รวมข่าวสารการปิดกิจการของบริษัทต่างๆเพื่อประเมิน....

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย greatmans, 16 สิงหาคม 2007.

  1. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    ประกันสังคมกร้าวไม่เจรจา ไม่สน 112 รพ.เอกชนถอนตัวจากระบบ

    ประธานบอร์ด สปส.กร้าว เผยเป็นสิทธิที่โรงพยาบาล 112 แห่ง ไม่เซ็นสัญญาให้บริการผู้ประกันตนต่อกับสำนักงานประกันสังคม ในปี 2551 ลั่นไม่ขอเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมมั่นใจผู้ประกันตนไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีโรงพยาบาลรองรับหลายพันแห่ง และจะหาข้อสรุปค่าเหมาจ่ายรายหัว ในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้

    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000133077

    นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม หรือบอร์ด สปส. กล่าวถึงกรณีที่ชมรมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อการพัฒนาระบบบริการประกันสังคม 112 แห่ง จะไม่ต่อสัญญากับกองทุนเงินทดแทนสำนักงานกองทุนประกันสังคม เพื่อรักษาผู้ประกันตนในปี 2551 เนื่องจากสัญญาไม่เป็นธรรมว่า หากโรงพยาบาลดังกล่าวไม่ต้องเซ็นสัญญาก็ถือเป็นสิทธิ และจะไม่ขอเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากทางโรงพยาบาลได้ประกาศมาแล้ว ทั้งนี้มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อการบริการของผู้ประกันตน เพราะได้หารือกับโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีหลายพันแห่งรองรับการบริการผู้ประกันตน

    อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้จะมีการประชุมบอร์ดประกันสังคมเพื่อหาข้อสรุปว่าจะให้ค่ารักษาพยาบาลรายหัวจำนวนเท่าใด เนื่องจากใกล้สิ้นสุดสัญญาแล้ว รวมถึงที่ผ่านมาได้ย้ำแล้วว่า ในปีหน้าต้องขึ้นค่ารักษาพยาบาลให้สอดรับกับค่าครองชีพ

    ประธานบอร์ด สปส.กล่าวด้วยว่า กรณีที่ระบุว่าสัญญาไม่เป็นธรรม โดยเปลี่ยนจาก 2 ปี เป็นทำครั้งเดียวและมีผลตลอดไป เนื่องจากความสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งหากไม่เป็นธรรมจริงก็ควรเข้ามาเจรจา ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการร้องเรียนถึงเรื่องดังกล่าว
     
  2. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - โรงงานตัดเย็บรองเท้าส่งออกที่ลำปลายมาศ และชำนิ บุรีรัมย์ จะปิดกิจการอีก 2 แห่ง ลอยแพเพิ่มอีกกว่า 840 คนในปลาย พ.ย.นี้ หลังได้รับผลกระทบจากพิษเงินบาทแข็งค่า

    นายสุทธิ สุโกศล จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า สำนักงานจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เตรียมจัดหาตำแหน่งงานว่างไว้รองรับแรงงาน ที่จะถูกเลิกจ้าง หรือลาออกจากโรงงานตัดเย็บรองเท้าส่งออกของบริษัท บุรีรัมย์ยูเนียนชู จำกัด ที่ ต.ละลวด อ.ชำนิ 436 คน และโรงงานที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ อีก 408 คน รวมกว่า 840 คน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และครบกำหนดเลิกจ้างในวันที่ 24 พ.ย.นี้

    จึงขอให้แรงงานดังกล่าวที่จะถูกเลิกล้างมาลงทะเบียนขอรับสิทธิประโยชน์ประกันการว่างงาน จากสำนักงานประกันสังคมจังหวัด และขึ้นทะเบียนสมัครงานที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้เตรียมตำแหน่งงานไว้รองรับกว่า 1,000 ตำแหน่ง

    ขณะนี้ได้มีแรงงานบางส่วนทยอยมาลงทะเบียนไว้แล้วกว่า 100 ราย ทางจัดหางานฯจะได้ทยอยบรรจุงานตามตำแหน่งงานว่าง ที่โรงงาน สถานประกอบการทั้งในและต่างจังหวัด ตามความต้องการของแรงงาน โดยในเบื้องต้นทางบริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ที่ประกอบกิจการตัดเย็บเพื่อส่งออก ได้แจ้งจะรับแรงงานที่ถูกเลิกจ้างทั้งหมดเข้าทำงานในโรงงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับแรงงานดังกล่าวแล้ว

    นายสุทธิ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาหลังเกิดภาวะเงินบาทแข็งค่า จ.บุรีรัมย์ได้มีโรงงานตัดเย็บรองเท้าปิดกิจการไปแล้ว 2 แห่งที่ อ.พุทไธสง และจะปิดเพิ่มอีก 2 แห่งในปลายเดือนนี้ที่ อ.ชำนิ และ อ.ลำปลายมาศ มีแรงงานได้รับผลกระทบถูกเลิกจ้างกว่า 2,000 คน โดยจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ได้เข้าไปให้การช่วยเหลือจัดหาตำแหน่งงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แรงงานดังกล่าวได้เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะผู้พิการและผู้สูงอายุจะได้รับการดูแลด้านการบรรจุงานเป็นพิเศษ

    http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000133705
     
  3. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 :โฟสต์ทูเดย์
    ดอลลาร์ สกุลเงินมรณะ


    สถานการณ์เงินเหรียญสหรัฐย่ำแย่ลงทุกที ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ไม่เพียงสกุลเงินชั้นแนวหน้าของโลกสกุลนี้จะอ่อนค่าอย่างไร้ วี่แววว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งเท่านั้น


    แต่ยังเริ่มเผชิญกับกระแสด้านลบอื่นๆ อันเป็นสัญญาณว่าชาวโลกกำลังเริ่มผละหนีจากเงินสกุลนี้ เพราะไม่อาจทนกับการอ่อนค่าที่สร้างความบอบช้ำให้ทั้งระบบเศรษฐกิจมหภาค และผลประกอบการของภาคธุรกิจที่อิงกับเงินเหรียญสหรัฐได้ไหว

    ไม่ต้องมองไกล เมื่อเทียบความเคลื่อนไหวของเงินเหรียญสหรัฐกับเงินสกุลหลักของโลกแล้ว ล้วนเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่น่าอภิรมย์ทั้งสิ้น ไล่เรียงตั้งแต่เงิน ยูโร ที่แข็งค่าต่อเงินเหรียญสหรัฐในระดับ 147 จุด เงินเหรียญแคนาดาแตะ 110 จุด เงินปอนด์สเตอร์ลิงสูงถึง 211 จุด เงินเหรียญออสเตรเลียที่ 94 จุด

    นี่เป็นการประเมินผ่านดัชนีเงินเหรียญสหรัฐ (USDX) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินเมืองลุงแซมโดยอิงกับตะกร้าเงินตราต่างประเทศสกุลต่างๆ ดังที่ระบุไว้ข้างต้นมีค่าเต็มที่ 100.00 จุด

    ขณะนี้เงินเหรียญสหรัฐเคลื่อนไหวที่ระหว่าง 76-78 จุด ซึ่งหมายความว่า ค่าของเงินกำลังอ่อนยวบถึงขั้นย่ำแย่

    เฉพาะในส่วนของเงินเยนเองก็เข้าขั้นที่รับไว้ไม่อยู่เหมือนกัน หากเงินเยนแข็งค่าต่อเงินเหรียญสหรัฐไปถึง 100 เยน ภายในสิ้นปีหน้าตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

    สัญญาณไม่ดีเริ่มก่อตัวรอบๆ เงินเหรียญ สหรัฐตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เมื่อสกุลเงินนี้เริ่มแสดงอาการไม่ดีพร้อมๆ กับราคาน้ำมันที่เริ่มถีบตัวสูงขึ้น สถานการณ์รุนแรงจนถึงขั้นที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าแรก ที่เสนอแผนลดสัดส่วนการถือครองเงินเหรียญสหรัฐในทุนสำรอง

    เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะจีนเป็นประเทศที่มีทุนสำรองสูงที่สุดในโลก

    เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อไม่นานมานี้จีนเริ่มงัดไม้เดิมมาใช้อีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพียงภาครัฐเท่านั้นที่สนองแผนจากส่วนบน แม้แต่ภาคเอกชนก็ยังจี้ให้ภาครัฐเร่งหั่นสัดส่วนเงินเหรียญสหรัฐในทุนสำรองโดยเร็ว

    เพราะภาวะอ่อนค่าของเงินสกุลนี้ยิ่งทำให้จีนสูญเสียผลประโยชน์

    ที่แย่กว่านั้นไม่ใช่เพียงจีนประเทศเดียวเสียแล้วที่ตีตัวออกห่าง

    เพราะแม้แต่ยุโรปก็เริ่มคิดที่จะลดสัดส่วนการลงทุนในรูปเงินเหรียญสหรัฐ

    เศรษฐีน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลางที่จงรักภักดีกับเงินเหรียญสหรัฐมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ ยังเคยคิดที่จะทำเช่นนั้นบ้าง โดยมีข่าวแย้มออกมาในช่วงหลังเดือน ก.ย. แต่ก็เงียบหายไป

    ท้ายสัปดาห์นี้ นักลงทุนตื่นตระหนกพอสมควรกับการที่ นิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส (ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป) ประกาศกลางสภาคองเกรสของสหรัฐว่า หากสหรัฐยังปล่อยให้เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าต่อไป ก็อาจกลายเป็นชนวนให้เกิดสงครามเศรษฐกิจ

    นับเป็นการลั่นกลองรบในสมรภูมิเงินตราต่างประเทศอย่างเห็นได้ชัด

    เพราะแต่ไหนแต่ไร ซาร์โกซี เป็นปากเป็นเสียงให้เงินยูโรที่กำลังแข็งค่าพอๆ กับเงินเยนมาตลอด

    ผิดกับ แองเจลา แมร์เกิล ผู้นำเยอรมนี (ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป) ที่ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความเคลื่อนไหวที่น่ากังวลของเงินยูโร

    คำเตือนของผู้นำเมืองน้ำหอมออกมาประจวบเหมาะทีเดียวกับที่รัฐบาลจีนแย้มแผนการอย่างไม่เป็นทางการที่จะหลีกเลี่ยงสกุลเงินอ่อน และหันเข้าหาเงินสกุลแข็ง

    แม้จะไม่เอ่ยถึงเงินสกุลใดสกุลหนึ่งโดยตรง แต่ทุกคนทราบดีว่าคือเงินสกุลใด

    นี่แค่เพียงภาครัฐเท่านั้น ภาคธุรกิจเองก็ยังเตรียมสละ “ดอลลาร์นาวี”

    โดยเฉพาะสถาบันการเงินชั้นแนวหน้าทั่วโลกที่กำลังเทขายหลักทรัพย์ในรูปของเงินเหรียญสหรัฐ ด้วยหวังที่จะจำกัดวงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการอ่อนค่า

    แม้ว่าสถาบันการเงินเหล่านี้จะปาดเหงื่อกันขนานใหญ่ เพราะคงยากที่จะหาเงินสกุลอื่นมาแทนที่เงินเหรียญสหรัฐ

    แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายลงทุกที

    เหตุผลเบื้องหลังของวิกฤตการณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นไม่เพียงมาจากปัญหาขั้นพื้นฐานอย่างความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาวะขาดดุลในระดับมหาศาล หรือการทุ่มงบประมาณไปกับการลงทุนในสิ่งที่ปราศจากผลกำไรอย่างสิ้นเชิงอย่างการทำสงครามเท่านั้น (ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ทำให้สหรัฐกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีเศรษฐกิจที่อ่อนแอที่สุด)

    ตัวการที่ทำให้สถานการณ์ของเงินเหรียญสหรัฐยิ่งย่ำแย่ลงยังมาจากการยืนยันแบบกระต่ายขาเดียวของผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลสหรัฐด้วย ไล่มาตั้งแต่ เบน เบอร์แนนคี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุต่อสภาคองเกรสว่า

    “สถานการณ์ของเงินเหรียญสหรัฐนับว่าสมเหตุสมผลในระยะกลาง”

    คำกล่าวนี้พอเทียบกันได้กับการยืนยันหลายต่อครั้งของ เฮนรี พอลสัน ขุนคลังสหรัฐที่ย้ำว่า

    “การแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐถือเป็นผลประโยชน์ของชาติ”

    ขณะที่อีกหลายคนไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ สถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ นักลงทุน ล้วนเห็นแนวโน้มที่น่าหวั่นใจของเงินสกุลนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

    กระนั้นก็น่าจะมีไม่กี่คนที่ยังมองเห็นแนวโน้มด้านบวกของเงินเหรียญสหรัฐ

    ไม่กี่คนที่ว่านั้นก็กระจุกตัวอยู่ในกรุงวอชิงตันนั่นเอง และบวกกับนักลงทุนอีกไม่กี่รายที่ยังเชื่อมั่นว่าเงินเหรียญสหรัฐยังครองตลาดได้อยู่

    หนึ่งในนั้นคือ สตีเฟน รอช ประธาน บริษัท มอร์แกน สแตนเลย์ เอเชีย ที่กล้าสวนกระแส ความวิตก โดยยืนยันว่า ยังไงๆ เงินเหรียญสหรัฐ จะยังครองความเป็นเจ้าตลาดไปอีกอย่างน้อย 15-20 ปี

    หากทว่าแม้จะกล่าวยืนยันถึงขนาดนี้แล้ว รอช เองก็ยังยอมรับว่า เงินเยน เงินยูโร เงินปอนด์สเตอร์ลิง และเงินฟรังก์สวิสเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในฐานะสกุลเงินที่จะเข้ามาแทนที่เงินเหรียญสหรัฐ

    ยิ่งกว่านั้น เจ้าตัวยังยอมรับว่า นักลงทุน “เพียงแต่” เริ่มตีตัวออกห่างเงินเหรียญสหรัฐ เนื่องจากกระแสวิตกเกี่ยวกับปัญหาบัญชีเดินสะพัดที่เคยสูงถึง 1.97 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6.5 ล้านล้านบาท) เมื่อช่วงไตรมาสแรกของปี

    ไม่แปลกที่แม้แต่กูรูผู้แข็งแกร่งก็ต้องหวั่นไหวกันได้ ในช่วงเวลาที่เงินเหรียญสหรัฐเข้าสู่ “โซนมรณะ”...
    เกือบค่อนตัวแล้ว
     
  4. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    <TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=0 cellPadding=5 width=620 border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#b3d9ff>
    ราคาน้ำมัน ในเขตกทม.,นนทบุรี,ปทุมธานีและสมุทรปราการ ประจำวันที่ 10 พฤศจิกายน 2550
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=0 cellPadding=5 width=620 border=1><TBODY><TR borderColor=#ffffff bgColor=#2700c4><TD width=108>
    รายการ
    </TD><TD width=104>
    เบนซิน 91
    </TD><TD width=104>
    เบนซิน 95
    </TD><TD width=110>
    ดีเซลหมุนเร็ว
    </TD><TD width=132>
    แก๊สโซฮอล์ออกเทน 95
    </TD></TR><TR borderColor=#ffffff bgColor=#f2f2f2><TD width=108 bgColor=#f2f2f2 height=63>
    [​IMG]
    </TD><TD width=104 height=63>
    30.39
    </TD><TD width=104 height=63>
    31.19
    </TD><TD width=110 height=63>
    28.14
    </TD><TD width=132 height=63>
    27.69
    </TD></TR><TR borderColor=#ffffff bgColor=#f2f2f2><TD width=108 bgColor=#f2f2f2 height=62>
    [​IMG]
    </TD><TD width=104>
    30.39
    </TD><TD width=104>
    31.69
    </TD><TD width=110>
    28.14
    </TD><TD width=132>
    27.69
    </TD></TR><TR borderColor=#ffffff bgColor=#f2f2f2><TD width=108 bgColor=#f2f2f2 height=61>
    [​IMG]
    </TD><TD width=104>
    30.39
    </TD><TD width=104>
    31.19
    </TD><TD width=110>
    28.14
    </TD><TD width=132>
    27.69
    </TD></TR><TR borderColor=#ffffff bgColor=#f2f2f2><TD width=108 bgColor=#f2f2f2 height=64>
    [​IMG]
    </TD><TD width=104>
    30.39
    </TD><TD width=104>
    31.69
    </TD><TD width=110>
    28.14
    </TD><TD width=132>
    27.69
    </TD></TR><TR borderColor=#ffffff bgColor=#f2f2f2><TD width=108 bgColor=#f2f2f2 height=58>
    [​IMG]
    </TD><TD width=104>
    30.39
    </TD><TD width=104>
    31.19
    </TD><TD width=110>
    28.14
    </TD><TD width=132>
    27.69
    </TD></TR><TR borderColor=#ffffff bgColor=#f2f2f2><TD width=108 bgColor=#f2f2f2 height=66>
    [​IMG]
    </TD><TD width=104>
    30.39
    </TD><TD width=104>
    31.19
    </TD><TD width=110>
    28.14
    </TD><TD width=132>
    27.69
    </TD></TR><TR borderColor=#ffffff bgColor=#f2f2f2><TD width=108 bgColor=#f2f2f2 height=57>
    [​IMG]
    </TD><TD width=104>
    30.39
    </TD><TD width=104>
    31.69
    </TD><TD width=110>
    28.14
    </TD><TD width=132>
    27.69
    </TD></TR><TR borderColor=#ffffff bgColor=#f2f2f2><TD width=108 bgColor=#f2f2f2>
    [​IMG]
    </TD><TD width=104>
    30.39
    </TD><TD width=104>
    31.19
    </TD><TD width=110>
    28.14
    </TD><TD width=132>
    27.69
    </TD></TR><TR borderColor=#ffffff bgColor=#f2f2f2><TD width=108 bgColor=#f2f2f2 height=60>
    [​IMG]
    </TD><TD width=104>
    30.39
    </TD><TD width=104>
    31.19
    </TD><TD width=110>
    28.14
    </TD><TD width=132>
    27.69
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=600 border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#000000>
    ที่มา : สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    หุ้นสิงคโปร์ดิ่งวิตกซับไพร์ม



    สิงคโปร์ - หุ้นสิงคโปร์ปิดตลาดดิ่งลง 2.46% ตามตลาดอื่นในภูมิภาคท่ามกลางความวิตกว่าวิกฤตสินเชื่อซับไพร์มในสหรัฐจะลามไปยังส่วนอื่นของโลก

    http://www.bangkokbiznews.com/nws/scripts/hotnewskt.php?lang=th&newsid=290013&type=ktbu

    12 พฤศจิกายน 2550 เวลา 17:23:30

    เริ่มส่งผลเหมือนต้มยำกุ้งแล้วครับ แต่ยังไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง คงรอสักพักครับ คงจะเริ่มสำแดงอิทธิฤทธิ์
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ดูช่วงปลายปี เทศกาลวันหยุดยาวของชาวอเมริกันครับ หากกำลังซื้อถดถอยรุนแรง การจำหน่ายและการผลิตจ้างงานทั่วโลกก็จะลดต่ำลงเป็นโดมิโนไปด้วยครับ บ.ส่งออกต่างๆทั่วโลกจะอยู่หรือไปก็ช่วงนี้ครับ
     
  7. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    ยุ่งแน่...ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐกับจีนนัดกัน'เดี้ยง'ปีหน้า...

    17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 00:00:00

    ปีใหม่ 2008 ที่กำลังย่างเข้ามานี้ คนไทยต้องเตรียม "รัดเข็มขัดให้แน่น" ทีเดียวครับ เพราะน่าเชื่อได้จากข้อมูลและบทวิเคราะห์มากมายหลายด้าน ว่า "ภาวะลมฟ้าอากาศแปรปรวน" จะระบาดค่อนข้างกว้างขวาง

    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : หากประมาท ไม่ยอมตระเตรียมตัวสำหรับข่าวร้ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาจจะเกิดการบาดเจ็บที่เยียวยาได้ยากก็ได้

    อย่าหาว่าหล่อไม่เตือนก็แล้วกัน

    อาการของยักษ์ใหญ่สหรัฐในปีใหม่นี้ไม่ค่อยจะน่าสบายใจนัก นักวิเคราะห์วิจารณ์หลายค่ายบอกผมว่า เศรษฐกิจปีหน้าของสหรัฐจะแย่กว่าปีนี้อีก...และเรื่องของการเจ๊งจาก sub-prime loans ที่เป็นข่าวมาหลายเดือนแล้วนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสาเหตุที่จะก่อให้เกิดอาการเดี้ยงทางเศรษฐกิจของอเมริกาเท่านั้น

    ที่ทำให้ต้องเตรียมตัวเตรียมใจมากขึ้น ก็เพราะสัญญาณของเศรษฐกิจจีนที่เป็นยักษ์อีกตัวนั้น ก็ทำท่าว่าจะไม่ค่อยสวยนัก เผลอๆ จะเกิดอาการป่วยไข้ที่ต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วนได้

    ปัญหาใหญ่ของจีนที่กำลังปรากฏตัวขึ้นชัดขึ้นทุกที คือเรื่องเงินเฟ้ออันเกิดจาก "ฟองสบู่" ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลาดหุ้นและล่าสุด คือการขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกของจีนอันเกิดจากการก้าวกระโดดของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

    ตัวเลขทางการจีน บอกว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 6.5 ซึ่งก็สูงอยู่แล้ว แต่ยังมีคนที่เขาติดตามข่าวสารของจีนใกล้ชิดบอกว่า ตัวเลขจริงๆ อาจจะสูงกว่านี้ก็ได้

    ภาพที่น่ากลัวคือถ้าหากจีนไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าระห่ำของแรงงาน วัตถุดิบ พลังงาน และเครื่องไม้เครื่องมือการผลิตทั้งหลาย สิ่งที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือราคาข้าวของที่สูงขึ้นอย่างนอกเหนือการควบคุม

    หากเกิดอย่างนี้จริง ปรากฏการณ์ "เครื่องบินโหม่งโลก" ที่เรียกว่า hard landing ก็จะเกิดขึ้น และนั่นย่อมแปลว่า เศรษฐกิจของส่วนอื่นๆ ของโลกที่ยิ่งวันก็ยิ่งเกี่ยวพันกับจีน จะได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง

    แม้ว่า hard landing จะไม่ร้ายแรงเท่ากับ crash landing (อย่างแรกคือการที่เครื่องบินร่อนลงอย่างแรง หากผู้โดยสารไม่ระวังตัวหรือไม่รัดเข็มขัดนิรภัยให้แน่น อาจจะถูกกระแทกหนักและแรงจนบาดเจ็บ แต่อย่างหลังนั้นเป็นการเอาหัวโหม่งพื้นดิน ไม่มีจังหวะของการป้องกันการบาดเจ็บได้เท่าไรนัก...สำหรับผู้โดยสารส่วนใหญ่แล้ว ถือว่าเป็นตายเท่ากัน) แต่ก็จำเป็นจะต้องรู้ว่า ความเสี่ยงกับความหายนะนั้นมีสูงมาก

    เหตุหนึ่งที่ทำให้คนเป็นห่วงอัตราเงินเฟ้อของจีน ก็เป็นเพราะความสำเร็จอย่างสูงยิ่งของการส่งออกของจีน และนั่นย่อมหมายถึงการที่มีเงินออกมาใช้ในตลาดมากขึ้น ซึ่งแปลต่อไปว่าเงินจำนวนมากไล่ซื้อสินค้าที่มีน้อย ผลก็คือการดันราคาข้าวของในตลาดให้สูงขึ้นเกินกว่าความสามารถใช้จ่ายของประชาชน

    เพราะช่องว่างของความรวยกับความจนมีสูงขึ้น ก็ยิ่งทำให้ชนชั้นกลางอยู่ในฐานะต้องรับภาระหนักหน่วงที่ตามมากับ "ฟองสบู่"

    ในเศรษฐกิจฟองสบู่นั้น คนรวยระดับบนยื้อแย่งเอาโอกาสทำเงินทำทองไปก่อนแล้ว ปล่อยให้ชนชั้นกลางและชั้นล่างไล่ตามมาทีหลัง แต่ไปถึงชนชั้นกลางฟองสบู่ก็แตกเสียก่อน ทำให้คนจำนวนหนึ่งที่อยู่ข้างบน "ล้มบนฟูก" แต่ชนชั้นกลางและล่างส่วนใหญ่ มีอันต้องโดนกระทบกระเทือนอย่างหนัก

    เพราะเศรษฐกิจของจีนใหญ่ขึ้นอย่างมาก (ปีหน้า จีน จะแซงหน้าเยอรมนีในฐานะเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกตามหลังอเมริกาและญี่ปุ่นเท่านั้น) หากจีนเกิดปัญหา hard landing ทางเศรษฐกิจ ผลร้ายจะกระจายกว้างไกล เพราะตอนนี้จีนเป็นตลาดหมายเลข 1 ในเอเชียตะวันออกแล้ว

    ญี่ปุ่นก็อาศัยตลาดจีนสำหรับการส่งออกของตนเอง เอเชียก็คบหาจีน ใกล้ชิดกว่าก่อนนี้มากมาย...อีกทั้งละตินอเมริกาและแอฟริกา ก็มีการเกาะเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนมากมายหลายด้าน

    ถ้าเศรษฐกิจมะกันกับจีนเกิดจะเดี้ยงขึ้นมาพร้อมๆ กันในปีหน้า ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่นักวิเคราะห์หลายคนก็มองว่า จีนคงจะต้องพยายามประคับประคองไม่ให้เกิดเหตุอาเพศทางเศรษฐกิจก่อนการสิ้นสุดการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในเดือนสิงหาคมปีหน้า

    วิธีตั้งรับสำหรับไทยเราก็คือไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคมนี้ จะต้องประกาศ "นโยบายเศรษฐกิจในภาวะผันผวน" สำหรับปีใหม่อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพเพื่อเผชิญกับความเป็นไปได้ที่สองยักษ์ใหญ่โลกจะเกิดอาการ "หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ แน่นหน้าอก" ขึ้นมาพร้อมๆ กัน โดยไม่ได้นัดหมาย

    ภาพเลวร้ายอย่างนี้จะเกิดจริงหรือไม่ เราก็ต้องเตรียมตั้งรับด้วยการเผื่อ "อากาศแปรปรวน" ทั่วท้องฟ้าแล้ว

    http://www.bangkokbiznews.com/2007/11/17/WW12_1238_news.php?newsid=203015
     
  8. เจ้าชายซุ่มซ่าม

    เจ้าชายซุ่มซ่าม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +47
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปธ.แบงก์กรุงเทพ แนะจับตาน้ำมันโลกทะลุ 120 ดอลลาร์/บาเรล ศก.ไทยพังแน่</TD><TD vAlign=baseline align=right width=85>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 พฤศจิกายน 2550 17:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ปิติ สิทธิอำนวย</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ผู้บริหาร แบงก์กรุงเทพ ชี้ ศก.ไทยหลังเลือกตั้งดีขึ้น แม้จะเป็นรัฐบาลผสม แนะระวังผลกระทบราคาน้ำมัน หากตลาดโลกทะลุ 120 ดอลลาร์/บาเรล ศก.ไทยอาจรับไม่ไหว

    นายปิติ สิทธิอำนวย ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้ง ว่า จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะการมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งจะมีแนวนโยบานที่ชัดเจนซึ่งจะเป็นการช่วยผลักดันโครงการต่าง ๆ ในภาพรวมให้เดินหน้าและจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กระเตื้องขึ้น ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ที่นโยบายของพรรคการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐบาลด้วย

    ทั้งการที่แนวโน้มของรัฐบาลใหม่จะเป็นในรูปแบบของรัฐบาลผสม อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมากกว่าเป็นรัฐบาลพรรคเดียว แต่ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบมากนักเพราะจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของแต่ละพรรคการเมืองต่างก็ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามต้องรอดูความร่วมมือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะสามารถประสานงานกันได้ดีมากน้อยเพียงใด

    "แม้จะมีหลายพรรค แต่จะมีการออกนโยบายเพื่อเสริมสร้างการขยายตัวของเศรษฐกิจในทุกๆ ด้าน"

    สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีหน้า เชื่อว่าจะยังอยู่ในระดับที่ดี เพราะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นและมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและประชาชน แม้จะเป็นรัฐบาลผสมแต่ก็เชื่อว่าจะมีการออกนโยบายที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

    อย่างไรก็ดี ปีหน้ายังมีสิ่งที่ต้องระวังคือความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งหากราคาน้ำมันขยับขึ้นไปแตะที่ 120 ดอลลาร์สหรัฐบาร์เรล เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะรับไม่ไหวและส่งผลกระทบกับภาคคมนาคมขนส่ง ตลอดจนค่าครองชีพของประชาชน ดังนั้นเรื่องราคาน้ำมันจึงถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องพึงระวังอย่างมาก

    "หากราคาน้ำมันแพงทะลุ 100-120 ดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยที่ต้องนำเข้าน้ำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะด้านคมนาคมขนส่ง ในที่สุดก็จะส่งผลต่อค่าครองชีพ ส่วนแนวโน้มการส่งออก เชื่อว่าปีนี้ไทยจะมียอดส่งออกเติบโตตามเป้าหมายที่ระดับร้อยละ 12.5 ขณะที่ 2551 การส่งออกของไทยจะยังคงเติบโต 15-18 โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร"
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    วิกฤตน้ำมันแพง"ปั๊มหลอด"ปิดระนาว เหตุแบกภาระต้นทุนไม่ไหว-คนแห่เติมมาเลย์



    ยะลา - เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศปั๊มน้ำมันหลอดใน อ.เบตง บางแห่งปิดกิจกรรมหลังจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันรายย่อยในพื้นที่เบตงทนแบกภาระต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ไหว โดยเฉพาะปั๊มน้ำมันขนาดเล็กหรือปั๊มหลอดซึ่งมีอยู่ทั่วไปตามชุมชน และหมู่บ้านต่างทยอยปิดกิจการไปหลายราย

    นางสมฤดี ช่วยกูล เจ้าของปั๊มหลอดในชุมชนบ้าน ก.ม.7 อ.เบตง กล่าวว่า แต่ก่อนบุตรชายเป็นคนทำปั๊มน้ำมันหลอดเนื่องจากผู้จำหน่ายน้ำมันปั๊มใหญ่ในอำเภอเบตงจะปิดจำหน่ายในเวลา 18.00 น. จึงเห็นเป็นช่องทางหนึ่งในการทำมาหากินเพื่อรองรับผู้ใช้รถที่ไปเติมน้ำมันที่ปั๊มใหญ่ไม่ทันแต่หลังจากน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บุตรสู้ไม่ไหว ได้เลิกกิจการไปทำงานที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตนจึงมาทำต่อ แต่เนื่องจากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้ไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะคนใช้รถจักรยานยนต์ใช้รถน้อยลง อีกอย่างบางคนก็เข้าไปเติมในประเทศมาเลเซีย

    นางสมฤดี กล่าวต่อว่า อย่างวันนี้เอาน้ำมันลง 400 ลิตรต้องจ่ายค่าน้ำมันให้กับรถที่มาส่งน้ำมันครั้งละกว่า 13,000 บาท เนื่องจากต้นทุนที่ต้องจ่ายค่าน้ำมันที่สูงขึ้นและกำไรน้อยลง การขายน้ำมันในชุมชนลดปริมาณน้อยลงไปด้วย อย่างเบนซิน 91 ขายลิตรละ 34 บาท เบนซิน 95 ลิตรละ 35 บาท ซึ่งตอนนี้ขาดสภาพคล่องทางการเงินไม่มีเงินสดจ่ายค่าน้ำมัน และคงทำได้อีกไม่นาน นอกจากนี้ยังมีเพื่อนบ้านที่เปิดปั๊มหลอดหลายรายต่างปิดกิจการไปทำงานอย่างอื่นแล้วเช่นกัน สถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันแบบนี้ ทำให้กิจการปั๊มน้ำมันมีค่าใช้จ่ายและได้กำไรน้อย จึงตัดสินใจเลิกกิจการกันไปในที่สุด

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...nid=TURNeE13PT0=&day=TWpBd055MHhNUzB4T0E9PQ==
     
  10. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    ก๊าซหุงต้มขึ้น ก.ก.ละ 15 บาท ธ.ค.นี้ พาณิชย์เข้มร้านค้า หวั่นฉวยโอกาสกักตุน-ขึ้นราคา

    พาณิชย์ เดินหน้าลุยตรวจร้านค้า-โรงงาน 400 แห่งทั่วประเทศ หลังรัฐบาลประกาศขึ้นราคาอีก ก.ก.ละ 15 บาท ในเดือน ธ.ค.นี้ หวั่นมีการกักตุน-ฉวยโอกาสขึ้นราคา ขณะที่คนขับแท๊กซี่ร้องจ๊าก! ต้นทุนเพิ่มหลายร้อย รายได้หดวูบ

    นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ จะสั่งการเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบและดูแลไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า โดยเฉพาะแก๊สหุงต้ม ซึ่งรัฐบาลเตรียมให้ปรับขึ้นราคาในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ อีกกิโลกรัมละ 15 บาท เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการกักตุนและจำหน่ายสินค้าเกินราคา

    ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบโรงบรรจุแก๊สจำนวน 400 แห่งทั่วประเทศ และหากพบว่าร้านค้าใด ไม่ติดป้ายแสดงราคาให้เห็นชัดเจน จะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท นอกจากนี้ หลังมีการปรับขึ้นราคาแก๊สแล้ว ร้านค้าต้องแจ้งขอปรับขึ้นราคา มาทางกรมการค้าภายในให้ทราบล่วงหน้าก่อน 2 วัน ก่อนที่จะปรับราคาขายเพิ่มขึ้น

    สำหรับราคาแก๊สหุงต้มจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 260 บาท เป็น 275 บาทเท่านั้น ซึ่งทาง กรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบหลังจากการปรับราคาด้วย หากพบว่ามีการขายเกินราคาที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้ ก็จะเอาผิด เพื่อไม่ให้เกิดการฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ให้เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ในภาวะที่ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น

    อย่างไรก็ตาม จากการออกตรวจปริมาณและราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ที่บริษัท อรุณอัมรินทร์แก๊ส ย่าน ถ.ศิริราช พบว่า ราคาจำหน่ายยังเป็นไปตามปกติ โดยแก๊สบรรจุถัง 15 กก. อยู่ที่ 260 บาท และมีการปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน

    นายพิสิษฐ์ สกุลกิจธนิตย์ ผู้ประกอบการจำหน่ายก๊าซแอลพีจี เจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงบรรจุสกลปิโตรเลียม ในอำเภอเมือง และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พังโคนปิโตรเลียม อำเภอพังโคน กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลประกาศขยับราคาก๊าซขึ้นอีก ทำให้ราคาก๊าซ ขนาดความจุ 4 กก.ถังละ 100 บาท 7 กก.ถังละ 150 บาท 15 กก.ถังละ 270 บาท และ 48 กก. ถังละ 850 บาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนที่นำถังมาเติมก๊าซ ต่างโอดครวญเนื่องจาก ส่วนมากประชาชนก็จะนำไปขายต่ออีกครั้ง ก็รู้สึกเห็นใจประชาชนด้วย ในส่วนตนผู้ประกอบการไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก แต่หากในอนาคตรัฐบาลยังไม่สามารถพยุงราคาก๊าซหุงต้มไว้ และยังปรับราคาขึ้นอีก ประชาชนอาจหาสิ่งทดแทน คือ ใช้พลังงานจากถ่านเหมือนเดิมในอดีต ก็จะเกิดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าตามมา

    แท๊กซี่ร้องระงม-รายได้หดวูบ

    นายชัยวุฒิ เขตขัน คนขับรถแท็กซี่เขียวเหลืองเขตบางกะปิ กล่าวว่า หากปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม จะทำให้รายได้ต่อเดือนหายไป 300 - 400 บาท ซึ่งอยากให้ภาครัฐชะลอการปรับขึ้นราคาออกไปก่อน ด้านนางทองสุด อรุณศรี แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง กล่าวว่า หากราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้น 15 บาท ค่าใช้จ่ายต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นเพียง 30 บาทเท่านั้น เนื่องจาก เดือนหนึ่งใช้ก๊าซเพียง 2 ถัง แต่เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันและของใช้ภายในบ้านก็ถือว่าเป็นการเพิ่มภาระให้กับครอบครัว

    http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9500000136771
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    มีสิทธิ์เติมน้ำมันลิตร60บาท 'ปิยสวัสดิ์'เตือนคนไทย <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr bgcolor="#cccccc"><td valign="center"> </td></tr> <tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า

    จากการประชุมประเทศผู้ผลิตน้ำมันหรือโอเปกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โอเปกได้ออกมาเตือนว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งไปถึงระดับ 200 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งปัจจัยจะมาจากกรณีที่สหรัฐฯประกาศสงครามบุกอิหร่าน ขณะที่นักวิเคราะห์ราคาน้ำมันก็ยอมรับว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่โอกาสราคาน้ำมันดิบอาจแตะถึง 200 เหรียญฯได้เช่นกัน ซึ่งไม่เพียงแต่ราคาน้ำมันจะแพงเท่านั้น แต่อาจมีผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันดิบไปในทั่วโลกอีกด้วย เนื่องจากหากมีการปิดเส้นทางขนส่งในช่องแคบเฮอมุสในตะวันออกกลางซึ่งเป็นพื้นที่สู้รบกัน จะมีผลให้น้ำมันดิบหายไปจากตลาดโลก 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นการผลิต 20% ของโลก ดังนั้น คนไทยควรต้องใช้อย่างประหยัดในการใช้น้ำมัน
    “เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 60 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ขณะนี้แตะ 100 เหรียญฯ ก็เกิดขึ้นให้เห็นกันแล้ว น้ำมันดิบ 200 เหรียญต่อบาร์เรล ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดไม่ได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเท่ากับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทยอาจพุ่งไปที่ระดับ 40-60 บาทต่อลิตร ผมอยากถามว่าถ้าเกิดจริงคนจะใช้น้ำมันกันอีกหรือไม่ ซึ่งก็ต้องใช้อยู่ดีเพราะซื้อรถยนต์กันมาแล้ว ดังนั้น การแก้ไขปัญหาด้วยการลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามข้อเสนอของหลายฝ่าย ก็ช่วยแค่บรรเทาปัญหาในช่วงสั้นๆเท่านั้น และทำให้ไม่เกิดการประหยัด แต่ใช้มากขึ้น แต่หากมีการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุนน้ำมันจะเห็นได้ว่าปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศก็ลดลง เช่นใน 9 เดือนแรกของปีนี้ มีการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลอดปีนี้ไทยจะนำเข้าน้ำมันทุกชนิดรวม 800,000 ล้านบาท”

    สำหรับราคาขายปลีกของไทยสัปดาห์นี้ อาจมีการปรับขึ้นราคาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะให้ภาครัฐลดเงินที่จัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมันจากผู้ใช้ดีเซลอีกครั้งหนึ่งหรือเป็นรอบที่ 3 จากที่ลดไปแล้ว 2 รอบหรือไม่นั้น คงต้องขอรอดูราคาดีเซลที่สิงคโปร์ สัปดาห์นี้ ก่อนตัดสินใจว่าจะลดการจัดเก็บหรือไม่ จากที่ลดไปแล้วรวม 60 สตางค์ต่อลิตร

    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top">
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td valign="top"> นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

    กล่าวว่า ขณะนี้ค่าการตลาดน้ำมันเบนซินเฉลี่ยที่ 70 สตางค์ต่อลิตร ดีเซลเฉลี่ย 65 สตางค์ต่อลิตร หากดูทิศทางแล้วมีแนวโน้มที่สัปดาห์นี้ผู้ค้าอาจปรับราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นอีก โดยคงต้องติดตามราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ที่จะปิดตลาดวันที่ 19 พ.ย.ก่อน หากมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นโอกาสปรับขึ้นอีกจะมีสูงเว้นแต่จะมีการปรับตัวลดลงอย่างแรงเท่านั้นที่จะทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยน ส่วนกรณีที่ผู้นำของประเทศเวเนซุเอลาขู่ว่าราคาน้ำมันดิบอาจปรับขึ้นไปถึง 200 เหรียญฯ หากสหรัฐฯ ตัดสินใจบุกอิหร่าน ก็มีความ เป็นไปได้หากเกิดขึ้นจริง แต่ก็หวังว่าชาติมหาอำนาจอีกหลายประเทศก็น่าจะคัดค้านสหรัฐฯ ไว้บ้างเพราะไม่เช่นนั้นทุกประเทศจะเดือดร้อนกันหมดในเรื่องราคาน้ำมัน

    ด้านนายกฤษณะพล โกมลบุณย์ กรรมการบริษัท ปตท. บริการธุรกิจการค้าปลีก จำกัด กล่าวว่าหากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้ผู้ประกอบการน้ำมันทั้งรายใหญ่แ ละรายเล็กประสบภาวะขาดทุนจากการที่มีค่าส่วนต่างน้ำมันต่ำกว่า 1.20 บาทต่อลิตร โดยขณะนี้ ปตท.กำลังประสบปัญหาดังกล่าว โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และเห็นว่าการที่กลุ่มโอเปกประกาศจะไม่ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวนี้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นต่อไป และคาดว่าผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันรายเล็กจะได้รับความเสียหายสูงสุด ทั้งนี้เห็นว่าผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบจะต้องให้ความช่วยเหลือขณะนี้ คือ การผลักดันให้มีการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มากขึ้น ขณะที่ ปตท.จะยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 ช่วงต้นปีหน้า แต่จะเหลือไว้เฉพาะสถานีบริการบางแห่งเท่านั้น เพื่อรณรงค์ ให้ผู้บริโภคหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้มากขึ้น

    “หากจะให้ผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันทั่วประเทศ มีกำไรจากการจำหน่ายน้ำมันช่วง 1-6 เดือนนี้ จะต้องขึ้นราคาน้ำมันอีกลิตรละไม่ต่ำกว่า 1-1.5 บาทต่อลิตร แต่ก็ต้องคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ”

    ด้านนางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจไทยล่าสุดคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปี 50 นี้อาจจะโตไม่ถึง 4.5% ตามที่เคยคาดไว้ จากผลกระทบสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแนวโน้มดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังอ่อนค่าลง ทั้งนี้ สศค.จะมีการทบทวนคาดการณ์จีดีพีรอบใหม่ ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีไม่น่าจะเกิน 64-68 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล.

    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr><td><center>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</center></td></tr></tbody></table>
     
  12. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ได้ข่าวจากครูบาก้องว่า ตอนนี้ที่เยอรมันกำลังมีการประท้วงขอขึ้นเงินเดือน สำหรับพนักงานรถไฟ มีการ สไตรค์ หยุดทำงานเมื่อ 3-4 วันก่อน เป็นเวลา 3 วัน
     
  13. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    ไม่ใช่ที่ฝรั่งเศษหรือครับ
     
  14. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    ภาพแห่งความทรงจำ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pi.JPG
      pi.JPG
      ขนาดไฟล์:
      25.6 KB
      เปิดดู:
      360
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2007
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วันนี้มีข่าววิเคราะห์ว่าราคาน้ำมันอาจจะพุ่งไปจนถึงลิตรละ 70 บาท ซึ่งหากขึ้นไปขนาดนั้น เงินเดือนทั้งหมดของอีกหลายๆคนคงต้องไปจ่ายให้รถมันกินไปหมดครับ และราคาข้าวของก็คงพุ่งตามหยุดไม่อยู่

    ฝึกขี่จักรยานและใช้ชีวิตที่พอเพียงกันเอาไว้ครับ
     
  16. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    น้ำมันปรับพุ่งเป็น 90 ดอลลาร์แล้ว
    วันที่ 19 ตุลาคม 2550 เวลา 11:21:49 น.มติชนออนไลน์

    <TABLE id=table109 borderColor=#32689a cellSpacing=0 cellPadding=0 width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 1px solid; BORDER-LEFT: 1px solid" height=24><TABLE id=table110 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=6 rowSpan=3></TD><TD colSpan=2></TD><TR><TD width=608>ช๊อกราคาน้ำมันปรับตัวพ่งขึ้นเป็น 89 ดอลลาร์ต่อบาเรล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยล่าสุดในการซื้อขายล่วงหน้าได้ปรับขี้นเป็น 90 ดอลลาร์แล้ว

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ราคาน้ำมันดิบไลต์ในสัญญาซื้อขายช่วงเดือนพ.ย.ได้เพิ่มขึ้นอีก 2.07 ดอลลาร์ต่อบาเรล หรือขึ้นมาอยู่ที่ 89.47 ดอลลาร์ต่อบาเรล ที่ตลาดซื้อขายนิวยอร์ก ทุบสถิติราคาน้ำมันเพิ่งปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 87.61 ดอลลาร์ต่อบาเรล เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และมีรายงานว่าราคาการซื้อขายได้ขึ้นมาแตะ 90.02 ดอลลาร์ต่อบาเรล ขณะที่ราคาปิดเมื่อวันพุธ อยู่ที่ 89.55 ดอลลาร์ต่อบาเรล

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=7972&catid=5
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ล่าสุดน้ำมันดิบราคาพุ่งขึ้นไปที่ 100ดอลลาร์ต่อบาเรลแล้วขณะนี้ ราคาสินค้าก็ขยับตามไปด้วยอย่างไรก็ตามดูแลสุขภาพของกระเป๋าสตางค์กันเอาไว้ให้ดี อย่าไปจ่ายในสิ่งที่ไม่ควรจ่าย ประหยัด เก็บออมได้เป็นดีที่สุดครับ

    ปีหน้า ดูไม่จืด ยอดขายมาม่าพุ่งแน่ๆ หรือคุณนันทิยาว่าไง
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ชี้ปีหน้าซับไพรม์ลามเอเชีย-ลูกหนี้สหรัฐ 2 ล้านคนเสี่ยงถูกยึดบ้าน!

    ผู้เชี่ยวชาญชี้ วิกฤตซับไพร์มยังแค่เริ่มต้น เตรียมส่งผลกระทบลุกลามถึงเอเชียช่วงปีหน้า โดยเฉพาะฮ่องกงและสิงคโปร์ ขณะที่ลูกหนี้ชาวอเมริกัน 1.5-2 ล้านคนอาจต้องถูกยึดบ้านเพื่อใช้หนี้

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนว่า นายเรย์ เฟอร์กูสัน ผู้บริหารคนใหม่ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์ทเต่อร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวต่อกลุ่มสภาหอการค้าอังกฤษว่า วิกฤตจากผลกระทบปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพหรือซับไพรม์สหรัฐยังเป็นเพียงแค่ช่วงเริ่มต้น หรือการจบของภาคแรกเท่านั้น โดยในปีหน้า ทั่วโลกจะต้องเผชิญกับการสูญเสียเงินเป็นจำนวน 50,000 ล้านดอลลาร์ จากวิกฤตซับไพรม์ โดยบริษัทใหญ่ ๆ ของสหรัฐในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และธนาคารยุโรป อาจต้องสูญเสียเงินจำนวน 40,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อล้างหนี้จากปัญหาดังกล่าว ขณะที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยของธุรกิจที่ดินอาศัยของสหรัฐจะถูกปรับให้สูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการที่ลูกหนี้จะระงับการชำระหนี้ โดยประเมินว่า ในปีหน้าชาวอเมริกัน 1.5-2 ล้านคนอาจจะต้องถูกยึดบ้าน และกลายปัญหากระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนไปโดยปริยาย
    นอกจากนี้ นายเรย์กล่าวด้วยว่า กล่าวว่า วิกฤตซับไพรม์จะกระทบต่อเศรษฐกิจเอเชียที่พึ่งพาการบริโภคจากสหรัฐอย่างยิ่งด้วย โดยเฉพาะสิงคโปร์และฮ่องกง และจะส่งผลให้ตลาดสินเชื่อเอเชียชะลอตัว และมีการคุ้มเข้มการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น



    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=12253&catid=6
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อคนถูกยึดบ้าน ก็จะออกมาเป็นคนจรจัดไร้ที่อยู่ ก่อปัญหาอาญชญากรรม และปัญหาสังคมอีกมากมาย

    เป็นกรรมที่ไปเอาคนมาเป็นทาส และกรรมที่ไปฆ่าฟันอินเดียนแดงเจ้าของที่ดิน เจ้าของประเทศเขาเอาไว้
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ราคาน้ำมัน เมื่อเทียบกับประเทศอื่น

    ราคาน้ำมันที่กลั่นแล้ว

    ราคาน้ำมัน เมื่อเทียบกับประเทศอื่น
    โดย ดร. อธิคม บางวิวัฒน์
    บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
    ________________________________________________________________

    ราคาน้ำมันดิบกำลังพุ่งสูงขึ้นจนเลย 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว ไม่รู้ว่าจะข้ามเส้น 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อใด หลายคนบอกว่าการที่น้ำมันดิบมีราคาสูงขึ้นมากนี้เป็นเพราะว่าปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐอเมริกาต่ำมาก ทำให้เชื่อได้ว่าความต้องการทางน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นในเวลาใกล้ๆนี้ จึงทำให้ราคาสูงขึ้น ยิ่งใกล้ฤดูหนาวเข้าไปอีก ความต้องการเชื้อเพลิงเพื่อให้ความอบอุ่นในบ้านเรือนในช่วงนี้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย บางคนก็บอกว่าสาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นเพราะการสู้รบกันระหว่าง ตรุกี กับชาวเคิร์ดทางเหนือของประเทศอิรัก อาจจะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมัน จึงเกิดการกักตุนน้ำมันดิบ


    จะเห็นได้ว่าราคาน้ำมันดิบมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ต่างๆ ของโลกอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายให้แก่มวลมนุษย์หรือแม้แต่ความคาดหวังในเหตุการณ์ต่างๆ ก็มีผลต่อราคาน้ำมันได้ ทั้งนี้เพราะน้ำมันดิบเป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญมากของโลก ซึ่งเป็นปัจจัยในการผลิตทั้งภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน


    ราคาน้ำมันที่กลั่นแล้ว เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ก็ถูกกระทบด้วยราคาของน้ำมันดิบอย่างแน่นอน ในบ้านเราราคาน้ำมันเบนซินทะลุ 30 บาทต่อลิตรไปแล้ว ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะไปหยุดที่ไหนแม้ว่ารัฐจะพยายามพยุงราคาโดยลดเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันลง 40 สตางค์ สำหรับน้ำมันเบนซินยกเว้นน้ำมันเบนซิน 95 เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ใช้รถหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แทน และ 20 สตางค์ สำหรับน้ำมันดีเซล ด้วยราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันเบนซิน 95 ที่ต่างกันราว 3.50 บาท ต่อลิตร ทำให้ประหยัดได้มากกว่า 10% ประเทศอื่นๆในโลกส่วนใหญ่ก็คงได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน อาจจะยกเว้นประเทศบางประเทศที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันดิบ ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบน้อยกว่า

    <center>[​IMG]</center>


    รูปที่ 1 ราคาน้ำมันเบนซินเกรดพรีเมี่ยมที่ขายในประเทศต่างๆ ณ. ปลายปี ค.ศ. 2006
    ที่มา : http://www.gtz.de/de/dokumente/en-flyer-international-fuelprices-2007.pdf


    ราคาน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลของประเทศต่างๆ ก็จะต่างกันไปตามต้นทุนของน้ำมันดิบ ค่าใช้จ่ายในการกลั่น การขนส่งตลอดจนภาษีหรือเงินอุดหนุนที่รวมเข้าไปในราคาของน้ำมันที่สถานีจำหน่าย รายงานฉบับหนึ่งชื่อ “International Fuel Prices 2007” จัดทำโดย GTZ (German Agency for Technical Cooperation) ได้รวบรวมข้อมูลราคาน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ที่สถานีจำหน่ายเมื่อปลายปี ค.ศ. 2006 จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 170 ประเทศ ดังรูปที่ 1 ซึ่งเป็นกราฟแสดงราคาของน้ำมันเบนซิน เกรดพรีเมี่ยม (แต่ละประเทศจะมีเกรดแตกต่างกัน) มีหน่วยเป็น เซ็นต์สหรัฐต่อลิตร ประเทศเติร์คเมนิสถาน (Turkmenistan) และประเทศเวเนซูเอลา (Venezuela) ขายในราคาต่ำมากที่ 2 และ 3 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตรตามลำดับ




    ในขณะที่ประเทศเอริเทรีย (Eritrea) มีราคาสูงสุดที่ 190 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตร ในรูปนี้ได้แบ่งประเทศต่างๆ ออกเป็น 4 กลุ่มด้วย โดยแบ่งตามช่วงราคา กลุ่มที่ 1 มีราคา 1-37 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตร กลุ่มที่ 2 มีราคา 38-62 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตร กลุ่มที่ 3 มีราคา 63-128 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตร กลุ่มที่ 4 มีราคา 129-190 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตร ราคาน้ำมันเบนซินในประเทศไทยอยู่ที่ 70 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตร หรือราว 26 บาทต่อลิตร (เมื่อปลายปีที่แล้ว) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันเบนซินในประเทศอื่นๆ เช่น อิหร่าน และซาอุดิอาราเบียซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันเอง ขายน้ำมันเบนซินที่ 9 และ 16 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตร ญี่ปุ่น และอังกฤษมีราคาใกล้เคียงกันที่ 1.09 และ 1.63 เหรียญสหรัฐต่อลิตร สิงคโปร์ขายที่ราคา 92 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตร มาเลเซีย ไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม อยู่ในกลุ่มเดียวกันที่ขายในราคา 53, 70, 63 และ 67 เซ็นต์สหรัฐต่อลิตรตามลำดับ



    ราคาขายเหล่านี้เป็นราคาที่แปลงมาจากราคาขายในสกุลเงินของแต่ละประเทศมาเป็นราคาขายในสกุลเหรียญสหรัฐ (โดยหารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน) แต่เนื่องจากว่าแต่ละประเทศมีค่าครองชีพที่ต่างกัน จึงไม่อาจบอกได้ว่าราคาในประเทศใดถูกกว่า หรือแพงกว่าประเทศอื่น นอกจากบางประเทศที่ค่อนข้างแน่ชัดว่าค่าครองชีพสูงกว่า แต่ราคาน้ำมันเบนซินกลับถูกกว่า เช่นประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทย

    <table border="1" bordercolor="#ff00ff" cellpadding="1" cellspacing="1"> <tbody><tr> <td> </td> <td>
    ราคา(1)ที่สถานีบริการ
    (เหรียญสหรัฐ))​
    </td> <td>
    อัตรา(2)
    แลกเปลียน(เงินสกุล
    ท้องถิ่น/
    เหรียญ)​
    </td> <td>
    ราคา(3)
    ที่สถานี
    บริการ(เงินสกุล
    ท้องถิ่น)​
    </td> <td>
    ppp(4)
    2004​
    </td> <td>
    ราคาปรับตาม(5)
    ค่าครองชีพ(เงินสกุล
    ท้องถิ่น)​
    </td> <td>
    ราคาปรับตาม(6)
    ค่าครองชีพ(เหรียญสหรัฐ)​
    </td> <td>
    ราคาปรับตาม(7)
    ที่สถานีบริการ
    /ราคาปรับ
    ตามค่าครองชีพ(เท่า)​
    </td> </tr> <tr> <td>อิหร่าน</td> <td>
    0.09​
    </td> <td>
    9,223.00​
    </td> <td>
    830.00​
    </td> <td>
    2,775.3​
    </td> <td>
    1,748.44​
    </td> <td>
    0.19​
    </td> <td>
    0.47​
    </td> </tr> <tr> <td>ญี่ปุ่น</td> <td>
    1.09​
    </td> <td>
    116.30​
    </td> <td>
    126.77​
    </td> <td>
    132.5​
    </td> <td>
    83.48​
    </td> <td>
    0.72​
    </td> <td>
    1.52​
    </td> </tr> <tr> <td>มาเลเซีย</td> <td>
    0.53​
    </td> <td>
    3.60​
    </td> <td>
    1.91​
    </td> <td>
    1.8​
    </td> <td>
    1.13​
    </td> <td>
    0.32​
    </td> <td>
    1.68​
    </td> </tr> <tr> <td>ซาอุดิอาเรเบีย</td> <td>
    0.16​
    </td> <td>
    3.75​
    </td> <td>
    0.60​
    </td> <td>
    2.9​
    </td> <td>
    1.83​
    </td> <td>
    0.49​
    </td> <td>
    0.33​
    </td> </tr> <tr> <td>สิงคโปร์</td> <td>
    0.92​
    </td> <td>
    1.59​
    </td> <td>
    1.46​
    </td> <td>
    1.5​
    </td> <td>
    0.95​
    </td> <td>
    0.59​
    </td> <td>
    1.55​
    </td> </tr> <tr> <td>ไทย</td> <td>
    0.70​
    </td> <td>
    37.88​
    </td> <td>
    26.52​
    </td> <td>
    12.9​
    </td> <td>
    8.13​
    </td> <td>
    0.21​
    </td> <td>
    3.26​
    </td> </tr> <tr> <td>อังกฤษ</td> <td>
    1.63​
    </td> <td>
    0.54​
    </td> <td>
    0.88​
    </td> <td>
    0.6​
    </td> <td>
    0.38​
    </td> <td>
    0.70​
    </td> <td>
    2.33​
    </td> </tr> <tr> <td>สหรัฐอเมริกา</td> <td>
    0.63​
    </td> <td>
    1.00​
    </td> <td>
    0.63​
    </td> <td>
    1.0​
    </td> <td>
    0.63​
    </td> <td>
    0.63​
    </td> <td>
    1.00​
    </td> </tr> <tr> <td>เวียตนาม</td> <td>
    0.67​
    </td> <td>
    16152.00​
    </td> <td>
    10,821.84​
    </td> <td>
    3,209.5​
    </td> <td>
    2,021.99​
    </td> <td>
    0.13​
    </td> <td>
    5.35​
    </td> </tr> </tbody></table>



    มีดัชนีชี้วัดตัวหนึ่งที่เรียกกันว่า Purchasing Power Parity (PPP) ซึ่งเป็นอัตราส่วนระหว่างเงินสกุลประเทศนั้นที่ใช้ซื้อสินค้าหรือบริการ (ในประเทศของตน) ในจำนวนเดียวกับสินค้าหรือบริการที่หาซื้อได้ด้วยเงิน 1 เหรียญสหรัฐ (ในประเทศสหรัฐอเมริกา) ตัวอย่างเช่น PPP เมื่อปี ค.ศ. 2004 ของประเทศไทยเป็น 12.9 หมายความว่าถ้าซื้อสินค้าหรือบริการจำนวนหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยเงิน 1 เหรียญสหรัฐ จะต้องใช้เงิน 12.9 บาท เพื่อซื้อสินค้าหรือบริการจำนวนเดียวกันในประเทศไทย นั่นคือ ถ้าน้ำมันเบนซิน 1 ลิตร ในประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน 0.63 เหรียญสหรัฐ ในประเทศไทย ก็ควรจะซื้อได้ด้วยเงิน 0.63 x 12.9 = 8.13 บาท และเพื่อให้สามารถเปรียบเทียบกับราคาในประเทศอื่นๆ ได้



    จึงเปลี่ยนกลับเป็นเหรียญสหรัฐโดยการหารด้วย 37.88 บาท ต่อเหรียญสหรัฐ (อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณเมื่อปลายปี ค.ศ. 2006) จะได้ 0.21 เหรียญสหรัฐต่อลิตร เมื่อนำไปเทียบกับราคาน้ำมันเบนซินที่ขายกันจริงๆ 0.70 เหรียญสหรัฐต่อลิตร ราคาขายจริงจึงเป็น 3.26 เท่าของราคาขายในสหรัฐอเมริกาที่ปรับด้วย PPP ของประเทศไทย และถ้าใช้วิธีเดียวกันนี้กับราคาน้ำมันเบนซินของประเทศอื่นๆ จะเห็นได้ว่า อิหร่าน และซาอุดิอาราเบีย ขายถูกกว่าที่สหรัฐอเมริกา ประเทศอื่นในตารางที่ 1 ขายน้ำมันเบนซินในราคาที่สูงกว่า นั่นคือราคาในประเทศเวียดนามสูงถึง 5.35 เท่า ประเทศญี่ปุ่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็น 1.52 1.68 และ 1.55 ตามลำดับ ในขณะที่ราคาในประเทศไทยสูงถึง 3.26 เท่า

    <table border="1" bordercolor="#ff00ff" cellpadding="1" cellspacing="1"> <tbody><tr> <td> </td> <td>
    ราคา(1)ที่สถานีบริการ
    (เหรียญสหรัฐ))​
    </td> <td>
    อัตรา(2)
    แลกเปลียน(เงินสกุล
    ท้องถิ่น/
    เหรียญ)​
    </td> <td>
    ราคา(3)
    ที่สถานี
    บริการ(เงินสกุล
    ท้องถิ่น)​
    </td> <td>
    ppp(4)
    2004​
    </td> <td>
    ราคาปรับตาม(5)
    ค่าครองชีพ(เงินสกุล
    ท้องถิ่น)​
    </td> <td>
    ราคาปรับตาม(6)
    ค่าครองชีพ(เหรียญสหรัฐ)​
    </td> <td>
    ราคาปรับตาม(7)
    ที่สถานีบริการ
    /ราคาปรับ
    ตามค่าครองชีพ(เท่า)​
    </td> </tr> <tr> <td>อิหร่าน</td> <td>
    0.03​
    </td> <td>
    9,223.00​
    </td> <td>
    276.69​
    </td> <td>
    2,775.3​
    </td> <td>
    1,748.44​
    </td> <td>
    0.19​
    </td> <td>
    0.14​
    </td> </tr> <tr> <td>ญี่ปุ่น</td> <td>
    0.09​
    </td> <td>
    116.30​
    </td> <td>
    104.67​
    </td> <td>
    132.5​
    </td> <td>
    83.48​
    </td> <td>
    0.72​
    </td> <td>
    1.25​
    </td> </tr> <tr> <td>มาเลเซีย</td> <td>
    0.40​
    </td> <td>
    3.60​
    </td> <td>
    1.44​
    </td> <td>
    1.8​
    </td> <td>
    1.13​
    </td> <td>
    0.32​
    </td> <td>
    1.27​
    </td> </tr> <tr> <td>ซาอุดิอาเรเบีย</td> <td>
    0.07​
    </td> <td>
    3.75​
    </td> <td>
    0.26​
    </td> <td>
    2.9​
    </td> <td>
    1.83​
    </td> <td>
    0.49​
    </td> <td>
    0.14​
    </td> </tr> <tr> <td>สิงคโปร์</td> <td>
    0.63​
    </td> <td>
    1.59​
    </td> <td>
    1.00​
    </td> <td>
    1.5​
    </td> <td>
    0.95​
    </td> <td>
    0.59​
    </td> <td>
    1.06​
    </td> </tr> <tr> <td>ไทย</td> <td>
    0.65​
    </td> <td>
    37.88​
    </td> <td>
    24.62​
    </td> <td>
    12.9​
    </td> <td>
    8.13​
    </td> <td>
    0.21​
    </td> <td>
    3.03​
    </td> </tr> <tr> <td>อังกฤษ</td> <td>
    1.75​
    </td> <td>
    0.54​
    </td> <td>
    0.93​
    </td> <td>
    0.6​
    </td> <td>
    0.38​
    </td> <td>
    0.70​
    </td> <td>
    2.47​
    </td> </tr> <tr> <td>สหรัฐอเมริกา</td> <td>
    0.69​
    </td> <td>
    1.00​
    </td> <td>
    0.69​
    </td> <td>
    1.0​
    </td> <td>
    0.63​
    </td> <td>
    0.63​
    </td> <td>
    1.10​
    </td> </tr> <tr> <td>เวียตนาม</td> <td>
    0.53​
    </td> <td>
    16,152.00​
    </td> <td>
    8,560.56​
    </td> <td>
    3,209.5​
    </td> <td>
    2,021.99​
    </td> <td>
    0.13​
    </td> <td>
    4.23​
    </td> </tr> </tbody></table>

    ด้วยข้อมูลจากแหล่งเดียวกัน และใช้วิธีเดียวกันนี้เปรียบเทียบราคาขายน้ำมันดีเซลที่สถานีบริการของประเทศต่างๆดังในตารางที่ 2 จะได้อัตราส่วนราคาของน้ำมันดีเซลที่ขายตามสถานีบริการในประเทศไทยต่อราคาขายในสหรัฐอเมริกาที่ปรับด้วย PPP ของประเทศไทย ใกล้เคียงกับอัตราส่วนราคาของน้ำมันเบนซิน คือ 3.03 เท่า ส่วนอัตราส่วนราคาน้ำมันดีเซลในทำนองเดียวกันของประเทศอื่นๆแสดงไว้ในตารางที่ 2 เช่นกัน อัตราส่วนราคาดังกล่าวของน้ำมันดีเซลในประเทศ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และ สิงคโปร์ เป็น 1.25 1.27 และ 1.06 ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าของประเทศไทยทั้งสิ้น

    เป็นที่ชัดเจนว่าประเทศของเราไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันดิบ จึงไม่มีน้ำมันราคาถูกให้ใช้ อย่างที่ทราบกันดีว่าน้ำมันเป็นต้นทุนที่สำคัญของการผลิตส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกภาคการผลิต และขนส่ง จึงต้องช่วยกันประหยัดพลังงาน เพื่อลดต้นทุนและรักษาความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ

    หมายเหตุ

    บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ได้รับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาบัณฑิตศึกษาและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน บทความนี้ เป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
     

แชร์หน้านี้

Loading...