เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เดี๋ยวขออนุญาตเล่าความฝันนิดนึ่งนะคะ หลังจากโพสต์ไปเมื่อวาน ไม่รู้ว่าใจจดจ่อเรื่องที่ว่าเคยอ่านหนังสือของ อ.โนวา อนาลัย หรือเปล่า จึงเก็บเอาไปฝัน ฝันว่าเข้าไปในร้านหนังสือ เหมือนเป็นร้านที่ปิดร้างไปแล้ว เพราะไม่ได้รับการเอาใจใส่ สภาพทรุดโทรม ไม่มีคนขาย ไม่มีคนดูแลด้วย แต่จะว่าเป็นร้านหนังสือก็ไม่เชิง เหมือนชั้นวางหนังสือในห้องสมุดมากกว่า มีหนังสือเก่าๆ มากมาย หนังสือวางระเกะระกะตามชั้น ดูไม่เป็นระเบียบ บางเล่มฉีกขาด บางเล่มสกปรก ฝุ่นเกาะเต็มไปหมด ณ.เดินเข้าไปดู มีความรู้สึกว่าน่าจะมีหนังสือที่ตัวเองต้องการอยู่ในนี้แหละ แต่ยังไม่ทันไร ก็ตื่นซะก่อน....แหมเสียดายจัง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2007
  2. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ขออภัยค่ะ ไม่รู้ว่าทำไมกระทู้ ถึงเรียงสลับวันที่ไปมา งงคะ แล้วดันไปอ่านเจอที่พี่นักเขียนโพสต์เรื่องความตายไว้ 06-09-2007, 04:08 AM ลืมดูวันที่ นึกว่าเป็นของล่าสุด เลยโพสต์ถามไป งงจริงๆค่ะ แต่ตอนนี้เรียงได้แล้ว .อิอิ.ขออภัยจริงๆ... ยังไงขอท่านผู้มีความรุ้กรุณาช่วยตอบด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2007
  3. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    พอดีเข้ามาแล้วเห็นพี่นักเขียนน่ะค่ะ เลยขออนุญาติถามเรื่องของจิตวิญญาณประสานกาย บทที่ 2 ความรู้สึกนึกคิด - ทัศนคติและความเชื่อกับสุขภาพ

    หน้า 19 - 20 เธอทั้งหลายจมอยู่กับความเชื่อที่ทำให้เธอขาดทุนเป็นอันมาก ความเชื่อเหล่านั้นมักเกี่ยวพันกับพรสวรรค์ - ความสามารถ - ความเป็นอัจฉริยะ นอกจากความเชื่อเหล่านั้นจะบิดเบือนความเป็นจริงแล้วมันยังเชื่อมโยงกับการตีความหมายและความคิดที่ผิดอันได้แก่ความคิดเกี่ยวกับมาตรฐานของมนุษย์ พวกเธอทั้งหลายพยายามที่จะทำตัวให้ใกล้เคียงและเข้ากันได้สนิทกับบุคคลอื่น ๆ รอบตัวเธอ เธอพยายามซ่อนความประหลาด ความล้มเหลวหรือแม้แต่พรสวรรค์และความสามารถพิเศษที่อาจทำให้เธอแปลกแยกไปจากพวกพ้อง ผลลัพธ์จากการกระทำดังกล่าวมักทำให้เกิดความเชื่อ เช่น หากเธอมีความสามารถพิเศษอย่างสูงในด้านใดด้านหนึ่ง เธอมักจะแสดงออกซึ่งความสามารถที่ด้อยไปกว่าความเป็นจริง เธอมักถ่อมตนในการแสดงออก เพราะเหตุว่าผู้อื่นอาจจะอิจฉาริษยาในความสามารถของเธอ เกรงกลัวเธอ หรือพยายามดึงเธอลงไปให้เท่ากับ " ระดับ " ของพวกเขา

    โดยปกติแล้วคนไทยมักจะได้รับการสอนให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเพราะหากแสดงออกมากเกินไปอาจจะถูกมองว่า เว่อ, อวดดี หรือตามสุภาษิตไทยที่ว่า จงทำดีแต่อย่าเด่น - จะเป็นภัย อะไรท่านองนี้น่ะค่ะ จึงอยากจะถามพี่นักเขียนว่าความเชื่อแบบนี้เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างไร? เพราะโดยปกติแล้วขจรวรรณมักจะเป็นเพียงผู้เฝ้ามองการกระทำของผู้อื่นเพื่อวิเคราะห์ลักษณะของผู้อื่นก่อน หากมีผลกระทบกับตัวเองจึงจะแสดงออกพฤติกรรมออกมาลักษณะนี้ผิดรึปล่าวคะพี่นักเขียน?
    (b-uh)
     
  4. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความตายของเซลล์ กับ ความตายของร่างกายตัวตน

    ความตายที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงว่า เป็นไปหรือเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลานั้น หมายถึงการตายของเซลล์ซี่งเป็นการตายที่มีการเกิดใหม่ด้วยพร้อมๆกันไป กล่าวคือ ทุกเจ็ดปี เซลล์ทั้งหมดที่ตายไปจะได้มีเซลล์เกิดใหม่มาแทนที่ทั้งหมด เรียกได้ว่า ร่างกายทั้งร่างมีเซลล์ใหม่หมดทุกเจ็ดปี การตายในลักษณะนี้เป็นการตายที่เราไม่รู้เห็น หรือไม่รู้ตัว เพราะชีวิตและการตายเป็นไปอย่างปราศจากรอยต่อ

    ในขณะเดียวกัน การตายที่เราเรียกกันว่าหมดลมหายใจ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการตายของเซลล์เลย เราไม่เคยเห็นการตายของตนเอง ไม่เห็นรอยต่อของความตายและการเกิดใหม่ แต่เราอาจเผชิญกับความตาย หรือการเกิดใหม่ หรือชีวิตหลังความตายได้เสมอๆในความฝัน แต่นอกจากเรามักจะไม่จำแล้ว เรายังมักตึความหมายประสบการณ์เหล่านี้เป็นอื่นไปด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจ และไม่เชื่อว่าเรารู้เห็นความเป็นไปทั้งหมดได้จริงในความฝัน

    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า การเป็นตัวตนของเรานั้นไม่ได้คงที่ถาวรอย่างที่เราคิด เพราะจิตวิญญาณเปลี่ยนวิถีการจดจ่ออยู่ตลอดวันเวลาไปสู่มิติอื่น โลกอื่น ชาติภพอื่น ตัวตนอื่นๆของเราอยู่ตลอดวันเวลา ร่างกายตัวตนของเราอยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่า กะพริบ เกิด-ดับอยู่ตลอดวันเวลา เช่นเดียวกับที่เซลล์ตายไปและมีเซลล์ใหม่เกิดขึ้นทดแทน

    แต่เราก็ไม่อาจรู้เห็นการตายและการเกิดใหม่เหล่านี้ได้ เพราะมันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าที่ประสาทสัมผัสของเราจะรู้เห็นได้

    พี่นักเขียนได้มีโอกาสคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์ใกล้ตาย (Near Death Experience) หรือผู้ที่มีประสบการณ์หลังความตาย (After Death Experience) ล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาเชื่อว่า เขาตายไปแล้วและกำลังดำเนินชีวิตใหม่ ในร่างกายตัวตนใหม่ ที่สัมพันธ์กับร่างกายตัวตนเดิม หรือประสบการณ์เดิม แต่โลกแห่งความเป็นจริงอันได้แก่สัมพันธภาพ สภาพแวดล้อมและประสบการณ์รอบตัวดูเสมือนจะเปลี่ยนแปลงไปหมดอย่างเห็นได้ชัด หากจะเรียกว่า เขาได้ตายแล้วเกิดใหม่ ก็คงไม่ผิด

    พี่นักเขียนเองก็เคยเผชิญกับประสบการณ์คล้ายคลึงกันนี้ และได้้เล่าให้พวกเราฟัง เมื่อถูกแมลงมุมมีพิษกัด พี่นักเขียนพบว่าสภาพแวดล้อม ความเชื่อ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ตลอดจนทัศนคติที่พี่นักเขียนมีต่อชีวิต มีต่อโลก และทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดเสมือนตายแล้วเกิดใหม่ ดำเนินชีวิตในโลกหรือเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใหม่

    มันคงจะเป็นการยากที่เราทั้งหลายจะเข้าใจสภาวะดังกล่าวนี้ได้ นอกเสียจากเราจะเผชิญกับประสบการณ์ใกล้ตาย หรือหลังความตายด้วยตนเอง หรือเผชิญกับความฝันที่ทำให้เราตระหนักได้ว่าความตายคืออะไร

    พี่นักเขียนเชื่อว่า ผู้ที่สนใจใฝ่รู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณอย่างแท้จริง ในที่สุดแล้วจะสนใจความตายไม่น้อยไปกว่าที่เราสนใจชีวิต และแสวงหาความเป็นจริงเกี่ยวกับความตายไม่น้อยไปกว่าที่เราแสวงหาความเป็นจริงเกี่ยวกับชีวิต และในที่สุดเราก็จะพบว่า ความตายกับชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของวงจรที่แยกจากกันไม่ได้ หากปราศจากความตาย ชีวิตใหม่ก็เกิดขึ้นไม่ได้เช่นเดียวกับการตายและการเกิดใหม่ของเซลล์ และความตายก็ไม่ใช่จุดจบ เพราะข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพย่อมไม่สูญสลาย แต่ยังคงดำเนินและถ่ายทอดต่อไปได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของจิตวิญญาณที่เราเรียกว่า คนเป็นและคนตาย

    ผู้ตายจะไม่เคยเห็นการตายของตนเอง แต่เราจะดำเนินต่อไปเสมือนการนอนหลับ และตื่นขึ้นในวันต่อไป
    เมื่อเช้านี้เราตื่นขึ้นมาเป็นวันใหม่ เมื่อคืนนี้ของเราคือชาติภพใด มันเป็นเพียงเมื่อวานนี้หรือ ? เมื่อวานนี้กับชาติภพก่อนนี้ต่างกันอย่างไร? เราให้ความหมายของมันแตกต่างกันด้วยเวลา แต่ 24 ชั่วโมงที่แล้วกับชาติภพที่แล้วต่างกันยาวนานเท่าไร ณ วันนี้ ณ วินาทีนี้ 24 ชั่วโมงที่แล้วหรือชาติภพที่แล้วอยู่ที่ไหน

    เราจดจำรายละเอียดนับแต่วินาทีที่เราตื่นขึ้นเมื่อวานนี้ จนกระทั่งวินาทีที่เราเข้านอนได้ทั้งหมดหรือไม่ว่า เราได้ทำอะไร อย่างไร เราคิดอะไร เราพูดอะไร

    คืนนี้เราเข้านอน พรุ่งนี้เช้าเราตื่นขึ้นมา เรารู้ได้แน่ชัดไหมว่า เราไม่ได้ไปตื่นขึ้นในชาติภพอื่น บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่น ?

    พี่นักเขียนไม่ได้ตั้งคำถามเหล่านี้ขึ้นมาเป็นปริศนาให้พวกเราคิดเล่นเหมือนนวนิยายวิทยาศาสตร์หรอกนะคะ แต่อยากให้พวกเราศึกษาหาความเป็นจริงจากสาระที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้มากมาย เกี่ยวกับเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ และการก่อเกิดประสบการณ์ชีวิตของเราจากความเชื่อ จากอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อ และศึกษาหาความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวตนอันปราศจากขีดจำกัดของเรา หากเราเข้าใจสาระเหล่านี้ เราจะได้คำตอบ เพราะมันไม่ใช่คำถามหรือปริศนาที่ไม่มีคำตอบ หากแต่เป็นธรรมชาติที่เราทุกคนค้นพบได้ด้วยตนเอง หากเราจะศึกษาและมองหาคำตอบเหล่านี้อย่างมีสติ (rose)
     
  5. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การแสดงออก กับ ความเชื่อ

    ความเชื่อตามธรรมเนียมประเพณี ไม่ใช่ความเชื่อที่ผิดหรือถูกเสมอไป นอกเสียจากว่าเราจะเชื่อและประพฤติตนไปในทิศทางที่เก็บกดความรู้ความสามารถของตนเอง เพราะการกระทำดังกล่าวจะทำให้เราเกิดความขัดแย้งเป็นอันมาก เนื่องจากว่าจิตวิญญาณของเราล้วนมาถือกำเนิดเพื่อแสวงหาการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิต หากเราเก็บกดความรู้ ความสามารถของตนเอง ไม่กล้าแสดงออก หรือในทางตรงกันข้าม แสดงออกซึ่งความรู้ ความสามารถที่ตนไม่มี เราก็สร้างความล้มเหลวให้กับตนเองหรือให้กับจิตวิญญาณ เพราะแทนที่เราจะก้าวหน้าหรือพัฒนาต่อไปได้ เราก็ย่อมพัฒนาหรือก้าวหน้าต่อไปไม่ได้ทั้งสองกรณี

    ธรรมเนียมไทยเราสอนให้เราอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งพี่นักเขียนมีความเห็นส่วนตัวว่าเป็นธรรมเนียมที่ดีงาม เพราะทำให้เรารู้จักสังเกต และใช้สติตรวจสอบก่อนที่จะแสดงออก สิ่งแรกคือตรวจสอบตนเอง ตรวจสอบความรู้ความสามารถของตนเอง และสิ่งที่สองคือตรวจสอบความเหมาะสมของกาละเทศะในการแสดงออก

    การแสดงออกซึ่งความรู้ความสามารถที่ตนไม่มีเป็นการ corrupt หรือคดโกงต่อตนเอง เพราะทำให้ตนเองไม่อาจก้าวหน้าหรือพัฒนาต่อไปได้จริง เป็นการหลอกตนเอง ส่วนผู้แสดงออกซึ่งความรู้ความสามารถที่ตนมีจริง แต่หากแสดงผิดที่-ผิดเวลาก็อาจเปล่าประโยชน์หรือให้โทษได้ไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะอาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่อตนเองและผู้อื่น

    คุณน้องขจรวรรณพิจารณาผลกระทบต่อตนเองเป็นหลักซึ่งก็เป็นปกติของคนเราค่ะ แต่การประพฤติปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีมักเหมาะสมและให้ผลดีก็ต่อเมื่อเราอยู่ในสังคมที่ยึดถือประเพณีเดียวกันเท่านั้น พี่นักเขียนมีประสบการณ์ในการอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนาน ทำให้เรียนรู้ว่าเข้าเมืองตาหลิ่ว เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะหลิ่วตาตาม เพราะธรรมเนียมประเพณีเป็นความเชื่อส่วนกลุ่ม ไม่ใช่ธรรมชาติความเป็นจริงที่ใช้ได้ผลในทิศทางเดียวกันไปหมดทุกสังคม ทุกชนชาติ

    ในสังคมอังกฤษ การแสดงออกเป็นเรื่องที่ต้องดูพิจารณาปัจจัยหลายด้าน เพราะคนอังกฤษถือสาเรื่องกาละเทศะ เรื่อง class เรื่อง background ของบุคคลเป็นเรื่องใหญ่

    ส่วนในสังคมอเมริกัน การแสดงออกเป็นเรื่ิงที่ต้องพิจารณาความรู้ความสามารถเป็นหลัก เรื่อง class เรื่อง background เป็นเรื่องเล็ก ขอให้รู้จริง ทำได้จริง เป็นใช้ได้

    หากเราเอาธรรมเนียมไทยๆมาใช้ในสังคมอเมริกัน เรามักจะช้าไป ไม่ทันกิน เพราะกว่าจะหายเหนียมอาย กว่าจะเฝ้ามองใครจบไปแล้ว ก็อาจจะหมดคิวเสียก่อนน่ะค่ะ พี่นักเขียนมาเรียนหนังสือแรกๆ ไม่ทันจะอ้าปากออกเสียงหรือแสดงออก หรือแสดงความคิดเห็นเลยสักแอะ-หมดเวลาแล้วค่ะ

    อยู่ไปนานๆเข้าก็เข้าเมืองตาหลิ่ว หากจะแสดงออก จะแสดงความคิดเห็นก็ทำทันทีที่คิดได้ ไม่ต้องชักช้ารีรอ ทำให้ค้นพบว่า การกระทำดังกล่าวทำให้ความคิดงอกเงย และทำให้พัฒนาความรู้และทักษะที่ยังไม่สมบูรณ์ก้าวหน้าได้เร็วขึ้น

    สังคมไทย คนไทยถ้อยทีถ้อยอาศัย ช้าไปหน่อย อายเหนียมไปนิด ก็ไม่ว่ากัน คุ้นกันแล้วค่อยแสดงออก ก็ถือว่าถูกกาละเทศะ

    สังคมอังกฤษพิจารณาถึง class และ background การแสดงออกถูก class ถูก background เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจหรือการสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น และยอมรับกันได้ง่ายขึ้น

    ส่วนคนอเมริกันมักไม่เกี่ยงการแสดงออกและความคิดใดๆ เขาถือว่าทุกคนทัดเทียมกันหมดไม่ว่าจะสูงต่ำ ดำขาว class หรือ background ไม่เป็นสาระ ดังนั้นการแสดงออกอย่างฉับไวจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดกาละเทศะ และผู้ฟังผู้ชมก็มีสิทธิที่จะแย้งได้อย่างฉับพลันพอๆกันโดยไม่ถือสากัน เพราะเขาถือความเท่าเทียมเป็นกฏหลัก

    ความสมดุลย์ล้วนมีอยู่ในแต่ละสังคมในทิศทางที่แตกต่างกันไปตามธรรมเนียมประเพณี แต่มุมมองและความเชื่อทั้งหมดนี้ก็ใช้ได้จำเพาะที่ หากจะเรียกว่าเป็นความเชื่อในแง่บวกจำเพาะกาลก็คงไม่ผิดนะคะ และไม่ต่างไปจากความเชื่ออื่นๆของเรา ที่อาจจะร่วงหล่นไปโดยไม่เป็นพิิษเป็นภัย เมื่อเราพบว่ามันใช้การไม่ได้อีกต่อไป ณ จุดใดจุดหนึ่งของชิีวิต (rose)
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    สวัสดีครับพี่ฯ
    พี่นักเขียนช่วยอธิบายเรื่องความตายได้กระจ่างแจ้งดีครับ
    ถ้าหากเราเคยเห็นวินาทีของคนหรือสัตว์ที่สิ้นใจ เห็นลมหายใจสุดท้ายเฮือกสุดท้ายของเค้า จะรู้และเข้าใจทันทีว่ายังไปต่อ มีเส้นทางแห่งความเป็นไปได้รออยู่ข้างหน้า เหมือนการหลับและตื่นใหม่ในอีกวันนึง..จบบทเรียนหนึ่งเพื่อไปพบกับบทเรียนอื่นๆที่ช่วยขยายความรู้ออกไปในภพภูมิต่างมิติที่ละเอียดลึกต่างกันไป..เมื่อความเชื่อได้เปลี่ยนเป็นความรู้แล้ว ความวิตกกังวล+ความกลัวเรื่องความตายจะหมดไปทันที

    เล่าให้ฟังเรื่องนึงคับ เมื่อเดือนก่อนก็เพิ่งโดนแมลงมีพิษกัดนิ้วมือหยกๆ (ไม่รู้ตัวอะไรกัดเค้าซ่อนอยู่ในหลืบไม้) พิษมันแล่นปรู๊ดขึ้นมาถึงต้นแขนซ้าย..ใกล้หัวใจมาก ในใจคิดว่าแย่แล้ว..ปวดจิ๊ดๆแขนไม่มีแรง ชาไปหมด พอมานึงถึงพี่นักเขียนฯตอนโดนแมงมุมพิษเลยลองใช้เทคนิคของพี่เค้าดูบ้าง คือเริ่มรักษาที่ใจก่อนค่อยๆตั้งสติใหม่..หายใจช้าๆ ตั้งใจว่าจะสกัดพิษไม่ให้เข้าหัวใจ ให้หยุดอยู่ตรงนั้นพอแล้ว..สัก 10 นาทีจับต้นแขนไว้แล้วพิษก็หยุดตรงนั้นจริงๆครับ...แต่ก็ยังปวดอยู่มากพูดไม่ได้เลย ค่อยๆเอาไอน้ำจากกาน้ำที่ตั้งไว้มาอังพิษที่มือหน่อยก็ช่วยได้..จานนั้นก็ลองส่งให้พลังเข้าไปแทนที่ กำหนดว่าควรหายปวดได้แล้ว..สัก10 นาทีจึงค่อยๆทุเลาลง แต่ก็ยังแปลบๆที่ปลายนิ้วอยู่..จากนั้นอีกสัก 2 อาทิตย์เซลล์ที่ตายบริเวณนั้นก็ลอกออกไปเอง ไม่มีเข็มพิษฝังอยู่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวอะไรกัด แถวนั้นอยู่บนเขามีต้นไม้เยอะ แมลงมีพิษก็ซุกซ่อนอยู่มากด้วย..การกำหนดใส่รหัส หรือการรักษาร่างกายให้กับตัวเองนั้นทำได้จริงและทดลองพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007
  7. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ขอบคุณพี่นักเขียนที่ให้ความกระจ่างค่ะ และขอบคุณ คุณkhajorwan และสมาชิกทุกท่านที่ให้การต้อนรับนะคะ <O:p</O:p
    ณ.ยังไม่ได้อ่านหนังสือหน้า19-20 ของเรื่องของจิตวิญญาณประสานกาย บทที่ 2 ความรู้สึกนึกคิด -ทัศนคติและความเชื่อกับสุขภาพอย่างที่คุณkhajorwanได้อ่านเพราะยังไม่มีค่ะ... แต่ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นนิดหนึ่งนะคะ<O:p</O:p
    ... อย่างที่เราทราบๆกันว่าในโลกเรามีหลายลัทธิ หลายศาสนา และแหละหลายศาสดา ตามที่ ณ.ได้สังเกตมาพอสมควรที่สติปัญญาจะอำนวย จะเห็นได้ว่าทุกท่านที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ จะมีความสามารถเฉพาะตนมีความคิดที่แตกต่างจากคนหมู่มาก และสิ่งสำคัญคือกล้าที่จะทำในสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่น และมุ่งไปสู่สิ่งที่ตนเองตั้งใจ ที่จะใฝ่หา เพื่อจะได้บรรลุถึงสิ่งที่ตนเองค้นหา แต่ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะไม่มีความคิดแตกต่างนะคะ อาจจะเป็นเพราะคนส่วนมากไม่มีความกล้าหรือมีความกล้าแต่ไม่พอ ที่จะแสดงตัวตน ความคิดของตน จิตวิญญาณของตนออกมานั่นเอง และมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ส่วนใหญ่คือกลัวที่สังคมจะรับไม่ได้ กลัวเป็นที่รังเกียจของสังคม กลัวถูกมองว่าเป็นตัวอะไรสักตัวในสังคม โดยไม่หันกลับมามองที่ตัวตนแท้ๆของตนเองว่า จิตวิญญาณของเราต้องการอะไร แต่ณ.ก็เชื่ออีกว่า ถ้ามีการนำร่องเปิดทางแห่งจิตวิญญาณ มีผู้นำทางจะมีผู้ตามมาอีกมากมาย เนื่องจากจิตวิญญาณที่หลบซ่อนอยู่เพราะความกลัวถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมา เพราะในความเป็นจริงพวกเขารอเวลานั่นเอง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การโอ้อวด อวดดี ไม่ใช่การแสดงว่าเรามีสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่นซึ่งจริงๆแล้ว เราไม่มีอะไรเหนือกว่าใครเลย ณ.เชื่อว่าเราทุกคนมีความสามารถ เราทุกคนสามารถทำในสิ่งที่เราต้องการได้ค่ะ<O:p</O:p
    ...ในเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตนตามแบบขนบธรรมเนียมไทยนั้น ณ.คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี ในความคิดณ.แล้ว การอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ใช่การปิดประตูของจิตวิญญาณ หากแต่เป็นการทำให้เรารู้ ให้เรามีสติว่า..เราคือเรา..เราอ่อนน้อมไม่ใช่อ่อนแอ เราสงบนิ่งไม่ใช่ยอมแพ้ แค่เราคือเราเท่านั้นเอง...เราอยู่ภายในเรา(บอกตามตรงนะคะ..ณ.เคยคิดเหมือนกันว่าทำไมเราถึงมีความคิดไม่เหมือนคนในครอบครัว หรือคนรอบข้างเราเลย ...ทุกวันนี้เลิกคิดมานานแล้วค่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2007
  8. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    สุดยอดเลยค่ะคุณ Mead ตั้งสติได้ไวมากถ้าตั้งสติไม่ทันก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นนะคะ ขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้ฟังมั่งค่ะ นานมาแล้วตอนนั้นยังฝึกสมาธิตามแนวสติปัฏฐาน 4 อยู่น่ะค่ะ ปกติแล้วเราเป็นคนแข็งแรงพอสมควร มีอยู่วันหนึ่งเกิดป่วยขึ้นมาไม่รู้สาเหตุและป่วยอย่างหนักด้วยค่ะ ก็เก็บตัวอยู่ในห้องนอนคนเดียวกำหนดความรู้สึกของเราไปเรื่อย ๆ ยาก็ไม่ทาน จนถึงจุดหนึ่งปรากฏว่าจิตดับวูบลงไปชนิดที่ว่าไม่มีความรู้สึกเลย รับรู้แต่เพียงว่าเราตายแล้ว ผ่านไปเหมือนนานมากจึงรู้สึกตัวขึ้นมา สิ่งแรกที่นึกขึ้นมาได้คือเราต้องทานอาหารเพื่อชดเชยพลังงานที่หายไป จากนั้นความป่วยก็เริ่มฟื้นตัวจนเป็นปกติ แต่วันรุ่งขึ้นที่บ้านโทรศัพท์แจ้งมาว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว เพียงแค่นั้นก็รู้สึกใจหายวาบขึ้นมา เมื่อกลับไปที่บ้านก็เล่าให้ฟังเรื่องที่เราป่วยคุณแม่ก็เล่าให้ฟังว่าน้องชายของเราก็ป่วยเหมือนกัน จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่าเป็นไปได้มั้ยว่าเรา 2 คนพี่น้องรับเอาความเจ็บป่วยของคุณพ่อมา.. แต่คุณแม่ก็เล่าให้ฟังว่าคุณพ่อไปอย่างสงบเหมือนคนนอนหลับแม่เค้าจะนวดให้ก็ไม่ยอมบอกว่าไม่สบายตัวขอนอนอยู่นิ่ง ๆ ก็พอ...

    สำหรับคนใกล้ชิดคนอื่น ๆ จะรับรู้ด้วยความฝันล่วงหน้าประมาณ 2 - 3 วัน เอ.. ถ้าหากเราฝันไปรับรู้ก่อนล่วงหน้านี่เราจะสามารถแก้ไขอนาคตด้วยการเปลี่ยนความเชื่อในลักษณะนี้ได้รึปล่าวน้า..
    (b-no)
     
  9. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอขอบคุณพี่นักเขียนและคุณ ณ. มากเลยนะคะที่ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้
    ดีค่ะคุณ ณ. มีอะไรก็เอามาแนะนำมาแสดงความคิดเห็นกัน
    จะได้นำมาพิจารณาค่ะว่าความเชื่อของเรานั้นถูกหรึอผิด
    เพื่อปรับปรุงแก้ไขตัวเองไปในทางที่ถูกที่ควรค่ะ.. ขอบคุณอีกครั้งค่ะ..
    (bb-flower
     
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    (bb-flower(bb-flower(bb-flower

    ขอต้อนรับคุณ ณ.สู่โลกหลากมิติในห้องวิทย์ครับ
    คุณ ณ. มองโลกอย่างเข้าใจแบบนี้ หนทางข้างหน้าสว่างสดใสแน่นอน

    ข่วงนี้เห็นหนังสืออาจารย์โนวา หายไปจากแผงหนังสือบางแห่ง..
    มีใครเห็นบ้างลองสำรวจดูครับ ? หรือว่าขายไปหมดแล้วยังเก็บไม่ครบเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2007
  11. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    วันนี้ได้ความรู้ ความเข้าใจ จากอาจารย์นักเขียน และจากประสบการณ์ ของคุณ mead คุณขจรวรรณ คุณ ณ. และอารมณ์ ความรู้สึกของน้องนก
    ก็เป็นการเติมเต็ม ความรู้ประสบการณ์ จากจิตวิญญาณต่างร่าง แต่ร่วมวัตถุประสงค์เดียวกัน
    ขอบคุณทุกๆท่านครับ
    ช่วงนี้ผมมีสิวขึ้นที่หน้า (อายุ 50 แว้ววว)เพราะจิตนาการตัวเองให้เป็นวัยรุ่น ผลเลยเก็บไปฝันว่ามีแผลพุพองตามตัว เนี่ยก่อนนอนไม่ระวังความคิดด้านลบ เอาใหม่คิดบวก คิดบวก....(เรียนแบบคุณขจรวรรณ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2007
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425

    สงสัยฮอร์โมนวัยหนุ่มทำงานแล้ว อิอิ
    พี่เหลยลองใช้หัวหอมแดงมาผ่าเป็นแว่นบางๆ ทุบเบาๆเอาน้ำที่ซึมออกมาจากหัวหอมมาทาถูเบาๆดูครับ..เค้าวิจัยว่ามีสารยั้บยั้งแบคทีเรียสาเหตุของสิว ลองแล้วได้ผลยังไงบ้างมาบอกบ้างนะครับ ให้ทดสอบคนแรกเลยครับ!
    (ปล.คืนนี้พวกเราฝันต้องระวัง"มีดบินทะลุฟ้า"ของน้องนกด้วย..ช่วงนี้ฝันโหด อาจมีแผลเพิ่มอีกครับนอกจากแผลพุพอง:cool :))

    ส่วนคุณขจรวรรณก็มีประสบการณ์ที่น่าสนใจมาก เหมือนกับมีการเชื่อมโยงส่งความรู้สึกถึงกันระหว่างคุณพ่อกับคุณลูก ป่วยตามกันโดยไม่รู้สาเหตุ แบบนี้สงสัยว่าการป่วยของเราอาจมีสาเหตุจากจิตวิญญาณต่างร่าง-ร่วมวัตถุประสงค์ของเราในปัจจุบันได้เหมือนกัน..หมายถึงจิตวิญญาณของเราสามารถสัมผัสกระแสพลังงานของผู้ที่อยู่ในระบบเครือข่ายเดียวกันได้ คงต้องรบกวนพี่นักเขียนมาขยายความให้อีกหน่อยแล้วครับ ไม่รู้ว่าจัดของเสร็จรึยังคับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2007
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]
    เอามังกรตัวนี้ไปเลี้ยงกันดูครับ
    เอาไป Print ลงกระดาษ A4 ตัด+พับตามแบบ แล้วจะพบกับความมหัศจรรย์
    มันจะหันมองตามเราตลอด ไม่ว่าเราจะก้มจะเงย จะแลซ้ายมองขวา
    ถ้าจะให้ดี ปิดตามองสักข้างนึงจะเห็นชัดมากๆ
    ดูจากvdoเป็นตัวอย่างครับ

    [vdo]http://palungjit.org/attachments/a.184416/[/vdo]

    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>dragon_illusion.wmv (1.50 MB, 93 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2007
  14. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ไม่รู้ว่าคุณ mead โดนแมลงมีพิษกัด ก่อนวันสัมนาอาจารย์ปริญญา หรือเปล่าครับ และปัจจุบันก็ยังมีอาการชาอยู่หรือเปล่า แบบปวดต้นแขนเป็นพักๆ เดี๋ยวปวดเดี๋ยวหาย ถ้าไม่ใช่ตามนี้ก็ไม่มีอะไรครับ
    แต่ถ้าใช่ ทำไมแขนซ้ายผมชาเป็นบางครั้ง และปวดเป็นบางครั้งโดยหาสาเหตุไม่ได้ หรือจะเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์เดียวกัน ที่จิตวิญญาณสื่อกับจิตวิญญาณกันแล้วมีผลกับอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และสุดท้ายก็มีผลกับร่างกาย
     
  15. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ขอบคุณครับ จะลองดูครับ สงสัยวัยกลับตามจินตนาการ
    แต่หัวหอมที่บ้านผมไม่มี คงต้องขอข้างบ้านซะแล้ว
     
  16. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    มังกรน่ารักมากค่ะคุณmead..ถ้ามีไว้เป็นเพื่อนสักตัวคงดีเหมือนกัน...น่ารักจริงๆ(bb-flower
    คุณChalhoeiค่ เรื่องสิวคิดอีกแง่หนึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดีนะคะ ลองใช้จินตนาการว่าตัวเองเป็นหนุ่มดูอีกสักครั้งสิค่ะ คงจะมีความกระชุ่มกระชวยขึ้นอีกเป็นกอง อย่างนี้เพื่อนๆ มีลู่ทางในการรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวกันอีกทางแล้วค่ะ ไม่ต้องพึ่งยา ไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม อยากเป็นอย่างไร ก็ตั้งใจคิดให้เป็นอย่างนั้น...อิอิ..อันนี้จริงๆ นะคะ จินตนาการเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ใครไม่เชื่อลองดูได้ค่ะ แต่จินตนาการต้องบวกกับความตั้งใจจริงแค่นั้นเองค่ะ.. (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2007
  17. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    มีประสบการณ์สมัยเด็กมาเล่าให้ฟังค่ะ ตอนเด็กๆจะเป็นบ่อยมากคือจู่ๆจะมีความคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างขึ้นเร็วๆนี้ แล้วไม่นานเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นจริงๆค่ะ หรืออีกแบบคือขณะที่กำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ อยู่ๆมีความรู้สึกว่าเคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนแล้วนะ บางทีก็เกิดขึ้นในฝันค่ะ ฝันว่าไปสถานที่แปลกๆ ที่เราไม่เคยรู้จัก แล้วต่อมาก็ได้ไปจริงๆ หรือบางครั้งในความเป็นจริงไปสถานที่ที่เป็นครั้งแรกที่เราไป แต่ความรู้สึกเหมือนกับว่าเราเคยไปมาแล้ว ณ.คิดว่าคงมีหลายคนที่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้แน่ๆเลย...<O:p</O:p
    ...อ้อ..มีเรื่องหนึ่งที่จำได้แม่นมากและมั่นใจว่าไม่ใช่ความฝันแม้ว่าณ.จะยังเด็กมาก ตอนนั้นอายุประมาณ7ขวบได้ ณ.เป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ เกิดที่อยุธยา และครอบครัวตายายเป็นชาวนาค่ะช่วงนั้นเป็นหน้าเกี่ยวข้าว มีลมหนาวพัดเย็น ๆ ทุกคนต้องไปเกี่ยวข้าววันนั้นเป็นวันหยุดเรียน ณ.กับน้องก็ออกไปนากับญาติๆตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เด็กๆไม่ต้องช่วยเกี่ยวข้าวค่ะ ได้แต่วิ่งเล่นรอกินข้าวพร้อมกับผู้ใหญ่ราวๆ 9โมงเช้าน่ะคะ ตอนรอนั้นแดดแรงขึ้นเรื่อยๆณ.กับน้องช่วยกันทำซุ้มกันแดดโดยการเอาตอข้าวที่เกี่ยวแล้วเหลือตอสูงประมาณ50-70ซม.แล้วมาผูกรวมกันโดยที่รากของต้นข้าวก็ยังอยู่ในดินนั่นแหละ แล้วเราก็เข้าไปนอนในซุ้ม ณ.นอนหงายหัวโผล่ออกมาจากซุ้ม เห็นควันสีขาวจางๆค่อยๆลอยขึ้นมาจากต้นข้าวมัน คือการระเหยของละอองน้ำเวลาโดนแสงแดดแล้วณ.ก็ยังเห็นรูปร่างเล็กๆโปร่งแสงความสูงประมาณ 2 นิ้วคอยๆลอยขึ้นมาพร้อมๆกับละอองน้ำที่กำลังระเหยเหมือนพวกตัวละครที่เห็นตามวรรณคดีไทย พวกเทวดา นางฟ้า ทำนองนั้นน่ะค่ะ มีลักษณะอาการต่างๆกันไป ไม่ใช่ตัวเดียวแต่หลายตัวมาก ณ.ยังลุกขึ้นนั่งหันมองไปทั่ว แล้วก็เห็นเต็มท้องนาไปหมด ร่างโปร่งแสงค่อยๆลอยขึ้นแล้วจางหายไปกับแสงแดด ณ.ไม่รู้ว่าน้องเห็นเหมือนณ.หรือเปล่า แต่เวลานั้นไม่ได้คิดอะไร ได้แต่ดูเฉยๆ ...ไม่รู้ว่าจินตนาการไปเองหรือฝันไปเองหรือเปล่า...แต่ไม่น่าฝันเพราะเพิ่งตื่น...อ้อที่เล่านี้ไม่ใช่ให้เชื่อนะค่ะ..แค่อยากเล่าประสบการณ์ให้ฟังเท่านั้นเองหรือใครจะมีความคิดเห็นยังไงก็ช่วยอนุเคราะห์ด้วยนะคะ<O:p</O:p
    ...แต่พอโตมาเหตุการณ์แบบนี้แทบจะไม่เกิดให้รู้สึกอีกเลย นานๆทีจึงจะเกิดอาจเป็นเพราะสภาวะแวดล้อมและสิ่งต่างๆที่เราพบเจอทำให้การสื่อสารกับจิตวิญญาณของตัวเองต่ำลง ณ.คิดแบบนี้น่ะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2007
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]

    ที่เล่ามานี่คล้ายในการ์ตูนเรื่อง mononoke ของ Miyazaki เลยครับ
    จะมีเจ้าตัวสีขาวเล็กๆโปร่งแสงพวกนี้เค้าจะคอยเฝ้ารักษาความอุดมสมบูรณ์ของทุ่งนาป่าเขา
    หัวเค้าจะส่ายไปมาพร้อมกับมีเสียงเหมือนกระดิ่ง น่าจะเป็นตำนานเรื่องเล่าขานของชาวญี่ปุ่นเค้า
    วัยเด็กมักจะเห็นอะไรที่ผู้ใหญ่ไม่ค่อยจะเห็นกัน น่าประทับใจดีครับ
    แถวแม่น้ำสะแกกรังก็มีคนรุ่นย่า-ยายเค้าเล่าว่าวัยเด็กเค้าเห็นพรายน้ำหรือเงือกผู้หญิงตัวเล็กๆสีเขียว
    มานั่งหวีผมอยู่บนแพด้วยครับ พอมีคนเห็นเค้าก็โดนน้ำลงไปเลย..
    แต่ตัวจริงที่เห็นนี่เค้าไม่ได้สวยแบบนางเงือกในวรรณคดีนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ถูกแมลงพิษกัดคืนวันเสาร์ที่ 27 ตุลาครับพี่เหลย ไปเตรียมงานเปิดสถานธรรมใหม่บนเขากับเพื่อนๆห้องพลังจิตนี่ล่ะครับ อาการที่แขนซ้ายนี่หายแล้วนะครับ พี่เหลยยังเป็นอยู่เหรอคับ สงสัยพี่มารับอาการแขนชาผมไปหมดแล้ว อิอิ..เอาคืนมาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007
  20. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    เพิ่งทำเสร็จครับ น้องๆที่ ออฟฟิต ฮือฮากันใหญ่ ยกย่องคนที่ออกแบบ สุดยอดเลยครับ ฝึกการจินตนาการแบบธรรมชาติ
    เดี๋ยวจะทำไปฝากหลานธัญญาหน่อย ทำหลายๆตัว
    ขอบคุณ คุณ mead มากที่สุดเลยยยยยยยย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007

แชร์หน้านี้

Loading...