เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
     
  2. pops_eyes

    pops_eyes สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอถามบ้างนะคะ เคยแท้งบุตรได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เสมอ ไม่ทราบว่าเขาไปเกิดหรือยัง และทำไมตัวเองถึงใจร้อนจัง นั่งสนาธิก็จิตไม่นิ่งชอบคิดไปเรื่อย
     
  3. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ขอบคุณมากคับอยากให้ท่านไปเป็นเทวดามากกว่า

    ถ้าไม่ลำบากผมก้อสบายใจค้าบเรื่องทำบุญผมจัดให้ท่านหนักๆใหญ่ๆอยู่แล้วคับ

    ขอบพระคุณมากคับพี่

    คอมเม้นทายลักษณะ หน้าตาเกือบกลมประมาณรูปใบหน้าสามเหลี่ยม คางแหลมครับ สูงไม่มากนัก หน้าฝากเถิกเข้าไป ถูกต้องค้าบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2013
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==============

    ท่านมีภาระหน้าที่ของท่าน เมื่อท่านได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ท่านย่อมได้ไปเกิดเป็นเทวดา ครับ
    เพราะบุญที่คุณทำให้ มีกำลังมากครับ แสงสว่างกระจายเป็นวงกว้างมากครับ เกี่ยวกับพระพุทธรูปองค์หนึ่งครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  5. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    พี่ tjs ของจริงคับนักปฎิบัติของจริงคับ มายืนยัน ผมมิใช่หน้าม้าคับ

    รายละเอียดพ่อผมถูกเกือบ100เปอเซนต์ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคับพี่
     
  6. Pipat - P

    Pipat - P สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +11
    รบกวนสอบถามเพิ่มเติมเรื่อง การบูชาเทพ-ครูบาอาจารย์ ตามที่เคยแนะนำให้บูชาครับ เจ้าแม่กวนอิม ซือไท้กง ฮก ลก ซิ้ว และ ท่านพระพรหมสุวรรณ ไม่ทราบว่าต้องบูชาทั้งหมดหรือเลือกบูชาเพียงองค์เดียวครับ พระพรหมสุวรรณท่ารูปร่างหน้าเป็นเช่นไรครับ ก่อนหน้านี่ผมเคยฝันว่าไปกราบพระพุทธรูป แต่พอเงยหน้าขึ้นมองท่านกลับมีพระพักตร์ 4 พระพักตร์ ยังสงสัยว่าเป็นพระพรหมรึป่าว ขอบคุณครับ
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==========

    การบูชา ตอนนี้ผมแนะนำให้คุณทำตามกำลังก่อน คือด้วยการแค่ระลึกชื่อและลักษณะรูปร่างของท่านไว้ในใจแล้วบูชาท่าน เหมือนกับการไหว้พระ แต่ต้องบูชาพระรัตนตรัยก่อนครับ

    การบูชาเทพ ที่กระผมให้ความสำคัญรองลงมาจากพระรัตนตรัย เพราะ เทพมีบุญคุณความดีกับเรา จึงควรกตัญญุตาต่อท่านด้วยตอนนี้พร้อมสะดวกอย่างไรก็ทำอย่างนั้นไปก่อนไม่มีข้อจำกัดอะไรอยู่ที่จิตคุณครับ

    การบูชาเน้นที่จิตเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องวัตถุหรืออามิสบูชาไม่สำคัญแล้วแต่โอกาส ความสะดวกหรือความพร้อม ครับ
    การไหว้บูชาควรทำทุกวันเช้าก็ดีหรือก่อนนอนครับ
    หากว่างควรหาบทสวดมนต์สวดบูชาบ้างก็ดีครับ

    ส่วนท่านพระพรหมสุวรรณ นั้นท่านอยู่กับคุณมานานแล้ว ขอให้คุณเอ่ยชื่อแบบนี้ไปก่อน ส่วนชื่อเต็มๆของท่านและภูมิของท่านไม่อาจทราบได้ครับต้องรอเวลาสื่อกับท่าน กายทิพย์ท่านสีเหลืองทองสว่างมากครับ

    ขออนุโมทนาปกติ ท่าพระพรหม ท่านอยู่กับใครช่วยเหลือใคร เพราะท่านเมตตา แสดงว่ามีวาสนาร่วมกัน คนนั้นจะอยู่ในศีลธรรม การงานการเงินดี ชีวิตจะก้าวหน้าดีครับ การปฏิบัติธรรมก็จะก้าวหน้าเร็วด้วยครับ ท่านจะมาสอนตามภูมิของท่าน ทำให้ก้าวหน้าได้เร็ว แล้วเราก็ต่อด้วยหลักปฏิบัติของพระพุทธองค์ก็จะก้าวสู่ความบริสุทธิ์ทางจิตได้รวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งท่านจะได้ญาณในด้วยเป็นธรรมดาของสายนี้ครับ สาธุ
     
  8. ทางแยก

    ทางแยก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +24
    สวัสดีครับคุณ tjs
    ผมอยากขอรบกวนปรึกษาในเรื่องของการภาวนาครับ คือผมภาวนามาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว ด้วยอานาปานสติ
    ก็ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ แต่มีอยู่สองครั้ง ตอนที่บวช ที่รู้สึกว่ามีสติค่อนข้างแจ่มใส คือหลังจากที่ทำสมาธิไปได้ประมาณ 50 นาที
    ก็ออกไปเดินดูนั่นดูนี่ คือผมมีความรู้สึกว่า มองดูอะไรก็เพลินตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า ตอไม้ เสาไฟ แต่ไม่มีแสงสีอะไร
    ที่พิเศษปรากฏออกมา รู้แต่ว่ามองดูสิ่งต่างๆ แล้วรู้สึกเพลินดีเหลือเกิน แต่เป็นไม่นาน ครั้งแรกประมาณ 10-15 นาที
    ครั้งที่สองประมาณครึ่งชั่งโมง ไม่ทราบว่าใช่อาการของอุปจารสมาธิหรือเปล่าครับ

    ขอบคุณมากครับ
     
  9. Pipat - P

    Pipat - P สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 สิงหาคม 2013
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ปัญญาที่เกิดในจิตมีสามส่วนด้วยกันคือ

    1 สัญญาปัญญา เป็นปัญญาความรู้ที่จิตเคยรับมาประสพมารับมา อันเกิดจากการอ่านการศึกษาหรือการปฏิบัติก็ดี ในอดีตที่ผ่านมาสะสมอยู่ใน จิตของเรา

    2 ปัจจุบันนังปัญญา คือปัญญาที่เกิดในปัจจุบันขณะนั้น ที่เกิดรับรู้ในขณะนั้น จากการปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนาในขณะนั้นส่วนหนึ่ง คือสติและจิตที่ตามไปรู้สภาวะการเกิดขึ้นของเครื่องปรุงแต่งและวิ่งมากระทบจิต ทำให้จิตไหลไปตาม ทำให้เกิดปัญญาเห็นสัจจธรรมของการปรุงแต่งและเห็นไตรลักษณ์ หรือเกิดจากปฏิเวธคือผลจากการปฏิบัติให้ผลเกิดเป็นปัญญาเห็นแจ้ง ที่ปรากฏทำให้เห็น เกิดปัญญาละปล่อยวางได้นั่นเองครับ

    3 ผมเรียกว่าสามัญญะปัญญาเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นโดยธธรมชาติของจิตเอง ที่ไปสัมผัสเรื่องนั้นๆบ่อยๆครั้ง หรือที่เราทำอาการอย่างนั้นบ่อยๆจนเป็นปกติ ปัญญาจะเกิดขึ้นของมันเองด้วยจิต มันรู้ของมันเองครับ และในที่สุดเมื่อรู้แล้ว รู้บ่อยๆเรื่องเดิมๆรู้มากๆจนที่สุดก็ปล่อยวางได้เองแบบธรรมชาติของมันครับ

    จากปัญญาทั้งสามมีความสำคัญและจะต้องอาศัยผสมผสานกันมากน้อยแล้วแต่ แต่สิ่งสำคัญ คือประโยชน์ที่จะได้รับในแง่ของการรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆ จนเกิดความละปล่อยวาง เป็นจิตปัญญาที่ถึงพร้อมนั้นคือจิตปัญญาที่รู้จริงรู้แจ้งและปล่อยวางหมดสิ้นแล้วนั่นเอง เป็นจิตว่าง อยู่อย่างนั้นนั่นเองครับ สาธุ
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ช่วงนี้ขอพูดเรื่องจิตปัญญาต่อครับ ว่า ปัญญาที่เกิดกับจิตนั้น ยังสามารถแบ่งได้อีก3ส่วนดังนี้คือ
    1 ปัญญาในปริยัติ เพราะอาศัยการพูด ฟัง อ่าน เขียน การศึกษาตามตำราต่างๆหรือจากครูอาจารย์ที่อบรมสั่งสอน ทำให้เกิดปัญญา
    2 ปัญญาในปฏิบัติ เพราะอาศัยการปฏิบัติ จนเห็นสภาพความเป็นจริงต่างๆจนเกิดเป็นปัญญารู้จริงเพราะทำจริงปฏิบัติจริง
    3 ปัญญาในปฏิเวธ เพราะการปฏิบัติที่สั่งสมมามากพอจนตกผลึกให้ผลปรากฏออกมาจนเกิดปัญญารู้แจ้งในความจริงที่ปรากฏหรือที่ให้ผลแสดงออกมาอย่างนั้น

    จากปัญญาที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ปัญญาในปริยัตินั้น มีผลในการชำระจิตที่ไม่มากเพราะอาศัยแค่การรู้จดจำ แต่ปัญญาในข้อ2และ3นั้นเป็นไปเพื่อการฝึกอบรมจิตอย่างแท้จริง แต่กระนั้นปัญญาทั้งหลายก็ ล้วนเป็นสิ่งที่เราควรฝึกฝนสั่งสมสร้างให้เกิดกับจิตของตนให้มาก เพื่อความรู้จริงรู้แจ้งรู้ทันในทุกข์สุข การปรุงแต่งของจิต เพื่อความหลุดพ้นทุกข์เพื่อความละปล่อยวางหมดสิ้นเป็นผู้หลุดพ้นทุกข์ได้นั่นเองครับ สาธุ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    พระอรหันต์แบ่งได้ดังนี้
    แบ่งตามภูมิบารมีแห่งการตรัสรู้และหลุดพ้นทุกข์
    1.พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า คือผู้ตรัสรู้แล้วได้ก่อตั้งศาสนาพุทธ สามารถโปรดเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ตามได้
    2.พระปัจเจกพุทธเจ้า คือผู้ตรัสรู้แล้ว แต่ไม่ประกาศศาสนา ไม่มีสาวก เกิดขึ้นเฉพาะในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาเท่านั้น
    3.พระอรหันตสาวก คือสาวกผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ จากการปฏิบัติตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า


    พระอรหันต์ แบ่งตามการปฏิบัติ คือ
    1.วิปัสสนยานิก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน แล้วได้ฌานในภายหลัง
    2.สมถยานิก ผู้มีสมถะเป็นญาณ ผู้เจริญสมถะกรรมฐาน จนได้ฌานก่อนแล้ว จึงเจริญวิปัสสนาต่อ

    พระอรหันต์ แบ่งตามความสามารถคุณวิเศษทางจิตและปัญญา คือ
    1.สุกขวิปัสสโก (ไม่มีญาณวิเศษใดๆ นอกจากรู้การทำอาสวะให้สิ้นไป (อาสวักขยญาณ) อย่างเดียว) อานิสงค์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนาเพียงอย่างเดียว
    2.เตวิชโช (ผู้ได้วิชชา 3 คือบุพเพนิวาสานุสสติญาณ (รู้ระลึกชาติได้) จุตูปปาตญาณ (รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย)อันเป็นที่เกิดจากการเข้าใจในกฎแห่งกรรมอย่างแท้จริงจึงรู้เหตุการณ์ที่จะเป็นไปได้ทั้งสิ้น อาสวักขยญาณ (รู้ทำอาสวะให้สิ้น) อานิสงค์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนา และถือวัตรธุดงค์
    3.ฉฬภิญโญ (ผู้ได้อภิญญา 6 คือทิพฺพจักขุ ตาทิพย์ (คือฤทธิที่สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ใกล้ไกลได้ มีพระอนุรุทธะ เป็นเอกทัคคะ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านการมีตาทิพย์ คือสามารถมองเห็นโลกใบนี้ ราวกับ มองเม็ดมะขามป้อมบนฝ่ามือ) ทิพยโสต หูทิพย์อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ (โดยเฉพาะมโนมยิทธิการแยกร่างและจิต เป็นฤทธิที่แสดงได้เฉพาะพระอรหันต์ประเภทฉฬภิญโญเท่านั้น ) เจโตปริยญาณ (ทายใจผู้อื่นได้) บุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ระลึกชาติได้ ) และอาสวักขยะญาณ (ญานที่ทำให้อาสวะสิ้นไป) อานิสงค์จากการปฏิบัติวิปัสสนาและเจริญสมาธิจนได้ฌานสมาปัตติ
    4.ปฏิสัมภิทัปปัตโต (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4) คือแตกฉานในความรู้อันยิ่ง 4 ประการ ได้แก่ อัตถปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในอรรถ ธัมมะปฏิสัมภิทาความแตกฉานในธรรม นิรุตติปฏิสัมภิทาความแตกฉานในภาษา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในปฏิภาณไหวพริบ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    จากที่ได้กล่าวเรื่อง ปัญญา เพื่อความหลุดพ้น และกล่าวถึงประเภทของพระอรหันต์ จากตรงนี้ เรายังสามารถกล่าวได้ว่า ความหลุดพ้นหรือการวิมุตติของพระอรหันต์ทั้งปวงนั้น ย่อมอาศัย ปัญญาและจิต อันมีลักษณะสองประการดังนี้คือ

    1 เจโตวิมุตติ คืออาศัยจิตที่ผ่านการฝึกอบรมมามาก เจริญสติ สมาธิ ปัญญามามากเมื่อครั้งอดีตกาล จนมีผลทำให้จิต ละกิเลสได้มากแล้ว เป็นจิตที่มีกำลังในการดับละกิเลสได้มากแล้ว เมื่อมาในชาติปัจจุบัน ได้สั่งสมบารมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น มีการเจริญสติปัญญาในด้านอื่นๆประกอบเพื่อละกิเลสส่วนที่เหลือ จึงทำให้จิต มีกำลังมาก สามารถละปล่อยวางได้หมดสิ้น เกิดวิมุตติหลุดพ้นตัดสิ้นในอาสวะได้นั่นเอง

    2 ปัญญาวิมุตติ คืออาศัยจิตที่ผ่านการสั่งสม การทำบุญทานมามาก ประกอบกับการทรงอธิศีลบริสุทธิ์ แต่จิตยังขาดปัญญารู้แจ้งหลุดพ้น คือไม่ได้อบรมจิตมาเหมือนอย่างข้อ1 ครั้นมาในชาติสุดท้าย จึงอาศัยการฝึกฝนด้านปัญญาให้มาก คือเรียนรู้มาก ศึกษามาก และมีความเพียร ฝึกสติปัญญามาก จนมีผลทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งละกิเลสได้มาก จนในที่สุดจิตมีปัญญามากมายเป็นที่สุดถึงพร้อมในความรู้แจ้งหลุดพ้นทุกข์ ละกิเลสส่วนที่เหลือได้ทั้งหมด สามารถละปล่อยวางได้หมดสิ้น เกิดเป็นวิมุติหลุดพ้นได้นั่นเอง

    สุดท้ายกระผมเจริญสมาธิเมื่อคืนจึงรู้เห็นว่า แท้จริงแล้ว พระอรหันต์ทั้งหลายก็ล้วนต้องอาศัยทั้งเจโตวิมุตติและปัญญาวิมุตติประกอบทั้งนั้น
    แต่จะเป็นแบบมีเจโตวิมุตติมากกว่าปัญญาวิมุตติมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับภูมิวาสนาบารมีเดิมในอดีตชาติที่สั่งสมไว้เป็นส่วนสนับสนุน อย่างพระอรหันต์ที่เป็นชนิด สุขวิปัสสะโก นั้น ท่านไม่ได้เจริญสมาธิฌาณวิปัสสนามา หรือทำมาน้อยมาก เจโตวิมุตติ ของท่านจึงมีกำลังน้อย แต่ท่านก็อาศัย บุญทาน ศีล ที่ดีพร้อมเป็นบาทฐาน และมีความเพียรในการฝึกปัญญา จนในที่สุด ท่านก็สามารถสร้างปัญญาให้เกิดแก่จิตเป็นปัญญาวิมุตติหลุดพ้นได้สำเร็จนั้นเองครับ หรืออย่างตรงกันข้ามพระอรหันต์แบบเตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ส่วนนี้ท่านจึงผ่านการสั่งสมฝึกอบรมจิตมามาก ผ่านการเจริญสติ สมาธิฌาณ สมถะและวิปัสสนามามาก จนจิตละกิเลสได้มาก มาก่อนแล้ว เพราะรู้แจ้งในธรรมชาติของจิตมากแล้ว มาในชาติสุดท้ายก็มาเสริมสมาธิของตนเสริมปัญญาของตนส่วนที่ยังบกพร่องอยู่ให้บริบูรณ์ และเมื่อความเพียรถึงพร้อมในที่สุด จิตก็เข้าสู่ความหลุดพ้นเพราะอาศัยเจโตวิมุตติที่มีกำลังมาก ตัดขาดสิ้นในอาสวะ หลุดพ้นทุกข์สำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้นั่นเองครับ สาธุ
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อภิญญาเกิดได้ด้วยอะไร อภิญญาเกิดได้ด้วยกำลังของสมาธิ และกำลังจิตที่ประสานร่วมกัน

    ความเสื่อมในอภิญญาเกิดได้อย่างไร ตอบตามเหตุปัจจัยก็ต้องตอบว่า เสื่อมได้เพราะ กำลังของสมาธิและกำลังจิตเสื่อมถอยลงไป

    ความเสื่อมของกำลังสมาธิ เสื่อมถอยลงได้อย่างไร ขอตอบว่า ก็เพราะ ทาน ศีล ภาวนาเสื่อมถอยลงไป มีนิวรณ์เป็นต้น และศีลไม่บริสุทธิ์เป็นต้น แม้การไม่ทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง ทำๆหยุดๆ สมาธิก็เสื่อมเช่นกัน ยังมีอีกหลายปัจจัย

    กำลังจิตเสื่อมถอยลงได้อย่างไร ก็เพราะมีกำลังของเครื่องปรุงแต่งฉาบทาให้หมกหมุ่นอยู่ในกิเลสกามราคะ นั่นเองเป็นต้น ทำให้กำลังจิตอ่อนกำลังลง หรือเช่นเพราะจิตหมกมุ้่นในการเสพกามราคะ จิตยึดติดไม่ปล่อยวาง เมื่อทำสมาธิ จิตจึงไม่มีกำลัง เพราะยังยึดติดอยู่ในกามสังวาสนั่นเอง

    อภิญญาเกิดได้ด้วยเหตุปัจจัยคือกำลังของสมาธิและกำลังของจิต ดังนั้นหากจะเสื่อมก็ต้องเสื่อมเพราะสมาธิและจิตที่เสื่อมถอยลง

    ดังนั้นการทรงอภิญญาจึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัย ทาน ศีล สมาธิ และจิตที่ตัดละกิเลสได้มาก หากสำเร็จอภิญญา6ได้แล้วก็จบกันครับ เพราะตัดละอาสวะกิเลสได้หมดแล้ว กำลังสมาธิและกำลังจิตท่านพระอริยะเหล่านั้นทรงตัวแล้วและไม่กลับไปเสพกิเลสอะไรแล้ว นั่นเองจึงเป็นของแท้ไม่เสื่อมอีกแล้วครับ สาธุ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ================

    เป็นอาการของจิต ที่เสวยปิติสุข เป็นอารมณ์ต่อเนื่องจากอุปจารสมาธิหรือระดับฌาณ นั่นเองครับ พึงจดจำอารมณ์เหล่านั้นไว้ และพิจารณาว่า ขณะนั้นเรามีการทรงสมาธิเกิดขึ้นได้อย่างไร ให้ทบทวนและพยายามฝึกให้ได้ดังเดิมนะครับ ผมเชื่อว่าเมื่อเราเคยทำได้ จะทำใหม่ให้ได้เหมือนเดิม ไม่ยากเกินความสามารถครับ ขอเอาใจช่วยครับ

    เมื่อฝึกได้แล้วให้เจริญสติควบคู่ไปด้วยนะครับเพื่อฝึกวิปัสสนาสร้างปัญญาต่อนะครับ สาธุ
     
  16. ทางแยก

    ทางแยก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +24
    ขอบคุณมากครับ คุณ tjs สำหรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
    และขออนุโมทนา สาธุ ในกุศลผลบุญด้วยนะครับ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    สำหรับการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นทุกข์หรือเพื่อพระอรหันต์ หรือเพื่อพระนิพพานนั้น

    ขออธิบายว่า
    การปฏิบัติเรามีจุดเริ่มต้น เหมือนกัน คือ
    1เริ่มต้นด้วยการฝึกสติและสมาธิ
    2การปฏิบัติในท่ามกลางนั้นจะต่างกัน มีหลากหลายวิธี ตามที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวแสดงไว้ แต่เหล่าพระสาวกก็พยายามคักเลือกสรรหานานาวิธี มาช่วยสั่งสอนเพื่อให้พวกเราได้เลือกปฏิบัติได้ง่ายๆถูกกับจริตของตนเพื่อความก้าวหน้ารวดเร็ว และ
    3สุดท้ายปลายทางแห่งการปฏิบัติย่อมมีสภาวะที่เหมือนกันคือสภาวะของจิตที่จะต้องตัดละอารมณ์ความนึกคิด รูปนามหรือขันธ์5 หรืออาสวะกิเลสให้หมดไป รักษาจิตให้ว่างไว้เป็นปกติจิต เป็นอย่างนี้เสมอครับ

    หากท่านเข้าใจคำว่าพระนิพพานแล้ว แน่นอน ท่านย่อมหาหนทางและวิธีการเพื่อให้ได้หรือไปถึงได้ไม่ยาก เพราะเมื่อท่านรู้แล้ว ว่าปลายทางหมายถึงอะไร รู้ที่หมายแล้ว ดังนั้นท่านก็จะพยายามทำเหตุปัจจัยให้สอดคล้องกัน เมื่อท่านทำเหตุปัจจัยให้สอดคล้องกับผลหรือเป้าหมายที่ท่านทราบอยู่แล้ว ด้วยความเพียร ไม่วิธีใดวิธีหนึ่ง ก็ย่อมสำเร็จได้ครับ สาธุ
    อุปมาดั่งเราหาก ต้องการกุหลาบสีเหลือง เราก็ต้องรู้จักคัดเอาเมล็ดพันธ์ของกุหลาบสีเหลืองเท่านั้น นำมาปลูกและรู้จักวิธีการปลูกการดูแลรักษา การควบคุม ที่ดี สุดท้าย ด้วยความเพียรเราก็ย่อมได้ กุหลาบสีเหลืองอีกหลายดอกตามที่ต้องการครับ สาธุ
     
  18. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    พี่คับผมรบกวนพี่สื่อถึงพ่อผมหน่อยได้ไหมคับอีกสักครั้ง

    ฝากบอกว่าป๋ายังมีไรค้างคาอีกไหมไม่ต้องห่วงทางนี้ผมจะดูแลแม่กับน้องให้ดีที่สุดปีหน้า

    ผมจะบวชพระให้

    ช่วงนี้ต้องทำงานเก็บเงินก่อนและยังอยากให้ทำบุญอะไรให้ผมจะรีบไปทำให้อีก

    ผมอยากได้คำตอบจากท่านโดยตรงอะคับ

    ขอบพระคุณมากครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคับ

    พระพุทธรูปที่ให้ท่านดูก่อนสิ้นลมก็คือหลวงพ่อโสธรครับผม
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===========

    อนุโมทนาครับ

    เรื่องสื่อกับท่านผมจะลองสื่อให้คืนนี้นะครับ พรุ่งนี้จะแจ้งให้ทราบครับ
     
  20. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ขอบคุณมากคับพี่ ขอความอนุเคราะห์ด้วยคับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...