อัศจรรย์!!! กระแสพลังธรรม.. พระขุนแผนพิชัยสมบัติเนื้อผงเหล็กน้ำพี้(ตำรับขุนแผนชมตลาด)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย smart7667, 29 กรกฎาคม 2013.

  1. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    กลับมาที่การสร้างพระเนื้อว่านแบบภาคใต้บ้างนะครับอย่างของวัดช้างให้ ปัตตานี .....จากคำบอกเล่าจากชาวบ้านรุ่นเก่าแก่ที่ไปเสาะหาว่านมาถวายพระอาจารย์ทิม ว่า ตนเองได้หาว่านหลังจากเสร็จจากกรีดยาง (เช้า) ก็ได้ไปหาว่านโดยการนำว่านใส่กระสอบปุ๋ย จนเต็มถุงปุ๋ยจึงได้กลับ ขากลับตะวันใกล้จะตกดิน ตนเองมีความรู้สึกว่าได้เหยียบอะไรบางอย่างรู้สึกว่านิ่มๆลื่นๆพอมองดู ตกใจมาก “งู” เต็มไปหมด ตนเองได้เหยียบงู แต่แปลก งูไม่ทำร้ายกลับเลื้อยหนีไปนั่นเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของว่านนั่นเองที่ตนเองได้แบกอยู่ จึงได้นำความนี้ไปเล่าให้พระอาจารย์ทิมฟัง พระอาจารย์จึงได้บอก ญาติโยมว่า นี่แหละคือสาเหตุที่บอกญาติโยมให้เสาะหาว่านมาเพื่อที่จะนำไปสร้างพระเครื่องหลวงพ่อทวด ความ ศักดิ์สิทธิ์ของว่านมีอยู่แล้ว บวกกับบารมีหลวงพ่อทวดแล้วด้วย พุทธคุณ สูงสุด ต่อไปพระเครื่องชุดนี้จะมีคุณค่ามหาศาลและหายาก นี่คือคำบอกเล่าจากปากชาวบ้าน พระอาจารย์ทิม พูดย้ำอยู่ตลอด เวลาญาติโยมนำว่านมาให้ ท่านจะเสกว่าน แล้วให้ชาวบ้านนำไปตากไว้บริเวณลานวัด.....
     
  2. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระที่สร้างแล้วมีพลังจะต้องใช้ความอุตสาหะมากพลังจิตจะเกิดครับ..ของรุ่นเก่าจึงขลังมาก พระเรซินสารสังเคราะห์มีเกลื่อนตลาดพระแต่ทำไมไม่มีคนเช่ามาแขวนเพราะเหตุนี้ครับผมครับ...
     
  3. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระปิดตาลืมตามิดปิดตาเห็นแช่น้ำมนต์
    พระปิดตา พุทธคุณ นิยามคำว่าพระปิดตา
    พระปิดตาความจริงไม่มี แต่นิยมเรียกกันมานานจนชินปาก "พระปิดตา"ลักษณะขององค์พระท่านเป็นการยกพระหัตถ์ ปิดพระพักตร์ มิใช่ยกพระหัตถ์ปิดพระเนตร(ตา) แต่ปิดรวม ตา หู จมูก ปาก และดวงหน้าซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของกาย ส่วนใจเป็นนามก็ปิดโดยสมมุติ นับเป็นอาการสำรวมอายตนะ หก ประการ

    ชนิดของพระปิดตาแบ่งออกเป็น ชนิด
    1 พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งยองความหมายเดิมคือพระโพธิสัตว์เจ้าในพระครรภ์ เรียกว่าพระมหาอุด หรือเป็นพระปิดทวารทั้งเก้าเต็มภาค ไม่มีคำเรียกอย่างอื่น
    2.พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิยกหัตถ์ปิดทวารทั้งเก้า ความหมายเดิมคือพระเจ้าเข้านิโรธ ควรใช้ศัพท์เรียกว่า “ภควัม”ไม่มีคำว่าพระนำหน้าและไม่มีคำบดีหรือปติตามหลัง จะเรียกภควันต์ก็ไม่ได้ เพราะคำศัพท์หมายถึงพระอิศวรหรือนามแห่งพระพุทธเจ้า ภควัม ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานหมายความถึงพระปิดทวารทั้งเก้าปิดตาคว่ำพระพักตร์ จนมีคำพังเพยว่า”หน้าคว่ำเป็นภควัมเจียวนะ”หมายถึงสาวแสนงอน มองไปหลายตลบ ก็ไม่พบพระปิดตาหน้าคว่ำคำราชบัณฑิตหมายถึง ผู้แปลบาลีท่านจะเป็นนักพระเครื่องด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ
    3 พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่น เป็นพระเมตตามหานิยมและลาภผล เรียกว่า “พระควัมปติ”พระปิดตาทั้ง๓ชนิดมีทั้งฝ่ายบู้ ฝ่ายบุ๋น ความหมายมิได้คล้ายคลึงกันเลย ยังมีบุคลบางท่านเข้าใจผิดคิดว่าเป็นประเภทเดียวกัน จำต้องสังคายนาให้เห็นชัดสักครั้ง เพราะมิผู้นิยม"พระปิดตา"กันมาก
     
  4. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระปิดตามหาอุดโดยสมบูรณ์นั่งยอง หรือพระเจ้าในครรภ์ สร้างโดยรูปแบบบุคคลาธิษฐานของการปิดทวารทั้งเก้า โดยจินตนาการรูปลักษณะของทารกในครรภ์ ซึ่งมีการปิดทวารโดยอัตโนมัติดังนี้
    ดวงตาทั้งสองต้องไม่มองสรรพสิ่งใดๆ(ปิด 2ทวาร)
    หูทั้งสองไม่รับฟังสรรพสำเนียงใดๆ(ปิด2 ทวาร)
    รูจมูกทั้งสองไม่ทำการหายใจ(ปิด 2ทวาร)
    ไม่เอ่ยปากเจรจากับผู้ใด(ปิด 1ทวาร)
    ทวารหนักเบาไม่ทำการถ่าย(ปิด 2ทวาร)
    ประวัติพระปิดตารวมทั้งสิ้นเป็นการปิดทวารทั้งเก้าทวารด้วยกัน ไม่เกี่ยวกับการอายตมะเท่าที่ค้นพบนิยมสร้างด้วยเนื้อตะกั่วเถื่อน เช่นพระของหลวงพ่อดำ วัดกุฎิ ปราจีนบุรี สร้างเป็นลักษณะก้อนกลม มีเท้าทังสองข้างโผล่ให้เห็นเพียงเล็กน้อย ดูคล้ายมิใช่องค์พระ นั่นแหละพระเจ้าในครรภ์ อายุยังน้อยประมาน 3 เดือนเท่านั้น"พระปิดตา ปักเป้า" แสดงให้เห็นว่าสถิตอยู่ในครรภ์ พระปิดตากุมารในครรภ์ อาจารย์เจ๊ก พระปิดตาหลวงพ่อปาน วัดบางกระสอบ อาจารย์หลวงพ่อเชย พระปิดตาคุมโปง วัดท่าพระ เนื้อชินปรอท เนื้อผงคลุกรักพบบนเพดานพระอุโบสถวัดพระแก้ววังหลวง สร้างขึ้นที่วัดพระแก้ววังหน้า เนื้อดินผสมผงพบในกรุวัดราชนัดดา และอาจมีที่อื่นอีกพระเครื่องปิดตาในรูปแบบนี้ จะเรียกว่า ภควัม พระควัมปติ ไม่เป็นการถูกต้อง เรียกได้เพียงพระมหาอุดหรือพระปิดทวารทั้งเก้าเท่านั้น จึงจะตรงกับความหมาย"พระปิดตา"
     
  5. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระปิดตาลืมตามิดปิดตาเห็น สร้างตามวิชาเขาอ้อสายภูมิปัญญาเมืองตานี..
    แช่น้ำมนต์เกือบปีดุจ บุตรอยู่ในครรภ์มารดา นานหลายเดือนท่ามกลางน้ำในครรภ์มารดา..ครับ นำพระออกจากน้ำมนต์แล้วสวดสมโภชน์สวดญัตติอีกครั้งครับ...
     
  6. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระคาถาประจำองค์พระ" คาถาพระปิดตา
    ใช้คาถา....อิติปิโส ทั้งสามห้องนะครับ...
     
  7. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระปิดตาลืมตามิดปิดตาเห็น แช่น้ำมนต์คือ พระปิดตาภาวนาจิตทำฌาณนั่งขัดสมาธิ หรือพระเจ้าเข้านิโรธสมบัติ ผิดลักษณะจากทารกในครรภ์ ตามเหตุผลแล้วการเข้านิโรธ ไม่เป็นการปิดทวารอะไร อย่างน้อยยังมีอัสสาสะปัสสาสะ คือลมหายใจเข้า-ออก ยกเว้นเพียงไม่กล่าวคำพูดและไม่ฉันอาหารเท่านั้น อาจดื่มน้ำ เพราะความต้องการของร่างกาย มิเท่านั้น ยังมีการถ่ายหนักถ่ายเบาจากสิ่งที่ตกค้างหลง เหลือภายในร่างกายตามระบบการขับถ่ายและก็มิใช่นั่งเป็นตัวตอ ทั้ง 7วัน7คืนก็ แปลรูปเป็นเนสัชชิกังไปในอิริยาบถสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน ล้วนเป็นการปฏิบัติสมาธิทั้งสิ้น การทำสมาธิแบบวิปัสสนาญาณ(มิใช่ฌาน)ล้วนตื่นเบิกบาน รู้ตัวทั่วพร้อม ประกอบด้วยสัมมาสมาธิ คือสมาธิลืมตาหรือสมาธิพุทธ ตามองเห็นเป็นรูป ตัวเป็นนาม ไปหลับตาแล้วจะรู้อะไร

    ส่วนสมาธิหลับตานั้นมิใช่สมาธิพุทธ เป็นมิฉาสมาธิ หรือสมาธิสากล ไม่เลือกลัทธิเป็นพวกไสยศาสตร์ ไสยะแปลว่านอนหรือหลับพุทธะแปลว่าตื่น การที่ พระพุทธโฆษาจารย์แห่งลังกาทรงนิพันธ์คัมภีร์วิสุทธิมรรค ว่าด้วยการปฏิบัติพระกรรมฐาน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง 40แบบ ล้วนนอกลัทธิพุทธทั้งสิ้น เพราะอะไรก็เพราะว่ากรรมวิธีนี้เกิดมาก่อนพุทธ และพระพุทธองค์ได้ทรงศึกษากรรมวิธีนี้จากพระอาจารย์สองท่านคืออุทกดาบถ รามบุตร อาฬารดาบส รามโคตร์ ซึ่งทั้งสองท่านมิใช่พุทธแต่เป็นโยคีศึกษาแบบนั่งหลับไปจนถึงอรูปฌานก็ไม่เห็นทางหลุดพ้น จัดเป็นเพียงสมถะมีสมาธิแต่ไม่ถึงขั้นปัญญา มีฤทธิ์สามารถแสดงออกได้ เพ่งกสิณก็ได้ เหาะเหินเดินฟ้ายังได้ เช่น คันธารีฤๅษีและพระเทวทัตซึ่งสำเร็จสมาบัติ 8 คือรูปฌาม 4 อรูปฌาม 4 จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาเลื่อมใสของพระเจ้าอชาติศัตรูพระเทวทัตเหาะได้และแปลงกายเป็น พญานาคราชก็ได้ แต่ขั้นโสดาบันยังไม่ได้คือไปสร้างตัวยืด ไม่ทำตัวหลุด แต่ก็เป็น อุปการะในการทำเสโตสมาธิหรือกระทำวิปัสสนาไม่ต่ำช้าอะไร
     
  8. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    เมืองไทยเราพอเห็น ใครนั่งหลับตาหรือแสดงฤทธิ์ได้เล็กน้อย ก็ยกย่องเป็นพระอรหันต์เมื่อพระพุทธองค์ ปลีกตัวออกจากอาจารย์ทั้งสองท่านแล้ว ก็ทรงค้นหาทางดับทุกข์จนบรรลุพระอนุตร สัมมาสัมโพธิญาณจากนั้นพระองค์ท่านก็เสด็จออกไปยืนทอดพระเนตรสู่เบื้องบรูพาทิศ หรือทิศตะวันออก ลืมพระเนตรทั้งสองไม่กระพริบตลอด 7ทิวาราตี ไม่กลัวแดดเกรงตะวัน ปางนี้เรียกว่าปางถวายพระเนตร ท่านได้สอนไว้แล้วทำตัวอย่างให้ดูท่านผู้ใดยังสงสัยเรื่องสมาธิพุทธลืมตา ว่างๆย่องไปดูพระท่านเดินหลับตาหรือลืมตา เมื่อเดินลืมตานั่งก็ลืมตายืนก็ลืมตา นอนก็ลืมตาได้ เพราะอยู่ในอิริยาบถสี่หลับตานั้นเป็นวิธีของฤๅษี บรรลุฌาน 8 ลืมตาเป็นวิธีของพุทธบรรลุญาณ 16 แยกญาณกับฌามให้ออก พระเจ้าเข้านิโรธสมบัติส่วนใหญ่เป็นพระอรหันตาเจ้าเรียนรู้สมาธิพุทธตามคำสอนของพระบรมครู ท่านถือสายกลางอย่าไปคิดว่าเคร่งครัดแบบอัตกิลมถานุโยคะ ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเอง นั่งนานเมื่อยท่านก็ลุกยืนนานท่านเมื่อยท่านก็ออกเดินจงกลม เดินเมื่อยนักท่านก็นอนตะแคงแบบสีหไสยาสน์ตะแคงขวา เป็นการนอนแบบมีสติในการพิจารณาธรรม
    ถ้านอนตะแคงซ้ายเรียกว่ากามโภคี ใช้ไม่ได้การเข้านิโรธสมาบัติเป็นเพียงการเพิ่มตบะธรรม สำคัญที่สติ ตาก็ดูหูก็ฟัง ไม่ลืมตาแล้วจะไปพิจารณามหาภูตรูป คือธาตุทั้งสี่วัตถุแท่งทึบ โปร่งใสได้อย่างไรเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณรวมเป็นจิตตัวรู้และเป็นนาม จะรู้ตัวทั่วพร้อมได้อย่างไร เพียงแต่ว่าสิ่งที่ผ่านมากระทบอารมณ์จะพิจารณาในธรรมหมวดใด จะเป็นพระไตรลักษณ์ ทุกข์ อนิจจัง อนัตตา หรือพิจารณาในมหาสติปัถฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม เช่นกายก็สักแต่ว่าเป็นกายไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา ท่านจะใช้ธรรมสองหมวดยกขึ้นพิจารณา ที่กล่าวว่าวิญญาณ คือธาตุรู้เช่น
    จักขุวิญญาณ (ตา), โสตะวิญญาณ (หู), ฆานะวิญญาณ (จมูก), ชิวหาวิญญาณ (ลิ้น), มันจะไปรู้อะไรมันเป็นเพียงเจตะสิกจิต (จิตตังเจตะสิกกัง) ตาทำหน้าที่เพียงจับภาพแล้วส่งผ่านไปยังสัญญาจะบอกได้ว่ารูปอะไรภาพอะไร จะกล่าวเพียงว่าเห็นเป็นรูปตัว รู้เป็นนาม ได้ยินเสียงเป็นรูปรู้เป็นนามมันออกจะยากอยู่สักหน่อย

    เช่นนี้การเข้านิโรธสมาบัติก็ไม่ใช่การปิดทวารแน่(พระปิดตา) ในเมื่อพระคณาจารย์มีความประสงค์จะสร้างพระมหาอุด หรือพระปิดตามหาลาภบางท่านก็แนะแนวกับช่าง บางท่านก็มิได้สนใจสุดแต่ช่างจะจัดการให้ จึงออกมาหลายรูปแบบตามความรู้ของช่าง จึงอย่าไปยึดติดในรูปเพราะพระมหาอุดหลายชนิดไม่มีการปิดตาเช่น พระพิจิตรหัวดง พระท่ากระดาน พระร่วงสนิมแดง พระหูยานลพบุรี พระท่ามะปราง ฯลฯ เป็นต้น
    ยังมีความเชื่อกันผิดๆว่าใครมีพระปิดตาแล้วจะขัดลาภขัดผล เช่นนี้ลองดูได้ ใครมีพระปิดตาวัดทองสุวรรณารามของหลวงพ่อทัพ และพระปิดตาวัดหนังของหลวงปู่เอี่ยม ไม่ต้องมีมากแค่อย่างละ 20องค์พอขอให้เป็นของแท้ ลาภผลจะไหลมาเทมาเรียกว่ารับเละแน่นอน ประเภทมีกูไว้ไม่จนเช่นกันส่วนใครมีพระปิดตาลืมตามิดปิดตาเห็นนั้นย่อมมากด้วยอริยทรัพย์อย่างเต็มห้องมหาบุญแน่นอนครับ...
     
  9. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่นเป็นองค์สมมุติ ของพระอรหันตาเจ้า แต่จะเป็นองค์ใดคงต้องพิจารณากันต่อไป มีความผิดแผกแตกต่างกับ พระปิดตาชนิดที่1 และพระปิดตาชนิดที่2 ทั้งรูปและนาม พระปิดตาสองแบบแรกรูปลักษณ์ไปคนละอย่าง อิทธิคุณออกไปด้านป้องกันคุ้มครอง ทั้งมิได้เป็นองค์แทนของผู้ใด ส่วนแบบที่3 ที่จะกล่าวถึงนี้ อิทธิคุณเน้นหนักไปในทางนิ่มนวล เมตตามหานิยม เสน่ห์ ลาภผล แคล้วคลาด การจัดสร้างเนื้อหาก็แตกต่างกัน ไม่นิยมใช้สัมฤทธิ์เงิน สัมฤทธิ์ทอง เมฆพัด เมฆสิทธิ์ ที่สร้างขึ้นส่วนมากประกอบด้วย เนื้อผงตัวยาคลุกรัก คือผงมหาราชหรือผงอิทธิเจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผงวิเศษ ประเภทเมตตามหานิยมที่แกะด้วยไม้โพธิ์ กาฝากรักซ้อน บรรจุด้วยพระธาตุสิวลีห่อด้วยกระดาษสาลงพระยันต์ อุดด้วยขี้สูดดินราบ(ชันโรงใต้ดิน) ถ้าแกะด้วยรากชิงหายผี นำไปแช่น้ำมันจันทน์ เสกจนพระลุกขึ้นนั่ง พุทธคุณพระปิดตา เอาน้ำมันทาตัวล่องหนแล ที่แกะด้วยงาช้างและกระดูกสัตว์ก็พอมีอยู่ แต่ไม่เป็นการถูกต้องเทพสิงจะไม่สถิตในกระดูกสัตว์เดรัจฉานได้เพียงพลังจิตของผู้ปลุกเสกเท่านั้น ที่สร้างด้วยเนื้อโลหะส่วนมากเป็นพวกชินตะกั่ว ความมุ่งหมายของการสร้าง เป็นไปได้ทั้ง บุคคลาธิษฐาน และธรรมาธิษฐาน นิยมเรียกกันว่า “พระควัมปติ”
     
  10. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระปิดตาลืมตามิดปิดตาเห็นแช่น้มนต์พ่อท่านบ่าวผู้มีจิตธรรมในสภาวะมืดทางโลกแต่ทางธรรมโล่งจ้า....คือลักษณะที่ยกมือขึ้นปิดตาอย่างเดียวครับผม ด้วยรักและเคารพครับ...
     
  11. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระควัมปติ หมายถึงพระอรหันต์รูปใดในตำนานพุทธสาวกกล่าวว่า ท่านคือพระควัมปติเป็นพระสาวกรุ่นแรกๆ ของพระพุทธองค์ ก่อนอุปสมบทดำรงฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีมีทรัพย์ ระดับเดียวกันกับ ยสมานพ(อ่านยะสะ) เป็นเพื่อนเกลอรักใคร่ชอบพอกันมาก ครั้งเกิดธรรมาพิสมัย จึงพร้อมใจกันอุปสมบทในสำนักของพระบรมศาสดา ภายหลังต่อมาได้บรรลุอรหันต์ทั้งสองรูปท่านพระควัมปติทรงเป็นเอตะทัคคะ 1 ในพระอรหันต์ผู้ทรงเอตะทัคคะ 80รูปในด้านอินทรีย์สังวร ท่านบรรลุซึ่งเตวิชโชหรือวิชชาสาม เชี่ยวชาญในอิทธิวิธี เชียวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน เคยใช้ฤทธิ์ห้ามกระแสน้ำในลำน้ำสรภู ซึ่งไหลเชี่ยวให้หยุดไหลได้ อาการที่สำรวมทั้งภายนอกภายในโดยเคร่งครัดสม่ำเสมอนี้ ทำให้เทพยดาแลมนุษย์พากันเคารพสรรเสริญ ต่อมาได้พากันสร้างรูปของท่านเพื่อสักการบูชาลักษณะการยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์จัดเป็นธรรมาธิษฐาน มิใช่บุคคลธิษฐาน เพราะการสำรวมอายะตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่จำเป็นต้องปิดหน้า"พระปิดตา" แต่เป็นการแสดงความหมายให้ทราบเท่านั้น
     
  12. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ตำนานพระปิดตา อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า "พระปิดตา"ชนิดนี้คือพระมหากัจจายน์เถระเจ้า ปางอธิษฐานเนรมิตกาย ความเดิมมีว่าท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าท่านนี้ เป็นเอตะทัคคะในการขยายความย่อให้พิสดาร และเป็นผู้วางหลักสูตรพระบาลีมูลกัจจายน์ คือการสอนพระบาลีไวยากรณ์ในสมัยก่อน เกิดในวรรณะพราหม์ในสกุลกาญจนโคตร ประกอบผิวพรรณวรรณะ อาการแห่งลีลารวมทั้งวรกายละม้ายคล้ายองค์พระบรมศาสดาเจ้า หากดำเนินมาแต่ไกล ผู้คนมักจะจำผิดพากันคิดว่าพระพุทธองค์เสด็จและแม้แต่เทพยดาก็พากันหลงผิด ลีลาสง่างามยิ่งนัก เป็นที่เสน่หานิยมชมชอบของเทพยดาแลมนุษย์ชายหญิงทั้งหลาย และพากันถวายฉายาว่า “ควัมปติ” แปลว่าผู้มีวรกายแลละม้ายคล้ายพระศาสดา (ได้ค้นศัพท์ในพจนานุกรมแล้วไม่มีปรากฏ)





    ในกาลครั้งหนึ่งโสไรยเศรษฐีบุตร พ่อค้าวานิช ได้คุมกองคาราวานไปค้ายังเมืองไกล บังเอิญประจวบเหมาะได้พบเจอกับท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าก็คิดรำพึงอยู่ภายในไจว่า ภรรยาเรานะนับว่ามีความงามเป็นเลิศ ยังมิอาจเทียบเท่ากับสมณะท่านนี้ หากเราได้ภรรยาเช่นนี้จะปลื้มใจสักเพียงใด พอความนึกคิด สะดุดหยุดลง โสไรยเศรษฐีบุตรพลันกลับกายร่างเป็นเพศหญิงในทันทีทันใด บังเกิดความละอายยิ่งนัก หลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบประผู้คน ทั้งไม่ยอมหลับไปยังสถานที่อยู่เดิม ทอดทิ้งบุตรภรรยาและบิดามารดาให้รอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ สุดท้ายหมดเนื้อหมดตัว ไปได้สามีแลได้บุตร๒ คน รวมกับบุตรที่มีอยู่เดิม ๒ คน เป็น ๔ คน ยิ่งฟุ้งซ่านใหญ่กาลเวลาผ่านมาหลายปี จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่งนางก็ได้เห็นท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้า ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ นางจรึงจัดภัตตาหารพร้อมด้วยขันใส่ข้าวสุก ไปคอยดักใส่บาตร และกราบทูลความเป็นไปให้ทราบ อ้อนวอนให้ท่านพระมหากัจจายนะเจ้าจงโปรดช่วยเหลือ ท่านมหากัจจายนะเถระเจ้าจรึงนัดพบหลังจากเสร็จจากการบิณฑบาตและกระทำภัตตกิจเรียบร้อยแล้ว ท่านกล่าวว่านึกไม่ถึงและไม่มีเจตนาแต่ประการใดเพียงแต่มีข้อแม้ว่าหากท่านช่วยอธิษฐานกลับเพศให้ได้ดังเดิมแล้ว โสไรยเศรษฐีบุตร ต้องอุปสมบทเป้นพระภิกษุในพระบวรพุทธศาสนาโสไรยเศรษฐีบุตรจึงตกลงรับคำ และกลับเพศให้สมปรารถนาท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าทรงเป็นอุปัชฌาย์อุปสมบทให้โดยเรียบร้อย ภายหลังต่อมาพระโสไรย ได้บรรลุอรหัตตผล
     
  13. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าจึงทรงรำพึงว่า อันความสวยความจนทำให้เทพยดาแลผู้คนพากันใหลหลงเป็นของมีโทษ เรียกว่ากามวิตก เป็นหนทางแห่งการมัวหมองเราควรจะแปรเปลี่ยนสรีระเสียใหม่ให้สิ้นซึ่งความสง่างาม รำพรึงดังนั้นแล้วท่านก็ทรุดองค์ลงนั่งคู่บรรลังก์ยกหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์ อธิษฐานเนรมิตวรกาย ให้มีรูปร่างอ้วนเตี้ยม้อต้อมีอุทรอันพลุ้ยสิ้นซึ่งความสง่างามลักษณะเช่นนี้เรียกว่า บุคคลาอธิษฐาน มิใช่ธรรมาอธิฐาน ท่านผู้อ่านจะยึดในธรรมาธิษฐานหรือบุคคลธิษฐาน หรือจะเชื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งก็สุดแต่ใจเถิด ล้วนเป็นของประเสริฐทั้งสิ้น ปรัศนีนี้มักนำปัญหาค้านแย้งมาให้ขบคิด ปัญญาจะได้แตกฉานพระอรหันต์ตามที่กล่าว นี้เป็นคนละองค์ ปรากฏในตำนานพุทธสาวก แลทรงเอตะทัคคะไปคนละแนว ถ้าหากเป็นองค์เดียวกันปัญหาจะไม่ยุ่งยาก แต่อย่างไรก็ตาม ท่านพระควัมปติ เป็นพระนามตรงและเรียกกันมาแต่โบราณกาลแล้ง สำหรับการแนะแนวถ้าเรานึกบุคคลาธิษฐาน ท่านก็คือ พระมหากัจจายนะเถระเจ้าถ้าเราคิดไปในแง่ธรรมาธิฐาน ท่านก็คือ พระควัมปติคิดไปได้สองแง่สองมุม หรือสองนัยะอย่าไปคิดฟุ้งซ่านติดยึดในรูปนาม นามะ รูปังทุกข์นามารูป์อนิจจ์ นามารูปังอนัตตา
     
  14. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ในหนังสือพระปิดตา พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง

    ได้สรุปคำว่าพระปิดตา ชนิดของพระปิดตาแบ่งออกเป็น 3ลักษณะ
    1.พระปิดตามหาอุด โดยสมบูรณ์เรียกว่าพระปิดทวารทั้งเก้า นั่งยองหรือพระเจ้าในครรภ์ พระปิดตากุมารในครรภ์
    2.พระปิดตานั่งขัดสมาธิยกหัตถ์ปิดทวารทั้งเก้า ความหมายเดิมคือพระเจ้าเข้านิโรธ ควรใช้ศัพท์เรียกว่า “ภควัม” ปิดตานั่งขัดสมาธิ หรือพระเจ้าเข้านิโรธสมบัติ ผิดลักษณะจากทารกในครรภ์ ตามเหตุผลแล้วการเข้านิโรธ ไม่เป็นการปิดทวารอะไร
    3.พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่น เป็นพระเมตตามหานิยมและลาภผล เรียกว่า “พระควัมปติ”
    พระปิดตา ถึงจะแบ่งตามลักษณะที่กล่าวมาแต่ พุทธคุณในองค์พระ(พระปิดตา)อาจจะไม่เป็นแบบที่กล่าวมาเสมอไปอยู่ที่พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างจะบรรจุพุทธคุณอธิษฐานจิตให้พระปิดตามีพุทธคุณตามที่ท่านต้องการ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2013
  15. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    การเข้าสมาธิเป็นการเข้าถึงธรรม

    หรือเปล่า

    คำว่า ธรรม หมายถึงสภาพที่มีจริง พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ธรรม

    ทั้งหลายตามความเป็นจริง ทุกสิ่งที่มีจริงเป็นธรรม ธรรมแต่ละอย่างมี

    ลักษณะต่างกัน บางธรรมก็เป็นรูปธรรม บางธรรมก็เป็นนามธรรม

    ท่านที่ไปงานศพ ย่อมจะได้ยินพระสวดพระอภิธรรมว่า กุสลา ธมฺ

    มา อกุสลา ธมฺมา อพยากตา ธมฺมา กุสลาธัมมา คือ กุศลธรรมทั้งหลาย

    อกุสลาธัมมา คือ อกุศลธรรมทั้งหลาย อพยากตาธัมมา คือ ธรรมที่ไม่ใช่

    กุศล และไม่ใช่อกุศลทั้งหลาย แสดงให้เห็นว่ามีธรรมหลายประเภท

    โดยนัยที่ถามนี้ก็คงจะหมายถึงกุศลธรรม กุศลธรรมมีหลายประเภท

    หลายขั้น ขั้นของทาน ก็เป็นการปฏิบัติธรรมทางหนึ่ง ที่ขัดเกลาความ

    ตระหนี่ ความติดข้องในวัตถุสิ่งของ โดยสามารถบริจาคให้เป็นประโยชน์

    แก่ผู้อื่นได้ ผู้ที่มีอุปนิสัยในการให้ทานนั้น ถึงแม้ว่าจะมีธุระยุ่งอย่างไรก็

    ปลีกเวลาใส่บาตรตอนเช้าบ้าง หรือให้ทานทรัพย์สินสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่

    คนอื่นบ้าง บริจาคเป็นสาธารณกุศลต่าง ๆ บ้าง ท่านเหล่านั้นก็เป็นผู้ที่

    เข้าถึงธรรมปฏิบัติในขั้นของทาน เป็นการเจริญอุปนิสัยปัจจัยที่ขัดเกลา

    ความตระหนี่ แต่ยังไม่ใช่หนทางปฏิบัติที่ทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็น

    พระอริยบุคคล

    สำหรับทางปฏิบัติธรรมอีกขั้นหนึ่ง คือ การรักษาศีล งดเว้นทุจริต

    ทางกาย ทางวาจา ซึ่งก็คงจะรู้ ๆ กันอยู่บ้างแล้ว เมื่อตรวจสอบจิตใจ

    ของตนเองก็จะรู้ได้ว่าตนเองปฏิบัติธรรม และเข้าถึงธรรมขั้นไหน

    นอกจากกุศลขั้นทาน และศีลแล้วก็ยังมีกุศลขั้น ภาวนา ภาวนา คือ

    การอบรมจิตใจ เพราะโอกาสที่จะให้ทานวันหนึ่ง ๆ ก็คงไม่บ่อย และไม่ใช่

    ว่า จะมีทรัพย์สินสิ่งของที่จะให้ใครได้เรื่อย ๆ การรักษาศีล การวิรัติทุจริต

    ต่าง ๆ ก็กระทำได้เมื่อมีเหตุการณ์ที่จะให้วิรัติ แต่การอบรมจิตใจ ขัดเกลา

    กิเลสนั้น สามารถจะทำได้ทุกวัน แล้วแต่ขั้น และประเภทของการขัด

    เกลาอบรมจิตใจ

    ถ้าเป็นสมถภาวนา ก็เป็นการอบรมจิตใจ ให้สงบจากอกุศล แม้

    เพียงชั่วครู่ชั่วขณะ ก็ยังดีกว่าปล่อยจิตใจให้หมกมุ่นสะสม โลภะ โทสะ

    โมหะ หนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ อย่างท่านที่ไม่ชอบความโกรธ ก็อาจจะหาวิธี

    ระงับโดยใช้วิธีทำให้เกิดสมาธิ บางท่านก็ระลึกถึงพระพุทธคุณสั้นๆ ว่า พุท

    โธ ๆ การที่จิตจะสงบได้นั้น จะต้องระลึกถึงพระพุทธคุณนานาประการ

    ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อระลึกถึงคุณความดีของผู้เป็นเลิศที่

    สุดในโลก จิตใจก็ย่อมสงบระงับ และน้อมประพฤติปฏิบัติตามเท่าที่จะทำ

    ได้ ซึ่งถ้าไม่ใช่กาลที่ระลึกถึงพระพุทธคุณประการต่าง ๆ แต่อยากจะให้

    หายโกรธเร็ว ๆ บางท่านก็นึกถึง คำว่า พุทโธ ๆ อาจจะสัก ๒๐ ครั้ง ขณะที่

    กำลังนึกถึง "พุทโธ" อยู่ ความโกรธก็ไม่มีโอกาสเกิด ขณะนั้นก็ทำให้

    ความโกรธระงับไปชั่วขณะ แต่ไม่ใช่หนทางปฏิบัติที่ดับกิเลสเป็นสมุจเฉท

    หนทางปฏิบัติที่ดับกิเลสนั้น เป็นหนทางปฏิบัติที่ทุกท่านสามารถอบรมเจริญ

    ได้ เป็นกุศลขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา

    พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี เพื่อรู้แจ้ง

    หนทางปฏิบัตินี้ เพื่ออนุเคราะห์สัตวโลก ให้อบรมเจริญปัญญาจนกว่าจะรู้

    แจ้งอริยสัจธรรม เป็นพระอริยบุคคล ดับกิเลสได้หมดสิ้น เช่นเดียวกับ

    พระองค์ด้วย

    สมัยนี้หนทางปฏิบัตินี้ก็ยังไม่สูญสิ้นไป พระธรรมวินัยที่พระผู้มีภาค

    ทรงแสดงไว้เป็นศาสดาแทนพระองค์นั้น ยังมีอยู่ครบสมบูรณ์ ซึ่งผู้ศึกษา

    สามารถพิสูจน์พระธรรมได้ สามารถประพฤติปฏิบัติตามได้ แม้ในขณะนี้

    หนทางปฏิบัตินั้น คือ วิปัสสนาภาวนา
     
  16. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ขอขอบคุณ ข้อมูลจากวัดเมืองยะลาครับ..
     
  17. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    สมาธิในพระพุทธศาสนา ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติจนตรัสรู้ ประกอบด้วย สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ถ้าได้พร้อมใจกันเผยแพร่ให้สังคมและเยาวชนได้ลงมือปฏิบัติสมาธิ
    ย่อมทำให้ผู้ปฏิบัติรู้จักวิธีตั้งสติ
    และพาจิตให้สงบสันติได้ท่ามกลางอารมณ์ทั้งหลาย
    อันจะทำให้ปัญหาสังคมหมดไปได้โดยลำดับ
    และถ้ามีการปฏิบัติสมิอย่างแพร่หลายและจริงจังแล้ว
    พระพุทธศาสนาย่อมตั้งอยู่อย่างมั่นคง


    วิธีสร้างความคล่องแคล่วในการเข้าสมาธิ

    ก่อนอื่น ผู้ศึกษาธรรมะจะต้องทราบว่า สัมมาสมาธิ ไม่ใช่สมาธิที่ทำให้จิตสงบเพราะเกาะยึดอารมณ์ ไว้เป็น “เอกัคคตา” แต่ประการใดเลย หลักการของ สัมมาสมาธิ นั้น คือ สมาธิที่ทำให้จิตสงบเพราะปล่อยวางอารมณ์ และอาการนึกคิดของจิตออกไปจนหมดสิ้น

    ดังนั้น เมื่อลงมือปฏิบัติจริง จึงต้องมุ่งไปในทิศทางที่ปล่อยวางอารมณ์ และนิมิตหมายต่างๆที่ไม่พึงประสงค์ออกไปตามลำดับ จนจิตย่างเข้าสู่สภาพสุญญตา คือ ว่างเพราะไม่มีอะไรเหลือเป็นนิมิตหมายอยู่เลย กลายเป็นจิตสงบเพราะหลุดพ้นจากการปรุงแต่งใดๆในที่สุด

    ทั้งนี้หมายความว่า พลังปัญญาที่จะสลัดอารมณ์ออกไป เป็นสิ่งที่จะต้องอบรมให้เกิดขึ้น โดยวิธียกจิตเข้าไปตั้งไว้ที่ฐานที่ตั้งสติ ซึ่งจะส่งผลเป็นความสงบร่มเย็นให้แก่ผู้ปฏิบัติ และเป็นที่พึ่งทางจิตที่ถูกต้อง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ย่อมปรากฏขึ้นแล้ว ณ ที่จิตหลุดพ้นนี้
    พ่อท่านทองวัดป่ากอให้หนังสือการปฏิบัติมาเมื่อ2542...ครับ
     
  18. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ผมก็ค่อยๆทำไปไม่รีบร้อนเรื่อยๆครับผมดูใจทุกวันดูแล้วระงับแค่นั้นครับผม...
     
  19. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    หนังสือสวดมนต์ของพระเทพญาณเมธี ผู้ให้คติลืมตามิดปิดตาเห็นท่านก็พิมพ์เรื่องการภาวนาอยู่เช่นกันครับ...ต้องลองรื้อตู้หนังสือน่ะครับ...คิดว่ามีประโยชน์ต่อการบอกสิ่งมงคลธรรมกันและกันครับ...ผมจำได้ว่าพิมพ์ปี2543ครับผม...
     
  20. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระเทพญาณเมธีหรือหลวงปู่สุระ...ท่านละเมื่อปี2544ครับตอนนี้สังขารยังอยู่ในมณฑปครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...