ติดตามสถานะการณ์

ประเทศซาอุดีอาระเบียน้ำท่วมหนัก​

มีรายงานน้ำท่วมรุนแรงที่ประเทศซาอุดีอาระเบียในเมืองหลวงริยาด รัฐบาลประกาศปิดโรงเรียนและให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้านรอรับการช่วยเหลือ ท่ามกลางฝนที่ตกหนักและเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากในกลางทะเลทรายมีชาวเมืองรายงานมาว่าน้ำท่วมหนักตรงบริเวณถนนของเมืองหลวงและร้านค้า
รูปภาพถูกโพสต์บนทวิตเตอร์แสดงรถยนต์ที่จมน้ำ

http://rt.com/news/saudi-arabia-rare-flooding-844/

<iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/C36lcJpuScA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​

 

สงสัยจะโดน "HARRP" เล่นงานซะหนัก

เมืองทะเลทรายไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้ได้

 

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้

ปกติประเทศที่เป็นอิสลาม ใครมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง
โทษสถานเดียวคือ แขวนคอ

แต่นี่หยังกับสมรภูมิในบ้านเศรษฐี
มีแต่รถหรูทั้งนั้น แต่จิตของผู้คนกลับเป็นตรงข้ามเสียสิ้น

ท่านสมาชิกชมแล้วพิจารณากันเองแล้วกัน ครับ

 

เพชร...ใน...ตม

ดื่มด่ำล้ำลึก ไปกับความสามารถของมนุษย์บางคน

ลืมความชั่วร้ายของมนุษย์ ลืมเหตุการณ์เคร่งเครียดที่เกิดจากมนุษย์

ตำหนิมนุษย์คนโน้น คนนี้ มามากแล้ว

ดูถูก เหยียดหยาม ถ่มถุย มนุษย์คนโน้น คนนี้ มามากแล้ว

มาชม มาสดุดี ความสามารถของมนุษย์



อาจจะนอกเรื่องนิดหน่อย แต่เพียงต้องการให้ผ่อนคลายบ้าง

<iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/Sj7TzvrBdI8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/u8Hfkbw9gW8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/fOpxfrjlvsE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/Zy4mArn9Rkk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/G7uTbTNCBc0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/GF2-TKfQOsk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

คนดูดาว ได้แชร์ ลิงก์
41 นาทีที่แล้ว ·
update ข้อมูลดาวหาง ISON จากสมาคมดาราศาสตร์ไทย "17 พ.ย. 2556 : โทรเลขอิเล็กทรอนิกส์ฉบับที่ 3715 (CBET 3715) จากสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล รายงานการสังเกตดาวหางไอซอนจากทีมนักวิจัยที่สถาบันมักซ์พลังค์เพื่อการวิจัยระบบสุริยะ และสถาบันดาราศาสตร์ มหาวิทยาลัยลุดวิกแมกซิมิเลียนแห่งมิวนิก ประเทศเยอรมนี พบว่าภาพถ่ายเมื่อวันที่ 14 และ 16 พฤศจิกายน 2556 แสดงให้เห็นโคม่าของดาวหางไอซอนที่มีโครงสร้างรูปปีกแผ่ออกไปสองข้าง รายงานระบุว่าโครงสร้างดังกล่าวแสดงว่านิวเคลียสของดาวหางไอซอนมี 2 นิวเคลียส หรือมากกว่า ซึ่งอาจแสดงว่านิวเคลียสได้แตกออกจากกันเมื่อไม่นานมานี้"

ดาวหางไอซอน (C/2012 S1 ISON)

 

ขอแปลข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษที่อาจารย์ปิยะชีพยกมาแล้วไ่ด้แปลแต่น่าสนใจครับ
1. ถึงแม้สนามแม่เหล็กจะกลับขั้ว สนามแม่เหล็กใหม่ก็จะช่วยปกป้องโลก

2. ช่วงกลับขั้วจะขาดสิ่งที่ช่วยป้องกันรังสีคอสมิก.ซึ่งจะมีผลกับยานอวกาศและนักบิยนอวกาศ แต่ไม่ได้กล่าวถึงโลกเลยครับ

3. ระยะเวลาในการกลับขั้วสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ในบทความบอกว่าเขาไม่แน่ใจว่า ใน 3 อาทิตย์จะกลับขั้วได้อย่างสมบูรณ์หรือเปล่า

Piyacheep S.Vatcharobol



เดอะ เทเลกราฟของอังกฤษ ออกข่าวย้ำมาอีกแล้วว่า สนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์จะสลับขั้ววันไหนก้ได้ เพราะมันได้เวลาแล้ว

ในบนความนี้ยังมีติ่งท้ายที่ยืนยันว่า สนามแม่เหล็กโลกก็มีการสลับขั้วเมื่อ ๘ แสนปีมาแล้ว ซึ่งมาสอดคล้องกับนักวิทยาศาสตร์พบว่า กระบวนการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กโลก สลับขั้วใหม่ตามที่ผมค้นคว้าได้มา ซึ่งปรากฏกว่าจะเกิดการสลับขั้วพร้อมกับสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์ซะด้วย

เนื่องจาก การสลับขั้วของดวงอาทิตย์มีการเคลือนที่ของสนามแม่เหล็ก มีการเหนี่ยวนำ มีผลต่อระบบสุริยะทั้งหมด ดาวทุกดวง อุกาบาตทุกชิ้นที่เป็นวงแหวนขันระหว่างระบบสุริยะชั้นในที่มี พุธ ศุกร์ โลก อังคาร จากระบบสุริยะชั้นนอก พฤหัส เสารื เนปจูน พลูโต ฯลฯ และอะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในระบบสุริยะ หรือโคจรเข้ามาในระบบสุริยะ

แผ่นดินไหวใหญ่ๆถี่ ระหว่างทวีปเอเซีย รัสเซีย-ญี่ปุ่น กับ อลาก้าของทวีปอเมริกาอมริกา พายุเกิดมากขึ้นกว่าเดิมในซีกโลกเหนือ พายุเกือบทุกลูกวิ่งขึ้นขั้วโลกเหนือหมด แผ่นดินไหวที่ขั้วโลกใต้ พบภูเขาไฟปะทุใต้น้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติก้าขั้วโลกใต้

ข้อมูลล้วนบ่งบอกว่า แนวแม๊กม่า แนวสนามแม่เหล็กโลก ที่ปล่อยสนามแม่เหล็กออกมาคุ้มครองป้องกันภัยโลก ที่ออกมาจากขั้วโลกใต้ กำลังย้ายไปขั้วโลกเหนือ หรือ พูดง่ายคือ สนามแม่เหล็กโลกที่ออกจากขั้วโลกใต้ กลับเข้าสู่โลกที่ขั้วโลกเหนือ จะสลับเป็น ออกจากขั้วโลกเหนือ กลับเข้าสู่ขั้วโลกใต้ แบบที่เข้าบันทึกว่าเคยเกิดมาเมื่อ ๘๐๐,๐๐๐ ปีก่อน

การสลับขั้วนี้ มีผลให้ภูมิศาสตร์ของโลกเคลื่อนที่ไปด้วย ตามหลักฐานพบว่า ทวีปอาร์ติกในขั้วโลกเหนือ และทวีปแอนตาร์กติก้า ในขั้วโลกใต้ แต่เดิมไม่ได้อยู่ตรงนั้น

แต่ที่ไปอยู่ตรงขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้เพราะโลกมีการสลับขั้วานามแม่เหล็ก เกิดแรงเหนี่ยวนำทางภูมิศาสตร์ให้โลกเคลื่อนที่ไปด้วย ช้างแม็มมอส ถึงตายพร้อมหญ้าสดๆในปาก นักธีณีวิทยาถึงขุดพบมนุษย์แช่แข็งใต้น้ำแข็งในขั้วโลก

ที่นี้หากถามผมว่า ขั้วโลกเหนือใต้สลับขั้วครั้งสุดท้าย ๘ แสนปีมาแล้วนั้นจริงหรือ?????

คำตอบส่วนตัวของผมคือไม่จริง

ผลงานทางวิทยาศาสตร์ ทางการแพทย์ ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ออกมา ล้วนเป็นไปเพื่อการสร้างความเชื่อ เพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ทั้งนั้น

ที่พูดเช่นนี้ เพราะหากสนามแม่เหล็กโลกสลับขั้วเมื่อ ๘ แสนปีก่อนจริง ทวีปแอตแลนติส ที่จมหายไป หารค้นพบเมืองโบราณใต้ทะเลที่ญี่ปุ่น เป็นการค้นพบทางประวัติศาสตร์ที่มีอายุไม่เกิน ๕,๐๐๐ ปี ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ปี หรือ ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ ปีเท่านั้น

สิ่งเหล่านี้ล้วนบอกว่า แกนโลกเปลี่ยน ทวีปมีการสลับต่ำแหน่ง เพราะสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนมาแล้วทั้งนั้น

ดูเว็บของ FEMA หรือ กรมป้องกันภัย แบบ ปภ.ของเรานะครับว่า เขาทำคลิปเตือนพิบัติภัยของโลก FEMA Pole Shift ออกมาเมื่อโลกไร้แรงดึงดูดชั่วขณะ ทุกอย่างลอยไปหมด เหมือนอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก และอื่นๆอีกมายมาย ล้วนเกี่ยวเนื่องไปกับสนามแม่เหล็กโลก การเปลี่ยนแปลง

ดูเว็บจาก CDC หรือ กรมควบคุมโรคติดต่อ ก็ออกข่าวเรื่องเชื้อโลกจากอวกาศ ทั้งไวรัส ทั้งแบคทีเรีย ที่สามารถทำให้เกิดสถานการณ์ ซอมบี้ได้

ทั้ง FEMA และ CDC เป็นหน่วยงานทางราชการของสหรัฐอเมริกา ซึ่งการเผบแพร่ข่าวสารที่ไม่มีมูลความจริง หรือ ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ คนอเมริกัน Sue หรือ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายแหลกราน แต่ไม่มีใครฟ้องรัฐเรื่องเหล่านั้นเลย ซึ่งผิดปกติวิสัยอเมริกันชนหากคิดว่ารัฐเผยแพร่ข่าวสารไม่ถูกต้อง

ประโยคสุดท้ายในภาพยนตร์เรื่อง ซอมบี้ล่าสุด ที่โป้งเคยเอามาลง ที่ภาพยนตร์ทิ้งท้ายไว้ว่า

"มันเพิ่งเริ่มต้น ต้องเตรียมพร้อมให้เสร็จเรียบร้อย"

แล้วท่านหละครับ เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง ?

Sun expected to 'flip upside down' as magnetic field reverses its polarity

By Lucy Kinder8:00AM GMT 15 Nov 2013
According to NASA the sun is about to flip upside down and it could happen any day now

The sun's magnetic field is about to flip upside down as it reverses its polarity.

In August Nasa said the reversal would happen in three to four months time, although that it would be impossible to pinpoint a more specific date.

Solar physicist Todd Hoeksema from Stanford University said that the reversal would have "ripple effects" across the whole of the solar system.

According to Nasa the sun's magnetic field changes polarity approximately every 11 years.

In comparison the last time the Earth's magnetic field flipped was almost 800,000 years ago.

When this happens the opposing magnetic poles switch places so the magnetic field is flipped.

The pole reversal happens at the peak of each solar cycle as the sun's "inner magnetic dynamo" reorganises itself.

The exact internal mechanism that drives the magnetic shift is not yet entirely understood by researchers, although the sun's magnetic field has been monitored on a daily basis by Scientists at Stanford's Wilcox Solar Observatory.

This will be the fourth such shift that the observatory has monitored.

Throughout the 11 year solar cycle new polarity builds up as 'sunspots' which are areas of intense magnetic activity that appear as blotches near the equator of the sun's surface.

Over a month long period these sunspots disintegrate and the intense magnetic activity migrates from the sun's equator to one of the sun's poles.

According to Hoeksema as the magnetic field moves towards the pole it erodes the existing opposite polarity.

He said: "It's kind of like a tide coming in or going out,"

"Each little wave brings a little more water in, and eventually you get to the full reversal."

As to what effect this may have, scientists said it could be widespread. The sun's magnetic field exerts its influence in a wide space, known as the heliosphere.

The heliosphere stretches well beyond Pluto and is as far reaching as NASA's Voyager probes close to the edge of interstellar space.

During a magnetic flip the sun is also typically at its peak.

Another possible impact is that the sun's altered magnetic field could interact with the Earth's own magnetic field which could increase the number and range of auroras.

It could also have an effect on power distribution grids and GPS satellites.

However the Sun's magnetic 'flip' could also help protect the Earth.

During the reversal the sun's 'current sheet' becomes wavy. The current sheet is a surface that jets outwards from the sun's equator.

A more wavy current sheet acts as a better barrier to deflect cosmic rays which can be a danger to astronauts and space probes.

Some scientists say that cosmic rays can also affect the Earth's climate and level of cloudiness.

It will certainly help those hoping to glimpse the spectacular northern lights.

Scientists won't know for the next three weeks whether the flip is complete.

Sun expected to 'flip upside down' as magnetic field reverses its polarity - Telegraph

 

‘เพนตากอน’โวยตัดลดงบประมาณ กระทบกองทัพมะกัน‘สู้ศึก-กู้ภัยพิบัติ'
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤศจิกายน 2556 22:03 น.



ทหารอเมริกันจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ช่วยกันขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ขึ้นเครื่องเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไปหย่อนทางอากาศ ให้แก่หมู่บ้านต่างๆ ในภาคกลางของฟิลิปปินส์ ซึ่งประสบภัยพิบัติจากพายุไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” ทั้งนี้หลายๆ หมู่บ้านห่างไกลยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ เลย อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกำลังเตือนว่า หากยังถูกตัดงบประมาณอย่างฮวบฮาบต่อไป ในอนาคตกองทัพอเมริกันอาจไม่มีเงินในการปฏิบัติภารกิจเช่นนี้

เอเอฟพี – นายใหญ่เพนตากอน และผู้บัญชาการทหารเหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯ ประสานเสียง เตือนการตัดงบกลาโหมครั้งใหญ่เฉียด 1 ล้านล้านดอลลาร์ กำลังคุกคามความมั่นคงและบทบาททางการทหารในระดับโลกของอเมริกา ในการรับมือความเสี่ยงจากภัยคุกคามฉุกเฉินที่คาดไม่ถึง กระทั่งอาจถึงจุดที่แดนอินทรีไม่มีเงินเพียงพอเข้าร่วมปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ขนาดใหญ่เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนในฟิลิปปินส์ขณะนี้

ชัค เฮเกล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) กล่าวเมื่อวันเสาร์ (16) ระหว่างเข้าร่วมงานประชุม “เวทีเสวนากลาโหม โรนัลด์ เรแกน” (Ronald Reagan Defense Forum) ซึ่งจัดขึ้นที่หอสมุดอดีตประธานาธิบดีอเมริกันผู้นี้ ในบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของนครลอสแองเจลีส, มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ว่า การตัดงบประมาณของกระทรวงลงไปเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 1 ทศวรรษนั้น เป็นสิ่งที่ “มากและกะทันหันเกินไป” ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการบริหารงานที่ไร้ความรับผิดชอบ เนื่องจากบีบบังคับให้กระทรวงเผชิญกับทางเลือกที่แย่เอามากๆ

ภายหลังพวกสมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในรัฐสภาอเมริกัน ไม่สามารถตกลงกันในเรื่องรายการที่สมควรถูกหั่นลดงบประมาณ เพื่อแก้ไขภาวะขาดดุลงบประมาณอย่างมโหฬารของสหรัฐฯลงมา ยังผลให้ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นมา ต้องมีการปฏิบัติตามมติซึ่งสองพรรคได้ตกลงเอาไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือการปรับลดงบประมาณอัตโนมัติแบบเหมารวม (sequester) โดยที่ยอดใช้จ่ายของเพนตากอนเฉพาะของปีงบประมาณ 2014 จะถูกหั่นอัตโนมัติ 10% หรือราว 52,000 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ตั้งแต่ ซีเควสเตอร์ เริ่มมีผลบังคับ กองทัพเรือสหรัฐฯต้องลดการปรากฏตัวทางทหารในทั่วโลกลงไปแล้ว 10% ขณะที่กองทัพบกยกเลิกภารกิจประจำในการฝึกกำลังพลลงไป 15% และกองทัพอากาศยกเลิกกิจกรรมการฝึก 25%

เฮเกลบอกว่า การตัดลดเช่นนี้จะเป็นที่รู้สึกกันในอนาคตข้างหน้าเป็นช่วงเวลายาวนานทีเดียว โดยถ้ายังคงยกเลิกการฝึกกำลังพลที่ไม่ได้เป็นทหารประจำการต่อไปเรื่อยๆ แล้ว จะทำให้การฝึกตามข้อกำหนดต้องคั่งค้าง และอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะสะสางได้หมด

รัฐมนตรีกลาโหม ชัค เฮเกล ของสหรัฐฯ ไปแสดงปาฐกถาเมื่อวันเสาร์ (16) ที่งานประชุม “เวทีเสวนากลาโหม โรนัลด์ เรแกน” (Ronald Reagan Defense Forum) โดยที่นายใหญ่เพนตากอนผู้นี้เตือนว่า การถูกตัดงบประมาณอย่างมากมาย กำลังคุกคามความมั่นคงและบทบาททางการทหารในระดับโลกของอเมริกา ในการรับมือความเสี่ยงจากภัยคุกคามฉุกเฉินที่คาดไม่ถึง

รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯชี้ว่า เพนตากอนได้ชี้แจงอย่างชัดเจนกับรัฐสภาและทำเนียบขาวแล้วว่า กระทรวง กำลังเผชิญปัญหาความยากลำบากทั้งในการฝึก ในเรื่องการประกอบเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ และในการเตรียมพร้อม กองทหารของสหรัฐฯ เมื่องบประมาณยังตึงตัวและไม่แน่นอนเช่นนี้

เขากล่าวว่า แม้ความท้าทายเหล่านี้มักเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็มีอยู่จริงและจะชัดเจนขึ้นเมื่อความมั่นคงของชาติสั่นคลอน เนื่องจากการเตรียมพร้อม สมรรถนะ และศักยภาพ ทางทหารของสหรัฐฯลดทอนลงเรื่อยๆ

วิกฤตงบประมาณคราวนี้เกิดขึ้นขณะที่อเมริกากำลังถอนตัวกลับประเทศหลังจากใช้เวลากว่าสิบปีในการทำสงครามที่อิรักและอัฟกานิสถาน กระนั้น เฮเกลเตือนว่า ถ้ายังไม่มีการตกลงกันเพื่อยุติการหั่นลดงบประมาณอย่างมโหฬารเช่นนี้แล้ว กองทัพอเมริกันอาจไม่พร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ขัดแย้งครั้งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง

ความกังวลของนายใหญ่เพนตากอนนี้ ยังได้รับการตอกย้ำจากพลเอกเจมส์ อามอส ผู้บัญชาการทหารเหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า การตัดงบประมาณอาจคุกคามความสามารถของกองทัพอเมริกันในการให้ความช่วยเหลือในเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ เฉกเช่น โศกนาฏกรรมจากไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนในฟิลิปปินส์ ที่ขณะนี้สหรัฐฯส่งนาวิกโยธิน 1,000 นายไปร่วมบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน รวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส วอชิงตัน พร้อมเรือรบอื่นๆ และฝูงบินในหมู่เรือโจมตีนี้

อามอสแจงบนเวทีเดียวกันว่า กองทัพอเมริกันขณะนี้ไม่ได้รับการฝึกซ้อมและการเตรียมพร้อมที่ดีพอในการรับมือภัยพิบัติธรรมชาติครั้งใหญ่ขนาดนี้ และซีเควสเตอร์จะทำให้ภารกิจความช่วยเหลือในอนาคตมีปัญหา หรืออาจถึงขั้นที่อเมริกาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นได้เลย เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินการและการซ่อมบำรุงเรือหรือยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็น

 

สลด!บินโดยสาร'รัสเซีย'ตก-ระเบิดไฟลุก คาด ดับยกลำ 50 ศพ
credit: Aylchiev Sagyn



เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสาร โบอิ้ง 737 ของสายการบินท้องถิ่นในรัสเซียตก ขณะพยายามลงจอดที่สนามบิน ในเมือง"คาซาน"เบื้องต้น พบผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบศพ และคาดว่า อาจเสียชีวิตยกลำ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ว่า เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสาร โบอิ้ง 737-400 ของสายการบิน 'ตาตาร์สถาน' ตกขณะลงจอดที่สนามบินของเมืองคาซาน เมืองเอกของสาธารณรัฐตาตาร์สถาน รัฐปกครองตนเองในประเทศรัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ ก่อนระเบิด หลังเครื่องสัมผัสพื้นรันเวย์ คาด เสียชีวิตยกลำ 50 ราย

จากการเปิดเผยของ กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งรัสเซีย เครื่องบินดังกล่าว เดินทางมาจากสนามบิน 'โดโมเดโดโว' ในกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินในเมืองคาซาน นักบินพยายามนำเครื่องลงจอดแต่ไม่สำเร็จ และพยายามนำเครื่องลงจอดอีกครั้ง แต่เครื่องบิน กลับประแทกพื้นรันเวย์และเกิดระเบิดไฟลุกไหม้ ในเวลา 19:20 น. (ราว 22:25น. ตามเวลาไทย)

สื่อท้องถิ่นของรัสเซีย รายงานว่า ไม่มีผู้รอดชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ ขณะที่กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉิน ระบุด้วยว่า เที่ยวบินนี้ มีผู้โดยสาร 44 คน กับลูกเรืออีก 6 คน

ไทยรัฐ

 

ทำไมมาเฟียอิตาลีขึ้นบัญชีดำโป๊ปฟรานซิส?

โป๊ปฟรานซิส พระประมุของค์ใหม่ของคริสตจักรคาทอลิก อาจจะเป็นที่ชื่นชมของคริสตศาสนิกชนทั่วโลก แต่กลับมีข่าวว่าพระองค์กำลังตกเป็นเป้าของมาเฟียอิตาลีระดับพระกาฬ อันเนื่องจากความพยายามในการแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นในศาสนจักร กลุ่มมาเฟียนอกกฎหมายเข้ามาพัวพันในผลประโยชน์ของคริสตจักรได้อย่างไร ?

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งในอิตาลี ไม่ใช่จากพระภารกิจในการช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากเหมือนที่เคย แต่เป็นเพราะอัยการผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบปรามมาเฟียของอิตาลี เปิดเผยว่าองค์กรมาเฟียระดับยักษ์ใหญ่ในประเทศ กำลังขึ้นบัญชีดำโป๊ปพระองค์ใหม่

ไม่ว่าการขึ้นบัญชีดำนี้จะหมายถึงอะไร และมาเฟียแม้จะเป็นระดับประเทศ จะมีศักยภาพเพียงพอในการลอบสังหารหรือทำร้ายพระประมุขแห่งคริสตจักรได้หรือไม่ สิ่งหนึ่งที่น่าตกใจก็คือ ทำไมโป๊ปองค์ใหม่ผู้กำลังเป็นขวัญใจของคนยากไร้และคริสตศาสนิกชนทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ จึงตกเป็นเป้าปองร้ายโดยกลุ่มอาชญากรนอกกฎหมายได้

แน่นอนว่าพระจริยวัตรแบบติดดิน โอบอ้อมอารี และหัวสมัยใหม่อย่างที่สุดของโป๊ปฟรานซิส ที่ทำให้คริสตศาสนิกชนปลื้มปิติในสันตะปาปาองค์ใหม่อยู่ในตอนนี้ ไม่ได้สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับมาเฟียอิตาลี แต่นโยบายปฏิรูป ชำระสะสางคริสตจักร รวมถึงธนาคารวาติกัน ถุงเงินถุงทองแห่งคริสตจักรต่างหาก ที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อบรรดาแก๊งอาชญากร

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพียงไม่นานหลังจากการขึ้นดำรงตำแหน่งของโป๊ปฟรานซิส ธนาคารวาติกันเปิดโปงการฟอกเงินภายในองค์กรเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และแม้ว่าจะไม่ได้ระบุโดยตรงถึงมาเฟียกลุ่มใดในอิตาลี แต่ก็มีรายงานอ้อมๆ ถึง "พฤติกรรมน่าสงสัย" ที่บางองค์กรทำธุรกรรมการเงินผ่านธนาคารวาติกัน

หลังจากนั้นเพียง 1 เดือน โป๊ปฟรานซิสทรงสั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการบริหารงานภายในธนาคารวาติกัน หลังจากเผชิญแรงกดดันจากองค์การด้านการเงินระหว่างประเทศมานานถึงความหมกเม็ดไม่โปร่งใส ภายใต้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของวาติกัน

การตรวจสอบได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จนนำไปสู่การจับกุมพระวาติกันผู้ทำงานให้กับธนาคาร ในข้อหาลักลอบขนเงินออกนอกประเทศหลายสิบล้านยูโรโดยใช้เครื่องบินส่วนตัว และพระซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารอีก 2 รูป ก็ลาออกหลังจากการจับกุมไม่นาน

การชำระสะสางปมเงื่อนซับซ้อนในธนาคารวาติกัน ทำให้ประชาชนทั่วโลกตระหนักว่าความสัมพันธ์อันดำมืดระหว่างคริสตจักรอันทรงอำนาจ และกลุ่มอาชญากรในโลกใต้ดินของอิตาลี ไม่ได้มีอยู่เพียงในภาพยนตร์พีเรียดยุคกลาง แต่ยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

แน่นอนว่าการนำปมดำมืดออกมาสู่ที่สว่าง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคริสตจักร รวมถึงโป๊ปฟรานซิสเอง ในฐานะผู้ปฏิรูปวาติกันให้โปร่งใสตรวจสอบได้สมกับเป็นองค์กรศาสนาในโลกยุคใหม่ แต่ผู้ที่เสียผลประโยชน์ในเรื่องนี้เต็มๆก็คือเหล่ามาเฟีย ที่เคยใช้ธนาคารวาติกัน และพระของวาติกัน เป็นเครื่องมือฟอกเงินและเคลื่อนย้ายเงินไปทั่วโลกอย่างสะดวกสบาย ซึ่งทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพระนามของโป๊ปฟรานซิส จึงเข้าไปรวมอยู่ในบัญชีดำของเหล่ามาเฟียได้

แต่แน่นอนว่าลำพังมาเฟีย ไม่สามารถทำอันตรายพระประมุขแห่งคริสตจักร ผู้ได้รับการถวายความปลอดภัยเทียบเท่าประมุขของประเทศ แต่สิ่งที่เป็นภัยร้ายแรงกว่าก็คือพระที่มีผลประโยชน์เกื้อหนุนกับเหล่ามาเฟีย ซึ่งแทรกซึมอยู่ในทุกระดับของวาติกัน บรรดาพระและมาเฟียที่สูญเสียผลประโยชน์ร่วมกันจากความเถรตรงของโป๊ปฟรานซิส อาจรวมตัวกันกลายเป็นภัยคุกคามที่คริสตจักรจะประมาทไม่ได้อย่างแน่นอน

18 พฤศจิกายน 2556 เวลา 07:02 น.
View 956

ทำไมมาเฟียอิตาลีขึ้นบัญชีดำโป๊ปฟรานซิส? - Voice TV

 

ที่อาจารย์บอกเป็นการทำนายอากาศหนาวเลวร้ายสุดในรอบ 60 ปี หนาวมากๆ หิมะตกหนักมากๆตลอดแระเทศ ซึ่งเมื่อ 11 ปีที่แล้วอากาศในประเทศไทยแม้แต่ในกรุงเทพก็หนาวมากเป็นเดือนครับ

Piyacheep S.Vatcharobol



Monday, November 18, 2013
ICE AGE NOW: 100 Days Of Heavy Snow - Britain Now Facing Worst Winter In SIXTY YEARS, Warn Forecasters!

สหราชอาณาจักร อังกฤษ เวลล์ สก๊อตแลนด์ ไอร์แลนด์
จะพบกับยุคน้ำแข็งเล็ก อากาศหนาวเย็นและมีพายุหิมะ
ตกทั้งประเทศยาวนานกว่า ๓ เดือน ย้ำว่าทั้งประเทศนะครับ

รัฐให้ประชาชนเตรียมพร้อม อุปกรณ์ให้ความอบอุ่น
พลังงานความร้อน อาหาร และสภาพการณ์เลวร้ายอื่นๆที่อาจมี

ลมหนาวและความเย็นที่จะลงมาจากั้วโลกเหนือ
สหรัฐอเมริกาเจอพายุเทอนาโดมากเป็นประวัติการณ์
ซาอุดิอาราเบีย ฝนตกน้ำท่วมหนัก นาน แทนที่จะระบายเร็ว

สยามประเทศอยูู่ในซีกโลกเหนือเหมือนกับอังกฤษ อเมริกา ซาอุ
สถานการณ์ข่าวสารเตือนย้ำว่า น้ำ ความชื่น ความเย็น
จะไม่แปลกใจเลยหากสยามประเทศจะเกิดหิมะตกในปีนี้
เพราะช่องทางลมโลกที่พัดจากเทือกเขาหิมาลัย พัดผ่านเรา
ก่อนปลายเดือนอังกฤษ ยุโรปจะโดยพายุคลื่นความหนาวเย็น
สยามประเทศก็ควรระวังมากๆหลัง ๒๑ ธันวาคมเป็นต้นไปถึงกุมภา

มีโอกาศเตรียม เตรียมการรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของประวัติศาสตร์ชนชาติในสุวรรณภูมิ หรือ ชมพูทวีป กันนะครับ

อาหาร น้ำ ยา อุปกรณ์ยังไม่ขึ้นราคาตามกระแส
หาสรรพสิ่งตอนนี้ง่าย ถูก เลือกของคุรภาพได้
หากเกิดสถานการณ์แล้ว ราคาสูงคุณภาพอาจต่ำนะครับ
และที่สำคัญจะหาไม่ได้ คนที่เตรียมพร้อมคือคนที่อยู่รอด

พี่ปืน พี่ตุ๊ ที่เคารพรักเคยบอกผมก่อนไปผจญภัยในอเมริกาว่า
"กูเชื่อว่ามึงทนลำบากได้ แต่กูไม่เชื่อว่ามึงจะทนทรมาณได้"

แม้นผมจะไม่ได้ผ่านชีวิตที่ยากลำบากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒
แต่ผมผ่านชีวิตแนวหน้ากับ
สงครามปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
สงครามชายแดนเขมร ชีวิตในค่ายผู้อพยพ
สงครามประชาชนเมื่อ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖
เมษาฮาวาย ๙ พฤศจิกายน
พฤษภาทมิฬ เมษยน ๕๒-๕๓
น้ำท่วมใหญ่ ๕๓-๕๔

ผ่านเรื่องราวหลากหลายความทุกข์ยาก ความทรมาน ความอดอยาก การแย่งชิงอาหาร น้ำ อุปกรณ์เพื่อการดำรงชีพ

มันไม่สนุกนะครับ

ก่อนที่สถานการณ์การเมืองจะเลวร้ายลงไปว่านี้
รีบจัดซื้อ จัดหา อาหาร น้ำ ยา ที่หลบภัยให้เรียบร้อยนะครับ

"What Britain faces this winter is an incomparable scenario to anything we have experienced in modern times." - James Madden, forecaster for Exacta Weather

November 18, 2013 - BRITAIN - LONG-RANGE weather forecasters have warned that Britain should prepare for heavy and persistent snow for up to THREE MONTHS with winter 2013 set to be the worst in more than 60 years.

The latest detailed forecasts for winter 2013 ALL point towards months of relentless extreme cold with heavy snow 'extremely likely' across the country.

The CELESTIAL Convergence: ICE AGE NOW: 100 Days Of Heavy Snow - Britain Now Facing Worst Winter In SIXTY YEARS, Warn Forecasters!

According to the National Weather Service, more than 60 tornadoes struck US Midwest on Sunday, November 17, 2013, leaving trail of destruction and unleashing 130 km (80 mph) winds and hail stones up to 5 cm (2 inches) in diameter. Entire ne...

Trisha Wareing [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rzidIvsqrHw](EXCLUSIVE) Illinois Tornadoes VIDEOS 17 Nov 2013 - 6 Killed As Damaging Storms Hit US Midwest - YouTube[/ame]

(EXCLUSIVE) Killer Illinois Tornadoes VIDEOS 17 Nov 2013 - 6 Dead As Damaging Storms Hit US Midwest
YouTube
Several tornadoes ripped through parts of northern and central Illinois late Sun...

Trisha Wareing [ame=http://www.youtube.com/watch?v=bCQ6beyqOY8]BBC News - US tornadoes: 'Serious storm system' hits Midwest - YouTube[/ame]

BBC News - US tornadoes: 'Serious storm system' hits Midwest
YouTube
Tornadoes have swept through the US Midwest, leaving widespread devastation in t...

 

ผมเป็นพุทธแต่นับถือและชื่นชมโป๊ปองค์ปัจจุบันมากครับ ท่านมีจริยวัตรที่น่าเคารพมาก

 

ก้องภพ อยู่เย็น

วันที่ 17 พฤศจิกายน เวลา 9:09 UT เกิดปฏิกริยาที่ดวงอาทิตย์ทางทิศใต้ ด้านเดียวกับโลกทางทิศตะวันตก แต่ไม่ตรงกับโลก โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดในช่วงที่ปริมาณจุดดับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบปีต่อเนื่องจากวันที่ 14 พฤศจิกายน จากโมเดลพบว่าคลื่นพลังงานจากดวงอาทิตย์จะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลกในวันที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 0 UT +/- 7 ชั่วโมง

และในวันที่ 15 พฤศจิกายน เวลา 8:44 UT ที่ผ่านมา เกิดปฏิกริยาที่ดวงอาทิตย์ขนาดรุนแรงขนาดน้อยกว่าทางทิศตะวันตก ไม่ตรงกับโลก ซึ่งพลังงานจะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลกในวันที่ 19 พฤศจิกายน เวลา 12 UT +/- 10 ชั่วโมง

ท่านที่สนใจสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติบนโลกที่จะสัมพันธ์กันได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมของเหตุการณ์ครั้งนี้มีดังนี้

- ปริมาณดัชนีจุดดับบนดวงอาทิตย์ ESA Daily Sun Spot Number

- โมเดลการแพร่กระจายของพลังงานจากดวงอาทิตย์ในวันที่ 17 พฤศจิกายน http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov:8080/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=596725094

- โมเดลการแพร่กระจายของพลังงานจากดวงอาทิตย์ในวันที่ 15 พฤศจิกายน http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov:8080/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=596005405

- ภาพถ่ายดาวเทียมของดวงอาทิตย์มุมกว้างวันที่ 17 พฤศจิกายน โดยโลกอยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/11/17/ahead_20131117_cor2_512.mpg

 

ก้องภพ อยู่เย็น

วันที่ 17 พฤศจิกายน เวลา 9:09 UT เกิดปฏิกริยาที่ดวงอาทิตย์ทางทิศใต้ ด้านเดียวกับโลกทางทิศตะวันตก แต่ไม่ตรงกับโลก โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดในช่วงที่ปริมาณจุดดับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบปีต่อเนื่องจากวันที่ 14 พฤศจิกายน จากโมเดลพบว่าคลื่นพลังงานจากดวงอาทิตย์จะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลกในวันที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 0 UT +/- 7 ชั่วโมง

และในวันที่ 15 พฤศจิกายน เวลา 8:44 UT ที่ผ่านมา เกิดปฏิกริยาที่ดวงอาทิตย์ขนาดรุนแรงขนาดน้อยกว่าทางทิศตะวันตก ไม่ตรงกับโลก ซึ่งพลังงานจะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลกในวันที่ 19 พฤศจิกายน เวลา 12 UT +/- 10 ชั่วโมง

ท่านที่สนใจสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติบนโลกที่จะสัมพันธ์กันได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมของเหตุการณ์ครั้งนี้มีดังนี้

- ปริมาณดัชนีจุดดับบนดวงอาทิตย์ ESA Daily Sun Spot Number

- โมเดลการแพร่กระจายของพลังงานจากดวงอาทิตย์ในวันที่ 17 พฤศจิกายน http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov:8080/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=596725094

- โมเดลการแพร่กระจายของพลังงานจากดวงอาทิตย์ในวันที่ 15 พฤศจิกายน http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov:8080/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=596005405

- ภาพถ่ายดาวเทียมของดวงอาทิตย์มุมกว้างวันที่ 17 พฤศจิกายน โดยโลกอยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/11/17/ahead_20131117_cor2_512.mpg

 

Space Weather Trackers
Good morning all!



ต่อไปนี้เป็นการศึกษาวัฎจักรสุริยะและคุณลักษณัต่างๆ ระหว่างช่วงสูงสุดและช่วงต่ำสุดของดวงอาทิตยฺ
This is an educational post regarding our sun's solar cycle and characteristic attributes during solar maximums and minimums.

จากภาพที่แนบประกอบด้วย 3 ชาร์ตซึ่งแสดงความเข้มของสนามแม่เหล็กของขั้วต่างๆ ของดวงอาทิตย์ย้อนหลังกลับไปปี คศ 1976
(ซึ่งประกอบด้วยวัฎจักรสุริยะุึง 3 วัฎจักร ซึ่งรวมวัฎจักรที่ 24 นี้ด้วย ลองอ่านดูน่ะครับเขามีการพูดว่าขั้วสนามแม่เหล็กเหนือทางภูมิศาสตร์เป็นขั้วแม่เหล็กลบ ส่วนขัเวแม่เหล็กใต้ทางภูมิศาสตร์เป็นขั้วแม่เหล็กบวกน่ะครับ
ไม่ใช่การสลับขั้วสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งผู้อธิบายว่าหลักฐานยืนบันคือค่า Bz เบี่ยงใต้เป็นตัวเปิดให้แานุภาพจากภายนอกเข้ามายังโลกได้ครับ

The attached picture is a three part chart which shows the magnetic field strength of the sun's individual poles from as far back as 1976, covering 3 full solar cycles plus our current one, which is now about half way over.

The charts are:

Top portion: Both the northern (blue line) and southern (red line) polar field strengths, with the southern polarity flipped so they align on the graph, as well as an average field strength (black line).

Middle portion: The northern hemisphere's polar magnetic field strength (identical to the blue line in the top chart)

Bottom portion: The southern hemisphere's polar magnetic field strength (a mirror of the red line in the top chart)

The x-axis portion of the charts represent three years per tick mark, and the y-axis represents the magnetic field strength from +/- 2 Gauss.
Note: A Gauss is a convenient unit for measuring magnetic field strengths on the sun where 1 G = 100,000 nT.

The primary cause for posting this today is due to seeing this article from Fox News: (Sun's magnetic field will flip soon | Fox News)

The flipping of the sun's magnetic poles has long been talked about for the past year as the signal for the peak of the cycle, also called solar maximum, where the polarity of each of the sun's hemispheres will switch to the opposite polarity.

This can be seen in the top chart when the black line crosses over the 0 Gauss (middle horizontal) line which then represents the average magnetic field of the sun has gone to zero, typically signaling the peak of solar max, and from this point begins its switch to opposite polarities.

It is also known that the hemispheres can lag behind each other, a perfect example being the past two years of solar activity.

Back in late 2011/early 2012, a majority of the sunspot activity was taking place in the northern hemisphere, where as now we have all our activity taking place in the southern hemisphere.

It was also mentioned, and can be seen in the middle chart, the northern hemisphere had already gone to zero and swapped polarity long before the southern hemisphere did, which just recently occurred, as seen in the bottom chart.

So when looking back at the top chart of the sun's average magnetic field (black line), you can see that it has already crossed the zero line recently implying that the sun's poles have indeed swapped polarity and we are now on the downhill slope towards the end of cycle 24.

To say the poles will flip soon, as mentioned in the fox article, is incorrect as they already have.

Solar minimum can be seen as the period of time, on the top chart, that the black line reaches its highest (or lowest) point and signals the beginning of a new cycle when the black line heads towards zero again.

The maximum value that the average magnetic field strength (black line) reaches during solar minimum also sets a sort of limit on the strength of the solar maximum that follows.

For example, looking at solar cycle 23, the hemispheres started the cycle with an average field strength of about 1 Gauss, and was a particularly strong solar cycle, producing the sunspot regions that erupted with some of the strongest flares on record.

Looking at our current cycle, solar cycle 24, the average field strength reached around .5 Gauss. Its then clear to see why this solar maximum has been so weak and quiet compared to the previous cycle as there is much less strength to the magnetic field to cause the larger and more powerful sunspots that the previous cycle formed.

And that is your lesson regarding the sun's magnetic cycle for today!

Please feel free to ask any questions in the comments below.


Ásmegin Drekki
One question's bugging a lot:
If the magnetic poles of the Sun flip, so magnetic north will become magnetic south and vice versa.
My point is : in that case, will the IMF reverse too?
Since Earth is "North polarized", each time Bz go south, a "door" open allowing solar wind mainly to easily reach the Earth and create geomagnetic storm.
SO if the Sun flip Poles, and Earth not, then we'll have constantly Bz South now in the north in our face...so we,ll have constant storming?
I know that's not the case, and obviously I'm missing a point, can you help me understand?

Space Weather Trackers
Ásmegin Drekki You've almost completely got it, the key here is understanding that, yes, the IMF will reverse completely, however the magnetic field of the Earth will remain the same in terms of always pointing north.

Currently our magnetic north pole is in the south, so field lines will point away from the south and up towards the northern polar region.

So yes, the IMF will change and reverse, but this will not change the mechanics of how magnetic reconnection works with the Earth's global field. Because our field points north, a southern Bz is still needed to open the door, regardless of which polarity from the sun it comes from.

Remember the IMF spends nearly equal time in positive polarities as it does negative polarities. So the sun's polarity swap will only swap which orientation (positive/away or negative/towards) the IMF has.

Now if the EARTH'S magnetic field were to swap polarities, then yes we would have a completely different ball game and we would then need a northern Bz to counteract the southern pointing field of Earth to open the door.

Though the Earth's field does not flip polarity often, on average every 450,000 years or so, so that isn't anything we'll have to worry about.


Ásmegin Drekki
You lost me at "Currently our magnetic north pole is in the south,",
lollll
Thanks for the answer anyway, seems to make sense, but I'll figure it out later, kind of busy here right now

Alex Lydeen
Trying to understand it all... so now that the polarities fliped we will enter a calmer less active sun meaning less Auroras or is it the other way around is this something of great significance? Any way to sum it up for a rookie!?!

Space Weather Trackers
Ásmegin Drekki You're fine! That is a sign of me needing to explain things better.

Simply put, if you have a regular bar magnet, it has a positive pole and a negative pole. (See here: http://images.tutorvista.com/conten...ectric-current/bar-magnet-magnetic-field.jpeg)
The field lines will always point from the positive pole, to the negative pole.

Now this doesn't mean that the north end will ALWAYS be positive and the south always negative. The north and south poles are only geographical points on Earth.

The magnetic poles, on the other hand, are instead referred to by their polarity, where a positive polarity means "north pole" and negative polarity means "south pole" so that way you can always say "Field lines always point from magnetic north poles to magnetic south poles."

So lets put this in better terms. The geographical north pole of the Earth is actually the NEGATIVE polarity magnetic pole, and the geographical south pole (Antarctica) is actually the POSITIVE magnetic pole. So when I say "Our magnetic north pole is in the south" (Which I admit, was a very bad choice of words) I really mean that Earth's magnetic field lines go from the south pole to the north pole as seen in this picture.

That is why you need a southern Bz to open the door, so that the south pointing IMF cancels part of Earth's north pointing field and allows that connection to be made.



Help at all?


Space Weather Trackers
Alex Your understanding of it is correct.
Though this doesn't necessarily mean the aurora sightings will stop.

If you remember the halloween storms of 2003, this occurred at a time that was very near to solar minimum and released some of the most powerful flares and geomagnetic storms on record.

So STATISTICALLY, yes the sun will gradually become less active, but that doesn't mean we won't see random periods of high activity.

Carl Gruber
We haven't seen the polarities in individual sunspots change yet, have we? When can we expect that to happen?

Space Weather Trackers
Carl I believe I finally got this straightened out in my head as well, so bear with me.

We've seen a few reversed sunspots this cycle, to my knowledge they're just referred to as reversed because they can't signal anything else.

In reference to the charts, the new cycle begins when the average magnetic field strength of the poles begins to head towards zero. This signifies that magnetic flux has begun to drift from the poles to the equator, and due the "Omega-alpha effect" (See: NASA/Marshall Solar Physics) this begins to create the new polarity sunspots at higher latitudes.

The first sunspot that is created at a high latitude with a reversed polarity from the previous cycle will signify the beginning of a new cycle, and this takes place after activity from the previous cycle has essentially stopped.

So in short, there can be some reversed spots during solar max and anytime around it, but the signaling of a new cycle in progress is when the new magnetic flux that spent all last cycle migrating to the poles begins to create sunspots.

So my estimates are around 2017-2018 we should start to see these types of spots formed.


Carl Gruber
Ah - thanks Christian! I've been struggling with that one.


Mal Jeavons
Thanks for explaining.

 

เกิดเปลวไฟสุริยะขนาด (Flare of class) X1.0. จากจุดดับ 1893 วันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 เริ่มต้นเวลา 17:14:00 สูงสุดเวลา 17:26:00 สิ้นสุดเวลา 17:34:00 น. เวลาประเทศไทยครับ มีCME. ด้วยครับแต่ทิศทางไม่ตรงมายังโลก

SolarHam.com





Attached is an updated image of the visible solar disk on Tuesday. Solar activity increased to high levels with an isolated X1.0 solar flare detected around sunspot 1893 at 10:26 UTC. A coronal mass ejection (CME) became visible in the latest STEREO Ahead COR2 imagery and appears to be directed mostly away from Earth. Both sunspots 1893 and 1900 are now beginning to rotate onto the west limb and will soon be out of direct Earth view. Also located in the southern hemisphere, sunspot 1897 continues to fade and is considered a diminishing threat for moderate solar flares. In the northern hemisphere, sunspot 1899 is a large alpha magnetic region and not a threat for strong solar flares at this time. There will remain a chance for isolated moderate solar flares, especially during the next 24 hours while 1893 remains in view.

Stay tuned to www.solarham.com for the latest information regarding solar flares, sunspots and everything else space weather related.

The SolarHam Sunspot Map for November 19th has been updated.
SolarHam.com - Sunspot Map

 

Kaokala Fc



...พายุทอร์นาโดที่ได้ชื่อว่า "ใหญ่และอันตรายมากที่สุด"...

ริช ธอมป์สัน หัวหน้าคณะอุตุนิยมวิทยาของศูนย์พยากรณ์พายุในนอร์แมน มลรัฐโอคลาโฮมา เผยได้รับรายงานทอร์นาโดถึง 80 ลูก ความเสียหายจากพายุลมแรง 358 แห่งและลูกเห็บขนาดใหญ่ 40 จุด

ระบบพายุเคลื่อนที่เร็วก่อให้เกิดทอร์นาโดรุนแรงหลายสิบลูก ซัดถล่มทั่วแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) ทำลายบ้านจำนวนมากและหอบรถยนต์ปลิวพลิกคว่ำทั้งในรัฐอิลลินอยส์ อินดีแอนาและเคนทักกี

 

Kaokala Fc ได้แชร์ ลิงก์
4 ชั่วโมงที่แล้ว ·
เผยคลิป นาทีบินรัสเซียดิ่งนรก ดับผู้โดยสาร-ลูกเรือ 50 ชีวิต (17พ.ย.)

นายจอห์น คอกซ์ ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยทางการบินซึ่งเคยบินเครื่องบินแบบเดียวกันมายาวนานถึง 15 ปี ชี้ว่า การตกในแนวดิ่งแสดงให้เห็นถึงภาวะที่เครื่องบิน "หยุดนิ่ง" นานมากจนหมดแรงพยุงใต้ปีกให้เครื่องลอยตัวอยู่ได้ ซึ่งถือเป็นภาวะผิดปกติอย่างยิ่ง

3 ประเด็นหลักคือ ปัญหาข้อบกพร่องเชิงเทคนิค, ความผิดพลาดของนักบิน และ ภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงกระทันหัน

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=vgGHrMJuxRs&feature=player_embedded]Raw: Surveillance Video Shows Russia Plane Crash - YouTube[/ame]

Raw: Surveillance Video Shows Russia Plane Crash - YouTube

Raw: Surveillance Video Shows Russia Plane Crash

 

ญี่ปุ่นเริ่มต้นภารกิจสุดเสี่ยง เคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤศจิกายน 2556 23:15 น.



เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นค่อยๆเคลื่อนถังบรรจุแท่งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขึ้นจากบ่อ

เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่นในวันจันทร์(18) เริ่มต้นเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ออกจากอาคารเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ภารกิจยากและเสี่ยงอันตรายที่สุดนับตั้งแต่สามารถควบคุมเตาปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ซึ่งได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งเลวร้ายได้สำเร็จเมื่อปี 2011

โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เท็ปโก) เผยว่าได้เริ่มกระบวนการเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงยูเรเนียมและพลูโตเนียมของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะออกจากบ่อเก็บของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ก้าวย่างที่ยากลำบาก แต่สำคัญอย่างยิ่งในแผนรื้อถอนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะยาวนานหลายทศวรรษ

ปฏฺิบัติการครั้งนี้มีขึ้นตามหลังข้อขัดข้องต่างๆนานาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อันจุดชนวนเสียงวิพาก์วิจารณ์เท็ปโก บริษัทผู้บริหารงานโรงไฟฟ้าต่อประสิทธิภาพในการจัดการกับวิกฤตที่ถูกยกเป็นอุบัตเหตุทางนิวเคลียร์ครั้งเลวร้ายที่สุดแห่งยุค

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญบอกว่ายังมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนมากกว่านี้ นั่นก็คือการรอให้เหล่าวิศวกรถอดแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของอีก 3 เตาที่หลอมละลายจนผิดรูป ซึ่งบางทีอาจต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ไม่มีอยู่ในปัจจุบันและยังไม่ได้ประดิษฐ์ขึ้นมา

แท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์กว่า 1,500 แท่ง จำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายออกจากบ่อจัดเก็บ หลังถูกเก็บไว้ในบ่อแห่งนี้นับตั้งแต่คลื่นสึนามิถาโถมเข้าถล่มโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะในเดือนมีนาคม 2011 โดยทางบริษัทจะใช้เครนขนาดใหญ่ค่อยๆเคลื่อนย้ายแท่งปฏิกรณ์นิวเคลียร์อย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ด้วยคาดหมายว่าการเคลื่อนแท่งเชื้อเพลิง 22 แท่งแรกอาจต้องใช้เวลานานถึง 2 วัน ดังนั้นจึงหมายความว่าเจ้าหน้าที่อาจต้องใช้เวลานานถึง 1 ปี กว่าจะเสร็จสิ้นการขนย้ายแท่งเชื้อเพลิงทั้่งหมด ที่มีน้ำหนักรวมกว่า 91 ตัน จากบ่อของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 ขึ้นสู่รถพ่วงและจากนั้นก็นำไปใส่ในบ่ออีกแห่งที่อยู่่ออกไป 100 เมตร

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากเกิดความผิดพลาดอาจจุดชนวนหายนะอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจส่งผลให้แผนรื้อถอนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ที่ยุ่งยากและยาวนานต้องล่าช้าออกไปอีก ขณะที่กรีนพีซ แสดงความกังวลว่า "บางทีเท็ปโก อาจไม่มีความสามารถเพียงพอสำหรับดำเนินปฏิบัติการที่เสี่ยงเช่นนี้"

แม้การเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เป็นงานที่ต้องปฏิบัติอยู่เป็นประจำ แต่จากภัยพิบัติทำให้คราวนี้เงื่อนไขต่างๆ แตกต่างออกไปจากปกติและเป็นเหตุให้มันมีความยุ่งยากซับซ้อนมากกว่า "มันเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เป็นส่วนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ของกระบวนการรื้อถอน แต่ภาครกิจนี้ก็อาจก่อความเสี่ยงครั้งใหญ่หลวง" ซิติเซ็นส นิวเคลียร์ อินฟอร์เมชัน เซ็นเตอร์ สถาบันจิวัยทางพลังงานอิสระบอก

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า กระบวนการเคลื่อนย้ายนี้ไม่อาจผิดพลาดได้แม้แต่น้อยนิด และต้องไม่ให้แท่งเชื้อเพลิงสัมผัสกับอากาศแล้วปล่อยกัมมันตภาพรังสี ต้องไม่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น จนอาจเกิดเป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่คงอยู่ได้เองอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ซึ่งเป็นเตาที่จะเคลื่อนย้านแท่งเชื้อเพลิงออกจากบ่อ ไม่ได้เปิดปฏิบัติการตอนที่เกิดภัยพิบัติ แต่มีไฮโดรเจนจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 3 รั่วเข้ามาในอาคารและเกิดระเบิด จนหลังคาฉีกขาด กระนั้นทาง เท็ปโก บอกว่าไม่พบความเสียหายอื่นๆ แต่ก็จะตรวจตราหาความผิดปกติต่างๆ อาทิ สนิม ต่อไป

แม้การเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงออกจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 จะง่ายกว่าเตาปฏิกรณ์อื่นๆที่หลอมละลายจนผิดรูป แต่ฮิโรชิ ทาซากะ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยทามะในกรุงโตเกียว บอกว่ากระบวนการนี้ยังคงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด "กัมมันตภาพรังสีระดับสูงที่ฟุ้งกระจายอยู่ภายในเตาปฏิกรณ์อื่นๆคือสิ่งที่จัดการยากที่สุด ขณะที่ทุกอย่างที่อยู่ภายในเตายุ่งเหยิงไปหมด" ที่ปรึกษาของรัฐบาลระบุ

ภารกิจที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะต้องผจญปัญหามากมายในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในนั้นอาทิน้ำปนเปื้อนรังสีรั่วไหลและไฟดับ อันมีต้นตอจากหนูเข้าไปทำลายแผงวงจรไฟฟ้าของระบบหล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จนเกิดภาวะลัดวงจร จนนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อเท็ปโกต่อการทำงานส่งเดชและขาดการประสานงาน โดยรัฐมนตรีรายหนึ่งในคณะรัฐบาลถึงกับตำหนิว่าเหมือนกับดูใครบางคนกำลังเล่นตีตัวตุ่นอยู่

 

พุฒิพงศ์ ก้อนวิมล



มีการเตือนให้โลก รับมือเผชิญ พายุสุริยะโจมตีครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว
วันนี้ 19 พ.ย.2013นักวิทยาศาสตร์ได้มีการเปิดเผยว่า ดวงอาทิตย์ได้มาถึงช่วงการเกิดปะทุครั้งใหญ่ในรอบ 11-12 ปีแล่วมัน กินพื้นที่ขนาดมหึมา โดยจะปล่อยรังสีทำลายล้าง เกิดพายุสุริยะครั้งใหญ่ที่จะโจมตี คลื่นและระบบไฟฟ้า รวมทั้งตลาดหุ้นต่างๆเกิดความปั่นป่วน สัญญาณการสื่อสารต่างๆจะล้มเหลวใช้การไม่ได้ โดยจะใช้ระยะเวลาในการเกิดนานถึง สัปดาห์หรือยาวนานที่สุดอาจนานนับเดือนเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ระบบดาวเทียมสื่อสาร ยังทำให้เครื่องบินไม่สามารถให้บริการบินได้ และทำให้หลายพื้นที่เกิดภาวะไฟฟ้าดับ เครื่อข่ายโทรศัพท์มีปัญหา สร้างความเสียหายแก่มนุษยชนอย่างมหาศาล และขอให้ประชาชนรับมือการเกิดการประทุของดวงอาทิตย์ในครั้งเลวร้ายนี้ด้วย

 

พุฒิพงศ์ ก้อนวิมล ▶ พิบัติภัยที่คนไทยต้องรู้




5 ชั่วโมงที่แล้ว
ด่วน อังกฤษถกเครียด หวั่น ‘ภัยวิกฤตพายุสุริยะรุนแรงมโหฬาร' ฉุดโลกทั้งใบเป็นอัมพาต

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2556ว่า อังกฤษได้แสดงความวิตกต่อกรณีปรากฎการณ์ ‘พายุสุริยะ' ครั้งใหญ่ร้ายแรงมโหฬารอาจจะเกิดขึ้นในปี 2013 ซึ่งจะฉุดให้โลกทั้งใบตกอยู่ในภาวะระส่ำเป็นอัมพาต นับตั้งแต่ระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสาร คมนาคมล่ม เครื่องบินไม่สามารถขึ้นบินได้ เกิดวิกฤตการแจกจ่ายอาหาร และระบบอินเตอร์เนททั่วโลกล่ม โดยปรากฎการณ์ดังกล่าวจะร้ายแรงอย่างแน่นอน เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นในปี 1859 ซึ่งครั้งนั้น พายุสุริยะได้ส่งผลกระทบอย่างหนักทั่วอเมริกาและยุโรป ทำให้สายโทรศัพท์ไหม้ทั่วทั้งทวีป

ขณะที่สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ดร.เลียม ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ สั่งการประชุมฉุกเฉิน เพื่อหาทางรับมือกับภัยวิกฤตดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีการระดมทีมนักวิทยาศาสตร์เพื่อร่วมกันวางแผนยุทธศาสตร์รับมือต่อวิกฤตนี้

รายงานระบุว่า ปรากฎการณ์พายุสุริยะขั้นรุนแรงจะเกิดขึ้น 1 ครั้งในรอบ 100 ปี ซึ่งหากเกิดขึ้นในยุคปัจจบัน เป็นที่คาดว่า ทำให้เกิดพายุหมอกควันปกคลุมในเมืองใหญ่ ๆ ของยุโรป เช่น กรุงลอนดอน,ปารีส และนิวยอร์ก และประเมินว่า มันจะมีอานุภาพเหมือนระเบิดนิวเคลียร์ระเบิดกลางอวกาศ อย่างไรก็ตาม พายุสุริยะครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 1989 เป็นพายุสุริยะระดับธรรมดา แต่ส่งผลให้เกิดภาวะไฟดับกระทบแคว้นควีเบค ของออสเตรเลีย