อัศจรรย์!!! กระแสพลังธรรม.. พระขุนแผนพิชัยสมบัติเนื้อผงเหล็กน้ำพี้(ตำรับขุนแผนชมตลาด)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย smart7667, 29 กรกฎาคม 2013.

  1. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ผมกลับใต้ไปแล้วได้อะไรดีมาเล่าให้น้องๆพี่ๆฟังมากวันที่22จะติดเครื่องเทอร์โบติดตามนะครับ....
     
  2. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    คำสอนของอาจารย์ทองท่านเน้นไปทางยึดความจริงของชีวิตครับท่านว่า "ได้(พระ)แล้วยังจะเอาอยู่เรื่อย พระน่ะดีทุกองค์ คนนั่นแหละชอบเลือก" แต่ท่านก็เสกให้ตามที่ขอครับ ตอนผมไปหาท่านไปกราบทีไรท่านก็จะแจกวัตถุมงคลให้ทุกครั้ง เท่าที่สังเกตและถามจากคนอื่นที่ไปกราบหลวงพ่อคือท่านจะมีถุงวัตถุมงคลวางอยู่ข้างตัวตลอด ใคร (โดยเฉพาะตำรวจ-ทหาร)ไปกราบท่านก็จะหยิบมาแจกแต่อาจไม่เหมือนกันมีทั้งพระหลวงปู่ทวด ตะกรุด ผ้ายันต์ รุ่นเก่า รุ่นใหม่เป็นของท่านเองและของวัดอื่นนำมามอบให้ท่านไว้ ส่วนตัวผมก็ได้รับแจกมาหลายอย่าง และในตอนนั้นก็ได้นำพระเครื่องของวัดต่างๆในสายสหายธรรมไปขอบารมีเสกอยู่บ่อยครั้งครับ...
     
  3. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พ่อท่านบ่าว ท่านรู้จักอาจารย์ทองวัดสำเภาเชยครับเพราะท่านเคารพกัน...พ่อท่านบ่าวท่านปิดโลกมานานแต่ท่านก็รู้เรื่องราวในวงการสงฆ์พอสมควรครับโดยเฉพาะพ่อท่านเขียว ตาหลวงเขียวของผมท่านเย้าพ่อท่านบ่าวอยู่เรื่อยว่าเสกพระทำไมดีก็เพราะปิดตาตลอดเวลาเราลืมตาร็อกแร็กเลยเสกไม่นิ่งเท่าคุณบ่าว.....
     
  4. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ไม้กาฝากแมลงปอเรียกทรัพย์ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ท่านเรียนมาจากโยมท่านหนึ่งครับ และยังได้พลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแดนทิพย์ลี้ลับว่ากันว่าท่านมาสอนในญาณสมาบัติ สมัยก่อนวัดสำเภาเชย จะมีบาตรใส่พระเป็นพระเนื้อว่านของอาจารย์ทอง สำหรับให้คนทำบุญจะหยิบไปกี่องค์ก็ได้ พระเกจิสายหลวงพ่อทวด เวลาปลุกเสกพระส่วนใหญ่จะนิมนต์กันมาช่วยปลุกเสกกันหลายรูปครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะออกในนามของท่านใด เวลาไปปลุกเสกวัดนั้นวัดนี้สิ่งที่พ่อท่านเจ้าพิธีนิยมให้ท่านอาสจารย์ทองที่ไปช่วยพิธีกลับมาคือพระเครื่องที่ไปร่วมปลุกเสกครับ แมลงปอนี่เขาเรียกกันเองว่าสเป็นแมลงปอความจริงและคือไม้กาฝากค้าขายดีท่านเสกวิชาเรียกลาภลงไป...ในสีผึ้งกับน้ำมันวัดคูหาภิมุขท่านก็เสกด้วยบทเดียวกันแน่แท้....ท่านเสกอะไรสิ่งนั้นก็มีชีวิตอย่างน่าประหลาด....ครับ
     
  5. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ชีวประวัติ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย


    ประวัติ วัดสำเภาเชย อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี

    วัดสำเภาเชย เป็น วัด สร้างใหม่ เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2444 สร้างเสร็จปีขาล 2445 หลวงสุรนาถ ปะนารักษ์ (เชย โรจนวิภาต) นาย อำเภอสมัยนั้นเป็นผู้สร้าง เดิมเรียกว่า " วัดทุ่งสำเภา " เพราะสร้างขึ้นในหมู่บ้าน ทุ่งสำเภา ต่อมาได้ย้าย วัด มาสร้างใกล้ๆ กับที่เดิมและได้ตั้งชื่อใหม่ว่า วัดสำเภาเชย วัดนี้มีพื้นที่ประมาณ 12 ไร่เศษ ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอ ปะนาเระ ประมาณ 500 เมตร



    ลำดับ เจ้าอาวาส วัดสำเภาเชย

    วัดสำเภาเชย นับแต่เริ่มสร้างมาจนถึงทุกวันนี้ มี พระเถระ ซึ่งได้รับหน้าที่เป็น เจ้าอาวาส สืบต่อไปเป็นลำดับกันมามีรายนาม ดังนี้




    1. พระอธิการนุ้ย เจ้าอาวาส รูปแรก ปกครอง วัด มาตั้งแต่ พ.ศ. 2445-2448

    2. พระอธิการทอง พ.ศ. 2449-2451

    3. คุณพระอ้น พ.ศ. 2452-2453

    4. พระครูอรรถเวที พ.ศ. 2454-2464 ต่อมาได้เป็น เจ้าคณะ จังหวัดปัตตานี

    5. พระครูวิธานวัตต์ (คง) พ.ศ. 2463-2484 เจ้าคณะ อำเภอปะนาเระ

    6. พระอธิการตีบ ติสสโร พ.ศ. 2484-2487

    7. พระครูพินิตตนรัญญู ( อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ) ต่อมาได้รับ พระราชทาน เลื่อนสมณศักดิ์ ที่ พระศีลมงคล เจ้าคณะอำเภอปะนาเระ และต่อมาเป็นที่ปรึกษา เจ้าคณะอำเภอ




    วัดสำเภาเชย มีความเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด เพราะความสามารถของ หลวงสุรนาถ ปะนารักษ์ (เชย โรจนวิภาต) นายอำเภอผู้ริเริ่มก่อสร้าง วัด และความอุตสาหะวิริยะ ของ เจ้าอาวาส ทุกรูปและที่สำคัญก็คือ วัด นี้มี พระเถระ ชั้นผู้ใหญ่ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาส ถึง 3 รูป คือ




    1. พระครูอรรถเวที เจ้าคณะ จังหวัดปัตตานี

    2. พระครูวิธานวัตต์ เจ้าคณะ อำเภอปะนาเระ

    3. พระครูพินิตตนรัญญู ( อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ) เจ้าคณะ อำเภอปะนาเระ

    ในสมัยของท่าน อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย วัดสำเภาเชยได้มีการพัฒนาหลายอย่าง ทั้งการศึกษา และสิ่งก่อสร้าง พัฒนาสาธารณะประโยชน์ สร้างตึกให้โรงพยาบาล ฯลฯ




    ประวัติ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย


    อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เดิม ชื่อ ทอง หรือ อินทอง นามสกุล ศรีชาติ เกิดวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2461 ปีมะแม นักษัตร เอกศก

    บิดาชื่อ นายสีคง ศรีชาติ มารดาชื่อ นางแมะ ศรีชาติ บ้านเลขที่ 5 หมู่ 3 ตำบลดอน อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี

    บรรพชา อุปสมบท วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2477 ได้บวชเป็น สามเณร ณ วัดดอนตะวันออก ตำบลดอน อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี และ ลาสิกขาบท ออกไปช่วยมารดาประกอบอาชีพทางบ้าน

    วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2482 ได้ บรรพชา อุปสมบท เป็น พระภิกษุ ณ วัดดอนตะวันออก ตำบลดอน อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี พระครูวิธานวัตต์ (คง) เจ้าคณะ ตำบลปะนาเระ และ เจ้าอาวาส วัดสำเภาเชย เป็น พระอุปัชฌาย์ พระครูวุฒิชัยธรรมธาดา ขณะนั้นรับ สมณศักดิ์ เป็น พระครู ชั้น สัญญาบัตร เป็น พระกรรมวาจาจารย์ พระครูพิพัฒน์สมณกิจ เป็น พระอนุสาวนาจารย์

    ลำดับ สมณศักดิ์

    พ.ศ. 2497 ได้รับ พระราชทาน สมณศักดิ์ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะ อำเภอ ชั้นตรี ที่ พระครูพินิตนรัญญู

    พ.ศ. 2510 ได้รับ พระราชทาน สมณศักดิ์ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะ อำเภอ ชั้นโท ที่ พระครูพินิตนรัญญู

    พ.ศ. 2519 ได้รับ พระราชทาน สมณศักดิ์ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะ อำเภอ ชั้นเอก ที่ พระครูพินิตนรัญญู

    พ.ศ. 2539 ได้รับ พระราชทาน สมณศักดิ์ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะ อำเภอ ชั้นพิเศษ ที่ พระครูพินิตนรัญญู

    พ.ศ. 2545 ได้รับ พระราชทาน สมณศักดิ์ เป็น พระราชาคณะ ชั้นสามัญ ที่ พระศีลมงคล

    พระครูพินิตนรัญญู ( หลวงพ่ออินทอง สีลสุวณฺโณ ) วัดสำเภาเชย ได้รับ พัดยศ พระราชาคณะ ชั้นสามัญ มีนามว่า " พระศีลมงคล " มีพิธี พระราชทาน เลื่อน และ ตั้งสมณศักดิ์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2545




    วัตถุมงคล อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย

    อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เป็น พระ สุปฏิปันโน ที่มีความเก่งกล้าทาง พุทธาคม สูงมาก ซึ่งก็มาจากพื้นฐานที่ดีคือ วิปัสสนากรรมฐาน ถ้า วิปัสสนากรรมฐาน ดี พลังจิต ก็จะดี มนต์คาถา บทไหนก็จะสำเร็จได้ง่าย คาถา บทเดียวกันสองคนใช้ ผลก็ไม่เหมือนกัน เนื่องจากพื้นฐานต่างกันนั้นเอง ด้วยเหตุที่ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เก่งกล้าทาง พุทธาคม จึงมีลูกศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือมาก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ได้สร้าง วัตถุมงคล ตามที่ลูกศิษย์พากันเรียกร้อง และ ปลุกเสก วัตถุมงคล ที่ลูกศิษย์สร้างถวาย ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด เช่น ตะกรุด อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ผ้ายันต์ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย แหวน ผ้ารอยมือรอยเท้า เชือกคาดเอว พระกริ่ง อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย พระชัยวัฒน์ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย รูปเหมือนพระพุทธ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เหรียญ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย รุ่นต่างๆ



    เหรียญ รุ่นแรก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย

    เหรียญ รุ่นแรก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เป็น เหรียญ รูป พระพุทธเจ้า ทาง วัดสำเภาเชย และชาวบ้านทั่วไปมักเรียกเหรียญนี้ว่า เหรียญ หลวงพ่อ โต๊ะหัก เหรียญนี้ ด้านหลังเรียบ ไม่มี อักขระ ยันต์ ใดๆ เหรียญรุ่นนี้สร้างและ ปลุกเสก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 ปลุกเสก เรื่อยมาจนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2532 จึงนำออกแจก รวมเวลา ปลุกเสก 3 ไตรมาส คือ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ปลุกเสก นานจนมั่นใจในความ คักดิ์สิทธิ์ ว่า เหรียญนื้ตัองมีความ ศักดิ์สิทธิ์ อยู่นานโดยไม่มีวันเสื่อม และ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เคยพูดไว้ว่า ทำแล้วต้องได้ผล ทำไม่ดีทำทำไม แจกให้เสียชื่อ เหรียญรุ่นนี้ดีตั้งแต่เริ่มสร้าง เพราะ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ได้ให้ลูกศิษย์ที่เป็นโหร คำนวณหา ฤกษ์ยาม ที่เหมาะสม โหรได้คำนวณให้มา 2 ฤกษ์ เผื่อว่าถ้าไม่ทัน ฤกษ์ แรก ก็ยังมี ฤกษ์ ที่สอง แต่ ฤกษ์ ทั้งสองนั้น เป็นภูมิปาโล ฤกษ์ ทั้ง 2 ฤกษ์ คือ เป็น ฤกษ์ มงคล ในการเริ่มต้นทำกิจการงานทุกสิ่ง ถ้าสร้าง พระ พระ นั้นจะ ขลัง ประสิทธิมาก และจะมีชื่อเสียงขึ้นไปเรื่อยๆ

    เหรียญ รุ่นแรก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย หรือ เหรียญ หลวงพ่อ โต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย มีส่วนผสมสำคัญที่ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ได้สั่งให้ลูกศิษย์นำไปผสมลงใน เบ้า โลหะ ที่ลูกศิษย์นำไปผสมมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมแบนๆ กว้าง ยาวประมาณเท่าฝ่ามือ หนา ประมาณหนึ่งเซ็นติเมตร โลหะชิ้นนี้ผสมขึ้นจากทองธรรมชาติที่ยังไม่ได้ถลุง (ทองเป็น) เหล็กก้านพร้าหัก ยอดเจดีย์หัก เหล็กน้ำพี้

    โดยเหตุที่ เหรียญ รุ่นแรก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย หรือ เหรียญ หลวงพ่อ โต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย สร้างด้วยโลหะผสม ส่วนผสมแต่ละชนิดมีจุดหลอมเหลวที่ไม่เท่ากัน เนื้อเหรียญ สัมฤทธิ์ ที่ออกมาจึงมีความแข็งอ่อนของเนื้อเหรียญในบางจุดไม่เท่ากัน ดังนั้น เมื่อ ปั๊มเหรียญ ออกมา ผิวเหรียญ จึงต่างกันบ้าง แต่ รูป องค์พระ และตัวอักษรเหมือนกัน

    เหรียญ รุ่นแรก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย หรือ เหรียญ หลวงพ่อ โต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย มีจำนวนการสร้าง ดังนี้

    เหรียญ ทองคำ ลงยา สร้าง จำนวน 9 เหรียญ

    เหรียญ เงิน ลงยา สร้าง จำนวน 109 เหรียญ

    เหรียญ นวโลหะ สร้าง จำนวน 200 เหรียญ

    เหรียญ ทองแดง ผสม สร้าง จำนวน 7,000 เหรียญ

    เหรียญ ชิน ตะกั่ว สร้าง จำนวน 300 เหรียญ

    สำหรับ เหรียญ ทองแดง ผสม ผู้สร้างได้แบ่งมา ตอกโค้ด 529 จำนวน 200 เหรียญ สำหรับเอาไว้แจกคณะกรรมการผู้ช่วยเหลืองาน เหรียญนี้ไม่ได้จำหน่ายแต่อย่างใด เหรียญตอกโค้ด จึงไม่แพร่หลาย คนส่วนมากไม่เคยเห็นเหรียญนี้ บางคนคิดว่าไม่มี

    เหรียญ ทองแดงผสม จำนวน 7,000 เหรียญ ผู้สร้างได้ถวาย อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เหรียญทั้งหมด อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย รับมอบ หลังจาก ปลุกเสก เสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ได้แบ่งไว้แจกส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งมอบให้ กรรมการ วัดสำเภาเชย เอาไว้สมนาคุณแก่ผู้ ทำบุญ ส่วนเหรียญเนื้ออื่นๆ คณะผู้จัดสร้างเก็บไว้แจกเป็นการส่วนตัวบ้าง ถวายพระ บางรูปบ้าง

    เหรียญ รุ่นแรก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย หรือ เหรียญ หลวงพ่อ โต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย หลังเรียบ นี้ เป็นที่นิยมของ นักสะสม พระเครื่อง ทั่วไป อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะ พุทธคุณ ที่ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย บรรจุไว้ในเหรียญอย่างเต็มที่ ก่อให้เกิด ประสบการณ์ ดีๆ ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เมตตามหานิยม โชคลาภ ความเจริญ ธุรกิจก้าวหน้า ติดต่อการงานคล่อง ทำอะไรก็ดี แคล้วคลาด จากภัยอันตราย ผู้ที่ แขวนบูชา จะประสบโชคดีอยู่บ่อยๆ


    เหรียญ หลวงพ่อ โต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย

    เป็นเหรียญ พระพุทธ ที่มีค่านิยมสูงเป็นอันดับหนึ่งของชายแดนใต้ และมีความ ศักดิ์สิทธิ์ มากก่อให้เกิด อภินิหาร ประสบการณ์ มากมาย ทั้งๆ ที่เป็นเหรียญสร้างใหม่ พ.ศ. 2529 นี้เอง ตอนที่เหรียญออกจาก วัดสำเภาเชย ใหม่ๆ ในปี พ.ศ. 2532 นั้น อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ได้เริ่มแจกฟรีเป็นวันแรกในงานฉลองอายุครบ 6 รอบ 22 เมษายน 2532 และได้แจกฟรีมาเรื่อยๆ จนหมด ใครจะ ทำบุญ หรือไม่ ไม่สำคัญ ทุกคนได้รับแจกฟรี คนละ 1 เหรียญ บางคนขอเผื่อเอาไปแจกพี่น้องก็จะได้มากกว่า 1 เหรียญ และในขณะเดียวกันนั้นที่ใตัสะพานลอยหาดใหญ่ก็ได้รับซื้อ เหรียญ หลวงพ่อโต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย จากผู้ที่ได้รับแจกมาฟรีๆ แผงพระใต้สะพานลอยหาดใหญ่ขายต่อเหรียญละ 50 บาท ซึ่งก็ขายได้บ้างเล็กน้อย

    ต่อมาประมาณปี 2535 มีพ่อค้าที่มาทำมาค้าขายที่นราธิวาสได้มาเหมาไปจนหมด ได้ไปราวๆ 70 เหรียญ

    การที่มีผู้ให้ความนิยมใน เหรียญ หลวงพ่อโต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เป็นอย่างมากก็เพราะว่า เหรียญ หลวงพ่อโต๊ะหัก ที่ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ปลุกเสก มีความคักดิ์สิทธิ์มาก มีผู้ประสบพบเห็นบ่อยๆ



    ประสบการณ์ วัตถุมงคล รุ่นต่างๆ ของ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย

    เรื่องที่ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ปลุกเสก วัตถุมงคล ให้เคลื่อนไหวนี้ มีผู้ทราบและเห็นกับตามากมายหลายคน เห็นกันบ่อยๆ ต่างเวลากัน วัตถุมงคล ที่เคลื่อนไหว มี พระเครื่อง ตะกรุด ผ้ายันต์ ฯลฯ

    ถ่ายทอดโดย ณเดช พันธ์นรา

    1. ตะกรุด เคลื่อนไหว เรื่องนี้ผมจำได้แน่ชัด เพราะเป็น ปาฏิหาริย์ ครั้งแรกของ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ที่ผมได้เห็น และเป็นครั้งที่ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ตั้งใจทำให้ผมดูโดยตรง เนื่องจากเมื่อสมัยวัยรุ่น ผมตั้งใจอยากเห็นเรื่อง ปาฏิหาริย์ ปลุกเสก วัตถุมงคล เคลื่อนไหว ได้ด้วยตาตนเอง เพราะได้ยินได้ฟังได้อ่านมาว่า หลวงพ่อเก่งๆ หลายรูป สามารถ ปลุกเสก วัตถุมงคล ให้ เคลื่อนไหว ได้ ซึ่งผมก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่ผมไม่มีโอกาสได้เห็นกับตา เพราะ หลวงพ่อ เหล่านั้นได้ มรณะภาพ ไปหมดแล้ว ผมอยากมีวาสนาได้เห็นกับตาบ้าง และผมก็ได้ตระเวณไปตามวัดต่างๆ แต่ยังไม่ได้เห็นตามที่ตั้งใจ จนกระทั่งมาถึง วัดสำเภาเชย ซึ่งเป็นวัดบ้านนอก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ในขณะนั้นก็ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังแต่อย่างใด (11 เมษายน 2527) เหตุที่ผมไปหา อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็เพราะเพื่อนผมได้บวชกับ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย

    หลังจากผมได้เจอ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ประมาณ 2 ครั้ง อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็ให้โอกาสผมได้เห็นชัดกับตา โดย อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เรียกให้ผมเข้าไปในกุฏิ นั่งดูอย่างชัดเจน วันนั้น อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เสก ตะกรุด โสฬส อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ใช้เวลาเสกไม่นานนัก ประมาณ 5 นาที ตะกรุด ก็ เคลื่อนไหว ไปมา พอ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย หยุดเสก ตะกรุด ก็หยุด เคลื่อนไหว พอ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เสกอีก ตะกรุด ก็ เคลื่อนไหว อีก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เสกแล้วหยุดๆ หลายครั้ง ทำให้ผมดูจนมั่นใจ แล้วก็สอนให้ทำดี มี ศีลธรรม อบรมจิตใจ ผมโดยใช้ ปาฏิหาริย์ เป็นเครื่องชี้นำ

    2. พระปิดตา ล้ม ประมาณต้นปี 2530 อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ได้เรียกผมให้ไบ่พบในกุฏิ ให้นั่งดูอย่างชัดเจน คราวนี้ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เอา พระปิดตา เนื้อ เมฆพัตร ที่เขาหล่อขาย โดยทำให้เหมือน พระปิดตา หลุมดิน จังหวัดราชบุรี อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ตั้ง พระปิดดตา 5 องค์ เรียงกัน จับตั้งให้นั่ง อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็ พนมมือ เสกไม่นาน ประมาณ 5 นาที พระปิดตา ก็ทยอยกันล้ม อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย จับตั้งใหม่อีกครั้ง แล้วก็ เสก พระปิดตา ก็ล้มอีก ทำให้ดูประมาณ 5 ครั้ง แล้ว อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็พูดเป็นภาษาใต้ เขาว่า หลวงพ่อครณ (หลวงพ่อครณ บางแซะ มาเลเซีย) เสก พระ นั่งได้ เราก็เสก พระ ล้มได้ จากนั้น อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็สอนธรรมะ สอนให้ทำดี อบรมจิตใจ

    3. กอง ผ้ายันต์ ล้ม เรื่องนี้ข้าพเจ้าประสบกับตัวเอง ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2536 อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ได้พิมพ์ ผ้ายันต์ เอาไว้แจกปีใหม่ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ได้เรียกให้ผมเข้าไปในกุฏิ ให้นั่งดูอย่างชัดเจนอีกครั้ง คราวนี้ที่เบื้องหน้า อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย มี ผ้ายันต์ พับตั้ง เรียงกันเป็นกองสูงอย่างมีระเบียบ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย พนมมือนั่ง เสก แป็บเดียว ผ้ายันต์ ทั้งตั้งก็ล้มลงมา อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย จับตั้งแล้ว ปลุกเสก อีก ผ้ายันต์ ก็ล้มอีก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็จับตั้งแล้ว ปลุกเสก อีก เสก แล้วล้มๆ ทำอยู่ประมาณ 7- 8 ครั้ง จากนั้น อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็สั่งสอน ธรรมะไปเรื่อยๆ

    หลังจาก 3 ครั้งแล้ว อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็ไม่ได้เรียกให้ผมดูอีกเลย ผมเข้าใจว่า อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย คงสำเร็จ เจโตปริยญาณ หยั่งรู้ วาระจิตคน ครั้งแรกคงรู้ว่าผมสงสัยว่าการ ปลุกเสก ของ เคลื่อนไหว ได้ นี้มันจริงหรือเปล่า เพราะสงสัยในใจว่า หลวงพ่อ ที่มีคนเขียนถึงว่า ปลุกเสก พระ กระโดดบาตร ปลุกเสก นะปัดตลอด ทะลุ แผ่นยันต์ ลบผงทะลุกระดาน ฯลฯ เรื่องเหล่านี้มีจริงหรือเปล่า เพราะ หลวงพ่อ ที่เขียนถึงท่านเหล่านั้นได้ มรณะภาพ ไปแล้ว พูดไม่ได้ คนเขียนจะเขียนยังไงก็ได้ จนกระทั่งผมได้มาเห็น อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ทำให้ดู ผมจึงเกิดความเชื่อมั่น หลังจาก 3 ครั้งนี้แล้ว อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย คงรู้ใจผมว่าเกิดความเชื่อมั่นสุดๆ จึงไม่จำเป็นต้องทำให้ดูอีก

    แต่นอกจาก 3 ครั้งที่ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เจาะจงผมและคนอื่นๆ ก็ได้เห็นการ ปลุกเสก วัตถุมงคล ให้ เคลื่อนไหว อยู่บ่อยๆ ทั้ง พระกริ่ง เหรียญ พระผง ลูกอม ผ้ายันต์ ฯลฯ แต่เป็นการเห็นแบบไม่ตั้งใจ




    ต้องผ่า

    เรื่องนี้เกิดขึ้นมาไม่นาน เดือนพฤศจิกายน 2545 ขณะนั้นภรรยาผมตั้งท้องได้ประมาณ 6 เดือน ผมได้ย้ายกลับมาจากสวนผึ้ง ราชบุรี ก็ได้แวะไปกราบเยี่ยม อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย พอเห็นภรรยาผม อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็พูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ พูดเป็นภาษาใต้ ต้องพ้าๆ (ต้องผ่าๆ) แล้ว อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็พูดคุยกับผมเป็นปกติ หลังจากได้พบเจอ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย แล้ว ผมก็กังวลเรื่องภรรยาตั้งท้องกลัวว่าจะต้องผ่าออก เพราะ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เคยสั่งสอนผมว่าคนท้องควรจะคลอดตามธรรมชาติกำหนด ไม่ควรฝ่าฝืนธรรมชาติ พี่สาวผมตั้งท้อง พ.ศ. 2541 เคยให้ผมไปถาม อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ว่าจะผ่าวันไหนดี อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ตอบว่า ถ้าจะผ่าก็ไม่ต้องมาถาม ทำตามใจชอบเถอะ คือ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ไม่ชอบผ่า แต่พอเห็นภรรยาผมกลับอุทานออกมาว่า ต้องผ่าๆ พอกลับบ้านก็ไปพูดคุยเรื่องภรรยาท้องให้เพื่อนฟัง คือ เจ้าของร้านก รอบพระ นราธิวาส แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่อง อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย อุทานให้ฟัง พูดแต่เพียงอยากให้ภรรยาคลอดเอง กลัวต้องผ่า เพื่อนก็แนะนำให้ผมเอากล้วยน้ำว้าไปให้ พระ องค์หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เสกให้กินแล้วจะคลอดลูกง่าย มีคนให้ เสกกินมาแล้วหลายราย รวมทั้งตัวเขาด้วยใกล้ๆ คลอด 8-9 เดือน แล้วให้ไป พอเดือนกุมภาพันธ์ 2546 อายุครรภ์ได้ประมาณ 8 เดือน ผมก็พาภรรยาไปกินกล้วย เสกที่วัดนั้น เหตุที่ผมไม่พาไปหา อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็เพราะไกล ไม่สะดวก วัดสำเภาเชย อยู่ห่างจากบ้านผมประมาณ 80 กม. ไปกลับ 160 กม. แต่ วัด นี้อยู่ห่างจากบ้านเพียง 8 กม. (เรื่อง เสกกล้วยคลอดลูกง่าย อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็ชำนาญ.) เดือนมีนาคม 2546 อายุครรภ์ครบ 9 เดือน ภรรยาผมยังเฉยๆ พอประมาณ 9 เดือน 10 วัน ทั้งผมและภรรยาก็ไปหาหมอ ถามว่าเมื่อไหร่จะคลอด หมอบอกว่าเลยกำหนดแล้วคนไข้ยังไม่เจ็บท้อง สงสัยจะต้องผ่า ผมก็บอกไปว่าพยายามให้คลอดเองดีกว่า แต่ถ้าหมอเห็นว่าจำเป็นจริงๆ ก็ให้ผ่าได้ ตกลงวันนั้นก็ยังไม่ผ่า หมอให้กลับบ้านรอดูอาการก่อน ผมก็กลับบ้านด้วยความกังวลใจนิดๆ รออยู่อีกหลายวันภรรยาก็ยังเฉยๆ บ่ายวันพุธที่ 2 เมษายน 2546 ผมจึงไปหา หลวงพ่อ องค์เดิมที่ วัด เอากล้วยไปให้ เสก แล้วเล่าให้ท่านฟังด้วย คราวนี้พอภรรยากินกล้วยกลางคืนก็ปวดท้อง เช้าวันพฤหัสที่ 3 ก็ไปโรงพยาบาล หมอก็ให้นอนรอคลอดอีกหลายชั่วโมง ก็ไม่คลอด หมอจึงเรียกผมไปพบบอกว่าจำเป็นต้องผ่า ปล่อยไว้จะอันตราย ผมก็เซ็นยินยอมให้ผ่า สรุปแล้วคือ ต้องผ่า ทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ สมดังคำ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ว่า ผมมาคิดดูโดยละเอียด สรุปได้ว่า อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย น่าจะสำเร็จ อนาคตังสญาณ สามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า คงเห็นแล้วว่าภรรยาผมต้องผ่าท้องจึงพูดออกมา ถ้าเป็น วาจาสิทธิ์ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย คงจะอวยพรให้คลอดง่าย แข็งแรง เลี้ยงง่าย ไม่เจ็บไม่ไข้ วันจันทร์ที่ 21 เมษายน ผมเอานมกระป๋องและแป้งเด็กไปให้ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ท่าน เสก ให้ลูกกิน ด้วยความเชื่อว่าดี อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็ได้ เมตตา เสกให้แต่ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ก็ยังมีความเห็นไม่ชอบการผ่าท้องเอาเด็กออก ชอบคลอดแบบธรรมชาติ

    เรื่องผ่าท้องเอาเด็กออกอีกราย เคยมีคนเล่าให้ฟังว่า เขาเคยไปที่ วัด สำเภาเชย นั่งคุยกับ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย บังเอิญมีผู้หญิงอุ้มลูกมาให้ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย เสกเป่าให้ บอกว่าเด็กเลี้ยงยาก ไม่สบายบ่อย ไม่ค่อยแข็งแรง ขอให้ อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ช่วยดูให้หน่อย อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ถามทันทีว่า ตกผ่าเมื่อไหร่ แทนที่จะถามว่า ตกฟากเมื่อไหร่ แสดงว่า อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย ต้องรู้ว่าเด็กคนนั้นไม่ได้คลอดเองผ่าท้องออกมา ซึ่งก็เป็นความจริงที่เด็กคนนั้นถูกผ่าออกมา เรื่องนี้ก็แสดงถึงว่า อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย คงจะสำเร็จ อดีตตังสญาณ ล่วงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว



    วิธีดู จุดตำหนิ เหรียญ หลวงพ่อ โต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย

    ปัจจุบัน เหรียญ หลวงพ่อ โต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย หลังเรียบ มีเก๊ เฉพาะ เนื้อทองแดง ผสม

    ขอแนะนำทีเด็ด เคล็ดลับ ในการ ดู เหรียญ หลวงพ่อ โต๊ะหัก อาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย รุ่นนี้ เป็นการสกัด พระเก๊ ที่อาจจะมีออกมาในอนาคต มี จุดสังเกต ในการดูหลายจุด ดังนี้

    เฉพาะ เหรียญ เนื้อทองแดง ผสม ซึ่งมีจำนวนเหรียญมากที่สุด ที่ ด้านหลัง เหรียญ จะมีเส้นวงกลมหลายวงซ้อนกันอยู่ เป็นเส้นเกิดใน เนื้อเหรียญ ไม่ได้นูนขี้นมา ลักษณะคล้ายเป็นเส้นวงปีที่เกิดในตอไม้ เส้นนี้มีทุกเหรียญ แต่ชัดมากบ้างน้อยบ้าง บางเหรียญต้องเอียงเหรียญส่องให้ดี ถ้ายังไม่เห็น ไม่ต้องตกใจ ให้ดูบน ผิวเหรียญ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บน ผิวเหรียญ จะมีเส้นรัศมีเล็กๆ กระจายออกมาจากกลางเหรียญออกไปรอบข้าง เส้นรัศมีนี้เห็นชัดทุกเหรียญ และที่สำคัญเหรียญนี้ไม่ได้รมผิว สีผิวจะเป็นเอกลักษณ์ สีผิวทั่วไปจะออกสีน้ำตาลเรื่อๆ สีผิวตามซอกจะแดง ส่วนนูนที่ถูกจับจะมีสีน้ำตาลเข้ม ที่สำคัญที่สุด บนผิวเหรียญด้านหน้าและด้านหลัง จะมีเกล็ดหรือจุดประสีน้ำเงินแต้มอยู่ประปราย มากน้อยไม่แน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2013
  6. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ขอขอบคุณข้อมูลจากศิษย์สายตรงอาจารย์ทองด้วยรวมถึงป้าพรที่วัดด้วยครับ....
     
  7. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    วัดคูหาภิมุขแดนขลังที่ผมเคยบวชมีความเป็นมาที่ยาวนาน ....นอกจากพ่อท่านบรรทม(พระพุทธไสยาสน์)และท่านเจ้าเขาพ่อยักษ์หน้าถ้ำท่านพระครูพรหมทองอดีตเจ้าอาวาสที่นี่ท่านขลังท่านเป็นศิษย์เขาอ้อครับ....เหรียญท่านขลังที่สุด พ่อท่านเขียวก็คนหน้าถ้ำนี่ล่ะ(ญาติห่างๆกับผม)ส่วนอาจารย์ทองนั้นท่านมาเสกของให้วัดคูหาภิมุขทุกรุ่นว่ากันว่าท่านเรียนจากตำราพ่อท่านเริ่ม ที่สุราษฎร์ธานี...ตอนนี้จะขอเล่าประวัติ โดยสังเขปของ พระครูพรหมทอง ก่อนขอขอบคุณพี่หลวงพงษ์วัดลำพะยาด้วยที่มอบข้อมูลมาให้ผมเผยแพร่ครับ.....
    เท่าที่ทราบ คือ พระครูพรหมทอง ฉายา จนฺทสิริ เป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำยะลา รูปที่ ๔ (ต่อมาเรียกชื่อวัดว่า "วัดคูหาภิมุข") ครองวัด พ.ศ.๒๓๔๕ ถึง พ.ศ.๒๔๗๐ โดยย้ายมาจากวัดตานีสโมสร
    ขณะที่ ครองวัด ท่านได้พัฒนาถาวรวัตถุขึ้นหลายอย่าง อาทิ สร้างอนุสาวรีย์ ที่เจ้าอาวาสรูปก่อนได้สร้างค้างเอาไว้) เพื่อบรรจุอัฐิของอดีตท่านเจ้าอาวาส รูปที่ ๒ พระเถระสำคัญของภาคใต้ ในยุคพ.ศ. ๒๔๐๔-๒๔๑๘ คือ ท่านพระครูธรรมขันธ์ (เพ็ชร ฐิตวํโส) นอก จากนี้ท่านยังบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระพุทธไสยาสน์ และพระพุทธรูป ๑๕ องค์ สร้างบันไดชั้นล่าง ด้วยอิฐถือปูนขาว เพื่อเป็นทางขึ้นถ้ำพระนอน สร้างอุโบสถแบบก่ออิฐถือปูนขาวอย่างถาวร ๑ หลัง สร้างกุฏิถาวร เพิ่ม ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง สร้างถนนข้ามลำห้วย และการย้ายวัดออกทางตะวันตกของลำห้วย อันเป็นที่ตั้งวัด ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ท่านพระครูพรหมทอง มรณภาพเมื่อพ.ศ.๒๔๗๐

    ฉะนั้น เหรียญพระครูพรหมทอง รุ่นแรก ที่สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๔๗๘ จึงเป็นเหรียญที่สร้างขึ้นในภายหลัง โดยเจ้าอาวาสรูปต่อมา ซึ่งเป็นศิษย์สายตรงของท่าน คือ พระพุทธไสยารักษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำพระนอน ในช่วง พ.ศ. ๒๔๗๕ -พ.ศ. ๒๕๒๘ เพื่อแสดงความเทิดทูนเชิดชูเกียรติของท่านนั่นเอง ที่ว่า...เหรียญ นี้มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นเหรียญที่สร้างขึ้นใน พ.ศ.๒๔๗๘ ซึ่งถือกันว่า เป็นเหรียญรูปพระสงฆ์ ที่มีอายุการสร้างเก่าแก่ที่สุด ในจังหวัดยะลา
    และหากไม่มีเหรียญ เก่าคู่บ้านคู่เมืองของ จ.สุราษฎร์ธานี คือ เหรียญหลวงพ่อเพ็ชร วัดอัมพวัน (ออกเมื่อปี ๒๔๖๗) แล้ว เหรียญพระครูพรหมทอง จะเป็น เหรียญเก่าที่สุดในจังหวัดภาคใต้ เลยทีเดียวและนับเป็นเหรียญเก่าแก่ที่หายากยิ่ง อีกเหรียญหนึ่งของวงการพระเมืองไทย ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หากไม่มีการจดบันทึกไว้ ย่อมไม่สามารถจะบอกกล่าวเล่าเรื่องราว ให้คนรุ่นหลังได้ทราบว่า เหรียญพระครูพรหมทอง เป็นเหรียญดัง ที่สร้างขึ้นในยุคที่ประวัติศาสตร์ของวัดกำลังเปลี่ยนไป ซึ่งรุ่งเรืองมากในยุคของท่าน ทั้งเรื่องของที่ตั้งวัด และถาวรวัตถุกล่าว กันว่า ในยุคของพระครูพรหมทอง..สืบต่อมาจนกระทั่งท่านเจ้าคุณพระพุทธไสยารักษ์ ต่างมีส่วนทำให้ประวัติศาสตร์ของวัดแปรเปลี่ยนไปอย่างมากมาย ทำให้ วัดถ้ำยะลา อันมีแหล่งประวัติศาสตร์และะอารยธรรมโบราณ เป็นที่รู้จักกันในหมู่ของประชาชนคนทั่วทั้งประเทศ การเปลี่ยนแปลง ที่เห็นได้ชัด คือ การเปิดทางเข้าใหม่วัด ในสมัยที่ท่านพระครูพรหมทองเป็นเจ้าอาวาส ได้สร้างความสะดวกสบายในการไปเยี่ยมชมอาณาบริเวณต่างๆ ของวัดถ้ำยะลา จนมีส่วนทำให้เราได้พบกับแหล่งอารยธรรมสำคัญ ในชั้นต่างๆ ต่อมามากขึ้น เช่น แหล่งโบราณบ้านท่าสาบ “ทุ่งกาโล” พระพุทธไสยาสน์วัดถ้ำ (ชาวบ้านเรียกว่า "พ่อท่านบรรทม") ท่านพระครูพรหมทองได้อนุรักษ์ด้วยการสร้างพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่เห็น อยู่ในปัจจุบัน ครอบทับองค์เก่าเอาไว้ภายใน พระพุทธไสยาสน์ องค์นี้มีอายุอยู่ในช่วงพ.ศ. ๑๒๐๐-๑๘๐๐ พุทธลักษณะเป็นพระโพธิสัตว์นารายณ์บรรทมสินธุ์ อันเป็นปางหนึ่งของพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ศาสนาประจำอาณาจักรศรีวิชัย
    ต่อมา เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐ ได้มีการค้นพบ ถ้ำศิลป์ อันมีภาพจิตกรรมฝาผนังสมัยศรีวิชัย ซึ่งมีความสวยงามมาก ทางกรมศิลปากรในสมัยนั้น โดยนายธนิต อยู่โพธิ์ อธิบดีกรมศิลปากร นายชิน อยู่ดี และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ได้สำรวจถ้ำศิลป์ และจัดทำคำอธิบายภาพเหล่านี้ไว้ทั้งหมด และในพ.ศ.๒๕๐๑ ช่างศิลป์ ๓ ท่าน คือ นายเขียน ยิ้มศิริ นายจำรัส เกียรติก้อง นายชิน อยู่ดี ได้รับทุนจากองค์การ ส.ป.อ. (เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาศิลปะไทย) ได้คัดลอกภาพเขียนสีไว้ พร้อมทั้งจัดทำแผนที่ แผนผัง และถ่ายรูปเก็บรวบรวมเป็นหลักฐานไว้อีกด้วย ถ้ำศิลป์ วัดถ้ำพระนอน จ.ยะลา นับเป็นโบราณอันเก่าแก่ ที่ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์แก่เราได้เป็นอย่างดีที่สุด และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้ไปเยือนอยู่เสมอ
     
  8. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ผมบวชเณรที่นี่ บวชพระก็ที่นี่ กรรมการวัดคูหาภิมุขรุ่นเก่าก็ญาติ พรรคพวกก็เป็นพระที่นี่แหละข้อมูลที่นำเสนอเป็นของจริงครับ ด้วยความเคารพครับ.....
     
  9. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ยันต์กำเนิดของอาจารยืทองนั้นท่านเรียนจากตำรา...เป็นยันต์กันเสื่อมและดีครอบจักรวาล ผมเรียนมาแต่ไม่ได้ใช้เลยเพราะไม่ได้ตั้งตนเป็นเกจิอาจารย์เหมือนใครๆเขาครับ สำคัญที่จิตน่ะครับ ขลังไม่ขลังอยู่ที่จิตอย่างที่อาจารย์รักษ์ อยุธยาว่าไม่มีผิดครับ.......
     
  10. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    แว๊บไปทำงานก่อน...เย็นย่ำนี้จะเล่าถึงพลังพระขุนแผนและกรรมฐานพ่อท่านบ่าวให้ทราบ รวมถึงของดีวัดคูหาภิมุขที่อาจารย์ทองเสก สีผึ้งนี่ผมกล้ารับรองในความสำเร็จ ขอให้ท่านๆเป็นคนดีเท่านั้น...แรงครูท่านช่วยครับผม...
     
  11. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    สีผึ้งอาจารย์ทองวัดสำเภาเชยเสกให้วัดคูหาภิมุข หุงโดยพระครูพิทักา์ธรรมสุนทร หุงผสมมวรสารสีน้ำตาลใช้ทางมหาลาภ สีขาวใช้ทางเสน่ห์ดี ท่านว่า(พระครู)เสกนะเมตตาให้ชนะคนอื่นทำการค้าก็จะรวยก่อนเพื่อนไม่ต้องเหนื่อยมาก...สีผึ้งแท้แบบโบราณที่ทำมาจากรังผี้งจากเชียงใหม่ มีส่วนผสมของขี้ผึ้งล้วนๆผสมน้ำมันมะพร้าวเพียงเล็กน้อย สีผึ้งของวัดคูหาภิมุขนี้อาจารย์ทองเสกให้ล้านเปอร์เซ็นต์ครับ....เป็นสีผึ้งแท้ๆเชียวใช้ดีนัก
    สีผึ้งนี้เป็นสีผึ้งแท้จะหนืดมากๆ มีกลิ่นแบบขี้ผึ้งไหม้ๆ ส่วนสีผึ้งผสมจะเนื้อเหนียวๆแบบวาสลินเนื้อข้นๆ เนื้อเป็นมันและลื่นและมีกลิ่นแบบน้ำอบไทยอย่างชัดเจน
    เนื้อสีผึ้งแท้จะหนืดเหนียว ไม่สามารถจับตัวเป็นก้อนสี่เหลี่ยมได้ในอุณหภูมิปกติ ถ้าเป็นสีผึ้งผสมจะมีเนื้อเหนียวแต่ไม่หนืด และเป็นก้อนสี่เหลี่ยมสวยงามได้....ท่านเสกพร้อมพระเครื่องทั้งหมดสีผึ้งและน้ำมันนี้เป็นของสำคัญที่อาจารย์ทองท่านใช้เจิมรถเจิมราด้วย...ครับ
     
  12. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ความขลังทางเมตตาต้องเล่าเรื่องสีผึ้งมากๆไว้ก่อนว่า เรื่องเมตตามหานิยมนี่ไม่แพ้ใครจริงๆ เมื่อจิตเรานิ่งอธิษฐานถึงอาจารย์ทองวัดสำเภาเชยขอในสิ่งที่เราต้องการให้ท่านช่วย ท่านช่วยเราแน่ครับ จาก
    ยาก กลายเป็นง่าย จากง่ายก็ผ่านไปเลยครับ เอาล่ะครับโม้ไปเยอะแล้ว มาเข้าเรื่องกันดีกว่านะครับ
    เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนผมเพื่อนเกลอเลยล่ะ...เขาอยู่ซาอุ(ดร)คุณนพกร(เสี่ยโอ๋)ไปขายที่ดินแปลงหนึ่งที่อุดรธานี ตกลงกันในเบื้องต้นว่า เมื่อเซ็นต์โอนที่ให้แล้ว ก็ต้องได้เงินเลยนะเสี่ยโอ๋บอกแบบนั้น ผู้ซื้อก็ตกลงตามนั้น
    แต่เรื่องไม่เป็นไปตามที่ตกลงครับ เซ็นต์โอนเสี่ยโอ๋เพื่อนผมก็เซ็นต์ไปแล้ว คือ ผู้ซื้อนำที่ดินแปลงนี้เข้าไปขอที่ ธ.ธกส สาขา อุดรธานี ปรากฎว่าเมื่อเซ็นต์
    จำนองและนำเอกสารมาขึ้นเงินที่ธนาคาร ธนาคารบอกว่าต้องรอไปอีก 3 วัน เงินจึงจะออก โอ๋(เสี่ยใหญ่ของผม)ก็" อ้าว ผู้ซื้อบอกว่า จำนองเสร็จได้เงินวันนี้เลย"
    เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่า ไม่สนเป็นเรื่องของคุณกับเค้า ธนาคารไม่เกี่ยว ระเบียบของธนาคารเป็นแบบนี้ งานเข้าแล้วครับ เอาไงล่ะทีนี้ ไม่ได้เงิน
    กลับบ้าน โอ๋ว่าโดนแม่ทูนหัวดุแน่ๆเลย ที่สำคัญผู้ซื้อจะเล่นเกมส์อะไรรึเปล่าเนี่ย ไม่ยอมครับ ยังไงก็ต้องเอาเงินกลับบ้านให้ได้ เพราะไม่ใช่เงินหมื่นสองหมื่น
    เกือบๆล้านบาทโน่นนะครับ เวลาก็จะบ่าย 3 โมงครึ่งแล้ว ธนาคารก็กำลังจะปิด เพื่อนผมนั่งตั้งสตินึกถึงหลวงปู่ทองหรืออาจารย์ทองวัดสำเภาเชย มือจับกุมตลับสีผึ้งหุงใว้แน่นจนเกร็ง
    ................................
     
  13. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    โอ๋เล่าให้ผมฟังว่า...เขาอธิษฐานจิตอย่างตั้งมั่นว่า....ช่วยลูกด้วยนะครับ ลูกจะเข้าไปคุยกับ ผจก.ธนาคาร ให้ผจก.เค้าเมตตาต่อลูก ให้เรียกพนักงานเอาเรื่องมาทำให้เสร็จ ให้ลูกได้เงินกลับบ้านด้วยเถิด ไม่งั้นภรรยาของลูกเอาเรื่องและไม่สบายใจแน่ๆ หลวงปู่ทองช่วยลูกนะครับ ตอนนั้นเวลา ประมาณ 3โมง 28 นาที ถ้าใครเคยไปทำธุรกรรมกับแบงค์จะรู้ดีนะครับว่า เวลาขนาดนี้เป็นไปได้ยากมาก เพราะพนักงานก็เตรียมปิดบัญชีกลับบ้าน ยิ่งเป็นแบงค์ของราชการด้วยแล้ว มองไม่เห็นทางเลยล่ะครับ แต่โอ๋เพื่อนผมไม่ยอมครับ เดินเปิดประตูแบงค์เข้าไปอย่างหน้าตาเฉยๆ ขอพบ ผจก.ครับ เจ้าหน้าที่ทำหน้า งงงงแล้วบอกว่าแบงค์จะปิดแล้วมีธุระอะไร
    ....โอ๋บอกว่า ผมขายที่ดินผู้ซื้อเอามาจำนองแต่แบงค์ไม่จ่ายเงินผม
    ผจก. รอแป๊บนะคะ เดินไปคุยกลับมา เชิญค่ะ โอ๋เล่าว่าตอนนั้นผจก.หน้าดุมากๆแล้วก็อธิบายเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง ท่านก็บอกว่าเป็นระเบียบของแบงค์จริงๆ คุณต้องรอ แต่เพื่อนผมบอกว่ารอไม่ได้ครับ
    ......ผมต้องนำเงินกลับบ้าน บ้านผมอยู่ต่างจังหวัด ท่านเมตตาช่วยผมนะครับ ท่านทำหน้ายากมากๆ ขณะที่คุยนี้ผมแอบดูนาฬิกา 3โมง 50กว่านาทีแล้วครับ ท่านลนลานให้เห็นเลยล่ะครับ ท่านบอกแป๊บนึงนะ ยกโทรศัพย์เรียกพนักงานสินเชื่อลงมาครับ สินเชื่อลงมาเห็นหน้าผมทำหน้างงเข้าไปใหญ่พร้อมถามว่า พี่ยังไม่กลับเหรอคะ ผจก ถามว่าเรื่องเป็นยังไง ก็หนูอธิบายให้พี่ฟังแล้วว่า ระเบียบการของเรา 3 วันมารับเงิน อยู่ๆครับ ผจก บอกว่า เอางี้คุณเอาเรื่องมาทำตอนนี้ทันมั๊ย สินเชื่อหน้าตาจะร้องไห้ครับ บอกว่าแล้วแต่ ผจก ค่ะ ในใจผมพร้อมมือจับไปที่สีผึ้งทันที นึกถึงหลวงปู่ครับ บอกหลวงปู่ว่าอีกนิดนึงครับหลวงปู่ จะสำเร็จแล้ว ผจกหันมาบอกว่า คุณรอสักครู่นะและบอกสินเชื่อว่า ให้รีบไปทำให้เสร็จด่วนที่สุด ในใจตอนนั้น โอ๋ดีใจอย่างที่สุดครับ บอกหลวงปู่ว่า สำเร็จแล้วครับหลวงปู่
    ....กลับไปพรุ่งนี้เช้าผมจะใส่บาตรถวายหลวงปู่เหมือนเช่นทุกๆวันที่ผมทำครับ ผจก ก็หันมาพูดว่า ผมไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ ที่อนุมัติทำให้คุณ เพราะปกติแล้วไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครและยิ่งเวลาขนาดนี้เป็นไปไม่ได้ ....นี่คือเรื่องเล่าจากนพกร คำลา คนอุดรเพื่อนผมที่ผมให้สีผึ้งไปเมื่อ2544...เขาเล่าให้ฟังนานแล้วเพิ่งสบโอกาสบอกเล่าประสบการณ์จึงเล่าสู่กันฟังในกระทู้นี้ครับผม.....
     
  14. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ท่านพระครูพิทักษ์ธรรมสุนทร ท่านเป็นผู้ควบคุมการหุงเองครับ วัสดุที่นำมาใช้ทำสีผึ้ง ท่านก็จะทำตามตำราทุกอย่าง ในบางครั้งวัสดุบางชนิดต้องให้ลูกศิษย์ขึ้นไปหาบนเขามาให้

    เรื่องเมตตา ค้าขาย บรรดา พ่อค้า แม่ค้า ทราบกันดีครับ
     
  15. lalitakah

    lalitakah Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2013
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +72
    โอนเงินเรียบร้อยค่ะ ยอด 560 บาท รบกวนเช็ค PM หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
     
  16. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ด้วยความเคารพ..สีผึ้งสีน้ำตาล150บาทสีผึ้งสีขาว150บาทครับ ค่าส่ง60บาทครับ..น้ำมันเมตตา200บาท พระขุนแผนพิชัยสมบัติปัดทองเคลือบสีผึ้งกับน้ำมันเมตตาแรงมาก..หากศรัทธานะครับ...สีผึ้ง หรือขี้ผึ้ง คนแก่ที่กินหมากสมัยก่อน จะใช้สีปาก เพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่สีผึ้งวันนี้คือของดี ของขลังสำหรับความเชื่อของวงการไปแล้ว การหุงขี้ผึ้ง ใช้จะง่ายอย่างที่คิด ไม้ที่ จุดไฟหุงต้องลงอักขระทุกอัน ไม้สำหรับกวนสีผึ้งตอนหุง ก็ลงอักขระเหมือนกัน หากต้องการให้นิ่มให้เหนียว ต้องใช้ไฟ อ่อนต้งไฟไว้ เป็นอาทิตยถึงจะใช้ได้ ไม่ใช่หุงถ่ายภาพ30นาที แล้วจะขลังส่วน ผสมของสีผึ้งล้วนแล้วแต่ว่านที่มีชื่อ เป็นมงคลทางเส่น่ห์เล่ลมทั้งหมด อย่างน้ำมันหมอเฒ่าครูหมอมโนราห์ภาคใต้ เสกทางเมตตาให้คนรักและนิยมโดยใช้น้ำมัน....เคยถามผู้ที่เคยรู้มาเล่าต่อ .....วันหลังหากมีคนสนใจจะเล่าให้ฟัง .....ในตำราบอกว่าทาสีผึ้งแล้วไปเจรจา ขออะไร เขาก็ ให้ แม้แต่ ขอลูกสาว อันนี้ผมไม่เคยลองครับ(ผมแก่แล้วด้วย) หากใครสงสัย อยากทดสอบผมจะแจกให้แต่ต้องมารับที่ยะลาเพราะวันที่23นี้ลงใต้อีกแล้วไปดูงานก่อสร้างครับ.. มีปัญหา อย่าด่าครูบาอาจารย์แล้วกันจะเป็นบาปครับ(เราศรัทธาจริงก็เห็นผลครับ)
     
  17. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    สาธุครับจะเช็คน่ะครับ...ท่านใดมีปัญหาด้านการงานผมแนะนำให้บูชาพระขุนแผนพิชัยสมบัติเพราะเป็นมงคลลาภด้วยเหลือน้อยแล้วจริงๆ...คุ้มค่าที่สุดนะครับ ส่วนสีผึ้งกับน้ำมันสงสัยสิ่งไรถามทางกระทู้ได้เลยนะครับ....ใช้แก้ปัญหาทางโลกได้ด้วยอาจารย์ทองบอกเล่าเคล็ดสีผึ้งกับน้ำมันเสกทางเมตตามหานิยมกับผมเมื่อ2539ที่โบสถ์วัดหลักเมือง ปัตตานี...
     
  18. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    สูตรหุงสีผึ้งของพระครูพิทักษ์ธรรมสุนทรวัดคูหาภิมุขศิษย์อาจารย์ทองใช้หัวกระโหลกผีเวลาหุงต้องหุงกลางแจ้ง(กลางหาว)
    ลงอักขระที่กะทะ ที่ไม้ฝืน ที่ไม้พาย และที่หัวว่าน
    ตำแล้วคั่นเอาน้ำว่าน มาเคี่ยวกับสีผึ้งแท้มีหัวเชื้อน้ำมันมะพร้าวลูกแรกทะลายแรก(ต้องทะลายทางทิศตะวันออกด้วย)
    ถ้าเป็นทางเมตตาสงสาร...ผสมน้ำตาปลาพยูนและอีกหลายอย่างผมเคยเผยไปบ้างแล้วเมื่อหลายวันก่อน...จะเด่นทางค้าขายคนเมตตาสงสาร ติดต่องานได้ดี
    ถ้าเป็นทางเจ้าชู้ จีบสาว หรือรักใคร่หลงไหล..ผสมว่านสาวหลง กาฝากรักด้วย...ใครเข้าใกล้เกิดอารมณ์ใคร่สวาท
    ชุดนั้นลองให้เด็กไปใช้สามสิบกว่าคน ได้ผลดีมากเลย แต่มันไม่ดีครูบาอาจารย์ท่านเลยให้เลิกทำ
    ไม่รู้ว่าสีผึ้งชุดนั้นหลวงพงศ์วัดคูหาภิมุขเก็บไว้บ้างรึเปล่า... อาจารย์ทองเสกวันจันทร์เพ็ญตอนพระจันทร์อยู่นภารัติกาล...

     
  19. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    จิตสำคัญมากครับต้องมีความเชื่อในพลังธรรมะพลังไสยะพลังจิตของครู....ถึงจะเห็นผลดั่งตำราว่าครับ...
     
  20. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ประกาศ!!! สีผึ้งชุดนี้ อาจารย์ทองเสก นี้เด่นด้านใดบ้าง


    -ห้ามป้ายเพศตรงข้ามเด็ดขาดพระท่านไม่ช่วยแน่นอนครับ
    -พกติดตัวเป็นมหาเสน่ห์ เสริมราศรีี คุ้มครอง ป้องกันภัย โชคลาภค้าขายดีครับ


    -ประกาศเด็ดขาดนะครับว่า...กิน ป้ายทา ระวังปัญหามากมายจะตามมานะครับ ใช้ควบคู่กับน้ำมันเมตตาและพระขุนแผนวัดไหนก็ได้หรือพระขุนแผนพิชัยสมบัติพ่อท่านบ่าวก็ได้เล่นคาถาทำใจให้มั่นหน่อยครับ(เชื่อ) ใช้ทางที่ส่งเสริมชีวิตทางโลกก็พออย่าไปทางโลกย์เลยครับ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...