เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    คงถูกใจทั้งเด็ก-ทั้งผู้ใหญ่ นะครับ เป็นการบังคับมุมมองสายตามันจะบิดเบือนหลอกตาเราได้ (สายตาเราเขื่อถือไม่ได้เสมอไป) การแสดงมายากลก็เทคนิคคล้ายๆกัน ใช้สติปัญญาคิดค้นกันครับ ทั้งเดินบนน้ำ-ลอยบนฟ้า..เป็นเทคนิคพิเศษเกี่ยวกับเรื่องมิติใช้"เครื่องพราง"สายตาคนดูและมุมมองของผู้สังเกตเป็นส่วนใหญ่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007
  2. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    จิตวิญญาณเราที่อยู่ในท้องแม่ ยังใช้ประสาทสัมผัสที่หกคล่องเเคล่วอยู่ แม้กระทั้งในวัยเด็กก็ยังมีสติสัมปชัญญะคล่องแคล่วเช่นกันแต่พอโตขึ้นด้วยสภาพแวดล้อมทำให้เรากลับไปจดจ่อ กับประสาทสัมผัสทั้งห้า จนสติสัมปชัญญะละเลยประสาทสัมผัสที่หกหรือประสาทสัมผัสภายในไป ดังนั้นเราจะเห็นว่าเด็กๆหลายๆท่านที่ยังสัมผัสกับมิติต่างๆได้ดี แต่ถ้าเราหมั่นฝึกฝนการใช้ประสาทภายใน โดยเฉพาะเวลาแห่งจิต เราก็สามารถใช้ประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หกได้อย่างคล่องเเคล่วเช่นกัน
     
  3. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    คุณ mead อยู่ประจำสายไหนครับ
    ของผมกับน้องนกสาย หลิงอิ่นซื่อ (หันเหล่าเฉียนเหยิน เหวินฉือผูซ่า)ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    (verygood)(verygood)(verygood)


    มีทางเดียวนะครับ ต้องทำจิตให้กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์อีกครั้ง

    หนึ่งสิบแปดเด็กน้อย นั่งอยู่ตรงกลาง (รหัสพุทธมหายาน+อนุตรธรรม)


    ขณะนั้นมีผู้นำเด็กเล็ก ๆ มาให้พระองค์ปกพระหัตถ์อวยพร แต่บรรดาศิษย์กับดุว่าคนเหล่านั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า "ปล่อยให้เด็กเล็ก ๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของคนที่เหมือนเด็ก (พระเยซู)

    ความหมายก็คือ เด็กเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ไร้ซึ่งมลทินใดๆ ผู้ที่จะไปอยู่ในอาณาจักรสวรรค์หรือนิพพานได้ต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์เหมือนเด็กๆ

    ผมรับธรรมะที่ ไท้อิน (อาจารย์หลินอาวุโส) ครับพี่เฉลย
    แต่จะไปที่อิ๋งเซียน(ดอนเมือง) บ่อยๆครับ เพราะรู้จักสนิทสนมกันดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007
  5. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ที่คุณmeadว่า..มีทางเดียวนะครับ ต้องทำจิตให้กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์อีกครั้ง
    หนึ่งสิบแปดเด็กน้อย นั่งอยู่ตรงกลาง (พุทธมหายาน+อนุตรธรรม)
    ขณะนั้นมีผู้นำเด็กเล็ก ๆมาให้พระองค์ปกพระหัตถ์อวยพร แต่บรรดาศิษย์กับดุว่าคนเหล่านั้นพระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า "ปล่อยให้เด็กเล็ก ๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลยเพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของคนที่เหมือนเด็ก (พระเยซู)
    ความหมายก็คือเด็กเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ไร้ซึ่งมลทินใดๆผู้ที่จะไปอยู่ในอาณาจักรสวรรค์หรือแดนนิพพานได้ต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์เหมือนเด็กๆ<O:p</O:p
    ...ตรงนี้ตามความคิดของณ.คิดว่าที่ในวัยเยาว์ที่เราสามารถาสื่อสารกับจิตวิญญาณในตัวตนหรือจิตวิญญาณอื่นๆได้ง่ายอาจจะเป็นเพราะเด็กๆมีแต่ความรัก ความสนุกสนาน ไม่มีความรังเกียจ ไม่มีอคติไม่มีความกลัว... เมื่อไม่มีความกลัวและอคติเข้ามาครอบงำ ..ก็ถือว่าเป็นการเปิดกว้างในการสื่อกับสิ่งต่างๆได้...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2007
  6. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    สงสัยเราเจอกันครั้งหน้าจะจำคุณเฉลยไม่ได้ เพราะกลายเป็นหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวเป็นรุ่นเดียวกับคุณลูกไปซะแล้ว ยังงัยเหน็บลูกชายมาด้วยนะคะจะได้จำกันได้.. อิอิ..
    (b-cap)
     
  7. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    มีคนทำ Graphic เรื่องวัฒนธรรมตะวันตก-ตะวันออก
    น่าสนใจดีครับลองดูมุมมองที่ต่างกันของคนสองซีกโลก

    I think it's true about culture EAST and WEST (please check it out!)



    Understanding of Chinese/Asian culture vs. Western.........interesting research. It also applies to all Asians, including the Indians, Japanese, Thais, Koreans, Indonesian, Malays, Dayaks, etc...

    These icons were designed by Liu Young who was born in China and educated in Germany .


    Blue --> Westerner สีฟ้าตะวันตก
    Red --> Asian/Chinese สีแดงตะวันออก

    Opinion การแสดงความคิดเห็น


    [​IMG]

    Way of Life วิถึชีวิต
    [​IMG]

    Anger ความโกรธ
    [​IMG]

    Contacts การติดต่อระหว่างกัน
    [​IMG]

    Handling of Problems การรับมือกับปัญหา

    [​IMG]

    Elderly in day to day life ผู้สูงอายุ
    [​IMG]

    Moods and Weather สภาพอากาศและอารมณ์
    [​IMG]


    Punctuality ความตรงต่อเวลา

    [​IMG]


    Queue when Waiting การรอคิว

    [​IMG]


    Party

    [​IMG]

    Sundays on the Road
    [​IMG]

    The Boss
    [​IMG]

    Three meals a day อาหารสามมื้อ
    [​IMG]

    Transportation
    [​IMG]

    Travelling
    [​IMG]

    What's Trendy
    [​IMG]

    In the restaurant
    [​IMG]

    The child
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007
  8. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    เอาไว้ไปฟังบรรยาย อ.ปริญญาครั้งหน้า ลองไปคุยกับพี่ต๋อยดูค่ะ เผื่อจะช่วยหาสาเหตุให้ได้.. แต่ยังงัยลองใช้วิธีของท่านอาจารย์อนาลัยดูซิคะ เพราะอาจารย์กล่าวไว้ว่าอาการป่วยเกิดจากความเชื่อในแง่ลบก็ต้องส่งอารมณ์ด้านบวกเข้าไปค่ะ.. ส่วนของอาจารย์ปริญญาบอกว่าให้พูดคุยกับเซลล์ส่วนนั้นด้วยความรักความเมตตา.. ส่วนของพลังจักรวาลนี่ส่งพลังอย่างเดียวเลยค๊า.. ( เอามาให้คุณเฉลยเลือกค่ะว่าจะใช้วิธีไหน.. แต่ทุกวิธีก็คล้ายกันคือส่งพลังความรักให้อวัยวะส่วนนั้นค่ะ.. อิอิ.. )
    [b-nurse]
     
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    มันเป็นจริงในสถานการณ์เดียวกันที่จินตวดีประสบ เมื่อชาวอเมริกัน พูดว่า "it 's all right. แต่กับชาวอังกฤษ "They 're mindใ (ส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเวลา)
     
  10. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ทำมัยเปิดไม่ได้คะคุณ Mead:cool:
     
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ตกลงไม่เห็นภาพกันเหรอครับ..??? หรือผมเห็นอยู่คนเดียว!
    ถ้าเห็นเป็นเครื่องหมาย x ลองคลิกขวา เลือก Show picture ดูนะครับ เห็นยังเอ่ย? :cool:

    (แก้ไขแล้วครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007
  12. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ขอบคุณครับ ไม่เป็นอะไรมากครับแค่ชานิดๆ ส่วนอาการปวดก็ไม่ค่อยปวดแล้ว
    ก็ใช้ความคิดในแง่บวก ว่าไม่เป็นไรมากปกติแล้ว ก็ดีขึ้นครับไม่ต้องใช้ยานวดยากินเลย
     
  13. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    คลิกขวาก็ยังไม่เห็นครับ
    ไฟล์น่าจะเล็กไปครับ
     
  14. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ขนาดแอบไปมีประสบการณ์เฉียดตายมา
    ก็ยังสรรหางานดีมีคุณภาพมาอีกแล้วครับท่าน อิอิ สนุกดีพี่mead
    แต่อยากบอกว่ามังกรเนี่ยมองไปมองมาเหมือนน้องฟลุ๊คของนกเลยอ่ะ อิอิ เขี้ยวเบ้อเร่อเหมือนกันเลย
     
  15. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    ถึงช่วงนี้จะวุ่นวายปวดหัวหรือหงุดหงิดกับเรื่องงานไปซักหน่อย แต่ชีวิตก็ยังมีอะไรดี ๆ อยู่สิน่า
    พ่อให้มือถือใหม่มาเครื่องนึง เย้ โชคดีจริง ๆ มีกล้องด้วย อย่างนี้ก็ได้ถ่ายรูปเล่นทุกวันแล้วสิ
    งั้นจะจับเจ้าโชคดีมาเป็นนายแบบมาลงในห้องวิทย์นี้ซะหน่อยล่ะ จะได้รู้ว่าแมวหน้ามึนเป็นยังไง อิอิ
     
  16. leogirlw99

    leogirlw99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +4,765
    แตกต่างกันในวิถีการดำเนินชีวิต แต่ก็เป็นอะไรที่ลงตัวของแต่ละฝั่งนั้น
     
  17. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เราเป็นเขา-เขาเป็นเรา

    ก่อนอื่นพี่นักเขียนขอแสดงความเสียใจกับคุณ Mead ที่กาแฟจากไป ขอส่งดอกไม้และ wine น้ำผึ้งมาปลอบใจหัวหน้าของเราค่ะ [​IMG]

    พี่นักเขียนเชื่อว่ากาแฟกำลังวิ่งเล่นอย่างเบิกบานในโลกแห่งความเป็นจริงโลกใหม่ บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใหม่ ที่มีคุณ Mead คนใหม่อยู่ร่วมโลกกับเขาอย่างแน่นอน

    ส่วนในโลกใบนี้และเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนี้ กาแฟยังคงมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป-อยู่ในจินตภาพของคุณ Mead ตลอดไป โลกใบนี้และเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นนี้ได้กลายเป็นโลกในจินตนาการของกาแฟผู้ดำเนินชีวิตในโลกใบใหม่-เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใหม่ไปแล้ว

    คุณ Mead ยังคงพบปะกับกาแฟต่อไปได้เสมอในโลกของความฝัน ซึ่งเป็นจุดนัดพบที่ปราศจากพรมแดนระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ หรือ ระหว่างโลกที่เราเรียกว่าโลกแห่งความเป็นจริงและโลกในจินตนาการ หรือ ระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลาย-เป็นอนันต์

    ธรรมชาติความเป็นจริงเกี่ยวกับชีวิตและความตาย ความสัมพันธ์ของโลกแห่งความเป็นจริง โลกบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ โลกยามตื่นและโลกยามฝัน เป็นสาระที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวถึงและอธิบายให้พวกเราฟังจากแง่มุมต่างๆ ทั้งจากมุมมองของมนุษย์ จากมุมมองของสัตว์โลกอื่นๆ ทั้งจากมุมมองของมนุษย์ที่อยู่ในสถานะนายพราน และจากมุมมองของสัตว์โลกที่อยู่ในสถานะเหยื่อที่ถูกไล่ล่า และจากมุมมองของสัตว์โลกที่เป็นผู้ล่าและผู้ถูกล่า ท่านได้อธิบายให้เราเข้าใจถึงวงจรของชีวิตและความตาย และความเป็นอมตะของจิตวิญญาณที่ดำเนินต่อไปโดยปราศจากรอยต่อระหว่างชีวิต ความตาย ชีวิตหลังความตาย ชีวิตก่อนมาถือกำเนิด และการมาถือกำเนิดในชาติภพอื่นๆ

    พี่นักเขียนมองเห็นบทสนทนาและความผูกพันธ์ที่เกิดขึ้นในห้องวิทย์ฯ ทำให้ตระหนักว่าการเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ เป็นสิ่งที่พวกเราค้นพบได้ไม่ยาก หากเรามีความอ่อนไหวในจิตใจพอที่จะสัมผัสกับความรู้สึกของผู้อื่นได้ และถ้าหากเราตระหนักได้ถึงความสำคัญของจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ นอกจากเราจะพบว่าชีวิตของเราเต็มไปด้วยสัมพันธภาพอันใกล้ชิดกับบุคคลที่เราเรียกว่าคนแปลกหน้าแล้ว เรายังจะพบอีกด้วยว่าโลกของเราเต็มไปด้วยความเอื้ออาทร การสนับสนุน และการบรรลุผลสำเร็จร่วมกัน หากผู้ใดยังค้นไม่พบธรรมชาติความเป็นจริงข้อนี้ โลกของเขาจะยังคงเป็นโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย การแก่งแย่งชิงดี การกล่าวโทษ ความอิจฉาริษยา และการแบ่งแยกเราเขา

    การสูญเสียกาแฟของคุณ Mead ทำให้พวกเราแต่ละคนระลึกถึงการสูญเสียอื่นๆของเราไม่มากก็น้อย เช่นการสูญเสียคนรัก คนใกล้ตัว อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของพวกเราพากันหลั่งไหลไปในทิศทางเดียวกันด้วยความอ่อนไหว

    การร่วมรู้สึก - เป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสภายในหรือประสาทสัมผัสที่หกที่จะเหนี่ยวนำไปสู่การใช้ประสาทสัมผัสภายในอื่นๆได้ต่อไป การร่วมรู้สึก - เป็นภาวะที่เราทั้งหลายเข้าถึงได้ไม่ยาก หากเราจะรู้จักใช้ความอ่อนไหวในสติสัมปชัญญะของเรา เพื่อเปลี่ยนวิถีการจดจ่อกับตัวฉัน-เรื่องของฉัน ไปสู่ ตัวเขา-เริื่องของเขา และทำให้เรารู้สึกเสมือนว่า เราคือเขา-เขาคือเรา ได้อย่างลุ่มลึกหมดใจ ไม่ใช่แค่ระดับผิวเผิน

    ฝรั่งมักใช้คำกล่าวถึงการรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราว่า wearing their shoes ซึ่งถ้ารองเท้าของเขากัด เราก็เจ็บเหมือนเขา รองเท้าของเขาคับ เราก็อึดอัดเหมือนเขา รองเท้าของเขาพอดี เราก็เดินสบายเหมือนเขา ฯลฯ การร่วมรู้สึกลึกซึ้งกว่าเพียงแค่ภาวะทางกายภาพของรองเท้ามากมายนัก หากนำคำว่า การร่วมรู้สึก-มาแปลงให้คล้ายกับสำนวนเดิม พี่นักเขียนคิดว่าเราคงจะต้องเรียกภาวะนี้ว่า wearing their mind หรือ wearing their consciousness คือ การตั้งอยู่ในภาวะจิตของเขา หรือมีสติสัมปชัญญะที่จดจ่อในทิศทางเดียวกันกับเขา เราก็จะเข้าถึงอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในการเป็นเขาได้อย่างแท้จริง

    คุณน้องขจรวรรณกล่าวถึงการสูญเสียคุณพ่อ และการล้มป่วยของตนเองและน้องชายซึ่งเป็นไปราวกับร่วมกันป่วย พี่นักเขียนเชื่อในการเป็นระบบเครือข่ายของจิตวิญญาณดังที่ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้เสมอ หากจะเรียกภาวะดังกล่าวว่าเป็นการรู้การณ์ล่วงหน้าก็อาจจะแคบเกินไป เพราะความรู้ดังกล่าวไม่ต่างไปจากการรู้การณ์ปัจจุบันของผู้ป่วยที่เป็นคนรักคนใกล้ตัว ซึ่งน่าจะเรียกว่าเป็นการเข้าสู่ภาวะของ"การร่วมรู้สึก"มากกว่า ซึ่งเป็นไปนอกเหนือช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา

    ก่อนหน้าที่คุณพ่อของพี่นักเขียนจะเสียหนึ่งคืน พี่นักเขียนฝันเห็นคุณพ่อถอดมือซ้ายออกจากร่างและส่งมอบให้พี่นักเขียน คุณพ่อไม่ใช่ผู้ที่ถนัดซ้าย แต่ตามความเข้าใจของพี่นักเขียนนั้น การส่งมอบมือซ้ายให้คือส่งมอบสมองซีกขวาซึ่งเป็นซีกของการสร้างสรรค์ให้ ในขณะเดียวกันกับที่ท่านถอดมือซ้ายให้นั้น พี่นักเขียนก็รับรู้ว่าการถอดออกนั้นเทียบเท่ากับการถอดสายยาง ถอดเครืิ่องช่วยชีวิตและทุกสิ่งทุกอย่างออกจากร่างกายของท่านไปพร้อมกันหมด

    เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้รับทราบจากกลุ่มแพทย์และพี่สาวของพี่นักเขียนซึ่งเป็นแพทย์ว่า พวกเขาลงความเห็นว่าสมควรที่จะถอดเครื่องช่วยชีวิตทั้งหมดได้แล้ว หลังจากที่ประวิงเวลามานานถึงสามสัปดาห์ เพื่อให้คุณพ่อได้จากไปอย่างสงบ

    พี่นักเขียนถูกมอบหมายให้วิ่งทำธุระเกี่ยวกับเอกสารพระราชทานเพลิงศพในสายของวันนั้น ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จภายในเช้าวันนั้น ทำให้ต้องออกจากโรงพยาบาลกลับไปที่บ้านของคุณพ่อ กว่าจะกลับไปถึงโรงพยาบาลอีกครั้งก็บ่ายโมงพอดี ไปยังไม่ทันถึงโรงพยาบาล ห่างอีกเพียงไม่ถึงกิโลเมตร ก็แลเห็นควันสีขาวกลบกระจกหน้ารถจนมองไม่เห็นแม้แต่รถคันหน้า แต่กลับแลเห็นคุณพ่ออย่างชัดเจนในกลุ่มควันนั้น

    ท่านมองพี่นักเขียนแล้วส่งยิ้มมาให้ สามีของพี่นักเขียนเขาเป็นคนขับ เขาก็ขับรถไปตามปกติราวกับว่าไม่มีควันสีขาวมากลบหน้ารถ พี่นักเขียนทราบว่าตนเองกลับไปโรงพยาบาลไม่ทันท่านสิ้นใจ และท่านก็ได้มาปรากฏให้เห็นเป็นการบอกลา เมื่อก้าวเท้าเข้าไปใน ICU แพทย์ได้ถอดเครื่องช่วยหายใจและสายยางทั้งหมดออกไปแล้ว เหลือเส้นสุดท้ายคือสายที่ monitor การเต้นของหัวใจ และในจอ monitor ก็เหลือแต่ flat line

    คุณหมอหันมาบอกกับพี่นักเขียนว่า คุณพ่อจากไปได้เกือบ 10 นาทีแล้ว พี่นักเขียนกราบลาท่านแทบเท้า ไม่ทันจะเงยหน้าขึ้นได้ยินเสียงคุณหมอและพยาบาลร้องขึ้นพร้อมกันว่า "โอ" แล้วมีเสียงดังจากเครื่อง monitor พี่นักเขียนเงยหน้าขึ้นก็เห็น flat line บนจอ monitor กระตุกอย่างแรงจนทำให้คุณหมอและพยาบาลตกใจ

    ความปรารถนาสุดท้ายของคุณพ่อคือการเขียนหนังสือ ท่านเป็นนักเขียนด้วยใจรัก ไม่ใช่ด้วยอาชีพ และเป็นบุคคลที่เขียนหนังสืออ่านยากแต่ลุ่มลึก ท่านมีชีวิตที่โชคโชนด้วยประสบการณ์ แต่ไม่ได้มีโอกาสที่จะถ่ายทอดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรจนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ก่อนหน้าที่ท่านจะจากไปไม่ถึงเดือน ท่านได้มอบ piano ตัวโปรดกับหนังสือที่ท่านรักหลายเล่มให้พี่นักเขียน ซึ่งประกอบด้วย Dictionary และ Thesaurus มากมายหลายเล่ม-หลายภาษา และหนังสือปรัชญาภาษาอังกฤษอีกหลายเล่ม หนังสือที่คุณพ่ออยากจะเขียนไม่ได้เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตทางกายภาพของท่าน แต่เกี่ยวกับประสบการณ์ทางจิตมากมายที่ท่านไม่เคยเล่าให้ผู้ใดฟังนอกจากพี่นักเขียน

    พี่นักเขียนมีอาชีพเป็นสถาปนิก ซึ่งห่างไกลจากการเขียนหนังสือเป็นอันมาก และไม่เคยสนใจที่จะเขียนหนังสือมาก่อนหน้าที่คุณพ่อจะเสียเลย แต่เมื่อฝันและหลังจากนั้นคุณพ่อก็เสีย แรงบันดาลใจเกี่ยวกับการเขียนหนังสือเกิดขึ้นทุกลมหายใจก็ว่าได้ และที่ประหลาดคือ พี่นักเขียนพบว่าพี่นักเขียน เขียนหนังสือด้วยสำนวนเดียวกับคุณพ่อ จนกระทั่งสามีของพี่นักเขียนออกปากทักถึงความคล้ายคลึงของสำนวนเหล่านี้

    การเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่เป็นคนรักคนใกล้ตัว หรือคนแปลกหน้า เป็นการมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดร่วมกันอย่างลุ่มลึก หากเราได้มีโอกาสรู้จักบุคคลที่เป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์กับเรา เราจะพบว่า-นอกจากเราจะสามารถสัมพันธ์กับเขาได้ด้วยประสาทสัมผัสภายใน หรือประสาทสัมผัสที่หก ด้วยการมีความร่วมรู้สึกแล้ว มันยังเหนี่ยวนำให้เราสามารถใช้ประสาทสัมผัสภายในอื่นๆได้มากขึ้นเรื่อยๆ

    คุณเฉลยเคยกล่าวว่า อยากจะฝึกใช้ประสาทสัมผัสที่หกหรือประสาทสัมผัสภายใน พี่นักเขียนก็ได้เคยแนะนำไปว่า เราสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการฝึกสมาธิ หรือฝึกฝัน เพราะภาวะจิตในสมาธิและในความฝันอันคมชัด เป็นภาวะที่เอื้ออำนวยให้เราสามารถเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะ จากภาวะยามตื่นที่เราจดจ่อแต่ตัวฉัน-เรื่องของฉัน ไปเป็นตัวเขา-เรื่องของเขาได้

    แต่ถึงเราจะพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้จากการฝึกสมาธิหรือการฝึกฝัน เราก็จำเป็นจะต้องมีความรู้อีกส่วนหนึ่งว่า จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ของเรานั้น-คือเรา หรือเป็นอีกตัวตนหนึ่งของเราในต่างร่าง ต่างประสบการณ์ ต่างมุมมอง สติสัมปชัญญะจะขยายตัวรู้เห็นครอบคลุมโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ก็ต่อเมื่อ มันสามารถครอบคลุมโลกได้จากต่างร่าง ต่างประสบการณ์ ต่างมุมมอง และต่างความเชื่อ

    หากเราสามารถมองเห็นบุคคลผู้หนึ่งได้จากทุกมุมมองรอบตัวเขา มองเห็นประสบการณ์ทั้งหมดของเขาในทุกแง่มุม เราจึงจะรู้ความเป็นจริงเกี่ยวกับเขาได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะรู้จักเขาได้เพียงจากมุมมองแคบๆมุมหนึ่ง ตามความเชื่อของเราเท่านั้น ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น การรู้จักโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ก็เป็นไปได้ในลักษณะเดียวกัน

    พี่นักเขียนประทับใจที่ คุณ ณ เขียนว่า:
    ....ตามความคิดของณ.คิดว่าที่ในวัยเยาว์ที่เราสามารถาสื่อสารกับจิตวิญญาณในตัวตนหรือจิตวิญญาณอื่นๆได้ง่ายอาจจะเป็นเพราะเด็กๆมีแต่ความรัก ความสนุกสนาน ไม่มีความรังเกียจ ไม่มีอคติไม่มีความกลัว... เมื่อไม่มีความกลัวและอคติเข้ามาครอบงำ ..ก็ถือว่าเป็นการเปิดกว้างในการสื่อกับสิ่งต่างๆได้...

    ความรักเป็นหัวใจของการสื่อสาร และการใช้ประสาทสัมผัสที่หกได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด เพราะหากปราศจากความรัก เราจะไม่มีวันเข้าถึงความรู้สึกของผู้อื่นได้ และทำให้เราไม่สามารถมองเห็นโลกได้จากมุมมองอื่นๆนอกจากมุมมองของเราแต่เพียงมุมเดียว ทำให้เราเห็นโลกได้เพียงแคบๆตามความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น

    เด็กๆเมื่ออยู่ในท้องแม่ เขายังมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแม่ ความเป็นบุคคลตัวตนของเขายังเป็นหนึ่งเดียวกับแม่ ไม่แยกตัวตนเราเขาเท่ากับผู้ที่เจริญวัยทางกายภาพแล้วในโลกทางกายภาพ

    เราจะเข้าถึงเวลาแห่งจิตได้ก็ต่อเมื่อเราหลุดพ้นจากภาวะอันจำกัดของช่องว่าง-ระยะทางและการเวลา การร่วมรู้สึกกับบุคคลตัวตนอื่นๆ ร่างอื่นๆ มุมมองอื่นๆ ที่เป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ของเรา ทำให้สติสัมปชัญญะของเราเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่ร่างอื่น ตัวตนอื่นๆ ประสบการณ์อื่นๆ จากมุมมองอื่นๆ ซึ่งอยู่ต่างช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา

    พี่นักเขียนได้ตั้งประเด็นไว้ว่า เราจะคุยกันหรือสนทนาเกี่ยวกับหนังสือประมาณเดือนละเล่ม
    มาถึงวันนี้-พวกเราพร้อมหรือยังคะที่จะสนทนากันเรื่อง ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ

    พี่นักเขียนขอเชิญชวนให้พวกเราร่วมกันศึกษาประเด็นเกี่ยวกับ จิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ ซึ่งเราสามารถรู้เห็นพวกเขาได้ในความฝัน และสามารถติดต่อสื่อสารกับเขาได้ด้วยประสาทสัมผัสที่หก จากนั้นให้พิจารณาและค้นหาความสัมพันธ์ของจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมมิติ และจิตวิญญาณเสมือนร่วมร่างแต่ต่างมิติ

    สาระและประเด็นเหล่านี้จะเหนี่ยวนำให้พวกเราสามารถพัฒนาการใช้ประสาทสัมผัสที่หกของเราได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
    คุณน้องขจรวรรณมีประสบการณ์ทางกายภาพร่วมกันกับน้องชาย ซึ่งป่วยพร้อมๆกันก่อนคุณพ่อเสีย
    คุณเฉลย มีประสบการณ์ทางกายภาพร่วมกันกับคุณ Mead เกี่ยวกับอาการปวดแขนซ้าย
    คุณเฉลย มีประสบการณ์ทางกายภาพร่วมกันกับหนุ่มน้อยคนใดไม่ทราบผู้ที่กำลังมีสิวขึ้นบนใบหน้า หรือจะกำลังมีประสบการณ์ร่วมกับพี่นักเขียนก็เป็นได้ เพราะพี่นักเขียนก็กำลังสิวขึ้นนะคะ ไม่ได้จดจ่อกับความคิดที่ว่าอยากจะกลับไปเป็นสาวน้อย แต่ชอบทาน chocolate มาก ทานแยะๆทีไรสิวขึ้นทุกทีค่ะ เพราะคล้อยตามคำวินิจฉัยของแพทย์มาตั้งแต่เด็กๆว่า พี่นักเขียนแพ้ chocolate ทุกวันนี้ไม่ยอมแพ้ตามคำวินิจฉัยของแพทย์ แต่ก็ยังทำได้ไม่เต็มร้อย เลยยอมเป็นสิวดีกว่าอด chocolate
    คุณ Mead มีประสบการณ์ทางกายภาพร่วมกันกับพี่นักเขียน เกี่ยวกับการถูกแมลงมีพิษกัดต่อย

    สาระน่าคิดเกี่ยวกับโลกและเครื่องพรางของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ซึ่งอำพรางการเป็นจิตวิญญาณอันเป็นระบบเครือข่ายที่มีความเป็นหนึ่งเดียว ปราศจากการแบ่งแยกด้วยช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาคือ:
    หากช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาเป็นเพียงเครื่องพรางที่ไม่มีอยู่จริง ในโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมด การมีประสบการณ์ร่วมกันของเราทั้งหลายนี้ เกิดจากความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณ ซึ่งหมายความว่า ส่วนหนึ่งของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเรา คล้อยตามความเชื่อบางส่วนที่คล้ายคลึงกัน เราจึงเผชิญกับประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน

    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนั้นๆ

    ดังนั้นการที่จิตวิญญาณของเราจดจ่อกับภาวะที่คล้ายคลึงกัน จึงเป็นเหตุให้เราเผชิญกับประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาปราศจากความหมาย เพราะอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปพร้อมกันหมด

    คุณ Mead ตั้งสติได้ด้วยความรู้และสกัดพิษไม่ให้เข้าสู่หัวใจได้ การตั้งสติได้ทำให้คุณ Mead ได้ถ่ายทอดความรู้ที่อาจเรียกได้ว่า ได้จากพี่นักเขียน (ในอดีต) ไปใช้รักษาตนเองได้อย่างฉับพลันในปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันหากเรามองข้ามช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาไป เราอาจกล่าวได้ว่า การตั้งสติได้ทำให้พี่นักเขียนถ่ายทอดความรู้ที่อาจเรียกได้ว่า ได้จากคุณ Mead (ในอนาคต)ไปใช้รักษาตนเองได้อย่างฉับพลันในปัจจุบัน

    ลองนำความคิดนี้ไป apply กับสถานการณ์อื่นๆในชีวิตของเรา เราจะพบว่าที่เราเคยได้ยินใครกล่าวว่า "เขาขโมยเอาความคิดของผมไปทำ" เป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย และที่เราเคยเข้าใจว่า เรารู้การณ์ล่วงหน้าก็แทบจะหมดความหมายเช่นกัน เพราะความเป็นปัจจุบันและการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นระบบเครือข่ายของจิตวิญญาณ อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา

    เมื่อการที่เราเป็นเขา-เขาเป็นเรา สัมพันธ์กับการเป็นบุคคลตัวตนที่แท้จริงของเราในระดับสติสัมปชัญญะ นอกเหนือช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา โลกใบใหญ่นี้จะกลายเป็นโลกใบน้อย และจักรวาลที่อ้างว้างไพศาลจะกลายเป็นจักรวาลที่อบอุ่นมั่งคั่งไปด้วยความรู้ที่สนับสนุนเราอยู่ตลอดวันเวลา (rose)
     
  18. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    สวัสดีครับพี่นักเขียน ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ต้องขึ้นเล่มใหม่สิแล้วนะครับ

    ตอนนี้มีเรื่องต้องตัดสินใจว่าจะเลือกทางไหนในสองทาง กะจะลองฝึกฝันว่าถ้าเลือกแต่ละทาง ชีวิตตัวเองจะเป็นยังไงในอนาคต เอามาประกอบการตัดสินใจ

    คุณ Mead เห็น paper model เลยนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ ได้นึกสนใจใน paper model อยากจะลองหามาประกอบ ตอนนั้น ก็ค้นไปเจอโปรแกรมที่แปลงพวกไฟล์ 3d เช่น จาก 3d studio ให้เป็น paper model ไม่ทราบว่าจะสนใจหรือเปล่า เพราะว่าเดาเอาแล้วจากงานที่คุณ mead ทำน่าจะเป็นพวกออกแบบ ถ้าทำออกมาเป็นโมเดลจำลองก่อนจะได้เห็นภาพ ยิ่งเป็นกระดาษยิ่งทำง่าย

    โปรแกรมที่ว่าก็คือ pepakura โหลดได้จาก http://www.tamasoft.co.jp/pepakura-en/ แต่คงต้องหาตัว crack เอาอีกที

    คุณเฉลยจะเอา paper illusion ไปให้หลานเล่น ลองเอาสองตัวนี้ไปเล่นดูหรือเปล่า ดูน่ารักกว่า ดูจาก youtube แล้ว ก็พอจะหลอกตาได้เหมือนกัน

    <object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/IirTjZ32nHk&rel=1"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/IirTjZ32nHk&rel=1" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • paperbee.jpg
      paperbee.jpg
      ขนาดไฟล์:
      280.4 KB
      เปิดดู:
      44
    • paperme.jpg
      paperme.jpg
      ขนาดไฟล์:
      269.7 KB
      เปิดดู:
      39
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2007
  19. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    พวกเราพร้อมแล้วครับ
    เริ่มตรงไหนก่อนดี......
    เอาเป็นว่าเริ่มจากความฝันคืนนี้นะครับ
     
  20. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขออนุญาติส่งการบ้านเรื่องจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์สัก 2 เรื่องค่ะ..

    เรื่องแรกก็เป็นเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเคยเรียนหนังสือและฝึกสมาธิตามแนวสติปัฏฐาน 4 ด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน หลังจากเรียนจบกันแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง เพื่อนคนนี้หลังจากเรียนจบก็กลับไปทำงานส่วนตัวอยู่ที่โคราช นาน ๆ เราจะติดต่อกันทีตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวยค่ะ แต่ 3 - 4 ปีที่ผ่านมาเค้าเริ่มมีอาการเจ็บป่วยต้องเข้า ๆ ออก ๆ โรงบาลอยู่บ่อย ๆ แต่เค้าจะเชื่อว่าอาการป่วยของเค้าเกิดจากกรรมเก่าที่เค้าเคยทำไว้..

    เมื่อไม่นานมานี้เค้าก็เกิดป่วยขึ้นอีกถึงขั้นต้องส่งโรงพยาบาล ตัวเราก็ไม่ทราบว่าเค้าเข้าโรงพยาบาลพึ่งมาทราบทีหลังตอนที่เค้าโทรศัพท์มาเล่าให้ฟัง เค้าบอกว่าในภาวะที่ป่วยหนักจะเป็นหรือตายอยู่ให้โรงพยาบาลนั้น ไม่ทราบว่าทำไมเค้าถึงได้คิดถึงเรามาก ๆ เมื่อคิดถึงแล้วเค้ารู้สึกว่าร่างกายเริ่มผ่อนคลายและอาการก็เริ่มทุเลาลงและค่อยยังชั่วในที่สุด.. ประเด็นนี้ตัวเราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันค่ะว่าเค้าอาการดีขึ้นเพราะเหตุใด?

    อีกเรื่องนึงก็เป็นเรื่องของเพื่อนที่พึ่งมีคนรักเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่เค้าคบกันใหม่ ๆ ก็ยังงัยไม่ทราบไปฝันว่าเพื่อนคนนี้เดินร้องไห้มาหาเราที่ทำงานแต่ความรู้สึกของเราเหมือนกับว่าเค้ามีปัญหากับคนรัก พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกไม่สบายใจจึงโทรศัพท์ไปหาเค้าและถาม ๆ ถึงสัมพันธภาพของเค้ากับคนรัก เค้าก็บอกว่าปกติดีไม่มีอะไร ก็รู้สึกวางใจขึ้นและคิดว่าเราคงจะฝันอะไรที่ไร้สาระ แต่ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้เค้าก็เริ่มโทรศัพท์มาพูดคุยปัญหาของคนรักที่มีผู้หญิงอื่น และก็ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเลิกกันหรือไม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาในลักษณะนี้กับตัวเอง จึงได้แต่รับฟังเฉย ๆ เพื่อให้เค้าได้ระบายความรู้สึกออกมาแค่นั้น.. ไม่รู้ว่าการแสดงออกแบบนี้ถูกรึปล่าวก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ..
    (b-hmm)
     

แชร์หน้านี้

Loading...