รักษาโรคด้วยตนเอง โดยใช้พลังแสง(โพสต์แรกนะคะ)

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 6 ธันวาคม 2012.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    เวลาได้รับยาสลบ เหมือนเราลงไปในอุโมงค์นี้เลยค่ะ
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    ส้มแขก ทางภาคใต้ใช้แต่งรสเปรี้ยวในอาหาร สารสำคัญที่คาดว่า สามารถลดความอ้วนของส้มแขก คือ HCA (Hydroxy Citric Acid) สรรพคุณแผนโบราณ ใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ และขับปัสสาวะ
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    ดื่มชาอย่างไรให้ได้ประโยชน์ รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล : คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล pypph@hotmail.com ...เครื่องดื่มประเภทน้ำชามีมาช้านานกว่า 4,700 ปี นอกเหนือจากการเป็นเครื่องดื่มแก้กระหาย แก้ง่วง ยังพบว่าสามารถแก้สารพัดโรคได้อีกด้วย เช่น ต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของร่างกาย ต้านอาการอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ ป้องกันตับจากสารพิษและโรคอื่นๆอีกมากมายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตามการที่เครื่องดื่มชาให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากมีองค์ประกอบของสารสำคัญในใบชาที่เรียกว่า แทนนินหรือทีโพลีฟีนอล (Tea polyphenols) สารสำคัญกลุ่มนี้พบมากในพืชเกือบทุกชนิด แต่ละชนิดอาจจะมีโครงสร้างทางเคมีที่แตกต่างกันไป สารแทนนินในใบชาสดหรือชาเขียวที่มีฤทธิ์ทางยาที่สำคัญได้แก่ สารกลุ่มที่ชื่อว่า คาเทคชินส์ (catechins) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ามีฤทธิ์ต้านโรคภัยได้มากมายหากดื่มเป็นประจำ ... แต่สารสำคัญจากใบชามักจะสลายตัวได้ง่ายและรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศและความร้อน ดังนั้นเราลองมาพิจารณาดูว่าวิธีการชงชาหรือเครื่องดื่มชาแบบไหนที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด หรือแบบไหนจะได้ประโยชน์น้อยที่สุด หรือไม่ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพเลย หรือในทางตรงกันข้ามมีผลเสียต่อร่างกายก็เป็นไปได้ คำแนะนำเรื่องการดื่มชา 1, สำหรับผู้ที่นิยมดื่มน้ำชาร้อนๆ สารสำคัญที่เป็นประโยชน์คือ ‘คาเทคชินส์’ จะถูกความร้อนทำลายไปเกือบหมด คงเหลือแต่ความหอมและรสชาติ ถ้าต้องการให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแต่ยังนิยมชาร้อนๆ ควรดื่มน้ำชาที่เข้มข้น เช่นเดียวกับคนจีนแต้จิ๋ว ที่นิยมชงชาจีนรสเข้มข้นในถ้วยชาใบจิ๋วคล้ายกับการดื่มกาแฟเอ็กซ์เพรสโซ่ ความเข้มข้นของใบชาจะทำให้มีปริมาณสารคาเทคชินส์ที่เข้มข้น และแม้ว่าสารเหล่านี้จะสลายตัวไปบางส่วนเมื่อโดนความร้อนจากน้ำร้อน แต่จะยังคงมีบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ ที่พอจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้บ้าง 2, ชาเขียวหรือสารสกัดจากใบชาสด หากนำมาเตรียมเป็นเครื่องดื่มแช่เย็น ความเย็นจะช่วยรักษาคุณค่าของสารสำคัญในใบชาไว้ได้ดี อย่างไรก็ตามหากขบวนการผลิตเครื่องดื่มชาเขียวต้องผ่านขบวนการต้มหรือทำให้ร้อนในขบวนการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ก่อนบรรจุลงในขวด ปริมาณสารสำคัญในน้ำชาก็จะถูกทำลายไปเช่นกัน 3, การดื่มน้ำชาไม่ว่าจะชาร้อนหรือชาแช่เย็น ไม่ควรแต่งรสด้วยนมทุกชนิด ไม่ว่าจะน้ำนมสด นมข้นหรือนมผง เพราะโปรตีนในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชา และทำลายประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย วิธีการดื่มชาเขียวให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงควรดื่มน้ำชาล้วนๆ ไม่ควรปรุงแต่ง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบชาเย็นใส่นม จะไม่ได้ประโยชน์จากชาเลย 4. ผู้ที่รับประทานวิตามินเสริม เช่น ธาตุเหล็ก เกลือแร่ หรือยาที่คล้ายคลึงกัน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำชาร่วมไปด้วย เพราะสารสำคัญจากใบชาจะไปตกตะกอนธาตุเหล็กหรือเกลือแร่ไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ในกรณีที่ดื่มน้ำชาร่วมกับการรับประทานอาหาร แร่ธาตุต่างๆ จากผักใบเขียวหรือจากผลไม้ก็จะถูกสารสำคัญจากชาจับไว้หมดไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเช่นกัน 5 โทษของการดื่มชาต่อร่างกายก็มีรายงานเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสำคัญคือแทนนิน ซึ่งจะไปตกตะกอนโปรตีนและแร่ธาตุต่างๆ จากอาหารที่รับประทาน ทำให้ลดการดูดซึมของสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ดังนั้นจึงมักจะมีคำแนะนำไม่ให้เด็กดื่มน้ำชาไม่ว่าจะเป็นชาเขียวแช่เย็นหรือชาร้อน เพราะจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารได้ 6,ใบชายังมีองค์ประกอบที่ให้โทษต่อร่างกายที่ยังไม่ค่อยมีคนกล่าวถึงคือ มีองค์ประกอบของฟลูออไรด์ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง สูงกว่าปริมาณในน้ำประปา การที่ร่างกายได้รับเข้าไปทุกวันจากการดื่มน้ำชาเป็นประจำ จะเกิดการสะสม มีผลให้ไตวาย เกิดมะเร็งลำไส้ โรคกระดูกพรุน โรคข้อ และโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับกระดูก แต่ผู้ที่ดื่มไม่มาก ก็คงไม่ต้องกังวล 7, ใบชายังมีสารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอีก คือ สารที่ชื่อว่า ‘ออกซาเรท oxalate’ แม้ว่าสารชนิดนี้จะมีอยู่น้อย แต่หากผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชามากๆ และดื่มบ่อยๆ เป็นประจำ จะสะสมสารออกซาเรทในร่างกายได้ สารชนิดนี้มีรายงานว่ามีผลทำลายไต 8, ใบชามีสารคาเฟอีนในปริมาณสูง อาจสูงกว่าในเมล็ดกาแฟด้วยซ้ำไป เพียงแต่การดื่มน้ำชา สารแทนนินจากน้ำชาจะป้องกันหรือลดการดูดซึมของคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ฤทธิ์การกระตุ้นหัวใจและสมองน้อยกว่ากาแฟมาก ชากับสปา ...จากที่กล่าวไปข้างต้น พอสรุปได้ว่า เครื่องดื่มชามีทั้งคุณและโทษต่อร่างกาย ขึ้นอยู่กับการบริโภค ถ้ามากเกินไปจะเป็นโทษได้ ส่วนผู้ที่นิยมนำสารสกัดจากชาเขียวไปทำสปา โดยการหมักบนใบหน้าและผิวหนัง ควรผสมกับน้ำเย็น ไม่ควรผสมน้ำนมเด็ดขาด เพราะจะไปทำลายคุณค่าของสารสกัดชาเขียวตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น การนำสารสกัดชาเขียวไปผสมกับอาหารอื่นๆ หากต้องนำไปทำให้ร้อน เช่น ขนมเค้ก คุณค่าชาเขียวจะหมดไป คงเหลือแต่รสชาติเท่านั้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนำผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสกัดชาเขียวไปผ่านขบวนการความร้อน เพื่อคงคุณค่าของชาเขียวต่อสุขภาพร่างกาย ...บทความฉบับนี้อาจทำให้ผู้บริโภคหลายคนงง เพราะเคยทราบแต่สารพัดประโยชน์ของชาเขียว แต่อ่านแล้วคงไม่ทำให้กลัวการการดื่มชา องค์ความรู้จากนักวิจัยจะช่วยให้เราระวังไม่บริโภคมากเกินไป เพราะเช่นเดียวกับทุกอย่างถ้ามากไปมักจะมีให้ผลเสียต่อร่างกายได้
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    อาหารเช้าช่วยรักษาหัวใจ

    คนควรกินอาหารเช้า เพื่อช่วยรักษาหัวใจให้อยู่ในสภาพที่ดี ทั้งนี้เป็นคำแนะนำจากผู้วิจัยในสหรัฐอเมริกา จากการศึกษาผู้ชาย 27,000 คน แสดงให้เห็นว่า คนที่ไม่กินอาหารเช้าจะมีความเสี่ยงปัญหาหัวใจมากกว่าคนที่กินอาหารเช้า
    มูลนิธิหัวใจในประเทศอังกฤษ (British Heart Foundation) กล่าวว่า อาหารเช้าจะช่วยให้คนหลีกเลี่ยงอาหารว่างที่มีน้ำตาลมากในช่วงก่อนอาหารกลางวันได้
    ชายอายุระหว่าง 45-82 ปี ได้รับการศึกษาเป็นเวลา 16 ปี ในช่วงเวลานี้มีคนกว่า 1,500 คนที่มีปัญหาหัวใจวาย และบางคนล้มเหลวจนถึงเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม คนที่หลีกเลี่ยงอาหารเช้า พบว่าจะมีกรณีปัญหาโรคหัวใจมากกว่าคนที่กินอาหารเช้าร้อยละ 27 ทั้งนี้ ผู้วิจัยในควบคุมตัวแปรอื่นๆที่เกี่ยวกับวิถีชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ และการออกกำลังกาย

    ข้อมูล http://goo.gl/TrV9It
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    กินไข่ตอนเช้า ช่วยลดความอยากอาหาร - ทานจุบจิบ ในทุก ๆ วันก่อนออกไปทำงาน คุณเริ่มต้นยามเช้าและเติมกระเพาะที่ว่างเปล่าของคุณด้วยอะไร ขนมปัง ซีเรียล หรือว่า ไข่สักฟองดีล่ะ ? ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียน่า ของอเมริกา ระบุว่า โปรตีนจากไข่ ช่วยลดความอยากอาหาร และทำให้รู้สึกอิ่มนาน การเริ่มต้นมื้อเช้าของคุณด้วยอาการจานไข่ จึงทำให้คุณเว้นจากการกินจุบจิบในช่วงเวลาครึ่งเช้าของวันได้เป็นอย่างดี การทำลองได้ทำขึ้นกับอาสาสมัครที่มีสุขภาพแข็งแรงดี 20 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ทานไข่ 2 ฟอง ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งทานแต่ซีเรียล หนึ่งชามเป็นอาหารเช้าทุกวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยได้ควบคุมให้ปริมาณของ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ในอาหารที่ทั้งสองกลุ่มกินนั้นมีเท่า ๆ กัน จากนั้นในมื้อกลางวันทั้งสองกลุ่มจะได้รับอนุญาตให้กินอาหารเที่ยงแบบบุฟเฟ่ต์ รวมทั้งนำเลือดจากอาสาสมัครทั้งสองกลุ่มไปตรวจดูด้วย ผลปรากฏว่ากลุ่มอาสาสมัครที่กินไข่ 2 ฟองเป็นอาหารเช้า ทานบุฟเฟ่ต์น้อยกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง อีกทั้งผลการตรวจเลือดก็ชี้ถึงเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นว่า กลุ่มที่กินไข่เป็นอาหารเช้า มี ghrelin ซึ่งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความอยากอาหารน้อยกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง ในขณะที่มีฮอร์โมน PYY ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับความรู้สึกอิ่ม สูงกว่าอีกกลุ่มอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าอาสาสมัครทั้งสองกลุ่มนี้ได้รับการควบคุมปริมาณ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ให้ได้รับเท่า ๆ กัน ไฉนกลุ่มที่กินไข่ จึงได้รับผลในการควบคุมความหิว และความรู้สึกอยากอาหารที่ดีกว่า ส่วนที่เป็นกุญแจสำคัญของการตอบคำถามนี้ก็คือโปรตีน ที่แม้จะได้รับการควบคุมให้ได้รับจากอาหารทั้งสองประเภทเท่า ๆ กัน แต่โปรตีนจากไข่นั้นมีคุณภาพดีกว่า จึงทำให้รู้สึกอิ่มนาน และหิวน้อยกว่านั่นเอง อย่างไรก็ตาม ไข่ ไม่ได้เป็นอาหารที่ทำให้น้ำหนักลดลงได้ แต่ก็จะช่วยให้ผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักลดพฤติกรรมกินจุบจิบ และจดจ่ออยู่กับเมนูควบคุมในมื้ออาหารหลักของตัวเองได้มากขึ้น ส่วนโปรตีนที่ได้จากเนื้อแดง สัตว์ปีก และปลานั้น จะถูกวิจัยเป็นลำดับต่อไป ว่าสามารถให้ผลเช่นเดียวกันนี้ได้หรือไม่ รู้อย่างนี้แล้วมื้อเช้าของวันต่อ ๆ ไป เริ่มต้นด้วยไข่สัก 1-2 ฟองน่าจะดี ให้พลังงาน อยู่ท้อง อิ่่มนาน เท่านี้ก็สามารถโฟกัสกับงานตอนเช้าได้เต็มที่ ไม่มีหิวท้องร้องจนต้องวอกแวกไปกินจุบจิบอีกต่อไป ส่วนใครที่คิดจะควบคุมน้ำหนักด้วยการใช้ประโยชน์นี้จากไข่ ก็อย่าลืมเลือกเมนูไข่ที่ปรุงโดยไม่ใช้น้ำมัน หรือน้ำมันน้อยด้วยนะครับ
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    แนะเลี่ยงกินผลไม้รสหวาน

    นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคตามค่ามาตรฐานนั้น อยู่ที่บริโภคได้ไม่เกินคนละ 10 กิโลกรัมต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 6 ช้อนชา แต่พบว่า คนไทยมีปริมาณการบริโภคน้ำตาลเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด 3 เท่า คือ กินน้ำตาลสูงถึงคนละ 29.6 กิโลกรัมต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 20 ช้อนชา ซึ่งการได้รับน้ำตาลมากเกินไปจะกลายเป็นผลเสียต่อร่างกาย พบว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลทางตรง คือ การเติมน้ำตาลลงในอาหารต่างๆ และยังพบว่ามีการบริโภคทางอ้อม โดยเฉพาะน้ำตาลที่อยู่ในผลไม้รสหวาน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน และผู้ต้องการควบคุมน้ำหนัก

    นพ.พรเทพกล่าวว่า น้ำตาลในผลไม้ ไม่ได้มีแต่กลูโคสหรือซูโครสที่ร่างกายเปลี่ยนให้เป็นกลูโคสได้ในเวลาที่รวดเร็ว แต่ยังมีฟรุกโตสที่มีความหวานและให้พลังงานโดยไม่ต้องใช้อินซูลิน ผู้ป่วยเบาหวานจึงต้องเลือกชนิดผลไม้ที่จะรับประทานและปริมาณพอเหมาะ เพราะผลไม้ที่มีความหวานมากบางชนิด นอกจากจะมีน้ำตาลสูงแล้วยังมีไขมันด้วย ผู้ป่วยเบาหวานยังต้องการพลังงานจากสารอาหาร

    ดังนั้นควรจะแบ่งปริมาณและชนิดอาหารที่ให้พลังงานสอดคล้องกับร่างกาย เพื่อไม่ให้มีพลังงานเหลือที่จะนำไปสร้างเป็นไตรกลีเซอไรด์ การรับประทานอาหารจึงต้องหลากหลาย เลี่ยงอาหารเค็ม หวาน ควบคู่กับการออกกำลังกาย
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    ข้อดีจากรสเผ็ด

    รสเผ็ดจากพริกหรือเครื่องเทศที่ใช้ นอกจากจะเสริมให้อร่อยลิ้นแล้ว ถ้ารับประทานรสเผ็ดที่เหมาะสมย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพได้ แต่การกินเผ็ดแบบไม่รู้เหนือรู้เวลาจะนำความเดือดร้อนมาให้ได้ เช่น กินเผ็ดจนเป็นโรคกระเพาะ หรือกินเผ็ดจัดในขณะท้องว่าง ส่วนผู้ที่กินเผ็ดอย่างเข้าใจนั้น นอกจากจะได้เรื่องความอร่อยลิ้นแล้ว ยังได้อานิสงส์จากความเผ็ดในแง่สุขภาพอีกหลายข้อ

    พริก ช่วยป้องกันหัวใจ ด้วยวิตามินสำคัญคือ วิตามินเอ, วิตามินซี, แคลเซียม และธาตุเหล็กมีมากในพริกสดและพริกแห้ง ถ้าห่วงเรื่องเผ็ดมากให้ไปรับประทานพริกไทยหรือพริกหวานที่ใส่ในสลัดก็ยังได้
    รสเผ็ดช่วยขยายหลอดลม มีเคมีที่ช่วยขับเสมหะและเปิดคอให้โล่งขึ้น ในคนที่เป็นภูมิแพ้ การกินเผ็ดจะช่วยได้ดีมาก หากเป็นเด็กอาจเพียงแค่พริกไทยหรือใช้หัวหอมที่เผ็ดน้อย ทั้งยังช่วยไล่เซลล์มะเร็ง แค่พริกป่นง่ายๆ อย่างนี้ก็ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย และมะเร็งผิวหนังกับมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วย เพราะพริกช่วยล้างพิษ (Detox) ให้กับร่างกาย
    นอกจากนี้ความเผ็ดของพริกช่วยลดไขมัน ป้องกันลิ่มเลือดจับตัว และช่วยคุมน้ำหนัก เพราะทำหน้าที่เผาผลาญพลังงานให้ด้วย

    ทั้งนี้ จากการศึกษาในอินเดียพบว่า อาสาสมัครที่รับประทานพริกนั้นให้ผลในการลดลิ่มเลือดอุดตันตามหลอดเลือดได้ อีกทั้งปลอดภัยจากสารพิษตกค้างไม่เหมือนกับการกินยาด้วย แล้วยังสามารถลดปวดด้วยกรดเผ็ด ที่เรียกว่า "แคปไซซิน" ในพริก รวมถึงสาร "เคอคิวมิน" ในเครื่องเทศอย่างขมิ้นที่ช่วยลดการอักเสบได้
    พริกจึงเหมาะกับผู้มีอาการปวดไปจนถึงแสบร้อนจากการอักเสบตามที่ต่างๆ อาทิ โรคเริม, งูสวัด ไปจนถึงปวดอักเสบตามข้ออย่างรูมาตอยด์, ข้อเสื่อม และอาการปวดฟกช้ำทั้งหลาย
    พริกเป็นอาหารคลายเครียดที่แท้จริงเพราะสร้าง "เอ็นโดรฟิน" เป็นเคมีสุขที่ทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวาหลั่งออกมาภายหลังจากกินเผ็ดไปไม่นาน

    ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
     
  14. polich68

    polich68 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2012
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +42
    ตอนนี้ ยังรับได้ไหมเอ่ย
     
  15. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ยังรับได้ค่ะ ลองดูนะคะ
     
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ถ้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อย่างมะเร็งตับนี้เคยมีคนไปรักษาหายได้ไหมคะ
     
  17. uesuki

    uesuki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +150

    เป็นมะเร็งรักษาไม่มีทางหาย หรอกครับ ..

    เนื่อง...เพราะ รักษากันไม่ถูกจุด....
    ที่ถูกจุด คือ การปกป้องไม่ให้..เกิดเป็นมะเร็ง
    (เซลล์มันเข้าเปลี่ยนแปลงข้อมูลในระดับพันธุกรรม DNA ...)

    มะเร็งเป็นผลจาก...ความเสี่ยงในพฤติกรรมดำเนินชีวิต...

    แต่มะเร็งสามารถทุเลาลงได้
    หากว่าเราอยู่ในภาวะความสุข
    (ความสุขที่ทำให้หัวเราะ ความสุขที่ทำให้ไม่นึกถึงเครียด ความสุขที่ทำให้รู้สึกว่าโลกสดใส ความสุขที่ทำให้เรายิ้มไม่หุบ)

    เพราะร่างกายจะหลั่งสารเอนโดร์ฯ ตามมาด้วยสารอื่นๆ ที่จะทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลง..กระทั่งยับยั้งการทำลายในพันธุกรรม ได้

    ซึ่งตับจะมีส่วนในเรื่องนี้อย่างมาก..ในการขจัดการเกิดมะเร็ง
    แม้ว่าตัวตับเองจะเป็นมะเร็งอยู่ก็ตาม ..

    ถึงกระนั้น..
    การทานอาหาร การพักผ่อน
    ก็ล้วนมีส่วนอย่างมากในการให้ทั้งผลดี และผลเสียต่อตับ ...

    ที่ยากคือจะทำอย่างไรให้ทุกภาคส่วน..สัมพันธ์กัน
    เพื่อก่อผลในส่วนดีให้กับตับ
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...