พระเนื้อขาว กระทู้เปิดตำนานหลวงปู่ทิม ฯ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย น้าต๋อย เซมเบ้, 26 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. intge

    intge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +150
    เห็นใจคุณ _Wut_62 ผมกดจองไม่ทันสักทีพยายามต่อครับ
     
  2. PerzEsusS

    PerzEsusS ติดต่อ ๐๖๕-๖๖๕๙๒๙๑ Line:kormkrit.th

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    598
    ค่าพลัง:
    +2,228
    จองรายการที่ 384 ครับ
    ถ้ายังทัน
     
  3. wut_62

    wut_62 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +723
    ขอบคุณครับผม ไม่เป็นไรครับ ตามกฎกติกาครับ ^^
     
  4. intge

    intge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +150
    วันนี้หมดแล้วเหรอครับ
     
  5. ต้นบัว

    ต้นบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    382
    ค่าพลัง:
    +1,088
    ขอจององค์ที่ 383 ครับ ย้ำอีกทีครับเผื่อผิดกติกา ยังใหม่อยู่ครับ
     
  6. krichthep

    krichthep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    2,389
    ค่าพลัง:
    +3,965
    จองรายการ 389 (เผื่อเปลี่ยนใจ อิๆ)
     
  7. Tone2

    Tone2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +548
    มือใหม่ครับ เพิ่งประมูลครั้งแรก ตื่นเต้นแทบหัวใจวาย ขอบคุณครับ สำหรับกระทู้ดีๆ และสมาชิกที่มีน้ำใจ ทำให้ผมได้รู้จัก และได้พระเนื้อขาวของหลวงปู่
     
  8. Tone2

    Tone2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +548
    โอนให้แล้วครับ รายละเอียดตามที่ PM ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2014
  9. มรรคเวทย์

    มรรคเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    598
    ค่าพลัง:
    +1,357
    สวัสดีน้าต๋อยครับ
    รายการที่384ลูกอมบรอนส์ลอกผมจองตอน 8.35น.ก่อนนะครับ
    ส่วนรายการที่389ผมเคาะมาตอน 8.52น.พร้อมๆกับๆที่น้าต๋อยลงรายการพอดีเครื่องมันรวนๆเลยกด2ทีติดๆกัน ตามนี้ผมได้ใช้ไหมครับ ขอบคุณครับ
    มรรคเวทย์
     
  10. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,752
    ได้รายการที่ 384 รายการเดียวครับ
    ส่วนรายการที่ 389 ลงก่อนผมเปิดรายการ
    ถือว่าไม่ทันครับ เป็นคุณ tone2 ได้รับสิทธิ์
    แทนครับ เพราะถูกกติกาที่สุด
     
  11. romegat

    romegat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,509
    ค่าพลัง:
    +9,414
    ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ..
     
  12. Tone2

    Tone2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +548
    รายการที่ 385 ถ้าไม่มีใครจอง ผมขอจองได้มั๊ยครับ
     
  13. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,752
    พิมพ์บล๊อคไม้ครับ.....พักนี้ ไม่ค่อยมีให้เห็น
    แต่มองแล้ว เป็นพิมพ์ที่มีเสน่ห์ตรงลายเสี้ยนไม้
    แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของการสร้างพระใน
    สมัยก่อนได้เป็นอย่างดี นอกจากที่เราจะทราบ
    ว่าการสร้างพระด้วยบล๊อคหินมีดโกนแล้ว ยังมี
    การสร้างด้วยบล๊อคดินเผา หรือการถอดแบบ
    จากซิลิโคนอีกด้วย....
     
  14. Tone2

    Tone2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +548
    รายการ 385 โอนให้แล้วครับ รายละเอียดตาม PM ครับ ขอบคุณครับ
     
  15. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,077
    ค่าพลัง:
    +52,179
  16. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    หลวงปู่มั่น ท่าน สอนว่า ไม่ควร " ยกโทษ ผู้อื่น " หรือ "เพ่งโทษผู้อื่น"
    ถึงแม้นผู้นั้น จะไม่ดีก็ตามที เพราะการเพ่งโทษผู้อื่น จะนำความวิบัติสู่ตนโดยไม่รู้ตัว
    ความเผลอสติ มักพาให้ผู้คนนั้น
    "ยกโทษผู้อื่น และพยายามยกคุณตนเอง" แทนที่จะ
    "ยกคุณผู้อื่น ยกโทษตนพิจารณา"

    ... หลวงปู่ยังกล่าวอีกว่า " อวดเขี้ยวคือหมา อวดงาคือช้าง "


    [​IMG]
     
  17. เอกรถไฟ

    เอกรถไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +2,093
    ยังคงเหลืออีกใหมครับ รออยู่นะครับท่านน้าต๋อย
     
  18. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,752
    บล๊อคไม่ไม่ค่อยได้เห็นครับ
    เดี๋ยวจะลองค้นๆ ดูนะครับ
     
  19. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,752
    ตะกรุดตะกั่วทุบ หรืออีกชื่อที่ชาวกระทู้เรียกกันว่า "ตะกรุดปราบเมีย"

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 390.jpg
      390.jpg
      ขนาดไฟล์:
      340.9 KB
      เปิดดู:
      1,975
    • 391.jpg
      391.jpg
      ขนาดไฟล์:
      300.9 KB
      เปิดดู:
      599
    • 393.jpg
      393.jpg
      ขนาดไฟล์:
      300 KB
      เปิดดู:
      687
    • 394.JPG
      394.JPG
      ขนาดไฟล์:
      204.3 KB
      เปิดดู:
      1,936
    • 395.jpg
      395.jpg
      ขนาดไฟล์:
      337.6 KB
      เปิดดู:
      671
    • 392.jpg
      392.jpg
      ขนาดไฟล์:
      291.1 KB
      เปิดดู:
      708
  20. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่มีความแน่วแน่และมั่นคงในการศึกษาร่ำเรียนวิชาต่างๆเพื่อให้เกิดผลสมดุลกันไปตามแบบวิสัยที่มีอยู่ และการบำเพ็ญเพียรวิปัสสนากรรมฐานเพื่อให้จิตนั้นมีความหมดสิ้นจากกิเลสทั้งปวงซึ่งอาจจะกล่าวกันง่ายๆว่าการบำเพ็ญตบะที่ต้องการเผาผลาญกิเลสทุกสิ่งอย่างที่เข้ามาครอบงำจิตใจให้หมดกันไปโดยดำรงไว้เพื่อแนวหลักวิถีธรรมที่ถูกต้องโดยละสิ้นจากความโลภ โกรธ หลง ปลงจิตใจทุกสิ่งอย่างตามแบบอย่างสัจธรรมของชีวิตที่ต้องหมุนเวียนกันไป

    สมัยก่อนคงย้อนเวลากันไปนานหลายสิบปี ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่ท่านในรุ่นเก่าที่ได้เล่ากันจากรุ่นสู่รุ่น เขาจะเล่ากันว่า เวลาหลวงปู่ท่านนั่งสมาธิครั้งใดท่านจะใช้เวลานั่งนานมาก ท่านเคยนั่งตั้งแต่หัวค่ำยันจบเช้าก็บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่ท่านจะนั่งหลังจากเสร็จสิ้นจากภาระกิจของสงฆ์หรืออาจจะเป็นในช่วงที่หลังจากการสวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จ ซึ่งถ้าความคิดเห็นเราเป็นไปได้แสดงว่าหลวงปู่ท่านคงเข้าฌานสมาบัติหรือเพื่อเป็นการดำรงจิตในอารมณ์ของฌานตามหลักสมาบัติหรือเพื่อฝึกกำลังฌานของท่านให้มีความชำนาญแก่กล้าอยู่เสมอ

    มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่ท่านได้เรียกลูกศิษย์ใกล้ชิดเข้าไปแล้วได้เอ่ยเล่าถึงเรื่องสรรค์และนรกนั้นเป็นเรื่องราวและบทตอนที่มีจริง ท่านกล่าวว่า"กรรมนั้นเป็นของตน กรรมก็เป็นไปในเรื่องของกรรม บุญก็เป็นไปในเรื่องของผลบุญ ตามแนวทางสองแบบอย่างที่มนุษย์เราต้องดำเนินกันไปตามจุดมุ่งหมายของชีวิต จะมาเกี่ยวข้องลบล้างกันไม่ได้เลย ใครทำดีย่อมไปสวรรค์ ใครทำชั่วย่อมลงนรกกันไปตามบทวิถีทางการปฏิบัติของตนเอง" ท่านเอ่ยกล่าวถึงเทวทูตและยมทูตนั้นมีจริงในบทถึงการลงโทษลงทัณฑ์ เมื่อใครได้ประพฤติกรรมทำความชั่วหรือการก่อกรรมทำไม่ดีก็ย่อมที่จะได้เข้าสู่ประตูนรกอเวจีกันต่อไป และอีกบทหนึ่งท่านก็ได้กล่าวถึงเทวดานางฟ้าในสวรรค์ชั้นมาดแมนที่งามหรูยิ่งเมื่อใครได้ยลแล้วจักลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างโดยเฉพาะสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่เป็นประตูสู่จุดมุ่งหมายสูงสุดของมนุษย์ทุกคนเมื่อละสิ้นจากโลกนี้ไปแล้วโดยถ้ามนุษย์ทุกคนได้สร้างสะสมบุญหรือการประพฤติปฏิบัติทำแต่ความดีมีศีลธรรมอย่างงดงามและน่ายกย่อง ซึ่งแต่ละอย่างนั้นอยู่ที่บทบาทและบทตอนของเราๆท่านๆที่จะมีจิตในการแยกแยะกับสิ่งทั้งที่เป็นกุศลจิตและอกุศลจิตกันเพียงใดในการกระทำเมื่อครั้งตอนที่ยังเป็นมนุษย์อันแสนประเสริฐได้

    นายสาย แก้วสว่างลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านเล่าว่า เมื่อครั้งหนึ่งหลวงปู่ทิมได้เอ่ยกล่าวถึงดินแดนลับแลแห่งตำนานเรื่องราวของป่าหิมพานต์ที่เป็นบทกล่าวอ้างถึงไว้ในวรรณคดี ซึ่งป่าหิมพานต์นี้เป็นสถานที่เปรียบดุจเหมือนอุทยานแห่งชาติของสวรรค์ในชั้นวิมาน โดยเรื่องราวต่างๆนั้นหลวงปู่ท่านกล่าวว่ามีจริงไม่ใช่เป็นเรื่องของนิยายเพ้อฝัน แต่มันเป็นดินแดนแห่งสุขาวดีตามบทวรรณคดีของเทพนิยายที่กล่าวกันมา โดยหลวงปู่ท่านได้เอ่ยกล่าวถึงพืชวิเศษชนิดหนึ่งที่เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ โดยผลนั้นมีลักษณะขั้วลูกอยู่ด้านบนศีรษะ มีรูปร่างเป็นหญิง รูปร่างสะโอดสะอง สมส่วน ผิวพรรณงดงามปานเทพธิดา

    “ ว่ากันว่า จริงๆ แล้ว ผลหนึ่งผล ก็คือรุกขเทพธิดาหนึ่งนาง หรือ เมื่อต้นนารีผลออกดอก เสมือนเกิดวิมานแห่งรุกขเทพธิดาขึ้นที่นั่น เมื่อติดลูก ก็คือเทพธิดาจุติลงมาเกิดที่นั่น ความสวยงามสมบูรณ์แห่งผลนารีผล แต่ละผล จึงสวยงามต่างกัน ขึ้นอยู่กับบุญของเทพธิดาแต่ละนางด้วย เมื่อเหล่าพวกวิทยาธร เดินทางมาพบเข้า หากจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ตบะแตก ก็จักได้เสพบำเรอกับนารีผล เมื่อตบะแตก ฤทธิ์เสื่อม เหาะไปต่อไม่ได้ เมื่อไปต่อไม่ได้ ก็ไม่มีทางจะได้พบกับพระนางมัทรี…. การจะเดินทางต่อ หรือออกไป จำต้องบำเพ็ญเพียรใหม่ ยกระดับจิตขึ้นแล้ว จึงกลับออกมาได้ ซึ่งมันก็คือด่านป้องกัน ไม่ให้ใครไปล่วงศีลกับพระนางมัทรี และเทพธิดาที่จุติไปเกิดที่นารีผล แต่ละนางก็ไปด้วยกรรมของตน มิได้บังคับไปแต่อย่างใด

    แม้ว่า พระเวสสันดร พระนางมัทรี จะเสด็จออกจากป่าเข้าเมืองไปแล้ว ต้นนารีผล ก็ยังคงมีอยู่ในที่นั้น ตราบเท่าทุกวันนี้ ยังมีดอกหอมกรุ่น มีนารีผลห้อยระย้าอยู่ดังเดิม แม้ลูกที่หมดอายุขัยจะร่วงหล่นเหี่ยวเฉาไป ลูกใหม่ก็ขึ้นมาแทนที่ไม่ได้ขาด โดยว่ากันว่า บางครั้ง ฤๅษีที่บำเพ็ญเพียรจนมีตบะกล้า กิเลสสงบ เพื่อจะทดสอบจิตตน ก็จะเหาะไปที่ต้นนารีผล มองดูนารีผล ว่าตนจะตบะแตกหรือไม่ หรือบางครั้งฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ อาจจะพาลูกศิษย์ไปทดสอบระดับจิต ไปฝึกควบคุมจิต ที่นั่น ก็มีและว่ากันว่า พวกวิทยาธร มักจะเหาะไปเก็บนารีผล อุ้มมาเชยชมแล้ว ฝึกจิตใหม่ ค่อยเหาะกลับออกมา นารีผล เป็นที่ต้องการของสัตว์วิเศษ รวมถึงคนธรรพ์ วิทยาธรทั้งหลายผู้ยังไม่หมดกามราคะ ดังนั้น การที่นารีผลจะเหี่ยวแห้งคาต้นแล้วร่วงหล่นนั้น เป็นไปได้ยาก ก่อนจะโรยรา จะมีเทวดา สัตว์วิเศษ และวิทยาธร เป็นต้นมาเก็บเอาไป “

    หลวงปู่ทิมท่านเอ่ยกล่าวกับลูกศิษย์ใกล้ชิดถึงดินแดนมหัศจรรย์แห่งการจินตนาการในป่าหิมพานต์ แห่งนี้เป็นมิติที่ซับซ้อนซ่อนโลกที่อยู่ในโลกมนุษย์เรานี้เอง แต่ต้องเป็นคนที่มีบุญญาวาสนาหรือมีบารมีเท่านั้นถึงจะพบเห็นและเข้าไปได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการเพ้อฝัน ดังสิ่งที่เราเคยได้ยินได้ฟังมา แต่ไม่เคยเห็น ไม่เคยจับต้อง นั้นอาจไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่จริง เหมือนกับนรกสวรรค์ที่เป็นคำสอนของศาสนามาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่ไม่เคยเห็นและยืนยันกันได้ว่ามีจริง นอกจากต้องละจากทางโลกนี้ไปแล้วหรือการใช้อำนาจจิตจากเกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาหรือผู้ที่สำเร็จฌานสมาบัติในการท่องไปในดินแดนแห่งอนาคตกาลเบื้องหน้า ซึ่งมันหลักแนวทางอย่างหนึ่งตามหลักพุทธศาสนาของการสื่อท่องโลกไปในดินแดนแห่งนรกสวรรค์หรือในดินแดนแห่งสุขาวดีที่เป็นบ่อเกิดกับเรื่องราวต่างๆอันเกิดขึ้นมาได้

    มีอยู่บทตอนหนึ่งหลวงปู่ท่านเอ่ยกับนายสายและลูกศิษย์ใกล้ชิดอีกสองสามคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน ว่าใครอยากไปท่องแดนสนธยาแห่งป่าหิมพานต์ดูต้นมักกะรีผลที่กล่าวกันในตำนานกันไหม! ซึ่งลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ต่างก็สนใจกันมากเพราะเป็นเรื่องเร้นลับที่ใครหลายคนอยากจะรู้กันว่ามันมีจริงตามที่กล่าวกันไว้ในวรรณคดีรึไม่ หลวงปู่ท่านก็บอกว่าท่านจะนำพาไปให้ ซึ่งลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ต่างก็หูผึ่งสนใจกันอย่างมากและตอบรับกันทุกคน เมื่อมีเรื่องราวเป็นเช่นนั้นแล้ว หลวงปู่ท่านก็ได้เอ่ยกล่าวกับศิษย์ว่า แต่มันมีข้อแม้อยู่ที่ว่า เราเพียรสร้างสะสมบุญกันมาเพียงพอรึยังที่จะเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ ถึงแม้เราจะมีจิตสมาธิที่มั่นดีแล้วก็ตามที “นี่นำพาไปให้ได้” ซึ่งเป็นคำกล่าวของหลวงปู่ท่าน “ แต่ถ้าใครได้เห็นแล้วเกิดลุ่มหลงในจิตหรือตกในภวังค์ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ต้องการแล้ว จิตอาจจะหลงทางและหาทางกลับมาไม่ได้นะ ถึงแม้นี่นำพาไปก็ช่วยไม่ได้ เมื่อได้ยินได้ฟังเช่นนี้แล้วมีศิษย์คนใดจะไปกันมั่งล่ะ ” ลูกศิษย์ที่ได้ฟังกันในขณะนั้นต่างก็เงียบกริบกันทุกคน เมื่อหลวงปู่ทิมท่านได้เอ่ยกล่าวสาธยายแบบนี้ แล้วทีนี้ใครล่ะจะกล้าไปกัน ลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ต่างก็อึมอัมๆกันหมด หลวงปู่ทิมท่านก็ไม่ว่ากระไรท่านก็ได้แต่นั่งยิ้มหัวเราะพร่ำๆตามประสาของท่านไป

    ซึ่งก็แสดงว่าการเดินทางไปในดินแดนสนธยาป่าหิมพานต์แห่งนี้สามารถไปได้ 2 วิธีด้วยกัน คือมีคนนำทางพาไปได้ กับอีกอย่างหนึ่งคือต้องคนที่สำเร็จอภิญญา5 ขึ้นไป ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงตามที่ลูกศิษย์ลูกหาคนใกล้ชิดเขาจะรู้กันดีกับคำเอ่ยกล่าวของหลวงปู่ทิมในช่วงเหตุการณ์หนึ่งที่ท่านดำรงขันธ์อยู่ในขณะนั้น......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 005.png
      005.png
      ขนาดไฟล์:
      501 KB
      เปิดดู:
      92

แชร์หน้านี้

Loading...