ไปแบบเต็มๆ ดูเขาดีใจมาก พอเวียนเทียนจบ ก็หาไม่เจอแล้ว โมทนาบุญด้วยนะเข้าหมาน้อยผู้มีบุญใหญ่ ฮ่า ฮ่า

::ด้วยจิตคารวะ::
นิวเวป จิตบุญ๑๔​

 

"คำสอนจากท่านพ่อ "สมเด็จองค์ปฐม" ถึงลูกๆ ทุกคน"


​

:: ธรรมะสวัสดีครับ กัลยาณมิตรทุกๆท่าน ::

คืนวันที่ 21 ก.ค. ก่อนวันอาสาฬหบูชา 1 วัน ผมได้นั่งวิปัสสนากรรมฐาน แยกกายแยกจิตขึ้นไปกราบพระฯเบื้องบนตามปกติดั่งเช่นทุกๆ วัน แต่ครั้งนี้ได้รับพระธรรมเทศนาจากท่านพ่อฯหลายเรื่องยาวเหยียด ขอสรุปเอาเฉพาะที่สำคัญที่เกี่ยวกับ "จิตเกาะพระ" และชาวจิตบุญในที่นี้เป็นหลักนะครับ

1.ให้ทุกคน ละอัตตาตัวตน ยึดถือในแนวทางปฏิบัติของตนมากจนเกินไป ไม่ยอมรับแนวทางอื่นๆ ทั้งๆที่สิ่งนั้นก็ถูกต้องในสายปฏิบัติของเขา แต่เราไม่ชอบใจก็ไปมีอคติแทน

2.ให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน ปรึกษาหารือกัน ช่วยกันเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้ไว้ครบถ้วนดีแล้ว ให้แก่ผู้คนทั่วไปให้ได้ดวงตาเห็นธรรม โดยให้พิจารณาเปรียบเทียบกับคำสอนของพระอริยสงฆ์ หรือพระสงฆ์ที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป หรือคำสอนจากสมเด็จองค์ปฐมฯที่มีเผยแผ่และยอมรับโดยทั่วไป และเปรียบเทียบกับคำสอนจากพระไตรปิฎกให้ถูกต้อง สิ่งใดที่นอกเหนือจากที่กล่าวนี้ และทั้งที่ถูกบัญญัติขึ้นมาใหม่และยังมีแนวโน้มที่จะขัดแย้งกับพระธรรมคำสอนที่มีอยู่เดิม ให้ถือเป็นโมฆะ อย่าได้นำออกมาสอนเด็ดขาด เพราะนั่นไม่ใช่แนวทางแห่งพุทธะ แต่จะเป็นหนทางแห่งหายนะแทน

3.ใครที่เคยมีจิตคิดปรามาสพระ ไม่ว่ากรณีใดๆ ให้รีบกล่าวขอขมากรรมจากพระเสีย และระมัดระวังกายและจิต อย่าให้มีจิตคิดปรามาสพระอีกเป็นอันขาด เพราะนั่นจะเป็นนำไปสู่ความเสื่อมต่างๆในที่สุด

4.นับตั้งแต่นี้ต่อไป ถ้าสามารถทำได้ให้ทุกท่าน "บวชจิต" อย่างน้อยในช่วงเข้าพรรษา3เดือนนี้ ด้วยการถือปฏิบัติ ศีล 5 ให้ได้เป็นอย่างต่ำ (โดยดูที่เจตนาเป็นหลัก)

5.ให้ยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าในหนทางที่นำพาไปสู่พระนิพพานอย่างเคร่งครัด โดยไม่ประมาทในชีวิต เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ดังนั้นให้รีบทำเสียตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะไม่มีเวลาและโอกาสนั้น

6.ให้พิจารณาถึง พรหมวิหารสี่ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อย่างชาญฉลาดและครบถ้วนทุกองค์ประกอบ อย่าเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น คิดจะอุเบกขา ปล่อยวาง และวางเฉยต่อปัญหาต่างๆ โดยไม่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อันเป็นการตัดช่องน้อยแต่พอตัว หรือเห็นแก่ตัวจนเกินไป

...ส่วนหลักคำสอนต่างๆที่มีอยู่ในสื่อต่างๆ ที่ถูกต้อง ให้ทุกๆท่านพยายามนำมาปฏิบัติเพื่อเตือนตนให้อยู่ในศีลในธรรม ให้อยู่ในเส้นทางแห่งพระพุทธศาสนา อันจะนำพาไปสู่หนทางแห่งพระนิพพานในที่สุดให้ได้ อย่ารอเวลา อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ให้รีบทำเสียตั้งแต่วันนี้ เวลานี้ เพราะพรุ่งนี้อาจจะไม่มีสำหรับใครบางคนก็ได้ จงอย่าประมาทกับชีวิต

...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว ด้วยกรรมเป็นเครื่องกำหนด ให้มองทุกอย่างในธรรมชาติให้เห็นเป็นธรรมมะ เพราะธรรมมะคือธรรมชาติ ไม่ว่าใครจะทำอะไร อย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ดีหรือชั่ว อย่างไร อย่าคิดว่าจะปิดบังใครๆ ได้ คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ไม่เห็น แต่...พระเบื้องบน ท่านเห็นและรู้อยู่เสมอ ไม่มีดวงจิตใดๆ ในทั้งสามโลกธาตุนี้ จะรอดพ้นสายตาไปได้แม้แต่น้อยนิด กรรมใดที่เกิดย่อมมีผลต่อไปในอนาคต กรรมดีย่อมได้ดี กรรมชั่วย่อมได้ชั่ว จะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับของเก่าที่ติดตัวมา ส่งผลให้ดีหรือไม่ดีในเวลานั้น แต่ขอให้ทุกคนเชื่อเถิดว่า ไม่มีดวงจิตดวงใด หนีกฏแห่งกรรมพ้น

...เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกๆ คนพึงตระหนักไว้ให้หนักแน่นและมั่นคง ว่าในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ขอจงทำดีเพื่อตนเอง เพื่อผู้อื่น เพื่อเพื่อนๆ กัลยาณมิตร เพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อพระรัตนตรัย เพื่อพระพุทธศาสนา ตามคำสอนที่ถูกต้องที่สามารถอ้างอิงและเป็นที่ยอมรับได้เท่านั้น ให้อยู่ในแนวพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าตลอดไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานในที่สุด

...และสำหรับลูกหลานพระทุกดวงจิต บัดนี้ใกล้ได้เวลาอันควรแล้วที่ลูกหลานจากครูบาอาจารย์ทุกสายจะต้องร่วมมือกัน ช่วยเหลือกัน นำพาผู้คนกลับสู่พระนิพพานให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะไม่มีสายบุญใดดีไปกว่าใคร แต่ทุกสายบุญนั้นคือพุทธะ คือทางเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน แต่แตกต่างที่รายละเอียด ซึ่งก็ย้ำไว้แล้วว่าถ้าปฏิบัติในทางสายกลาง ตามข้อ 2 ที่ได้กล่าวไปแล้ว ถ้าเราเป็นพุทธเหมือนกัน เราจะเข้าได้กับทุกสาย ทุกฝ่าย ไม่มีลัทธิ ไม่มีตัวตน

...ขอให้ลูกๆ ทั้งหลายจงตั้งใจทำทุกอย่างในชาติสุดท้ายนี้อย่างเต็มความสามารถและตั้งอยู่ในทางแห่งมรรค 8 ประการ ลูกทั้งหลายจะได้กลับบ้านหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการกระทำของลูกนับตั้งแต่นี้จนตาย

ขอเจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้ได้ตลอดเวลา สาธุ
ด้วยจิตคารวะ
ปาราเมศ นิวเวป จิตบุญ 14​

 

ขอบพระคุณ คุณปาราเมศค่ะ ที่นำพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้า

ทุกๆพระองค์ และท่านพ่อฤาษี ตลอดถึงคำสั่งสอนของหลวงปู่หลวงตามาฝาก

ในวันเข้าพรรษา เป็นตัวแทนท่านพ่อตามหาลูกหลาน ขอน้อมรับพระธรรมคำ

สอนเพื่อนำมาปฏิบัติค่ะ ภาพของพระเกจิอาจารย์ที่ล้อมรอบ สมเด็จองค์ปฐม

งดงามมากค่ะ ขอน้อมกราบองค์สมเด็จพระปฐมและพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์...

...น้อมกราบท่านพ่อฤาษี และหลวงปู่หลวงตาด้วยเศียรเก้ลาค่ะ...

...ขออนุโมทนาในธรรมทานค่ะคุณนิวเวฟสาธุค่ะ...

 

เคล็ดลับในการรักษาศีลแบบวิธีง่าย ๆ
ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง

● คนที่มีกำลังใจเข้มแข็ง

แนะให้ตั้งใจรักษาศีลให้ครบ ๕ ข้อวันละ ๓ ชั่วโมง คือตั้งแต่ ๖ โมงเช้า ถึง ๙ โมงเช้า ในเวลาเท่านี้จะอย่างไรก็ตามจะไม่ยอมละเมิดศีลเด็ดขาด

ถ้าเธอปฏิบัติตามนี้ได้ ไม่เกิน ๓ เดือน มีหวังรักษาศีล ๕ ครบทุกสิกขาบทได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพราะการระมัดระวังศีลทั้ง ๕ ข้อ วันละ ๓ ชั่วโมงนั้น เป็นการทรงฌานในสีลานุสสติวันละ ๓ ชั่วโมง เพราะเป็นอนุสสติ ไม่ต้องไปนั่งหลับตาภาวนา เอาใจคอยระวังไม่ให้พลั้งพลาด เท่านี้เป็นฌานแล้ว

คำว่า ฌาน นั้น ความหมายจริง ๆ ก็คืออารมณ์ชิน คือ มีอารมณ์ทรงอย่างนั้นเป็นปกติ อย่างพวกเราชินกับความทุกข์จนไม่เข้าใจว่ามันเป็นความทุกข์ นั่นก็คือ ความหิว ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะ เป็นต้น มีทุกวันจนชิน เลยไม่เข้าใจว่าเป็นทุกข์ เห็นเป็นของธรรมดาไป คำว่าฌานก็เหมือนกัน มีอารมณ์ปกติจนไม่มีอะไรต้องระวังหรือมีความหนักใจ


● คนที่มีอารมณ์เข้มแข็งน้อย

หรือที่เรียกว่ามีกำลังใจค่อนข้างอ่อนแอ แต่มีแววที่พอจะทำได้ ให้เลือกปฏิบัติเอาจริงเอาจังเป็นข้อ ๆ ที่พอจะทำได้ ให้เอาชนะจริง ๆ ข้อใดข้อหนึ่งไปเลย เมื่อชนะข้อใดข้อหนึ่งแน่นอนแล้ว ก็ค่อย ๆ เลือกเอาข้อที่เห็นว่าง่าย ไม่นานเท่าไรก็ชนะหมดทุกข้อ

สำหรับศีล บางทีญาติโยมจะหนักใจ ก็ไม่เป็นไรวันหนึ่งรักษา ๒๔ ชั่วโมงไม่ได้ ก็รักษาวันละ ๓ ชั่วโมง มันก็เป็นศีล เรารักษาได้จริงๆ ด้วยการอดใจจริง ๆ ๑ ชั่วโมง มันก็เป็นศีล ถ้าวันหนึ่งเรารักษาได้จริง ๆ ใครจะด่าจะว่า จะทำอะไรก็ช่างมัน ช่างมัน ช่างมัน ๑ ชั่วโมง ใช่ไหม แล้วเหลือ ๒๓ ชั่วโมงด่าดะ ใช่ไหม

อย่าลืมว่าไอ้วันละ ๑ ชั่วโมงนี่ มันจะกดอารมณ์ลงไปเรื่อย ๆ ไม่ช้ามันก็เต็ม ๒๔ ชั่วโมง ใช่ไหม ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า น้ำฝนตกลงมาทีละหยดละหยาด สามารถทำให้ภาชนะเต็มได้ฉันใด การอดใจหรือการทรงใจในอำนาจของศีลวันหนึ่ง วันหนึ่งเราได้ ๑ ชั่วโมง ต่อไปอารมณ์มันก็ชิน มันก็เป็น ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง ๕ ชั่วโมง ๑๐ ชั่วโมง ไปตามสภาพ

ฉะนั้น ภายใน ๓ ชั่วโมงนี่ ฉันจะทรงศีล ๕ ให้ทรงตัว การระมัดระวังอย่างนี้ อย่าลืมนะท่านผู้นั้นเป็นผู้ทรงฌานในสีลานุสสติกรรมฐานวันละ ๓ ชั่วโมง แล้วก็ทำอย่างนี้ หลายคนมารายงานไม่ถึง ๓ เดือน ศีล ๕ ครบถ้วนตลอดวัน แค่นี้

ที่มา https://www.facebook.com/BSC.Saraburi

 

ขอกล่าวคําอนุโมทนาสาธุกับ คุณปารเมศ ที่ท่านได้นําธรรมอันสูงส่งมาให้พวกเราได้รับรู้น้อมนํามาปฏิบัติ ท่านได้เห็นธรรมอันเป็นคุณวิเศษสุดหาที่เปรียบไม่ได้ คํากล่าวของท่านเป็นคําสอนของพระพุทธเจ้าที่ทุกๆพระองค์ได้กล่าวไว้อย่างถูกต้องแล้ว ผู้ปฏิบัติเพียงแต่เดินรอยตามท่านผู้รู้ เราก็จะพบกับความสุขอย่างจริง ผู้ที่ยังไม่รู้ถึงแก่นแท้ หรือยังไม่รู้ตัวเราเองดีก็จะมีการตําหนิติเตือน เพราะยังไม่รู้แท้ คือยังไม่ทําให้แจ้งนั้นเอง...ผู้ทําตนให้แจ้งแล้วก็จะเห็นตาม หรือไม่มีข้อสงสัยในธรรมของพระพุทธเจ้าเลย...เพราะผู้นั้นเห็นตามแล้ว จึงขอกล่าวคําอนุโมทนาสาธุกับผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานทุกๆท่านด้วยเทอญ สาธุค่ะ

 

ถ้าเราปฏิบัติธรรม ธรรมสอนเรา อย่าเผอเรอส่งจิตไปทางนู้นทางนี้

...ให้ย้อนจิตมาดูตังเองอยู่เสมอ...ท่านว่า เอหิปปสุสิโก ให้ดู เอหิปสุสิโกให้ดูที่นี่ ท่านว่า

- เอหิ ให้ย้อนจิตเข้ามา สติเข้าเข้ามาดูที่นี่ ท่านว่าอย่างนั้น จะรู้จะเห็นขึ้นที่นี่ อันนี้เป็น

...ภาคปฏิบัติที่เกิดขึ้นในตัวผู้ปฏิบัติ...

...ในปริยัติท่านก็บอกไว้อย่างนั้น เราก็แปลมาแล้ว เราไม่ค้าน เอหิปสุสิโก...

-คือเป็นธรรมของจริงสามารถเรียกจะเรียกร้องคนอื่นมาดูได้...นี่เขาจะว่าเขาเป็นบ้าหรือ-

...เรียกร้องอะไร เขาไม่เคยเห็นธรรมใช่ไหม อยู่ๆไปเรียกร้องเขามาดู...ธรรมท่านสอน

-สอนเราให้ย้อนจิตเข้ามาดูของจริงอยู่ในนี้...นั่นถูกต้อง เราปฏิบัติก็เป็อย่างนั้นจริงๆ...

โอปนยิโก เห็นอะไรๆ ให้น้อมเข้ามาเป็นเครื่องสอนตนเสมอ ตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัส

สัมพันธ์กับสิ่งใดให้น้อมเข้ามา เห็นเขาเป็นทุกข์เป็นสุข เห็นเขาเพลิดเพลินหรือเศร้าโศก

...เสียใจอะไร ให้น้อมเข้ามาพิจารณาตัวเองเสมอๆนั่น...

...ท่านว่า โอปนยิโก ให้น้อมเข้มา...สิ่งที่สัมผัสสัมพันธ์ให้น้อมเข้ามาเป็น

เครื่อสอนตน นั่นท่านว่า นี่ภาคปฏิบัติพิสดารมากนะ ถ้าหากว่าเราไม่ได้เรียนปริยัติมาเขา

ก็จะว่า อีตาบัวมันเป็นบ้ามาแต่โคตรแต่แช่่ของมันนั่นแหละมันจะเอาอรรถบาลีมาจากไหน

...มันก็เอาป่าๆ รกๆ มาพูดอย่างนั้น เขาก็จะว่าอย่างนั้น แต่นี้มหาบัวฟังซินะ ก็เรียนมา

เหมือนกับคนทั้งหลาย...เราก็แปลอย่างที่ว่า สุวากุขาโต ภควตา ธมุโม เราแปลได้ทั้งหมด

เลย นั่นแปลแล้วท่านแปลอย่างนั้น...แต่เวลาภาคปฏิบัติมันเป็นอย่างนี้ที่ว่า เอหิปสุสิโก

ชัดเจนมากทีเดียว...ให้น้อมจิตเข้ามา เราปฏิบัติธรรม ธรรมท่านสอนเราท่านเตือนเราให้

ย้อนจิตเข้ามาๆ นี้ เอหิปสุสิโก ย้อนจิตเข้ามาตรงนี้ๆองค์อริสัจตรงนี้...

...ปจุจตุํ เวทิตพุโพ วิญญูหิ ท่านผู้รู้ทั้งหลายจะรู้จำเพาะตน เอาจิตเข้ามานี้เรื่อง

เหล่านี้ทั้งกิเลสทั้งธรรมจะรู้ที่นี่เลย...ไม่รู้ที่อื่น ไปดูคัมภีร์เห็นแต่ตัวหนังสือถ้ามาดูที่กิเลส

ดูธรรมแล้วจะเห็นในหัวใจของคน ดูคัมภีร์เห็นกิเลสเห็นธรรมอยู่ในคัมภีร์เป็นตัวหนังสือ...

...ครั้นดูเข้ามาที่นี่ เอหิปสุสิโก น้อมเข้ามาที่นี่เข้ามาสอนตนที่นี่แล้วเป็นธรรมขึ้นมาๆ นี้

เป็นภาคพิเศษภาคปฏิบัติ เราเรียนเหมือนกัน ทีนี้เวลาเราพูดภาคปฏิบัติ เราก็พูดออกมา

ได้เหมือนกัน เพราะเป็นอย่างนี้ เราแก้เราอย่างนี้ ได้สติสตังมาโดยลำดับ เพราะเหตุนี้เอง

...ธรรมะของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี...

...น้อมกราบองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ กราบ กราบๆ...

 

สวัสดีวันเข้าพรรษาค่ะท่านผู้อ่านทุกๆท่าน ไม่ได้อ่านธรรมะธรรมทาน

ของอาจารย์ภูทยานมาหลายวันแล้ว จึงย้อนไปอ่านธรรมมะ คำสอนของท่าน

อีกที่ท่านได้กล่าวฝากไว้นั้นถูกต้องทุกถ้อยคำ การปฏิบัตินั้น จะมีความศรัทธา

อย่างเดียวแล้วไม่มีความเพียรนั้นก็จะถึงจุดหมายปลายทางไม่ได้ ต้องมีความ

ขยันมั่นเพียร มีความศรัทธา ต้องตามด้วย ทาน ศีล ภาวนา รู้ละ รู้ปล่อย รู้วาง

หมั่นฝึกฝน อบรม บ่มนิสัยตัวเอง ดูถึงข้อที่บกพร่อง ที่ตัวเรายังขาดอยู่เราต้อง

ทำความเพียรพยายามให้ตัวเราเองเพราะไม่มีใครทำให้เราได้ เราหิ่ว เราเจ็บ

เราปวด เราไม่สบาย เราจะตายก็ไม่มีใครมาตายแทนเราได้ มาทำมาเป็นแทน

เราได้เราต้องทำ ด้วยตนเอง ตนเองเท่านั้นแหละที่เป็นที่พึ่งของตนค่ะ

...ขออนุโมทนากับคุณภูทยานในธรรมทานนะค่ะ ธรรมทานของท่านยังอยู่ใน

ใจเสมอคิดถึงธรรมะของท่านเมื่อไรก็ย้อนไปอ่านได้ทุกเวลาขออนุโมทนาค่ะ

 

ลูกข้อน้อมจิตกราบแทบเท้าท่านพ่อพ่อฤาษีดำ ด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ

ขออนุโมทนากับคุณภูทยานค่ะ ขอนำมาลงอีกรอบหนึ่งเนื่องในวันเข้าพรรษา

ให้พวกเราได้มาน้อมระลึกถึงท่านพ่อฤาษีลิงดำ พร้อมกันน้อมกราบท่านพ่อเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ...

 

การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานมีผลพลอยได้

-คือ โรคที่อยู่ในร่างกายของเราก็หายไปด้วย-

...จิตของเราก็เต็มไปด้วยความดี...

...เต็มไปด้วยสติ สมาธิ ปัญญา เจริญขึ้นในขันธสันดาน...

-เพราะฉนั้นการปฏิบัติธรรมจึงมีความสำคัญ-

-เมื่อเราตั้งใจปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอแล้วโรคทั้งหลายก็เบาบางลง หรือหายไป-

...ดังนั้นขอให้ตั้งใจในการปฏิบัติธรรม...

...พระธรรมคำสอนของหลวงปู่ทอง พระธรรมมังคลาจารย์ วิ.วัดพระธาตุศรีจอมทอง.ช.ม

...กราบนมัสการหลวงปู่ทอง และกราบขอบพระคุณในพระธรรมคำสั่งสอนเจ้าค่ะ.

 

บริโภคข่าวสารในช่วงนี้ไม่ว่าข่าวการเมืองหรืองานพระศาสนาก็ตาม เมื่อได้ท่านรับรู้ข่าวแล้วต้องน้อมกลับมามองที่ใจของเราว่า "เขาจะดีหรือชั่วผิดหรือถูก" แล้วเราได้อะไรจากข่าวสารนั้นๆ ให้นำธรรมะของพระพูทธเจ้าสอน กาลามสูตร 10 ประการ 1 อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) 2 อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย) 3 อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) 4 อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) 5 อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ) 6 อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ) 7 อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน) 8 อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา) 9 อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย) 10 อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ) ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
ที่มาfb ธรรมะเป็นธรรมทานโดยพระอาจารย์พระอ๊อด วัดสันติวงศาราม เมืองเบอร์บิ่งแฮมuk
ขอน้อมกราบนมัสการพระอาจารย์ด้วยความเคารพค่ะ

 

https://fbcdn-sphotos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn2/p480x480/992938_4550111490782_852276488_n.jpg

ธรรมะแท้ พระแท้ มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก ได้ให้ข้าพเจ้านำรถเข็ญ wheelchair ของท่านเดินชมบริเวณรอบๆ วัดที่แห่งหนึ่งที่จังหวัดสุพรรณบุรี และท่านก็ให้ข้าพเจ้าหยุดรถเข็ญของท่านเพราะว่ามีเต่าตัวใหญ่มาก อยู่ตรงนั้น ท่านนั่งมองเต่าและเต่าก็มองหน้าท่านอยู่สักพักหนึ่งแล้วเต่ามีน้ำตาไหลออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน สักพักหลวงปู่ก็เล่าว่าเต่าตัวนี้เป็นเต่าที่ฉลาดมาก มันได้หนีรอดตายมาได้จากวัดๆ หนึ่งที่หลวงปู่เอาเต่าไปเลี้ยงไว้ แต่มีพระท่านหนึ่งได้จ้างคนงานคนหนึ่งเอายาเบือปูผสมกับอาหารแล้วให้เต่ากิน จนพวกมันตายเกือบหมด และคนที่เอายาเบือเต่านั้นได้มาสารภพกับหลวงปู่ก่อนที่เขาเสียชีวิตจากโรงมะเร็ง มีประโยคหนึ่งที่หลวงปู่ได้พูดว่า “จะว่าอะไรกับเต่าเลย เราเขายังลงมือฆ่าต้องหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ” ข้าพเจ้ากับพระอุปฐากอีกสองรูป ถามหลวงปู่ว่า “เขาฆ่าหลวงปู่ทำไม” หลวงปู่ก็ตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน”ข้าพเจ้ายังถามหลวงปู่อีกว่า “แล้วหลวงปู่ยังไปเยี่ยมเขาอีกทำไม” หลวงปู่ก็ตอบว่า “จะทำอย่างไรได้ละเพราะว่าความโกรธในหัวใจของเรามันไม่มีซะแล้วสิ” พระแท้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ยังสอนให้ข้าพเจ้าและพระอุปฐากอีกหลายท่านไม่มีความโกรธแค้นหรือพยาบาทอยู่ในใจของลูกศิษย์ที่ยังเป็นพระปุถุชนอย่างข้าพเจ้าและอีกหลายท่าน ปัจจุบันคำสอนของหลวงปู่ยังในใจของข้าพเจ้าอีกคงอีกหลายๆ ท่านเหมือนกัน สาธุๆๆ กราบหลวงปู่ด้วยความเคารพอย่างสูง
ที่มาfb โดยพระอาจารย์พระอ๊อด วัดสันติวงศาราม เมืองเบอร์บิ่งแฮมuk ขอน้อมกราบนมัสการพระอาจารย์พระอ๊อดที่ท่านได้มีความเมตตานําธรรมะข้อนี้มาเป็นธรรมทานให้แก่ผู้ที่ยังเวียนว่ายอยู่ใน"วัฏฏะ"และความโกรธเกิดขึ้นกับใครๆแล้วก็เหมือนไฟที่กําลังเผาผลาญเราอยู่ดีๆนี่เอง ท่านจึงได้นําธรรมะนี้ไปพิจารณาแล้วความสุขก็จะเกิดขึ้นกับเราๆท่านๆได้ "เพราะอภัยทานเป็นทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการให้ทานทั้งปวง" สาธุค่ะท่าน และลูกขอน้อมกราบหลวงปู่สังวาลย์ด้วยความเคารพด้วยเศียรเกล้าค่ะ

 

แง่... พักนานไปหน่อย
ไม่ได้มากระทู้เลย
เดี๋ยวว่างๆ จะแวะมาใหม่นะคะ
ตอนนี้เพลีย ... ใช้พลังงานเยอะ คิคิ
ขอตัวไปพักต่อก่อนค่ะ ฮ่าๆ​

​

 

(คำสอนพระมหาเถระ)

พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของเราทุกคน... พระพุทธเจ้าสามารถเอาความคิดที่ลึกซึ้ง

ของเราออกมาพูดเป็นภาษาคน เพราะฉนั้น การได้พบพระพุทธศาสนาเท่ากับได้พบตัวเอง

ทำให้เข้าใจการสอนของครูบาอาจารย์ที่ว่า พระพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องของตำรา ไม่ใช่

เรื่องของวัดวา ไม่ใช่เรื่องของนักบวช เป็นเรื่องของเราทุกคน เป็นเรื่องของหัวใจมนุษย์

..."เรื่องของพระพุทธศาสนา คือ เรื่องของตัวเราเอง และเรื่องการละ เรื่องการบำเพ็ญ

ก็ไม่มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่อยู่ในใจของเรานี่แหละ"

...พระธรรมคำสอนของพระอาจารย์ชยสา โรภิกขุ...

...กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ และกราบขอบพระคุณในธรรมะธรรมทานค่ะ...

...คัดจากหนังสือธรรมะสว่างใจ วัดสันติวงศาราม เบอรมิ่งแฮม อังกฤษ...

 

(ฐานะ ๕ ที่ที่ควรพิจารณาเนืองๆ)

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๕ เหล่านี้ อันสตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต

ควรพิจารณาเนืองๆ คือ.....

๑. ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่าเรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้.

๒,ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่าเรามีความเจ็ยไข้เป็นธรรมดาไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้.

๓. ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่าเรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้.

๔. ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งปวง...

๕. ควรพิจารณาเนือง ๆ ว่าเรามีกรรม เป็นของตน เป็นผู้รับผลแห่งกรรม มีกรรมเป็น

กำเนิด...มีกรรมเป็นเผาพันธ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็

ตาม เราจักเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น...

...จาก พระไตรปิฏก ข้อมูล ปัญจกนิบาต ๒๒/๘๑...

 

ธรรมธาตุซึ่งเปรียบกันได้กับแร่ธาตุต่างๆ ก็มีอยู่ทั่วไปในพิภพเหมือนกันธรรมธาตุนี้ แม้จะประเสริฐอยู่โดยธรรมชาติของธรรมก็จริง ก็ยังอาศัยและมีผู้ฉลาดมีความสามารถค้นคิดและนําธรรมธาตุนั้นๆมาตรวจสอบแยกธาตุออกเป็นส่วนดีและส่วนชั่วแล้วมาประกอบให้เกิดเป็นประโยชน์จนสามารถรู้จริงเห็นจริงด้วยปัญญา แล้วนําออกมาสู่ตลาดไตรพิภพโดยแนะนําพรํ่าสอนแก่ผู้สนใจในธรรมธาตุนั้น จะได้นําไปปฏิบัติให้เห็นธรรมชาตินั้นว่าเป็นสิ่งสําคัญยิ่ง ทั้งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในตนตลอดกาลด้วย ธรรมธาตุอันนี้เมื่อพระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบ ท่านเป็นนักธรรมศาสตร์ จิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์นํามาผสมส่วนกันเข้าพอดีแล้ว เลยกลายเป็นของจําเป็นและมีคุณค่าแก่บรรดาสัตว์ทั่วพิภพ ซึ่งประจักษ์แก่ญาณของสามีจิกบุคคล และสายตาของมนุษย์และเทวดาทั่วไตรภพธาตุ ธรรมธาตุทั้งนี้ก็อาศัยความฉลาดของมนุษย์อัศจรรย์ จึงสามารถค้นประดิษฐ์สิ่งมีอยู่ตามปกติซึงขาดความสนใจจากมนุษย์และสัตว์ ให้ไหวตัวขึ้นมาสู่ความเป็นของมีค่ามาก เช่นเดียวกับวัตถุธาตุต่างๆได้ "ธรรมธาตุ"จึงเรียกว่า"ธรรม"นี้ พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบและได้ดื่มรสแห่งธรรมเป็นคนแรกในพระศาสนา ความเป็นเป็นผู้เลิศทั้งนี้ได้มาจาก"กายกับจิต"ซึ่งเป็นสถานที่สถิตอยู่แห่งธรรมธาตุทั้งปวง และธรรมธาตุนี่ก็อยู่ในมนุษย์และสัตว์ไม่เลือกหน้า แต่ยังเปื้อนด้วยมลทินคือ"ราคะ โทสะ โมหะ" เป็นต้น จนกว่าจะได้เจียระไนด้วยข้อปฏิบัติให้หมดสิ้นไปจากใจเสียเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะเป็นธรรมธาตุอย่างแท้จริง...สาธุค่ะ
ที่มา ธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ

 

ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) [
supatorn
นําเพลงและธรรมะดีๆมาฟังกันค่ะ
ข้อคิดคำคมส่วนหนึ่งจากเพจ ธรรมมะ
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=5ORfvM6pcTM]เพลงบรรเลงเพราะๆ - YouTube[/ame]

 

ประวัติหลวงพ่อฤาษีลิงดำ - Buddhist Clips.avi
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=rmW72ntPEho]ประวัติหลวงพ่อฤาษีลิงดำ - Buddhist Clips.avi - YouTube[/ame]

 

บ้านนี้มีแต่ลูกกําพร้า :-(

 

รวม คำคม กวนๆ ฮาๆ ซึ้งๆ
โทรเลขถึงแม่

"ขอเงินซื้อชุดใหม่

ชุดที่มีใส่เที่ยวกับแฟนครบหมดแล้ว"

จากลูก

โทรเลขถึงลูก

"หาแฟนใหม่ ใส่ชุดเดิม"

จากแม่

================================

หมอแนะนำคนไข้นอนไม่หลับว่า

"พอเอนหลังลงนอนก็เริ่มนับไปเรื่อยๆ"

"เคยทำแล้วครับแต่ไม่ได้ผล

คือว่าผมเป็นนักมวยเก่า.............

พอนับถึงเก้าก็สะดุ้งตื่นทุกที"

================================

"ขอนัดคุณหมอหน่อยครับ

หมู่นี้ผมหน้ามืดบ่อยๆ

ไม่รู้มีปัญหาเรื่องความดันหรือเปล่า"

"วันศุกร์หน้าบ่ายสองนะคะ"

"นานยังงั้นเชียวหรือ

ขอเป็นวันสองวันนี้ไม่ได้หรือ"

"ไม่ได้จริงๆค่ะ คิวแน่นมากเลยค่ะ

ต่อให้มีคนยกเลิกนัด

อย่างมากก็เร็วขึ้นวันสองวันเองค่ะ"

"ง้านเลยเรอะ... เออ...

แล้วนี้ถ้าเกิดผมตายก่อนจะถึงวันนัดจะทำไงดีฮึ"

"กรุณาโทรมาแจ้งด้วยนะคะ

จะได้เลื่อนคิวคนข้างหลังมา

แทนคุณได้ค่ะ!!!"

"......"

===============================

ชายหนุ่มอ่านหนังสือพิมพ์

พบเรื่องของนักแสดงสาวสวย

แต่งงานกับนักกีฬาที่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ไอคิวต่ำเหลือหลาย

เขาจึงหันไปพูดกับภรรยาว่า

"ทำไมผู้ชายโง่ๆ ถึงได้เมียสวยนะ"

"จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ

แต่ขอบคุณนะที่ชม " ภรรยากล่าว

===============================

"พ่อครับๆ "ลูกชายตะโกนจากในสวน"รถถูกขโมย"

"เห็นไหมว่าใครเอาไป "

"เห็นครับ "

"จำหน้าได้ไหม "

"จำไม่ได้ แต่ผมจดทะเบียนรถเราไว้แล้ว "

===============================

"แม่คะ หนูตัดสินใจแล้วว่า

จะไม่แต่งงานกับจอห์น "

"อ้าว ทำไมล่ะลูก "แม่ถามด้วยความประหลาดใจ

"หนูเพิ่งรู้ว่าเขาไม่นับถือศาสนาอะไรเลย

และไม่เชื่อว่ามีนรกด้วย"

"ไม่ต้องห่วงหรอกลูกแต่งงานกับเขาเถอะ

เพราะอยู่กินกันไปเขาก็จะรู้เองว่านรกมีจริง "

===============================

คู่แต่งงานใหม่เพิ่งจะถูกส่งตัวเข้าห้องหอ

"น้องมีเรื่องจะสารภาพค่ะ"

เจ้าสาวหมาดๆบอก

"น้อง เคยผ่านผู้ชายมาแล้ว"

"ไม่เป็นไรหรอกพี่เข้าใจ"

เจ้าบ่าวหมาดๆปลอบ

"พี่ก็เคยผ่านผู้ชายมาแล้วเหมือนกัน..."


*******************************
...ซื้อทุกเลข ยกเว้นเลขที่ออก!..
*******************************
ตั้งแต่เกิดมาเคยเจ็บแค่สองครั้ง "ครั้งแล้ว" กับ "ครั้งเล่า"
*******************************
ถึงจะใช้ " โปรโทรฟรี ".. ก็ไม่มี ความหมาย.. ถ้าไม่มี คนปลายสาย ให้โทรหา
*******************************
เสมอต้นเสมอปลาย แต่อาจไม่เสมอไป
*******************************
"ลา" เป็นสัญลักษณ์ ของความ "โง่" เพราะฉะนั้น "เลิกลา" คือ "เลิกโง่"
*******************************
คนบางคน"มาขอเป็นเพื่อนกับ"ใครบางคน"เพียงเพราะอยากรู้เรื่องราวของ"อีกคน"

*******************************
ความรักก็เหมือนหมอฟัน
................หลอกกรูอยู่นั่น ว่าไม่เจ็บ ไม่เจ็บ
*******************************
สาเหตุที่ Facebook ไม่มี LOVE มีแต่ LIKE
เพราะไม่สนับสนุนให้ใครหลายใจ คลิก LOVE ใครหลายๆคน
*******************************
Google' ที่ว่าแน่ . . ยัง Search' หา "คู่แท้" ไม่เจอ !?
*******************************
ความรัก ก็เหมือน เกมส์กีฬา "ตัวสำรอง" จามีค่าก็ต่อเมื่อ "ตัวจริง" เจ็บ !!
*******************************
ความจริง เป็นสิ่งไม่ตาย แต่ถ้ารู้ความจริง ก็จะวิ่งไปให้รถทับตาย
*******************************
อยู่ดีๆ ก็โสด , แต่อยู่โสดๆ ก็ดี
บ่อยครั้ง คนที่ปลอบใจคนอื่นอยู่นั้นแหละ คือคนที่บอบช้ำที่สุด

*******************************
คนทุกคนไม่จำเป็นต้องรวยแล้วใช้ของแบรน คนบางคนใช้ของแบรนยังเหมือนใช้ของปลอม
*******************************
การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า แต่คนธรรมดารักคุณเท่าเดิม..
*******************************
"จงอย่ามีชีวิตเหมือน "เข็มนาฬิกา" ถึงมันจะเดินไปข้างหน้า.......แต่ก็เดินกลับมาที่เดิม"
**************************************

 

คำสอนหลวงพ่อฤาษี (ลิงดำ)

ทำแต่ความดีโดยไม่ต้องนั่งกรรมฐาน ตกนรกไหม?
หลวงพ่อพระราชพรหมยานตอบปัญหาธรรม
เขียนโดย พล.อ.ต.มนูญ ชมภูทีป จากหนังสือ "สู่แสงธรรม"

“หลวงพ่อครับ ถ้ากระผมทำแต่ความดีโดยไม่ต้องนั่งกรรมฐานจะมีสิทธิ์ตกนรกไหมครับ?”

“มีสิทธิ์ตกแน่” หลวงพ่อตอบทันที

“อ้าว ก็พระพุทธเจ้าสอนว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มิใช่หรือครับ?” ข้าพเจ้าแย้ง

“ใช่ แต่คุณหรือคนธรรมดาทั่วๆ ไปจะมีใครกระทำแต่ความดี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เล่า มีแต่ทำดีมากทำชั่วน้อย หรือทำชั่วมากทำดีน้อย จริงไหม? ไม่ใช่พระอรหันต์นี่ ท่านมีสติทุกลมหายใจเข้าออกจึงจะทำความดีได้ทั้ง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์” หลวงพ่ออธิบาย

“แต่หลวงพ่อเคยพูดไว้นี่ครับว่า การบำเพ็ญทานและรักษาศีลนั้นถือเป็นความงามเบื้องต้นของพระพุทธศาสนา หากตายไปก็มีสิทธิ์ไปจุติเป็นเทวดา เสวยสุขในสวรรค์ได้” ข้าพเจ้าแย้งเพราะยังข้องใจอยู่

“เก่งนี่ ที่จำได้ แต่นั่นต้องหมายความว่า ก่อนตาย จิตของคุณ ก่อนที่จะแยกจากกาย ต้องจับอยู่ในกุศลผลบุญของทาน ศีล ที่คุณทำมาด้วยนะ จึงจะไปเกิดเป็นเทวดาได้ แต่ถ้าจิตของคุณก่อนที่จะแยกจากกาย ไปจับอยู่ในกรรมชั่วแม้เพียงน้อยนิด คุณก็ต้องไปรับกรรมชั่วก่อน ต่อเมื่อชดใช้กรรมชั่วจบสิ้นแล้วนั่นแหละ คุณจึงจะมีสิทธิ์ไปเสวยผลแห่งกรรมดีได้นะ” หลวงพ่ออธิบาย

“มีข้อแม้อย่างนี้ด้วยหรือครับ?” ข้าพเจ้าถามอ้อมแอ้ม

“ใช่ บางคนอาจทำความดีถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ทำความชั่วเพียง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ก็มิได้หมายความว่าจะลบล้างกันได้เหลือความดีอยู่ ๖๐ เปอร์เซ็นต์นะ กรรมดีและกรรมชั่วนั้นแยกกันโดยเด็ดขาด อยู่ที่ว่าจิตของคุณก่อนที่จะแยกจากกายนั้นไปจับอยู่ที่กรรมดีหรือกรรมชั่วต่างหาก

ถ้าบังเอิญก่อนตายจิตไปจับเอากรรมชั่วเพียงน้อยนิด ก็อาจลงนรกก่อนได้ และในทำนองเดียวกันหากแม้คุณทำชั่วมา ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ทำความดีได้เพียง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ หากจิตของคุณก่อนแยกจากกาย ไปจับเอากรรมดีเพียงน้อยนิดเข้า ก็สามารถไปเสวยสุขในสวรรค์ก่อนได้นะ

ด้วยเหตุนี้คนเฒ่า คนแก่ จึงมักจะไปคอยให้สติแก่คนใกล้ตายเสมอ โดยให้คนใกล้ตายภาวนา “พุทโธ” บ้าง “สัมมาอะระหัง” บ้าง เป็นต้น แต่ไม่เป็นผลหรอกนะ ถ้าคนที่ใกล้จะตายผู้นั้นมิได้เคยฝึกกรรมฐานมาก่อน” หลวงพ่ออธิบาย

“จริงครับหลวงพ่อ ขนาดผมมิได้เจ็บไข้ได้ป่วยสักนิด ยังทำจิตให้สงบจับอยู่ในองค์พุทโธ เพียงแค่สัก ๒-๓ นาที ยังไม่ได้เลยครับ” ข้าพเจ้ารีบสารภาพตามความเป็นจริง

“ต้องฝึกให้ชำนาญนะ จึงจะทำได้ เหมือนเช่นนักมวยนั่นแหละ แม้จะมีพี่เลี้ยงไปยืนตะโกนสอนอยู่ข้างเวที ให้ฮุคขวา ฮุคซ้าย เตะก้านคอ ศอก เข่า เขาก็ทำไม่ได้นะ หากมิได้ฝึกซ้อมจนเกิดความชำนาญมาก่อน

ดังนั้นหากใครก็ตามสามารถฝึกกรรมฐานได้จนช่ำชอง ก็อาจสามารถกำหนดจิตไปวางอยู่ ณ ที่ใดก็ได้นะ ยิ่งฝึก จิตก็ยิ่งเชื่องนะ แม้ทำกรรมชั่วไว้มาก ทำกรรมดีไว้แต่เพียงน้อยนิด เขาก็สามารถกำหนดจิตของเขาไปวางไว้ในส่วนของกรรมดีได้ โอกาสลงนรกเขาจึงไม่มี

และเมื่อเขาได้มีโอกาสไปเสวยสุขก่อน ได้อยู่ในกลุ่มของคนดี เขาก็มีโอกาสสร้างกุศลผลบุญได้มาก และในทุกครั้งที่สร้างกรรมดี ถ้าเขาอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ หากเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นไม่ถือผูกโกรธ พยาบาท และอภัยให้ เขาก็อาจจะไม่ต้องไปชดใช้กรรมชั่วเลยก็ได้นะ เสมือนหนึ่งเจ้าหนี้ ซึ่งเห็นคุณงามความดีของคุณ แล้วไม่ติดใจทวงหนี้คืนจากคุณนั่นแหละ คุณก็ไม่ต้องหาเงินไปใช้หนี้เขาใช่ไหม?

ดังนั้นหากคุณฝึกนั่งกรรมฐานได้อย่างช่ำชอง คุณจะได้เปรียบมากนะ อย่างน้อยที่สุด ก่อนตายคุณก็จะสามารถกำหนดจิตของคุณ ไปวางอยู่ในกรรมดี แล้วไปเสวยสุขตามกุศลผลบุญที่คุณทำมาได้นะ อย่าลืมว่าการตายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกลัว แต่สิ่งที่ควรกลัวคือการเกิดต่างหาก ด้วยเหตุนี้ การนั่งกรรมฐานจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากนะ เพราะจะเป็นตัวกำหนดการเกิด ดังที่ฉันพูดมาแล้วได้ด้วย

นอกจากนั้นประโยชน์ของการนั่งกรรมฐานยังมีอีกมาก อาทิเช่น หากสามารถทำจิตให้สงบเพียงชั่วระยะเวลาแค่ช้างกระดิกหู ก็ได้บุญ มากกว่าการให้ทานและรักษาศีลเสียอีก หากจิตสงบเพียง ๕ นาที ๑๐ นาทีก็อิ่มเอิบกว่านอนหลับตั้งหลายชั่วโมง

และถ้านำไปพิจารณาวิปัสสนาญาณก็จะเกิดปัญญา รู้แจ้งเห็นจริง ละกิเลสตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม อันเป็นหนทางสู่โลกุตระ ซึ่งเป็นทางเดินของพระอริยเจ้าได้

และที่สำคัญที่สุดก็คือการนั่งกรรมฐานนั้น เป็นการให้จิตซึ่งเป็นมิตรแท้ของเราได้มีโอกาสพักผ่อนด้วยนะ ทุกวันนี้คนเรามักเอาใจกาย ซึ่งเป็นมิตรเทียม แต่มิได้เอาใจจิตซึ่งเป็นมิตรแท้เลยนะ” หลวงพ่ออธิบายอย่างละเอียด