ความจริงของ"พระวัดพระแก้วมรกต"ที่ท่านอาจจะไม่เชื่อ

นี่เขาเรียกว่า สมเด็จแพตเดิ้ลป๊อป หรือเปล่าครับ

 

่นำมาลงเป็นสิ่งที่มาจากความทรงจำของคนที่อายุ78-79ปีท่านยังพอจำได้แม้ผ่านมากว่า30ปีครับพี่หมอ และผมก็ไม่ได้แก้ไขคำพูดของพ่อตาผมเลยที่ได้เอามาเล่าให้ฟังกันครับ พ่อตาผมท่านน่าจะรู้จักท่านมาก่อนได้ยศเรืออากาศเอกก็ได้ อันนี้ผมยังไม่ได้ถามท่านเพราะท่านไม่อยู่บ้านครับ

 

พระเก็ อย่าไปเล่นเลยครับท่าน ...ดูยังไงก็หาความแท้ไม่เจอ

 

อ่านดูกระทู้เก่าก่อนครับ ผมทำงานในครั้งนั้นด้วย ไม่มีพระอะไรทั้งนั้นครับ ถามพ่อตาคุณว่ารู้จักคนที่ทำงานในโบสถ์ว่ามีใครอยูแผนกเครื่องมหคภัณฑ์บ้าง อีกอย่างหนึ่งในวังได้ส่งอาหารเที่ยงมาให้กินครับ ไม่มีใครเอาปิ่นโตไปหรอก

 

จบกัน..ตัวจริงเสียงจริง มาเฉลยเองซะละ

เลยอดฟัง นิทาน ฮา ฮา ที่ อุตส่าห์ สาธยาย น้ำลายแตกฟอง

เป็นตุเป็นตะ ละเมอเพ้อพก อุตส่าห์ งมงาย มาตั้ง 8 หน้าเลยครับ

จบ ข่าว 555555555

 

รับรองได้เลย สุดท้ายเขาก็ไม่เชื่อเสียงคัดค้านหรอก เขาปักใจเชื่อแต่คำพูดของพ่อตาเขา

ขนาดพี่ศุภฤกษ์เคยทำงานบูรณะวัดพระแก้วมาก่อนออกมายืนยันอย่างนี้ สุดท้ายก็คงไม่ยอมเชื่อเหมือนเดิม 555+

 

สวัสดีครับ อ.ศนิวาร ^^

ค่อยสบายใจหน่อยครับ ที่ จะยังได้ฟังนิทาน ละเมอ เพ้อพก สาธยาย

น้ำลายแตกฟอง เป็นตุเป็นตะ ...นึกว่าจะจบซะแล้ว 55555555

บ่องตง ใจหายเลยนะครับ เหมือน ชีวิต ที่ขาดน้ำตาล

เหมือน ปลาร้า ที่ ขาดไห ต้อง มี แท้ และ ไม่แท้ เหมือน หยินและหยางครับ

ผมว่า คนฟัง เขา รู้ และ เลือก ที่จะเชื่อ อย่างหัวปักหัวปำ ในทุกฯ เรื่อง

ไม่ว่า จะยังไง ผม เชื่อว่า ต้องมีอะไรให้ ฮา..กัน..ต่อ แน่นอนครับ อิ อิ

 

ตามอ่านตามดูข้อมูลครับ ท่าไปในทางดีก้ศึกษา แต่ในทางลบก็บอกเตือนกันครับ
ค่อยคุยกันครับผมว่า พี่หนุ่มทะเล ก็คงม่อะไรหลอกครับแค่ปักใจเชื่อ เลยพยามหาข้อมูลมาให้แต่อาจผิดพาดในเรื่องข้อมูลหรือการพิมพ์บ้างก็คอยบอกกันไปครับจะได้มีความรู้ด้วยกันไปได้บุญดีครับ

 

สมัยนั้นแม้แต่ทองแผ่นที่หักหรือชำรุดจะต้องวาดรูปทำตำแหน่งหมด ในโบสถ์จะอนุมัติให้แต่เจ้าหน้าที่รักษาเครื่องมหคภัณฑ์เท่านั้นที่เ้าไปได้ซึ่งมีไม่กี่คนเท่านั้น เครื่องทรงพระแแก้วสามฤดู บริเวณฐานพระแก้วทั้งหมดพวกผมที่รับผิดชอบทำกันเท่านั้น ส่วนเพดานในโบสถ์จะสูงมากไม่มีการบูรณะแต่อย่างใด พระเทพฯท่านส่งอาหารในวังมาสำหรับมื้อเที่ยง แรงงานด้านนอกไม่มีสิทธิ์ที่ผ่านประตูโบสถ์เ้าไปได้ เก้าสิบเปอร์เซนต์ช่างสิบหมู่จะเป็นคนในกรุงเทพมีความรู้ความสามารถในทางช่างประจำหมู่ งานนี้เป็นงานในวังจำเป็นต้องคัดคนเป็นอย่างจริงจัง พวกช่างก่อสร้างธรรมดาที่ไม่ได้เจ้าหน้าที่สังกัดกรมศิ ปากรไม่มีสิทธิ์ทำงาน เพราะต้องรับเงินเดือนจากทางกรมฯ

 

h ttp://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=16712617.60

การปฏิสังขรณ์วัดพระแก้วมรกต(วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) ในสมัยัชกาลที่ 4

เอามาลงพอให้อ่านเพื่อพิจารณาว่า
มีพระสมเด็จ "แตกกรุ" จากเพดานโบสถ์ และ จากเจดีย์ทอง หรือไม่
(ไม่ได้พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกนะครับ เอามาจากต้นฉบับเลย)

h ttp://ebook.lib.cmu.ac.th/full/inter/rare/2465/rare0403_2465.htm

หน้า ๖๔
พระอารามหลวงในกรุง ฯ ที่ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ คือ
๑ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

โปรดให้ถมที่ต่อฐานทักษิณพระมณฑปออกไปทั้งด้านตวันออกแลด้านตวันตก ทำพนักศิลา ล้อมทั้ง ๒ ชั้น

สร้างประตูซุ้มมณฑปประดับกระเบื้องที่บรรไดขึ้น ๖ ประตู แล้วสร้างพระระเบียงวัด ตรงด้านสกัดฐานทักษิณที่ต่อใหม่นั้น ต่อเปนคดขยายที่ออกไปทั้งด้านตวันออกแลด้าน ตวันตก ทางด้านตวันออกทำประตูซุ้มมงกุฏ ประดับกระเบื้องที่พระระเบียง แลมีพลับพลาเปลื้องเครื่องอยู่ข้างประตูข้างละหลัง ทางด้าน ตวันตกทำประตูหลังคาจัตุรมุขมีพลับพลาเปลื้องเครื่องข้างเหนือประตูหลัง ๑

บนลานทักษิณพระมณฑปที่ต่อใหม่ทางด้านตวันออกสร้างปราสาทยอดปรางค์องค์ ๑ประดับกระเบื้องทั้งฝาผนังแลยอดปรางค์พระราชทานนามว่าพระพุทธปรางค์ปราสาท ( คือปราสาทพระเทพบิดรเดี๋ยวนี้ ) ทรงก่อฤกษ์เมื่อเดือน ๖ แรม ๙ ค่ำ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ เดิมทรงพระราชดำริห์จะให้เปนที่ประดิษฐานพระแก้วมรกฎแต่เมื่อสร้างขึ้นแล้วเห็นไม่พอที่จะทำการพระราชพิธีต่าง ๆ จึงไม่ได้เชิญพระแก้วมรกฎมาดังทรงพระราชดำริห์ไว้แต่เดิม

ทางด้านตวันตกพระมณฑปนั้น โปรดให้สร้างเจดีย์ตามแบบพระมหาสถูปในวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ที่กรุงเก่าองค์ ๑ ทรงก่อฤกษ์เมื่อเดือนยี่แรม ๑๑ ค่ำ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ทรงขนานนามว่าพระศรีรัตนเจดีย์ ( แต่พึ่งประดับกระเบื้องทองเมื่อในรัชกาลที่ ๕ )

๖๕

พระมณฑปของเดิมซึ่งสร้างเมื่อรัชกาลที่ ๑ นั้น โปรดให้ซ่อมแซมเครื่องบนใหม่ แลพื้นข้างในพระมณฑปเดิมคาดแผ่นเงิน โปรดให้สานเปนเสื่อเงินปูแทน

ที่มุมพระระเบียงข้างน่าพระอุโบสถโปรดให้สร้างมณฑปยอดปรางค์หลัง ๑ เปนที่ประดิษฐานพระเจดีย์โบราณ ซึ่งเชิญลงมาแต่เมืองเหนือข้างน่ามณฑปนั้นลงมาสร้างหอพระยอดปรางค์อิกหลัง๑เปนที่ประดิษ ฐานพระคันธารราษฎ ( แต่การประดับกระเบื้องทำต่อเมื่อในรัชกาลที่ ๕ ) แล้วโปรดให้ทำแท่นปูแผ่นมะนังศิลาของสมเด็จพระร่วงไว้ข้างน่าหอพระนั้น

ทางด้านใต้พระอุโบสถโปรดให้สร้างหอระฆังใหม่ ( เข้าใจว่าตรงที่หอระฆังเดิม )

ข้างหลังพระอุโบสถโปรดให้สร้างมณฑปยอดปรางค์ประดับกระเบื้องเปนที่ประดิษฐานพระปรางค์ของโบราณ พระราชทานนามว่า พระโพธิธาตุพิมาน แลสร้างหอพระข้างละหลัง หลังข้างเหนือเปนที่ไว้พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ซึ่งทรงพระราชอุทิศถวายสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินครั้ง กรุงเก่า พระราชทานนามว่า หอราชกรมานุสร

ฝาผนังข้างในโปรดให้พระอาจารย์อิน วัดราชบุรณะ( เรียกกันว่า ขรัวอินโข่ง เปนช่างเขียนภาพไม่มีตัวสู้ในสมัยนั้น.) เขียนเรื่องพระราชพงษาวดารครั้งกรุงศรีอยุธยา

หอข้างใต้เปนที่ไว้พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ทรงพระราชอุทิศถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในกรุงรัตนโกสินทร์พระราชทานนามว่าหอราชพง ศานุสร โปรดให้พระอาจารย์อินเขียนเรื่องพระราชพงษาวดารกรุงรัตนโกสินทร์

๖๖

พระอุโบสถนั้น โปรดให้ซ่อมตัวไม่เครื่องบนแลเขียนภาพที่ฝาผนังใหม่ แต่ภาพเรื่องมาผจญด้านหุ้มกลองข้างน่านั้นคงของเดิมไว้ หาได้เขียนใหม่ไม่

พื้นพระอุโบสถเดิมปูเสื่อทองเหลืองโปรดให้หล่อเปนแผ่นอิฐทองเหลืองปูใหม่

ยังมีการอื่น ๆ ที่ได้ทรงสถาปนาในวัดพระศรีรัตนศาสดารามอิกหลายอย่าง ซึ่งยังไม่ทราบรายการแน่​

 

h ttp://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=16712617.60



บูรณะวัดพระศรีรัตนศาสาราม
ในสมัยรัชกาลที่ 4



กลุ่มพระที่นั่งอภิเนาวนิเวศน์ (สร้าง พ.ศ.2395 แล้วเสร็จ พ.ศ.2400 ถูกรือออกทั้งหมดในสมัยรัชกาลที่5)
และ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม





พระที่นั่งภูวดลทัศไนย(หอนาฬิกา เป็นมาตรฐานเวลาแห่งแรกในโลก)
(เป็นหนึ่งในหลายๆพระที่นั่งในอภิเนาวนิเวศน์ ถูกรื้อลงในสมัยรัชกาลที่ 5 ช่วงกลางรัชสมัย )




ปราสาทพระเทพบิดร (สร้าง พ.ศ.2398 ในสมัยรัชกาลที่ 4 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่5)
และ เจดีย์ทอง(ยังประดิษฐานอยู่ บริเวณรักแร้ปราสาทพระเทพบิดร)





ปราสาทพระเทพบิดร และ เจดีย์ทอง (ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนปี 2425)

 

http://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=16712617.0


บูรณะวัดพระศรีรัตนศาสาราม
ในสมัยรัชกาลที่ 9



--------------------------------------



สมเด็จพระเทพฯ ขณะทรงตรวจเยี่ยม และลงฝีพระหัตถ์ บูรณปฏิสังขรณ์ด้วยพระองค์เอง



พระเจดีย์ทอง ไม่ได้เสียทรวดทรง หรือเอนเอียง และไม่ได้ โดนรื้อ เพียงแต่เกิดคราบตะไคร่น้ำเท่านั้น




พระเจดีย์ทอง ในปัจจุบัน


จึงไม่มี สมเด็จวัดพระแก้ว หรือ พระเครื่องใดๆ แตกกรุ
ออกมาจาก เจดีย์ทอง ของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้วมรกต)
ตามที่ "นัก(หลอก)ขายพระ(ปลอม)" แต่ง "นิยาย(น้ำเน่า)" หลอกลวงชาวบ้าน แต่อย่างใด

----------------------------------


บูรณะพระศรีรัตนเจดีย์



พระศรีรัตนเจดีย์ ก็ตั้งอยู่ที่เดิม และตัวพระเจดีย์ก็ไม่ได้เอนอียง หรือเสียทรวดทรง และ โดนรื้อ




พระศรีรัตนเจดีย์ ก็ไม่ได้เสียทรวดทรง หรือเอนเอียง และ ไม่ได้โดนรื้อ หรือ เจาะ
เพียงแต่บูรณโดยการเปลี่ยนกระจกทองใหม่รอบๆองค์พระเจดีย์เท่านั้น


จึงไม่มี สมเด็จวัดพระแก้ว หรือ พระเครื่องใดๆ แตกกรุ
ออกมาจาก พระศรีรัตนเจดีย์ ของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้วมรกต)
ตามที่ "นัก(หลอก)ขายพระ" แต่ง "นิยาย(น้ำเน่า)" หลอกลวงชาวบ้าน แต่อย่างใด

 

มีคนเขาบอกมาว่า เล่นพระ

ให้เล่นด้วยตา อย่าเล่นด้วยหู

 

คงจะดีถ้าพี่ศุภฤกษ์กับพ่อตาผมได้มานั่งสนทนากันนะครับ เพราะพี่น่าจะสามารถรู้ได้ว่าสิ่งที่ท่านนำมาเล่าให้ฟังนั้นจริงหรือหลอก เพราะที่ท่านเล่าให้ฟังก็เป็นเรื่องตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลย แต่ผมก็เชื่อที่ท่านเล่าให้ฟังนะไม่ใช่แค่เรื่องพระที่ท่านเล่าให้ฟัง เรื่องเน่าๆในงานประกวดพระเอย ในหมู่เซียนพระชื่อดังเอย(ล่าสุดก็เพิ่งไปเจอมาตอนเอาพระไปแห่ที่เล่าไว้ในกระทู้พี่ภูมิ) เรื่องชีวิตการทำงานของท่านตอนรับราชการทหารจนถึงออกมาเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในงานของหน่วยราชการ ถ้าพี่จะลองเปิดใจอยากเข้ามาพูดคุยกับพ่อตาผมด้วยตัวเองเพื่อลองรับฟังข้อมูลโดยตรงจากพ่อตาผมก็มาหาได้ที่ นวนคร ปทุมธานีครับ pm เบอร์ติดต่อกันหลังไมค์ได้ครับ ผมอยากให้พี่ศุภฤกษ์ได้พูดคุยกับพ่อตาผมจริงๆนะครับเพราะพี่เป็นคนที่ทันและเคยทำงานอยู่ตอนนั้น ถ้าพูดคุยแล้วเห็นว่าพ่อตาผมท่านแต่งเรื่องเองพี่ก็เอามาบอกต่อคนอื่นๆได้เลยครับ

อีกหนึ่งเหตุผลหลักที่ผมเชื่อที่พ่อตาผมเล่าว่าไม่ได้โกหกเพราะ ผมได้มีโอกาสเห็นของแท้จากเซียนพระระดับกรรมการประกวดพระสมาคมฯที่นำมาให้ผมชมพร้อมๆกับสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ก่อนหน้าที่ผมจะเคยพูดคุยเรื่องพระวัดพระแก้วกับพ่อตาผมซะอีก และพ่อตาผมกับเซียนพระท่านนั้นก็ไม่รู้จักกันอีกต่างหาก

 

นี่ขนาดเรื่องเกิดไม่ถึงร้อยปี มันยังไหลไปได้หลากหลายมากขนาดนี้ ถ้าเรื่องเกิดเป็นพันปี มันจะไหลไปได้มากขนาดไหน

 

ก็เหมือนที่พี่ไม่เชื่อผมฉันใดฉันนั้นครับ เพราะผมเป็นใครก็ไม่รู้เป็แค่นาย ก นาย ข ก็ควรแล้วที่พี่จะไม่เชื่อผม ส่วนผมรู้ว่าพ่อตาผมเป็นใครก็ควรแล้วที่ผมจะเชื่อท่านนั่นแหละครับ แต่ถ้าพี่อยากรู้ว่าพ่อตาผมมีตัวตนจริงหรือไม่หรือแค่ตัวละครที่ผมปั้นขึ้นมาก็ติดต่อมาพบปะพูดคุยกันได้ครับที่ นวนคร

 

การที่เอาบุคคล มาอ้าง นั่นไม่ได้หมายถึง ว่า ต้องใช่นะครับ อยากให้มีหลัก

ฐาณ อ้างอิง มากกว่านี้ ไม่ใช่ จากความคิด ของใครคนหนึ่ง แล้วมาอ้างเป็น ตุเป็นตะ

ว่าต้อง อย่างนั้น อย่างนี้ แล้วการที่อ้าง จนต้อง ดึง พ่อตา ของคุณมามีส่วนร่วม

ลองคิดถึง ผลไหมครับ ว่า ถ้ามันไม่ จริง จะเป็น การ ถอนหงอก ผู้ใหญ่

ซึ่งไม่สมควรเลย... พ่อตา คุณ เล่าให้คุณฟัง เท่านั้น คุณ ตะหาก ที่ต้องรับ

ผิดชอบ ต่อ ข้อมูลที่ มานำเสนอ และเผยแพร่ มิใช่ เอะอะ ก็ไป ถาม พ่อตา ผมไหม

นั่น แสดงว่า คุณไม่ต้องรับ ผิดชอบต่อสิ่งที่คุณทำ อย่างงั้น รึ

เปิด กระทู้ แบบนี้ แต่ กลับไม่ยอมรับ ไม่เปิดใจ หรือ แม้แต่จะ ฟังความเห็นของใคร

ผมว่า คุณไม่เหมาะ "อย่างมาก" เน้นเลยนะครับ ว่า "อย่างมาก" ที่จะมานำเสนอ

ประเด็น ไม่ได้อยู่ ที่วัตถุ ว่าแท้ หรือไม่ แล้วล่ะครับ ตอนนี้ประเด็น อยู่ที่คุณ หนุ่มแล้ว

ล่ะครับ ว่าเหมาะ หรือ ไม่เหมาะ ที่จะสนทนา นำเสนอ ในสิ่งต่างฯ

ลองใช้สติ ปีญญา พิจารณา ดูนะครับ ว่า ผมแดกดัน หรือ หวังดี ก็แล้วแต่จะคิด

 

อย่าไปว่า คุณหนุ่ม เขาเลยครับ
เขาคงปรารถนาดี จึงเอาข้อมูลที่ได้รับฟังจาด "พ่อตา" ที่เขาเชื่อว่า "เป็นจริง" ออกมาเผยแพร่

คนที่ต้องรับผิดชอบที่แท้จริงคือ "พ่อตา" เขาที่เอาพระให้ลูกหลานแล้วกลัวลูกหลานเขาต่อว่า ว่าเอาอะไรมาให้ก็ไม่รู้ จึงต้องตามมาด้วย "นิยาย" หลอกขายพระ

คนแก่กลัวเด็กว่า เอาของไม่ดีมาให้ เลยแต่งนิยายเพิ่มเติมครับ

 

ผมว่าบ้านเรามีอย่างนี้เยอะ เลยเหมาเอาว่าตัวมีของแท้
เคยได้ยินอ.รามเล่าให้ฟังว่ามีครั้งหนึ่งเมียของผู้ว่าราชการจังหวัดหนึ่ง ผัวตายไปไม่มีสมบัติติดตัวเหลือให้มีสมเด้จวัดระฆังยี่สิบองค์เลี่ยมทองที่ได้มาเมื่อครั้งรับตำแหน่ง
อ.รามเล่าต่อไปว่า ผมสงสารเขาจริง เพราะ ที่มีอยู่ไม่มีแท้สักองค์ยังไม่เท่านั้น แม้กรอบก็ทองปลอม
วันนั้นเขากลับไปพร้อมความเศร้าใจและตัดพ้อสามีที่ตายเพราะไม่ทราบเรื่องพระเครื่อองและเข้าใจไปทั้งหมดว่าที่คนเอามาให้ต้องเป้นของแท้ ของดี

 

จากบทสัมภาษณ์ เสี่ยดม นะครับ จริง ๆ ผมไม่อยากต่อความยาวเลย และไม่อยากให้พาดพิงใครด้วยซ้ำ อย่างท่านที่เสียชีวิตไปแล้วก็มาอธิบายไม่ได้ และอาจทำให้ท่านเสื่อมเสียด้วยนะครับ ด้วยความเคารพ

อุดม กวัสสราภรณ์ พระเครื่องเป็นเพียง..."สมบัติผลัดกันชม" คัดเพียงบางส่วน

จากประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในวงการมากว่าครึ่งศตวรรษ เสี่ยดมพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “พระเครื่องไม่มีตาชั่ง ต้องใช้ตาคนดู พระองค์เดียวกันคนหนึ่งดูแท้คนหนึ่งดูเก๊เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนเราเรียนรู้และมีพื้นฐานการดูพระไม่เหมือนกัน พระประเภทหนึ่งที่เซียนต้องดูให้เป็นของแท้ตลอดกาล คือ พระของผู้ใหญ่ แต่คราวใดที่ผู้ใหญ่เอาพระออกมาขาย จะไม่มีเซียนคนใดกล้าซื้อ มักจะแนะนำว่าให้ท่านเก็บไว้ใช้เองจะดีกว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะพระของผู้ใหญ่ได้มาฟรีๆ เมื่อเป็นของฟรีจึงมีทั้งของดีและของไม่ดีคู่กัน เป็นเรื่องธรรมดา สิ่งนี้ผู้ใหญ่ต้องทำใจยอมรับเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าผู้ใหญ่บางท่านแขวนพระสมเด็จเก๊มากกว่า ๓๐ ปี ก็เคยมี”

ตามอ่านเพิ่ม

http://www.komchadluek.net/detail/20110604/99416/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87...%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%A1.html