ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    ปีนี้เป็นปีที่ภัยธรรมชาติเข้ามาเยี่ยมเยียนประเทศไทยเราอย่างแสนสาหัสอีกครั้งหนึ่ง - หากยกเว้นประเด็นของสึนามิเมื่อปีก่อนโน้น - แต่รุนแรงและยาวนานกว่าเก่า ไม่ว่าจะน้ำท่วมจากน้ำป่าไหลหลาก

    <DD>ดินถล่ม ฝายพัง ที่คร่าชีวิตคนไทยทางภาคเหนือไปนับร้อยๆ คน ทรัพย์สินและบ้านพังหรือไหลไปกับน้ำอีกต่างหาก จริงอยู่ภัยที่เกิดไม่ใช่เรื่องใหม่ ประวัติศาสตร์ของชาติเราเคยมีมาตลอด แม้ชีวิตของผู้เขียนเองก็เคยมีประสบการณ์ตรงด้วยตนเองเมื่อน้ำป่าไหลหลากและโคลนถล่มที่นราธิวาสเมื่อร่วมเจ็ดสิบห้าปีก่อน แต่ในทศวรรษหลังๆ และใกล้ๆ มานี้ เราท่านต่างก็รู้ด้วยประสบการณ์ของตนเองว่า ภัยที่เราชอบเรียกว่าภัยธรรมชาติ - ที่ทำให้เราหลงลืมไปว่า จริงๆ แล้วมันเป็นผลพวงของการดำรงชีวิตของเราเองภายใต้อารยธรรม "สมัยใหม่" - มันมีทั้งถี่กระชั้นและรุนแรงอย่างที่เราไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน

    <DD>แต่ที่ผู้เขียนย้ำแล้วย้ำอีกในคอลัมน์นี้มาเป็นเวลานานว่า ทศวรรษที่ 2010 โดยเฉพาะปี 2012 จะเป็นปีที่สรุปรวบยอดของสภาวะความพินาศระดับโลกแห่งชรวิตที่เรียกว่าความล่มสลายระดับโลก (mass extinction or spasm) อีกครั้งหนึ่งซึ่งจะเป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของโลกกายภาพหลังกำเนิดการของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับวิกฤติใหญ่หรือภัยธรรมชาติเช่นสึนามิ แผ่นดินไหวที่แคชเมียร์ หรือเฮอริเคนแคทรินาที่เรายังจำความโหดร้ายรุนแรงของมันได้ วิกฤติดังกล่าวเป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็กๆ น้อยๆ สุดจะนำมาเทียบกันไม่ได้ ที่ผู้เขียนย้ำหรือเชิงคาดการณ์มานั้น - หากมองจากการคาดการณ์ที่มีรากฐานทางวิทยาศาสตร์บ้าง - การคาดการณ์ของผู้เขียนอาจเร็วกว่านักวิทยาศาสตร์หลายๆ คนไปหลายๆ ปี หรือหลายๆ ทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นเดวิด คิง, ฟริตจอฟ แคปร้า, เลสเตอร์ บราวน์, บิล จอย ฯลฯ ที่ผู้เขียนเคยเอามาเขียนและอ้างอิงไว้บ่อยครั้ง แต่ที่ผู้เขียนระบุว่าปี 2012 คือปีที่โลกแห่งชีวิตรวมทั้งมนุษยชาติและอารยธรรมจะถึงกาลล่มสลายอย่างใหญ่หลวงจนเสี่ยงต่อการสิ้นสูญของเผ่าพันธุ์นั้น ผู้เขียนคำนวณจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นกว่าที่ไอพีซีซี (IPCC-UN) เคยคาดการณ์ให้ไว้ (โปรดเทียบข้อมูลที่ให้ไว้ครั้งแรกในปี 1995 กับรายงานครั้งหลังสุดเมื่อปีที่แล้ว) โดยเฉพาะอุณหภูมิที่ขั้วโลก กรีนแลนด์ และยอดภูเขาสูง นั่นคือการคำนวณปริมาณของน้ำแข็งที่ละลายกลายเป็นน้ำที่อาจก่ออุทกภัยและทำให้น้ำทะเลมีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่าง น้ำแข็งจากยอดเขาสูงเช่นหิมาลัยแห่งเดียวได้ละลายกลายเป็นน้ำถึงวันละกว่าหนึ่งล้านตัน และอย่าลืมว่าเมื่อน้ำแข็งละลายถึงจุดวิกฤติ ก้อนน้ำแข็งจะแตกออกทำให้การละลายเพิ่มอัตราความเร็วเป็นทวีคูณโดยมาตรทางเรขาคณิต นอกเหนือการละลายของน้ำแข็งจากโลกร้อน ผู้เขียนยังคำนวณจากประเด็นอื่นๆ เช่นปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ อัตราความถี่ของการย้ายแผ่นหินเปลือกโลกและแผ่นดินไหวกับภูเขาไฟระเบิด การย้ายสถานที่ของประชากรแมลง และประเด็นทางภูมิดาราศาสตร์อื่นๆ ทั้งหมดบังเอิญมาตรงกับคำทำนายของปฏิทินของชาวมายาที่ชาวนิวเอจแทบทุกคนเชื่อ ปฏิทินที่มาจบฉบับสุดท้ายไว้ที่ปี 2012 พอดี (the crash of 2012!)

    <DD>เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้เขียนได้รับแจกหนังสือที่แสดงความห่วงใยว่าด้วยการจัดการกับภัยพิบัติของรัฐและประชาสังคมเพื่อการค้นหาระบบที่เหมาะสมหากประเทศไทยเรา (หรือสังคมชาติประเทศหนึ่งใด) เกิดมีมหันตภัยพิบัติขึ้นมาอย่างกะทันหัน เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นจากการประชุมเชิงปฏิบัติการโดยกลุ่มองค์กรผู้จัดร่วมหลายองค์กรซึ่งมีตัวแทนของผู้มีประสบการณ์ตรงหลายหลากช่วยกันสื่อช่วยกันเขียนเพื่อให้คนทั่วไปได้ศึกษา หนังสือมีความหนาไม่มาก เรียกได้ว่ากะทัดรัดแต่แน่นด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์ แถมอ่านง่ายและอ่านสนุก (โดยรูปแบบและวิธีเขียน) จึงขอขอบคุณที่ได้รับแจกมาในที่นี้

    <DD>สิ่งที่ได้เห็นและได้อ่าน ก็คือภัยพิบัติไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ เช่น สึนามิ แผ่นดินไหว หรือโรคระบาด ฯลฯ หรือภัยที่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ เช่น ภัยจากผู้ก่อการร้าย สงคราม (หรือแม้ความเป็นไปได้ของสงครามนิวเคลียร์) มันก็อาจมีขึ้นมาอีก อาจร้ายแรงกว่าหรือน้อยกว่าที่เราเคยประสบจะต้องมีมาอีกไม่ว่าที่ใดหรือสังคมไหนในโลก เพราะดังที่เคน วิลเบอร์ กล่าวไว้ "วิกฤติโลก...ว่าไปแล้ว ไม่ได้เกิดจากปัญหาของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี หรือเกิดจากความพินาศหมดสิ้นของทรัพยากรธรรมชาติ จากหลุมโอโซน หรือจากประชากรล้นโลกหากเป็นไปโดยความไม่รู้แล้วอวดดีที่ทำให้เราตัดสินใจทำอะไรร่วมกันบนระบบที่ผิดๆ อันมีต้นเหตุมาจากจิตวิญญาณร่วมของมนุษย์เรา" ซึ่งก็ตรงกับที่ดเวน เอลยิน เขียนไว้ "มันเป็นไปไม่ได้ที่ไม่ว่าใครหรือผู้รอบรู้คนไหนที่จะสามารถป้องกันและแก้ไขวิกฤติโลกด้วยวิธีคิดเก่าๆ ยุทธศาสตร์เก่าๆ วิกฤติที่เราสร้างมันขึ้นมาเองในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นความเจริญก้าวหน้าขึ้นมาแต่แรก...จากจิตร่วมที่ด้อยวิวัฒนาการของเราเอง"

    <DD>เข้าใจว่าเป็นคาร์ล จุง ที่พูดว่า "ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไม่ว่าปัจเจกหรือโดยรวม ล้วนเป็นประวัติศาสตร์ของวิวัฒนาการของจิตทั้งสิ้น" ครับ - วิกฤติมหาวิกฤติของโลกที่อาจทำให้เผ่าพันธุ์มนุษยชาติพินาศสิ้นสลายเป็นผลของจิตร่วมของเราโดยแท้

    <DD>ในความเห็นของผู้เขียน ก็เช่นเดียวกับความเห็นของนักคิดนักเขียนคนอื่นๆ เช่น ปีเตอร์ รัสเซล หรือดเวน เอลยิน หรือสตานิสลัฟ โกรฟ หรือแม้แต่ฟริตจอฟ แคปร้า ที่ผู้อ่านหลายคนคุ้นเคยดี ผู้เขียนคิดและเชื่อมั่นว่า ทุกวันนี้ - หากเรามองจากมุมมองของโลกายภาพ - อะไรๆ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว เราได้ทำลายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและผลิตประชากรแห่งกิเลศตัณหาไร้จริยธรรมจากระบบเศรษฐกิจเสรีมากเกินไปเสียแล้ว - เห็นได้จากวิกฤติน้ำมันอันเป็นรากเหง้าของระบบที่ว่านั้น - และสำหรับบ้านเรา ประสบการณ์ดั่งที่ผู้เขียนกล่าวไว้ในช่วงต้นของบทความนี้ คือหลักฐานที่ชี้บ่งอนาคตอันใกล้ๆ นี้อย่างชัดแจ้งเสียยิ่งกว่าชัด

    <DD>ดังนั้น ผู้เขียนจึงมองไม่เห็นว่าเรา - มนุษย์โลกที่รวมทั้งเราในประเทศไทยด้วย - จะสามารถหนีรอดชะตากรรมที่เรา โดยเฉพาะด้วยฝีมือและความคิดของนักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ของโลกสร้างมันขึ้นมา ผู้เขียนมองไม่เห็นว่า ด้วยองค์ความรู้แบบเก่าเดิมด้วยวิธีคิดและยุทธศาสตร์แบบเดิมๆ หรือด้วยกฎหมายวิเศษฉบับใดหรือนักรัฐ - นิติศาสตร์คนไหน? เราถึงจะสามารถป้องกันและแก้ไขความล่มสลายหายนะระดับโลกที่จะเกิดขึ้นมาในทศวรรษหน้านี้ได้

    <DD>เท่าที่ผู้เขียนมองเห็น สังคมโลกแทบทั้งโลกในวันนี้เดี๋ยวนี้ - ไม่หนักก็เบา - ล้วนแล้วแต่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางสังคมการเมืองหรือเศรษฐกิจกันทั้งนั้นโดยไม่มีที่ใดประเทศไหนได้รับการยกเว้น ทุกสิ่งทุกอย่างทุกๆ ระบบมีแต่งวดเข้าและงวดเข้า แล้วอีกหน่อยเราจะไปหา - อย่าว่าแต่คุณธรรมหรือความเป็นธรรมเลย - แต่แม้แต่ความยุติธรรมตามกฎหมายก็ยังหายากเสียยิ่งกว่ายาก

    <DD>ดังนั้นที่มองเห็นคือความแตกแยกและวุ่นวาย ความจลาจลแบบไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย - เพราะไม่มีผู้ใดรักษา - เนื่องจากรัฐไม่มีเงินเดือนให้อย่างสม่ำเสมอจากการใช้จ่ายไปกับงานช่วยเหลือประชาชนที่หมดตัวไปเพราะภัยธรรมชาติซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือยิ่งกว่านั้น หากรัฐและประชาชน - อย่างน้อยส่วนหนึ่ง - ไม่เข้มแข็งพอ สังคมมนุษย์ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่งหรือหลายๆ ที่หลายๆ ประเทศ ก็อาจจะเกิดสภาพอนารยธรรมกลียุคไปทั่ว

    <DD>ในวงกว้างหรือภาพรวมเราจึงไปไม่รอด ความสูญเสียชีวิตของมนุษยชาติจากภัยพิบัติต่างๆ จะเป็นไปอย่างสุดๆ ไม่ว่าจากโรคระบาด อดอาหารตาย น้ำท่วมหรือยุคน้ำแข็งย่อยในบางภูมิภาคของโลก รวมทั้งความเป็นไปได้ของสงครามนิวเคลียร์ จริงๆ แล้วเราคงไม่เหลือสักเท่าไหร่ สถาบันจับตาสภาวะโลก (worldwatch institute) คำนวณว่าโลกเราสามารถรองรับประชากรได้ราวๆ 2,500-3,000 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งมันก็อาจเป็นไปตามนั้นจริงๆ

    <DD>ดังที่เคยเอามาอ้างในคอลัมน์นี้ โพลตินัสเคยบอกว่า มนุษย์เป็นครึ่งสัตว์ครึ่งเทวดา หากเราศึกษาจากประวัติศาสตร์และโบราณคดีวิทยา เราก็สามารถมองเห็นโดยไม่ยากนักว่า เราพออธิบายครึ่งแรกที่กล่าวมานั้นได้ ชีววิทยาโดยวิวัฒนาการบอกกับเราได้ทั้งหมดในแง่ของกายภาพและพฤติกรรม และไม่ทั้งหมดหรือถกเฉียงกันอยู่มากในด้านจิตภาพและจิตวิวัฒนาการ ส่วนครึ่งหลังเรายังไม่รู้ว่าเทวดาที่โพลตินัสหมายถึงเป็นอย่างไร

    <DD>ศรีอรพินโธบอกว่า มนุษย์เราเป็นเพียงผู้ผ่านทางหรือผู้ดำรงอยู่ในโลกเพียงชั่วคราว (man is a transitional being) ศรีอรพินโธนั้นมีศักดิ์ในศาสนาพราหมณ์เทียบเท่ากับอรหันต์ สัตเปรมเขียนไว้ (ใน Evolution II, 1992) เขียนไปไกลกว่านั้น สัตเปรมที่เปรียบประหนึ่งศิษย์ของศรีอรพินโธเขียนว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์จะสูญพันธุ์ไปทั้งหมด แต่โลกกายภาพจะมีชีววิวัฒนาการขึ้นมาใหม่ ทำนองว่าคล้ายๆ กับแมงกะพรุน แต่จะมีจิตวิญญาณสูงขึ้นไปกว่ามนุษย์ และมีแต่ผู้ที่ปฏิบัติจิตปฏิบัติธรรมเท่านั้นที่จะมีโอกาสมีวิวัฒนาการทางกายภาพเป็นเช่นนั้น

    <DD>เราทั้งหลายคงไม่มีชีวิตอยู่พอที่จะเห็นแมงกะพรุนที่ทรงคุณธรรมอย่างที่สัตเปรมบอก หรือรู้จักกับเทวดาของโพลตินัส เราเพียงรู้ว่าเรากำลังเดินลงเหว เรากำลังลำบาก และความลำบากกำลังเดินทางมาหาเราทั้งโลกอย่างรวดเร็วยิ่งนัก หลายคนที่มองโลกในแง่ดีคิดว่าเวลาที่ความลำบากจะมาถึงนั้นอาจจะอยู่ในช่วงปลายศตวรรษนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์ที่พูดเป็นกลางๆ จะให้เวลาถึงช่วงกลางของศตวรรษ สำหรับผู้เขียนที่มองจากหลักฐานเท่าที่ผู้เขียนมี และจากประสบการณ์ที่เราพอจะมองเห็นได้ในวันนี้เดี๋ยวนี้ ทศวรรษหน้าหลังปี 2012 เริ่มต้นคือวันนั้น และนั่นคงไม่นานเกินไปที่แม้สำหรับตัวผู้เขียนเองก็อาจจะทันเห็น.
    <DD>


    จาก นสพ.ไทยโพสท์ 28 พฤษภาคม 49</DD>
     
  2. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    20 ภัยธรรมชาติระดับโลก

    == อันดับที่ 20 ==

    ปี : 1991
    สถานที่ : กรุงจิตตะกอง บังกลาเทศ
    ประเภทของภัยพิบัติ : พายุไซโคลน
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 138,000

    === อันดับที่ 19 ==

    ปี : 1923
    สถานที่ : ภูมิภาคคันโต ญี่ปุ่น
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 140,000

    == อันดับที่ 18 ==

    ปี : 893
    สถานที่ : เมืองอาร์ดาบิล อิหร่าน
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 150,000

    == อันดับที่ 17 ==

    ปี : 856
    สถานที่ : เมืองดัมกฮาน อิหร่าน
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 200,000

    == อันดับที่ 16 ==

    ปี : 1927
    สถานที่ เมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 200,000

    == อันดับที่ 15 ==

    ปี : 1920
    สถานที่ : มณฑลกานซู สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 200,000

    == อันดับที่ 14 ==

    ปี : 1975
    สถานที่ : มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : พายุไต้ฝุ่น
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 229,000

    == อันดับที่ 13 ==

    ปี : 1975
    สถานที่ : มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : พายุไต้ฝุ่น
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 229,000

    == อันดับที่ 12 ==

    ปี : 1138
    สถานที่ : เมืองอเลปโป ซีเรีย
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 230,000

    == อันดับที่ 11 ==

    ปี : 2004
    สถานที่ : มหาสมุทรอินเดีย
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว/คลื่นสึนามิ
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 280,000

    == อันดับที่ 10 ==

    ปี : 1881
    สถานที่ : เมืองไฮฟอง เวียดนาม
    ประเภทของภัยพิบัติ : พายุไซโคลน
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 300,000

    == อันดับที่ 9 ==

    ปี : 1976
    สถานที่ : เมืองถังซาน มณฑลเหอเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 255,000-655,000

    == อันดับที่ 8 ==

    ปี : 1839
    สถานที่ : รัฐอันตรประเทศ อินเดีย
    ประเภทของภัยพิบัติ : พายุไซโคลน
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 300,000-400,000

    == อันดับที่ 7 ==

    ปี : 1556
    สถานที่ : มณฑลซานซี สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 830,000

    == อันดับที่ 6 ==

    ปี : 1938-1939
    สถานที่ : แม่น้ำฮวงโห สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : น้ำท่วม
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 500,000-900,000

    == อันดับที่ 5 ==

    ปี : 1970
    สถานที่ : ปากแม่น้ำคงคา บังคาเทศ
    ประเภทของภัยพิบัติ : พายุไซโคลน
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 500,000-1,000,000

    == อันดับที่ 4 ==

    ปี : 1887
    สถานที่ : แม่น้ำฮวงโห สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : น้ำท่วม
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 1,000,000

    == อันดับที่ 3 ==

    ปี : 1201
    สถานที่ : อียิปต์ ซีเรีย
    ประเภทของภัยพิบัติ : แผ่นดินไหว
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 1,100,000

    == อันดับที่ 2 ==

    ปี : 1959
    สถานที่ : แม่น้ำฮวงโห สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : น้ำท่วม
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 2,000,000

    == อันดับที่ 1 ==

    ปี : 1931
    สถานที่ : แม่น้ำแยงซี สาธารณรัฐประชาชนจีน
    ประเภทของภัยพิบัติ : น้ำท่วม
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณ : 3,700,000

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
    http://en.wikipedia.org/wiki/Worst_natural_disaste
     
  3. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ต่างดาวบอก ดร. เทพนมแล้วว่า น้ำท่วม แผ่นดินไหว ...... สงครามโลกตามมา (ขนาดวิบัติทางธรรมชาติแล้วยังไม่สังวรณ์ชะตากรรมเพื่อนร่วมโลก)
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=3>
    • จ.น่าน - เลย ประกาศให้ทุกอำเภอเป็นเขตพิบัติภัยหนาว[​IMG]
    </TD></TR><TR><TD colSpan=3><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="8%"> </TD><TD width="92%">โดย ผู้จัดการออนไลน์ [ 03-12-2007 | 12:34 น. ]</TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE borderColor=#666666 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="93%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="7%"> </TD><TD width="93%">สภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่องทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือ ประกาศเป็น พื้นที่ภัยพิบัติ ล่าสุด นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ประกาศให้ ทุกอำเภอเป็นเขตภัยพิบัติเพิ่มอีก 1 จังหวัด หลังอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศา ต่อเนื่อง หลายวัน โดยก่อนหน้านี้ จ.เชียงใหม่ พะเยา เชียงราย และลำปาง ได้ประกาศให้เป็น พื้นที่เขตภัยพิบัติมาแล้ว
    เช่นเดียวกับ จ.เลย ที่ล่าสุดประกาศให้พื้นที่ทั้ง 14 อำเภอ เป็นเขตภัยพิบัติแล้วเช่นกัน ทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณเชิงดอย และยอดดอยต้องก่อกองไฟผิง เพื่อคลายความ หนาวเย็น ขณะที่เด็กนักเรียนต้องออกมาเรียนหนังสือกลางแดด เพื่อสร้างความอบอุ่น โดยอุณหภูมิต่ำสุดที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง วัดได้ 5.8 องศาเซลเซียส อุทยานแห่งชาติภูเรือ 7.5 องศาเซลเซียส และถือว่าเป็นจังหวัดที่ 3 ในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ที่ประกาศเขตภัยพิบัติ หลังจากที่ จ.สกลนคร และยโสธร ประกาศไปแล้วก่อนหน้า
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฤทธิ์อภิญญาของพระเทวทัต

    [​IMG]
    พระเทวทัตสำแดงฤทธิ์ให้อชาตศัตรูราชกุมารเลื่อมใส
    เพื่อให้รับเป็นโยมอุปัฏฐาก

    การเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ของพระพุทธเจ้าครั้งแรก ดังได้บรรยายมาแล้วนั้น เป็นเหตุให้เจ้าชายศากยะเสด็จออกบวชกันมาก ในจำนวนนั้นที่มีชื่อเสียงและมีคนรู้จักกันดีจนถึงทุกวันนี้ก็คือ "เจ้าชายอานนท์" หรือ "พระอานนท์" ในเวลาต่อมา นายภูษามาลา ชื่อ อุบาลี หรือ พระอุบาลี และ เจ้าชายเทวทัต

    เทวทัตเป็นพระเชษฐา หรือพี่ชายของพระนางพิมพายโสธรา ว่ากันอย่างสามัญ เทวทัต ก็คือพี่เมียของเจ้าชายสิทธัตถะ หรือ พระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา ทุกคนที่ออกบวชพร้อมกันกับเทวทัต ต่างได้บรรลุมรรคผลในเวลาต่อมาทั้งนั้น แต่เทวทัตได้สำเร็จเพียงฌานชั้นโลกีย์ ฌานชั้นนี้ทำให้ผู้ได้สำเร็จ แสดงอิทธิฤทธิ์ได้ เหาะก็ได้

    ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้ากับพระสงฆ์จำนวนมากรวมทั้งพระเทวทัตด้วย เสด็จไปถึงกรุงโกสัมพี ชาวเมืองได้พากันออกมารับเสด็จ และนำของมาถวายเป็นอันมาก ถวายของแด่พระพุทธเจ้าแล้วก็ถวายพระสงฆ์ แต่ละคนเที่ยวถามไถ่กันว่า "พระสารีบุตรของข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน พระโมคคัลลานะของข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน ฯลฯ " เมื่อทราบแล้วก็นำของไปถวาย แต่ไม่มีใครสักคนที่จะเอ่ยชื่อของพระเทวทัตว่า "พระเทวทัตของข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน"

    นั่นคือความไม่พอใจของพระเทวทัต ที่เป็นสาเหตุให้พระเทวทัตก่อกรรม หรือกระทำการรุนแรงในเวลาต่อมา พระเทวทัตเข้าฌานโลกีย์ เนรมิตเป็นกุมารหนุ่มน้อย ใช้งูพิษร้าย ๗ ตัว พันเป็นสังวาลตามตัว ตัวหนึ่งพันหัวต่างผ้าโพก อีกสี่ตัวพันข้อมือข้อเท้า อีกตัวหนึ่งพันคอ และอีกตัวหนึ่งทำเป็นสังวาลเฉวียงบ่า เหาะเข้าไปในวัง ลงนั่งบนพระเพลาของอชาตศัตรูผู้เป็นมกุฏราชกุมาร และพระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร ราชาแห่งแคว้นมคธ เทวทัตได้แนะนำให้อชาตศัตรู ปลงพระชนม์พระราชบิดา แล้วเสด็จขึ้นครองราชย์เสีย ส่วนตัวเองจะปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า แล้วจะตั้งตัวเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ ประกาศศาสนาใหม่

    เวลาไปเฝ้าเจ้าชายอชาตศัตรู พระเทวทัตเหาะไป แต่ขากลับพระเทวทัตเหาะไม่ไหว ต้องเดินกลับ เพราะใจอกุศลเกิดขึ้น ฌานโลกีย์เลยเสื่อม ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา


    [​IMG]
    นายขมังธนูซึ่งพระเทวทัตส่งไปฆ่าพระพุทธองค์
    ปลงอาวุธฟังธรรม สำเร็จมรรคผล

    บุรุษที่นั่งประนมมือวางคันธนูไว้กับพื้นอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า ดังที่ปรากฎอยู่ในภาพแสดงนั้น คือ นายขมังธนู "ขมัง" (อ่านว่า ขะ - หมัง) แปลว่า นายพราน ขมังธนู ก็คือ นายพรานแม่นธนู อาวุธร้ายแรงที่คนใช้ยิงสังหารกันในสมัยพระพุทธเจ้า คือ ธนู

    พระเทวทัตแนะนำอชาตศัตรู มกุฎราชกุมารให้ปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารพระราชบิดาของพระองค์แล้ว จึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ขณะนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาประทับอยู่ในกรุงราชคฤห์ พระเทวทัตกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าทรงพระชราแล้ว ขอให้ทรงมอบตำแหน่งกิจการบริหารคณะสงฆ์ให้แก่ตนเสีย เลยถูกพระพุทธเจ้าทรงทักด้วย เขฬาสิกวาท (เขฬาสิกวาท แปลตามตัวว่า ผู้กลืนกินก้อนน้ำลาย ก้อนเสลด ที่บ้วนทิ้งแล้ว คือ กลืนน้ำลายตัวเองน่ะแหละ) ความหมาย ก็คือ นักบวชนั้น เมื่อออกบวช ได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียสละแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น ลูก เมีย ทรัพย์ และตำแหน่งฐานันดรต่าง ๆ พระเทวทัต ก็ ชื่อว่า สละสิ่งเหล่านี้เสียแล้วเมื่อตอนออกบวช แต่เหตุไฉน จึงย้อนกลับมายอมรับ ซึ่งเท่ากับมาขอกลืนกินสิ่งเหล่านี้อีก

    พระเทวทัตฟังแล้วเสียใจ ผูกความอาฆาตพระพุทธเจ้ายิ่งขึ้น จึงวางแผนการกระทำการรุนแรง เพื่อปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าหลายแผน เฉพาะด้านการเมืองนั้น พระเทวทัตได้ทำสำเร็จแล้ว ด้วยการเกลี้ยกล่อมอชาตศัตรูราชกุมารให้เลื่อมใสตนได้ แล้วราชกุมารผู้นี้ได้ปลงพระชนม์พระราชบิดา จนในที่สุดได้ขึ้นครองราชย์ในเวลาต่อมา ที่ยังไม่สำเร็จคือ การปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า
    ขั้นแรก พระเทวทัตได้ว่าจ้างพวกขมังธนูหลายคน ล้วนแต่มือแม่นในการยิงธนูทั้งนั้น ไปลอบยิงสังหารพระพุทธเจ้าที่วัดเวฬุวนารามในกรุงราชคฤห์ ทั้งนี้โดยพระเจ้าอชาตศัตรูทรงรู้เห็นด้วย แต่เมื่อพวกนายขมังธนูถืออาวุธมาถึงวัดที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ได้เห็นพระพุทธเจ้าแล้วเกิดมือไม้อ่อนเปลี้ยไปหมด ยิงไม่ลง เพราะพุทธานุภาพอันน่าเลื่อมใส ข่มใจให้สยบยอบลง จึงต่างวางคันธนูแล้วกราบพระบาทพระพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้พวกนายขมังธนูฟัง ฟังจบแล้ว นายขมังธนูต่างได้สำเร็จโสดาหมดทุกคน


    [​IMG]
    พระเทวทัตได้สำนึกในความผิดของตน ใคร่ทูลขอขมา
    แต่ถูกธรณีสูบเสียก่อนเข้าเฝ้า

    เมื่อแผนการของพระเทวทัตในการปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าชั้นแรก คือ จ้างนายขมังธนูลอบสังหารได้ล้มเหลวลง พระเทวทัตจึงลงมือทำเอง คือ แอบขึ้นไปบนยอดเขาคิชฌกูฏ เพราะพระเทวทัตทราบได้แน่นอนว่า ขณะนั้นพระพุทธเจ้าประทับอยู่เชิงเขาเบื้องล่าง พระเทวทัตจึงกลิ้งก้อนหินใหญ่ลงมา หมายให้ทับพระพุทธเจ้า ก้อนหินเกิดกระทบกันแล้วแตกเป็นก้อนเล็ก ก้อนน้อย สะเก็ดหินก้อนหนึ่งกระเด็นปลิวมากระทบพระบาทพระพุทธเจ้า จนทำให้พระโลหิตห้อขึ้น (โลหิตุปบาท)

    แผนการที่สองล้มเหลวลงอีก ต่อมา พระเทวทัตได้แนะนำให้พระเจ้าอชาตศัตรู สั่งเจ้าพนักงานเลี้ยงช้าง ปล่อยฝูงช้างดุร้ายออกไปไล่เหยียบพระพุทธเจ้า ในขณะที่เสด็จบิณฑบาต แต่ก็ล้มเหลวลงอีก เพราะฝูงช้างไม่กล้าทำร้ายพระพุทธเจ้า

    ตอนนี้เอง ความชั่วของพระเทวทัตเป็นข่าวแดงโร่ออกมา ประชาชนชาวเมืองต่างโจษจันกันเซ็งแซ่ว่า ผู้จ้างนายขมังธนูก็ดี ผู้กลิ้งก้อนหินกระทบพระบาทพระพุทธเจ้าก็ดี ผู้ปล่อยขบวนช้างก็ดี (ในหลายที่ว่า ปล่อยช้างตัวเดียว เป็นช้างพลายเพศผู้ ชื่อ นาฬาคีรี กำลังตกมัน แล้วยังถูกมอมเหล้าถึง ๑๖ หม้อ) แม้ที่สุดพระเจ้าพิมพิสารที่เสด็จสวรรคตก็ดี เป็นแผนการของพระเทวทัตทั้งสิ้น แล้วต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า พระราชาของเราคบพระที่ลามกเช่นนี้เอง จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

    พระเจ้าอชาตศัตรูทรงได้ยินเสียงชาวเมืองตำหนิเช่นนั้น ทรงเกิดความละอายพระทัย ทรงยกเลิกไปหาพระเทวทัต สำรับกับข้าวของหลวงที่เคยพระราชทานให้พระเทวทัต ก็ทรงสั่งให้เลิกนำไปถวาย คนในเมืองนั้นไม่มีใครใส่บาตรให้พระเทวทัตเลย แต่พระเทวทัตก็ยังไม่สิ้นมานะทิฐิ ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ขอให้ทรงปฏิรูปศาสนาพุทธเสียใหม่ เช่น ให้ห้ามพระสงฆ์ฉันเนื้อและปลา เป็นต้น แต่ถูกพระพุทธเจ้าปฏิเสธ พระเทวทัตจึงตั้งคณะสงฆ์ขึ้นใหม่ แล้วสถาปนาตนขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง

    แต่ต่อมา สาวกของพระเทวทัตที่เข้าใจผิด และไปเข้าข้างพระเทวทัต ได้พากันหนีกลับมาหาพระพุทธเจ้า เหลืออยู่กับพระเทวทัตไม่กี่รูปพระเทวทัตเสียใจมาก กระอักเลือดออกมา พอรู้ว่าตนจะตายก็สำนึกผิด เลยใช้สาวกที่เหลืออยู่หามตนมาเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อขอขมาเป็นครั้งสุดท้าย แต่ไม่ทันเข้าเฝ้า เพราะพอมาถึงสระน้ำท้ายวัด พระเทวทัตเกิดอยากอาบน้ำ พอหย่อนเท้าลงเหยียบพื้นสระโบกขรณี เลยถูกแผ่นดินสูบเสียก่อน



    พระเทวทัตถูกธรณีสูบ ให้ต้องไปรับกรรมในอเวจีมหานรก ในช่วงที่ถูกธรณีสูบจนถึงคอ พระเทวทัตมีสติระลึกถึงบาปกรรมได้ ได้อธิษฐานขอขมาโทษ และยึดเอาพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งต่อไป ความว่า

    ข้าพเจ้าขอนับถือพระพุทธเจ้า ผู้เป็นบุคคลอันล้ำเลิศ ผู้เป็นวิสุทธิเทพยิ่งกว่าเทพยดาทั้งหลาย ผู้ฝึกฝนบุคคลที่ควรฝึกฝน ผู้มีพระจักษุรอบพระองค์ ผู้มีลักษณะแห่งบุญอันคุณด้วย ๑๐๐ ด้วยกระดูกของข้าพระพุทธเจ้า ที่ยังมีลมหายใจอยู่อีก

    พระพุทธองค์ทรงตรัสพุทธพยากรณ์แก่พระสาวกว่า เมื่อพระเทวทัตพ้นกรรมจากอเวจีมหานรก จะมีโอกาสสร้างสมบารมี จนสามารถตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า อัฏฐิสสระ ในอนาคต

    พระเทวทัตไม่ได้มีเวรกรรมกับพระพุทธเจ้า ในพระชาติสุดท้ายนี้เท่านั้น แต่มีมาหลายภพหลายชาติทีเดียว ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมี ในฐานะพระโพธิสัตว์ และใช่ว่าพระเทวทัตจะเป็นฝ่ายทำร้าย หรือเบียดเบียนพระโพธิสัตว์แต่ถ่ายเดียว ในบางภพบางชาติ พระโพธิสัตว์กลับเป็นฝ่ายเบียดเบียนให้พระเทวทัต ได้รับทุกข์ หรือเสียผลประโยชน์เช่นกัน เวรกรรมที่ผูกพันกันทั้งดีและร้าย ได้และเสีย จึงส่งผลต่อเนื่องมาถึงชาติภพสุดท้ายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

    ถ้าจะกล่าวว่า พระเทวทัต มีส่วนช่วยในการสร้างพระบารมีของพระโพธิสัตว์ ทำให้พระโพธิสัตว์บรรลุพระโพธิญาณ ก็คงไม่ผิดความจริงนัก และนี่ก็อาจจะเป็นอานิสงส์อีกข้อหนึ่ง ที่ทำให้พระเทวทัต เมื่อพ้นกรรมจากอเวจีมหานรกแล้ว สามารถสร้างบารมีจนได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แม้จะเป็นได้เพียง พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ตาม

    ที่มา http://www.prachatai.com/webboard/sendreport.php?id=512066
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การเดินทางผ่านมิติเวลา

    [​IMG]


    .[​IMG]

    การเดินทางผ่านมิติเวลา เป็นไปได้หรือ ?


    หลายคนคงคิดแบบนั้น แต่ผลของการทดลอง และทฤษฎีต่างๆ ทางด้านฟิสิกส์ อย่างทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ และทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ เปิดช่องให้เราจัดการกับกาลเวลาได้ แม้วันนี้เรายังไม่สามารถ ควบคุมพลังงาน และ มวลสาร ที่นำมาใช้ควบคุมเวลาก็ตามที แต่วันหนึ่งเราก็จะไม่ต้องตกเป็นทาสของกาลเวลา ​

    หลายคนคงงุนงงสงสัยว่า มันจะเป็นได้อย่างไร ลองคิดตามเล่นๆ นะ ไอน์สไตน์ เสนอทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ โดยอธิบายเข้าใจง่ายๆว่า นาฬิกาเดินทางด้วยความเร็วใกล้แสง จะเดินช้ากว่านาฬิกาฝาแฝดของคนๆ นั้นที่หยุดนิ่ง อย่าเพิ่ง งง หรือคนที่เดินทางด้วยความเร็วใกล้แสง จะแก่ช้ากว่าคนที่ไม่เคลื่อนไหวหยุดนิ่งอยู่กับที่เฉยๆ ​

    ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่ทฤษฎีแต่เป็นความจริง ความเร็วทำให้เวลาช้าลง มีการทดสอบโดยใช้นาฬิกา 2 เรือนอันหนึ่งขึ้นเครื่องบิน Jet ไปเที่ยวรอบโลก อีกเรือน วางไว้เฉยๆ อยู่กับที่ ผลปรากฏว่า ​

    นาฬิกาที่วางไว้เฉยๆ บอกเวลาเร็วกว่า นาฬิกาที่ไปเที่ยวรอบโลก

    เมื่อคิดดูแล้วถ้าเปรียบกับคนได้ คนที่เคลี่อนไหวร่างกายตลอดเวลาจะแก่ช้ากว่าคนที่อยู่เฉยๆ ขอยกย่องทฤษฎีนี้ ว่าด้วยการแก่ช้า ha ha ha ฉะนั้นอย่ารอช้า มาออกกำลังกายกันดีกว่า นอกเรื่องอีกแล้ว ! ​

    ดังนั้นวิธีที่จะสร้างเครื่องจักรเวลาก็คือ หาวิธีเดินทางด้วยความเร็วใกล้แสง สิ่งหนึ่งที่สุดยอดอัจฉริยะอย่างไอน์สไตน์บอกเราไว้คือ ถ้าเราสามารถรวบรวมมวลสารปริมาณมากๆได้ สนามแรงโน้มถ่วงจากตัวมัน จะทำให้เกิดการบิดแบนของอวกาศและเวลา เป็นไปได้อย่างมาก บริเวณที่ความสับสนของกาลเวลาเกิดขึ้น จะเกิดการบิดผันกาลเวลา ทำให้สามารถเดินทางไปได้ทั้งในอดีตและอนาคต ขบวนการนี้จะง่ายขึ้นไปอีก ถ้ามวลสารก้อนนั้น เคลื่อนที่หรือมีประจุไฟฟ้าในตัว ​

    ความหนาแน่น วัตถุที่หมุนด้วยความเร็วสูงขณะหมุนมันจะค่อยๆ ยุบตัวลงจนกลายเป็นหลุมดำ ด้วยความเร็วเกือบเท่าความเร็วแสง เสมือนกรณี ที่ดวงดาวกำลังยุบตัวลง วิธีการนี้สามารถอธิบายโดยคณิตศาสตร์โดยจะให้คำตอบแน่นอนสำหรับทฤษฎีของไอน์สไตน์ คำตอบนี้เรียกว่า เคอร์เมตริกซ์ (โดยทฤษฎีของ รอยด์ เคอร์) ​

    วิธีการทำงานของมัน คือ ทำให้อนุภาคมีพลังงานสูงพอที่จะวิ่งด้วยความเร็วใกล้แสง เพราะ ถ้าไม่ใช้วิธีถ่วงเวลาให้ช้าลง อนุภาคจะมีอายุไม่ถึง 1 ในพันล้านวินาที ทำให้เคลื่อนที่ไปไม่กี่เซนติเมตร การเร่งความเร็ว ทำให้อนุภาคมีอายุยาวนานมากขึ้น จนเดินทางได้เป็นสิบเมตร จากเครื่องกำเนิดหนึ่งไปยังเครื่องตรวจสอบ
    [​IMG]
    ภาพจาก http://www.zamandayolculuk.com/cetinbal/stepworm.htm

    ถ้าเราสามารถรวบรวมมวลสารได้ปริมาณมากๆ อย่างมหาศาล เราสามารถสร้างความสับสนทางเวลาขึ้นได้ ความหนาแน่นของมัน หมุนด้วยความเร็วสูง เกือบเท่าแสง จะทำให้ตัวของมันยุบตัวกลายเป็นหลุมดำ​

    คำตอบของเคอร์ อธิบายถึงสนามแรงโน้มถ่วงรอบนอกของมวลสารที่กำลังหมุน และยุบตัวลงด้วยความหนาแน่นสูง เปรียบดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ จนเมื่อมันถึงจุดสุดท้ายของชีวิต มันก็จะยุบตัวลงกลายเป็นหลุมดำที่หมุนวน หลุมดำนี้มีลักษณะเป็นอีลิปส์ คือโปร่งตรงกลาง ซึ่งเป็นผลมาจากการหมุนของตัวมันเอง ลองนึกภาพ ห่วงยาง หรือโดนัทที่เรากิน ตรงกลางว่างเปล่าแต่มีความหนาแน่นช่วงวงแหวนของมัน ​

    ใช่แล้วช่องว่างตรงกลางนี่เอง จะเป็นประตูเวลา ถ้าเธอผ่านช่องว่างโดนัทนี้ไปได้ มันจะนำคุณไปสู่ไฮเปอร์สเปส การเดินทางในมิติเวลา แทนที่จะเป็นการเดินทางในมิติอวกาศ แต่... ​

    วิธีนี้ นักคณิตศาสตร์มากมาย บอกว่ามันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งหมดสรุปว่า ธรรมชาติจะไม่สามารถสร้างลักษณะ การจัดตัวมวลแบบนั้นขึ้นมาได้ มันพาไปสู่ข้อสรุปที่ว่า เครื่องจักรเวลาเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พวกเขาใช้ข้อสรุปต่างๆ เหตุผลที่มันไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้โดยมีข้อจำกัดต่างๆ เช่น​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2007
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เวลา ****

    เราไม่สามารถ ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้

    แต่...การกระทำ ไม่เคยสูญสลาย
    ตัวกระทำ....เป็นบันทึกการกระทำของชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมด

    อนาคต
    สามารถทำนายกันได้...จาก "นิสัยที่ติดตัว" และ "การกระทำที่ได้ทำไปแล้ว"
    แต่...สิ่งที่เกิดขึ้นจริง จะไม่ตรงตามคำทำนายสำหรับ "ผู้มีสัจจะ"
    เพราะ...เขาและเธอ มุ่งมั่น พยายาม ....ที่จะไม่เดินตามนิสัยสันดานตนเอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    อดีตเคยเกิดมาแล้วกับสิ่งมีชิวิตที่เรารู้จักดี ไดโนเสาร์
    บางคนหยิ่งผยองว่า ข้าคือมนุษย์ผู้เอาชนะทุกสิ่ง
    บางคนคิดว่าเรื่องแบบนี้มีแต่ในหนังฮอลลีวู๊ด
    บางคนคิดว่ามันก็มีแค่ น้ำท่วม แผ่นดินไหว
    ....แต่ใครจะรู้....

    ชาวเมืองปอมเปอี ก็ไม่รู้
    ชาวเกาะรอบการากะตัว ก็ไม่รู้
    ชาวแอตแลนติสก็ไม่รู้

    ....หรือว่ารู้........
    อย่าดูถูกพลังแห่งธรรมชาติ สิ่งที่มนุษย์ทำได้แค่ท้าทายแต่ไม่มีวันเอาชนะ..

    ......แล้วคุณล่ะพร้อมหรือยัง......?

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5997740/X5997740.html</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2007
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2007
  10. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ยังนึกว่าจะชวนกันซื้อเรือบรรทุกข้าวดีไหม ปลูกผักได้ด้วย
    แต่กลัวมันลอยออกปากอ่าวไปเสียเวลามีภัย
    หรือจะพ่วงกันเป็นเรือโยงดีคะ แล้วเอาเรือมีเครื่องไว้ลาก
    เศราฐกิจพอเพียง....
     
  11. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    ผมว่าเริ่มต้นที่ทำแพไม้ไผ่ก่อนดีไหมครับ
     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    บ้านลอยน้ำที่เห็นนั่นถ้าเจอพายุหรือคลื่นยักษ์ คงรับมือไม่ไหวเหมือนกัน ที่เค้าตื่นตัวเพราะพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมาก ถ้าน้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นเค้าก็โดนก่อน..แต่อีกหน่อยคงไม่ต่างกันเท่าไหร่อยู่โลกใบเดียวกัน ใช้ภูเขาหรือที่สูงเป็นที่อยู่อาศัยจะเหมาะกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2007
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เป็นระบบรองรับน้ำท่วมชนิดเอ่อขึ้นมาช้าๆครับ หาก ท่วมแบบน้ำป่า น้ำหลาก โคลนถล่ม แบบไหนก็ยังอันตรายครับ ขึ้นอยู่กับว่าการออกแบบว่ารองรับสถานการณ์ไหนได้บ้าง
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** คิดเล่นๆ เผื่อจริง ****

    เตรียมที่สูง อาหาร เครื่องนุ่งห่ม... ไว้ใช้ เมื่อน้ำมาแรง
    เตรียมเรือท้องแบน....ไว้ใช้ ตอนน้ำท่วม
    เตรียมกระเป๋าฉุกเฉิน (ประจำตัว)ให้พร้อม...ไว้คว้าทันการณ์

    ถึงเวลา "ตัดใจ"... สละทิ้ง ทรัพย์สมบัติ
    รักษาร่างกาย และ จิตใจไว้... ให้ถึงที่สุด

    เมื่อพายุหยุดโหมกระหน่ำ วันฟ้าใหม่ ...จะได้พบสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    อุตุฯ เตือนภาคเหนือ-กลาง อากาศหนาวสูงสุดในรอบ 15 ปี ปลาย ธ.ค.นี้ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">4 ธันวาคม 2550 16:47 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงค์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า สภาพอากาศหนาวเย็นปกคลุมประเทศไทยในขณะนี้ โดยเฉพาะบริเวณยอดดอยที่มีสภาพอากาศหนาวจัด เป็นผลกระทบที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนิญา ที่กลับมามีอิทธิพลกับโลกอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยมีทั้งฝนตก และหนาวเย็นมากกว่าเดิมที่เคยมีมา
    ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลาง ในช่วงปลายเดือนธันวาคม จะมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นสูงสุดในรอบ 15 ปีที่เคยมีสถิติไว้ โดยเฉลี่ยอุณหภูมิ 11 - 12 องศาเซลเซียส เช่น พื้นที่จังหวัดน่าน แพร่ เชียงใหม่ และ แม่ฮ่องสอน
    ขณะที่ช่วงปลายเดือนนี้ สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีอุณหภูมิเฉลี่ย 18 - 19 องศาเซลเซียส และจะยังคงสภาพลักษณะความหนาวเย็นเช่นนี้ไปจนถึงกลางเดือนมกราคม ซึ่งทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้เตือนประชาชนในพื้นที่จังหวัดดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณยอดดอยควรระมัดระวังภัยจากสภาพอากาศที่หนาวจัดด้วย เนื่องจากจะทำให้มีผลต่อสุขภาพร่างกาย
     
  16. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    เหตุการณ์ดูเหมือน งวดเข้ามาทุกที จะทันหรือเปล่านา...ในการจะเตรียมรับมือ
    ถ้าเวลาไม่มีแล้ว อนาคตจะเป็นอย่างไร อยู่อย่างไร มิใช่แค่หลบภัยเฉพาะหน้าแล้วจบ........
     
  17. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เอาให้รอดก่อน ถ้ารอดจริงมีที่เหลือเยอะเลยเลือกเอาตามใจค่ะ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ขออนุญาตนอกเรื่องหน่อยนะครับ เห็นว่าเป็นความรู้มีประโยชน์กับน้องๆ เยาวชนของชาติดี เลยนำมาฝากให้ได้อ่านกันครับ

    Case study

    กะเทย ขายบริการ

    เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC

    [​IMG]

    กราบนมัสการ พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างยิ่ง

    พ่อของผม เป็นข้าราชการ เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เมื่ออายุได้ ประมาณ 46 ปี แม่ของผม เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก และทำการค้าที่บ้าน ครอบครัวของผมมีพี่น้อง 5 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด ผมเป็นบุตรชายคนที่ 2 แต่ตอนที่ผมเกิดมานั้นพ่อแม่อยากได้ลูกผู้หญิง ท่านจึงเลี้ยงผมแบบผู้หญิง ตัวผมเองก็เลยมีความเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่นั้น ตอนที่ผมช่วยแม่ขายของก็เคยแอบเอาเงินแม่ ไปซื้อเสื้อผ้า และฮอร์โมนมาฉีดเพื่อให้ดูเป็นผู้หญิง เพื่อนในกลุ่มก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ ม.3 แล้ว

    ต่อมาผมเริ่มมีแฟนเป็นผู้ชาย เรียนอยู่คนละห้อง ไปเจอกันตอนเล่นละครโรงเรียน ยังไม่มีอะไรกันลึกซึ้งในช่วงเรียนหนังสือ แต่พอจบแล้วผมก็มีอะไรกับผู้ชายเป็นครั้งแรก

    เวลาว่างช่วงปิดเทอมระหว่างรอเรียนต่อมหาวิทยาลัย ผมขอเงินพ่อไปเรียนเสริมสวย และเป็นช่วงที่เริ่มใจแตก เพราะความอยากรู้อยากลอง พอเพื่อนชวนจึงไปเที่ยวดิสโก้ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เพราะคิดว่าทำแล้วมันดูโก้

    ตอนนั้นมีเพื่อนแนะนำ ให้ไปทำงานเป็นช่างทำผมที่มาเก๊า ตอนที่อยู่มาเก๊า ตอนกลางวันก็ทำงานเป็นช่างทำผม แต่งตัวธรรมดาปกติเหมือนผู้ชายทั่วไป แต่ไว้ผมยาว ตกกลางคืนผมก็ไปทำงานไซด์ไลน์ หาลำไพ่พิเศษ เป็นรายได้เสริม คืองานขายบริการ ซึ่งผมก็แต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่ยังไม่ได้แปลงเพศ ถ้าถูกแขกจับได้ว่าเป็นผู้ชายก็โดนแขกไล่เตะออกจากโรงแรม แต่ผมกลับรู้สึกสนุกตื่นเต้น ไม่ซีเรียส เพราะอยากพิสูจน์ว่าแขกจะรู้ไหมว่า จริงๆเราเป็นผู้ชาย ตอนทำงานผมก็สูบกัญชาบ้าง ดื่มบ้าง เล่นการพนันบ้าง ผมได้ทำงานอยู่ที่มาเก๊า 5 ปี ก็หมดสัญญาทำงาน ผมนำเงินที่เก็บหอมรอมริบมาได้กลับเมืองไทยเพื่อมาแปลงเพศ ตั้งแต่วันนั้นถึงปัจจุบันก็ 15 ปีแล้ว

    จากนั้นผมก็เริ่มงานใหม่คือ ไปเต้นอะโกโก้ ทำอยู่ 2 เดือน ก็ตัดสินใจไปทำงานไซด์ไลน์เหมือนเดิม อยู่ที่ฮ่องกง รายได้พอประมาณ ผมจึงทำร้านเสริมสวยที่เมืองไทยด้วย ผมต้องเดินทางไปๆกลับๆ ตอนนั้นรู้สึกไม่ค่อยประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ เลยตัดสินใจกลับเมืองไทยมาทำแต่งานเสริมสวย

    ต่อมามีเพื่อนชวนผมไปเต้นคาบาเร่ และขายบริการที่สวิสเซอร์แลนด์ ที่นั่นไม่ได้ทำในบาร์หรือที่ร้าน แต่ทำในบ้านซึ่งจะเรียกกันว่า บ้านดิ๊งด่อง (เสียงกดกริ่ง) ทำอยู่ 4 ปี รายได้ดีมาก ช่วงนั้นตั้งใจทำงาน ไม่หลอกแขก ไม่ขโมยของแขก ค่าบริการแล้วแต่แขกจะให้ บางทีแขกไม่มีเงินมาก็ไม่เป็นไร ช่วยเขาเพราะกลัวเขาจะไปข่มขืนคนอื่น

    จนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีคนมาแนะนำให้ทำงานที่เยอรมัน โดยเขาเป็นคนหาคนการันตี (รับรอง) และคนแต่งงานกับเราให้ เพื่อให้เราได้วีซ่า แต่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเราต้องเป็นคนจ่ายเอง รวมทั้งค่าจ้างแต่งงาน ส่วนเรื่องพาสปอร์ตเขาก็จัดการให้ทั้งหมด ใช้คำนำหน้าชื่อเป็น
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อิสราเอลเห็นแย้งข่าวกรองของสหรัฐเรื่องนิวเคลียร์อิหร่าน

    [​IMG]

    เยรูซาเลม 4 ธ.ค.-นายเอฮุด บารัค รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เชื่อว่า อิหร่านยังคงเดินหน้าโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นความเห็นที่ขัดแย้งกับรายงานข่าวกรองของสหรัฐ

    นายบารัคกล่าวทางสถานีวิทยุของกองทัพว่าแม้มีความเป็นไปได้ว่าอิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ในปี 2546 ตามที่รายงานข่าวกรองฉบับใหม่ของสหรัฐระบุไว้ แต่อิสราเอลก็เชื่อว่าอิหร่านได้รื้อฟื้นโครงการนั้นขึ้นใหม่

    หน่วยงานประเมินข่าวกรองแห่งชาติ (NIE) ในสหรัฐเผยรายงานเมื่อวันจันทร์ว่าอิหร่านยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เมื่อปี 2546 ทำให้ข้อกล่าวหาของสหรัฐต่ออิหร่านตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปีที่ผ่านมาต่อเป้าหมายการพัฒนานิวเคลียร์ดูเกินจริง รายงานฉบับนี้สร้างความวิตกให้แก่อิสราเอลว่าอาจถูกโดดเดี่ยวในการต่อต้านโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

    อิสราเอลพิจารณาอิหร่านว่าเป็นศัตรูเนื่องจากประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด ผู้นำอิหร่านแถลงบ่อยครั้งว่า จะลบอิสราเอลออกจากแผนที่โลก อิสราเอลก็เช่นเดียวกับสหรัฐที่เชื่อมาโดยตลอดว่าโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านไม่ได้มีจุดประสงค์ในทางสันติแต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้รวมการพัฒนาอาวุธปรมาณูไว้ด้วย ในขณะที่อิหร่านยืนยันอยู่เสมอว่าจุดมุ่งหมายของโครงการนิวเคลียร์เพื่อนำไปใช้ในกิจการพลเรือนเท่านั้น .- สำนักข่าวไทย

    2007-12-04 17:02:44

    ผู้นำสหรัฐย้ำอิหร่านยังเป็นภัยคุกคามต่อประชาคมโลก

    [​IMG]

    สหรัฐ 5 ธ.ค. - ผู้นำสหรัฐย้ำอิหร่านยังเป็นภัยคุกคามต่อประชาคมโลก แม้รายงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐจะชี้ว่า อิหร่านยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ไปหลายปีแล้วก็ตาม

    ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า แม้รายงานลับของหน่วยข่าวกรอง 16 แห่งของสหรัฐ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า รายงานประมาณการข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐ จะสรุปว่าอิหร่านได้ดำเนินตามแรงกดดันของประชาคมโลก รวมทั้งยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แล้วตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน แต่อิหร่านยังคงเดินหน้าเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ซึ่งหมายความว่าอิหร่านยังคงมีความสามารถที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ในอีก 3-8 ปีข้างหน้า ทำให้อิหร่านยังคงเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของโลกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

    นายบุช ระบุว่า รายงานฉบับดังกล่าว เป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาคมโลกเร่งความพยายามในการกดดันอิหร่าน ให้ยุติการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐชี้ว่า การเจรจาทางการทูตจะยังคงเป็นทางเลือกในการแก้ไขความขัดแย้งมากกว่าการใช้กำลังทางทหารโจมตีอิหร่าน. -สำนักข่าวไทย

    2007-12-05 05:04:41

    อิหร่านเสนอทำข้อตกลงความร่วมมือและเศรษฐกิจในอาหรับ

    [​IMG]

    โดฮา 4 ธ.ค. - ผู้นำอิหร่านเสนอให้มีการจัดตั้งข้อตกลงด้านความร่วมมือและเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยปราศจากการแทรกแซงจากชาติตะวันตก

    ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด ผู้นำอิหร่าน กล่าวในที่ประชุมสุดยอดสภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย (จีซีซี) ซึ่งเข้าร่วมการประชุมเป็นครั้งแรก ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ว่าเขาหวังที่จะเห็นการจัดทำข้อตกลงด้านความร่วมมือและเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่ปราศจากการแทรกแซงจากชาติตะวันตก อันจะนำมาซึ่งเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคอย่างยั่งยืน ซึ่งเขาพร้อมเชิญผู้นำชาติตะวันออกกลางต่าง ๆ เข้าร่วมการหารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดทำข้อตกลงดังกล่าวที่กรุงเตหะรานในอนาคต

    ทั้งนี้ อิหร่านมักเรียกร้องให้ประเทศอาหรับในอ่าวเปอร์เซียจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคง ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการรักษาความมั่นคงของภูมิภาค และลดอิทธิพลของกองทัพสหรัฐ.- สำนักข่าวไทย

    2007-12-04 03:14:02

    เกิดแผ่นดินไหวตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี

    [​IMG]

    จาการ์ตา 4 ธ.ค. - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ บริเวณตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี ในวันนี้ แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย หรือผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด

    ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวใต้ทะเลดังกล่าว อยู่ลึกลงไป 35 กม. และห่างจากเมืองบิตุง ทางตอนเหนือสุดของเกาะสุลาเวลสี ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 138 กม. ทางการกำลังสำรวจความเสียหาย แต่ยังไม่ได้รับรายงาน แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้รู้สึกได้ถึงเมืองบิตุง ด้านผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ นับเป็นเรื่องปกติ อินโดนีเซียเผชิญเหตุแผ่นดินไหวหลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา. - สำนักข่าวไทย

    2007-12-04 11:28:00

    พายุหิมะกระหน่ำสหรัฐมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 10 ราย

    [​IMG]

    สหรัฐ 4 ธ.ค. - ภัยจากพายุหิมะสร้างความยากลำบากในการสัญจรให้ผู้ใช้รถใช้ถนนในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ และทำให้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้วนับสิบราย

    หลายพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ โดยเฉพาะรัฐนิวยอร์ก แมสซาชูเซตส์ คอนเนตทิคัต เวอร์มอนต์ และเมน ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากพายุหิมะที่พัดกระหน่ำแถบตะวันตกตอนกลางมาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ทางหลวงและถนนหลายสายมีหิมะปกคลุมหนากว่า 10 นิ้ว ตำรวจทางหลวงต้องสั่งปิดเส้นทางเป็นระยะ ๆ เพื่อโกยหิมะออกจากผิวถนน การสัญจรระหว่างรัฐเป็นอัมพาต

    ขณะที่สภาพถนนที่ลื่นทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จำนวนมาก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน หิมะและน้ำแข็งที่เกาะเสาและสายไฟฟ้าทำให้ไฟดับในหลายพื้นที่ เที่ยวบินจำนวนมากที่สนามบินนานาชาติ 3 แห่งในนิวยอร์ก รวมถึงที่พอร์ตแลนด์ รัฐเมน ต้องเลื่อนการเดินทาง ทั้งนี้ สำนักงานอากาศแห่งชาติสหรัฐ ยังเตือนว่าหิมะจะยังตกหนักต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 วัน. -สำนักข่าวไทย

    2007-12-04 04:13:39

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สรุปสถานที่ปลอดภัยยามเกิดภัยพิบัติ
    โดยคุณ kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_848872", true); </SCRIPT> สมาชิก


    ส่วนเรื่องสถานที่ปลอดภัยนั้นเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่เราวิเคราะห์จาก ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ อย่างแนวภูเขาแนวทางน้ำและระดับความสูง

    อีกปัจจัยหนึ่งก็ต้องขอบารมีพระหรือครูบาอาจารย์ท่านให้เมตตา บอกสถานที่ที่มีบารมีธรรมคุ้มครองอยู่ด้วย

    เท่าที่ทราบมาปัจจัยด้านนี้มีความสำคัญมาก พิจารณาวิเคราะห์ได้มีดังนี้

    สถานที่ที่มีพระบรมธาตุ พระธาตุเจดีย์หรือพระพุทธบาท

    และหรือมีพระสุปฏิปันโนท่านคอยคุ้มให้อยู่

    และหรือเป็นสถานที่ปฏิบัติกรรมฐานที่เป็นแนวทางสัมมาทิษฐิ

    และหรืออาณาบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ ผู้คนชาวบ้านอยู่ในศีลในธรรมเป็นส่วนใหญ่

    หากครบทุกองค์ประกอบโอกาสรอดสูง

    มีบางจุดเช่นกันที่กรรมพาไปให้เข้าใจว่าเป็นที่ปลอดภัย แต่หากพระเป็นอลัชชีเสีย โดยเราไม่รู้ก็พากันไปเสีย(ตาย)อีก

    มีข้อพิจารณาพระสุปฏิปันโนที่ผมเองใช้อยู่ก็คือ พระท่านใดที่ในหลวงท่านไปกราบน่ะใช่แน่ๆ ขอจงดูไว้จำไว้กันให้ดีๆ

    เรื่องการรวบรวมสถานที่ปลอดภัยนั้น ที่จริงได้ดำเนินมาตั้งแต่การแบ่งสายของพวกเราตามเขตภาคต่างๆ เพื่อให้ช่วยกันรวบรวมมาเพราะทางส่วนกลางเองก็ไม่อาจไปดู ไปสำรวจได้ครบทั้งหมด

    เช่นคนเชียงใหม่ ย่อมรู้และได้ยินข่าวในพื้นที่ ว่ามีพระอาจารย์ท่านใดได้เตรียมสถานที่เอาไว้บ้าง หรือที่ไหนปลอดภัย ประมาณนี้ครับช่วยกันรวบรวมเอาไว้เพื่อง่ายต่อการทำงานต่อไปครับ

    แต่ก็มีบางกลุ่มเช่นกันที่เตรียมกันเงียบๆ ปกปิดตนเองเพื่อป้องกันอันตรายจากคนเลวคนชั่ว ที่แอบติดตามข้อมูลอยู่ครับ ซึ่งพระท่านก็บอกไว้ว่า ถึงเวลาท่านจัดการกันของท่านตามที่มีหน้าที่เองครับ ไม่ต้องห่วงตรงนี้

    เราทำหน้าที่เพื่อส่วนรวมกันให้ดีที่สุดครับ สวรรค์รู้ ฟ้าดินรับทราบ แค่นี้ก็ชื่นใจครับ<!-- / message --><!-- sig -->


    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=102486&page=2
     

แชร์หน้านี้

Loading...