เคยมียานพาหนะที่บินได้ในสมัยโบราณจริงหรือ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sron2006, 15 พฤศจิกายน 2013.

  1. sron2006

    sron2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,202
    [​IMG]

    เรื่องราวลึกลับนี้เริ่มขึ้น เมื่อจิตรกรรมและประติมากรรมในโบราณสถานหลายแห่งที่เป็นรูปแสดงถึงวัตถุประหลาดซึ่งมีลักษณะคล้ายยานบินหรือแม้กระทั่งยานอวกาศ

    เป็นไปได้ไหมว่า ในอดีตนั้นเราเคยมียานที่บินได้ โดยมนุษย์จากนอกโลกเป็นผู้นำมา และเป็นที่กำเนิดยาน UFO??

    หลักฐานชิ้นแรกในประวัติศาสตร์คือในสมัยพระเจ้า อโศกมหาราช (Ashoka) พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดียมีคำร่ำลือว่าพระองค์เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งแหล่งวิทยาการ “สมาคมลับของบุรุษนิรนามทั้งเก้า” (Secret Society of the Nine Unknown Men) ซึ่งปราชญ์อินเดียในสมัยนั้นต่างกระหายที่จะเรียนรู้วิทยาการเหล่านี้ แต่พระเจ้าอโศกกลับงานวิทยาการต่างๆ ของพวกเขาเป็นความลับ เพราะกลัวว่าวิทยาการเหล่านั้นถ้าเผยแพร่ไปอาจเกิดเหตุนองเลือดขึ้นได้ เพราะพระองค์เองเคยใช้วิทยาการเหล่านั้นทำสงครามมาแล้ว พระองค์จึงเน้นทำนุบำรุงศาสนาพุทธแทน

    “บุรุษนิรนามทั้งเก้า (The Nine Unknown Men) หมายถึงหนังสือเก้าเล่มที่พระเจ้าอโศกทรงนิพนธ์ขึ้นมา เล่มหนึ่งมีชื่อว่า “ความลับของแรงโน้มถ่วง(The Secrets of Gravitation) เป็นที่รู้จักกันดีในสมัยโบราณ เนื้อหาในหนังสือเป็นคนละแบบกับ “กฎของแรงโน้นถ่วงของนิวตัน” และหนังสือเก้าเล่มนี้อาจเก็บอยู่ในห้องสมุดที่ไหนสักแห่งในอินเดียหรือ ทิเบต (หรือแม้แต่ในอเมริกา)

    เมื่อไม่นานมาแล้ว ชาวจีนได้ค้นพบแท่งหินอักขระจารึกเป้นภาษาสันสกฤตในเมืองลาศา (Lhasa) ในทิเบต และส่งแท่นหินเหล่านี้ไปศึกษาค้นคว้าที่มหาลับชานดริการ์ ดร.รูท เรย์นา อาจารย์ประจำมหาลัยกล่าวว่า แท่งหินอักขระพวกนี้บ่งบอกถึงวิธีการสร้างยานอวกาศที่สามารถเดินทางไป มาระหว่างดวงดาวได้!!

    ส่วนวิธีการขับเคลื่อนนั้น ด็อกเตอร์เรย์นาอธิบายว่าจากอักขระว่า เป็นแรงต่อต้านโน้นถ่วง ในชื่อที่พวกเขาเรียกว่า ลากิมะ (Laghima) ซึ่งเป็นแรงที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เกิดมาจากพลังจิตของมนุษย์ โดยมีหลักการว่า แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง (Centrifugak Force) จะมีกำลังมากพอที่สามารถต่อต้านแรงดึงดูดของโลกได้ และจากความรู้ทางฮินดูโบราณ (Hindu Yogis)แรงหรือ พลัง ลากิมะนี้สามารถยกมนุษย์ให้ลอยขึ้นฟ้าได้

    ดร.เรย์ยังอธิบายอีกว่าสำหรับตัวเครื่องจักรหรือยานพาหนะนี้พวกเขา เรียกว่า “แอสทรา (Astras)” ซึ่งเป็นยานที่สามารถต่อต้านแรงดึงดูดของโลกและมีหลักฐานที่เกี่ยวกับ เทคโนโลยีชนิดนี้ว่ามีใช้กันในอินเดียสมัยโบราณหรือในสมัยที่ยังมีอาณาจักร ของพระรามอยู่ อาณาจักรของพระรามอยู่ อาณาจักรนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอินเดียและปากีสถาน ได้ก่อตั้งมานาน 15,000 ปีแล้วในทวีปอินเดียซึ่งตอนนั้นยังแยกออกมาจากทวีปเอเซียอยู่และดำรงมาควบ คู่กับอาณาจักรแอตแลนติสที่อยู่กลางมหาสมุทรแอนแลนติกมาก่อน

    อาณาจักรพระรามปกครองโดย “สังฆราชาผู้สำเร็จ”(Enlightened Priest-Kings) เรียกชื่อเมืองหลวงทั้งเจ็ดเมืองว่า เมืองฤษีทั้งเจ็ด (The Seven Risni Cities) ตามหลักฐานของชาวอินเดียโบราณ ผู้คนในสมัยนั้นใช้ยวดยานพาหนะที่สามารถบินได้ชื่อ วิมาน (Vimanas)

    [​IMG]
    แท่งอักขระ ได้บรรยายรูปร่างลักษณะของยานวิมานว่า “มันเป็นยานที่มีสองชั้น รูปร่างค่อนข้างกลม มีท่อไอเสียอยู่ด้านล่าง และในห้องผู้โดยสารด้านบนมีรูปร่างคล้ายโดม” จากข้อความดังกล่าว ทำให้เราจิตนาการว่ามันคือจากบินหรือเปล่านี่!!

    ยานวิมานบินด้วย “ความเร็วที่ยิ่งกว่าสายลม (Speed of The Wind)และมีเสียงที่ดังมาก ยานนี้มีรูปร่างที่ต่างๆ กันถึงสี่แบบ มีรูปร่างคล้ายกับจานบินบ้าง หรือไม่ก็มีรูปร่างคล้ายกระบอกยาวๆ บ้าง (หรือมีรูปร่างคล้ายซิการ์ดังเช่น UFO)

    ชาวอินเดียโบราณผลิตยานเหล่านี้ด้วยตัวพวกเขาเอง และพวกเขาได้เขียนวิธีควบคุมยานบินทั้งสี่แบบเหล่านี้ไว้ซะด้วย!!

    ในปี ค.ศ.1875 มีการค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับยานชนิดนี้ในวัดแห่งหนึ่งในอินเดีย เป็นหลักฐานที่มีอายุออยู่ในช่วงศตวรรษที่สี่ก่อนคริสต์ศักราช ในหลักฐานนั้นบ่บอกถึงวิธีการควบคุมยานวิมาน รวมถึงการบังคับเลี้ยว การระมัดระวังในการเดินทาง การป้องกันยานจากพายุและสายฟ้า และยังบอกวิธีการขับเคลื่อนโดยการใช้แสงอาทิตย์ที่คล้ายๆ กับ “แรงต่อต้านแรงโน้นถ่วง”

    นอกจากนี้ หลักฐานชิ้นนี้ยังบอกวิธีการสร้างยานวิมานอย่างละเอียดถึงชิ้นส่วนของยาน 31 ชิ้น และวัสดุที่ใช้สร้างอีก 16 อย่าง ซึ่งวัสดุพวกนี้มีคุณสมบัติที่ดูดซับแสงและความร้อนได้ และนี่คงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างยานที่สามารถขับเคลื่อนไปบนฟ้าได้

    เป็นไปได้ว่ายานวิมานจะต้องใช้พลังบางอย่างที่สามารถต่อต้านแรงโน้มถ่วงได้อย่างแน่นอน มันออกตัวในแนวดิ่งจากพื้นดิน และยังสามารถลอยอยู่บนฟ้าได้ราวกับเฮลิคอปเตอร์หรือยานบินในสมัยนี้ซะอีก ในด้านพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนนั้นหลักฐานกล่าวไว้ว่า ยานวิมานใช้ของเหลวสีขาวอมเหลือง(Yellowish white liguid)เป็น สารประกอบที่คล้ายกัยปรอท ดูเหมือนว่าบางทีของเหลวสีขาวอมเหลืองนี้อาจเป็นสารที่คล้ายๆ กับน้ำมันเชื้อเพลิงและใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือเครื่องยนต์ไอพ่นก็ได้

    นอกเหนือจากหลักฐานแท่งอักขระแล้ว ก็ยังมีเนื้อเรื่องบางส่วนในมหากาพย์มหาภารตะกับรามายณะที่บรรยายลักษณะของ ยานวิมานว่ามีรูปร่างเป็นทรงกลมและขับเคลื่อนไปด้วยความเร็วยิ่งกว่าสายลม โดยใช้ปรอทเป็นตัวขับเคลื่อน การขับเคลื่อนคล้ายกับ UFO ไม่มีผิด เพราะสามารถเคลื่อนที่ขึ้นลงในแนวดิ่ง ถอยหลังหรือเดินเท้าได้ตามที่นักบินต้องการ และระบุว่ายานวิมานเป็นเครื่องจักรกลที่ทำด้วยเหล็ก เชื่อมติดกันอย่างดีและเรียบร้อยสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยใช้ปรอทพ่นออกมา จากข้างหลังของตัวยานในรูปแบบของเปลวไฟคำราม (Roaring Flame)

    [​IMG]
    นักวิทยาศาสตร์ชาวโซเวียตได้ค้นพบสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “เครื่องมือในยุคโบราณที่ใช้ระบบนำร่องของยาน” ในถ้ำแห่งหนึ่งของประเทศตุรกีและในทะเลทรายโกบี มันเป็น “อุปกรร์” ที่เป้นรูปทรงครึ่งวงกลมที่ทำมาจากแก้วเหมือนถ้วบชาม โดยส่วนปลายสุดจะเรียวเล็กลงเป้นรูปกรวยและมีสารปรอทอยู่ภายในด้วย หลักฐานบ่ชี้ว่าชาวอินเดียในสมัยโบราณเคยใช้พาหนะนี้บินผ่านทั่วเอเชียมา แล้ว และอาจจะเคยบินผ่านทวีปแอตแลนตีสมาแล้วด้วย

    นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงรถศึกเพลิงกัลป์ (Fiery Charot)ไว้ ในมหากาพย์มหาภารตยุทธว่า “ภีมะขับรถของเขาบินสู่ฟากฟ้า ลุกสว่างราวกับแสงอาทิตย์ เสียงดังราวกับฟ้าผ่า ราชรถที่อยู่บนฟ้า ลุกสว่างราวกับเปลวเพลิงที่ส่องสว่างฟากฟ้ายาวค่ำคืนของฤดูร้อน มันบินโฉบไปราวกับผีพุ่งใต้ ราวกับมีพระอาทิตย์สองดวงกำลังส่องแสงอยู่กระนั้น และสวรรค์ทั่วทั้งชั้นฟ้าก็สว่างขึ้นบัดดล”
    [​IMG]

    คัมภีร์พระเวท (Vedas) หลักฐานทางฮนดูโบราณที่เก่าแก่ที่สุดก็คือกล่าวถึงยานวิมานว่า “อนิโหตระวิมาน (Ahnihotra-Vinana) เป็นยานที่มีสองเครื่องยนต์, วิมานรูปช้าง (Elephant VimanaX,มีเครื่องยนต์มากกว่านั้น และระบุชื่อยานวิมานรูปแบบอื่นๆ ที่ตั้งชื่อเป็นสัตว์ต่างๆ

    ชาวแอตแลนติสเคยใช้ยานบินที่เรียกว่า “ไวลิกซี(Vaillxl)” มีรูปร่างคล้ายกับเครื่องบินในสมัยนี้ หลักฐานของอินเดียว่าคนทวีปนี้ต้องการจะใช้ยานของเขาเพื่อครอบครองโลก

    ยานของแอตแลนตีสเรียกว่า “อัศวิน (Asvins)" และยังบอกว่าชาวแอตแลนตีสมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าของอินเดียและยังเป็นที่ชื่นชอบการทำ สงครามด้วย แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่บ่งบอกถึงยานบินวืมานก็ตาม แต่ก็มีข้อมูลบางอย่างอยู่บ้าง เช่นว่า รูปร่างคล้ายซิการ์และสามารถแทรกตัวลงใต้น้ำได้ดีพอๆ กับการบินผ่านชั้นบรรยากาศหรือนอกโลก

    เอกลัล เกศนะ ผู้แต่งหนังสือชื่อ The Ultimate Frontier พิมพ์ขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1966 กล่าวว่าวิมานสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อ 20000ปีก่อน ในทวีปแอตแลนติส และส่วนใหญ่มีรูปร่างคล้ายๆ จานแบนๆ ภาคตัวยานตัดขวางรูปสี่เหลี่ยมคางหมู มีเครื่องยนต์รูปครึ่งวงกลมสามตัวติดตั้งอยู่ส่วนล่างของยาน...พวกเขาใช้ อุปกรณ์ต่อต้านแรงโน้นถ่วงที่ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ที่มีกำลังประมาณ 30,000แรงม้า

    บางตอนในมหากาพย์รามายณะกับมหาภารตะก็เคยกล่าวถึงสงครามมหาประลัยครั้งนั้นว่า “อาวุธที่เคลื่อนที่เป็นวิถีโค้งปลดปล่อยพลังของเอกภพมาอย่างมหาศาล เปลวเพลิงและควันที่ลุกโซติช่วงราวกับมีพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่นับพัน ดวง...พายุสายฟ้ากัมปนาท ผู้ส่งสารแห่งความตาย ที่นำมาซึ่งขี้เถ้า เผ่าพันธุ์ทั้งปวง........ซากศพกลับถูกเผาไหม้ จนจำหน้าตาไม่ได้ ผมและเล็บก็หลุดร่วงออกมาเครื่องดินเผาต่างๆ กลับแจกหักโดยไม่รู้สาเหตุ และนกก็เปลี่ยนเป็นสีขาว.........หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงอาหารทั้งหมดก็เป็นพิษ เพื่อที่จะหนีออกมาจากไฟบรรลัยกัลป์นี้ ชะล้างตัวพวกเขาและเครื่องไม้เครื่องมือของพวกเขาด้วย

    นี่เขาบรรยายมหาภารตะหรือบรรยายเรื่องมหาสงครามนิวเคลียร์นี้!!

    และดูเหมือนว่ามหากาพย์มหาภารตะจะเป็นเรื่องจริงซะ ด้วย เพราะว่ามีการค้นพบอุโมงค์ในซากโบราณสถานในเมืองโมเฮ็นโจดาโร เมื่อศตวรรษที่แล้ว พวกเขาพบโครงกระดูกหลายซาก บางโครงนอนกุมมืดอยู่บนหน้าอกด้วยความกลัว ราวกับมีหายนะครั้งใหญ่ นอกจากนี้เขายังพบสารกัมมันตรังรังสีค้างอยู่ในตัวด้วย

    เมื่ออาณาจักรแอตแลนตีสกับรามาล่มสลายด้วยอาวุธนิวเคลียร์หรืออะไรก็เถอะ โลกก็เริ่มเข้าสู่ยุคหิน และประวัติศาสตร์สมัยใหม่ก็ดำเนินต่อไปอีกนับพันปี แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวของจานบินวิมานยุคโบราณจะไม่สูญหายไปไหน เพราะมันปรากฏอีกทีก็บันทึกของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์บุกโจมตีอินเดียเมื่อสองพันปีก่อน มีบันทึกไว้ว่า ครั้งหนึ่งกองทัพของพระองค์ถูกโจมตีโดยโล่บินได้ที่ทำให้รถศึกและกองทัพของพระองค์ต้องหวั่นเกรงไปตามกัน

    ว่ากันว่าสมาคมลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ภราดรภาพ (Brotherhoods) ได้เก็บยานวิมานกับยานไวลิกซี่ไว้ในถ้ำลึกลับที่ไหนสักแห่งในทิเบตหรือเจ กลางเอเซียรวมทั้งทะเลทรายลอปนอร์ (Lop Nor Desert) ที่อยู่ทางทิศตะวันตกของจีน ที่มีคนกล่าวขวัญกันมากที่สุดว่าเป็นศูนย์กลางของลึกลับ UFO

    [​IMG]

    ในช่วงปี ค.ศ.1930 พรรคนาซีของฮิตเลอร์เคยส่งนักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีไปยังอินเดียเพื่อ เก็บเรื่องราวลึกลับและวิทยาการในสมัยโบราณที่พวกเขาเชื่อว่าเคยมีอยู่จริง พวกเขาเชื่อว่าอารยธรรมในอดีตนั้นมียานบินต่างๆ และรวมไปถึงอาวุธทำลายล้างที่พวกเขาเคยใช้ในอดีต

    นักโบราณคดีเยอรมันได้ถอดความสันสกฤตโบราณและอักขระโบราณเหล่านี้ว่ามีการบรรยายถึงเหตุการณ์ที่มียานบินผ่านอยู่บนฟ้า โดยมีผู้สังเกตการณ์อยู่ในทวีปอเมริกาใต้, อาฟริกา, แถบแปซิฟิก และอื่นๆ เกือบทั่วโลก และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ยังคงได้ศึกษาวิจัยต่อจากประเทศอเมริกาและโซเวียตให้การสนับสนุน

    นอกจากนี้ยังมีทีมงานของจีนก็เคยทำการสืบค้นอักขระภาษาสันสกฤตทั้งในทิเบตและ อินเดียเหมือนกัน และทางจีนเคยยืนยันแล้วว่าข้อมูลจากแหล่งโบราณเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้ในโครงการสำรวจอวกาศของพวกเขา

    ทางด้านอเมริกาเองก็เคยทำการสืบสวนในเรื่องนี้เมื่อปี ค.ศ.1947 เหมือนกัน แต่น่าเสียหลักฐานต่างๆถูกทำลายจนหมดสิ้น เช่นห้องสมุดอเล็กซานเดรีย (The Great Lirary of Alexandria) ที่ถูกทำลายเพราะกองทัพโรมัน และทำให้หลักฐานต่างๆ ถูกเผาทำลายจนหมด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นกุญแจไขความลับเรื่องยานบินยุคโบราณให้เราทราบได้

    ปิดท้ายด้วย OOPARTS ที่เกี่ยวข้องกับยานบินยุคโบราณ
    [​IMG]
    [​IMG]

    คานติดเพดานอายุกว่า 3000 ปี ในวิหารอาบิดอส โบราณทางใต้ของไคโร ของอียิปต์ บริเวณที่ราบสูงกิซา มีภาพประติมากรรมยานลึกลับปรากฎอยู่
    [​IMG]
    และนี่ก็อีกตัวอย่างที่พบในเม็กซิโก

    [​IMG]
    ภาพจากตำนานของชาวสุเมเรียน/บาบิโลเนียน เทพเจ้าพร้อมกับยานของพระองค์

    [​IMG]
    อันนี้เป็นศิลปะเม็กซิกันโบราณ เป็นยานพาหนะของเทพเจ้า ​

    ที่มา : webboard.sanook
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ขอบคุณครับ
    อ่านแล้วได้ความรู้และสนุกสนานดี
    ผมก็เคยอ่านเจอว่า อริสโตเติล มีการบันทึกถึงเรื่องราว การเดินทางของคนต่างถิ่นที่ใช้ยานพาหนะรูปร่างเหมือนแคปซูน หรือเรือแคนู โดยยานชนิดนี้ลอยไปได้ในอากาศ...

    โลกเราก็มีความเจริญและความเสื่อม เกิดดับมาหลายรอบแล้ว การจะมีวิทยาการบางอย่างที่เคยเจริญมากๆนั้น ก็น่าจะมีอยู่ ไม่น่าแปลกนัก
    หากนับย้อนจากนี้ไปเมื่อ 200 ปีก่อน ใครจะคิดว่า เราจะสามารถสื่อสารข้ามโลกกันได้ด้วยเครื่องกระดานชนวนแบบพกพา จิ้มๆแล้ว ก็โพสภาพส่งถึงกันได้ทันที
    ไม่แน่ว่าอีก 100 ปีข้างหน้า เราอาจจะเดินทาง ไปยังทวีปอื่นๆได้ด้วยการเคลื่อนย้ายสสาร ซึ่งมนุษย์ยุคนั้น อาจจะรู้สึกสงสารพวกเราที่ต้องนั่งเครื่องบินเป็นเวลาหลายๆชั่วโมง
    เหมือนพวกเราตอนนี้ที่สงสารคนเมื่อ200ปีก่อนต้องเดินทางโดยเกวียน จากบางกอกไปถึงเชียงใหม่ใช้เวลาแรมเดือน...
     
  3. patonghot

    patonghot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +127
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=qEYGNL5HDTk&list=PLWHyY5ldxEm6-CKw343ULK3j_17SAr11G"]?????? Ancient Aliens - 202 - Gods and Aliens (????????) - YouTube[/ame]


    สารคดีตัวนี้ ลองชมดูครับ มี 10 ตอน แต่ ตอนนี้ เป็นตอนที่เกี่ยวกับยานพาหนะของเทพเจ้า โดย วิมาน อยู่ น.20 ครับ
     
  4. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    มีสิ บุษบกไง
     
  5. mumoon

    mumoon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +82
    เคยมีจักรแก้ว(UFO)ของจักรพรรดิมาลงบนโลกสมัยก่อน(สงสัยรูปร่างกลมเลยเรียกว่าจักรแก้ว) ขนคนมาเกือบหมดดาวมาเที่ยว ยังไม่ทันกลับ จักรพรรดิก็ตายบนโลกเราก่อนที่จะกลับบ้าน เมื่อจักรพรรดิตายจักรแก้วก็หายไป คนที่มาด้วยก็ต้องอาศัยอยู่บนโลกเราด้วย คนที่มาด้วยมีทั้งคนดีและไม่ดี ที่ดีก็ช่วยเหลือโดยใช้วิทยาการต่างดาวช่วยเรา ส่วนที่ไม่ดีจะยึดครองโลก จนเกิดสงครามขึ้นอย่างเรื่องรามเกียร(บางคนบอกว่าเป็นเรื่องจริง มีการใช้อาวุธนิวเคลีย(อย่างศรของพระราม)ในการสู้กัน)
     
  6. พงพัน

    พงพัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +478
    บ้าสงครามเต็มไปด้วยกิเลสตัณหาราคะอย่างชาวแอตแลนติสเนี่ย สูญไปจากโลกได้นี่นับเป็นพระคุณจริงๆไม่อย่างนั้นโลกคงต้องอยู่กันด้วยความหวาดผวา แต่คนสมัยก่อนถ้าเขาเหาะเหิรเดินอากาศได้ละครับ ยานพาหนะอะไรประมาณนี้ก็ไม่จำเป็นด้วยว่าคนยุคนั้นสมัยนั้นเต็มไปด้วยผู้มีฤทธิ์ทรงฌาณได้ถึงระดับ เป็นผู้ทรงคุณธรรมผิดกับคนยุคต่อมากิเลสหนาจึงต้องย่ำต๊อกไปแทน ผมเชื่ออย่างนั้นขอรับแต่ที่เล่ามาก็สนุกดี
     
  7. noom8a

    noom8a เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +226
    หลายวันมานี้เห็นเมืองอยู่แถวๆสามเหลี่ยมเบอรืมิวดาไม่ทราบว่ามีใครเห็นบ้างตรงนั้นใช่แอตแลนติสเก่าหรือเปล่าครับไม่ทราบว่าคนมียานเห็นเป็นอะไรครับ
     
  8. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    มาจริง นานมาแล้ว คนโบราณก็กล่าวว่าเป็นไปต่างๆนาๆ ในพระไตรปิฏกเขียนไว้ ชาวโน่น ชาวนี่ ทวีปนั้น ทวีปนี้ ทั้งหลายทั้งหมดมีกล่าวไว้แล้ว
    ถ้ามนุษย์มาจาก ลิง จริง มันก็ต้องมีเชื้อพันธ์ กลายพันธ์ ให้เห็นบ้างสิ ไม่งั้นมันไม่ต่างกันแบบ ฟ้ากะเหวขนาดนี้ ดำขาว สูงต่ำ หน้าฝรั่ง หน้าเอเชีย ผิวสองสี ผิวขาว ตาหลายหลากสี...
     
  9. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    ถ้าคุณอ่านนิยายประเภทนี้แล้ว มีความรู้สึกเชื่อหรือคล้อยตาม ลองชมสารคดีนี้น่ะครับ
    ทุกเรื่องมีคำอธิบาย มีหลักฐานโต้แย้งมากมายเต็มไปหมด

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=j9w-i5oZqaQ]Ancient Aliens Debunked - (full movie) HD - YouTube[/ame]

    เทคนิคในการแต่งนิยายไม่มีอะไรมาก

    1.ผู้อ่านโดยมากมีแนวโน้มสนใจเรื่องลึกลับอยู่แล้ว นี่จึงเป็นทุนเดิมที่ค่อนข้างง่าย

    2.การกุเรื่องขึ้นมาลอยๆโดยใช้วิธีการสร้างหลักฐานอ้างอิงที่ผู้อ่านยากจะตรวจสอบ
    เช่น เตุการณ์เกิดขึ้นในทะเลทรายลึกลับในธิเบต เป็นต้น

    3.ไม่บอกกล่าวถึงหลักฐานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เช่น บริบททางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางโบราณคดีในยุคประวัติศาสตร์ใกล้เคียงกัน

    4.ไม่นำเสนอข้อโต้แย้งจากนักวิชาการ

    Ancient Aliens Debunked | A refutation of the history channel show Ancient Aliens
     
  10. nai_Prathom

    nai_Prathom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +694
    เพิ่มเติมเรื่อง Vimana วิมานลอยได้ ในสารคดีจะเริ่มที่ 2.20.54

    Ancient Aliens Debunked - (full movie) HD - YouTube

    การดำเนินเรื่องในสารคดีชุดนี้ จะหาหลักฐานมาหักล้างรายการสารคดี History Channel ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามักนำเสนอเนื้อหาสารคดียกเมฆหาหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้ ลองชมกันดูน่ะครับ

    ส่วนกรณีโมเฮนโจดาโร ที่มีการกล่าวอ้างว่า มีการพบร่องรอยกัมมันตรังสีนั้น เป็นเรื่องตอแหลอย่างหน้าตายที่สุด เพราะหากมีระเบิดนิวเคลียร์จริง มันจะไม่เหลือซากศพให้กลายเป็นหลักฐานทางโบราณคดีในทุกวันนี้หรอก โดยทั่วไปมีการพบระดับของกัมมันตรังสีในหลักฐานทางโบราณคดีทั่วๆไปอยู่แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2013
  11. Kinglondon

    Kinglondon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +70
    เรื่องจริงหรือไม่ผมไม่แน่ใจ แต่สามารถเอามาเป็นประโยชน์ได้ เรื่องราวต่างๆนี้สอนเราได้ว่าวันหนึ่งถ้าเรามีวิทยาการที่ก้าวหน้า แต่ จิตใจเสื่อมทรามลง วิทยาการที่ก้าวหน้าจะย้อนมาทำลายเผ่าพันธุ์ แล้วก็เข้าสู่ยุคมืด แล้วก็เจริญใหม่วนเวียนไปไม่รู้จบจนกว่าเผ่าพันธุ์นั้น
    จะมีจิตใจที่สูงขึ้นทัดเทียมวิทยาการ จึงจะสามารถอยู่ร่วมกับวิทยาการนั้นได้
    ก็อย่างที่ ไอสไตน เคยกล่าวไว้ว่าสงครามโลกครั้งที่3 เค้าก็ไม่รู้ว่าจะรบกันด้วยอะไร
    แต่ที่รู้แน่ๆคือสงครามโลกครั้งที่4 มนุษย์จะใช้ไม้กับหินรบกัน เป็นมุขตลกร้ายที่ขำไม่ออกจริงๆ ^__^
     

แชร์หน้านี้

Loading...