ปฎิบัติเพื่อละ หรือเพื่อเกาะ(คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง)

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย กลิ่นลำดวน, 21 ตุลาคม 2013.

  1. กลิ่นลำดวน

    กลิ่นลำดวน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +2,461
    ปฎิบัติเพื่อละ หรือเพื่อเกาะ(คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง)



    สมัยพระพุทธเจ้่าที่เขาเป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ นี่ เขาหาจุดเลย ภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี่เป็นของดี แต่ว่าเป็นการระงับอารมณ์ฟุ้งซ่าน แต่พออารมณ์มันฟุ้งซ่านมันหายไป หรือยามปกติเราก็ต้องนั่งนึกว่า เรามันต้องตายใช่มั๊ย ตายแล้วถ้าไม่ดีนี่ มันเกิด อย่างนี้ ไอ้พวกที่มาเกิดนี้โง่ทั้งนั้น นะนี่ ฉันด้วย หรือถ้าฉันไม่เกิดจะพูดกับแกได้เหรอ ใช่ไหม ไอ้ที่เรามาเกิดเพราะโง่ ไม่ใช่เกิดเพราะความฉลาด อะไรมันทำให้เกิด กิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม กิเลส คือ อารมณ์ที่มันเศร้าหมอง รักโน้น เกลียดนี่ นี่ตัวกิเลสใช่มั๊ย ไอ้นี้ รัก ก็เศร้าหมอง เศร้าหมองไหม รักกันไป รักกันมา เห็นแฟนไปเดินกับคนอื่น ชักโมโหแล้วใง ไอ้นี่
    "ปิยโต ชายเต โสโก ปิยโต ชายเต ภยัง"
    พระพุทธเจ้า บอกว่า
    ความเศร้าโศกเสียใจเกิดจากความรัก ภัยอันตรายเกิดจากความรักใช่ไหม
    เมื่อวานนี้เขา ว่า พวงก๋วยเตี๋ยวใครหายไปพวง พวงปักมีดปาดเข้านะ อยากเอาใจออกห่าง หนังสือพิมพ์เขาลง นี่ความรักอันตรายใชไหม ความรัก(หัวเราะ) ใช่ไหม แหม...เอาถุงก๋วยเตี๋ยวไปเสียเลย ที่พระพุทธเจ้าบอกภัยอันตรามันเกิดแก่ความรักใชไหม ความเศร้าโศกเสียใจ จะมีขึ้นได้ก็เพราะอาศัยความรักเป็นเหตุ นี่ไอ้พวกเรามันติดอยู่ในกิเลสคือ ความรัก ความโกรธ มันถึงได้เกิด เมื่อความรักมันเกิดขึ้น กิเลสเกิดขึ้น ไอ้ตัณหาความอยากได้ มันก็เกิด ทีนี่ไอ้ตัวตัณหานี่มันมีภัย
    อยากได้ตะเกียก ตะกาย อุปาทานความยึดมั่น คิดว่าอาการชั่วอย่านี้มันเป็นของดี อกุศลกรรมก็เกิด อกุศลกรมนเมื่อทำความไม่ฉลาด อกุศลกรมนี่แปลว่าไม่ฉลาด กรรมแปลว่าการกระทำ ไอ้เรื่องที่มันฉลาดก็ทำแบบโง่ๆ ก็ืเป็นเหตุที่ทำให้เหตุเกิดทุกข์นั้นเอง ติดโน้นติดนี่ ไอ้นี่ก็ของกู ผัวของกู เมียของกู ลูกของกู หลานของกู เดี๋ยวตายโหงไปหมด ของกูไม่มีแล้วใช่ไหม
    พอตายแล้วบ้านของกูก็เป็นของคนอื่นไปแล้ว ผัวของกูก็เป็นของคนอื่ไปแล้ว เมียของกูก็เป็นของคนอื่นไปแล้ ไอ้ลูกของกูมันก็เป็นของไม่รู้ มันไม่ตามเราละ รวมความว่าไอ้นี่ ไอ้คำของกู กูนี่มันโง่ ที่นี่ที่เราเกิดมา เพราะอำนาจกิเลสตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม มันโง่ใช่ไหม เลิกหรือยังละ
    ทีนี่เมื่อเราพบพระพุทธเจ้าแล้ว เราก็นั่งเลิกโง่กันเสียทีสิ ใช่ไหม เลิกหรือยังละ เลิกประเดี๋ยว เลิกวันละ สองนาทีก็พอ ใช่ไหม เอ้าเลิกวันละสองนาทีนี่มีผลนะ อย่าเข้าใจว่าไม่ดี
    พระพุทธเจ้าตรัสกับพระสารบุตรว่า "สารีปุตตะ ดูก่อนสารีบุตร บุคคลใดมีจิตเมตตากรุณาต่อสัตว์โลก ทั้งปวง คือนำอารมณ์ว่างจาความโกรธนะ และความมีอารมณ์รัก นึกชาวโลกทั้งหมด สัตว์โลกทั้งหมดเป็นมิตรกับเรา เราไม่คิดเป็นศัตรูกับใคร เราต้องการให้สัตว์โลกทั้งหมดมีความสุขด้วยจิตมีกำลังใจคือจิตบริสุทธิ์จริงๆนะ เพียงแค่ชั่วขณะจิตหนึ่ง ท่านกล่าวว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ไม่ว่างจากฌาน"
    แล้วก็ท่านบอกอีกจุดหนึ่ง ท่านบอกว่า ท่านไปกับพระอานนท์ ว่า
    "บุคคลใดมจิตวางจากกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง เรากล่าวว่า บุคคลนั้นเป็นผู้มีจิตไม่ว่างจากฌาน"
    ใช่ไหมคือช่วงขณะจิตนี่มันไม่ถึงนาที แวบหนึ่งแต่จิตมันสบายนะ เรากล่างว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ไม่ว่างจากฌาน ทั้งนี้เพราะอะไร แล้วท่านตรัสอีกตอนหนึ่งว่า น้ำที่ตกมาทีละหยาดๆ สังเกตไอ้เขารองน้ำตาลไหม น้ำตางลงกระบอกนะ ถ้าปาดหัวนิดหนึ่ง หยดแปะๆ บางอันก็หยด บางอันก็หยดติ๋งๆๆๆ นานนาน แป๊ะหนึ่งแป๊ะ พอเช้าขึ้นไปเอากระบอกยาวแค่นี้เต็มปรี่่ แล้วบอกว่า น้ำตกลงมาทีละหยาด ก็สามารถทำให้ภาชนะเต็มได้ฉันใด แม้แต่ความดีที่เราใช้กำลังใจ คือเครื่องตัดกิเลส วันหนึ่งเราทำได้ ชั่วขณะจิตหนึ่ง ทำได้ทุกๆวัน ไม่ช้ากิเลสมันก็สลายไป มันก็ต้องมีจุดไป
    ถ้าเราปฎิบัติกรรมฐานนี่ ไอ้ที่ปฎิบัติกันไม่ได้นี่มัน เลอะเทอะส่งเดชนะ ไอ้ที่มันบ้าบ้าบอบอ บางทีมันก็เมาสามาธิ เมานั่งใช่ไหม เมาภาวนา ของกูภาวนาว่าอย่างนี้ดีกว่าของมึง อ๊ะ! ใช่ไหมกูนั่งได้นานกว่ามึง มึงนั่งได้น้อยกว่ากู
    ก็เมานั่งภาวนา เมานั่ง ตายตกนรกแหงแก๋ แล้วถ้าเราเมาแบบนั้น สำนักเราดีกว่าสำนักโน้น สำนักโน้นเลวกว่าทางนี้ ตกนรกกิเลสมันท่วมหัว มีมานะทิฎฐิ ไอ้สำนักนะมันดีเท่ากันหมด สำนักนี้เขาสร้างด้วยไม้ ด้วยอิฐ ด้วยปูน แข็งใช่ไหม นั่งได้ นอนได้ เยี่ยวได้ ขี้ได้ ใช้ได้ มันเหมือนกันแหละ เออ....แต่ว่าไอ้คนสำนักนี่ มันจะดีหรือ ระยำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 ธันวาคม 2013
  2. นาย หวังดี

    นาย หวังดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    395
    ค่าพลัง:
    +1,272
    กราบหลวงพ่อครับ
     
  3. Limtied

    Limtied เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    822
    ค่าพลัง:
    +3,662
    น้ำที่ตกมาทีละหยาดๆ สังเกตไอ้เขารองน้ำตาลไหม น้ำตางลงกระบอกนะ

    ถ้าปาดหัวนิดหนึ่ง หยดแปะๆ บางอันก็หยด บางอันก็หยดติ๋งๆๆๆ นานนาน แป๊ะหนึ่งแป๊ะ

    พอเช้าขึ้นไปเอากระบอกยาวแค่นี้เต็มปรี่่ แล้วบอกว่า น้ำตกลงมาทีละหยาด

    ก็สามารถทำให้ภาชนะเต็มได้ฉันใด แม้แต่ความดีที่เราใช้กำลังใจ

    คือ เครื่องตัดกิเลส วันหนึ่งเราทำได้ ชั่วขณะจิตหนึ่ง ทำได้ทุกๆวัน

    ไม่ช้ากิเลสมันก็สลายไป มันก็ต้องมีจุดไป
     
  4. sirenia

    sirenia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +192
    ทุกคนส่วนใหญ่ที่มาเข้าทางธรรมก็ล้วนปฏิบัติเพื่อละ นอกเสียจากพวกที่อ้างตัวว่าเป็นพุทธสายบำเพ็ญโพธิสัตว์อะไรนั้น เห็นมาหลายคนแล้ว มีแต่มิจฉาธิฐิเต็มหัว ชนิดเหมือนกบในกะลา เพราะพวกนี้ไม่ใช่พุทธแท้ พวกลัทธิโพธิสัตว์ เป็นพวกที่ได้รับอิทธิพลศาสนาตะวันออกกลาง เป็นสายเดียวกะ อหุรา มาสด้า ยูดาย คริตส์ อิสลาม ชอบตั้งตนเป็น God อ้างมามาปลดแอกชาวบ้านแต่ที่แท้คือยิ่งชักนำให้คนยิ่งทะเลาะกันและจมกับการเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุด เมื่อสองสามวันก่อนได้อ่านเจอมาว่า พวกสายนี้ คนก่อตั้งคือพวกชาวอัฟกานีสถานที่นับถือพระเจ้าเดิม แบบพวกแขกขาวในตะวันออกกลาง แล้วไปบวชกับศาสนาพุทธ หลังจากนั้นก็เอาเข้าไปเผยแพร่ในจีน มิน่าคำสอนพวกนี้ถึงได้ มีแต่มิจฉาธิฐิ ชอบสู้รบนำพาคนไปตายไปตีกัน แบบพวกฮีโร่ ในประวัติศาสตร์ทาง แขกและทางยุโรป ที่อะไรๆก็อ้าง God พระผู้ช่วยให้รอดหรือ aka โพธิสัตว์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ธันวาคม 2013
  5. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ถ้าเรายังเสียดายกิเลสเราจะปล่อยวางไม่ได้ เมื่อเราพิจารณาเห็นกิเลสว่าเป็นสิ่งกีดกันไม่ให้เราเจริญในธรรม เราจะยินดีในการละกิเลสตลอดเวลา อนุโมทนาในคำสอนของหลวงพ่อค่ะ
     
  6. jamesnuke

    jamesnuke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +224
    ธรรมดา ผู้ท่องเที่ยวไปในวัฏฏะสงสาร อันยาวไกล หาต้นตอเเละจุดจบไม่พบ ตราบใดยังไม่บรรลุอมตธรรม ก็ยอมมีความเห็นถูกและผิดเป็นธรรมดา ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอะไร ? เพราะว่า ขึ้นอยู่กำลังของกุศล ถ้ามีกำลังมาก ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็มีน้อย ในทางตรงกันข้าม กำลังของกุศลมีน้อย จิตก็ยอมมีความเห็นผิดเป็นธรรมดา เหตุเพราะมีอวิชชาเป็นสมุฎฐาน (เเดนเกิด)
    ผู้ท่องเที่ยวไปในภพน้อยใหญ่นี้ จึงมีคติภูมิไม่แน่นอน ส่วนผู้เล็งเห็นเหตุนี้จึงรีบเร่งขนขวยเพียรตนให้พ้นจากทุกข์ ด้วยการประพฤติตนไม่ประมาทในธรรม ไม่ช้าไม่นานผู้นั้นก็ย่อมถึงฝั่งเเห่งความปราถนา ดังพุทธภาษิตว่า วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ คนจะล่วงพ้นจากทุกข์ำได้เพราะประกอบเพียร......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2013
  7. ไข่นคร

    ไข่นคร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +281
    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...