ถามเรื่อง พระกษิติครรภโพธิสัตว์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย spyderco, 16 ธันวาคม 2013.

  1. spyderco

    spyderco เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +201
    พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ไช่มั้ยครับ ที่ท่านปรารถนาว่า
    ท่านจะยังไม่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    สรรพสัตว์ ต้องไปนิพพานให้หมดก่อน ท่านจึงจะไปเป็นองค์สุดท้าย

    คำถาม
    1. พระพุทธเจ้าบอกว่า สรรพสัตว์ที่เวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร ไม่มีวันหมด ไช่มั้ยครับ ?
    2. งั้นพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ก็ไม่มีวันที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วไปนิพพานเป็นองค์สุดท้ายไช่มั้ยครับ ?
    3. พระกษิติครรภโพธิสัตว์ เป็น นิยตะโพธิสัตว์ หรือไม่ครับ (ได้รับคำพยากรณ์หรือยัง)
    4. นิยตะโพธิสัตว์ ยังตกนรก ได้อยู่หรือไม่ (เพราะเห็นหนังสือเขียนว่านิยตะโพธิสัตว์ ไม่ตกนรก , ไม่เกิดเป็นสัตว์ตัวเล็กกว่านกกระจาบ ไม่ตัวใหญ่กว่าช้าง , และเมื่อท้อก็ไม่สามารถลาพุทธภูมิได้แล้ว)
    แต่ทำไมเรื่องเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดําบอกว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดําท่านเป็น นิยตะโพธิสัตว์ จะเกิดอีกแค่ 7 ชาติ แต่ก็ลาพุทธภูมิ (ผม งง เลยอะครับ ยังไงกันแน่)

    ขอบพระคุณสำหรับทุกคำตอบครับ (สงสัยเรื่องนอกกายอีกแล้ว)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2013
  2. หมอมด

    หมอมด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +208
    ...พระโพธิสัตว์ที่ตั้งมหาปณิธานที่จะฉุดช่วยสรรพสัตว์ทุกดวงจิต โดยจะขอเข้าสู่พระนิพพานเป็นคนสุดท้ายคือพระอวโลติเกศวร หรื พระโพธิสัตว์กวนอิมครับ
    ...ส่วนพระกษิติครรถ์โพธิสัตว์ ท่านตั้งปณิธานที่จะฉุดช่วยทุกดวงวิญญาณที่ได้ไปเสวยทุกขเวทนาในนรกภูมิครับ
    ...ตามคำสอนของพระอาจารย์ พ. ท่านสอนว่า พระโพธิสัตว์ทางสายมหายานส่วนใหญ่จะบำเพ็ญบารมีมาทางด้านศรัทธาธิกะครับ
     
  3. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ... เป็นแค่ความปรารถนาของท่านพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ได้ไม่ได้นั้นเป็นอีกเรื่องนึงครับ เน้นย้ำว่าเป็นแค่ความปรารถนาเท่านั้น ทุกคนมีสิทธิ์ปรารถนาได้นานาตามชอบใจ แต่จะได้ดังใจปรารถนาน้อยนัก พันล้านคนจะสมความปรารถนาสักคนก็ยากครับ

    ... ได้เห็นแต่ในตำราเขียนกัน แต่ตัวจริงท่านจะว่ายังไงก็ไม่รู้ เผลอๆท่านพระกษิติครรภโพธิสัตว์อาจมาเกิดสร้างบารมีอยู่ที่ประเทศไทยก็ได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2013
  4. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090

    ว่าด้วยมหายานพุทธะ

    เรียกจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง หรือจักวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ว่าธรรมกาย
    ไม่มีรูปลักษณ์ หรือจะบอกว่าเป็นนิพพานก็ได้
    ให้ชื่อว่า อาทิพุทธะ
    และแยกย่อยต่อมาเป็น สัมโภคกาย คือตัวองค์ความรู้ต่างๆในโลก ที่แบ่งออกมาเป็น ๕ ส่วน
    เริ่มตั้งแต่ พระไวโรจนพุทธะ ไปจนถึงพระอมิตาภะพุทธะ
    พลังงานความรู้ทั้ง ๕ รวมเรียกว่า ฌานิพุทธะ หรือ ธยานิพุทธะ
    ส่วนพระพุทธเจ้าที่เป็นมนุษย์ เรียกว่า มนุษพุทธะ เป็นนิรมานกาย

    ซึ่งตามความเชื่อของนิกายมหายาน
    เคารพที่พระอมิตาภะเป็นหลัก ซึ่งไม่ใช่มนุษย์
    เป็นพลังงานความรู้ที่แตกออกมาจากจักวาลหรือแยกมาจากธรรมกาย
    แต่อาจจะมีผู้ไปสัมผัส และด้วยขันธ์ของมนุษย์
    สัมผัสการรับรู้ จึงต้องปรุงแต่งให้ออกมาในรูปกาย เฉกเช่นมนุษย์
    จึงได้มีการเขียนรูปลักษณ์ของเหล่า ฌานิพุทธะไว้เหมือนมนุษย์

    ต่อมายังแยกย่อยออกมาอีก
    จากพระอมิตาภะพุทธะ ยังแบ่งพลังงานออกมาอีก ๒
    หนึ่งคือ พระอวโลกิเตศวร
    อีกหนึ่งคือ พระกษิติครรภ
    ซึ่งทั้งสองแบบ ก็มิใช่มนุษย์ เป็นพลังงานความรู้ เป็นจิตวิญญาณ
    ที่แตกต่างจากจิตวิญญาณอย่างเราๆ

    และด้วยความเชื่อ ด้วยความคิดที่ว่าองค์หญิงเหมี่ยวซานคือพระโพธิสัตว์
    และคิดว่าองค์หญิงเหมี่ยวซานคือพระอวโลกิเตศวร
    และได้ให้สมยานามอีกอย่างว่า พระโพธิสัตว์กวนอิม

    ทำให้เข้าใจไปถึงว่า พระฌานิพุทธะทั้ง ๕ ก็เป็นพระโพธิสัตว์ไปด้วย
    ซึ่งจริงๆแล้ว พลังทั้ง ๕ มีมาตั้งแต่จักวาลเกิด และจะมีอย่างนี้ตลอดไป
    ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีเกิด ไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่มีจุดปลาย

    สรุปพระโพธิสัตว์เป็นเรื่องของมนุษย์ผู้หวังจะเป็นมนุษพุทธะเจ้า
    ส่วนพระกษิติครรภ ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ต้องตาย ไม่ต้องเกิด ไม่ใช่พระโพธิสัตว์
    เป็นดวงจิตแห่งธรรมกาย คือจิตนิพพาน

    ด้วยเหตุนี้ จึงมีดินแดนสุขวดีของพระอมิตาภะ และอีกสี่แบบสำหรับสี่สัมโภคกายที่เหลือ มีความเชื่อว่า จะต้องไปเกิดที่นั่น และนิพพานที่นั่นให้ได้
    เพราะพระอมิตาภะคือนิพพาน การเข้าใกล้นิพพาน ก็อาจจะทำให้หลุดพ้นได้



    คำถาม
    1. พระพุทธเจ้าบอกว่า สรรพสัตว์ที่เวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร ไม่มีวันหมด ไช่มั้ยครับ ?
    ตอบ...จริง เพราะถึงจุดๆหนึ่ง จิตนิพพานก็จะแบ่งจิตออกมาอีก ไม่จบสิ้น

    2. งั้นพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ก็ไม่มีวันที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วไปนิพพานเป็นองค์สุดท้ายไช่มั้ยครับ ?
    ตอบ...การเวียนว่ายตายเกิด เป็นเรื่องของจิตทั่วๆไป แต่พระกษิติครรภ ไม่ใช่

    3. พระกษิติครรภโพธิสัตว์ เป็น นิยตะโพธิสัตว์ หรือไม่ครับ (ได้รับคำพยากรณ์หรือยัง)
    ตอบ...ไม่มีตัวตน ก็ไม่มีความเป็นสิ่งใด ไม่เกิด ไม่เจ็บ ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่มีนิยตะ ไม่มีอนิยตะ

    4. นิยตะโพธิสัตว์ ยังตกนรก ได้อยู่หรือไม่ (เพราะเห็นหนังสือเขียนว่านิยตะโพธิสัตว์ ไม่ตกนรก , ไม่เกิดเป็นสัตว์ตัวเล็กกว่านกกระจาบ ไม่ตัวใหญ่กว่าช้าง , และเมื่อท้อก็ไม่สามารถลาพุทธภูมิได้แล้ว)
    แต่ทำไมเรื่องเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดําบอกว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดําท่านเป็น นิยตะโพธิสัตว์ จะเกิดอีกแค่ 7 ชาติ แต่ก็ลาพุทธภูมิ (ผม งง เลยอะครับ ยังไงกันแน่)

    ตอบ...นิยตะโพธิสัตว์ ก็มีทุกข์ มีความเศร้าหมองของจิตได้ ถ้าเหตุการณ์ก่อนตายที่ได้ประสบ
    ทำให้เสทือนใจมากๆ ก็ลงนรกได้เหมือนกัน จะไม่ลงนรก ต้องเป็นอริยบุคคล ตั้งแต่โสดาบันขึ้นไปเท่านั้น
    เรื่องหลวงพ่อลิงดำ สันนิธานได้เลยว่า ท่านเป็นอนิยตะโพธิสัตว์ เกิดความคิดเบื่อหน่าย ไม่อยากเกิดอีก
    จึงสำเร็จโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ไปตามลำดับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2013
  5. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวละกันนะ นอกคำถามจขกท.

    พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ส่วนตัวเคยสัมผัสไม่กี่ครั้ง ท่านจะเที่ยงตรงมาก เคร่งครัดในแบบแผนปฏิบัติ เพราะฉะนั้นไม่สนิท ตอบได้ไม่มาก
    แต่ที่ท่านเน้นเห็นจะเป็นละชั่ว ทำความดี นั่งสมาธิ ช่วยเหลือผู้ตกยากเสมอ

    [​IMG]

    มหาปณิธานของท่าน คือ "หากนรกภูมิ มิว่างเว้นจากเวไนย เราก็ยังนิพพานมิได้" เป็นมหาปณิธานแบบเดียวกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

    การฉุดช่วยผู้อื่น ไม่ว่าพวกเขาอยู่ภพภูมิใด ก็คือ การฉุดช่วยตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2013
  6. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... เรื่องพระโพธิสัตว์นิยตะลาพระพุทธภูมินั้น สามารถลาพุทธภูมิได้ถ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ลา

    ... และท่านพระเดชพระคุณหลวงปู่พระราชพรหมยาน ท่านเป็นพระวิริยาธิกะพุทธภูมินิย ตะบรมโพธิสัตว์ เหลือระยะเวลาอีกประมาณ ๑๒ ปี จะครบ ๑๖ อสงไขย กำไรแสนกัป แต่ท่านหลวงปู่เบื่อหน่ายการคอยท่านก็เลยลาพุทธภูมิไปพระนิพพานชาตินี้

    ... อีกอย่างได้เคยอ่านหลวงพ่อเล่าให้ฟังท่านว่า องค์สมเด็จพระอโนมทัสสีอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยเตือนท่านหลวงพ่อแล้วตั้งแต่ครั้งสมัยพระองค์ท่านว่าจะลาพุทธภูมิ

    ... พระโพธิสัตว์ ถ้ายังไม่มีบารมีเต็มตามประเภทที่ตัวเองปรารถนา คือ

    ... ๑. ปัญญาธิกะโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย กำไรแสนกัป

    ... ๒. สัทธาธิกะโพธิสัตว์ ๘ อสงไขย กำไรแสนกัป

    ... ๓. วิริยาธิกะโพธิสัตว์ ๑๖ อสงไขย กำไรแสนกัป

    ... ก็ยังมีสิทธิ์ลาพุทธภูมิได้ ถ้ามีพระบารมี ๓๐ ทัศ เต็มเปี่ยมแล้วเหมือนพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ลาไม่ได้แน่นอน ไม่เชื่อก็ลองปรารถนาพระพุทธภูมิดูครับ ของแบบนี้มันต้องลองดูกันสักตั้ง

    ... โบราณว่า " สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ "
     
  7. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    แต่ทั้งหมดก็ล้วนคือความเชื่อ ที่ขาดเหตุขาดผล ยังไม่ได้เห็น ไม่ได้คลำ
    ถ้าว่าตามเหตุผล ถ้านิยตโพธิสัตว์สามารถยกเลิกได้
    แล้วจะแบ่งกันไปทำไม อนิยตะ กับ นิยตะ
    ในเมื่อนิยตะ หมายถึงแน่วแน่ แน่นอน เป็นพระโพธิสัตว์แน่นอน
    แล้วทำไม่ทำเหมือนไม่แน่นอน มายกเลิก มาเบื่อเสียได้

    เรื่องพระโพธิสัตว์นิยตะลาพระพุทธภูมินั้น สามารถลาพุทธภูมิได้ถ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ลา
    พุทธองค์ปรินิพพานไปนานแล้วครับ พระองค์บอกว่า พระธรรมเท่านั้นเป็นศาสดา

    องค์สมเด็จพระอโนมทัสสีอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยเตือนท่านหลวงพ่อแล้วตั้งแต่ครั้งสมัยพระองค์ท่านว่าจะลาพุทธภูมิ
    เป็นเรื่องนิมิตที่ไปรับรู้ส่วนตนนะครับ ในเรื่องของจิต มีความปรุงแต่งปนอยู่
    อาจจะจริงก็ได้ ไม่จริงก็ได้ แต่ที่แน่ๆ ผู้เล่าผู้ฟังตามกันมา ไม่ได้ประสบไม่ได้พบเจอด้วยตนเองแน่นอน และหลวงพ่อลิงดำก็คงไม่ได้พูดออกมาให้ขัดเจน
    บ่อยครั้งที่ลูกศิษมันจะทำหนังสือ และใส่ความคิดความเชื่อของตนลงไป
    โดยอาศัยชื่อของหลวงปู่หลวงพ่อที่ตนศรัทธา มีทั้งความจริงบ้างไม่จริงบ้าง
    ส่วนหนึ่ง บุคคลรุ่นหลังเกิดมาไม่ทันพบตัวจริง และไม่มีเสียงบันทึกเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว


    ไม่เชื่อก็ลองปรารถนาพระพุทธภูมิดูครับ ของแบบนี้มันต้องลองดูกันสักตั้ง
    ผมปรารถนาแน่นอนอยู่แล้วครับ
    การจะเชื่ออะไรก็ต้องเป็นเหตุเป็นผล
    อยากจะเป็นผู้ชี้ทาง ไปสู่การสิ้นทุกข์
    จะมามัวยึดมั่นในสิ่งที่มองไม่เห็น
    มัวไปสนใจความเชื่อเรื่องทางจิตอย่างนั้นไม่ได้
    มุ่งเพียงทางเดียว คือ การละกิเลส
    เข้าใจไตรลักษณ์ รู้อริยสัจ และทำมรรคให้แจ้ง
    ที่ควรทำมีเพียงเท่านี้
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ขออนุโมทนาครับ นี่คือปณิธาณที่ถูกต้องครับทั้งของพระอวโลกิเตศวรและพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ครับ ขอให้เข้าใจตรงนี้ให้ถูกต้องก่อนครับ

    ทีนี้เมื่อปราถนาเช่นนี้ ก็ต้องเข้าใจว่า การสร้างบารมีที่จะเป็นเหตุปัจจัยนั้นก็จะต้องอาศัยกำลังอย่างมาก

    พระ กษิติครรภ์ต้องสร้างบารมีอย่างมาก ต้องปูพื้นฐานไว้หลายอย่าง และต้องทำไว้ให้มาก เพื่อให้กาลเวลานั้นที่จะมาถึง เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายว่างเว้นจากนรกภูมิ เพราะได้ช่วยสรรพสัตว์ให้เข้าถึงความดีไว้มากมาย จนไม่มีหลงเหลือในนรก แล้ว ในวาระนั้น พระกษิติครรภ์จึงจะได้มาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเองครับ

    ส่วนความเป็นนิยตะก็คือนิยตะไม่อาจเป็นอื่น อนิยตะก็คืออนิยตะก็เช่นกัน อาศัยกำลังใจและกำลังบารมีเป็นเหตุปัจจัย

    ดัง นั้นการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์แท้จริงแล้วแม้พระโพธิสัตว์จะแบ่งแยกออก เป็น3ประเภท ก็จริงและปลีกย่อยในวิธีการสร้างบารมีก็เป็นเรื่องเฉพาะตน แต่เหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลายก็ต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยตนเอง ครับ
     
  9. wayokasin

    wayokasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +277
    พระมหาโพธิสัตว์จ้าว ที่บารมีเต็มแล้ว มากล้นแล้ว จิตย่อมเป็นอิสระ สามารถเข้า-ออก จากวัตฏะวน ได้อย่างอิสระ ทรงนิรมานกาย เป็น 100-1000 โปรด สรรพสัตว์มากมาย สามารถมาโปรดเมื่อไรก็ย่อมได้ ในยามที่สรรพสัตว์ ที่ท่านรักเหมือนลูกหลานนั้นเดือดร้อน ค่อยสอดส่อง เหมือนบิดา-มารดา คอยดูแล สุข-ทุกข์ให้แก่บุตร

    ท่านมีมหาปณิธานที่ยิ่งใหญ่ มีอิสระ ในการโปรดสัตว์ได้ ทุกโลกธาตุ
    อัครมหาโพธิสัตว์ทั้ง 4 ของมหาญาน ลองไปหาดูครับ

    ท่านปรารถนา ช่วยสรรพสัตว์ที่ได้รับความ ทุกข์ทรมาน จากผลกรรมของตนเองใน อบายภูมิ บ้างก็ไฟเผา บ้างก็ โดน ตัดมือเท้า บ้างก็จับลงกะทะ น่าสงสาร น่าเวทนายิ่งนัก
    ท่านจึงต้องการช่วยคนเหล่านั้นให้พ้นทุกข์ แม้โลกอื่น ๆ ที่ไม่ใช่โลกมนุษย์ บ้างก็ไม่มีนิพพาน ไม่มีพระธรรมคำสอน ท่านก็ไปโปรด ไปสอน ไปช่วยอยู่เสมอ


    นำโม ตี่ จ่าง อ้วง ผู่สัก
    ตี่จ้าง ผู ซ่า
     
  10. somdeth

    somdeth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +37
    ให้ยึดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักครับ โดยส่วนตัวผมเคารพหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    แต่การที่ท่านลาพุทธภูมิได้เนื่องจากท่านเป็นอนิตยโพธิสัตว์ จริงอยู่ท่านบำเพ็ญบารมีมานานแต่ที่ว่า อีก เจ็ดชาติ บารมีเต็ม คือถ้าท่านบำเพ็ญอีกเจ็ดชาติ ก็จะได้รับพุทธพยากรณ์ว่า เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ท่านจะต้องบำเพ็ญอีกถึง 16 อสงไขย ถึงจะได้เป็นพระพุทธเจ้าและลาไม่ได้อีกแล้ว
     
  11. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ... ถ้าคุณมีทิพจักขุญาณ เห็นการเกิดตายของตัวเองชาติแล้วชาติเล่า เกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน หมู หมาขี้เรื้อน กา ไก่ แร้ง ฯลฯ เป็นเทวดา เป็นพรหม เที่ยวไปในวัฏฏะสงสาร กัปหนึ่งเกิดหลายร้อยหลายพันชาติ แล้วคุณจะเกิดความเหนื่อยหน่ายอย่างยิ่งยวด ถ้าจิตไม่มีมหากรุณาอย่างไพศาล รับรองว่าลาพุทธภูมิแน่นอน

    ... องค์สมเด็จพระสรรเพชญพุทธเจ้า ผู้ทรงพระมหากรุณาเคยตรัสไว้ว่า

    ... " พระอนิยตะโพธิสัตว์ ต่างจากพระนิยตะโพธิสัตว์ตรงที่

    ... พระอนิยตะโพธิสัตว์ ถ้าลาพุทธภูมิ ก็จะไม่ได้มรรคผลอันใดเลย จะกลายเป็นโมฆะบุรุษไปเสีย

    ... พระนิยตะโพธิสัตว์ ถ้าลาพุทธภูมิ สามารถบรรลุมรรคผลเข้าพระนิพพานได้ในชาติที่ลานั้น

    ... นี่คือความแตกต่างของนิยตะโพธิสัตว์กับอนิยตะโพธิสัตว์ ถ้าลาพุทธภูมิ "

    ... ส่วนท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านเป็นพระวิริยาธิกะพุทธภูมินิยตะบรมโพธิสัตว์แท้จริง ท่านได้รับพระพุทธพยากรณ์ในสมัยสมเด็จพระอโนมทัสสีพุทธเจ้าว่า

    ... " ถ้าไม่ลาพุทธภูมิก่อนจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า สมเด็จพระพุทธอริยมุนีสัมพเกสีพุทธเจ้า แต่สงสัยว่าจะลาพุทธภูมิเสียในสมัยพระพุทธเจ้าพระสมณะโคดม "

    ... สมเด็จพระสัพพัญญูพุทธเจ้านั้น มีพระพุทธญาณที่ไม่มีผิดพลาด พูดคำไหนคำนั้น

    ... บางอย่างก็ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรือเชื่อหรอกนะ

    ... พุทธภูมิที่ดี ต้องมีศีลบริสุทธิ์ บริจาคทานการกุศล

    ... ทรงกัมมัฏฐาน ๔๐ กองเป็นฌาน ๘ ทุกกอง

    ... และเจริญวิปัสสนาญาณ ๙ จนแจ่มใส

    ... ทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับตั้งแต่อุปบารมีจนถึงปรมัตถบารมีชาติสุดท้าย

    ... เมื่อถึงอุปบารมีแล้วจะเน้นการปฏิบัตทางจิต เมื่อปฏิบัติทางจิตมากๆ จะเกิดญาณความรู้ที่ยิ่งกว่าคนธรรมดา เกินความคาดเดาของปุถุชน

    ... พุทธภูมิบารมีต้น ไม่อาจเข้าใจพุทธภูมิที่เป็นอุปบารมีและปรมัตถบารมีได้ เหมือนเด็กที่ไม่เข้าใจความคิดและเหตุผลของผู้ใหญ่ได้ ฉันนั้น

    ... ถ้าไม่ลาพุทธภูมิก่อน สักวันในอนาคตคุณจะเข้าใจในคำพูดของผมอย่างแจ่มแจ้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2013
  12. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090

    ... พระอนิยตะโพธิสัตว์ ถ้าลาพุทธภูมิ ก็จะไม่ได้มรรคผลอันใดเลย จะกลายเป็นโมฆะบุรุษไปเสีย
    ผู้ที่ไม่ได้เป็นพระโพธิสัตว์ ที่สำเร็จเป็นพระอรหันตสาวกตั้งมากมาย
    พวกเขาเป็นโมฆะบุรุษด้วยหรือไม่?
    ถ้าไม่ ทำไมจึงเป็นเพียงอนิยตโพธิสัตว์ที่ลาพุทธภูมิ

    ท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านเป็นพระวิริยาธิกะพุทธภูมินิยตะบรมโพธิสัตว์แท้จริง ท่านได้รับพระพุทธพยากรณ์ในสมัยสมเด็จพระอโนมทัสสีพุทธเจ้าว่า " ถ้าไม่ลาพุทธภูมิก่อนจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า สมเด็จพระพุทธอริยมุนีสัมพเกสีพุทธเจ้า แต่สงสัยว่าจะลาพุทธภูมิเสียในสมัยพระพุทธเจ้าพระสมณะโคดม "
    พระพุทธเจ้ารู้เห็นทุกอย่างด้วยพระญาณตามจริงเสมอ
    จึงเป็นไปได้ยากที่พุทธองค์จะกล่าวพยากรสองแง่สองง่ามเช่นนี้
    "ถ้าไม่ลาพุทธภูมิก่อนจะได้เป็นพระพุทธเจ้านามว่าพระพุทธอริยมุนีสัมพเกสี"
    ก็ในเมื่ออนาคตที่พระพุทธเจ้าพระนามนั้น ไม่มีวันมาถึง
    รู้เห็นแน่ชัดว่า ไม่ได้เป็นแน่แล้ว หลวงพ่อไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    แล้วจะมีชื่อนั้นออกมาได้อย่างไร ทำนายอย่างพุทธองค์ต้องคอมเฟิร์มแม่นๆ
    เพียงอย่างเดียว ไม่แบ่งรับแบ่งสู้
    และยิ่งเป็นอย่างนี้ แสดงว่า ในพระพุทธเจ้าองค์อื่น ก็อาจจะได้รับคำพยากรว่า
    จะตรัสรู้เป็นพระพุทธอริยมุนีสัมพเกสีมาก่อน อย่างนั้นหรือ?
    แล้วพระพุทธเจ้าองค์อื่น ไม่แม่นงั้นรึ?




    ... บางอย่างก็ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรือเชื่อหรอกนะ
    ผมเชื่อว่าพุทธองค์รู้ทุกอย่างที่เป็นสัจจะ เป็นความจริง
    ถ้าลองพยากรแล้วว่าจะเป็น ก็ต้องเป็น
    ถ้าสุดท้ายจะลาพุทธภูมิไม่ได้เป็น
    ย่อมไม่มาบอกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้านามว่าอย่างนั้นอย่างนี้
    เพราะอนาคตนั้น ไม่มี ไม่เกิด



    ... พุทธภูมิที่ดี ต้องมีศีลบริสุทธิ์ บริจาคทานการกุศล
    อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว ใครๆก็รู้ มาทางสายนี้ไม่รู้สิแปลก

    ... ทรงกัมมัฏฐาน ๔๐ กองเป็นฌาน ๘ ทุกกอง
    ต้องบอกว่าสำเร็จสมาบัติ ๘ และมีความรู้ความสามารถในกรรมฐานทั้ง ๔๐

    ... และเจริญวิปัสสนาญาณ ๙ จนแจ่มใส
    ก็จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านี่นะ ก็ต้องทำให้แจ้งอยู่แล้ว

    ... ทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับตั้งแต่อุปบารมีจนถึงปรมัตถบารมีชาติสุดท้าย
    เมื่อได้เกิดมา ย่อมบำเพ็ญไป ตามกำลัง ตามสถานการณ์ ที่ประดังเข้ามาอยู่เป็นปรกติ

    ... เมื่อถึงอุปบารมีแล้วจะเน้นการปฏิบัตทางจิต เมื่อปฏิบัติทางจิตมากๆ จะเกิดญาณความรู้ที่ยิ่งกว่าคนธรรมดา เกินความคาดเดาได้
    จะเป็นพระพุทธเจ้า ก็ต้องฝึกขนาดนั้น เป็นธรรมดา

    ... ถ้าไม่ลาพุทธภูมิก่อน สักวันในอนาคตคุณจะเข้าใจในคำพูดของผม
    สักวันคุณเองก็จะได้เข้าใจความจริง สำหรับผมคงไม่ลา เพราะไม่อยากเป็นโมฆะบุรษอย่างที่คุณว่า
    คุณเองก็อย่ารีบลาไปเป็นโมฆะบุรุษซะก่อนนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2013
  13. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ... เชื่อหรือไม่นั้นเรื่องของคุณนะ

    ... แต่ผมอยากให้คุณขอโทษและถอนคำพูดที่คุณว่า

    ... พระเดชพระคุณท่านหลวงปู่พระราชพรหมยาน " เป็นอนิยตะโพธิสัตว์ "

    ... ไม่ขอขมาโทษในที่นี้ ก็ขอต่อพระรัตนตรัยก็ได้
     
  14. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    ตกลงที่กดไม่เห็นด้วย เพราะเรื่องนี้หรอกรึ
    ก็บอกกันตรงๆแต่แรกก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องเม้นซะยืดยาวเลย
    คุณบอกว่าผมจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของผม
    แล้วยังจะให้ผมถอนคำพูดเรื่องที่สันนิธานว่าหลวงพ่อเป็นอนิยตะโพธิสัตว์ทำไม?
    แล้วมันเสียหายตรงไหนที่เรามีความเชื่อที่ต่างกัน มีความเข้าใจต่างกัน
    ผมไม่ได้ไปบอกว่าหลวงพ่อไม่ใช่พระอรหันต์ ไม่ได้ไปลบหลู่อะไรเลย
    การเป็นอนิยตะโพธิสัตว์และนิยตะโพธิสัตว์ สำหรับผู้ที่ลาพุทธภูมิและนิพพานไปแล้ว
    มันมีความหมายอย่างไร?
    หากเรานั้นปรารถพุทธภูมิ สิ่งที่ควรจะเบาลง คือความยึดมั่นมิใช่หรือ?
    แค่เรื่องนี้ เกิดทุกข์ขึ้น เอาเป็นเอาตาย จะให้ขอโทษ ให้ถอนคำพูดเลย
    ผมขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ
    แต่คงถอนคำพูดให้ไม่ได้หรอก ความคิดมันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆโดยการบอกว่าถอนนะ
    ส่วนเรื่องขอขมาพระรัตนไตร ไม่จำเป็นต้องทำ เพราะไม่ได้ไปลบหลู่อะไร
    ถ้าคุณยังทุกข์ คุณก็พิจารณาจิตตน ดูจิตไป ทำทุกข์ให้ดับไปเองเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2013
  15. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    การลาพุทธภูมิ โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
    อ่านพบของท่านนานแล้วจำไม่ได้ว่าหนังสือชื่อว่าอะไร
    ท่านเล่าให้ลูกหลานฟังอย่างนี้ครับ
    การลาพุทธภูมิของหลวงพ่อมีหลายสาเหตุ
    สาเหตุที่สำคัญที่สุดคือต้องการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕๐๐๐ปี
    อีกสาเหตุหนึ่งคือท่านเห็นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร

    การเจริญพระกรรมฐานที่เราศึกษากันพวกเรามาเจริญกรรมฐานที่นี่แล้วไปฟังที่อื่นไม่รู้เรื่องน่ะ
    อย่าว่าท่านนะอย่าไปว่าสำนักนั้นสอนไม่ดี เพราะเราไม่ได้ตามกันมา คือจะต้องตามกันจึงจะพูดรู้เรื่อง
    คนที่เขาศรัทธาในสำนักอื่นก็เหมือนกันมาสำนักเราเขาอาจจะฟังไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้ติดตามกันมา
    ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดี เขาก็ดีเหมือนกัน
    คนที่จะพูดให้คนทุกประเภทรู้เรื่องได้น่ะ มีพระพุทธเจ้าองค์เดียว
    แต่สำหรับพวกสาวกนี่ต้องอาศัยเป็นคนที่ติดตามกันมาแต่ในอดีตชาติ
    ทำบุญร่วมกันมาแบบนี้แหละ
    ฉันก็เกิดเป็นพระเรี่ยไรญาติโยมอยู่ตลอดเวลายังงี้มันน่าเกิดทุกชาตินะ แต่มันไม่ยังงั้นน่ะซิ
    บางชาติก็พาพวกไปรบกับเขาสนุกสนานไอ้ฉันก็หัวโจกผู้หยงผู้หญิงก็คว้าดาบเข้าฟันกับเขา
    ตีกับเขา โอ๊! สนุก! เผลอ ๆ ก็ลงนรกกันสนุกเสียที
    แต่คิดว่าพวกเรานี่คงจะไม่ลงนรกมาประมาณ ๑,๐๐๐ ชาติแล้วนะ
    แล้วอย่ากลับไปอีกเลยถ้าหัวหน้าไม่ลงลูกน้องก็ไม่ลงหรอก ใช่ไหม...

    ความจริงอาตมาไม่รู้เอง มีอยู่คราวหนึ่ง เมื่อคราว พ.ศ.๒๔๙๗
    ปีนั้นนั่งนึก ๆ ดูเอ..ไอ้กูนี่ตายแล้วจะไปไหนดีหว่า...มานั่งคิดบัญชีตั้งแต่เกิดมา
    มันทำบาปมากกว่าทำบุญรู้ตัวว่าทำบาปมาเยอะ แต่การทำบาปก็เป็นสาธารณประโยชน์
    ถึงเป็นสาธรณประโยชน์ก็จริง แต่ไอ้การฆ่าเขานี่มันก็บาปถึงแม้ว่าเขาจะเป็นโจรเป็นผู้ร้าย
    ก็มานั่งคิดว่าน่ากลัวจะไปนรกเล่นสบาย ๆ นั่งเลือกเอาสักขุมขุมไหนก็ช่างมันเถอะ!
    รำพึงดูว่าจะเปลื้องตัวเองให้พ้นนรกจะทำยังไงการเจริญพระกรรมฐานน่ะจริง เจริญมาตั้งแต่วันบวช
    แต่ก็เกรงกำลังใจว่าเวลาตายถ้าจิตเราเสียนิดหนึ่งอาจจะไปนรก
    พอคิดถึงตอนนี้ก็มีเสียงไม่แว่วหรอก ดังชัด! เสียงถามว่า "จะไปขุมไหนดีล่ะ?"
    เสียงจากข้างบน ถ้ามาจากข้างล่างล่ะยุ่งแน่ เสียงเพราะนะ
    เหมือนเสียงเด็กก็ไม่ใช่เป็นเสียงเด็กกับเสียงผู้หญิงบวกกัน
    เสียงประเภทนี้มาจาก ๒ แห่ง คือ จากพรหมหรือจากนิพพาน
    แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าจะเป็นเสียงพรหมถามว่า "จะไปขุมไหนดี ตัดสินใจแล้วหรือยัง?"
    ตอบไปว่า "ยังหาที่เลือกไม่ได้" แล้วเสียงนั้นก็ตอบมาบอกว่า
    "จะไปได้ยังไงในเมื่อท่านไม่ไปมา ๑,๐๐๐ ชาติแล้ว..."


    <INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; BACKGROUND-COLOR: transparent; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; BACKGROUND-COLOR: transparent; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=aswift_0 onload="var i=this.id,s=window.google_iframe_oncopy,H=s&&s.handlers,h=H&&H,w=this.contentWindow,d;try{d=w.document}catch(e){}if(h&&d&&(!d.body||!d.body.firstChild)){if(h.call){setTimeout(h,0)}else if(h.match){try{h=s.upd(h,i)}catch(e){}w.location.replace(h)}}" height=undefined marginHeight=0 frameBorder=0 width=undefined allowTransparency name=aswift_0 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>
    <INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; BACKGROUND-COLOR: transparent; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; BACKGROUND-COLOR: transparent; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_1_anchor><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=aswift_1 onload="var i=this.id,s=window.google_iframe_oncopy,H=s&&s.handlers,h=H&&H,w=this.contentWindow,d;try{d=w.document}catch(e){}if(h&&d&&(!d.body||!d.body.firstChild)){if(h.call){setTimeout(h,0)}else if(h.match){try{h=s.upd(h,i)}catch(e){}w.location.replace(h)}}" height=undefined marginHeight=0 frameBorder=0 width=undefined allowTransparency name=aswift_1 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ธันวาคม 2013
  16. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เราเลยนึกว่าแกโกหกน่ะซิ! ๑,๐๐๐ชาติถอยหลังไป โอ้โฮ! ขนาดหนักเลย
    ฆ่านับหัวไม่ถ้วน รบทัพจับศึกนี่ฆ่ากันมาเท่าไหร่ ก็ถามว่า
    "มันจะแน่ได้ยังไง ไม่ตกนรก,๐๐๐ ชาติ"
    แกบอกว่า"ถอยหลังไปดูซิ!ทุกชาติเล่นฌานสมาบัติ รบก็รบกัน
    เวลาเลิกจากรบก็ทำบุญสุนทาน สร้างวัดสร้างวาให้ทานเจริญกรรมฐาน
    ก็ใช้กำลังฌานหนีนรกมาทุกชาติแล้วทำไมชาตินี้จึงจะไปล่ะ?"

    เอ..ชักครึ้ม ๆ ค่อยยังชั่วหน่อย ก็เลยร้องถามไป "ถ้าฉันตายเวลานี้ไปอยู่ที่ไหน?"
    อีตอนนั้นความจริงยังไม่ถอนจาก"พุทธภูมิ"
    เขาเลยตอบว่า "ชาตินี้ก็เลือกเอาซิ! อยากจะไปอยู่พรหมหรืออยู่ดุสิต?"
    ก็เลยนั่งนึกนอนนึกจะไปไหนดีหว่า ..จะไปอยู่ชั้นดุสิต ผู้หญิงมากนี่ ดูท่าจะไม่ไหว
    เพราะอีตอนนั้นข้าง ๆ วัดแกทะเลาะกันเรื่อยพูดกันแค่คนละคำเราก็แย่แล้ว
    ถ้าจะไปอยู่พรหมก็นานเกินไป เลยคิดว่า เอ้า! อยู่ไหนก็ช่างมันเถอะ!ใช้ได้..
    ถ้าเขาพูดกันมากนักเราทำเฉย ๆ เสียมันก็หมดเรื่อง..

    ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลายปีนะ ปีนั้นนั่งอยู่คนเดียว
    พระเขาไปหากินผีกันหมดเขานิมนต์ไปมาติกาบังสุกุลหมดวัด
    ฉันมันเป็นคนขี้เกียจนี่ ถ้าไม่มาป้อนถึงวัดก็ไม่ค่อยจะเอาหรอก
    แล้วก็เป็นห่วงถ้าไปกันหมดเดี๋ยวขโมยลักวัดเลยนั่งอยู่คนเดียว
    ประมาณสัก ๔โมงเช้า ลองนึกดู เออ..ไอ้กูมันเกิดมาเป็นคนมากี่ชาติหนอ
    แล้วเป็นสัตว์มากี่ชาติ นึกเท่านี้ก็มีเสียงกังวานมาเสียงเพราะมาก
    เสียงผู้หญิงบวกผู้ชายเหมือนกันแต่กังวานมากนี่เป็นเสียงจากนิพพาน
    แต่ฟังชัดมากเหมือนกับเราคุยกันใกล้ ๆ บอกว่า "คุณอยากจะรู้หรือว่าเกิดเป็นคนกี่ชาติ? เกิดเป็นสัตว์กี่ชาติ?"
    ก็เลยตอบว่า "พระพุทธเจ้าข้าข้าพระพุทธเจ้าอยากจะทราบ" ท่านก็บอกว่า "ดูข้างหน้านี่ซิ!" ก็มองไปข้างหน้า
    ไอ้ชาติที่เกิดเป็นคนนี่นอนเรียงกันยาวสัก ๑๐ กว้าง ๑๐นี่นะเรียงขึ้นไป มันเลยเขาพลองตั้ง ๒ เท่า
    ส่วนภาพเสดงชาติที่เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นอีก ๔ เท่าจากสัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่สูงเท่า ๆ กันแหละ
    คิดเฉลี่ยแล้วเป็นสัตว์มากกว่าเป็นคนมาก แหม...เรามีบุญเยอะ
    ท่านก็เลยบอกว่า "นี่แค่สัตว์กับคนนะ นรกยังไม่ได้คิด" แหม..ขนาดนรกยังไม่ได้คิด
    ท่านก็เลยบอกว่า"เราทิ้งอัตภาพมาขนาดนี้แล้ว ร่างกายเต็มไปด้วยความทุกข์
    ขณะที่เราเกิดเราก็คิดว่าเราไม่ตาย แต่ทุกชาติเราก็ตายทำไมชาตินี้เราจะห่วงใยอะไรต่อไปอีกรึ
    ยังคิดว่าเราจะเกิดต่อไปรึ เห็นไหม..แต่ละอัตภาพที่เกิดมาน่ะมันก็เต็มไปด้วยความทุกข์
    แล้วการเกิดแต่ละชาติมันไม่ใช่เป็นมนุษย์เสมอไปไปเป็นสัตว์เดรัจฉานจากสัตว์เล็กไปถึงสัตว์ใหญ่ก็มี
    บางคราวเกิดเป็นเทวดาก็มี เป็นพรหมก็มีเป็นสัตว์นรกก็มี แต่ไอ้เทวดากับพรหมน่ะมันน้อยกว่า
    สัตว์นรกและสัตว์เดรัจฉานแล้วคุณจะหวังเกิดมาทำไมล่ะ .. ?"

    เราก็นั่งตาปริบ ๆ ไอ้เราก็ไม่อยากจะเกิดแต่มันก็เกิดจะไปว่ายังไงมัน เลยถามท่านว่า "ถ้าอย่างนั้นล่ะ! จะไม่เกิดได้ไหม?"
    ท่านบอกว่า "ไม่เห็นมันยากนี่" แน่ะ! พูดกับคนไม่ยากนี่ พูดกับคนที่ไม่รู้จักเกิดก็ "ไม่ยาก!"ถามว่า "ไม่ยากจะทำยังไง?"
    ไอ้ที่ทำอยู่นี่ก็เพื่อความไม่เกิดแต่ว่ากำลังใจยังไม่ได้ตัดสินแน่นอนนัก ยังมีจังหวะห่วงหน้าห่วงหลัง
    มีจุดหนึ่งที่คิดว่าเราต้องการสงเคราะห์ประชาชนให้มีความสุขเพราะอาศัยพุทธภูมิเป็นสำคัญ
    จิตอีกดวงหนึ่งคิดว่าทำบาปขึ้นมานี่เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานเสียดีกว่า
    ท่านบอก "อย่าให้มันแย่งกันซิ! เอาด้านใดด้านหนึ่ง" ถามว่า "ถ้าด้านใดด้านหนึ่งใช้เวลานานไหม?"
    ท่านบอก "ไม่นาน" ถามว่า "เท่าไหร่?"
    ท่านก็ตอบ แต่จะไม่บอกนะว่าท่านบอกว่าไงท่านก็กะเวลาให้ อ๋อ! เรื่องเล็ก ๆ
    แต่ว่าต้องเป็นนักเรียนทุน พอเรียนจบแล้วต้องทำงานใช้หนี้ ๑๒ ปีก็ทำตามท่านรู้สึกว่าง่าย
    ที่ง่ายเพราะอะไร เพราะว่าอันดับต้นที่บวชใหม่ ๆ เล่นสมาบัติ ๔ถึงสมาบัติ ๘
    พอถึงสมาบัติ๘ อาศัยที่ปรารถนาพุทธภูมิ มันก็ยั้งตัวอยู่แค่นั้นก็ฟัดกันเรื่องสาธารณประโยชน์
    "พุทธภูมิ" นี่ห่วงคนอื่นมากกว่าห่วงตัวตัวเองจะมีกินหรือไม่มีกินไม่สำคัญ ขอให้สาธารณชนเขามีความสุข
    จิตใจมันขยายไปแบบนั้นนะไอ้ที่นอนก็เป็นเสื่อขาด ๆ เก่า ๆ ของใหม่ไม่มีในกุฏิ เวลานี้ที่วัดมีของดี ๆ มาก
    ชาวบ้านเขาจัดให้ถ้าชาวบ้านเขาให้ชนิดไม่จำกัดล่ะหมด แจกเรียบ!!!...
     
  17. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    นะโมนะ มะนู
     
  18. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    เดี๋ยวผมจะตอบให้ ในกระทู้นี้ผมเห็นคนอื่นตอบหลุดไปไกลแล้วจริงๆๆ ก็จะขอตอบให้ได้ใจความแทนและกัน ขอตอบแบบวิชาการนะครับยึดคัมภีร์ไว้ก่อนความเชื่อไม่ขอเอามาพ่วงก็จะได้ว่า


    ที่ถามว่า"พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ไช่มั้ยครับ ที่ท่านปรารถนาว่า ท่านจะยังไม่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าสรรพสัตว์ ต้องไปนิพพานให้หมดก่อน ท่านจึงจะไปเป็นองค์สุดท้าย "

    ตอบว่า ไม่ใช่แค่พระกษิติครรภโพธิสัตว์ แต่เป็นพระโพธิสัตว์ทุกองค์เลยที่ตั้งจิตแบบนี้ อันนี้ตอบตามคติของฝ่ายมหายานนะครับ งั้นพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ท่านเด่นตรงไหนก็ตอบว่า ท่านเด่นตรงที่ท่านตั้งจิตว่าตราบเท่าที่นรกยังไม่ว่างเปล่าจะไม่ขอตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ พระกษิติครรภโพธิสัตว์ จึ่งมันลงไปโปรดสัตว์นรกอยู่เสมอๆๆ นั้นเองแต่ไม่ได้หมายความว่าท่านเน้นโปรดแต่กับสัตว์นรกนะครับ เพียงแต่เด่นไปทางนั้น คนจีนมันจะเรียกท่านว่าต้าหยวนตี้จั้งผู่ซ่า ส่วนญี่ปุ่นจะเรียพระจินโซ จะทำเป็นรูปพระแล้วมีเด็กอยู่ล้อมรอบ เพราะเชื่อว่าท่านจะช่วยนำทางเด็กที่ตายก่อนกำหนดครับ ดูข้อมูลใน"กษิติครรภโพธิสัตวมูลปณิธานสูตร"(ตี่จั่งอ๊วงพู่สักบึ้งง่วนเก็ง) ในศาสนาพุทธฝ่ายเถรวาทมีเรื่องราวที่คล้ายคลึงและเทียบกันได้กับตำนานของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ คือเรื่องพระมาลัย แต่พระมาลัย ไม่ใช่พระกษิติครรภ์และเข้าใจว่าน่าจะได้ไอเดียมาจากพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ไม่ก็มีที่มาเดียวกัน และก็เข้าใจไปอีกว่าอาจจะสามารถสืบสาวที่มาได้ไปถึงคัมภีร์มหาวัสตุอวทาน ของนิกายโลกุตรวาทซึ่งเป็นฝ่ายสาวกยานเหมือนเรา แต่สาปสูญไปแล้ว ในนั้นพูดเรื่องพระมหาโมคคัลลานะอัครสาวกฝ่ายซ้าย ในคัมภีร์เล่าว่าท่านได้อาศัยฤทธิ์เดชของท่านท่องไปยังนรกเพื่อเทศนาโปรดสัตว์นรกทั้งปวงให้บรรเทาจากทุกขเวทนา และได้รับรู้ถึงมูลเหตุและผลกรรมที่ต้องมาเสวยทุกข์เวทนาในนรกขุมต่างๆ ของสัตว์นรกเหล่านั้น เข้าใจว่าทั้งที่มาของพระมาลัยและพระกษิติครรภโพธิสัตว์ อาจจะมีมูลมาจากตรงนี้

    ทีนี้ ต้องเข้าใจหน่อยนะครับ ว่าฝ่ายมหายานตีความพระโพธิสัตว์ไม่เหมือนของเรา กล่าวคือในนัยกว้างๆๆตีความว่า ใครก็ตามที่เสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นคือพระโพธิสัตว์ อย่างคุณไปช่วยคนแก่ข้ามถนน หรือ ไปช่วยคนน้ำท่วม คุณก็เป็นพระโพธิสัตว์แล้วในตอนนั้น อีกประเด็นคือฝ่ายมหายานจะตีความพระโพธิสัตว์แต่ละองค์เป็นปริศนาธรรม อย่างพระอวโลกิเตศวร หรือ เจ้าแม่กวนอิม เขาก็ตีความว่าท่านเป็นบุคลาธิษฐานแทนความกรุณา พระมัชชุศรีแทนปัญญาเป็นต้น ไม่ได้มุ่งหวังในเชิงสัตว์บุคคล ตัวตนที่ไหน? ดูคำอธิบายในคำสอนของฮวงโป ขอตัดตอนมาดังนี้

    "พระโพธิสัตว์มัญชุศรี เป็นตัวแทนกฎแห่งธรรมที่เป็นมูลฐานของสัตว์ และพระโพธิสัตว์สมันตภัทร เป็นตัวแทนกฎแห่งกรรม
    สิ่งและหมายถึงกฎแห่งความว่าอันแท้จริง และไม่ถูกจำกัดขอบเขต และสิ่งหลังหมายถึงการเคลื่อนไหวที่ไม่รู้จักหมดกำลัง
    ซึ่งอยู่ภายนอกวงเขตของรูปธรรม

    พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เป็นตัวแทนของความเมตตากรุณาอันไม่มีสิ้นสุด พระโพธิสัตว์ มหาสถามะ เป็นตัวแทนของปัญญาอันยิ่งใหญ่
    และวิมลกีรติ เป็นตัวแทนของชื่ออันไร้ตำหนิ คำว่าไร้ตำหนิ เล็งถึงธรรมชาติอันแท้จริงของสิ่งทั้งปวง ในเมื่อคำว่า ชื่อ เล็งถึงรูปร่าง
    ถึงกระนั้น รูปโดยแท้จริงก็ยังเป็นสิ่งเดียวกันกับธรรมชาติที่แท้จริง ดังนั้นจึงเกิดมีคำรวมว่า "ชื่ออันไร้ตำหนิ" ดังนี้

    คุณสมบัติทั้งหลายนี้ ซึ่งถูกทำเป็นบุคคลาธิษฐาน ว่าเป็นโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ ซื่อนั้นชื่อนี้ขึ้นมาเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งซึ่งมีประจำอยู่ในคนเรา
    และก็ไม่แยกออกไปต่างหาก"


    แต่ถ้าจะถือว่าเป็นบุคคลเป็นตัวตนอะไรสำหรับกราบไหว้เขาก็ไม่ว่าอะไร เหมือนผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา คือพระพุทธเจ้าที่เป็นตัวตนบุคคลเมื่อ2,500ปีก่อน ยังไม่ใช่ของแท้ ของแท้คือตัวสภาวะธรรม(ธรรมกาย ชี้หมายถึงการเห็นปฏิจจสมุปบาทธรรมไม่ใช่ลูกแก้วแบบนั้น)

    1. พระพุทธเจ้าบอกว่า สรรพสัตว์ที่เวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร ไม่มีวันหมด ไช่มั้ยครับ ?

    ตอบ ไม่จำเป็น ไม่งั้นก็จะสุดโต่งไปว่า สรรพสัตว์ที่เวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร ไม่มีวันหมด ซึ่งจะขัดกับหลักทางสายกลาง ดังนั้นจะพูดแบบนี้ไม่ได้ ต้องตอบว่าขึ้นกับเหตุปัจจัย ถ้าสรรพสัตว์ทั้งหลายยังมีอวิชชาเป็นที่ตั้งมีอุปทาน อะไรทำนองนี้ ก็จะไม่มีวันหมดไป แต่ถ้าสรรพสัตว์ทั้งหลายบริบรูณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา เจริญมรรค8นี้ให้มาก คำกล่าวนี้ก็ใช้ไม่ได้

    2. งั้นพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ก็ไม่มีวันที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วไปนิพพานเป็นองค์สุดท้ายไช่มั้ยครับ ?

    ตอบ ไม่ใช่ ถ้าคิดแบบนี้ก็สุดโต่งไปอีก ทีนี้ประเด็นของฝ่ายมหายานก็คือเราทุกข์เพราะเราเห็นแกตัวเองคือมีตัวกูของกูกันมากนัก ฝ่ายมหายานก็เลยใช้วิธีดักทาง คือไม่ให้คิดถึงตัวเองให้คิดถึงคนอื่นให้มากแม้นิพพานก็สละได้เพื่อคนอื่น มันเป็นอุปายะธรรม คนที่คิดแบบนี้มีแต่จะใกล้นิพพาน หรือรุดหน้าเพราะลดความเห็นแก่ตัว หมดตัวกูเร็วกว่าชาวบ้าน อุปทานเบาบาง นี่เป็นอุปายะทางธรรม ครับจะยึดถือตามตัวอักษรไม่ได้

    3. พระกษิติครรภโพธิสัตว์ เป็น นิยตะโพธิสัตว์ หรือไม่ครับ (ได้รับคำพยากรณ์หรือยัง)
    ตอบ ตามตัวอักษรในสูตรมหายานก็ใช่ ดูข้อมูลใน"กษิติครรภโพธิสัตวมูลปณิธานสูตร"(ตี่จั่งอ๊วงพู่สักบึ้งง่วนเก็ง)

    4. นิยตะโพธิสัตว์ ยังตกนรก ได้อยู่หรือไม่ (เพราะเห็นหนังสือเขียนว่านิยตะโพธิสัตว์ ไม่ตกนรก , ไม่เกิดเป็นสัตว์ตัวเล็กกว่านกกระจาบ ไม่ตัวใหญ่กว่าช้าง , และเมื่อท้อก็ไม่สามารถลาพุทธภูมิได้แล้ว)

    ตอบ ตามหลักของฝ่ายเถรวาทก็ตามนั้น แต่นรกที่ว่านี้หมายถึงถึงอเวจีนรก และ โลกันต์นรก ครับ ขุมอื่นยังตกได้อยู่ เพราะพระโพธิสัตว์ตามคติเถรวาทอาจจะมีบางชาติที่ก่อกรรมชั่ว แต่จะไม่ก่อกรรมชั่วที่เป็น ครุกรรม 5 ประการเด็จขาดจึ่งไม่ต้องตกนรกขุมหล่านี้

    ขออธิบายให้เห็นตามนี้

    ๑. ไม่เป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด

    ๒. ไม่เป็นคนหูหนวกมาแต่กำเนิด

    ๓. ไม่เป็นคนบ้า

    ๔. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย

    ๕. ไม่เป็นคนใบ้

    ๖. ไม่เกิดในประเทศป่าเถื่อน

    ๗. ไม่เกิดในท้องแห่งนางทาสี

    ๘. ไม่เป็นคนมีความเห็นผิดเป็นนิยตมิจฉาทิฐิ

    ๙. ไม่เป็นสตรีเพศ

    ๑๐. ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอนันตริยกรรม

    ๑๑. ไม่เป็นคนมีโรคเรื้อน

    ๑๒. เมื่อไปเกิดในกำเนิดแห่งสัตว์เดียรฉาน ย่อมเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในประเภทมีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และมีกายไม่ใหญ่กว่าช้าง

    ๑๓. ไม่ไปเกิดในกำเนิดแห่งขุปปิปาสิกเปรต นิชฌามตัณหิกเปรต แลกาลกัญชิกาสุรกาย

    ๑๔. ไม่ไปเกิดในอเวจีมหานรก และโลกันตนรก

    ๑๕. เมื่อไปเกิดเป็นเทวดาในกามาวจรสวรรค์ คือสวรรคเทวโลก ๖ ชั้น ก็ไม่เกิดเป็นเทวดาซึ่งนับเนื่องเข้าในเทวดาจำพวกหมู่มาร

    ๑๖. เมื่อเกิดเป็นองค์พระพรหม ณ เบื้องบรมรูปาพจรพรหมโลก ก็ไม่ไปเกิดในปัญจสุทธาวาสพรหมโลก ทั้งนี้ก็เพราะว่าพรหมโลกชั้นปัญจสุทธาวาสนี้ เป็นภูมิที่อยู่แห่งพรหมอนาคามีอริยบุคคลโดยเฉพาะ

    ๑๗. ไม่ไปเกิดใน อรูปพรหมโลก เลยเป็นอันขาด

    ๑๘. ไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่นเลยเป็นอันขาด



    ดังนั้นพระโพธิสัตว์ตามคติเถรวาทจึงยังเป็นปุถุชนอยุ่ไม่ได้เป็นพระอริยะกะเขาก็ตกนรกได้ ทีนี้ก็ขึ้นกับบารมีถ้ามากพอก็เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าน้อยลงมาก็เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสาวก อะไรทำนองนี้ แต่ของมหายานเขาตีความพระโพธิสัตว์กว้างคือปุถุชนก็ได้ พระอริยสาวกก็ได้คือ ใครก็ได้ที่ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นบำเพ็ญบารมีหก มีปัญญาหยั่งรู้สูญญตา(อนัตตา) ก็เป็นได้หมด พูดง่ายๆๆว่าเขาตีความต่างจากเรา รวมไปถึงพระโพธิสัตว์ของเขาเป็นเรื่องของบุคลาธิษฐานทางธรรมคือแทนองค์ธรรมของพระพุทธเจ้าครับ แต่ทำให้เป็นคนขึ้นมาส่วนหนึ่งผู้รู้ท่านว่าเพื่อแข่งกับฮินดูในการเข้าไปยังจิตใจคนที่ยังโง่ต้องกราบต้องขออยู่ก็ไม่ต้องเอาไปปนกันให้งงครับ ให้เข้าใจว่าที่ตีความต่างกันนั้นมันเป็นเรื่องแข่งขันกันระหว่างนิกาย ในคณะที่นิกายพุทธเดิมฝ่ายหินยาน นั้นถือคติพระอริยสาวกโสดาบันถึงอรหันต์ พุทธใหม่หรือพวกมหายาน ก็ไปเอาคติพระโพธิสัตว์มาแข่งและทำให้พิเศษพิศดารออกไปตามนี้ คือมีภูมิ10ของพระโพธิสัตว์ พระอรหันต์เราอยู่ภูมิ8 พระพุทธเจ้าภูมิ10 พระปัจเจกก็ภูมิ9(ดูมหาวัสตุอวทาน)ทีนี้ตามฝ่ายมหายานมีสูตรหนึ่งคือสัทธรรมปุณฑริกสูตร พระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์สรรพสัตว์ทั้งปวงจะบรรลุถึงความตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้ในอนาคต แต่เร็วช้าต่างกันง่ายๆๆว่าถ้าเอาตามสูตรนี้ คุณ ผมก็เป็นนิยตะโพธิสัตว์ กับเขาเหมือนกัน

    ปล.มนตร์ของพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์ใช้ว่า "โอม กษิติครฺภ โพธิสตฺตวาย" อีกบทหนึ่ง"นมะ สมนฺตพุทฺธานํ ห ห ห สุตนุ สวาหา" สามารถใช้บูชาได้ครับ ส่วนตามคติมหายานท่านจงใจลงไปโปรดเองไม่ได้ตกนรกกับเขา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2013
  19. spyderco

    spyderco เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +201
    ผมอ่านวิเคราะห์ทุกโพสแล้ว หายสงสัยแล้วครับ
    ขอบพระคุณทุกท่านมากครับ อุสาห์เสียเวลาพิมพ์อธิบายให้ตั้งเยอะ
    มีน้ำใจจริงๆครับ ขออนุโมทนา
     
  20. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171

    ขออนุญาตแชร์ความรู้เรื่องของท่านกษิติครรภ์โพธิสัตว์เท่าที่ทราบนะครับ

    ๒. งั้นพระกษิติครรภโพธิสัตว์ ก็ไม่มีวันที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วไปนิพพานเป็นองค์สุดท้ายไช่มั้ยครับ ?

    - ถ้าท่านยังคงปณิธานเดิมไว้ โอกาสที่จะเข้าสู่การบรรลุพระโพธิญาณจะเนิ่นช้ามาก ส่วนจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วเข้าพระนิพพานเป็นองค์สุดท้ายหรือไม่นั้น ไม่อาจทราบได้ จึงตอบไม่ได้

    แต่ขณะนี้ ท่านทราบถึงความเป็นไปของวัฏฏะสงสารและกรรมของสัตว์โลกดีแล้ว แม้จะต้องการช่วยให้เหล่าสัตว์นรกพ้นทุกข์ทั้งหมด แต่เมื่อไม่อาจช่วยได้อย่างที่ใจคิด ในที่สุดท่านก็ต้องวางอุเบกขาแล้วบำเพ็ญบารมีเพื่อเข้าสู่การบรรลุพระโพธิญาณ เนื่องจากท่านยังมีบรรดาลูกหลาน บริวาร และเหล่าบริษัทสี่ของท่านที่ติดตามท่านมานานและรอวันที่ท่านจะบรรลุพระโพธิญาณ เพื่อช่วยนำพาเขาเหล่านั้นเข้าสู่พระนิพพานอีกมาก


    นี่คือปณิธานสูงสุดที่ท่านตั้งใจไว้และต้องทำให้สำเร็จ ดังนั้น ท่านไม่อยู่รอจนเข้าพระนิพพานเป็นองค์สุดท้ายอย่างแน่นอน เพราะหากยังอยู่เนิ่นช้าต่อไป บรรดาลูก หลาน และบริวาร ของท่านก็ยังต้องเวียนว่ายในวัฏฏะสงสารนี้อีกต่อไปด้วย และอาจพลาดพลั้งลงสู่อบายภูมิเบื้องล่างได้เสมอ


    ๓. พระกษิติครรภโพธิสัตว์ เป็น นิยตะโพธิสัตว์ หรือไม่ครับ (ได้รับคำพยากรณ์หรือยัง)

    - ท่านได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว และได้รับจากพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ ส่วนจะกี่พระองค์นั้น ผมก็สุดปัญญาที่จะหยั่งทราบในขณะนี้ ทราบแต่เพียงว่า ท่านเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะสงสารนี้มานานมาก นานนับแต่สมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมทรงอุุบัติขึ้นนั่นแหละ และท่านก็เป็นหนึ่งในบรรดาลูกๆ ของสมเด็จองค์ปฐมที่ตั้งมโนปณิธานในอันที่จะสืบทอดพระปณิธานของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมในอันที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้ล่วงพ้นการเวียนว่ายตายเกิดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ท่านปรารถนาที่จะขอรับพุทธพยากรณ์จากสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเป็นองค์สุดท้าย ต่อจากนั้นก็ไปนอนตีพุงรออยู่ที่ชั้นดุสิต (ตอนท้ายนี่ผมว่าเอง แต่วิสัยของท่านแล้ว ท่านเป็นผู้ที่ขยันเกิด ดังนั้น แม้ท่านทำบารมีจนครบถ้วนแล้วก็ตาม ท่านก็อาจลงมาเกิดเพื่อสงเคราะห์ลูกหลานของท่านเป็นระยะๆ อีกก็ได้) ท่านจะบรรลุพระโพธิญาณไม่เกินองค์ที่ ๕๐ นับถัดจากองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย


    ๔. นิยตะโพธิสัตว์ ยังตกนรก ได้อยู่หรือไม่ (เพราะเห็นหนังสือเขียนว่านิยตะโพธิสัตว์ ไม่ตกนรก , ไม่เกิดเป็นสัตว์ตัวเล็กกว่านกกระจาบ ไม่ตัวใหญ่กว่าช้าง , และเมื่อท้อก็ไม่สามารถลาพุทธภูมิได้แล้ว)

    - แม้เป็นนิยตะโพธิสัตว์แล้วก็ตาม ก็ยังสามารถตกนรกได้อยู่ หากว่าประมาทในการทำความดี ก่อกรรมชั่วขึ้นมา ก็มีสิทธิลงนรกได้ทุกเมื่อ



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...