ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

อยู่ที่ไหน ก้ม่ายต้องกังวลถ้า พลังงานด้านลบติดตัวม่ายเกิน 30%
บ้านเราอยู่ภูเก็ตใกล้ทะเลน่ะพี่น้อง สงสัยจะรอเขามาล้างเกาะเพราะตอนนี้น้ำทะเลเค็มกว่าปกติ (ฝรั่งแอบฉิ้งฉ่องลงทะเล)อิอิอิ

 

สถิติผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติทั่วโลกสูงเกือบ 450,000 ราย

​

บาหลี 7 ธ.ค.- ภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงได้คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้วกว่า 443,000 คน ในขณะที่อีก 2,500 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัตินั้น ๆ ซึ่งสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจรวมราว 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวอันตาราของทางการอินโดนีเซีย รายงานอ้างการเปิดเผยของนายแอนดี้ อัตกิ้นส์ ผู้อำนวยการกลุ่มผู้สนับสนุนกองทุนซับน้ำตา นอกรอบการประชุมว่าด้วยกรอบอนุสัญญาเกี่ยวกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงของสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอฟซีซีซี) ที่เกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย วานนี้ว่า จำนวนประชากรโลกที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจะเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะประชากรในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ถ้าหากประชาคมโลกไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อคลี่คลายปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และเพื่อรับมือกับภัยพิบัติต่าง ๆ

นายอัตกิ้นส์ เสนอว่า รัฐบาลของทุกประเทศควรต้องจัดสรรงบประมาณอย่างน้อยประเทศละ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 ล้านล้านบาท) ต่อปี เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบของปัญหาโลกร้อน หรือสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ที่ทำให้ปัญหาอุทกภัย และปัญหาภัยแล้ง ตลอดจนภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ ทวีความรุนแรงขึ้น.-สำนักข่าวไทย

2007-12-07 13:53:14

ทางการมาเลเซียอพยพผู้คนกว่า 4,500 คนหนีน้ำท่วม

​

กัวลาลัมเปอร์ 7 ธ.ค.-ทางการมาเลเซียแถลงวันนี้ วิตกต่อสถานการณ์น้ำท่วมใน 3 รัฐ ซึ่งทำให้ต้องอพยพผู้คนถึง 4,585 คน โดยเกรงว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายลง ขณะที่ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง

นายคง โช ฮา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์มาเลเซีย กล่าวว่า ฝนกำลังตกหนักในพื้นที่รัฐยะโฮร์และปะหัง และสถานการณ์อาจเลวร้ายลง ทางการได้แนะให้ประชาชนฟังคำเตือนสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด

สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการอินโดนีเซีย รายงานว่า รัฐยะโฮร์ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีประชาชน 3,738 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปอาศัยตามศูนย์บรรเทาทุกข์น้ำท่วม 42 แห่ง และถนนสายหลักอีก 3 สายต้องปิดสัญจร ส่วนที่รัฐปะหัง มีประชาชน 662 คนต้องอพยพไปยังศูนย์บรรเทาทุกข์ มีรายงานแผ่นดินถล่ม 2 แห่ง และถนนสองสายมีน้ำท่วมขังสูงถึง 1 เมตร ส่วนที่รัฐกลันตัน มีประชาชนต้องอพยพ 185 คน

สำนักงานอุตุนิยมวิทยามาเลเซียเตือนว่า อาจมีฝนตกหนักอีกในรัฐยะโฮร์ โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนเหนือจนถึงวันเสาร์นี้ และในรัฐปะหังจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องไปจนถึงวันอาทิตย์.-สำนักข่าวไทย

2007-12-07 18:21:07

จีนหวั่นไข้หวัดนกลามจากคนสู่คน​

​

จีน 8 ธ.ค. - เจ้าหน้าที่จีนยืนยันว่า พ่อของเหยื่อผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกคนล่าสุดเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาติดเชื้อไวรัสมรณะดังกล่าวด้วย

โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ภายหลังชายแซ่หลู วัย 24 ปี ได้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดนกเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ที่โรงพยาบาลในมณฑลเจียงซู ทางภาคตะวันออกของจีน พ่อวัย 52 ปีของเขาก็เริ่มแสดงอาการป่วยคล้ายโรคไข้หวัดนก ก่อนที่ผลตรวจร่างกายเมื่อวันพุธที่ผ่านมาจะพบว่า เขามีเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 เช่นเดียวกัน ขณะนี้คนไข้อาการทรงตัวและอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับผู้คนอีก 68 คน ที่มีประวัติอยู่ใกล้ชิดกับเหยื่อผู้เสียชีวิต

โฆษกองค์การอนามัยโลกระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่เริ่มวิตกกังวล เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดนกอาจสามารถแพร่ระบาดจากคนไปสู่คนได้ จีนพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกแล้ว 17 คน นับตั้งแต่มีการแพร่

2007-12-08 06:08:01

ออสเตรเลียอากาศแปรปรวนหนัก​

​

ซิดนีย์ 8 ธ.ค. - นครซิดนีย์ของออสเตรเลียเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนและพายุรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน และอาคารจำนวนมากได้รับความเสียหาย

ตำรวจกล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชายวัย 53 ปี เสียชีวิตเนื่องจากถูกกันสาดพังถล่มทับ เนื่องจากฝนที่ตกหนักและพายุที่พัดกระหน่ำในเขตบัลโกลวาห์ นอกเมืองซิดนีย์ ขณะที่อาคารในพื้นที่ก็พังเสียหายหลายหลัง ทำให้เจ้าหน้าที่เกรงว่าอาคารและบ้านเรือนอีกจำนวนมากซึ่งมีปัญหาโครงสร้างอาจได้รับความเสียหายเพิ่ม กระแสลมแรงทำให้เกิดคลื่นสูงบริเวณชายฝั่งนอกอ่าวซิดนีย์ที่ตั้งของโอเปร่า เฮาส์ ตำรวจทางหลวงประกาศเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากถนนลื่นและทัศนวิสัยไม่ดี

ขณะที่การจราจรในตัวเมืองกลับติดขัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน แต่ยังไม่มีรายงานน้ำท่วมขัง ด้านหน่วยงานพยากรณ์อากาศระบุว่า ฝนตกหนักมากถึง 20 มิลลิเมตร ในเวลาเพียง 10 นาที แต่คาดว่าฝนจะตกน้อยลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้. -สำนักข่าวไทย

2007-12-08 02:17:25

เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้วางทุ่นสกัดน้ำมันรั่วไหล​

​

โซล 8 ธ.ค. - เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ยังคงพยายามสกัดกั้นการรั่วไหลของน้ำมันปริมาณมหาศาลจากเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกเรือบรรทุกเครนชนนอกชายฝั่งตะวันตกของประเทศ

ความคืบหน้าเหตุเรือบรรทุกเครนชนเรือบรรทุกน้ำมันเหอเป่ย์ สปิริต สัญชาติฮ่องกง ที่จอดลอยลำอยู่นอกชายฝั่ง ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 150 กิโลเมตร เมื่อเช้าวานนี้ จนทำให้น้ำมันราว 66,000 บาร์เรล หรือราว 10.5 ล้านลิตร ในตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ รั่วไหลลงทะเล

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ยามฝั่งเกาหลีใต้ได้วางทุ่นปิดล้อมพื้นที่กลางทะเล 7.5 ตารางกิโลเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันขยายวงออกไป แต่กระแสลมและคลื่นในทะเลที่แรงจัด ทำให้คาดว่าคราบน้ำมันจะเคลื่อนสู่ชายฝั่งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เชื่อว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์น้ำมันรั่วนอกชายฝั่งครั้งใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 วัน ในการกำจัดคราบน้ำมัน. -สำนักข่าวไทย

2007-12-08 05:09:55

ที่มา http://news.mcot.net/international/

 

โลกนี้ดูวุ่นวายจังเลย โชคดีแล้วที่เกิดเป็นไทย มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเปี่ยมด้วยบารมี ไม่เสียใจแล้วที่เกิดเป็นชาวพุทธ ใต้พระบารมีในหลวง ณ ดินแดนสยามแห่งนี้

เจริญธรรม และให้กำลังใจทุกท่านครับ

 

ช๊อค !!! คำทำนายดวงประเทศไทยปี 2551​

มีการพิเคราะห์ดวงเมืองไทย ปีชวด 2551 โดยหมอดู

 

ยึดหลักกาลามสูตร เพราะอ่านมามากแล้วไม่ค่อยตรงก็มาก มีทำนายได้ใก้ลเคียงบ้างแต่น้อย อย่าประมาท หมั่นทำบุญ และแผ่เมตตา ทำใจสงบ เดินจงกลมนั่งสมาธิสวดมนต์ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม สาธุๆๆ:love:

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">ภาวะโลกร้อนมิใช่ปัญหาจิ๊บจ๊อย [9 ธ.ค. 50 - 00:48]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD>การประชุมนานาชาติว่าด้วย “สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน” ซึ่งสหประชาชาติ (UN) เป็นหัวเรือ ใหญ่จัดขึ้นที่เมืองนูซา ดูอา บนเกาะบาหลี อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 3-14 ธันวาคม 2550 ประชาคมโลกสนใจอย่างกว้างขวาง เพราะไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อย
จึงไม่แปลกที่ผู้แทนรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญ นักวิทยาศาสตร์ นักอุตุนิยมวิทยา นักนิเวศวิทยา นักอนุรักษ์สภาพแวดล้อม และวงการอื่นๆจากทุกสารทิศเกือบ 190 ประเทศ เข้าร่วมประชุม ร่วมสังเกตการณ์ ร่วมชุมนุมประท้วงรัฐบาลประเทศที่ “เห็นแก่ตัว” ยักกระสายบ่ายเบี่ยง เพื่อรักษาผลประโยชน์ ของประเทศหรือกลุ่มตน
คงต้องทำความเข้าใจสักนิดหนึ่ง...มนุษย์เรานี่แหละเป็นตัวต้นเหตุสำคัญของปัญหาโลกร้อน การตัดไม้ทำลายป่า อุตสาหกรรมเคมี ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมอีกมากมายหลายอย่าง ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซอื่นๆขึ้นสู่บรรยากาศโลก ก่อให้เกิด “ภาวะเรือนกระจก” อันนำไปสู่ภาวะโลกร้อนผิดธรรมชาติ และส่งผลเลวร้ายต่อเนื่องอีกสารพัด
ยกตัวอย่าง...ข้อมูลกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) ผลกระทบจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงแปรปรวนและป่าไม้ถูกตัดย่อยยับ คาดว่าจะทำให้ป่าอเมซอนซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ปอดของโลก” เสียหายหรือพินาศสิ้นเชิงภายใน พ.ศ.2573 เพราะถึงปีดังกล่าว แค่การตัดไม้ทำลายป่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถูกปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศราว 55,500-96,900 ล้านตัน
อันหมายถึงอุณหภูมิโลก จะร้อนจัดจนหมดหนทางเยียวยาแก้ไข...เทวดาก๊อช่วยบ่ไหว!!
ตัวอย่างชัดเจน...รัฐบาลออสเตรเลียรายงานว่าภาวะอากาศวิปริตทำให้ค้างคาวแม่ไก่กว่า 3,000 ตัว เกาะโหนกิ่งไม้นอนหลับดีๆก็ร่วงผล็อยลงมาตายเกลี้ยง ฝูงหมึกยักษ์จากซีกโลกใต้อพยพขึ้นเหนือไปเข้าอวนชาวประมง เข้าปากฝูงปลาแองโชวี่ ปลาค็อด ปลาเฮค ในเขตล่าสัตว์น้ำนอกชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ส่วนเทือกเขาแอลป์ในยุโรปเคยมีผีเสื้อเยอะแยะ ปัจจุบันสูญพันธุ์สิ้น
ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจึงเรียกร้องเร่งเร้ารัฐบาลและองค์กรนานาชาติ ร่วมมือกันหามาตรการแก้ปัญหาก่อนจะสายเกินแก้
ผลการรณรงค์คือ พ.ศ.2540 ชาติต่างๆจำนวน 175 ประเทศ ทำความตกลงว่าด้วยการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนฉบับหนึ่ง เรียกว่า “พิธีสารเกียวโต” ซึ่งน่าเสียดาย สหรัฐอเมริกา ประเทศต้นตอภาวะเรือนกระจกรายเบิ้มที่สุด กับอีกบางประเทศไม่ยอมร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วย
ทุกฝ่ายรู้เต็มอกว่าบรรดาชาติอุตสาหกรรมเป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขึ้นไปก่อมลภาวะทำลายสภาพแวดล้อมบนชั้นบรรยากาศมากกว่าใครอื่น เนื้อหาสาระพิธีสารเกียวโตจึงระบุให้ชาติอุตสาหกรรม 36 ประเทศ ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (greenhouse gas) ลงให้เหลือต่ำกว่าระดับที่เคยมีอยู่ใน พ.ศ.2533 โดยเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่พิธีสารเกียวโตสิ้นอายุ
แต่...ผีป่าซาตานแห่งความละโมบคงสิงสู่ วิญญาณเหล่าผู้นำอภิมหาอำนาจสหรัฐอเมริกากับพวกอีกบางประเทศ จึงวางจุดยืนเสมือนไม่รู้สึกรู้สารู้หนาวรู้ร้อนกับ “มหันตราย” ภัยโลกร้อน ไม่ยี่หระต่ออนาคตลูกหลานเหลนและสรรพสิ่งบนผืนปฐพี
จนกระทั่งบัดนี้ สหรัฐฯยังไม่ยอมลงนาม ไม่ให้สัตยาบันรับรองพิธีสารเกียวโต!?
มิไยบรรดานักวิทยาศาสตร์ตะโกนก้องเตือน ...หากยังเมินเฉยไม่ลงมือปฏิบัติเพื่อรับมือกับปัญหาอย่างเพียงพอ โลกใบนี้จะต้องประสบวิบัติภัยมหันต์จากน้ำท่วม ฝนแล้ง ภูเขาน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งละลาย ระดับน้ำทะเลสูงกลืนทำลายชายฝั่ง
วันศุกร์วานซืน...นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาวะสิ่งแวดล้อมได้เผยแพร่ “ดัชนีประจำปี” จัดอันดับ 56 ประเทศอุตสาหกรรมและประเทศที่กำลังพัฒนาสู่ชาติอุตสาหกรรม ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมกันแล้วมากกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งโลก
ผลงานนี้ดำเนินการรวบรวมข้อมูล คำนวณและสรุปผลโดยกลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “เยอรมันวอตช์” พวกเขาแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับระดับมลภาวะ แนวโน้มในอนาคตรวมทั้งดูนโยบายต่อสู้ภาวะโลกร้อน ของรัฐบาลประเทศอุตสาหกรรมเหล่านั้น เพียงพอหรือจริงจังไหม
ปรากฏว่าสหรัฐอเมริกาครองแชมป์ “ผู้สร้างบาปกรรมแก่สภาพอากาศ” เลวร้ายที่สุด ร่วมกับมหาเศรษฐีน้ำมัน ซาอุดีอาระเบีย ตามด้วยออสเตรเลียบาปหนาอันดับที่สาม
น่าเซอร์ไพรส์ประหลาดใจสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งประดานักวิทยาศาสตร์ นักพิทักษ์สภาพสิ่งแวดล้อม และเกจิด้านภาวะโลกร้อน หลายท่านเชื่อว่าจีนพัฒนาอุตสาหกรรมรวดเร็วจี๋ดุจติดจรวด จีนน่าจะแย่งแชมป์ “ผู้สร้างเวรกรรมแก่สภาพอากาศ” ปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำลายชั้นบรรยากาศโลกแซงหน้าอเมริกันไปแล้ว
แต่ผลการศึกษาพบว่าช่วงสองปีมานี้ จีนสามารถปรับปรุงศักยภาพในการต่อ สู้กับภาวะโลกร้อนได้ดีน่าชื่นชม จุดโดดเด่นคือส่งเสริมให้ใช้พลังงานอย่างทรงประสิทธิภาพเต็ม ประสิทธิผล และสนับ สนุนการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่
ตำแหน่ง “ตราบาป” ของจีนเลยลดจากอันดับที่ 14 ลงไปอยู่ที่ 17 เมื่อปีกลาย ขณะที่ซาอุฯประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงครองแชมป์ บาปหนาที่สุดสองปีรวด เพราะพี่แกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มไม่หยุด ไม่สนนโยบายต้านภาวะโลกร้อน ซ้ำร้ายทำตัวเป็น “เรือขวางคลอง” ในที่ประชุมแก้ปัญหาโลกร้อนทุกบ่อย
รับคำสรรเสริญสุดๆคือ นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีใหม่เอี่ยมอ่องของออสเตรเลีย ผู้ถอยฉากจากสารบบคนบาป จ่อปากกาเซ็นรับพิธีสารเกียวโตเรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา.

จูปิเตอร์​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อานิสงส์ของการกล่าวคำว่า "สาธุ" ​

​

การที่ชาวพุทธฟังธรรมจากพระภิกษุ แล้วกล่าวสาธุการเมื่อพระเทศน์จบ หรือการถวายทาน หรือเมื่อพระให้ศีล ญาติโยมสาธุชนจะใช้คำว่า "สาธุ" นั้นมีประวัติความเป็นมาดังมีเรื่องย่อว่า........​

มีชายคนหนึ่ง อยู่ในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ได้ฟังพระแสดงธรรมเทศนา
แล้วเห็นโทษในการครองเรือนมีความปรารถนาจะขอบวชเพื่อแสวงหาความสงบในสมณธรรม จึงลาจากภรรยาไปบวช ได้ตั้งใจพากเพียรในสมณธรรมตามที่ปรารถนาไว้ตลอดมา​

ต่อมาพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงพบหญิงผู้เป็นภรรยาของชายคนนั้น และเมื่อทรงได้ทราบเหตุความเป็นมาทั้งหมดจึงเกิดสมเพชในนางผู้เป็นภรรยา รับสั่งให้นำหญิงนั้นมาเลี้ยงไว้ในพระราชวัง ตั้งเป็นท้าวนางกำนัล ​

อยู่มาวันหนึ่ง ราชบุรุษนำดอกนิลุบลบัวเขียวมาถวายพระเจ้าปเสนทิโกศลกำมือหนึ่ง พระองค์จึงประทานแก่ท้าวนางคนละดอก ฝ่ายสตรีที่เป็นภรรยาของชายที่ไปบวชนั้น เมื่อไปรับพระราชทานก็ยิ้มแสดงความยินดีดุจนางอื่น ๆ แต่พอดมกลิ่นนิลุบลแล้ว นางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จึงร้องไห้ พระเจ้าปเสนทิโกศลสงสัยพระทัย จึงตรัสถามว่า เหตุใดนางจึงยิ้มแล้วร้องไห้ นางจึงกราบทูลว่า ที่นางยิ้มเพราะดีใจที่ทรงพระกรุณาประทานดอกบัวให้ แต่พอดมดอกบัวแล้วหอมเหมือนกลิ่นปากสามีที่ไปบวช นางคิดถึงความหลังจึงร้องไห้​

พระเจ้าปเสนทิโกศลต้องการพิสูจน์วาจาของนาง จึงโปรดให้ประดับวังด้วยของหอมทั้งปวงเว้นแต่บัวนิลุบล แล้วอาราธนาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า และเหล่าภิกษุสงฆ์ให้มาฉันภัตตาหารในพระราชฐาน แล้วมีพระราชดำรัสถามหญิงนั้นว่า พระมหาเถระองค์ไหนที่นางอ้างว่าเป็นสามี หญิงนั้นก็ชี้ไปที่พระมหาเถระ เมื่อเสร็จภัตตกิจแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลอาราธนาให้พระพุทธเจ้า และภิกษุองค์อื่น ๆ กลับวัดไปก่อน เว้นพระมหาเถระขอให้อยู่เพื่อกล่าวอนุโมทนา เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จกลับไปแล้ว ​

พระมหาเถระจึงกล่าวอนุโมทนาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะและมีกลิ่นหอมฟุ้งออกจากปากพระเถระรูปนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ กลบเสียซึ่งกลิ่นดอกไม้ของหอมทั้งปวง กลิ่นปากของพระมหาเถระหอมฟุ้งไปทั่วพระราชวัง ดังกลิ่นการบูรและพิมเสนผสมกฤษณา หอมยิ่งกว่าดอกบัวนิลุบล ปรากฏการณ์นี้ปรากฏแก่ชนทั้งหลายในพระราชวัง ส่วนองค์มหากษัตริย์เมื่อเห็นจริงดังหญิงนั้นกราบทูล ก็ทรงโสมนัสน้อมนมัสการ ฝ่ายพระมหาเถระเสร็จสิ้นการอนุโมทนาแล้ว ก็กลับไปสู่วิหาร​

ครั้นพอรุ่งเช้าพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงเสด็จไปสู่พระวิหาร ถวายนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลถามว่า ​

"เหตุใดปากของพระมหาเถระจึงหอมนักหนาท่านได้สร้างกุศลใดมา"​

สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า ​

"เพราะบุพพชาติปางก่อน ภิกษุรูปนี้ได้ฟังพระสัทธรรมไพเราะจับใจ เต็มตื้นด้วยปีติยินดี จึงออกวาจาว่า "สาธุ" เท่านั้น อานิสงส์แห่งการฟังพระสัทธรรมให้ผลจึงได้มีกลิ่นปากหอมดังนี้"​

ปัจจุบันนี้ทั้งผู้ฟังธรรม และผู้รับศีลออกจะละเลยคำว่า "สาธุ" ต่างพากันนั่งเฉย ๆ ทั่วไป หน้าที่ผู้เป็นชาวพุทธ และครูบาอาจารย์จะได้แนะนำความเป็นมาเรื่อง "สาธุ" ไปเล่าสู่ลูกศิษย์และบุตรหลานของตนเพื่อนำวัฒนธรรมอังดีงามดั้งเดิมของเรากลับคืนมา​

คำว่า "สาธุ" ในภาษาไทยก็แปลว่า ดีแล้ว เห็นชอบแล้ว ​

เท่ากับเป็นการทำบุญข้อหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ มีอยู่ข้อหนึ่งในจำนวน ๑๐ ข้อคือ ปัตตานุโมทนามัย แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ดังนี้​

​

วันหนึ่ง ๆ ได้คิดดี ได้พูดดี ได้ทำดี "สาธุ" ให้ตัวเองและให้คนอื่นได้สาธุในการคิด การพูด การกระทำ ของเราเท่ากับได้ทำชีวิตนี้ ให้มีกำไรมหาศาล จะได้ชื่อว่า ได้อยู่ในโลกใบนี้มีแต่ความหอม​

FW.Mail FROM : Variety
ที่มา http://www.navagaprom.com/job.php?id=224&db=job2​

 

*** ย่อเหตุการณ์ ****
<p>
<p>โอ้ ...ชะตาฟ้าลิขิต
<p>
<p>รอ "สัจจะ" เพื่อเบี่ยงเบน หักเหกรรม
<p>
<p>- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ระวัง...จิตใจอ่อนแอ ****

ระวัง...วิญญาณม็อบ เข้าสิงร่าง !!!!
กลายเป็นตัวละคร...ให้เขาฆ่าแกง

ระวัง... วิญญาณการเมือง เข้าสิง !!!!
ครอบครัว...เพื่อนฝูง จะแตกสบั้น เพราะวิญญาณการเมือง

กำหนดจิตด้วย "สัจจะ"
.......ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด.......
เพื่อชีวิตตนเอง ครอบครัว ประเทศชาติ บ้านเมือง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ไม่ห่วงตัวเอง...
อย่างน้อย ก็ควรที่จะ รักพ่อแม่พี่น้อง !!!!

 

เข้าไปอ่านบางเรื่องแล้ว คุณโอม. หลักการของรูปทรงปิรามิด
พระอาจารย์รัตน์ ท่านถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับปิรามิดไว้หลายเรื่องมีประโยชน์มากครับ
ที่บอกว่ารูปทรงสามเหลี่ยมไม่มีจุดศูนย์กลาง ทำให้พลังงานสนามแม่เหล็กโลกวิ่งไปตามเส้นและพุ่งขึ้นสู่ยอดเบื้องบน ทำให้ภายในปิรามิดมีพลังงานที่นิ่งและสมดุลย์มาก ท่านอธิบายทะลุปรุโปร่งจริงๆครับ เชิ่อว่าท่านต้องเป็นผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับยุคสมัยแอตแลนตีสอย่างแน่นอนครับ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพพรหมท่านก็ย้ำให้สร้างอาคารเป็นรูปทรงปิรามิดเหมือนกัน ท่านบอกว่าจะช่วยสร้างกำแพงพลังงานที่สมดุลย์ ช่วยป้องกันพลังงานสนามแม่เหล็กโลกที่แปรปรวนในช่วงที่เกิดภัยพิบัติได้ดีทีเดียว.. มีประโยชน์ในยามสงบและยามฉุกเฉินครับ ช่วงนี้ก็ออกแบบโครงการเกี่ยวกับปิรามิดอยู่พอดี เป็นงานของเบื้องบนที่ร่วมกันเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ขอบคุณคุณโอม.สำหรับข้อมูลครับ

 

ลูกเห็บยักษ์ และ อาวุธแสง!

​

<LARGFONT>

 

พอคุณ โอม. เอาหน้าเวบสันตติมาแปะ เราก็คลิกเข้าไปอ่านเรื่องหลักการของปิรามิดก่อนเลย
พอดีสงสัยมานานแล้ว ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านกันค่ะ

 

คุณโอม ใช่พี่กบที่เขียนเวบสันตติ รึเปล่าครับ แล้ววได้ไปปฏิบัติธรรม สามวันสองคืนที่ku home รึเปล่าครับ ยังไงก็โมทนาด้วยคับ ถ้ามีข่าวสารอะไรจากพระอาจารย์อัพเดทก็ช่วยบอกกล่าวด้วยนะครับ

 

หลังจากเหตุการณ์ 9/11 มีคนไปถามหลงปู่ละมัยว่ามีอะไรที่จะคุ้มครองได้บ้าง(คงหมายถึงคลุมทั้งอาคารทั้งตึก) หลวงปู่จึงได้ทำปิรามิดด้วยการหุงปรอทให้บูชา ปัจจุบันไม่มีแล้ว

 

เกิดแผ่นดินไหว 7.6 ริกเตอร์ ในนิวซีแลนด์​

​

นิวซีแลนด์ 9 ธ.ค. - เกิดเหตุแผ่นดินไหว วัดความสั่นสะเทือนได้ที่ระดับ 7.6 ริกเตอร์ ใกล้ ๆ กับหมู่เกาะเคอร์มาเด็ค ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของนิวซีแลนด์

กรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ รายงานในวันนี้ว่า ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหววัดความสั่นสะเทือนได้ 7.6 ริกเตอร์ ใกล้ๆ กับหมู่เกาะเคอร์มาเด็ค ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ และตั้งอยู่ห่างจากปลายสุดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของนิวซีแลนด์ ประมาณ 1,000 กิโลเมตร

แผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.28 น. หรือราว 14.24 น. ตามเวลาในไทย มีศูนย์กลางทางตอนเหนือของเกาะราอัล ที่ความลึก 188 กิโลเมตร และในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย.-สำนักข่าวไทย

2007-12-09 16:09:00

เกิดเหตุแผ่นดินไหวปานกลางที่แทนซาเนีย​

​

วอชิงตัน 9 ธ.ค. - ศูนย์สำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวระดับปานกลางขนาด 5.7 ริกเตอร์ ที่แทนซาเนีย ห่างไปทางตะวันตกถึงตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองดาร์เอสซาลามราว 206 กิโลเมตรเมื่อเวลา 02.55 น. วันอาทิตย์ตามเวลาในประเทศไทย

ศูนย์สำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า แผ่นดินไหวที่แทนซาเนียครั้งนี้อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ซึ่งจุดที่เกิดอยู่ห่างจากพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนและไม่มีรายงานทรัพย์สินเสียหาย .- สำนักข่าวไทย

2007-12-09 10:15:14

รัสเซียทดลองขีปนาวุธข้ามทวีปสามารถทะลวงระบบป้องกันของสหรัฐ

​

มอสโก 9 ธ.ค. - สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซีย รายงานว่า รัสเซียทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่ สามารถทะลุทะลวงระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธ

ขีปนาวุธข้ามทวีป รุ่น

 

นราธิวาสประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมใน 6 อำเภอ

​

นราธิวาส 9 ธ.ค.

 

ท่านอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ
สำนักปฏิบัติธรรมรัตนประทีป วัดดอยเกิ้ง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน​

มนุษย์โลกเมื่อครั้ง 10,000 ปีที่ผ่านมา ในยุคของอารยธรรมแอตแลนตีส ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้เคยพัฒนามาจนถึงการสร้าง

 

พีระมิต ทำไงมั้งครับขอวิธีการละเอียดละเอียดเลยนะครับเอาแบบวัตสดุที่หาได้ทั่วไปนะครับเช่นกระดาษไรพวกนี้คือผมอยู่หอนะครับจะไปซื้ออะไรยากๆไม่ค่อยสะดวกผมจะลองทำดูครับเช่นเอาเนื้อใส่ดูว่าเน่าเน่าช้าลงไหมหรือคุณโอมจะแนะนำให้ใช้แบบไหนก้ได้นะครับหรือหลวงพ่อก้ได้แล้วแต่จะกรุณา ขอบคุณครับ