เรื่องจริงอิง Fiction "ภัยพิบัติ 5 มิติ"

คุยกับเพื่อน ที่ไปอยู่จีนมานาน
เขาบอกว่า สุภาษิตจีน มีสำนวนนึง
ปราชญ์แพ้คนโง่
คือให้หลบคนโง่ แม้นแต่ปราชญ์ก็ยังแพ้

 

ฟังท่านสาธิต บนเวทีพูดเรื่องฟางเส้นสุดท้าย....

อืม....มันก็จริงนะ

ลาตัวนั้น แบกรับ การกระทำย่ำยีของพวกมัน

ทนแล้วทนเล่า วันแล้ววันเล่า

แค่หย่อนฟางลงไปบนหลังอีกเส้นเดียว

มันก็เกินพอแล้ว...ที่จะรับไหวอีกต่อไปแล้ว

กูไม่ทนมึงอีกต่อไปแล้วโว้ย!!!!!

 

มีเรื่องนึงเพิ่งคิดออกวินาทีนี้

ทำไม ท่านเทพมีเงื่อนไข 1 ล้านคน !!!

คิดเอาเองว่า....ก่อนหน้านี้ สมัยเสธอ้ายก็พูดเรื่องขอระดมพล 1 ล้านคน

คราวนี้ท่านเทพก็พูดอีก

มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

แต่คงเป็นเงื่อนไข หรือสัญญาสุภาพบุรุษ

ระหว่างใครบางคน ที่จะไม่ปล่อยใครใครมาทำอะไรประชาชน

และจะเป็นฝ่ายออกมาขัดขวาง และจะจัดการผู้ที่จะทำร้ายประชาชนเสียเอง

ขอเพียง ทำตามเงื่อนไข ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

คน 1 ล้านคน !!!

 

จากข้างต้น...ที่กล่าวไปแล้ว

รัฐคงขอให้ทหารออกมาช่วยปราบประชาชนไม่ได้อีกแล้ว...

ยังไม่ต้องคิดเรื่องสัญญาสุภาพบุรุษที่กล่าวมาแล้วก็ได้

ก่อนหน้านี้ ...ทหารน่าจะเจ็บว้ำน้ำใจไม่น้อย

ที่ปี 53 ทหารออกมาทำหน้าที่...

พอเขาได้อำนาจรัฐ

ก็กลับมาเล่นงานทหาร ฟ้องเป็นคดีอาญา

ทั้งๆที่ ทหารเองก็เป็นฝ่ายสูญเสียไม่น้อย

คราวนี้ จะให้ทหารออกมาช่วย...คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

ทหารได้รับบทเรียนแล้ว...

คราวนี้ ถึงทีรัฐบาลแม้วคงต้องได้รับบทเรียนเองเสียบ้าง...

บทเรียนที่เกิดจากการกระทำตนเองแท้ๆ....

 

ปี 53 ตำรวจไม่ทำหน้าที่ อย่างเต็มความสามารถ ที่ควรจะกระทำ เช่นที่กระทำในรัฐบาลนี้

รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่มีทางเลือก ต้องขอทหารออกมาช่วยรักษาบ้านเมือง

หลังเหตุการณ์ ตำรวจ เสือกกลับมาฟ้องร้องทหาร

พล.อ ประยุทธ เคยหลุดปากถึงเรื่องนี้ออกมาว่า

ทำไม ตอนนั้น ทั้งทหารและตำรวจก็ออกมาเป็นเจ้าพนักงาน

แล้วถีงเอาเรื่อง ฟ้องคดี เฉพาะทหาร ทั้งๆที่ ตำรวจออกมาก่อนทหารเสียอีก

พอถึงตอนนี้ ...ตำรวจคุมสถานการณ์ไม่ได้

จะมาหวังให้ทหารออกมาทำหน้าที่แทน

เมินเสียเถอะ....

เจ็บครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว....

 

ข่าววงในคนในพื้นที่สวี ชุมพร
ว่าแอบมีการเปิดเขื่อน ที่ระนอง
ทำให้น้ำท่วมหนักซ้ำที่ชุมพร เพื่อสกัดไม่ให้คนใต้ขึ้นมารวมกับม๊อบ

(พยายามดูว่าเขื่อนที่ระนอง มีเขื่อนอะไรบ้าง ชื่อเขื่อนรัชชประภา(หรือเขื่อนเชี่ยวหลานนั่นเอง เพราะที่นี่มีทิวทัศน์สวยงามประดุจเมืองกุ้ยหลินในจีน จึงได้ชื่อว่าเป็นกุ้ยหลินในไทย..ถ้าข่าวไม่ผิด ก็น่าจะเป็นเขื่อนนี้...และถ้าข่าวไม่ผิด ก็ขอบอกว่าเลวมากๆ)
กระทู้ที่ลิงค์มาน่าเป็นพวกเสื้อแดงที่ไปเอาข้อความในเฟสของคุณฟ้า พรทิพา มาแปะด่า..
รัฐบาลปล่อยน้ำในเขื่อนที่ จ. ระนอง สกัดผู้ชุมนุม! - Pantip

 

ตำรวจเอาถุงดำคลุมกล้องวงจรปิด...หรือแหงนขึ้นท้องฟัา กลัวความเป็นจริงอะไร หรือจะทำ..อะไรกันไม่ทราบ?
ฟรีทีวี ไม่ออกข่าวมวลมหาชนตามจริง
รัฐบาลแถลงข่าว ขอให้ประชาชนเคารพกฏหมาย แต่ตัวเองไม่เคารพ..?
แถมพยายามฟ้องตุลาการศาลอีก.. จะเอาไปให้แม้วตัดสินกระมัง..

กองทัพบก จะทำอย่างดีที่สุดเพื่อชาติ(ด้วยการนิ่ง)

การยึดกระทรวการคลัง ด้วยการต้อนรับอย่างดีของข้าราชการ เพราะอะไร..
เพราะรัฐบาลจะกู้2.2 ล้าน โดยไม่ผ่านคลังอีกต่างหาก...
เลยเอาคลัง เป็นฐานทัพเสียเลย
..

ขอให้ข้าราชการออกมาร่วมสู้เพื่อชาติ
ขอให้ทุกคนออกมาสมทบแต่ละจุดที่อยู่ใกล้..

ให้ออกมาเยอะๆ
อย่าให้น้อย หากมีการสลายม๊อบโดยตำรวจ จะเกิดความสูญเสียมาก


วิธีเดียว คือทุกคนออกมาให้มากที่สุด แล้วจะจบอย่างรวดเร็วด้วยชัยชนะอย่างสวยงาม..

ขอให้ส่งคนไปร่วมพลังที่กระทรวงการคลังตอนนี้ด่วน
ข่าวจาก อ.ธนิต ศรีกลิ่นดี

 

ดูดวงเมือง-ฟองสนาน(ไม่รู้มีใครมาแปะหรือยัง)

โหรเจ้ฟองให้จับตาดูเดือนกันยายน – ตุลาคม ศกนี้(56) ตามดวงเมืองบอกว่า

“ไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีจะอยู่ยาก”

ซึ่งจะเริ่มออกอาการตั้งแต่เดือนเมษายนปีนี้ พอเดือนพฤษภาคมก็เริ่มตรึงกำลัง
“ดิฉันฟันธงคะ...เดือนกันยายน – ตุลาคม ปีนี้ ใครที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะอยู่ยาก เพราะว่าดวงเมืองเป็นอย่างนั้น “ เจ้ฟองนั่งยัน นอนยัน

เจ้ฟองสนานไล่ดูดวงของผู้ทีมีส่วนเกี่ยวข้องกันกับบ้านเมือง
เริ่มที่ดวงของนายกฯ ยิ่งลักษณ์
“ดวงคนนี้จะตกแบบพฤหัสเข้าพบมรณะ คำทำนายบอกว่าจะเศร้าสร้อยตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ศกนี้เป็นต้นไป และเดือนกันยายนนี้จะยุ่งยากเป็นเงาตามตัว หน้ายิ้มแต่ไม่สุข เชื่อว่าคนระดับนี้มีโหรส่วนตัวคอยแก้ดวง”
ตามด้วยดวงของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
“แต่ดวงของคุณอภิสิทธิ์ตกอีกแบบหนึ่ง ตกแบบพฤหัสบดีเหมือนกัน เข้าภพวินาศ คุณอภิสิทธิ์จะไม่มีที่พึ่งอาศัย ถูกจำกัดเสรีภาพ หรือไม่ก็ถูกหักหลัง ถูกหักอก”

ปิดท้ายด้วยดวงเมืองที่ผู้คนกำลังสนใจฟัง

“ส่วนดวงเมือง ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงเดือนพฤศจิกายนปีพ.ศ. 2557 อะไรที่เราไม่ได้เห็นเราก็จะเห็นทั้งดวงโลกและดวงเมือง จะมีปรากฏการณ์ประหลาดๆเกิดขึ้น ชนิดที่เราจะอ้าปากค้าง”

“ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมปีนี้ เป็นต้นไป ต้องระวังเรื่องเขตแดนด้วย มุมของเสาร์ราหูกาลกิณีชาติดวงเมืองทำลายดวงเมืองที่อยู่ราศีตุลย์อยู่ตอนนี้ ถือว่าเราเคยเสียดินแดนมาแล้ว เราเคยเสียมณฑลบูรพาต้องระมัดระวังกันด้วย”

“เดือนกันยายน–ตุลาคม ปีนี้เป็นจุดที่ต้องจับตาดูทั้งดวงโลก- ดวงประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่คาดคิด คาดวันไว้เลยว่า 8 ตุลาคมเป็นต้นไปเดือดแน่ เพราะเริ่มตรึงกำลังกันตั้งแต่ 30 พฤษภาคมแล้ว เหมือนคนท้องอืด สถานการณ์ก็จะร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่ 8 ตุลาคมเป็นต้นไป ถึงตอนนั้นตัวใครตัวมันเหมือนกัน ต้องมีสติกัน”

เจ้ฟองสนาน บอกว่า “แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มีมาตั้งนานแล้ว ช่วงนี้จะเป็นรอบสุดท้ายที่บ่งบอกว่าเข้าสู่ยุคใหม่ เป็นปรากฏการณ์ครั้งสุดท้าย ทุกฝ่ายจะระดมกำลังเต็มที่ ระหว่างฝ่ายดีกับฝ่ายร้าย โดยเฉพาะปีนี้จนถึงเดือนเมษายนปีหน้า”

“ปีนี้พระอาทิตย์จะคุ้มครองเรา คนมียศมีศักดิ์จะคุ้มครองพวกเรา จะเกิดเหตุการณ์หวุดหวิด เพราะความเข้มแข็งของพระอาทิตย์มีพฤหัสที่แฝงอยู่ปีนี้โยกหน้าช่วยเหลือ จะทำให้เรารอดได้อย่างหวุดหวิด โดยเฉพาะประชาชนคนไทยเราจะเข็มแข็งมาก ต้องมีสติ มาตรฐานเดิมเข็มแข็ง อย่าคิดถึงผลประโยชน์ของตนเองของพรรคพวก คิดถึงประเทศชาติ คิดถึงสถาบันหลักไว้ เพราะลูกหลานเรายังต้องอยู่กันอีกนาน เราจะต้องเป็นพระจันทร์ที่เข็มแข็ง เหมือนดวงเดิมที่วางไว้”

“วันที่หนักสุดคือ 8 ต.ค. ตรึงกำลังตั้งแต่วันนี้เดือนนี้เป็นต้นไปถึงเดือนตุลาคมจะ เริ่มเห็นเงาลาง ๆ มีการเสนอกฎหมายต่างๆ วันที่ 8 ต.ค.นำพาสถานการณ์รุนแรงสุด มันมืดมิดไปหมดต้องระวังตัว อะไรที่ไม่เคยเห็นก็จะเคยเห็นเช่น พระเสาร์กับพระราหูอยู่กึ่งกลางผ่าเมืองไทยเป็น 2 ซีก แต่คนไทยจะเข็มแข็งถึงจุดหนึ่งลุกขึ้นสู้ อย่าประมาทคนไทย อย่าคิดว่าคนไทยจะร้ายจนสุดซอย อย่าคิดว่าคนไทยจะเฉยต่อไป”

“ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.2556 - 30 มิ.ย.2557 ให้ระวังเพราะช่วงนี้ดาวเดินสวนกันที่ราศีมังกร ดาวพระเสาร์กับดาวพระราหูเดินสวนกันทีไรเรื่องใหญ่ทุกที พฤษภาทมิฬก็เพราะดาวสองดวงเดินสวนกัน”

เจ้ฟองผู้เขียนหนังสือดังอันลือลั่น “ไม่แน่จริงไม่ข้ามน้ำชีมาหรอก” เปิดเผยดวงเมืองที่วางพระมหากษัตริย์เป็นอุต จะคุ้มครองดวงเมือง-ประชาชน ไม่มีทางที่พระเสาร์กับพระราหูจะระรานดวงเมืองได้ แต่กระนั้นให้จับตาดูการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ต่อจากนี้ไป

“ตัวดิฉันเอง ดิฉันขอให้เลข 1 อยู่รอดนั่นก็คือสถาบัน เมื่อเจอเรื่องร้ายท่านจะเอาตัวเข้ารับก่อน ดังนั้น 30 ต.ค. 2556 เราเริ่มเห็นแล้วถ้าเกิดเป็นสงคราม 9 ทัพ มันจะเริ่มคลี่คลาย หยุดดวงแตกครั้งที่ 1 พระราหูยกเข้าราศีกันย์ หยุดดวงแตกครั้งที่ 2 วันที่ 27 พ.ย. 2557 พระเสาร์เทพแห่งทุกข์ระทมหยุดการเล็งเข้า คนไทยทั้งประเทศจะชื่นชมทำให้พวกเราชื่นใจมาก ปลายปี 2557 เริ่มมีเรื่องดีเข้ามา อีก 20 ปีจะรุ่งโรจน์เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”

http://www.naewna.com/politic/columnist/8371

 

เรื่อง “ดวงเมืองแตก” นั้น ในอดีตก็ใช่ว่าจะไม่เคยเกิด อย่างไรก็ตาม ที่เกิดในปัจจุบันมีจุดต่าง โดยที่...คราวนี้พระเสาร์ กับพระราหู สวนกันในภพที่เจ็ด-ปัตนิภพกึ่งกลางดวงเมือง แยกคนไทยออกเป็นสองข้างคล้ายอกเมืองแตก หากไม่ระวังคนไทยอาจทำศึกกันเอง โดยอิทธิพลพระเสาร์กับพระราหูนี้มีช่วงเริ่มกดดันตั้งแต่ระหว่าง 24 พ.ค. 2554–7 ก.ย. 2555 ซึ่งเริ่มทำมุมปลายหอก แต่ยังไร้ความคมใส่ลัคนาดวงเมือง

ต่อมาก็เริ่มเข้าสู่ช่วงดวงเมืองแตก ขั้นที่หนึ่ง ตั้งแต่ 7 ก.ย. 2555 และขั้นที่สอง ตั้งแต่ 11 ธ.ค. 2555 โดยพระเสาร์และพระราหูเพิ่งเริ่มสถิตราศีตุล ช่วยกันเล็งลัคนาดวงเมืองที่ราศีเมษ แต่องศายังห่างกันมากอยู่ พอหลังจากนั้น คือตั้งแต่ 30 พ.ค. 2556 พระเสาร์กับพระราหูในราศีตุลก็เคลื่อนเข้าใกล้กันห่างประมาณ 11 องศา

อิทธิพลดาวส่งผลแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยตั้งแต่ประมาณ 1 ก.ย. 2556 ที่แยกเป็นสองฝ่ายก็พร้อมเผชิญหน้ากัน และ ประมาณวันที่ 19 ก.ย. 2556 พระเสาร์กับพระราหูในราศีตุล เข้าใกล้กันระยะประมาณ 3 องศา ซึ่งเป็นระยะของการรวมพลังใกล้จะสูงสุด โดยในหนังสือระบุไว้ว่า...เปรียบกับศึกเก้าทัพในประวัติศาสตร์ ก็คงเป็นระยะ เริ่มปะทะ โดยคราวนั้นพระเสาร์และพระราหูในราศีมังกร ก็เคลื่อนเข้าใกล้กันประมาณ 3 องศา

’คาดว่าเหตุการณ์จะขึ้นสู่กระแสสูงสุด 8 ต.ค. 2556 ที่ประเทศชาติเหมือนจะมืดมิดแปลกประหลาดเกินจินตนาการ เพราะเป็นวันสวนกันสนิทองศาของพระเสาร์และพระราหูที่ราศีตุล เรื่อยไปถึง 25 ต.ค. 2556“...ในหนังสือ “รับมือ...เทวสุรสงคราม สยามประเทศ” ระบุถึง “ดวงเมืองแตก” ไว้ประมาณนี้

อย่างไรก็ตาม ในหนังสือเล่มนี้ก็ได้ระบุไว้ด้วยว่า...ตั้งแต่ประมาณ 30 ต.ค. 2556 เป็นต้นไป ดวงเมืองจะเริ่มคลายตัว ซึ่ง หลัง ต.ค. 2556 เป็นต้นไป เป็นไปได้ว่าประเทศชาติจะได้คนดีปรากฏโฉมออกมาให้เห็นในลักษณะกรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี โดยตั้งแต่ 10 พ.ย. จะเริ่มเห็นแสงสว่าง ตั้งแต่ประมาณ 5 ธ.ค. เป็นต้นไป ความหวังจะเพิ่มขึ้นอีก แต่ความกดดันในบ้านเมืองก็จะยังคงมีอยู่ พอถึง 17 มิ.ย. 2557 เป็นต้นไป พฤหัสบดียกจากราศีเมถุนเข้าราศีกรกฎ ดวงเมืองจะคลายตัวจังหวะสอง แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

จนพระราหูจรยกจากราศีตุลเข้าราศีกันย์ หยุดเล็งลัคนาและอาทิตย์เดิมในดวงเมือง ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2557 เป็นต้นไป ดวงเมืองจะเริ่มหยุดแตก ซึ่งเป็นในขั้นที่หนึ่ง ประเทศชาติจะเริ่มสว่างไสวขึ้น และเมื่อพระเสาร์จรออกจากราศีตุลเข้าราศีพิจิก หยุดเล็งใส่ลัคนาดวงเมือง ตั้งแต่ 27 พ.ย. 2557 เป็นต้นไป ดวงเมืองจะหยุดแตกในขั้นที่สอง หลังจากนั้นพอถึงช่วง 21 เม.ย.–11 ก.ค. 2558 คาดว่าจะมีเรื่องที่ทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุขมากขึ้น และประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัวจากปัญหาในจังหวะที่หนึ่ง ก่อนเข้าสู่จังหวะที่สอง...

“ตั้งแต่ 12 ก.ค. 2558 เป็นต้นไป พฤหัสบดีจร ยกเข้าราศีสิงห์บ้านของพระอาทิตย์คู่มิตร ส่องแสงของเทพเทวาและพระสยามเทวาธิราช...” “...เป็นจุดล้างอาถรรพณ์ให้กับดวงเมือง ล้างกาลีและพระเคราะห์ดวงเมืองรอบนี้ ประเทศชาติเข้มแข็งเจริญก้าวหน้า”...
นี่เป็นอีกส่วนที่ระบุไว้ในหนังสือ ซึ่งโดยสรุปคือ เดือน ต.ค. 2556 นี้ยิ่งต้องจับตา ต้องรอจนถึงเดือน ก.ค. 2557 จึงจะเริ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่กันได้บ้าง...ทั้งนี้ ที่ว่ามานี้เป็นเพียงโดยสังเขป จากหนังสือ “รับมือ...เทวสุรสงคราม สยามประเทศ” ซึ่งในเล่มยังมีข้อมูลคำทำนายเกี่ยวกับเรื่อง ’ดวงเมืองแตก“ ในเชิงลึกที่น่าสนใจอีกมาก รวมถึงเรื่องการรับมือดวงเมืองแตก

อิทธิพลดาวใกล้ปะทะ‘ดวงเมืองแตก’เมื่อไหร่?ไทยจะ‘พ้น’ | เดลินิวส์ - อ่านความจริงอ่านเดลินิ

 

หรืออาจจะเป็นการยุบสภา ที่ไม่ใช่แค่ยุบ แต่อาจมีเงื่อนไขอะไรสักอย่าง..??
รัฐประหารโดยประชาชน ? แต่อำนาจเป็นของประชาชนอยู่แล้ว ก็ไม่ใช่รัฐประหาร แต่เป็นการเรียกอำนาจประชาชนคืน ซึ่งเป็นการต้องการปฏิรูปการเมือง เพราะการเลือกตั้งซื้อเสียงเข้ามาไม่ชอบธรรม
...แล้วตั้งรัฐบาลโดย... คณะ... ??
..
คำทำนาย จากหมอดู อีที

“นาย วรธนัท อัศกุลโกวิท หรือ อาจารย์หม่า ปรมาจารย์ฮวงจุ้ย เปิดเผยว่าจากการไปพบกับหมอดูอีที หมอดูชื่อดังชาวพม่าเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยหมอดูอีที ได้ทำนายดวงประเทศไทยไว้บางช่วง ว่าขณะนี้เป็นจุดต่ำสุดของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมีการต่อสู้กันเองของคนในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความสูญเสีย แต่หลังจากนี้ประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

โดย เฉพาะในเดือนสิงหาคมนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นต่อสู้ของคนในประเทศไทย เรื่อยไปถึงเดือนกันยายน ตุลาคม โดยจะใช้เวลาประมาณ 6-9 เดือน และจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง ในปี2557 ตลอดทั้งปีจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านปรับปรุง และในปี 2558 จะเป็นปีแห่งความหวังใหม่ของไทย โดยที่มีผู้มีอำนาจรัฐบาลปัจจุบันจะสูญหายไม่เหลือซาก โดยหมอดูอีทีไม่ได้ระบุว่าเสียชีวิต หรือต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ และในปี2559 ประเทศไทยจะเป็นดั่งฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเกิดขึ้นโดยประชาชน ไม่ใช่กองทัพ หรือทหาร”

...................... ตอนนี้สิ่งที่ผมคิดน่ะ ดูแล้วอาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับคนหลายกลุ่ม แต่ในขณะเดียวกันก็เป้นข่าวดี ของคนอีกหลายกลุ่มเช่นกัน ถือว่ายุติธรรมดี ถ้าหากว่าคำนายของหมอดูคนนี้เป็นจริง......................เกือบลืม มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ที่ทำนายว่า ++ โดยจะใช้เวลาประมาณ 6-9 เดือน และสถานการณ์จะเริ่มคงที่ ในช่วงปี 2557 โดย ตลอดทั้งปีจะเป็นช่วงเปลี่ยนแปลง และในช่วงปี 2558 จะเป็นปีแห่งความหวังใหม่ของประเทศไทย โดยที่มีผู้มีอำนาจรัฐบาลปัจจุบันจะ สูญหายไม่เหลือซาก ++ ถือ เป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดของคำทำนาย ทีผมอยากจะเห็นเหลือเกิน ในชีวิต เพราะมันทำให้ได้ตอบย้ำ คนมีสี คนมีตำแหน่ง ที่เป็นสุนัขรับใช้ จะได้สำเนียกตัวเองว่า จุดจบของคุณมาถึงแล้ว ถ้าหากผมได้มีโอกาสพูดกับเขาเหล่านั้น ผมจะบอกเขาว่า " ขอโทษด้วยคุณไม่ได้ไปต่อ ที่นี่ประเทศไทย เรารักประเทศนี้ " ..................... ไม่ว่าฝัน หรือ เป็นจริง ฉันก็จะรอมัน รอวันที่ประเทศฉัน จะอยู่กันอย่างสยามไทเรา .............................................. ไม่มีสี ไม่มีข้าง ไม่มีดำ ไม่มีขาว มีแต่เรา คนไทยรักกัน

Webboard - Manager Online

 

วันนี้..ตั้งใจว่าจะไปเป็นกำลังเสริมให้ท่านเทพที่กระทรวงการคลัง

ขับรถออกไป เปิดวิทยุ ได้ยินว่า ที่หน้า กระทรวงมหาดไทย กำลังตึงเครียด

ไม่สามารถเข้าไปยึดได้ จึงเปลี่ยนใจไปกระทรวงมหาดไทยทันที

ไปถึงพบมี มวลชนรอบๆกระทรวงแล้วพอสมควร

ในกระทรวง มีอาสายืนหลังลวดหนามเต็มไปหมดทุกประตู

หลายคนเป็นคนอายุมากๆ น่าจะ40-50 ปี หรืออาจเกิน ประมาณนั้น

หลายคน มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ว่าผู้ชุมนุมจะพูดจาใส่หน้าอย่างไร

แต่บางคน มีสีหน้ายิ้มแย้ม พูดจากับมวลชน มียกนิ้วหัวแม่มือให้ด้วย

เดืนรอบๆสักพักใหญ่ พล.อ ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นำทัพใหญ่มา

มีขบวนตามมาอีกจำนวนมาก

การปราศัยคึกคัก ดุเดือด มากขึ้น

ดูสถานการณ์แล้ว น่าจะยื้อกันอีกนาน

และไม่รู้ว่าจะจบ หรือต้องล้อมกระทรวงไว้ทั้งคืน

ได้เวลา จึงกลับมาสักพักแล้วล่ะครับ

พร้อมได้ข่าว...ออกหมายจับท่านสุเทพ เรียบร้อยแล้ว

 

ขอให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องด้วยเถิด สาธุ

 

ปู่เทพ ... ว่าจะจัดตั้งสภาประชาชน
..... หลังสอบถามความต้องการประชาชน
นักข่าว(เนชั่น)แจ้งว่า ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย...

แต่จะว่าไป พวกสว. สรรหา นี่เซียนๆทั้งนั้น แล้วก็ยังมีคนเก่งอีกมาก
ประชาชนเดี๋ยวนี้ก็เก่ง เพราะก่อม็อบบ่อย ทั้งม๊อบยางพารา ต่อต้านเขื่อน ม๊อบไม่เอาโรงไฟฟ้า แล้วก็มีเวทีสัญจรหลายรายการ ... และก็จากกลุ่มคนต่างๆ
(ติดแต่ทักษิณนี่แหละ จะรับความเก่งของประชาชน(เพราะไม่ใช่พวกเสื้อแดง)ได้ไหม?)

สภาประชาชน จะเป็นไปได้ไหม แค่ไหน..??
จะเป็นไปอย่างไร ....??

..
แต่ที่สำคัญตอนนี้เรายังไม่ชนะ
ขอให้ออกมาช่วยกันมากๆ เพื่อล้มระบอบทักษิณให้ได้

 

เขาได้ไปสองส่วนแล้วเหลือแต่อำนาจตุลาการที่ยังไม่ได้ทั้งหมดถ้าใครยังคิดไม่ได้ตรงนี้ก็น่าเศร้าขอให้คำนายเป็นจริงเราเกลียดการใช้อำนาจในทางที่ผิดใช้อภิสิทธิ์เหนือกฏหมายขอให้เข้าสู่ยุคศิวิไลจริงเถิด

 

คืนนี้จะเกิดอะไรไหม

ท่านเทพ ขอแรงคนที่บ้านช่วยออกไปที่กระทรวงการคลังด่วน

เวทีราชดำเนินระดมรถทุกคันไปจอดปิดล้อมกระทรวงการคลัง

อย่าลืม...

ดาว 3 ยกเข้ากันย์คืนนี้ 3 ทุ่มเป็นต้นไป....

 

แต่...อย่าไปกลัว

ถึงเวลาไป....ก็ต้องไป...

เรื่องอื่น...ช่างแม่ง....

 

ไม่ต้องห่วง...ท่านเทพ...

ผมรออยู่......

เมื่อถึงเวลา....

และถ้าไปถึงขั้นนั้น...

พรุ่งนี้ เป็นไงเป็นกัน......

 

มีคำทำนายของ คุณชายปริศนา ดิฉันติดตามคำทำนายของเขามาหลายๆ ครั้ง ค่ะ เพื่อนๆ ลองอ่านดูค่ะ อาจยาวสักนิดนะคะ

คห. 14. ชายปริศนา [87.118.91.140] 14 Nov 2013 - 00:22
ตอบคุณ ธนูฯ (คห.๗)

เห็นว่าคุณเอ้ อธิบายหลักการทำนายเบื้องต้นสำหรับผู้ที่เรียนวิชาโหราศาสตร์ใน คห.๑๑ ไปแล้ว
ขอข้ามมาลงรายละเอียดสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อ ๑ ย้ายมาราศีพิจิกเลยนะครับ

๑. ความหมายถึงเบื้องต้นของ ๑ คือ ผู้นำประเทศ และ ๓ แทนตนุลัคน์ หมายถึง ข้าราชการ บุคคลในเครื่องแบบ (ในที่นี้คือ ทหาร ตำรวจ) แต่ธาตุสภาพของ ๓ เกิดปัญหา กล่าวคือ ๓ จรอยู่ในราศีสิงห์ (ธาตุไฟ) แต่ ๓ ส่งเกณฑ์ ๔ (กระแสเต็มที่) ไปถึงดาวคู่ตรีโกณธาตุไฟ (๑) ในราศีพิจิก (ธาตุน้ำ) ซ้ำร้าย ๓ ยังเข้านวางศ์พิจิก (ธาตุน้ำ) เข้าอีก ผลคือ ๓ เกิดอาการสับสนว่าจะทำปฏิกริยากับ ๑ ในฐานะที่ตนเองเป็นธาตุน้ำหรือธาตุไฟกันแน่

- ผลที่จะออกมาก็คือ กลุ่มข้าราชการ โดยเฉพาะทหาร ตำรวจ เกิดอาการสับสน ตัดสินใจไม่ถูก มองหน้ากันเลิกลั่กว่าจะเอาอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้ และกับผู้นำประเทศ (๑) คนนี้ (ตัวอย่าง เช่น อาการมึนงงของ ผบ.ทบ. ว่าสรุปแล้วเสียดินแดนหรือไม่ จะต้องถอนทหารตามคำตัดสินของศาลโลกหรือไม่ เป็นต้น)

๒. กรณี ๑ เข้าเรือนมรณะ ในโหราศาสตร์การเมืองจะหมายถึงค่าใช้จ่ายของประเทศ, การเก็บภาษีต่างๆ เมื่อ ๑ ทำปฏิกริยาแปรปรวนกับ ๓ จรตามข้อ ๑ จะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องดังกล่าว เช่น ถูกต่อต้านการเก็บภาษี, ไม่สามารถขูดรีดภาษีจากประชาชนได้ตามเป้าหมาย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายของทั้งภาครัฐและภาคประชาชนที่สูงมากอยู่แล้ว จะสูงขึ้นไปอีกจนควบคุมไม่ได้ และไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร (ผลจากอาการธาตุของ ๓ แปรปรวนในข้อ ๑.) และเชื่อว่าเราจะได้ข่าวเรื่องหนี้สาธารณะก้อนมหึมาที่เกิดจากการทำงานที่ล้มเหลว (มรณะ) ของผู้นำประเทศ (๑) หลุดออกมาให้คนไทยได้รู้เพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ ๑ เล็งยังกลับไปยัง ๓ เดิม ทำให้เกิดการต่อต้านจากข้าราชการบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับผู้นำประเทศ (๑) มากขึ้น และข้าราชการที่เคยสอพลอ (๓ เดิม) จะเริ่มเอาตัวออกห่างเพราะเห็นว่าไปไม่รอด (๓ เดิมเป็นประ-โลเล เชื่อถือไม่ได้, ๓ เดิมในเรือนกดุมพะ-เห็นแก่ตัวและเอาแต่ประโยชน์เป็นสำคัญ) หรือพูดง่ายๆ คือ "เห็บหมา" จะเริ่มโดดหนีไปทีละตัวสองตัวนั่นเอง

๓. อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ กำลังมวลชนแห่งความชั่ว (๗) ที่รัฐบาลเคยเลี้ยงไว้ใช้ปะทะฝ่ายต่อต้าน กลับเข้านวางศ์เมษ (๓-นิจ) เข้าอีก ทำให้กลุ่มมวลชนเหล่านี้อ่อนกำลังลง (นิจ) เหตุเพราะอำนาจรัฐ (๓) ที่เคยสนับสนุนอยู่เริ่มง่อนแง่น (ผลจากข้อ ๑) รวมไปถึงการถูกทรยศหักหลัง (๓๗-คู่วิวาทขัดแย้ง) จาก พรบ.นิรโทษกรรม ที่จะยกโทษให้กับกลุ่มศัตรูคู่อาฆาตของพวกเขา (ในที่นี้คือ ปชป. และ พธม.) และมีความเป็นไปได้ที่มวลชนบางส่วนจะเริ่มขับไล่รัฐบาลเสียเอง

๔. อย่างไรก็ตามผมคิดว่าสถานการณ์ในช่วง ๑๗-๓๐ พ.ย. จะยังไม่ถึงกับทำให้รัฐบาลพังจนกู่ไม่กลับ เหตุเพราะคุณภาพของ ๖ จร (ฝ่ายต่อต้าน) ก็มีปัญหา กล่าวคือ เป็นนิจในนวางศ์จักรระหว่าง ๑๗-๒๐ พ.ย. ๕๖ ทำให้ฝ่ายต่อต้านหาทิศทางกันไม่เจอ (นิจ) เพราะได้แต่ชูประเด็นมาด่ากันไปเรื่อยๆ แต่หาคำตอบไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปแน่

สถานการณ์จะกลับมาดูดีในช่วงสั้นๆ ระหว่าง ๒๑-๒๔ พ.ย. ๕๖ ซึ่ง ๖ เข้านวางศ์ตุล (เกษตร) คาดว่าจะทำให้กลุ่มต่อต้านได้แนวร่วมที่น่าสนใจมาเพิ่ม และเป็นไปได้ว่าจะเป็นกลุ่มตุลาการ หรือนักกฎหมาย (สัญลักษณ์ตราชั่งของราศีตุล) รวมไปถึงนักแสดง, ศิลปิน (๖) ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน (เกษตร)

แต่ท้ายสุด เมื่อ ๖ ย้ายเข้าเป็นประในนวางศ์พิจิก ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ พ.ย. ๕๖ แกนนำฝ่ายต่อต้านบางส่วนจะเริ่มออกอาการโลเล (ประ) อยากทิ้งมวลชนเอาดื้อๆ (ส่วนจะเป็นกลุ่มไหน คนที่ติดตามสถานการณ์มาตลอดคงจะทราบดี) ทำให้มวลชนบางส่วนที่เริ่มเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จะเริ่มย้ายไปรวมตัวกับกลุ่มที่เหลือ (ประ-การเปลี่ยนแปลง)

๕. ช่วงเวลาที่น่าจะทำให้รัฐบาลนี้พังเข้าจริงๆ จะเป็นช่วงที่ ๑ เข้าสู่นวางศ์สุดท้ายของราศีพิจิกหรือที่เรียกกันว่า "นวางศ์ขาด" ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๕ ธ.ค. ๕๖ ซึ่งการจบลงครั้งนี้จะเกิดจากอำนาจทางกฎหมาย (๕ เจ้านวางศ์) ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจยุบสภาของผู้นำประเทศเอง (๑) หรือศาล (๕) มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งด้วยคำตัดสินบางอย่าง

คำถามสำคัญสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ รัฐบาลนี้หมดอำนาจไปแล้ว กลุ่มต่อต้านคิดจะเอาบ้านเมืองไปทางไหนต่อ? เพราะตัวผมเองเคยเอ่ยเรื่อง "พิมพ์เขียวประเทศ" ไปตั้งแต่กระทู้ 32729 , คห.๓๓๐ จนกระทั่งวันนี้ ก็ยังไม่ได้เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้สังคมได้เห็นเป็นทางออกของประเทศเลยสักครั้ง

ไม่ทราบว่าเหล่าปัญญาชนทั้งหลายจะเริ่มเขียนแม่แบบของโครงสร้างระบอบใหม่ให้สังคมเข้าร่วมสนับสนุนกันได้หรือยังครับ?

เป้าหมาย
๑. ระบอบที่จะทำให้คนดี ไม่มีเงินซื้อเสียง ไม่ต้องใช้หัวคะแนน สามารถชนะการเลือกตั้งเพื่อเข้ามาทำงานให้ประเทศได้
๒. วิธีที่จะทำให้คนไทยเลือกตั้งด้วยสมอง ไม่ใช่เลือกเพราะอารมณ์สะใจ ตลก เกลียด กลัว ไม่ชอบ หรือประชดชีวิต
๓. คุณสมบัติของคณะบุคคลที่เข้าดำเนินการ, ลำดับขั้นตอน และเวลาที่จะใช้ พร้อมทั้งวิธีการตรวจสอบผลงานเป็นระยะ

 

จุดบอกเหตุ นับแต่่ 26 พย นี้
( วันนี้ น่าจะโอเคนะ )

น่าจะเริ่มตั้งแต่....
ดาว 2 เป็น 6 แก่ลัคน์ในวันที่ 27
ถัดจากนั้น ก็มีโอกาสเกิดได้ตลอดเวลา
ด้วยเหตุที่ว่า ดาว2 กุม ดาว 3 ที่กันย์
และจร ไปกุม 789 ที่ตุลย์
จนกระทั่ง จรไปกุม ดาว 1 ที่พิจิก
ดูแล้ว มีโอกาสถัดจากวันนี้
ไปอีก 7-8 วัน มีโอกาสเกิดได้หมด

 

ไม่ว่าตำรวจประเทศไหน มักจะเข้าจับ ตอนเช้ามืด ถ้าไม่อยากสูญเสียมาก สุเทพ น่าจะหลบไปตั้งหลัก (หายตัวไปก่อน ) รอ "ช่วงที่ ๑ เข้าสู่นวางศ์สุดท้ายของราศีพิจิกหรือที่เรียกกันว่า "นวางศ์ขาด" ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๕ ธ.ค. ๕๖ ซึ่งการจบลงครั้งนี้จะเกิดจากอำนาจทางกฎหมาย (๕ เจ้านวางศ์) ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจยุบสภาของผู้นำประเทศเอง (๑) หรือศาล (๕) มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งด้วยคำตัดสินบางอย่าง"

งานนี้ปูน่าไป ด้วยคำสั่ง ศาล (๕)