ข้อสังเกตุเมื่อทำสมาธิแล้วมีแต่ความคิด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิษณุ12, 12 ธันวาคม 2010.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    เกล็ดธรรม หลวงปู่พุธ ฐานิโย วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา​

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1269140/[/MUSIC]


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ครูบาอาจารย์ของเราท่านย้ำนักย้ำหนา
    ว่า
    เอาสมาธิให้มันได้
    เอาสมาธิให้มันได้

    ทีนี่ การทำสมาธิ ทำอย่างนี่เด้อ
    เอาไปลองทำลองดู ถ้าใครไม่เชื่อก็รับฟังไว้แล้วก็ทำไว้ ลองดู

    วันนี้ก็มีแม่ชีคนนึง ไปถามว่า
    ทำไมจิตใจมันมีแต่ความฟุ้งซ่านมันไม่สงบซักที ว่าอย่างนั่น
    สงสสัยจะไปโดนใครโกหกมาละมั๊ง ว่าจิตมันฟุ้งซ่าน
    มันเป็นอย่างนี่ดอก
    ศีล อบรมสมาธิ ศีลนี่หมายถึงศีลที่บริสุทธิ์
    อย่างต่ำศีล ๕ กาย วาจา บริสุทธิ์ ปราศจากโทษ
    เมื่อมานั่งสมาธิแล้ว จิตก็สงบเป็นสมาธิ

    สมาธิที่มีศีลเป็นเครื่องประกันความปลอดภัย
    มันทำให้เกิดปัญญา
    ทีนี่
    คำว่าปัญญาที่เกิดขึ้นมานี่
    มันไปรู้พระไตรปิฎกจบทั้ง แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์
    อย่างนั่นหรือเปล่า อย่าไปเข้าใจผิดอย่างนั้น

    ปัญญาที่มันเกิดขึ้น ก็คือความคิดที่มันคิดไม่หยุดนั้นเอง
    จะเป็นความคิดอะไรก็ได้ ที่มันคิดไม่หยุด
    เราไม่ได้ตั้งใจคิด มันก็คิดของมันขึ้นมา
    ตั้งใจคิดมันก็คิดของมันขึ้นมา
    เพราะที่เราไปเข้าใจผิด
    ว่า
    ความคิดนั้นคือความฟุ้งซ่าน
    แล้วเราก็อยากจะให้จิตมันหยุดคิด
    เพราะเราติดความสงบ ติดความนิ่งของจิต
    แต่แท้ที่จริง คำภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
    ที่ท่องเอาไว้นั่น ล่ะ
    มันอะไรเสียอีก ก็คือความคิดนั่นแหล่ะ
    มันอะไรเสียอีก ก็คือความคิดนั่นแหล่ะ

    ทีนี่เมื่อภาวนาพุทโธ พุทโธ หัดคิดพุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ
    จนคล่องตัวชำนิชำนาญแล้ว

    สมาธิ มันเกิดเอง

    พอสมาธิมันเกิดขึ้นมานิดหน่อย มันก็ทิ้งพุทโธ ที่มันตั้งใจคิดอยู่นั่น
    แล้วไปคิดอย่างอื่นขึ้นมา
    ความคิดอย่างอื่นนั่นก็คือความคิดเหมือนกันกับพุทโธนั่นแหล่ะ
    เพราะฉะนั้นเมื่อจิตมีความคิดเกิดขึ้นมาเอง ปล่อยให้มันคิดไปเลย ปล่อยให้มันคิดไปแล้วเอาอย่างนี้
    ตั้งใจเอาไว้ ว่า เอา เอา เอาเอา แกจะคิดไปถึงไหนฉันจะตั้งใจดูแก
    คิดไปเหนือ ไปใต้ คิดไปนรก คิดไปสวรรค์ คิดไปบ้านคิดไปช่อง
    คิดไปเที่ยว หาเที่ยวแซ่ เที่ยวสาว คิดไปลักไปขโมยไปจี้ไปปล้น
    ตามมันไป
    ตามมันไป
    รู้มันไป
    มันจะไปถึงไหน
    ที่นี่ ถ้าเราเอาความคิดนั้นเป็นอารมณ์จิต
    กำหนดสติตามรู้ รู้ รู้ รู้ รู้รู้มันไป

    เมื่อ สติสัมปชัญญะ ตัวนี้ มีพลังแก่กล้าขึ้น
    ผลมันจะเกิดขึ้นเป็น สองอย่าง

    ถ้าสติตามทันความคิดทุกขณะจิต
    จิตคิดไปดูไป คิดไปดูไป คิดไปดูไป
    ตัวคิดไม่หยุดนั่นเป็นตัว วิตก
    สติรู้พร้อมในขณะที่ จิตมีความคิด นั่นคือ ตัว วิจาร
    จิตคิดไม่หยุด
    เราก็รู้มันเรื่อยไป ประเดี๋ยว ปีติมันก็บังเกิดขึ้น
    คิดไปดูไป คิดไปดูไป กายก็เบาจิตก็เบา
    หนักๆเข้า กายก็สงบ จิตก็สงบ

    มันสงบอย่างไร มันคิดอยู่ไม่หยุดมันสงบอย่างไร
    เอาคัมภีร์ไหนมาพูด
    มันคิดอยู่มันสงบ เพราะจิตตัวรู้ สติตัวรู้ มันเป็นปกติ
    ไม่มีความยินดี
    ไม่มีความยินร้าย
    ในความคิดนั้น
    คิดแล้วก็ปล่อยวางไป พออารมณ์ กับจิตมันดูดดื่ม ซึมซาบ
    สติที่ไปกำหนดรู้ อยู่ที่ความคิด ที่เกิดดับ เกิดดับ อยู่อย่างนั้น
    อย่างแน่วแน่มั่นคง รู้ทันทุกขณะจิตเขาเรียกอะไร ฮึ .. ???

    จิตตานุปัสนา สติปัฏฐาน ไม่ใช่เหรอ
    ฮึ ..??? ภาวนามาจนประสาทโง่ โง่ไม่เข้าท่า

    ความคิดที่มันคิดอยู่ไม่หยุด สติจะตั้งอยู่ที่ความคิด
    กำหนดรู้ที่ความคิดตลอดไป นี่แหล่ะ ตัวนี่แหล่ะ
    เค้าเรียกว่า ....ธัมมานุปัสนา สติปัฏฐาน ....

    นักปฏิบัติทั้งหลายโง่มานานแล้ว
    เพราะฉะนั้นทำความเข้าใจซะให้ดี

    ท่านอาจารเสาร์ ท่านพูดเป็น คติเตือนใจไว้ว่า ...
    โอ้ เมื่อก่อนนี่จิตข้ามันสงบ สว่างไสว
    แต่เดี๋ยวนี่....มันมีแต่ความคิด มันไม่สงบซักที ...

    นี่อาจารย์ใหญ่ เปิดคัมภีร์เอาไว้อย่างนี้
    ทำไมลูกศิษย์ๆไม่จดจำคำสอนของอาจารย์ เฮ้อ... เพราะฉะนั้น
    เรามาสอนกรรมฐานอยู่นี่ เกือบ ยี่สิบปีหรือ ยี่สิบปี
    หาคนเอาดิบเอาดีไม่ได้
    เพราะไม่เชื่อครูบาอาจารย์

    อาจารย์ใหญ่ท่านว่า
    เวลานี่ จิตข้าไม่สงบมีแต่ความคิด
    พอถามท่าน
    จิตมันเสื่อมหรืออย่างไร...
    เอ้า... ถ้ามันเอาแต่นิ่งสงบอย่างเดียวมันก็ไม่ก้าวหน้าซี่
    .....ท่านว่าอย่างนี่ล่ะ


    ป.ปราบ โหลดฟังเต็มๆได้ที่ลายเซ็น
    ไฟล์ที่ ๐๖๓-๐๖๔ เรื่อง จิตแท้ จิตดั้งเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กรกฎาคม 2012
  3. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    จริงอยู่ที่ จิตตานุปัสนา สติปัฏฐาน แม้ จิตฟุ้งซ่านก็รู้อยู่ว่า จิตฟุ้งซ่าน จิตหดหู่ก็รู้อยู่ว่าจิตหดหู่

    เมื่อจิตฟุ้งซ่านซึ่งเป็นนิวรณ์ ที่เป็นอุปสรรคกับกรรมฐานกองอื่นๆ นอกเหนือจาก จิตตานุปัสนา สติปัฏฐาน

    จิตฟุ้งซ่านในความคิดนั้นก็ควรระงับให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถข้ามผ่านไปถึงฌานสอง สาม สี่ ได้

    จิตตานุปัสนา สติปัฏฐาน ที่สามารถตามรู้ความคิดที่ฟุ้งซ่าน โดยไม่เป็นนิวรณ์นั้นต้องผ่าน อานาปานุสติ ที่กำจัดความฟุ้งซ่านได้มาก่อน

    ถ้าเพิ่งเริ่มใหม่ๆ ความคิดนั่นก็คือ ความฟุ้งซ่าน การตามดูก็เพื่อให้มันสงบเองเท่านั้น เมื่อสงบแล้วก็เริ่มทำสมาธิใหม่

    อีกอย่างการทำสติปัฏฐานสี่ ก็ควรคิดอยู่ในขอบเขตของกรรมฐานเท่านั้น ถึงจะเรียกว่าฝึกสติ ฝึกจิต

    เพราะถ้าสติยังไม่ตั้งมั่น สติตัวรู้ก็จะพลอยผสมโรงไปกลับความคิดฟุ้งซ่านนั้นๆกว่าจะมีสติกลับมาอีกทีก็จบเรื่องพอดี
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ความคิดนั้นมีทั้งนำพาไปในที่ ที่ถูก หรือไม่ก็นำพาไปให้หลงผิด ความคิดนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยจิต เฝ้าตามดูก็ด้วยจิต สิ่งที่เกิดขึ้นกับจิตนั้นต้องว่ากันไปถึงตอนที่คนเราได้เกิดขึ้นมาบนโลก บาปและบุญส่งผลทางด้านความคิด หากว่าเราคิดถึงความตายอยู่เป็นนิตย์วันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้วจิตของเราจะคิดต่อไปว่ายังไง ก็คงจะไม่คิดอีกเพราะมันไม่มีอีกแล้ววันพรุ่งนี้ สิ่งที่ได้จากการคิดถึงความตายเป็นนิตย์จะทำให้เห็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า หรือ ในปัจจุบัน มิใช่ความคิดเหรอที่ทำให้เราเป็นเช่นนี้ มิใช่ความคิดเหรอที่ทำให้เราต้องมาเกิด ก่อนที่คนเราจะลืมตาดูโลกนั้น คนเราจะคิดว่าเมื่อไหร่ถึงจะตื่นรู้สึกว่านอนนานแล้ว แต่พอเกิดแล้วภาพที่เห็นก็มีแต่สีขาวๆมองไม่เห็นอะไร พอมีคนเดินมาก็เห็นเป็นภาพลางๆสีดำ แถมยังรู้สึกหิวแต่ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิมสิ่งเดียวที่คิดได้ก็คือการร้องโวยวาย นี่ความคิดนำเรามาเกิด ความคิดเกิดจากจิต ดับจิตได้ความคิดไม่เกิด ไม่มีผู้สร้างบ้านแล้วเราจะเกิดได้ยังไง ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  5. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    อนุโมทนาด้วยครับ และขออนุญาต โหลดไฟล์เสียง ขอบคุณอีกครั้งนะครับ
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ยินดีในการศึกษาธรรมครับ โหลดได้ตามอำเภอใจเลยครับ

    แท้ตลอดกาล ^^
     
  7. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ,,,,, :z15 ,,,,, ,,,,,
     
  8. sirenia

    sirenia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +192
    นั้นเป็นเพราะว่า ศีลยังไม่ค่อยดี กิเลสเยอะ นั่งสมาธิมันก็จะฟุ้งซ่านมากอย่างนั้นแหละ งดข้าวเย็น ทำงานเยอะ และเลิกกินเนื้อสัตว์ เดี๋ยวกิเลสมันก็จะน้อยลงเอง
     
  9. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ควาย หรือสัตว์กินพืช คงไม่มีกิเลสละม้าง
     
  10. sirenia

    sirenia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +192
    ควายหรือสัตว์กินพืช มันทำตามสันชาติญาณมัน อย่างน้อยสัตว์มันก็กิเลสน้อยกว่าคน แต่มันนั่งสมาธิไม่ได้เพราะสติปัญญา และความจำกัดทางกายภาพ ทำให้มันนั่งสมาธิไม่ได้ไง แต่คุณจะเชื่อฉันไม่เชื่อก็สุดแต่คุณเพราะฉันไม่ได้นับถือพุทธ และก็เชื่อตามแบบของฉันอีกอย่างที่น่าคิดคือ สัตว์มันไม่มีสันดารเลว มันโกหกไม่เป็น มันไม่ด่าใครแบบคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ธันวาคม 2013
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ฉะนั้นคำว่า ไอ้สัตว์เดรัชฉาน สมควรจะเป็นคำชมสำหรับคนที่ใช้ละม้าง

    หุหุ

    ส่วนคำว่าเชื่อหรือไม่เชื่อไม่ยากหรอก
    ทำตามดูก็ได้ผลเอง ยืนยันด้วยตัวเองได้
    บอกคนอื่นได้เมื่อทำตามแล้วจะได้ผลเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องง้อหรือบังคับใคร
    เป็นเรื่อง ใครลองใครกินใครรู้ใครอิ่ม
    เว้นแต่พวกขี้เกียจกิเลสอ้างเท่านั้นแหล่ะ สำหรับชาวพุทธ
     

แชร์หน้านี้

Loading...