เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ฟังแล้วไพเราะดีนะครับ พระองค์ทรงพระอัจฉริยะทางด้านดนตรีด้วย
    พรุ่งนี้ต้องขออนุญาติเปิดให้พนักงานฟังบ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2007
  2. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    แบบฝึกหัดที่ 1 ตัวเราในปัจจุบัน

    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ว่า
    จินตนาการเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นจริงทั้งหลาย


    แต่เหตุใดสิ่งที่เราคาดหวัง สิ่งที่เราจินตนาการมากมายหลายสิ่งหลายอย่าง
    จึงไม่เคยมาสู่ประสบการณ์ชีวิตหรือไม่เคยกลายเป็นความเป็นจริง ?


    พี่นักเขียนชวนให้พวกเราวาดภาพตัวตนของเราในปัจจุบันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะให้พวกเราร่วมกันฝึกฝนที่จะใช้จินตนาการได้อย่างคมชัด-เข้มข้น และสามารถนำ จินตนาการที่คล้องจองกับความปรารถนา มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอันเป็นรูปธรรมได้ดังปรารถนา

    แม้ว่าจินตนาการจะเป็นจุดเร่ิมต้นของความเป็นจริงทั้งหลาย แต่จุดอ่อนของเราคือ การเข้าไม่ถึงความปรารถนาที่แท้จริง เข้าไม่ถึงการสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดที่เราจะจินตนาการได้

    การเปล่ี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนจินตนาการ การเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอๆ ทำให้เราไม่สามารถจดจ่อกับจินตนาการหนึ่งๆได้อย่างคมชัด จินตนาการดังกล่าวจึงไม่อาจก่อให้เกิดกระแสแห่งความคิดหรือกระแสแห่งความสั่นสะเทือน ที่จะสามารถดึงดูดสิ่งที่พึงปรารถนามาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของเราได้

    ความคิดทุกความคิด จินตนาการทุกจินตนาการมีคุณสมบัติเป็นประจุแม่เหล็กไฟฟ้า หากเราสามารถจดจ่อกับความคิดและจินตนาการหนึ่งๆได้อย่างมั่นคงสม่ำเสมอ เราจะสร้างประจุแม่เหล็กไฟฟ้าปริมาณมากมายมหาศาลขึ้นมา มันจะมีพลังดึงดููดความคิดอื่นๆ และสรรพสิ่งทั้งหลายที่คล้องจองเข้ามาสู่ประสบการณ์ชีวิตและตัวตนของเรา แต่ถ้าหากจินตนาการของเราแตกแยก ไม่สามารถจดจ่อกับความปรารถนาหนึ่งๆได้อย่างคมชัด พลังของมันก็จะกระจัดกระจาย ทำให้ไม่มีพลังพอที่จะดึงดูดสิ่งที่เราปรารถนาที่สุดเข้ามาสู่ประสบการณ์ชีวิตของเราได้

    หลักการวาดภาพที่พี่นักเขียนนำมาใช้ประกอบการทำสมาธิ เป็นหลักการของ Dr. Betty Edwards ซึ่งสอนวาดภาพเหมือนด้วยสมองซีกขวา

    สมองซึกซ้าย คิดเป็นคำพูด คิดเป็นตัวเลข คิดเป็นเหตุผลตามลำดับ ตามเส้นทางแห่งกาลเวลา
    สมองซึกขวา คิดเป็นภาพรวม ที่เต็มไปด้วยสัญญลักษณ์อันซับซ้อน ปราศจากลำดับ ปราศจากกาลเวลา

    พี่นักเขียนจะแนะนำต่อไปว่าพวกเราจะวาดภาพด้วยสมองซึกขวาตามหลักการของ Dr. Edwards ได้อย่างไร และพี่นักเขียนจะแนะนำให้พวกเราสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเราในขณะที่เราวาดภาพต่อๆไปด้วย

    พวกเราเพิ่งจะวาดหนึ่งภาพ และเราจะวาดกันอีกหลายภาพกว่าจะจบแบบฝึกหัดนี้ ใครหลงกลโดดเข้ามาร่วมวงแล้ว หวังว่าคงไม่ถอนตัวนะคะ พี่นักเขียนว่าจะขอน้องนกให้ช่วยคุมประตูหลังห้องเรียนไว้หน่อย ถือแค่ mic คงพอแล้วค่ะน้องนกขา

    ระบบการศึกษาสอนให้เราพัฒนาการใช้ภาษามากกว่าที่จะพัฒนาการวาดภาพมาแต่เล็ก เราทั้งหลายจึงคิดเป็นคำพูดและคิดเป็นตัวเลขแทนที่จะคิดเป็นภาพ ซึ่งแท้จริงแล้วการคิดเป็นภาพเป็นวิธีคิดตามธรรมชาติมากกว่าการคิดเป็นคำพูดและตัวเลข แต่ระบบการศึกษามีิอิทธิพลต่อพัฒนาการของมนุษย์มายาวนาน จนเราแทบจะคิดเป็นภาพตามธรรมชาติกันแทบจะไม่เป็นอีกต่อไป

    เหตุผลที่พี่นักเขียนนำการวาดภาพด้วยสมองซึกขวามาใช้บูรณาการเข้าหลักสูตรการทำสมาธินี้คือ :
    1. ภาวะที่เราจะวาดภาพได้เหมือนจริง หรือเหมือนจินตนาการของเราได้นั้น เป็นภาวะที่ะราวาดภาพด้วยสมองซึกขวา ซึ่งเป็นภาวะเดียวกันกับที่เราเข้าภวังค์สมาธิ เป็นภาวะที่เราปราศจากวิตกวิจารณ์ เราหยุดวิตกวิจารณ์ได้ก็ต่อเมื่อสมองซึกซ้ายหยุดคิดเป็นคำพูด ซึ่งตามธรรมชาติแล้วเราแทบจะหยุดมันไม่ได้ จนกว่าเราจะตกเข้าภวังค์หลับ

    2. สมองซีกขวา เป็นสมองซีกที่เราใช้จินตนาการทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ทั้งหมด ไม่มีสิ่งประดิษฐ์และงานสร้างสรรค์ใดๆในโลกที่เกิดขึ้นโดยปราศจากจุดเร่ิมต้นซึ่งเป็นจินตนาการ

    3. การใช้สมองซีกขวาแทนสมองซึกซ้ายซึ่งมีอิทธิพลสูงกว่า เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติอีกต่อไปแล้วสำหรับผู้ใหญ่ หากเราสามารถควบคุมให้สมองซีกขวาทำงานได้ตามปรารถนาแทนซีกซ้าย เราจะเข้าถึงการจินตนาการและการสร้างสรรค์ได้เสมอ

    4. การเข้าถึงจินตนาการและการสร้างสรรค์ หมายถึงการเข้าถึงอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในสิ่งที่เราปรารถนาจะเป็น-จะทำ-จะมี

    5. เมื่อเราสามารถเข้าถึงภาวะการทำงานของสมองซึกขวาได้ เราจะสามารถจินตนาการและสร้างสรรค์ได้อย่างมีสติ มีสมาธิ

    ผลลัพธ์ที่ได้คือ:
    เราจะสามารถสร้างสรรค์ได้ดั่งจินตนา


    Dr. Betty Edwards ได้ทดลองและพิสูจน์แล้วว่า หากเราวาดภาพด้วยสมองซึกขวา และสามารถปิดการทำงานของสมองซึกซ้ายได้ เราจะสามารถวาดภาพได้เหมือนจริง

    ส่วนพี่นักเขียนไม่ได้มีเป้าหมายที่จะให้นักเรียนวาดภาพได้เหมือนจริงเท่านั้น แต่มีเป้าหมายที่จะให้พวกเราก้าวไปอีกขั้นหนึ่งคือ สามารถนำจินตนาการของเรามาสู่ผืนผ้าไบหรือกระดาษ เพื่อทำให้เรามองเห็นความปรารถนาของเราเป็นรูปธรรมขั้นแรกได้อย่างชัดเจน คือมองเห็นได้ในภาพวาด

    ความปรารถนาที่เป็นรูปธรรมขั้นแรกจะส่งผลให้เราสามารถจดจ่อได้อย่างแน่วแน่และคมชัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
    ทำให้กระแสของมันรุนแรงและสามารถเหนี่ยวนำสรรพสิ่งทั้งหลายที่คล้องจองมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้เร็วขึ้น

    หากเรายังไม่พอใจความปรารถนาที่เป็นรูปธรรมขั้นแรกที่ปรากฏในภาพวาด เราสามารถปรับเปลี่ยนมันได้เสมอ และทดแทนสิ่งที่เรายังไม่พึงปรารถนาด้วยสิ่งที่เราพอใจ เมื่อใดเราพบว่า เราได้ภาพวาดของความปรารถนาที่เป็นรูปธรรมใกล้เคียงกับจินตนาการของเราที่สุดแล้ว เราก็ได้เข้าถึงภาวะของการสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงด้วยการจินตนาการอย่างมีสติแล้ว

    การฝึกให้เราจินตนาการอย่างมีสติ จนสามารถวาดภาพที่เราปรารถนาออกมาได้ดั่งจินตนา
    จะทำให้จินตนาการนั้นๆมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้เร็วยิ่งขึ้น

    เช้านี้พี่นักเขียนตื่นมาวาดภาพแต่เช้า อากาศหนาวจัดขมุดขมัว พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกและกลายเป็น freezing rain ในตอนสาย เช้านี้บนพื้นดินไม่มีอะไร ไม่มีร่องรอยของ snow ที่ตกวันก่อนซึ่งละลายไปหมดแล้วเพราะพื้นดินยังอุ่นอยู่ พี่นักเขียนบอกกับสามีว่า พี่นักเขียน"รู้สึก"ว่า snow จะตกมากกว่าฝนตกตามพยากร์อากาศ อุณหภูมิเช้านี้แค่ -8c และอุณหภูมิสูงสุดไม่เกิน -2c

    พี่นักเขียนไม่แน่ใจนักว่า วันนี้ตนเองจะปิดสมองซีกซ้ายได้ดีหรือเร็วเพียงใด เพราะบ่อยครั้งที่มีเรื่องคิดหรือมีธุระมากๆ สมองซึกซ้ายก็ไม่ค่อยจะยอมหยุดคิด นั่งหน้ากระจกคิดอยู่พักนึงว่าจะวาดอะไร เหลือบไปเห็นตัวเองในกระจกที่กำลังถือดินสอคิดอยู่ว่าจะวาดอะไร เลยคิดว่าวาดตัวเองท่านี้แล้วกัน เพราะมันสะท้อนความรู้สึกของตนเอง ณ ปัจจุบัย ลงมือวาดภาพและคิดว่าจะใช้เวลาวาดภาพ sketch ง่ายๆไม่เกิน 30 นาที

    พอวาดเสร็จก็เเงยหน้าขึ้นมามองออกไปนอกหน้าต่าง ปรากฏว่า snow ตกขาวโพลนไปหมด พี่นักเขียนสงสัยว่าเราหายไปกับการวาดภาพนานขนาดนั้นเชียวหรือ ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนั้น ดูนาฬิกาปรากฏว่าหมดไปชั่วโมงครึ่ง แทนที่จะเป็นครึ่งชั่วโมงค่ะ - ทำให้ตระหนักว่า ตัวเองได้วาดภาพด้วยสมองซึกขวา เพราะได้ก้าวล่วงไปสู่เวลาแห่งจิต พวกเราจะทราบได้เสมอว่า เราวาดภาพด้วยสมองซึกใดด้วยภาวะดังกล่าวนี้ เมื่อเราเรียนรู้ที่จะวาดภาพด้วยการปิดสมองซึกซ้ายแล้ว แม้จะไม่ได้วาดภาพนานหลายเดือน มันก็กลายเป็นทักษะที่ทำได้เสมอ เช่นเดียวกับการขี่รถจักรยาน หรือการว่ายน้ำ

    พี่นักเขียน e-mail ภาพนี้ไปให้สามีดูที่ทำงาน เขาตอบมาว่า เหมือนภาพของลูกสาวของเรา
    ส่วนลูกสาวกลับบอกว่า-เหมือนคุณแม่ และรู้ด้วยว่าคุณแม่กำลังใส่ sweater ตัวไหนในภาพ

    พี่นักเขียนเลยต้องสารภาพว่า ภาพนี้ขาดรายละเอียดของรอยย่นบนใบหน้าและจุดด่างดำไปประมาณสองสามแสนเส้นเท่านั้นเองนะคะ แต่ไหนๆอำนาจแห่งการสร้างสรรค์ก็อยู่ในจินตนาการของเราแล้ว ทำไมเราจะไม่สร้างสรรค์ด้วยการจินตนาการในสิ่งที่ดีกว่าเดิม จริงไหมคะ? (deejai)

    พี่นักเขียนขอให้พวกเราทุกคนพิจารณาภาพวาดของตนเอง แล้วตอบคำถามต่อไปนี้
    (ไม่ใช่วินิจฉัยฝีมือวาดภาพ แต่ให้พิจารณาความรู้สึกที่เรามีต่อตนเอง และสิ่งที่เราอ่านพบจากภาพวาดของเรา):
    1. เรามีความรู้สึกนึกคิดเจาะจงถึงส่วนใดของร่างกายตัวตนของเราเป็นพิเศษ?
    2. เรารู้สึกอย่างไรเมื่อมองดูภาพวาดของตนเอง
    3. เราคิดว่า ภาพวาดนี้ เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงออกซึ่งความรู้สึกใดของเรา เช่น ความร่าเริง ความเครียด ความว้าเหว่ หรืออารมณ์อื่นๆ?
    4. เส้นสายในภาพบ่งบอกให้เรารู้ถึงอารมณ์ของเราอย่างไรบ้าง?
    5. เขียนคำบรรยายสัก 1-2 ประโยค ว่ารูปทรงที่ปรากฏในภาพบอกให้เรารู้เกี่ยวกับอารมณ์ของเราว่าอย่างไร?
    6. หากภาพวาดนี้พูดได้ มันบอกให้เรารู้ถึงอารมณ์และความรู้สึก และสถานการณ์ใดที่กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกนั้นๆ
    7. เรารู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้แสดงออกซึ่งอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดเป็นภาพ
    8. หลังจากได้วาดภาพนี้ไปแล้ว ตอนที่เรากำลังดูภาพนี้อีกครั้ง เรารู้สึกอย่างไรบ้าง?
    9. เราเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกของตนเองอย่างไรบ้างจากภาพวาดนี้?
    10. เราเรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการแสดงออกซึ่งอารมณ์และความรู้สึกของเราเป็นรูปธรรม เป็นภาพวาดบนกระดาษ หรือจอภาพ?

    พี่นักเขียนขอให้พวกเราตอบคำถามเหล่านี้อย่างซื่อสัตย์ต่อตนเอง อย่านำฝีมือวาดภาพมาเป็นสาระในการพิจารณาและตอบคำถามนะคะ คิดหรือรู้สึกอย่างไรต่อสาระของภาพให้ตอบตามนั้น บทฝึกฝนบทแรกนี้จะเป็นประตูสู่การสร้างสรรค์ และเป็นหนทางที่เราจะสามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างในจินตนาการของเราให้เป็นสิ่งที่เราปรารถนาได้เมื่อจบ course ค่ะ

    course นี้อาจยาวนิดนึง คอยน้องลูกเกดและพวกเราอีกหลายคนที่ยังไม่ได้วาดรูปตนเอง ให้ส่งภาพเข้ามาอีกค่ะ จะได้เรียนรู้ด้วยกันอย่างกว้างขวาง

    ขอให้ตอบคำถามให้รัดกุม แล้วมา post สรุปโดยนำภาพกับบทสรุปมา post ไว้พร้อมกันนะคะ รับรองได้ว่า-ไม่มีคำว่า-ตอบผิด เพราะเราคือเจ้าของภาพวาดและเจ้าของจินตนาการ-อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเรา เราแต่ละคนคือผู้กุมอำนาจในการสร้างสรรค์ครั้งนี้ และเราจะร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดที่เราพึงปรารถนากันค่ะ

    ขอให้ทุกคนเก็บทั้งภาพวาดและบันทึกคำตอบของตนเองเก็บไว้ให้ดีนะคะ คือเก็บเข้าซองหรือแฟ้มโดยไม่ให้นำกลับมาดูใหม่ จนกว่าเราจะทำแบบฝึกหัดเสร็จ เราจะนำภาพสุดท้ายกลับมาเปรียบเทียบกับภาพแรกนี้อีกครั้ง ระหว่างนี้ ห้ามกลับไปแอบดูนะคะ ความน่าสนเท่ห์และสนุกสนานจะหายไปหมดเสียก่อนจะถึงวันนั้น(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • me_1.jpg
      me_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      185.7 KB
      เปิดดู:
      41
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  3. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    [​IMG]

    ทรงพระเจริญ


    ขอบคุณหัวหน้าสำหรับเพลงพระราชนิพนธ์ที่ทำให้คิดถึงเมืองไทยมากเลยค่ะ
    ยิ่งวันนี้หิมะตกหนัก ต้นไม้โกร๋นเหลือแต่กิ่ง รู้สึกเหงาๆ แต่พอได้ฟังเพลงแล้วรู้สึกสดชื่นจัง(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  4. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การ post คือการเขียนหรือแสดงออกซึ่งความคิดของเราด้วยสัญญลักษณ์ที่เป็นตัวอักษร คล้ายคลึงกับการวาดภาพ ซึ่งเป็นการแสดงออกซึ่งความคิดของเราอีกวิธีหนึ่งซึ่งตรงไปตรงมามากว่า ต่างกันตรงที่ว่าการเขียนมีข้อจำกัดด้วยความจำกัดของภาษา แต่การวาดภาพปราศจากขีดจำกัด เราจะวาดอะไรก็ได้แม้เราจะอธิบายภาพวาดนั้นๆเป็นคำพูดไม่ได้ก็ตาม ทั้งนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าเราวาดได้เหมือนหรือไม่เหมือนของจริงที่เราเห็นด้วยตานะคะ แม้แต่เด็กๆก็วาดภาพได้สารพัด หากเราจะขอให้เขาวาด เช่นบอกให้เขาวาดเรือบิน เขาก็วาดได้ทันที แม้จะสะกดคำว่าเรือบินไม่เป็นก็ตาม

    การเขียนหรือการวาดภาพจึงเป็นการถ่ายทอดความคิดของเราออกมาเป็นสัญญลักษณ์ เป็นรูปธรรม คุณน้องขจรวรรณบอกว่าหากนำคำถามที่อยู่ในความคิดคำนึงมา post มักจะได้คำตอบ

    สาระนี้ตรงกับแบบฝึกหัดที่เรากำลังทำกันด้วยการวาดภาพพอดี เป็นความบังเอิญที่มีความหมายอีกแล้ว

    เรากำลังพยายามทำให้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเรา กลายเป็นรูปธรรมที่เรามองเห็นได้บนกระดาษ บนจอ computer เพื่อทำให้มันมีกระแสรุนแรงและดึงดูดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่เคยเป็นเพียงอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ให้กลายมาเป็นความเป็นจริงหรือมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้เร็วขึ้น

    คุณน้องขจรวรรณลองนำแบบฝึกหัดนี้ไปใช้แก้ปัญหาจำเพาะที่กำลังตั้งการคำตอบดูนะคะ
    โดยทำการบ้านขั้นต่อไปคือ:

    ให้วาดภาพตนเองอีกภาพ พร้อมด้วยสถานการณ์และภาวะหรือปัญหาที่กำลังเป็นไป โดยใส่สัญญลักษณ์ของปัญหาเป็นวัตถุ เป็นบุคคล หรือรูปทรงอะไรก็ได้ในภาพ สุดแต่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดจะนำพาให้วาด

    ขอให้ทุกคนวาดภาพโดยใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกี่ยวพันกับสถานการณ์ใดๆก็ได้ในชีวิตที่เราอยากจะเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือสร้างสรรค์ใหม่ แต่อย่าเพิ่งวาดสิ่งที่เราต้องการสร้างสรรค์ใหม่เข้าไปนะคะ ให้วาดแต่สิ่งที่เรากำลังเผชิญ สิ่งที่เรายังไม่พอใจ และสิ่งที่เราคิดว่าคืออุปสรรคหรือปัญหาก่อน

    สาระที่ซ่อนเร้นอยู่อาจเปิดเผยตนเองออกมาให้เราเห็นกับตา
    และจะเหนี่ยวนำให้เราเห็นวิธีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือสร้างสรรค์ใหม่ได้

    ค่อยๆคิด ค่อยๆวาด อย่ารีบร้อน พยายามใส่รายละเอียดให้สมบูรณ์ที่สุด ภาพนี้ต้องใช้เวลาค่ะ แบบฝึกหัดนี้จักลายเป็นจุดผกผันชีวิตของเรา หากเราค้นพบจุดอ่อน หรืออุปสรรคที่เราไม่เคยแก้ไขได้มาก่อนเลยในชีวิต

    ขอให้ใช้เวลาคิดและจินตนาการภาพตัวเราพร้อมด้วย รูปกาย สุขภาพ สภาพแวดล้อม วัตถุสิ่งของ บุคคล หรือสถานการณ์รอบตัวที่ส่งผลต่อเราในปัจจุบ้น คิดให้รอบ จินตนาการให้ละเอียด สวมความรู้สึกแล้วจึงค่อยวาดภาพนี้ออกมา

    ระหว่างทำไป ทานขนมไปพลางๆนะคะ วันนี้พี่นักเขียนอบขนมอีกแล้ว ช่วยทำให้บ้านอุ่นหน่อย brownie cheesecake ค่ะ [​IMG](rose)
     
  5. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    คุณประสงค์คะ พี่นักเขียนต้องขอโทษด้วยที่ตอบคำถามคุณประสงค์ช้าไปหลายเดือน เนื่องจากกระดานสนทนาที่ website ได้ย้ายฐานมากระทู้นี้หมดแล้ว ขอย้อนไปตอบคำถามที่พอจะจดจำได้นะคะว่า บทฝึกฝนจากหนังสือชุด 10 เล่มนั้น จะทำบทฝึกฝนจากเล่มใดก่อนก็ได้ ยกเว้นเล่มที่มีภาคต้นกับภาคปลายตามลำดับ และเล่มแรกสุดคือ โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพค่ะ

    หากมีคำถามจากกระดานสนทนาที่พี่นักเขียนยังคั่งค้างและไม่ได้ตอบ กรุณานำมา post ที่ห้องวิทย์ฯเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพวกเราทุกคนด้วยค่ะ ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมห้องวิทย์ฯทุกวัน

    วันนี้ทานขนมกับพวกเราหน่อยนะคะ[​IMG](rose)
     
  6. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    คุณ zipper เข้าใจถูกต้องตามที่พี่นักเขียนพยายามจะอธิบายค่ะ

    ตามสาระที่พี่นักเขียนรับมาจากการสื่อสารนี้ พี่นักเขียนเข้าใจว่าภาวะที่เป็นไปของจิตวิญญาณในอนาคต ที่พี่นักเขียนเรียกท่านว่าอาจารย์อนาลัยนั้น ไม่ใช่การเป็นบุคคลตัวตนบุคคลตัวตนในอนาคตที่เราเรียกกันว่ากาลสมัยข้างหน้า แต่เป็นภาวะของจิตวิญญาณที่กว้างขวางหรือมีความรู้มากกว่าบุคคลตัวตนอย่างพี่นักเขียน เพราะธรรมชาติความเป็นจริงข้อหนึ่งที่เราต้องนำมาไว้ในสติสัมปชัญญะเพื่อทำความเข้าใจในสาระนี้คือ อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มีอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไป-พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน

    กล่าวได้ว่าจิตวิญญาณของเราทั้งหลายเป็นจิตวิญญาณที่มีความเชื่อมากกว่าความรู้ หากไม่นึกคิดถึงจิตวิญญาณอันเป็นแก่นแท้ของตัวตนของเราว่าบรรจุอยู่ในรูปกายหรือร่างกายอันจำกัด พี่นักเขียนเข้าใจว่าภาวะของของท่านอาจารย์อนาลัยเป็นภาวะรวมของจิตวิญญาณที่รวบรวมเอาความรู้จากบุคคลตัวตนทั้งหลายเข้าด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นตัวตนรวมหรือจิตวิญญาณรวม

    diagram ของคุณ zip ทำให้พี่นักเขียนหวลคิดถึงความฝันที่พี่นักเขียนได้เริ่มต้นจากการ sketch ไว้เป็นภาพและถอดความบางส่วนมาเขียนเป็นหนังสือ โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติภาคต้นและภาคปลาย sketch จากความฝันดูยากและไม่สวย พี่นักเขียนเห็น diagram ของคุณ zip ดูเข้าใจง่ายดี เลยลองทำ diagram ใหม่ด้วย photoshop ตามคำแนะนำของคุณ zip โดยวาดทีละ layer จาก sketch ความฝันบ้าง

    [​IMG]
    พี่นักเขียนฝันเห็นบุคลิกภาพของบุคคลตัวตนที่มีรูปกายเหมือนพวกเรามากมายเป็นอนันต์ ซึ่งประกอบกันเหมือนวงกลมในภาพ แต่ละคนชูมือขึ้นไปเหนือศีรษะ ซึ่งพี่นักเขียนตระหนักว่าเป็นหน้าที่ของเราแต่ละคนที่จะสนับสนุน ช่วยเหลือเกื้อกูลและถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่าทั้งทางกายทางจิตวิญญาณหรือปัญญา

    ในความฝันได้ยินท่านอาจารย์อนาลัยบรรยายเหมือนอย่างที่คุณ axzon47 และน้องลูกเกดใช้คำว่า บรรยายสารคดี เพราะมีเนื้อหาสาระที่ดำเนินไปพร้อมกับภาพเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยรายละเอียด

    ท่านกล่าวว่า เมื่อจิตวิญญาณเรียนรู้ที่จะรักอย่างปราศจากเงื่อนไขด้วยการให้ สนับสนุน ช่วยเหลือเกื้อกูลและถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่าทั้งทางกายทางจิตวิญญาณหรือปัญญาแล้ว จิตวิญญาณจะก้าวลง หรือถอยกลับไปสู่ภาวะต้นกำเนิด พี่นักเขียนได้ยินท่านพูดด้วยอารมณ์ขันว่า พี่นักเขียนคงรู้จักแต่คำว่าก้าวหน้าหรือก้าวขึ้น จนแทบจะจินตนาการไม่ออกว่า ความก้าวหน้าจะทำให้ก้าวลงหรือถอยกลับได้อย่างไร

    แต่ท่านก็อธิบายต่อไปว่า การก้าวลงหรือถอยกลับ ทำให้จิตวิญญาณขยายตัว โดยรวมตัวกับจิตวิญญาณอื่นๆ ทำให้ความเป็นบุคคลตัวตนลดน้อยถอยลงหรือจางหายไป จนในที่สุดจิตวิญญาณรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกับต้นกำเนิดหรือศูนย์กลางของจักรวาล แต่กระบวนการทั้งหมดไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดจบ แต่ดำเนินไปตลอดเวลาอย่างสม่ำเสมอและถาวรที่สุด

    ในขณะเดียวกันจิตวิญญาณก็แตกแขนงออกไปสู่วงนอก หรือแตกตัวแยกย่อยออกไปเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์อย่างไม่มีวันสิ้นสุด ตามภาพในความฝันที่เป็นภาพเคลื่อนไหวนั้น วงกลมที่ประกอบด้วยตัวตนเหล่านี้ขยายออกไปอย่างต่อเนื่องไม่มีวันสิ้นสุด พร้อมกันกับที่บุคลิกภาพทั้งหลายก็เคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางของวงกลมด้วยพร้อมๆกัน

    ณ จุดที่แลเห็นบุคลิกภาพที่ไม่ได้ชูแขนขึ้นเหนือศีรษะเพื่อสนับสนุน ช่วยเหลือเกื้อกูลและถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่าทั้งทางกายทางจิตวิญญาณหรือปัญญา ท่านอาจารย์อนาลัยได้ระบุว่า เป็นจุดแห่งความเสื่อม ซึ่งหมายถึงปราศจากการถ่ายทอดความรู้ ปราศจากการให้ ปราศจากความรักและสนับสนุน ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น

    ตามที่พี่นักเขียนเข้าใจและสัมผัสรู้จากความฝันคือ ท่านอาจารย์อนาลัยปราศจากตัวตน และอยู่ในมิติที่ตาม diagram แสดงด้วยสีชมพู ท่านกล่าวว่าท่านยังต้องเรียนรู้ธรรมชาติความเป็นจริงของจักรวาลต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นภาวะของท่านก็จะเปลี่ยนแปลงต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้นเช่นกัน เพราะวิวัฒนาการของจิตวิญญาณปราศจากจุดเริ่มตนและจุดสิ้นสุด

    หากท่านพัฒนาเข้าไปสู่ศูนย์กลางของจักรวาล ซึ่งใน diagram แสดงด้วยสีฟ้า ท่านกล่าวว่า ในมิติที่กว้างไกลกว่าจักรวาลทางกายภาพหรือมิติที่เรารู้จัก ศูนย์กลางนี้จะกลายเป็นเพียงจุดหนึ่งในระบบใหม่ ซึ่งตำแหน่งหรือจุดยืนของท่านอาจเปรียบได้กับบุคลิกภาพที่อยู่ในรัศมีรอบนอกสุดในระบบนี้ หรือใน diagram นี้ และจะต้องพัฒนาเข้าไปสู่ศูนย์กลางของระบบใหม่นั้นต่อไปอีก

    แต่ระบบต่อไปที่ท่่านจะไปสู่ไม่ใช่ระบบจักรวาลทางกายภาพ และเป็นระบบที่เกินกว่าที่เราทั้งหลายจะเข้าใจได้

    จาก diagram นี้ พี่นักเขียนพยายามจะแสดงให้พวกเราเห็นตามความฝันของพี่นักเขียนว่า การเป็นบุคคลตัวตนจะลดน้อยหรือจากหายไป ตัวตนย่อยที่อยู่วงรอบนอก จะมีวิวัฒนาการอันเกิดจากการรวมตัวกันของจิตวิญญาณหรือรวมตัวกันของความรู้

    ยิ่งการรวมตัวเกิดขึ้นมากเท่าไร ภาวะอันเป็นกายภาพก็จะลดน้อยลงเท่านั้นเป็นลำดับ ยิ่งรวมตัวหรือมีวิวัฒนาการรุดหน้าไปเท่าไร การเป็นบุคคลตัวตนซึ่งมีภาวะเป็นกายภาพก็จะลดน้อยลงเท่านั้น

    ท่านอาจารย์อนาลัยคือบุคลิกภาพใดใน diagram พี่นักเขียน หรือพวกเราแต่ละคน คือตัวตนใดใน diagram พี่นักเขียนขอให้พวกเราใช้จินตนาการกว้างไกลต่อไปอีก เพราะ diagram นี้เป็นเพียง 2D หากทำ 3D ได้ มันก็คงจะซ้อนกันทุกระนาบจนกลายเป็นระบบเครือข่ายที่ทุกบุคคลตัวตนหรือทุกบุคลิกภาพประสานกัน หรือติดต่อสื่อสารกันได้ทั้งหมดเป็นระบบ คุณ zip ทำ 3D animation เก่งๆ หากลองนำ diagram นี้ไปทำตามจินตนาการมาถ่ายทอดให้พวกเราดูกันบ้างคงจะน่าสนใจมากทีเดียวค่ะ

    ในขณะที่กำลังพิมพ์ข้อความนี้ พี่นักเขียนทำงานอยู่ในห้องชั้น basement ของบ้านซึ่งไม่มีหน้าต่าง จู่ๆก็มีแมลงเต่าทองตกลงมาจากไหนไม่ทราบ มาเกาะบนหลังมือซ้าย ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้อีกอย่างว่า ในความฝันนั้นท่านอาจารย์อนาลัยได้บรรยายว่า การปราศจากร่างกายตัวตนหรือการปราศจากรูปกาย หมายถึงอิสรภาพของจิตวิญญาณที่จะเป็นอะไรก็ได้ เป็นน้ำค้าง ใบหญ้า สายลม แสงแดด สายรุ้ง ดาวฤกษ์ ฯลฯ และก็น่าจะรวมถึงเต่าทองตัวนี้ด้วย

    อากาศหนาวจนเต่าทองไม่มีมานานเกือบสองเดือนแล้วค่ะ จะปล่อยเขาออกไปข้างนอกก็ไม่ได้แล้งเพราะ snow กำลังตกหนัก และจะตกติดต่อกันอีกหลายวัน พี่นักเขียนเลยขึ้นไปชั้นบนบ้านเอาเขาไปปล่อยไว้ที่ต้นมะลิ ซึ่งเลี้ยงในกระถางและตั้งไว้ในห้องอาหารเช้าในบ้าน ต้นสูงเลยศีรษะค่ะ คงจะพออยู่ได้อีกนานวัน เพราะนอกจากมะลิแล้วยังมีต้นโป๊ยเซียนอีกหลายต้นซึ่งออกดอกเต็มต้นตลอดปี

    นับว่าเต่าทองเป็นความบังเอิญที่มีความหมายอีกอย่างนะคะสำหรับวันนี้(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2007
  7. ประสงค์.

    ประสงค์. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +793
    พี่นักเขียนครับ ผมเป็นคนถนัดซ้ายทำทุกอย่างด้านซ้ายยกเว้นเขียนหนังสือและกินข้าวเพราะถูกบังคับตอนเด็กให้ใช้ขวาแทนซ้าย การเป็นคนถนัดซ้ายมีผลต่อการใช้สมองซีกขวาหรือเปล่าครับ
     
  8. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    แง่มๆ ในฝันนี่ยังไม่รู้สึกว่าเจอใครเลยแฮะ หรือไม่ก็เป็นฝันที่จำไม่ได้

    วันนี้ฝันว่าได้ไปเที่ยวบ้านคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ไปกับเพื่อนมหาลัยประมาณ 4-5 คน รู้สึกว่าคงประมาณนี้นะ เอ แต่จำเพื่อนได้ 2 คนเอง

    ก็ขับรถไปบ้านเค้า แล้วกดกริ่งตรงประตูรั้วเพื่อให้คนดูแลบ้านมาเปิด หลังจากรอซักพักก็เห็นคนกลุ่มอื่นที่มาดูบ้านเหมือนกัน เดินเข้าไปเลย ก็เลยเดินเข้าไปบ้าง พอเข้าไปข้างใน ก็มีคนคอยแนะนำห้องต่างๆ ในบ้านของเค้า

    จากห้องโถงห้องแรก มองไปชั้นข้างบนเห็นไม้แก้สลักที่ตาเหมือนว่ามองตามเราได้ด้วย ลองขยับตำแหน่งดูก็เหมือนว่าตามันมองตามเราตลอด ก็แปลกดีคนแกะที่เก่งมาก

    บ้านของคุณวิกรมนั้นมีหลายห้องมากเลย จำไม่ค่อยได้ว่าห้องที่เข้าไปดูเป็นห้องยังไงบ้าง บ้างห้องก็เหมือนว่ากั้นไม่ให้เข้า เพราะยังมีข้าวของของคุณวิกรมอยู่ ห้องที่จำได้ก็เป็นห้องเล็กๆ ยาวๆ ห้องนึง ผนังเป็นคล้ายๆ อิฐสีดำ แต่ว่าผนังอิฐจะไม่เรียบจะนูนขึ้นนูนลง และก็ดูเหมือนมีตู้เหล็กสีเทาขนาดย่อมๆ ติดผนังตรงข้างในสุด เข้าใจว่าคงเป็นตู้ไฟ ที่ห้องนี้ชอบผนังที่เป็นสีดำ นูนขึ้น นูนลง

    บางทีตอนที่เดินไปห้องอื่นก็มีสวนกับกลุ่มอื่นบ้าง บางที่ก็เป็นระเบียงทางเดิน แล้วก็มีห้องตามทางข้างซ้ายข้างขวา 5-6 ห้องเต็มไปหมด และก็ตรงนี้แหล่ะที่เริ่มหลงกับเพื่อน เพราะว่าจากห้องนึง มันมีประตูไปต่อยังห้องอื่น เดินไปเดินมาก็เลยคลาดกัน เพราะบางทีเราก็ใช้เวลาชมห้องนานไปหน่อย

    ก็เลยเดินตามหาเพื่อน เดินไปเดินมา ก็ไปเจอห้องที่ใหญ่มาก ก็มีคนขอใช้จัดงานแต่งงาน ตอนที่เดินไปถึงงานก็เลิกพอดี แขกเหรื่อก็กำลังกลับ ก็มีถ่ายรูปกับสถานที่ มีแขกที่เป็นชาวต่างชาติด้วย

    เดินผ่านตรงนี้ไป ก็เจอโรงหนัง (บ้านใครอะไรจะใหญ่เยี่ยงนี้หนอ) จำไม่ได้แล้วว่าหนังเรื่องอะไรเข้า และตอนที่เจอโรงหนัง ก็กำลังมีแป้นบาสกำลังค่อยๆ เลื่อนเข้ามา เข้าใจว่าจะให้คนที่มาดูหนังเล่นเกมชู๊ตบาส

    เดินผ่านตรงนี้ไป ก็เจอที่กลางแจ้ง ตรงนี้จะเป็นห้องแบบวัยรุ่นหน่อย คือบางห้องไม่มีลูกบิด แต่มีรูปรอยเท้าตรงที่น่าจะเป็นลูกบิดแทน เข้าใจว่าจะให้หมายความว่าเอาเท้าถีบเข้าไปแทน ข้างในห้องก็มีคนเขียนอะไรเต็มห้องไปหมด จากห้องนี้จะมีประตูอีกประตู ก็ลองเปิดไปก็เห็นวัยรุ่นคนนึงนั่งอยู่หน้าประตูพอดี ก็เลยปิดแล้วกลับทางเดิม (ช่วงนี้ใกล้ตื่นละเลยจำได้)

    จากนั้นก็เดินไปเจอรุ่นน้องพอดี น้องก็บอกว่าพึ่งเจอเพื่อนเราเดินผ่านไป ก็เลยจะให้พาไปจุดที่เจอกันหน่อย ก็พอดีตื่นพอดี

    นานๆ ทีจะจำความฝันมาเล่าให้ฟังได้นะเนี่ย
     
  9. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    พี่นักเขียนครับ ผมไม่เห็น diagram ที่พี่นักเขียนอธิบายเลย

    พูดถึง 3 D ช่วงนี้ได้ลองทำภาพ 3D เล่นๆ ยังไม่ได้เก่งอะไรเลย ได้พึ่งลองใช้โปรแกรมแค่ 2 ครั้งเอง ยังใช้โปรแกรมไม่ค่อยเป็นเลย เมื่อวานก็ลองหัดทำแก้วดู ก็ได้ดังภาพที่แนบมาเนี่ยแหล่ะ

    เหตุการณ์ที่พี่นักเขียนเจอเต่าทอง ทำให้นึกถึงเรื่องเรื่องนึงเลย ที่เกี่ยวกับความบังเอิญ

    "ดังเรื่องที่คาร์ล จุง เล่าว่า ขณะที่กำลังพูดให้ผู้ป่วยสตรีที่มีอาการซึมเศร้ากลัวตายให้ฟังถึงเรื่องของการเกิดใหม่อันเป็นความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ สัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ก็คือแมลงปีกแข็ง (scareb) จะบินมาปรากฏ พอคาร์ล จุง พูดถึงตอนนี้ หน้าต่างกระจกที่ปิดกั้นความหนาวเย็นของช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงก็มีเสียงดังเหมือนถูกเคาะด้วยของแข็ง จุงจึงเดินไปเปิดหน้าต่างขึ้นทันใดตัวสกาเร็บตัวหนึ่งก็บินเข้ามาบินวนไปรอบๆ ผู้ป่วยก่อนที่จุงจะจับมันเอาไปปล่อย จุงเองก็แปลกใจเพราะสถานที่ที่ว่าคือสวิตเซอร์แลนด์ที่ย่างเข้าหน้าหนาวในขณะที่ตัวสกาเร็บเป็นแมลงของเขตร้อน (Carl G. Jung : Memories Dreams and Reflections, 1983) และเรื่องแบบนี้ที่แทบจะเหมือนกันเปี๊ยบก็เคยเกิดกับโจเซฟ แคมพ์เบล นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียง แมลงสกาเร็บที่บินเข้ามาทางหน้าต่างห้องพักของโจเซฟ แคมพ์เบล นั้น เป็นอพาร์ตเมนต์ชั้นที่ 14 ที่อยู่ในใจกลางนครนิวยอร์ก"

    Synchronicity-ความบังเอิญอันเหลือเชื่อ เป็นเรื่องแรกๆ ที่ลองแปลให้คนอื่นมาอ่านกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • test.jpg
      test.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.1 KB
      เปิดดู:
      32
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  10. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    [​IMG]
    ทรงพระเจริญ
     
  11. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    กระหืดกระหอบรีบมาส่งการบ้านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0010.jpg
      scan0010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.3 KB
      เปิดดู:
      1,943
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]

    ใครมีการบ้านรีบมาส่งกันครับ (อาจารย์มองอยู่..)
    พี่นักเขียนมาสอนแบบข้ามทวีป มีโอกาสดีๆแบบนี้อย่าพลาดเชียวครับ
    น้องลูกเกด คุณWiszard 111 คุณประสงค์ คุณโอบนิธิ น้องนาคามาส่งกันด้วยนะครับ
    รูปข้างบนนี่เป็น Self portrait sketck ของพี่นักเขียนสดๆร้อนๆเลยครับ
    เห็นแล้วคันมือคันไม้อยากเขียนขึ้นมาอีกเหมือนกัน

    step ต่อไปตอบ20 คำถาม อ้อ..ไม่ใช่ ตอบคำถาม 10 ข้อ (ทำต่อกันด้วยนะครับ)

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    พี่นักเขียนขอให้พวกเราทุกคนพิจารณาภาพวาดของตนเอง แล้วตอบคำถามต่อไปนี้
    (ไม่ใช่วินิจฉัยฝีมือวาดภาพ แต่ให้พิจารณาความรู้สึกที่เรามีต่อตนเอง และสิ่งที่เราอ่านพบจากภาพวาดของเรา):
    1. เรามีความรู้สึกนึกคิดเจาะจงถึงส่วนใดของร่างกายตัวตนของเราเป็นพิเศษ?
    2. เรารู้สึกอย่างไรเมื่อมองดูภาพวาดของตนเอง
    3. เราคิดว่า ภาพวาดนี้ เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงออกซึ่งความรู้สึกใดของเรา เช่น ความร่าเริง ความเครียด ความว้าเหว่ หรืออารมณ์อื่นๆ?
    4. เส้นสายในภาพบ่งบอกให้เรารู้ถึงอารมณ์ของเราอย่างไรบ้าง?
    5. เขียนคำบรรยายสัก 1-2 ประโยค ว่ารูปทรงที่ปรากฏในภาพบอกให้เรารู้เกี่ยวกับอารมณ์ของเราว่าอย่างไร?
    6. หากภาพวาดนี้พูดได้ มันบอกให้เรารู้ถึงอารมณ์และความรู้สึก และสถานการณ์ใดที่กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกนั้นๆ
    7. เรารู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้แสดงออกซึ่งอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดเป็นภาพ
    8. หลังจากได้วาดภาพนี้ไปแล้ว ตอนที่เรากำลังดูภาพนี้อีกครั้ง เรารู้สึกอย่างไรบ้าง?
    9. เราเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกของตนเองอย่างไรบ้างจากภาพวาดนี้?
    10. เราเรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการแสดงออกซึ่งอารมณ์และความรู้สึกของเราเป็นรูปธรรม เป็นภาพวาดบนกระดาษ หรือจอภาพ?

    พี่นักเขียนขอให้พวกเราตอบคำถามเหล่านี้อย่างซื่อสัตย์ต่อตนเอง อย่านำฝีมือวาดภาพมาเป็นสาระในการพิจารณาและตอบคำถามนะคะ คิดหรือรู้สึกอย่างไรต่อสาระของภาพให้ตอบตามนั้น บทฝึกฝนบทแรกนี้จะเป็นประตูสู่การสร้างสรรค์ และเป็นหนทางที่เราจะสามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างในจินตนาการของเราให้เป็นสิ่งที่เราปรารถนาได้เมื่อจบ course ค่ะ

    course นี้อาจยาวนิดนึง คอยน้องลูกเกดและพวกเราอีกหลายคนที่ยังไม่ได้วาดรูปตนเอง ให้ส่งภาพเข้ามาอีกค่ะ จะได้เรียนรู้ด้วยกันอย่างกว้างขวาง

    ขอให้ตอบคำถามให้รัดกุม แล้วมา post สรุปโดยนำภาพกับบทสรุปมา post ไว้พร้อมกันนะคะ รับรองได้ว่า-ไม่มีคำว่า-ตอบผิด เพราะเราคือเจ้าของภาพวาดและเจ้าของจินตนาการ-อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเรา เราแต่ละคนคือผู้กุมอำนาจในการสร้างสรรค์ครั้งนี้ และเราจะร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดที่เราพึงปรารถนากันค่ะ

    ขอให้ทุกคนเก็บทั้งภาพวาดและบันทึกคำตอบของตนเองเก็บไว้ให้ดีนะคะ คือเก็บเข้าซองหรือแฟ้มโดยไม่ให้นำกลับมาดูใหม่ จนกว่าเราจะทำแบบฝึกหัดเสร็จ เราจะนำภาพสุดท้ายกลับมาเปรียบเทียบกับภาพแรกนี้อีกครั้ง ระหว่างนี้ ห้ามกลับไปแอบดูนะคะ ความน่าสนเท่ห์และสนุกสนานจะหายไปหมดเสียก่อนจะถึงวันนั้น(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]

    ถ้าใส่จานบินเข้าไปหน่อย
    คงเหมือนเจ้าสำนัก"ราเอเลี่ยน" เลยนะพี่เม้า
    น่ารักมากๆครับรูปนี้
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    อ้าวคุณซิปฯ ทำไมฝันเหมือนกันล่ะครับ
    เมื่อ 2 วันก่อนผมก็ฝันว่าได้พบคุณวิกรม กรมดิษฐ์ก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรเท่าไหร่
    ถ้าคุณซิปฯไม่บอก ผมก็ไปกับเพื่อนๆ 4-5 คนได้เดินคุยกะเค้าอยู่นาน เดินดูรอบๆบ้านกลางน้ำของเค้าด้วย
    สงสัยในนั้นจะมีคุณ ซิปแล้วล่ะ ผมยาวหน้าเด็กๆ...ต้องใช่แน่ๆเลย
    ..แปลกๆดีมาฝันถึงคนๆเดียวกันอีก?

    ปล.คุณซิปฝึก 3D แล้ว..อีกหน่อยต้องมีผลงานอนิเมชั่นหุ่นยนต์ออกมาให้ดูด้วยนะครับ ผมก็ว่าจะทำเล่นอยู่..แล้วเอาไฟล์มารวมกันสนุกแน่ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  15. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เอ คุณ mead ในฝันนั้นผมไม่ได้ไปเจอคุณวิกรม ในบ้านคุณวิกรมนั้น ก็เหมือนว่าคุณวิกรมไม่อยู่ ไม่รู้ว่าไปคุยกับคุณ mead หรือเปล่า หุหุ บ้านที่ไปนั้นไม่ใช่บ้านกลางน้ำ เป็นบ้านอยู่ติดถนน ด้านฝั่งที่เดินเข้าไป กำแพงจะเตี้ยๆ จนเดินข้ามได้ ไม่แน่ใจว่าเห็นทีแรกกำแพงเตี้ยขนาดนั้นหรือเปล่า แต่จำได้ว่าพอเห็นคนเดินเข้าไป ก็เห็นกำแพงมันเตี้ยแล้วล่ะ

    เคยได้ยินว่าบ้านเค้า เค้าไม่ค่อยอยู่เท่าไหร่ บางทีก็ให้คนอื่นมาจัดกิจกรรมในบ้านเค้าได้ (อันนี้ฟังมาจากรายการเบื้องหลังของคุณมดดำ)

    ข้อมูลสองเรื่องคือว่าบ้านใหญ่ กับไม่ค่อยอยู่บ้านให้คนอื่นมาทำกิจกรรมในบ้านได้ ก็เลยผสมปนกันกลายเป็นบ้านคุณวิกรมอย่างในฝันนี่แหล่ะ

    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็ บริเวณบ้านเค้าต้องใหญ่มากๆๆๆๆ ขนาดมีห้องที่จุคนได้ร้อยกว่าคน แถมมีโรงหนังอีก

    กลุ่มคนอื่นที่เจอ ที่เดินสวนกันไป ได้ยินเค้าพูดเหมือนประมาณว่า ห้องไหนซักห้องมีหนังสือเยอะนี่แหล่ะ จำไม่ได้ว่าหนังสือการ์ตูนหรือเปล่า อิอิ

    แหม คุณ mead เรื่อง 3 D เนี่ย แค่เตาะแตะๆ เริ่มเดินหน่ะครับ เห็นว่าโหลดโปรแกรมมาลองทั้งทีก็น่าจะลองใช้เล่นดูหน่อย ลองโหลด blender มาลองเล่นหน่ะ ถ้าจะให้ทำหุ่นยนต์ เกรงว่าจะดูเป็นหุ่นยนต์กล่องมากกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  16. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    พี่นักเขียนขอให้พวกเราทุกคนพิจารณาภาพวาดของตนเอง แล้วตอบคำถามต่อไปนี้
    (ไม่ใช่วินิจฉัยฝีมือวาดภาพ แต่ให้พิจารณาความรู้สึกที่เรามีต่อตนเอง และสิ่งที่เราอ่านพบจากภาพวาดของเรา):
    1. เรามีความรู้สึกนึกคิดเจาะจงถึงส่วนใดของร่างกายตัวตนของเราเป็นพิเศษ?
    2. เรารู้สึกอย่างไรเมื่อมองดูภาพวาดของตนเอง
    3. เราคิดว่า ภาพวาดนี้ เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงออกซึ่งความรู้สึกใดของเรา เช่น ความร่าเริง ความเครียด ความว้าเหว่ หรืออารมณ์อื่นๆ?
    4. เส้นสายในภาพบ่งบอกให้เรารู้ถึงอารมณ์ของเราอย่างไรบ้าง?
    5. เขียนคำบรรยายสัก 1-2 ประโยค ว่ารูปทรงที่ปรากฏในภาพบอกให้เรารู้เกี่ยวกับอารมณ์ของเราว่าอย่างไร?
    6. หากภาพวาดนี้พูดได้ มันบอกให้เรารู้ถึงอารมณ์และความรู้สึก และสถานการณ์ใดที่กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกนั้นๆ
    7. เรารู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้แสดงออกซึ่งอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดเป็นภาพ
    8. หลังจากได้วาดภาพนี้ไปแล้ว ตอนที่เรากำลังดูภาพนี้อีกครั้ง เรารู้สึกอย่างไรบ้าง?
    9. เราเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกของตนเองอย่างไรบ้างจากภาพวาดนี้?
    10. เราเรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการแสดงออกซึ่งอารมณ์และความรู้สึกของเราเป็นรูปธรรม เป็นภาพวาดบนกระดาษ หรือจอภาพ?


    ขอส่งการบ้านอีกครั้งค่ะ อาจจะเร็วไปหน่อย แต่ดิฉันใช้ความรู้สึกข้างในมาตอบจริง ๆ

    1. ตอนเขียนดิฉันจดจ่อกับส่วนหน้าตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะลูกตา
    2. เมื่อมองดูภาพตัวเองครั้งแรกรู้สึกตกใจ เพราะค่อนข้างเหมือนมากทั้งที่ไม่มีรูปแบบ แต่มันเหมือนตัวเองตอน อายุสัก 20 ปีมากกว่าค่ะ ตอนนั้นกำลังมีไฟมาก
    3. ดิฉันคิดว่าภาพนี้แสดงออกถึงความกระตือรือร้น และความปราถนาที่ทำตามความฝัน
    4. เส้นสายในภาพบ่งบอกถึงความรู้สึก อารมณ์อันอ่อนไหว ช่างคิด ช่างฝัน และความหนักแน่นในบางช่วง ของตัวเอง
    5. รูปทรงในภาพบอกให้ดิฉันรับทราบถึงอารมณ์ของตัวเองที่พร้อมจะก้าวเดินต่อไปด้วยความหวัง และความเชื่อมั่น
    6.ถ้ารูปภาพนี้พูดได้มันคงจะบอกว่า "เธอควรจะมีหน้าตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความหวัง และ มีพลังชีวิตที่พร้อมจะต่อสู้ต่อไปเหมือนในภาพนี้นะ ตอนนี้เหมือนเธอกำลังลืมมันไปแล้ว" สถานการ์ณที่กระตุ้นอารมณ์ตอนเขียน ชั่วแว๊บนึงรู้สึกนึกถึงผู้เขียนแล้วอิจฉาในความสมบูรณ์พูนสุขของคุณที่แตกต่างกันเหลือเกิน เศร้ามากแต่ไม่สิ้นหวัง เลยเขียนเป็นภาพนี้ออกมา
    7.ความรู้สึกหลังเขียนภาพ รู้สึกดีใจ โล่งใจ และสบายใจมากอย่างน่าประหลาดใจ เหมือนได้ระบายบางอย่างออกไป
    8.หลังจากวาดภาพนี้แล้ว พอกลับมาดูอีกครั้ง รู้สึกอยากเป็นเหมือนในภาพ ดูมีความหวัง อิสระ มีความสุข
    9.ดิฉันได้เรียนรู้ว่าดิฉันกำลังขาดในสิ่งที่ดิฉันได้วาดไป ดิฉันกำลังหามัน และความรู้สึกในภาพนั้น ก็เติมเต็มบางส่วนของดิฉันเช่นกัน ภาพกำลังบอกในสิ่งที่ดิฉันต้องการ
    10.การวาดภาพเป็นการระบายความเครียดได้อย่างนึง และมันสามารถบ่งบอกถึงตัวตนภายในเราได้ด้วย
     
  17. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    คุณ จินต์ ครับผมเข้าใจว่าอาจารย์ยังไม่ให้ Post ตอนนี้นะ
    เอาไว้ตอนสรุปครับ
    อาจารย์ให้เก็บเข้าแฟ้มไว้ก่อน เดี๋ยวหมดสนุกฮะ
     
  18. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ดิฉันคิดว่าอาจารย์ให้แบบฝึกหัดใหม่แล้วนะคะ พอทำเสร็จก็ให้รวบรวมเก็บไว้ทั้งหมด แล้วค่อยมาดูภายหลังน่ะค่ะ หรือว่าจินตวดีเข้าใจผิดคะ รบกวนท่านอื่นออกความคิดเห็นหน่อยค่ะ

    step ต่อไปตอบ20 คำถาม อ้อ..ไม่ใช่ ตอบคำถาม 10 ข้อ (ทำต่อกันด้วยนะครับ)

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    พี่นักเขียนขอให้พวกเราทุกคนพิจารณาภาพวาดของตนเอง แล้วตอบคำถามต่อไปนี้
    (ไม่ใช่วินิจฉัยฝีมือวาดภาพ แต่ให้พิจารณาความรู้สึกที่เรามีต่อตนเอง และสิ่งที่เราอ่านพบจากภาพวาดของเรา):
    1. เรามีความรู้สึกนึกคิดเจาะจงถึงส่วนใดของร่างกายตัวตนของเราเป็นพิเศษ?
    2. เรารู้สึกอย่างไรเมื่อมองดูภาพวาดของตนเอง
    3. เราคิดว่า ภาพวาดนี้ เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงออกซึ่งความรู้สึกใดของเรา เช่น ความร่าเริง ความเครียด ความว้าเหว่ หรืออารมณ์อื่นๆ?
    4. เส้นสายในภาพบ่งบอกให้เรารู้ถึงอารมณ์ของเราอย่างไรบ้าง?
    5. เขียนคำบรรยายสัก 1-2 ประโยค ว่ารูปทรงที่ปรากฏในภาพบอกให้เรารู้เกี่ยวกับอารมณ์ของเราว่าอย่างไร?
    6. หากภาพวาดนี้พูดได้ มันบอกให้เรารู้ถึงอารมณ์และความรู้สึก และสถานการณ์ใดที่กระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกนั้นๆ
    7. เรารู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้แสดงออกซึ่งอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดเป็นภาพ
    8. หลังจากได้วาดภาพนี้ไปแล้ว ตอนที่เรากำลังดูภาพนี้อีกครั้ง เรารู้สึกอย่างไรบ้าง?
    9. เราเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกของตนเองอย่างไรบ้างจากภาพวาดนี้?
    10. เราเรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการแสดงออกซึ่งอารมณ์และความรู้สึกของเราเป็นรูปธรรม เป็นภาพวาดบนกระดาษ หรือจอภาพ?

    พี่นักเขียนขอให้พวกเราตอบคำถามเหล่านี้อย่างซื่อสัตย์ต่อตนเอง อย่านำฝีมือวาดภาพมาเป็นสาระในการพิจารณาและตอบคำถามนะคะ คิดหรือรู้สึกอย่างไรต่อสาระของภาพให้ตอบตามนั้น บทฝึกฝนบทแรกนี้จะเป็นประตูสู่การสร้างสรรค์ และเป็นหนทางที่เราจะสามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างในจินตนาการของเราให้เป็นสิ่งที่เราปรารถนาได้เมื่อจบ course ค่ะ

    course นี้อาจยาวนิดนึง คอยน้องลูกเกดและพวกเราอีกหลายคนที่ยังไม่ได้วาดรูปตนเอง ให้ส่งภาพเข้ามาอีกค่ะ จะได้เรียนรู้ด้วยกันอย่างกว้างขวาง

    ขอให้ตอบคำถามให้รัดกุม แล้วมา post สรุปโดยนำภาพกับบทสรุปมา post ไว้พร้อมกันนะคะ รับรองได้ว่า-ไม่มีคำว่า-ตอบผิด เพราะเราคือเจ้าของภาพวาดและเจ้าของจินตนาการ-อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเรา เราแต่ละคนคือผู้กุมอำนาจในการสร้างสรรค์ครั้งนี้ และเราจะร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดที่เราพึงปรารถนากันค่ะ
     
  19. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอส่งการบ้านก่อนนะคะพอดีพรุ่งนี้จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไม่รู้ว่าจะได้เข้ามาอีกเมื่อไหร่น่ะค่ะ กลับมาคงอ่านหัวโตแน่เลยค่ะ วันนี้ไปติดต่องานข้างนอกทั้งวันเมื่อเช้าแวะมาอ่านแว๊ป ๆ แล้วก็ปริ๊นคำถามไปทำการบ้านบนรถมาค่ะ ไม่รู้ว่าพี่นักเขียนจะอ่านรู้เรื่องรึปล่าวก็ไม่รู้นะคะ..

    1. ชอบริมฝีปากและแววตาของตัวเองที่แสดงออกถึงความสุข, สดชื่นและมีความอ่อนโยน
    2. เมื่อมองภาพวาดของตนเองแล้วไม่ทันได้พิจารณาอะไรก็หัวเราะออกมาแล้วค่ะ
    3. คิดว่าภาพวาดนี้เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีความสุข, สงบ, สดชื่น, มั่นใจในตัวเองและเป็นอิสระ
    4. เส้นสายในภาพบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ตั้งใจอย่างแน่วแน่
    5. รูปทรงที่ปรากฏในภาพบอกให้เรารู้จักความสุขและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
    6. หากรูปภาพสามารถพูดได้มันคงจะบอกได้ถึงอิสรภาพที่ไม่มีขีดจำกัด ความสดชื่นของธรรมชาติเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดนั้น
    7. รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็ก ๆ ที่ได้แสดงออกซึ่งอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดอย่างอิสระไม่มีขีดจำกัดและตรงไปตรงมา
    8. หลังจากที่ได้วาดภาพนี้ไปแล้ว เมื่อกลับมาดูภาพวาดนี้อีกครั้ง ก็รู้สึกอยากหัวเราะออกมาดัง ๆ ประมาณว่าวาดออกมาได้ยังงัยเนี่ย
    9. ได้เรียนรู้ถึงความผ่อนคลาย, ไม่เคร่งเครียด, ว่างจากการหาเหตุหาผล ไม่ต้องคิดหาความเป็นมาและความเป็นไปของรูปกายทางกายภาพ
    10. เรียนรู้ที่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่เป็นอิสระไม่มีขีดจำกัด
    แค่นี้ก่อนนะคะ..(tm-love)
     
  20. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    การบ้านข้อนี้ขออนุญาติเอากลับไปทำที่บ้านต่างจังหวัดสัก 10 วันนะคะพี่นักเขียน ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นวาดยังงัยเหมือนกันค่ะเพราะบุคคลตัวตนและวัตถุธาตุที่มีสัมพันธ์กับขจรวรรณนั้นมีมากเหลือเกินค่ะ แต่ละคนก็มีอารมณ์ที่หลากหลายมาก.. แถมยังวาดภาพก็ไม่ค่อยเป็นด้วยค่ะ แล้วพี่นักเขียนจะดูรูปของขจรวรรณรู้เรื่องเหรอคะเนี่ย.. กลุ้มจัง..
    (cry) (cry) (cry)
     

แชร์หน้านี้

Loading...