ประสบการณ์กรรมฐานเมตตาใหญ่-กรรมฐานกับดวงจิตวิสาขบูชา66น.91-ยันต์คนมนต์พระกาฬ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ransang, 6 มิถุนายน 2011.

  1. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    น้ำมนต์จันทร์เพ็ญ ที่ท่านอาจารย์ทำครับ

    เวียงนาคราช คณะทานบารมี

    วันเสาร์ ที่16 พฤศจิกายน 2556 ขึ้น 14 ค่ำ ทำพิธี"น้ำมนต์จันทร์เญ" วันดีตามที่ครูบาผู้เฒ่า(ลป.สนธิ์) วัดท่าดอกแก้ว จ.นครพนม ได้เมตตาประสิทธิ์ประสาทวิชาทางนิมิต ซึ่งนอกเหนือตำรา ในวันที่ผมและคณะไปทำพิธีต่อดวงชะตาครูบาอาจารย์ ที่วัดท่าดอกแก้ว กลางลำแม่น้ำโขง เมื่อปี 2554 วันเสาร์เป็น วันแรงและแข็ง วันแรมทำกลางวัน วันขึ้นทำกลางคืน กลับดวงชะตาพลิกร้ายให้กลายเป็นดี(ไม่ใช่กรรมหนัก) ......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    การฝึกอย่างไรให้ถูกทาง เรื่องนี้มันพูดกันยากมาก ๆ เพราะเส้นทางเดินมีมากมายตามที่แต่ละคนได้สะสมมาไม่มีสิ่งใดถูกที่สุดและไม่มีสิ่งใดผิดที่สุด เพียงแต่ว่าสิ่งที่ฝึกที่ทำนั้นจะทำให้เราใช้เวลามากหรือน้อยที่จะได้ผลที่ถูกต้องของมัน หลวงปู่และท่านอาจารย์นั้นคอยสอนและย้ำเตือนผมเสมอ ๆ สำหรับผมพูดตรง ๆ มันยากจริง ๆ ผลที่ถูกต้อง ณ เวลานี้อาจจะไม่ใช่ผลที่ถูกต้องของอดีตและอนาคต แต่ผลที่เกิดในปัจจุบันคือคือผลที่ถูกที่สุดจากผลที่เราทำมาจากอดีต ไม่ว่าผลนั้นจะร้ายหรือดีมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นของมัน

    การฝึกปฎิบัตินั้นเราคิดและเข้าใจกันตามครูบาอาจารย์มากมายหลายองค์ที่เมตตาสั่งสอนแนะนำเป็นคราว ๆ เท่าที่เข้าใจได้ เราอาจจะรับรู้และเข้าใจแนวทางที่ท่านสอนแค่เพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่ท่านทำและท่านได้มา พอเราทำตามท่านไปก็อาจจะเข้าใจบางอย่างคลาดเคลื่อนได้ เพราะจริง ๆ แล้วกว่าท่านจะได้ผลที่เลิศเลอที่สุดนั้นมาทั้งร่างกายจิตใจ หน้าที่การงาน หลาย ๆ อย่างที่ต้องแบกรับกว่าจะได้ผลที่เราเห็น เรารู้เราทราบ ไม่ใช่แค่เพียงวันหรือคืน แต่ครูบาอาจารย์เหล่านั้นต้องใช้เวลาเป็น ปี ๆ ลองผิด ลองถูก ผ่านการขัดเกลาจากครูบาอาจารย์ของท่านเองอย่างหนักหนา แต่เราเองกลับหารู้ไม่ นำเพียงถ้อยคำบางเสียว แนวทางบางส่วนมาจำมาตีความแล้วดุ่ม ๆ ทำไปแบบหาจุดหมายไม่ได้

    ผลก็คือ มันทำให้เราหลงและเสียเวลา จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เท่าที่ผมผ่านและเจอมา แม้แต่ตัวผมเองผลที่ได้คือติดอารมณ์ฌาณ นี่คือผลหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่ที่ไม่มีครูบาอาจารย์คอยแนะนำอย่างถูกต้อง (ขนาดผมมีท่านอาจารย์และหลวงปู่ยังไม่ค่อยได้เรื่องเลย)และผู้ปฏิบัติเอง ถ้าติดอารมณ์ฌาณมาก ๆ ผลค่อนข้างน่่ากลัวคือจะเข้ากับสังคมลำบากมาก ๆ เพราะจิตจะคิดไปในทางไม่ดีเสียไปหมกมุ่นเรื่องจิตวิญญาณ พลังงานที่ไม่ดีเสียส่วนใหญ่ ไม่สามารถแยกแยะรายละเอียดของเรื่องราวต่าง ๆ และความถูกผิดได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะเป็นผลเพียงบางส่วนจากหลาย ๆ ส่วนที่เกิดขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2013
  3. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    ผมเองก็ยังทำไม่ได้ถึงไหน เกิดอะไรขึ้นก็ถามท่านอาจารย์ลูกเดียว โดนดุบ้าง โดนบ่นบ้าง ไม่มีคำตอบบ้าง ก็ต้องทำใจ ดีกว่ารู้อะไรที่ผิด ๆ แล้วไปแนะไปบอกต่อก็จะพากันยุ่งไปใหญ่

    ผลจากการปฏิบัติที่เกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัติ เท่าที่แยกแยะมีอยู่ 4 เรื่องหลัก ๆ 1.เรื่องพลังงาน 2.เรื่องผ่านญาณ(ผ่านบารมีหรือทรง) 3.เรื่องภพภูมิ 4.ธรรมะข้อธรรมต่าง ๆ ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นก็มีทั้งใช่และไม่ใช่คละเคล้าปะปนกันไปจนแยกแยะได้ยาก หนำซ้ำยังมีความละเอียดในแต่ละเรื่องอีกมากมาย
     
  4. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    การฝึกปฏิบัตินั้นทุกคนสามารถทำได้จะมากหรือน้อยแตกต่างกันตามกำลังกายและกำลังใจ ผลที่ได้จะอย่างเช่นควาามสงบทางกาย วาจา ใจ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการฝึกฝน หากทำเรื่อย ๆ สม่ำเสมอ จนจิตเริ่มสว่าง เริ่มว่างจากการนึกคิด ก็จะสามารถเข้าถึงพลังงานเบื้องต้นได้ทีละเล็ก ละน้อย จนอาจสามารถสื่อสารหรือนิมิตหรือฝันสื่อกับจิตวิญญาณได้ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ควรไปยึดติดเพราะจะว่าไปเป็นเพียงแค่รสชาติที่ผ่านเข้ามาในระหว่างการปฏิบัติเท่านั้น

    หากเราต่างพากันปฏิบัติกันเสียแต่ตอนนี้เราอาจจะทราบได้แม้ยังอยู่บนโลกนี้ว่า เมื่อเราตายจากโลกนี้ไปเราจะไปเกิดหรือจุติในที่ใด เป็นเรื่องจริงครับแต่อาจจะเชื่อได้ยาก มีตัวอย่างคือคนใกล้ตัวผม ภรรยานักบุญของผมครับ เธอเป็นคนเข้าวัดแต่เด็ก ๆ เป็นคนอีสานมักจะตระเวนทำบุญกับเพื่อ ๆ หรือตามใจไปเรื่อย ๆ จนปัจจุบันเป็นศิษย์สายวัดอินทร์บางขุนพรหม และวัดสังฆทาาน เป็นหลักมีเพื่อร่วมบุญมากมายมีกิจกรรมทำบุญเพียบครับบางทีงานใหญ่ ๆ จนแอบอิจฉาที่ไม่ได้ไป และเพื่อตัวเองก็พยายามไปถือศีล 8 นอนวัดทุกวันพระ 15 ค่ำ และวันพระก็ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่บังเอิญใจที่ห่วงและสงสารของผมมันอวดรู้ก็เลยถามใจว่า เขาทำบุญมากและพยายามขนาดนี้ แล้วภพภูมิที่เขาจะไปนั้นเป็นที่ใด ใจก็ตอบว่า จาตุม(เข้าเขตใกล้ดาวดึงส์) ผมก็ตกใจ ก็ลองถามถึงตัวเองบ้าง ก็ได้คำตอบเช่นกันแต่ขอข้ามไปก่อนนะครับ ซึ่งผมก็ได้ถามท่านอาจารย์และขอคำยืนยันอีกครั้ง ท่านอาจารย์ก็ให้คำตอบมาและอธิบายมาแล้วว่าเป็นไปได้

    หลังจากนั้นผมก็หาเวลาที่พอจะคุยกับเขาได้ และก็บอกถึงขอบเขตของบุญที่เขามีและให้เร่งภาวนาสะสมบุญให้มาก เพื่อที่จะเข้าข่ายถึงดาวดึงส์ให้ได้ แต่คุณเธอก็ประมาณว่าเถียงอย่างมาก ก็ด้วยความไม่เชื่อและสงสัย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่อยากจะบอกให้รีบทำพยายามทำจะได้อยู่ข้างบนนาน ๆ

    ในเรื่องนี้มีข้อคิดครับแต่ขอไม่พูดต่อแล้วกัน มันจะเข้าตัวเองเยอะไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2013
  5. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    และอีกเรื่อง ผมบังเอิญได้พบคุณยายคนหนึ่งก็แก่มากแล้วจากการเดินทางไปกับภรรยา คุณยายคนนี้สามารถรับรู้ถึงพลังงานของวัตถุมงคลได้ ในลักษณะขนลุกขนชัน ซึ่งก็เป็นเพราะแกพยายามทำบุญสร้างบุญตามที่แกเข้าใจ เท่าที่ดูแกก็ไม่ได้ฝึกอะไรหรือมีคนแนะนำอะไรมาก แกก็สวดมนต์นั่งสมาธิตามกำลัง แต่แกก็ได้ผลอย่างน่าชื่นใจ ผมเห็นแกจับเพชรพญานาคแล้วขนลุกขนชันก็ดูดีครับดูแกชื่นใจและมีศรัทธาในการปฏิบัติอย่างมาก นี่คือผลการปฏิบัติสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานใด ๆ นอกจากพยายามทำ

    สรุปคือให้พยายามทำครับ ทำ ๆ และพยายาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2013
  6. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    จากเรื่องเล่า 2 เรื่องด้านบนที่เล่ามา ผมมีหนังสือเล่มหนึ่งแนะนำให้ไปลองหาอ่านดูครับ เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และถ้าทำได้แม้มีชีวิตอยู่ก็สามารมารถกำหนดได้ว่าเราจะไปเกิดในจุดไหนต่อ แต่ถือว่าอ่านเอาพอเป็นพื้นฐานนะครับ

    หนังสือชื่อ เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ฉบับเกิดใหม่ในสวรรค์ มีเรื่องพื้นฐานของจิตใจที่น่าสนใจ เป็นการปูพื้นฐานของจิตใจได้อย่างดี ที่เหลือคือปฏิบัติเอาให้ได้ก็พอ เห็นมีขายที่ 7-11 นะครับ อาจจะยังไม่หมดหากไม่ถูกเก็บไปซะก่อน

    แต่เรื่องหนังสือหรือบทบัญญัติต่าง ๆ อย่ามาเอาอะไรกับผมนะครับผมไม่ได้อ่านอะไรมากเลย อาศัยก้มหน้าก้มตาทำลองผิดลองถูกมากกว่า(ผิดเสียส่วนใหญ่ 555) ควาามหมายหลาย ๆ อย่างก็ลืม ๆ เลือน ๆ บางอย่างก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ กะว่าจะมาตามอ่านตามเก็บข้อมูลทีหลังครับ แต่ตอนนีี้ขอทำให้ได้ดีกว่านี้ก่อนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2013
  7. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    โดยพื้นฐานแล้วจิตใจที่มุ่งมั่นนั้นสำคัญ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างที่จะตามมา แม้ไม่มีอะไรก็ทำให้มีได้ แม้ไม่ได้อะไรก็ทำให้ได้มาได้ แต่สุดท้ายแล้วความว่างเป็นสิ่งที่เลิศที่สุดเพราะไม่ต้องยึดอะไร ร่างกาย จิตใจ ตัวตนเพราะเดี๋ยวมันก็ไปจากโลกนี้แล้ว

    หลักการพื้นฐานของการไปสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ตามคำสั่งสอนโบราณ ที่ได้บันทึกกันมา

    ทางไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ในทานสูตรว่า...

    "ถ้าผู้ใดให้ทานโดยหวังผลบุญจากการให้ทาน เมื่อตายไปจะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา"

    "ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทานมีจิตผู้พันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน
    มุ่งการสั่งสมทาน ให้ทาน ด้วยคิดว่า เราตายไปแล้วจักได้เสวยผลแห่งทานนี้ เขาผู้นั้น เมื่อตายไป
    ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมหาราช"


    ทางไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


    สร้างเสบียงไว้นำทางคือ บุญกุศล พยายามทำตนให้เป็นคนดีมีศีลธรรม
    ห้ามตนไม่ให้ทำกรรมอันหยาบช้าลามก อย่าให้บังเกิดความสกปรกแห่งกาย วาจา ใจ
    ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า...

    "ถ้าผู้ใดทำทานโดยไม่หวังผลบุญของการทำทาน แต่ทำทานโดยคิดว่า การทำทานนั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม เมื่อตายลงย่อไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์"

    "ดูกร สารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน
    ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า ตายไปแล้ว เราจักได้เสวยผลทานนี้ แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า การให้ทาน
    เป็นการกระทำที่ดี เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำการกิริยาตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลายในชั้นดาวดึงส์สวรรค์"


    ทางไปสวรรค์ชั้นยามา


    ต้องพยายามสร้างบุญ ต้องเป็นผู้หนักแน่นในการบำเพ็ญบุญ
    ในทานสูตร กล่าวไว้ว่า...
    "ถ้าผู้ใดทำทานโดยไม่คิดว่าเป็นการทำดี แต่คิดว่าบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ได้เคยทำบุญทำทานมาโดยตลอด เราก็ควรได้ทำตามประเพณีที่ท่านเคยทำมา
    ถ้าผู้นั้นให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำกาลกิริยาตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเหล่าเทวดาทั้งหลายในสวรรค์ชั้นยามา"

    "ดูกร เธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
    กระทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลประมาณยิ่ง แต่ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย
    เมื่อถึงกาลกิริยาตายไปแล้ว เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นยามา"


    ทางไปสวรรค์ชั้นดุสิต

    ต้องอุตส่าห์พยายามสร้างบุญกุศล ชอบสดับตรับฟังพระธรรมเทศนา เพื่ออบรมปัญญาให้เจริญผ่องใส ไม่หวั่นไหวโยกคลอน ในการประกอบกุศล ไม่เป็นผู้มัวเมาประมาทในวัยและชีวิตของตน เร่งสร้างกุศล เช่น บำเพ็ญทาน และรักษาศีลเป็นนิตย์

    ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า...
    "ผู้ใดให้ทานโดยไม่คิดว่าทำตามบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เคยทำมาจนเป็นประเพณี
    แต่ให้ทานโดยคิดว่าเราหุงหากิน สมณพราหมณ์เหล่านั้นไม่ได้หุงหากิน ถ้าเราไม่ให้ทาน
    ก็เป็นสิ่งไม่ควรอย่างยิ่ง เมื่อเขาตายลง ก็ย่อมไปบังเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นดุสิต"


    ทางไปสวรรค์ชั้นนิมมานรดี

    ผู้ที่จำอุบัติในสวรรค์ชั้นนี้ ต้องเพียรบริจาคทานเป็นอันมาก อย่างเสมอต้นเสมอปลาย จิตใจบริสุทธิ์ รักษาศีลไม่ขาดตกบกพร่อง ต้องอุตส่าห์ก่อสร้างกองบุญกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ให้สกปรกลามกมีมลทิน พยายามรักษาศีลไม่ให้ขาด มีใจสมบูรณ์ด้วยศีล ผลวิบากแห่งทาน และศีลอันสูงส่งเท่านั้น จึงจะบันดาลให้ไปอุบัติเกิดในสวรรค์ชั้นนี้ได้

    ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า...
    "ผู้ใดทำทานโดยไม่คิดว่าเราหุงหากิน แต่สมณพราหมณ์เหล่านั้น ไม่ได้หุงหากิน
    เราจะไม่ให้ทานก็ไม่บังควรอย่างยิ่ง แต่ได้คิดว่าเราจะให้ทานเหมือนอย่างฤาษีทั้งหลาย
    ที่ได้กระทำมาในอดีต เมื่อตายลงย่อมไปบังเกิดเป็นเทวดา ในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี"


    ทางไปสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี

    ผู้ที่จะมาอุบัติในสวรรค์ชั้นนี้ ต้องอุตส่าห์ก่อสร้างกองการกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจให้สูงส่งด้วยคุณธรรม เมื่อจะให้ทานรักษาศีล ก็ต้องบำเพ็ญอย่างจริงจัง
    ด้วยศรัทธาอย่างยิ่งยวดและถูกต้อง และผลวิบากแห่งทานและศีลอันสูงยิ่งเท่านั้น จึงจะบันดาลให้ไปอุบัติสวรรค์ชั้นนี้ได้

    ในทานสูตรกล่าวไว้ว่า...
    "ผู้ใดทำทาน โดยไม่ได้คิดว่าทำทานตามฤาษีในอดีตที่เคยทำมา แต่คิดว่าทำทาน
    เพื่อให้จิตเกิดความปลาบปลื้มปิติในบุญที่ทำ เมื่อตายลง ย่อมไปเกิดเป็นเทวดา
    ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2013
  8. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    พรหมโลก 16 ชั้น

    ๑. พรหมปาริสัชชาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๑ พรหมปาริสัชชาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ผู้เป็นบริษัทท้าวมหาพรหมซึ่งสถิตย์อยู่ชั้นมหาพรหมาภูมิ เป็นพรหมโลกชั้นแรกคือชั้นต่ำที่สุด แต่ก็ตั้งอยู่เบื้องบน สูงกว่าปรนิมมิตวสวัตตีสวรรค์ขึ้นไปถึงห้าล้านห้าแสน แปดพันโยชน์ นับว่าไกลจากมนุษยโลกนักหนา ไม่สามารถ นับได้

    พระพรหมแต่ละองค์ ณ พรหมพิมานแห่งตนในที่นี้ล้วนแต่ มีคุณวิเศษ โดยเคยเจริญสมถกรรมฐานจนได้บรรลุ ปฐมฌาน อย่างสามัญมาแล้วทั้งสิ้น เสวยปณีตสุขอยู่ มีความเป็นอยู่อย่างแสนจะสุขนักหนา ตราบจนหมด พรหมายุขัย

    ๒. พรหมปุโรหิตาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๒ พรหมปุโรหิตาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้ทรงฐานะประเสริฐ คือเป็นปุโรหิตของท่าน มหาพรหม

    ความเป็นอยู่ทุกอย่างล้ำเลิศวิเศษกว่าพรหมโลกชั้นแรก รัศมีก็รุ่งเรืองกว่า รูปทรงร่างกายใหญ่กว่า สวยงามกว่า ทุกท่านล้วนมีคุณวิเศษ ได้เคยเจริญสมถกรรมฐานจนได้ บรรลุ ปฐมฌาน ขั้นมัชฌิมะ คือขั้นปานกลาง มาแล้วทั้งสิ้น

    ๓. มหาพรหมาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๓ มหาพรหมาภูมิ = ที่อยู่แห่งท่านพระพรหม ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย มีความเป็นอยู่และรูปกายประเสริฐยิ่งขึ้น ไปอีก ได้เคยเจริญสมถกรรมฐานจนได้บรรลุปฐมฌานขั้น ปณีตะคือขั้นประณีตสูงสุดมาแล้วทั้งสิ้น

    พรหมโลก ๓ ชั้นแรกนี้ ตั้งอยู่ ณ ระดับพื้นที่ระดับเดียวกัน
    แต่แยกเป็น ๓ เขต

    ๔. ปริตตาภาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๔ ปริตตาภาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้มีรัศมีน้อยกว่าพระพรหมที่มีศักดิ์สูงกว่าตน ล้วนมีคุณวิเศษ โดยได้เจริญภาวนากรรมบำเพ็ญ สมถกรรมฐาน จนได้บรรลุ ทุติยฌาน ขั้นปริตตะ คือ ขั้นสามัญมาแล้วทั้งสิ้น

    ๕. อัปปมาณาภาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๕ อัปปมาณาภาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้มีรัศมีรุ่งเรืองมากมายหาประมาณมิได้ ล้วนแต่ทรงคุณวิเศษ โดยได้เคยเจริญภาวนาการบำเพ็ญ สมถกรรมฐาน จนได้บรรลุ ทุติยฌาน ขั้นมัชฌิมะ คือขั้นปานกลางมาแล้วทั้งสิ้น

    ๖. อาภัสราภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๖ อาภัสสราภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้มีประกายรุ่งโรจน์แห่งรัศมีนานาแสง ล้วนมีคุณวิเศษ โดยได้เคยเจริญภาวนากรรมบำเพ็ญ สมถกรรมฐานจนได้บรรลุ ทุติยฌาน ขั้นปณีตะ คือ ประณีตสูงสุดมาแล้วทั้งสิ้น

    อนึ่งพรหมโลกชั้นที่ ๔ - ๖ นี้ทั้งสามชั้น ความจริงตั้งอยู่
    ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่เป็น ๓ เขต

    ๗. ปริตตสุภาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๗ ปริตตสุภาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลาย ผู้มีความสง่าสวยงามแห่งรัศมีเป็นส่วนน้อย คือน้อยกว่าพระพรหมในพรหมโลกที่สูงกว่าตนนั่นเอง ล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวิเศษ โดยได้เคยเจริญภาวนากรรม บำเพ็ญสมถกรรมฐานจนได้บรรลุ ตติยฌาน ขั้นปริตตะ คือขั้นสามัญมาแล้วทั้งสิ้น

    ๘. อัปปมาณสุภาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๘ อัปปมาณสุภาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลาย ผู้มีความสง่าสวยงามแห่งรัศมีมากมายไม่มี ประมาณ สง่าสวยงามแห่งรัศมีซึ่งซ่านออกจากกายตัว มากมายสุดประมาณ ล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวิเศษ โดยได้เคยเจริญภาวนากรรมบำเพ็ญสมถกรรมฐาน จนได้บรรลุ ตติยฌาน ขั้นมัชฌิมะ คือขั้นปานกลางมาแล้วทั้งสิ้น

    ๙. สุภกิณหาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๙ สุภกิณหาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลาย ผู้มีความสง่าสวยงามแห่งรัศมี ที่ออกสลับ ปะปนกันอยู่เสมอเป็นนิตย์ ทรงรัศมีนานาพรรณ เป็นที่น่าเพ่งพิศทัศนานักหนา ล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวิเศษ โดยได้เคยเจริญภาวนากรรมบำเพ็ญสมถกรรมฐาน จนได้บรรลุ ตติยฌาน ขั้นปณีตะ คือขั้นประณีตสูงสุดมาแล้วทั้งสิ้น

    พรหมโลกชั้นที่ ๗ ชั้นที่ ๘ และชั้นที่ ๙ นี้ ความจริงตั้งอยู่
    ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่เป็น ๓ เขต

    ๑๐. เวหัปผลาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๑๐ เวหัปผลาภูมิ = ที่อยู่ของพระพรหม ทั้งหลายผู้ได้รับผลแห่งฌานกุศลอย่างไพบูลย์

    อนึ่ง ผลแห่งฌานกุศล ที่ส่งให้ไปอุบัติเกิดในพรหมโลก ๙ ชั้นแรกนั้น ไม่เรียกว่ามีผลไพบูลย์เต็มที่ ทั้งนี้ก็โดยมี เหตุผลตามสภาพธรรมที่เป็นจริง ดังต่อไปนี้
    ก.
    เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยไฟ นั้น ๔ ชั้นแรก ก็ถูกทำลายไปด้วย
    ข.
    เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยน้ำ นั้น ๖ ชั้นแรก ก็ถูกทำลายไปด้วย
    ค.
    เมื่อคราวโลกถูกทำลายด้วยลม นั้น ทั้ง ๙ ชั้นแรก ก็ถูกทำลายไปด้วยไม่มีเหลือเลย

    ๑๑. อสัญญีสัตตาภูมิ

    พรหมโลกชั้นที่ ๑๑ อสัญญีสัตตาภูมิ = ที่อยู่ของ พระพรหมทั้งหลาย ผู้ไม่มีสัญญา พระพรหมไม่มีสัญญาทั้งหลาย ผู้อุบัติเกิดด้วยอำนาจ แห่งสัญญาวิราคภาวนาและสถิตย์อยู่ในพรหมโลกชั้นนี้ ย่อมมีแต่รูป ไม่มีนามคือจิตและเจตสิก เสวยสุขอัน ประณีตนักหนา ล้วนแต่มีคุณวิเศษยิ่งนัก โดย ได้เคยเจริญภาวนากรรมบำเพ็ญสมถกรรมฐาน จนได้สำเร็จ จตุตถฌาน อันเป็นรูปฌานขั้นสูงสุด มาแล้วทั้งสิ้น

    ทรงเพศเป็นพระพรหมผู้วิเศษ สถิตย์อยู่ในปราสาท แก้วพรหมวิมานอันมโหฬารกว้างขวางนักหนา มีบุปผชาติ ดอกไม้ประดับประดาเรียบเรียงเป็นระเบียบ ไม่รู้แห้งเ่ยว โรยรา โดยรอบ ผู้ที่ไปอุบัติเกิดในพรหมภูมิชั้นนี้ มี มากมายนักหนาจนนับไม่ถ้วน ล้วนแต่มีหน้าตาเนื้อตัว สวยสง่ามีอุปมากังรูปพระปฏิมากรพุทธรูปทองคำขัดสี ใหม่ งามซึ้งตรึงใจสุดพรรณนา แต่มีอิริยาบถไม่เหมือนกัน บางองค์นั่ง บางองค์นอน บางองค์ยืน มีอิริยาบถใดก็ เป็นอย่างนั้นตลอดไป ไม่เคลื่อนไม่ไหวติง จักษุทั้งสอง ก็มิได้กะพริบเลย สถิตย์เฉยเสวยสุขเป็นประดุจรูปปั้น อยู่อย่างนั้นชั่วกาลนานนักแล

    อนึ่ง เวหัปผลาภูมิและอสัญญีสัตตาภูมินี้ ความจริงตั้งอยู่ ณ พื้นที่ระดับเดียวกัน แต่แยกสถานที่กันอยู่ และมีระยะ ห่างไกลกันมาก

    สุทธาวาสภูมิ [พรหมชี้นนี้เป็นที่อยู่ของพระอนาคามี ต้องสดับรับฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นจึงจะมาที่นี่ได้ ดูคำอธิบายไว้ท้ายเรื่อง **]

    เป็นพรหมโลกอีกชนิดหนึ่ง ต่างจากทั้ง ๑๑ ชั้นแรก ภูมินี้ เป็นที่อยู่แห่งพระพรหมอริยบุคคลในบวรพุทธศาสนา ชั้นพระพรหมอนาคามีอริยบุคคล ผู้มีความบริสุทธิ์ เท่านั้น ส่วนท่านที่ทรงคุณวิเศษอื่นๆ แม้จะได้สำเร็จฌาน วิเศษเพียงใด ก็ไปอุบัติเกิดในสุทธาวาสภูมินี้ไม่ได้ อย่างเด็ดขาด สุทธาวาสภูมินี้มีอยู่ ๕ ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางอากาศ และตั้งอยู่เป็นชั้นๆ ขึ้นไป ตามลำดับภูมิ หาได้ตั้งอยู่ในระดับเดียวกันไม่

    ๑๒. อวิหาสุทธาวาสภูมิ

    สูงขึ้นไปจากอสัญญีสัตตาภูมิประมาณ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ อวิหาสุทธาวาสภูมิ = ภูมิอันเป็นที่อยู่อัน บริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามีอริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ไม่เสื่อมคลายในสมบัติของตน

    พระพรหมในพรหมโลกชั้นนี้ ย่อมไม่ละทิ้งสมบัติ กล่าวคือ สถานที่ของตนโดยเวลาเพียงเล็กน้อย เพราะว่าพระพรหม ที่อุบัติเกิดและสถิตย์อยู่ ณ ที่นี้ ท่านย่อมไม่จักจุติเสียก่อน จนกว่าจะสถิตย์อยู่นานถึงมีอายุครบกำหนด ซึ่งแปลก ออกไปจากพระพรหมในสุทธาวาสภูมิที่เหลืออยู่อีก ๔ ภูมิ คือพระพรหมในอีก ๔ สุทธาวาสภูมินั้นอาจไม่ได้อยู่ ครบกำหนดอายุก็มีการจุติหรือนิพพานเสียก่อน พระพรหมในอวิหาสุทธาวาสภูมินี้ แต่ละองค์นั้น ล้วนแต่ เป็นผู้มีวาสนาบารมี กิเลสธุลีเหลือติดอยู่ในจิตสันดาน น้อยนักหนา โดยได้เคยเป็นสาวกแห่งพระพุทธองค์ พบพระบวรพุทธศาสนาแล้วมีปกติเห็นภัยในวัฏสงสาร อุตสาหะจำเริญ วิปัสสนากรรมฐาน จนยังตติยมรรคให้ เกิดในขันธสันดานได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล มาแล้ว

    ๑๓. อตัปปาสุทธาวาสภูมิ

    สูงขึ้นไปต่อจากอวิหาสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณ ได้ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ อตัปปาสุทธาวาสภูมิ = ภูมิเป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ไม่มีความเดือดร้อน หมายความว่า ท่านเหล่านี้ย่อมไม่มีความเดือดร้อน ทั้งทางกาย วาจาและใจเลย ย่อมเข้าฌานสมาบัติ หรือผลสมาบัติอยู่เสมอ นิวรณธรรมซึ่งเป็นกิเลสอันทำให้ จิตเดือดร้อนไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นจิตใจของ ท่านเหล่านั้นจึงมีแต่สงบเยือกเย็น ท่านเหล่านี้เคยเป็น พระสาวกแห่งพระพุทธองค์ อุตสาหะจำเริญวิปัสสนา กรรมฐานจนสามารถยังตติยมรรคให้บังเกิดในขันธสันดาน ได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลและในขณะที่เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีวิริยินทรีย์ คือมี วิริยะแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น

    ๑๔. สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ

    สูงขึ้นไปต่อจากอตัปปาสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณ ได้ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ = ภูมิเป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้มีความแจ่มใส คือท่านเหล่านี้ ย่อมมีความเห็นอย่างชัดแจ้งแจ่มใส สามารถเห็น สภาวธรรมได้โดยแจ้งชัดเพราะเป็นพระพรหมที่บริบูรณ์ ด้วยประสาทจักษุ ทิพพจักษุ ธัมมจักษุและปัญญาจักษุ จึงเห็นสภาวธรรมได้แจ่มใส ชัดเจน จิตใจสงบเยือกเย็น ท่านเหล่านี้เคยเป็นพระสาวกแห่งพระพุทธองค์ อุตสาหะจำเริญวิปัสสนากรรมฐานจนสามารถยัง ตติยมรรคให้บังเกิดในขันธสันดาน ได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลและในขณะที่เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีสตินทรีย์ คือมี สติแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น

    ๑๕. สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ

    สูงขึ้นไปต่อจากสุทัสสาสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณ ได้ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ = ภูมิเป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้มีความเห็นอย่างแจ่มใสมากกว่า คือนอกจากธัมมจักษุที่มีกำลังเท่ากับพระพรหมในขั้น สุทัสสาสุทธาวาสภูมิแล้ว พระพรหมในสุทัสสีพรหมโลกนี้ ประสาทจักษุ ทิพพจักษุ ปัญญาจักษุ ทั้ง ๓ นี้มีกำลังแก่ กล้ากว่าพระพรหมในสุทัสสาสุทธาวาสภูมิ ทำให้ท่านมีความเห็นในสภาวธรรมได้ชัดเจนแจ่มใสยิ่ง ท่านเหล่านี้เคยเป็นพระสาวกแห่งพระพุทธองค์ อุตสาหะจำเริญวิปัสสนากรรมฐานจนสามารถยังตติยมรรค ให้บังเกิดในขันธสันดานได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล และในขณะที่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มี สมาธินทรีย์ คือมีสมาธิแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น

    ๑๖. อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ

    สูงขึ้นไปต่อจากสุทัสสีสุทธาวาสภูมิขึ้นไปอีกประมาณ ได้ ๕ ล้าน ๕ แสน ๘ พันโยชน์ อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ = ภูมิเป็นที่อยู่อันบริสุทธิ์แห่งพระพรหมอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ทรงคุณวิเศษโดยไม่มีความ เป็นรองกัน

    เบื้องอกนิฏฐสุทธาวาสพรหมโลกนี้ มีพระเจดีย์เจ้าองค์ สำคัญ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์แสดงว่าเป็นพรหมโลกที่ เคารพนับถือพระบวรพุทธศาสนาประดิษฐานอยู่ องค์หนึ่งมีนามว่า ทุสสะเจดีย์

    เหล่าพรหมทั้งปวงในที่นี้ ย่อมเป็นผู้ทรงคุณวิเศษโดย ไม่มีการเป็นรองกัน คือไม่ต่ำกว่ากันทั้งในด้านความ สุขและความรู้ ทั้งนี้เพราะทรงล้วนแต่เป็นผู้มีวาสนาบารมี ในจิตสันดานมีกิเลสธุลีเหลือติดอยู่น้อยนักหนา โดยท่านเหล่านี้เคยเป็นพระสาวกแห่งพระพุทธองค์ อุตสาหะจำเริญวิปัสสนากรรมฐานจนสามารถยัง ตติยมรรคให้บังเกิดในขันธสันดาน

    ได้สำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลและในขณะที่เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีปัญญินทรีย์ คือมี ปัญญาแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น

    ฉะนั้น ท่านพระพรหมอนาคามีบุคคลที่อุบัติเกิดใน อกนิฏฐพรหมโลกนี้ จึงมีคุณสมบัติวิเศษยิ่งกว่า บรรดาพระพรหมทั้งสิ้นในพรหมโลกทั้งหลายรวมทั้ง สุทธาวาสพรหมทั้งสี่ที่กล่าวมาแล้วด้วยก็เทียบไม่ได้

    พระพรหมอนาคามีทั้งหลายในสุทธาวาสพรหมแรกทั้ง ๔ หากยังมิได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์และดับขันธ์เข้าสู่ พระปรินิพพานแล้ว ครั้นสิ้นพรหมายุขัย ก็จำต้องจุติจาก สุทธาวาสพรหมโลกที่ตนสถิตอยู่มาอุบัติเกิดใน อกนิฏฐสุทธาวาสพรหมโลกนี้ เมื่อมาอุบัติเกิดในที่นี้แล้วย่อมจะ ไม่ไปอุบัติเกิดเป็นอะไรและในที่ใดภูมิใดอีกเลย เพราะ จะต้องได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์และดับขันธ์เข้าสู่ พระปรินิพพานอยู่ในพรหมโลกชั้นอกนิฏฐพรหมโลก นี่เอง

    จึงอาจกล่าวได้ว่า อกนิฏฐสุทธาวาสพรหมโลกนี้ เป็นพรหมโลกที่มีศีลคุณ สมาธิคุณ ปัญญาคุณ อยางประเสริฐล้ำเลิศยิ่งกว่าพรหมโลกชั้นอื่นๆ ทั้งหมด ด้วยประการฉะนี้

    พรหมโลกตั้งแต่ชั้นที่ ๑ ถึงชั้นที่ ๑๖
    เป็น รูปพรหม คือพรหมที่มีรูปแต่เป็นรูปทิพย์ มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถ มองเห็นได้ จักเห็นได้ก็โดยทิพยวิสัยเท่านั้น
     
  9. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    เมื่อวานกลับบ้านมีเรื่องน่าดีใจ 2 เรื่อง

    เรื่องแรก อาการป่วย ปวดหัวมาก เจ็บ คอ ไอ หายเกือบสนิท ทั้งที่ช่วงบ่ายยังปวดมาก ๆ อยู่เลย (หรือปวดตอนเจอหน้าภรรยาหว่า 5555)

    เรื่องที่ 2 ลูกคนเล็กเรียน ป5 ผลสอบเทอมแรกออกมาได้ที่ 4 เทอมที่แล้ว ได้ที่ 7 ดีใจครับ แต่ต้องเสียเงินซื้อของให้ด้วย 555 (หนังสือก็ไม่ค่อยอ่าน การบ้านก็ต้องเข็นให้ทำ แต่กิจกรรมเด่นพอตัว แต่สอบได้เลขตัวเดียวได้ไงหว่า)


    ลูกชายคนโตก็มีพรสวรรค์ด้านคอม ตอนสัก 4 ขวบ ผมต่อคอมด้วย HARDDISK 2 ตัว เวลาจะเล่นเกมต้องเปลี่ยนไปมา ผมทำการเปลี่ยนต่อหน้าเขาโดยเข้าไปใน BIOS แต่ไม่ได้สอนเพื่อให้เขาเล่นเกมส์ วันรุ่งขึ้นไปทำงานแต่จำได้ว่าคอมที่ทำไว้ไม่ใช่แบบที่เล่นเกมส์ได้ ถ้าจะเล่นต้องเปลี่ยนใน BIOS ถึงจะเล่น HARDDISK ที่มีเกมส์ได้ กลับมาถึงบ้านตอนเย็นเขานั่งเล่นเกมส์เฉย ถามว่าทำได้ไง เขาตอบว่า "ทำตามที่พ่อทำ" ผมยังจำได้ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ลูกชายเรียน ม 4 ผมก็มีสอนเทคนิคการแก้ปัญหาคอมเท่าที่มีประสบการณ์ผลที่ได้ก็ต้องถือว่าเขาหัวเร็วเก่งไปทางปฏิบัติมากกว่า

    ลูกชายเคยบวชเณรฤดูร้อน 3 ปีติดที่วัดสังฆทาน จนเกิดบุญตาเปล่าสามารถมองเห็นพลังชีวิตคนได้ (ผมได้สอบถามท่านอาจารย์แล้ว)

    มาเล่าเรื่องครอบครัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ
     
  10. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    ผลจากการปรับเปลี่ยนห้องพระค่อนข้างใหญ่หลวง 5555 เพราะห้องเล็ก ๆ ของครอบครัวก็ได้เท่านั้นครับ ตู้ไม่พอเก็บของต้องทะยอยปันของออกหรืออะไรที่เตรียมไว้ทำให้บูชาก็ต้องรีบทำให้เสร็จเพื่อให้มีพื้นที่ เพราะตอนนี้ของกองข้างนอกเพียบไม่รู้จะเก็บไว้ไหน

    จริง ๆ ได้ซุ่มเตรียมเบี้ยแก้ขนาดกระป๋องน้ำอัดลมไว้ชุดหนึ่งเข้าพิธีมามากแล้ว แต่เบี้ยชุดนี้สำหรับผม อลังการครับ ใส่จีวร ครูบาอาจารย์ไป หลายองค์ มีทั้ง หลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่ท่อน หลวงปู่เครื่อง หลวงปู่พวง หลวงปู่เมฆ หลวงปู่ หมุน หลวงปู่พิศดู หลวงปู่บุดดา หลวงปู่จ้อย สายสินจ์ในพิธีหล่อพระ ใส่ชนวนหล่อพระเข้าไปด้วย ใส่เหล็กไหลน้ำ ใส่ผงเหล็กน้ำพี้ ใส่ปรอทเข้าไปด้วยปิดด้วยผง อะไรที่ว่าดีใส่ได้ผมใส่หมด 5555 แต่วิธีการของผมคงจะแปลกกว่าคนอื่น แต่ก็น่าสนใจสำหรับผมเพราะคิดอยู่นาน ตั้งใจว่าจะปิดให้เสร็จพรุ่งนี้ช่วงค่ำ ๆ จะมาลงครับ ของทุกอย่างผ่านพิธีการมาก่อนแล้วศักดิ์สิทธิ์ในตัว ทั้งปรอทก็เข้าพิธีหล่อพระหลวงปู่ใหญ่ด้วย เบี้ยตัวใหญ่ก็เข้าพิธีมาประมาณ 5 ครั้งแช่น้ำมนต์อีก ขนาดเบี้ยก็ประมาณ ๆ กระป๋องน้ำอัดลมครับ

    ก่อนหน้านี้ผมเคยทำมาชุดหนึ่งประมาณ 13 ตัว แต่แจกครูบาอาจารย์และคนในคณะไปหมด หลายท่านว่าทำน้ำมนต์ดี ท่านอาจารย์ว่ามีเทวดาท่านคุมอยู่ และพลังงานที่แผ่ออกมาคลอบคลุมบ้านหลังใหญ่ ๆ ได้หลังหนึ่งหรือประมาณ 5-7 เมตรในการหวังผล แต่รัสมีแผ่แบบกว้าง ๆ ได้ไกลเต็มที่กว่านั้นครับ


    ตอนนี้มานึกได้ว่าจะใส่ของหลวงพ่อเกษมเข้าไปด้วยต้องไปหาก่อนครับว่ามีอะไร น่าจะเป็นก้านธูปของหลวงพ่อ

    ช่วงนี้ผมพยายามช่วยท่านอาจารย์ระดมทุนเพื่อต่อเติมศาลาและสร้างเจดีย์ที่เวียงนาคราชอยู่ครับ เพราะตอนนี้ต้องเริ่มงานให้มาก ๆ ขึ้น ท่านอาจารย์ว่า อาจจะเริ่มทำส่วนของเจดีย์บางส่วนก่อนด้วยนอกเหนือจากศาลา อาจจะเป็นยอดเจดีย์ที่ต้องสั่งกลึง หรืออื่าน ๆ ก็ต้องคอยติดตามงานบุญครับ
     
  11. อนาคินร์

    อนาคินร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +1,437
    เรื่องราวต่างๆที่ท่านเจ้าบ้านนำมาบอกมาเล่าล้วนเป้นความรู้และน่าสนจัยเป้นอย่างมาก
    เรื่องราวของหลงปู่ใหญ่ผมเองสนใจติดตามมาตั้งแต่ปฐมจนมัธยมสุดท้ายจนถึงปัจจุบัน
    เคารพท่านมาก...โดยที่บางครั้งใจนึกสับสนว่าองค์ท่านมีตัวตนอยู่จริงๆหรือเปล่า ร้อยคนเล่าก้ร้อยเรื่องที่กล่าวอ้าง! เรื่องราวของปู่จึงดูเหมือนเป้นสิ่งลี้ลับลึกลับ..ยากนักที่คนธรรมดาทั่วๆไปจะเข้าถึงองค์ท่าน! แต่ก้มีหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้ผมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบารมีของหลวงปู่ท่านและตัวตนขององค์ท่านนั้นมีอยู่จริง! ล่าสุดผมป่วยหนักมากที่สุดในชีวิตเรียกได้ว่าความเป้นกับความตายอยู่ใกล้กันเพียงเส้นยาแดงเหมือนเส้นใยแมงมุมกั้นกลางบางเท่านั้น...หากแต่ในความโชคร้ายและที่สุดของชีวิตก้ยังมีความเมตตาสงสารของหลวงปู่ท่านแผ่มาให้อย่างไม่คิดฝัน! พี่พยาบาลที่โรงพยาบาลซึ่งรู้จักกันกับพี่ชายโดยส่วนตัวแต่ไม่รู้จักกันกับผม..ได้มาเยี่ยมไข้พร้อมทั้งนำรูปหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรมาให้พร้อมบทสวด ผมเองเห้นแล้วก้นึกดีใจแต่ที่สุดของที่สุดแล้วของความตื้นตันใจก้คือพี่เค้ายอมถอดสร้อยพระที่ห้อยคอมอบให้ผม "พระที่ว่าคือเหรียญทองแดงรูปหลวงปู่โลกอุดร" ด้านหลังเป็นรูปองค์พระพุทธเจ้าแต่ผมจำชื่อองค์พระท่านไม่ผิดน่าจะชื่อว่า"พระศากยมุนีพุทธ" รูปทรงคล้ายกันกับเหรียญของวัดสระมณฑล จ.พระนครศรีอยุทธยา...มาก...หากต่างกันตรงที่ดอกไม้ที่มีตรงข้างๆหลวงปู่ท่านของผมดอกจะมีหลายชั้น..หากแต่ของวัดสระมณฑลจะมีแค่ชั้นเดียวสามดอกเท่านั้น!!
    ผมเห้นแล้วร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุดเลย ร้องแบบไม่อายใครในห้องเลยมันเป้นความรู้สึกที่เรียกว่าได้ว่าเราเจอญาติผู้ใหญ่มาเยี่ยมเยียนเรา...ท่านไม่ทิ้งเรา..!! มันตื้นตันใจเป้นที่สุดของหัวใจเลยทีเดียวเพราะในนาทีแห่งความเป้นความตายในขณะนั้นเรารู้สึกว่าโดดเดียว เราถูกทอดทิ้ง! หลวงปู่ หลวงพ่อที่เราเคารพหนักหนาเหตุใดท่านไม่คุ้มครองเรามั้งเลย(อารมณ์น้อยใจ..ถึงจะรู้ว่าที่สุดเรื่องของกรรม!นั้นบางครั้งพระท่านก้ต้องปล่อยวางกรรมบางอย่างก้ก้าวล่วงกันไม่ได้! อีกอย่างท่านคงให้เราได้รับผลนั้นบ้างเพื่อเรียนรู้และอดทน" ) ที่สุดแล้วผมดีใจมากพี่พยาบาลบอกว่าอย่าร้องไห้นิ่งซะรู้แล้วๆๆนิ่งซะ!! ฟังๆเหมือนพี่เค้าจะรู้ความในใจผมแต่ก้เป้นเพียงแค่ความคาดเดาของผมเองเท่านั้น...มาทราบตอนหลังจากพี่ชายว่าพี่เค้าเป้นคนใจบุญชอบปฏิบัติธรรมมาก ที่สำคัญเคารพหลวงปู่มากเช่นกัน...ระหว่างที่นอนป่วยพี่เค้าก้แวะเวียนมาเยี่ยมตลอดคอยหาของที่เราชอบมาให้ทานบ่อยครั้ง! ผมนึกในใจโอ้หนอ!!บุญของเราแท้ๆที่พบเจอคนแบบนี้!! และนับตั้งแต่ได้เหรียญหลวงปู่มาทุกอย่างมันเหมือนง่ายดายไปเสียหมดทุกอย่าง พยาบาลรวมทั้งหมอที่มาดูแลต่างให้ความเอื้อเอ็นดูต่อผมมากพอดู จากที่ครั้งแรกเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจเราสักเท่าไหร่..น่าแปลกแต่ก้เป้นเรื่องจริงที่สัมผัสได้...และที่แปลกยิ่งกว่าคือเรื่องของอาหารการกินผมได้มาแบบเรียกได้ว่าไม่น่าจะได้กินได้ทานก้ได้ทาน บางวันนอนภานานึกภาพหลวงปู่ไปด้วยจนจิตนิ่งบ้างไม่นิ่งบ้างผลออกมาคือวันนั้นจะได้ทานของอร่อยๆไม่อย่างใดก้อย่างหนึ่งไม่เคยพลาด! ลองจนแน่ใจหลายต่อหลายครั้ง..ที่สุดลงใจเชื่อจนสุดหัวใจจริงๆ .....
    สุดท้ายต้องขอบคุณท่านเจ้าบ้านที่กรุณานำเรื่องราวดีๆในแง่มุมของหลวงปู่ท่านมาให้ได้อ่านได้ศรัทธาและศึกษาเป็นความรู้...ขอบคุณคับ!!
     
  12. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714

    ขอแสดงความยินดีที่ผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มาได้ครับ

    หลวงปู่ท่านรู้ท่านทราบทุกอย่างครับ บางทีก็ต้องผ่านไปตามวาระ และผมเชื่อว่าหลวงปู่ท่านจะไม่ทอดทิ้งคุณเช่นกันครับ
     
  13. อนาคินร์

    อนาคินร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +1,437
    ขอบคุณคับ...ผมเองก้หวังใจไว้อย่างนั้น...กลัวมากกลัวหลวงปู่จะทอดทิ้ง
    หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมา..มันทำให้ผมกลัวมากกลัวกับการจะสูญเสียปู่ไป..หรือกลัวว่าปู่จะไม่เอื้อเอ็นดูอีก...ทุกวันนี้เหรียญที่ได้มาจะพกติดตัวตลอด
    ก่อนนอนก้จะต้องอาราธนาและกำไว้จนใกล้จะหลับถึงเอาใส่ไว้ใต้หมอน..บางทีเผลอหลับไปก่อนตื่นมามือก้ยังกำท่านไว้...มันอุ่นใจจริงๆนะคับ
     
  14. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,321
    ค่าพลัง:
    +13,243
    กรวดน้ำทำยังไงครับ แล้วเวลากรวดน้ำ จิตต้องคิดหรืออธิษฐานยังไงครับ
     
  15. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    วิธีการกรวดน้ำตามที่ได้รับคำแนะนำจากท่านอาจารย์

    ช่วยแรกก็ปฏิบัติกรรมฐานตามแต่ถนัด หรือจะเป็นกรรมฐานเมตตาใหญ่ก็ได้ประมาณสัก 10 นาที แล้วก็ยกแก้วน้ำหรือขวดน้ำที่เตรียมไว้มาอธิฐาน ตามต้องการถึงใคร เรื่องอะไร ก็ว่าไป ถ้าเรื่องเดียวก็จะตรงและเร็วกว่า เมื่ออธิฐานเสร็จก็เทน้ำลงพื้นดิน(ควรเป็นพื้นดิน) จะใต้ต้นไม้หรือไม่ก็ได้ ในระหว่างที่ค่อย ๆ เทน้ำลงดินก็ให้พูดออกเสียงว่า "พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอออออออออ" ไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำจะหมดแก้วหรือขวด

    ประมาณนี้ครับ
     
  16. sylvenus

    sylvenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +3,283
    โมทนาบุญด้วยครับพี่..
     
  17. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714
    ตอนนี้มีเรื่องให้พะวงถึงการป่วยของลูกชายคนโตแม้หมอจะบอกว่าไม่หนัก ไม่น่าเป็นน่าเป็นห่วง แต่คนเป็นพ่อก็อดไม่ได้ที่จะต้องคิด อาการโรคลิ้นหัวใจรั่วของลูกชายที่เพิ่งรู้ว่าเป็นซึ่งได้ไปตรวจมาแล้วที่โรงพยาบาล ที่ผลออกมาว่าเป็นแน่โดยการที่ลิ้นหัวใจเขาฉีกขาด ซึ่งไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ในตอนนี้ เลยมีเรื่องให้คิดเพิ่มขึ้นอีก 555
     
  18. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    ขอให้ลูกชายของพี่มีสุขภาพแข็งแรงไม่มีปัญหาโรคภัยใดๆ ค่ะ
    ขอบุญบารมี พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งของครอบครัวพี่นิรันด้วยค่ะ
     
  19. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,321
    ค่าพลัง:
    +13,243
    ขอบคุณครับที่ชี้แนะครับ ขอเรียนถามอีกครับ แล้วในวันหนึ่งเราควรจะกรวดน้ำกี่ครั้งครับ เราต้องกรวดน้ำทุกครั้่งที่เราภาวนาเสร็จแล้วใช่ไหมครับ เช่นถ้าเราสวดภาวนาตอนเช้า-เย็น เราก็ต้องกรวดน้ำทั้งเช้าเย็นใช่หรือไม่ครับ ขอบคุณครับ
     
  20. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,389
    ค่าพลัง:
    +19,714

    ขอบคุณครับ เป็นไปตามเหตุและปัจจัยครับ ผมต้องพยายามคิดให้น้อยลงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...