จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

เนื่องในโอกาสใกล้วันปีใหม่แล้ว ข้าพเจ้าขออาราชธนาคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม และคุณพระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบในสากลโลกนี้ จงมาปกปักษ์คุ้มครองทุกๆท่าน ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายท้งปวง และขอให้ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้หลุดพ้นไปจากทุกข์ และขอให้ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้มีสุขอยู่ทุกเมื่อ เพราะธรรมะมีอยู่กับใครๆแล้ว คนนั้นจะมีแต่ความสุข ความเจริญ และธรรมะก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกาลเวลา แต่ขึ้นอยู่กับปัจจุบัน เพราะปัจจุบันถ้าเราทําความดีให้ถึงพร้อมแล้ว นั้นแหละท่านก็จะมีอนาคตที่ดีแน่ เพราะอดีคที่ล่วงเลยมาแล้ว แก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันเราแก้ไขได้ และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ก็ไม่ควรไปคํานึงถึงว่าเราจะเป็นโน้น เราจะเป็นนี่ ก็ขอให้เราเป็นคนดีในวันนี้ขอพอ...สาธุค่ะ สุขสันต์วันปีใหม่ ๒๕๕๗ ทุกๆท่านด้วยเทอญ ;aa2

 

หลวงพ่ออวยพรปีใหม่

​

โดย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย...สำหรับปีเก่าจะสิ้นไป ปีใหม่จะเข้ามา
ขออำนาจพุทธบารมีขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน
และพระธรรมคำสั่งสอน ขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
พร้อมไปด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมดที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระบรมสุคตศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่สุด

จงปกปักรักษาบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ให้มีความมั่นในคุณพระรัตนตรัย
ขอให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหมด ภัยใดๆ ที่ปรากฎต่อโลกจงอย่ามีกับพุทธบริษัท
ขอให้จิตใจของท่านพุทธบริษัทมีความปลอดโปร่ง
พ้นจากกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้ในชาตินี้ ฯ
​

 

​

 

สวัสดีปีใหม่ 2557 จ้า...ขอส่งความสุขตลอดปี และตลอดไปด้วยพรของหลวงพ่อค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ _/l\__/l\__/l\_

​

 

ธรรม..ส่งท้ายปีเก่า

ความสุข ความสงบ ที่แท้จริงของมนุษย์นั้น อยู่ข้างในจิต มิใช่ ข้างนอกจิต
เพราะฉะนั้น คำว่า ความสุข ความสงบ จึงต่างกันไป ตามสติปัญญาของมนุษย์ทั่วๆไป
จึงมีมนุษย์กลุ่มน้อยหรือคนส่วนน้อย เฝ้าแสวงหาความสุข ความสงบภายในจิต
แต่มีมนุษย์กลุ่มใหญ่หรือคนส่วนใหญ่ เฝ้าแสวงหาความสุข ความสงบภายนอกจิต

ต่อมา มีมนุษย์กลุ่มใหญ่หรือคนส่วนใหญ่ เริ่มรู้ เริ่มเข้าใจแล้วว่า เราต้องการอะไรกันแน่
แต่ความต้องการนั้นคืออะไร ความสุข ความสงบนั้น ใครต้องการ
เพราะฉะนั้น ผู้มีสติปัญญาเท่านั้น จึงพอจะแยกแยะได้ชัดเจน
ทุกคนรู้ดีว่าความต้องการนั้นคือ กิเลส
ทุกคนรู้ดีว่าความสุข ความสงบนั้นคือ กิเลสเช่นเดียวกัน
กิเลสทั้งปวงล้วนก็เกิดจากจิตใจของมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง นั่นเอง
เมื่อความต้องการหรือกิเลสของมนุษย์มีมากขึ้น พอหาไม่ได้ดั่งใจคิดนึกจึงเกิดทุกข์ขึ้น
สรุปความว่า ทั้งสุข ทั้งทุกข์ เกิดที่ใด ทุกคนตอบได้หมด เพียงแต่ยังหาทางออกไม่เป็น

มนุษย์เพียงแค่รู้ว่า ทั้งสุข ทั้งทุกข์ เกิดที่จิตใจนั้น ยังไม่เพียงพอ
เพราะถึงรู้ไปก็ยังเป็นทุกข์อยู่ดี คือหาทางออกจากทุกข์ยังไม่ได้
เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงความสุข ความสงบของตนเอง
นั่นก็หมายความว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงธรรมชาติแห่งจิตตนเอง
ตรงนี้คือ สาเหตุหลัก
การจะเข้าถึงจิตตน หรือความสุข ความสงบที่แท้จริงของตนได้นั้น
จำเป็นจะต้องอาศัยตัวสติ
เพราะจิตเป็นนามอันละเอียดของมนุษย์ เพราะฉะนั้น จะต้องเอานามไปดูนาม
ส่วนสติเป็นนามเฉกเช่นจิตมนุษย์ แต่ความละเอียดคงไม่เท่ากับจิต
สรุปแล้ว เอาสติไปตามดู ตามรู้จิต นั่นเอง จึง(พอ)จะดู จึง(พอ)รู้จิตตน
มีสติปัญญา แค่รู้เท่าทันเฉยๆ แต่ยังออกจากนามละเอียดตนยังไม่ได้นะ
ตราบใด เรายังออกจากรูปนามกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น จำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัยสติไปตลอด
จนกว่าจิตปัญญาจะกลายเป็น ปัญญาญาณ (ตรงนี้พูดเน้นย้ำบ่อยมาก)

ประตูแรกสุดที่จะนำเข้าไปสู่จิต หรือความสุข ความสงบนั่นก็คือ สติ
ตรงนี้ผู้ปฎิบัติส่วนใหญ่คงจะเข้าใจแล้วว่า พระพุทธเจ้ามีกรรมฐานให้ไว้ ทำไม
หรือเจริญสติภาวนากัน ทำไม
จุดประสงค์หลักก็คือ ให้ผู้ปฎิบัติได้มีโอกาสเข้าถึงจิต คือการเข้าถึงความสุข ความสงบของตนเอง
ผู้ปฎิบัติท่านใดพบเจอแล้ว จึง(พอ)จะเข้าใจธรรม หรือ เข้าถึงธรรม ต่อไปฯ

ที่พูดมาเนี๊ย ทุกคนรู้หมด แต่ทำไม ยังเข้าไปไม่ถึงจิต ไม่ถึงความสุข ความสงบของตนเอง
ก็เพราะว่า ยังไม่มีความเพียร คือยังไม่ยอมลงมือปฎิบัติกันเท่านั้นเอง
เพราะการปฎิบัติธรรมนั้น จักต้องไปตามวาระจิตของผู้นั้นเอง หรือไปตามขั้นบันไดบุญ
การปฎิบัติธรรมนั้น ผู้นั้นจะต้องมีกำลังใจถึงคำว่า คำว่า อยากปฎิบัติเอง
เพราะไม่มีใครจะไปบังคับให้เราปฎิบัติธรรม

ส่วนผู้ปฎิบัติพบเจอจิต หรือพบเจอความสุข ความสงบแห่งจิตของตนแล้ว
ขออนุญาตย้ำเตือนว่า อย่าหยุด คือปฎิบัติต่อไปฯ
เพราะจิตตรงนั้น ความสุขตรงนั้น ความสงบตรงนั้น ยังไม่พ้นไตรลักษณ์
เพราะจิตที่แท้จริงนั้นก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ถึงจิตพัฒนาเป็นจิตปัญญาก็ตาม
เพราะธรรมชาติแห่งจิตนั้นก็คือ จิตอนัตตา
ก็คือ จิตเหนือจิต จิตในจิต มิใช่แค่จิตแยกออกมาจากกายหยาบเท่านั้น
เพราะจิตเองก็จะต้องแยกออกมาจากจิตของตัวมันเองด้วย
จึงจะพ้นวิสัยโลก จึงจะพ้นบ่วงกรรม (จริงๆ)
ปัญญาญาณหรือญาณเท่านั้น จึงจะพาออกมาจากตรงนั้นได้
ต่อไป จิตปัญญานั้นก็จะกลายเป็นญาณ
และคำว่าญาณนั้น จึงจะหมายถึง..มิใช่เรา มิใช่ของเรา (จริงๆ)
และญาณที่ว่ามานี้ ก็จะนำพาไปรู้จัก คำว่า วิมุตติ (ในกาลครั้งหน้าเอง)
และญาณ(รู้+วาง)นี้ ก็จะเป็นฝ่ายที่จะบอกกับเราว่า พร้อมจะไปวิมุตติหรือไม่
ตรงคำว่า สัมมาญาณะนี้ จะมีทางสองแพร่ง คือจะเลือกไปวิมุตติหรือไม่ อย่างไร
แต่ถ้าจิตบุคคลใด เคยตั้งอธิษฐานจิตไว้แต่ปางก่อน ภพชาติก่อนว่าขอเป็นพุทธภูมิ
แต่ถ้าจะไป(พระในจิต)บอกว่า ให้ลาพุทธภูมิก่อน ไม่งั้นไปไม่ได้ เพราะจิตติดหน้าที่ตรงนี้

เพราะฉะนั้น อย่าสงสัยว่า ทำไม พระอรหันต์ที่ละสังขารไปแล้ว จึงไม่ไปนิพพานสักที
พระอรหันต์บางท่าน โดยเฉพาะบำเพ็ญอิทธิบาทมาดี อาจเปลี่ยนกายหยาบไปเรื่อยๆ
เพราะติดภาระหน้าที่ของท่านนั่นเอง
แต่ถ้าไม่ทรงอิทธิบาท จิตไปพักชั่วคราว เดี๋ยวก็กลับมาบำเพ็ญเพียรบารมีหลายชาติ
เพื่อจะรอเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปฯ สาธุ

พระพุทธองค์ ทรงวิ่งหาธรรมชาติแห่งจิตจนตรัสรู้ธรรมในที่สุด
ถ้าจะบรรลุธรรมโดยไม่ยากเย็นต้องเดินตามรอยอริมรรคหรือมรรคมีองค์๘นี้
เพียงตั้งใจปฎิบัติกันจริงๆจังๆ แค่ตั้งใจยังน้อยไป ต้องเรียกว่า บ้า..ปฎิบัติภายใน
คือทำทุกอิริยาบถ ทำทุกขณะจิต ทำลมหายใจ(ถ้าเป็นไปได้)
โดยเฉพาะ ทำคู่ขนานกันไปกับภารกิจหรือหน้าที่ทางโลก
ทำกันได้ไหม บ้าเป็นกันไหมแบบนี้

สังเกตดูเหล่าพระอริยเจ้าทั้งหลาย กว่าจะได้มาคำว่า อรหันต์ ท่านเอาอะไรไปแลก
นอกจาก กายใจแล้ว เดิมพันด้วยชีวิตกันทั้งนั้น คือเลยความกลัวของตน
เช่น กลัวผี กลัวความตาย เป็นต้น

ขอฝากธรรมะกับผู้ปฎิบัติแต่เพียงเท่านี้ ก่อนปีใหม่ ก่อนความตายของตนมาเยือน
อย่ามัวแต่เพลิดเพลิน หายใจทิ้งขว้าง มีความสุขแบบโลก หรือตกอยู่วังวนเดิมๆคือทุกข์
ให้ออกจากสุข ออกมาจากทุกข์ของตนได้แล้ว ออกก่อนที่ขันธ์ตนจะดับ
คนรักเราหรือคนที่เรารัก โลกหลังความตายไม่มีใครไปด้วยกับเราหรอก เราไปแต่ผู้เดียว
นี่ขนาดงานทางโลกยุ่งนะ แต่จิตไม่ยอมเกาะกับงานทางโลกเลย เกาะแต่พระ..
(พระ..พุทธคุณ พระ..นิพพาน)

ปล.บทความหรือธรรมาทานนี้ ติ-ชมหรือวิจารณ์ได้ทุกคน ไม่ว่ากัน
ไม่มีคำว่า ปรามาส อย่าคิดมาก
ได้โปรด จำคำๆนี้กันไว้ ดับไม่เหลือ ดับตรงไหน ดับเมื่อไหร่ อะไรดับ หรืออะไรเกิด อะไรดับ
นอกจากกายเกิดดับ ตัวสังขารฯเกิดดับ แล้วจงถามตนบ่อยๆว่า สิ่งที่กำลังเกิด กำลังดับอยู่นั้น
มันใช่เรา มันใช่ของเราไหม
วิปัสสนาหลับตา-ลืมตา จิตเป็นสมาธิหรือไม่ก็ตามแต่ใจเรา

FB ภูทยานฌาน​

 

​

ที่มา;FB สมาคมคำคมสู้ชีวิต​

 

_heart+love_ปีใหม่ 2014 นี้ เรามาเริ่มต้นด้วยการให้อภัยซึ่งกันและกันเถิด;aa31​

การให้อภัย จึงเป็นการล้างใจขั้นสูง...

สิ่งที่ขัดใจเรา (คำพูด การกระทำที่กระทบกระเทือนเรา)
ใจจะเกาะเกี่ยวไว้ไม่ปล่อย
ใจจะวกเอามาคิด มานึกอยู่บ่อยๆ

เปรียบเหมือนเรารับเอาหมาเน่ามาไว้
ทั้งๆที่เกลียดและเหม็น แต่ก็ไม่ยอมทิ้งมัน
แล้วจะโทษใครที่ต้องเหม็นตลอดวันตลอดคืน

คนที่ไม่ยอมให้อภัย คือ คนที่กอดหมาเน่าเอาไว้
แล้วคร่ำครวญว่าเหม็นเหลือเกินๆๆๆ

การให้อภัย...
จึงเป็นการล้างใจขั้นสูงที่น่าปฎิบัติอย่างยิ่ง.

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ

ที่มา;FB ชัชวาล เพ่งวรรธนะ​

 

MAY THE TEACHING OF LORD BUDDHA GUIDE YOU ALWAYS.

HAPPY NEW YEAR 2014

 

โมทนาสาธุกับท่านว.และผู้ให้ธรรมทานด้วยครับ
คนเราจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้นั้น จะเปลี่ยนได้อย่างไร
ถ้าภายในคือจิตใจ ยังไม่เปลี่ยน
ไม่มีใครเปลี่ยนจิตใจของคนคนอื่นได้ จิตอยู่ที่ตนเองก้ยังเปลี่ยนยากเลย
นับประสาอะไรจะไปเปลี่ยนจิตใจของผู้อื่น
มีอยู่สิ่งเดียวที่พอจะเปลี่ยนได้นั่นก็คือ กรรมฐาน
หรือปฎิบัติธรรม นั่นเอง

แต่อย่าเข้าใจผิดๆนะว่า นุ่งขาวห่มเหลือง หรือทำสมาธิแค่สมถะจะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างได้
โดยเฉพาะ จิตใจ
เพราะเราหลงมาเกิดกันเป็นอสงไขย พอเราจะทำจิตให้นิ่ง คือทำจิตให้เป็นบุญก็ยากตามไปด้วย
เพราะหลายอสงไขย เรามิได้ฝึกทำกรรมฐานกัน ฝึกแต่ส่งจิตออกนอกกัน เป็นประจำ

แต่ทำไม บางคนทำกรรมฐานง่าย เพราะเขาเคยฝึกทำมาบ้างแล้ว จึงง่าย

ท่องจำกันไว้เลยว่า ๑๐ ต่อ ๑ ก็หมายความว่า ทำสมาธิ หรือมีสติ๑๐ครั้ง เราจึงจะมีปัญญาสักครั้งนึง
ถ้าจิตมีปัญญา ๑๐๐ครั้ง ธรรมในจิตจะผุดออกมาสักครั้งนึง เป็นต้น
พอเข้าใจกันนะ จิตของคนเราเนี๊ย เป็นรื่องละเอียดอ่อนมาก จนคาดเดาไม่ได้
คือละเอียดเกินกว่าทุกคนที่จะคิดกัน
อยู่ตนเองมากๆโน้นแหล่ะ จึงจะรู้สึกตัวกันสักทีนึง วันๆนึงเราทำแต่จิตไม่นิ่งกัน
จิตไม่นิ่งเราไม่ต้องฝึก มันไม่นิ่งเอง เพราะเราเอาสติแยกจิตกันทุกวันเลย
แต่จะทำให้จิตนิ่งได้นั้น ต้องกรรมฐาน คือเอาสติไปอยู่กับจิตของตนบ่อยๆ
ขอเน้น+ย้ำ คำว่า บ่อยๆ คือทำให้ต่อเนื่อง
พอเราฝึกจิตตนเองนิ่งบ่อยๆเนี๊ย จิตจึงจะเกิดปัญญา ในขณะที่จิตเป็นปัญญานั้น มันก็จะเป็นบุญกุศลตามไปด้วย
พอจิตสงบนิ่งเป็นบุญเป็นกุศลแล้ว เดี๋ยวคนชื่อพรหมวิหารก็จะมาเยี่ยมในใจของตนเอง

คำว่า ปัญญาตรงนี้ ที่พระพุทธเจ้าอยากให้เราเข้าถึงกันเยอะๆ บ่อยๆ
เพราะเดินอีกนิดเดียวเอง จากจิตปัญญาก็จะกลายเป็นปัญญาญาณ
หรือจิตอนัตตา
เป็นที่น่าเสียดาย นักภาวนา นักปฎิบัติขาดความเพียร คือขาดความต่อเนื่อง
และตรงนี้แหล่ะ พระ(ในจิต)ย้ำเตือนนักย้ำเตือนหนา ฝาก+ฝังมาให้บอกกับพวกเรา
โดยเฉพาะ ผู้ปฎิบัติธรรม
อีกนิดเดียวน่ะ ก็จะถึงฝั่งแล้ว ไม่เอาหรือ
หรือจะรอหลายชาติก่อน รอให้เห็นทุกข์มากๆก่อน
ท่านแน่ใจหรือว่า ชาติหน้าเราจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก
ไม่ใช่มาดูถูกกันนะ แต่พูดสกิดใจให้คิดกัน มีสติกันเยอะๆนะ
ว่าจะคอมเม้นต์นิดเดียว ยาวจนได้ ไม่รู้เป็นไงชอบแต่พูดธรรม
เชิญ ติชมได้ทุกเมื่อ เพราะจะได้กลับมาดูจิตดูใจของตนด้วย เช่นกัน
ว่าสิ่งกระทบจิตเรามันยังมีผลอยู่ไหม โดยเฉพาะโลกธรรม๘
มิใช่คนที่เพิ่งออกจากถ้า คือสมาธิหรือฌานมาใหม่ๆนะ
พอพบเจอความวุ่นวายกับทางโลกหน่อย ทำแกว่ง ทำเขว ทำเอียง
อันนั้นไม่ได้เรื่อง เจริญมรรคจักต้องได้ผลสิ เดี๋ยวคำว่านิพพานก็จะอยู่ไม่ไกลกับกลุ่มคนจำพวกนี้แน่
ผู้ปฎิบัติลองถามตนเองบ่อยๆดูนะว่า เราหรือจิตเรายังหลงไหลไปกับทางโลกไหม
อย่าตอบเข้าข้างตนเองนะ ที่ถามน่ะ คือจิตจิงๆนะ มิใช่ ถามกายหยาบตน
กายนั้นอย่างไงๆก็ตกเป็นของโลกวันยังค่ำอยู่แล้ว อย่ากังวล
เอาจิตออกมาให้ได้ก่อนเอาจิตรอดก่อน ที่เหลือ จิตปัญญาจักพารอดภายหลัง

ถือโอกาสอวยพรก่อนวันปีใหม่เลย
ขอให้ละบาป ละอกุศล ทุกอิริยาบถ ทั้งกาย วาจา ใจ
ขอให้ทำแต่ความดี เป็นลุญกุศล ทำภาวนาก็ยิ่งดีใหญ่เลย
ขอให้ทำจิตให้ผ่องใส อันหลังยากหน่อย แต่ก้ต้องพยายามทำนะ
ขอให้สบายกายสบายใจ มีดวงจิตใหม่ มีแต่ส่งที่ดีงามเขามาในชีวิตของตน
ทำเหตุให้ดีก็แล้ว เพราะผลนั้นย่อมเป็นไปตามกฎแห่งกรรม
ขอให้ร่ำรวยทั้งทางโลกและทางธรรม โดยเฉพาะเจริญในธรรม

โชคดีครับผม

 

คุณภู ที่เคารพรัก
กราบขอบพระคุณที่ห่วงใยพวกเราเสมอมา หากไม่ห่วงคงไม่มานั่งพิมพ์ตักเตือนกันให้เมื่อยมือ เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่นี้เราขอ อาราธนา คุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดฺิ์สิทธิในจักวาลสากลภิภพขอทรงพระเมตตาโปรดประทานพระพร แด่คุณภูปกปักรักษาให้คุณภู และกัลยาณมิตรกัลยาณธรรมมีสุขภาพแข็งแรง สมปรารถนาในทุกสิ่งค่ะ

 

พุทธานุภาพ
ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

บรรดาท่านพุทธบริษัทจงอย่าวางใจ จงอย่าประมาทในชีวิต
จงคิดว่าคุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ทั้ง ๓ ประการ
จะสามารถทรงเราให้มีชีวิตอยู่ได้ นี่กล่าวโดยเฉพาะ ถ้าเราสิ้นอายุขัย
การนึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะทำให้เราพ้นทุกข์

ฉะนั้น นับตั้งแต่นี้ต่อไป ตั้งใจไว้ว่า จนกว่าจะสิ้นปีที่เต็มไปด้วยความวิกฤต
ทุกทิศของโลกจะเต็มไปด้วยความ เร่าร้อน
เราจะยึดเอาคุณความดีขององค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดา
สัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าไว้เป็นประจำ คือ คำภาวนาว่า "พุทโธ
พุทโธ" เป็นปกติ ถ้าเป็นอย่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจะมีความสุขในชีวิต คือ
จิตของท่านจะทรงสมาธิ อำนาจบารมีของพระพุทธเจ้าจะทำจิตใจของท่าน
ให้เยือกเย็นมีความสุข อันตรายจะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายก็จะพ้นภัย

และด้วยอำนาจของพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ
แต่ถ้าชีวิตอายุขัยที่จะสิ้นไปเมื่อไร ความดีขององค์สมเด็จ
พระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะบันดาลให้เรา
พ้นอบายภูมิทั้ง ๔ ประการ คือ ไม่เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต
เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน

อย่างเลวที่สุด เราก็จะเป็นเทวดา ถ้าจิตใจมีสมาธิแรงกล้า
เราจะเข้าถึงการเป็นพรหม ถ้าจิตของเราโดยนิยมไม่ยึด
ในขันธ์ห้า หรือว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา จิตเราเกาะองค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน
เราจะไปที่นั่น เอาใจตรงนี้ยึดองค์สมเด็จพระทรงธรรม์
บรมศาสดานั่นเอง ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วพุทธบริษัททั้งหลาย
จะพ้นจากกิเลส จะเข้าถึงพระนิพพานได้


ขอเจริญในธรรม ด้วยจิตคารวะ

ปาราเมศ
newwave1959
จบ.14​

 

​

พรปีใหม่..จาก หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
​

​

ปีใหม่ก็จะคืบคลานเข้ามาถึง ก็เป็นอันว่าชีวิตของเรา
ก็ล่วงเข้ามาอีก ๑ ปี ปีใหม่ที่เคลื่อนเข้ามาเราก็จะแก่เข้าไปอีก
ชีวิตของเราก็จะเดินเข้าไปหาความดับ เพราะธรรมดาของชีวิต
เมื่อมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น และก็มีความเปลี่ยนแปลง
ไปในท่ามกลาง และมีการตายแตกทำลายพันธุ์ไปในที่สุด
นี่เป็นกฎธรรมดาของสิ่งมีชีวิตที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้

บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับปีเก่าจะสิ้นไป
ปีใหม่จะเข้ามา ขออำนาจพุทธบารมีขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดา
สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน และพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
พร้อมไปด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมดที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระบรมสุคตศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่สุด

จงปกปักรักษาบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านให้มีความมั่น
ในคุณพระรัตนตรัย ขอให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหมด
ภัยใด ๆ ที่ปรากฎต่อโลกจงอย่ามีกับพุทธบริษัท
ขอให้จิตใจของท่านพุทธบริษัทมีความปลอดโปร่ง
พ้นจากกิเลสเป็นสมุจเฉทปทาน เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
ได้ในชาตินี้ ฯ


โมทนา สาธุ กราบนมัสการหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วยความเคารพยิ่ง
และขอยกไว้เหนือเศียรเกล้าของลูกตลอดไป สาธุ

ขอเจริญในธรรม ด้วยจิตคารวะ

ปาราเมศ
newwave1959
จบ.14

​

 

ปีใหม่ยกใจเหนือทุกข์...หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

"ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย โปรดฟังสิ่งซึ่งเป็นสาระแก่ชีวิต

..เวลานี้เป็นเวลาไกล้สิ้นปี...ปีเก่าสิ้นไป แล้วปีใหม่ก็จะมาถึง

-ความจริงปีนั้นมันไม่ใหม่ไม่เก่า แต่เราสมมติเอาเรียกกันว่าเก่า -ใหม่ สิ่งใดที่

...ผ่านมาผ่านไปก็เรียกว่าเก่า แล้วอะไรมาใหม่ก็เรียกว่าใหม่ ปีจึงมีปีใหม่มีปีเก่า

...เดือนใหม่เดือนเก่า...แล้วก็มีวันเก่าวันใหม่ สมมติว่ากันไปทั้งนั้น...

...ในเวลาไกล้สิ้นปีเก่า ปีใหม่จะเข้ามาถึงก็มีกิจกรรมประเภทหนึ่งเกิดขึ้น คือ

-การส่งบัตรอวยพรให่แก่กันและกัน...ก็เรียกว่า ส.ค.ส คำว่า ส.ค.ส.เป็นคำย่อ แปลว่า

...ส่งความสุข...เรื่องของความสุขนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องการกันทั้งนั้น ไม่มีใครเลย

-ต้องการความทุกข์...ความเดือดเนื้อร้อนใจ...แต่ที่ว่าโดยธรรมะชั้นสูงของ....

...พระพุทธศาสนานี่...พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรารู้ว่าในโลกนี้ไม่มีความสุข...

...มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น...ท่านจึงตรัสไว้ว่า "ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่

-ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกจากทุกข์แล้ว หามีอะไรไม่"

...พระพุทธศาสนาสอนเรื่องความทุกข์...สอนเรื่องเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์

.สอนเรื่องทุกข์เป็นเรื่องที่ดับได้...แล้วก็สอนวิธีว่าจะดับทุกข์ได้อย่างไร...

"ความทุกข์นั้นมี ๒ แบบ คือ

"กายยิกทุกข์" ทุกข์เรื่องจากกาย เพราะร่างกายไม่อยู่ในสภาพปกติ...

"เจตสิกทุกข์" ทุกข์เนื่องจากจิต คือจิตมันมันสร้างอารมณ์ความทุกข์ให้เกิดขึ้น

-เช่น ความวิตกกังวล ความหวาดกลัว ความระแวงต่าง ๆ

...เมื่อเกิดขึ้นในใจของเราก็ทำให้เราไม่สบายใจ มีความทุกข์

-ความทุกข์ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่องกับร่างกาย เช่น เราเกิดไม่สบายทางร่างกาย

...เป็นไข้ ปวดหัว ตัวร้อน ท้องเสีย หรือเป็นอะไรต่าง ๆ ตามที่มันเป็นอยู่ ใจก็เข้า

-ไปเป็นทุกข์ด้วย...ที่ใจเข้าไปเป็นทุกข์ด้วยก็เพราะใจนึกว่าร่างกายนี้ของฉัน

...อะไรๆก็ของฉัน ความยึดถือนั่นแหละมันเป็นตัวทุกข์ เราจึงพูดว่า ขันธ์ ๕ เป็น

-ความทุกข์เพราะเรื่องนั้นถ้าเราไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น มันก็ไม่มีทุกข์อะไร

...อย่างที่เราสวดมนต์ว่า.....

"ธะระมาโน โส ภะคะวา, เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ"

...เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชนอยู่ ย่อมสั่งสอนสาวกส่วนมากดังนี้

-คือ สอนว่า "รูปัง อะนิจจัง รูปไม่เที่ยง

.เวทนา อะนิจจา เวทนาไม่เที่ยง

.สัญญยา อะนิจจา สัญญาไม่เที่ยง

.สังขารา อะนิจจา สังขารไม่เที่ยง

.วิญญาณัง อะนิจจัง วิญญาณไม่เที่ยง

...แล้วพระองค์ท่านก็สอนต่อไปว่า...

.รูปัง อะนัตตา รูปไม่ใช่ตัวตน

.เวทะนา อะนัตตา เวทนาไม่ใช่ตัวตน หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ...

...ขอฝากไว้เตือนใจทุกๆท่าน อะไร ๆ ก็ไม่ใช่ของเรา อย่าลืมว่าก่อนจะเราได้ให้

...สัญญาว่าเราทุกคนต้องกลับไปที่เก่าของเรา ไม่ต้องฝืนเมื่อถึงเวลาทุกคนต้องไป

...เวลาเรามาเราก็มาแต่ตัว แล้วเวลาเรากลับทุกอย่างก็ต้องแตกสลาย ขึ้นอยู่กับแต่ละท่านว่าจะไปที่ไหน

-เหลือแต่ความดี หรือความชั่วเท่านั้น ที่ยังจะมีเหลือที่จะนำทางเราไป ซึ่งสิ่งนั้นเรามองไม่เห็นแต่เราทำแล้วเราก็มั่นใจ.

...ขอส่งท้ายปีเก่า๒๐๑๓และขอต้อนรับปีใหม่ ๒๐๑๔ ขอให้ผู้อ่านทุก ๆท่าน มีความสุข มีดวงตาเห็นธรรม

.ยิ่งขึ้นไปค่ะ...นิพพานังปารมังสุขขัง.น้อมกราบพระธรรมหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ.

 

สุขสวัสดิ์มงคลศรีขึ้นปีใหม่
ขออวยชัยเฉลิมศิริพิพัฒน์ผล
หวังสิ่งใดสมหวังดั่งกมล
ทุกข์ภัยพ้นสุขสำราญทุกกาลเทอญ...


Wishing you a prosperous New Year 2014
Filled with Happiness and Joy!
May all your dreams and wishes come true.

Happy New year !!! Everyone...


ณัฐชยาวดี​

 

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๗

"วันนี้เป็นวันปีใหม่นะ ให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่การงานให้ราบรื่นดีงามนะ

-อย่าเป็นเป็นคนโกโรโกโส ถ้าไม่ดีมาแต่ตั้งเดิมแล้วให้แก้ไขเสีย วันนี้เป็นวันปีใหม่

...คนเก่าก็ให้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ขึ้นมา ถ้าแก้ไขสิ่งไม่ดีซึ่งเป็นของเก่าแต่ก่อน

-ให้หายไปเหลือแต่ของดีอันเป็นของใหม่แทนที่ของเราในตัวของเราเองนะ

...ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่การงานให้ราบรื่นดีงาม...ปีใหม่ปีเก่า มันก็อย่างว่าละ

.เขาก็มีสมมุติกันไป มีมืดก็มีแจ้งเท่านั้นแหละจะเป็นอะไรไป ถ้าปฏิบัติตัวไม่ดี จะเป็น

...ปีใหม่ปีเก่า วันใหม่วันเก่าก็คือคนดีคนนี้แหละ ดีไปเรื่อยๆนะ พากันจำเอาไว้นะ

...คำสั่งสอนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน น้อมกราบพระธรรมเจ้าค่ะกราบๆๆๆ

 

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๗ _/\_ Happy New Year 2014 ครับ

 

Happy New Year 2014



**ขอ..ให้..ได้**
ขอ..อะไร..ก็ไม่ยากเท่า ขอโทษ
ให้..อะไร..ก็ไม่ยากเท่า ให้อภัย
ได้..อะไร..ก็ไม่เท่า ได้เห็นธรรม

FB: Sarinya Phetkaew​

 

สวัสดีปีใหม่ครับ
และสวัสดีปีใหม่ ทุกๆท่านด้วยเช่นกันครับ
ขอขอบพระคุณ คุณลินดามากๆเลยนะครับ
พรอันใดที่ให้มาก็ขอให้กลับไปหาคุณลินดาเป็นแสนเท่าน ล้านเท่าเลยนะครับ
โดยเฉพาะ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุๆๆ

​

 

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขออาราธนาพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระพระองค์
อันมีสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นองค์ประธาน ขออาราธนาพระบารมี
แห่งพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอรหันตสาวก พระอริยสงฆ์สาวกทั้งหลาย

ขอบารมีแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า ทุกพระองค์ เทพเจ้าทั่วสากลพิภพ เทพ พรหม อินทร์ทั้งหลาย
คุณครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่สืบๆกันมา อันมีหลวงปู่ทวด หลวงปู่โต หลวงปู่ปาน โสนันโท
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)หลวงพ่อสด
และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย โปรดประทานพรอันประเสริฐ ให้ทุกท่านประสพแต่ความเจริญรุ่งเรืองทั้งชีวิตการงานและครอบครัว

มีแต่ความสุขสมหวังตลอดไป ท่านคิดปรารถนาสิ่งใดที่ชอบประกอบด้วยธรรมแล้วไซร้ ขอให้สัมฤทธิ์ผลทุกประการ
ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุปสรรคและอันตรายทั้งปวง ขอให้เข้าถึงซึ่งพระธรรมคำสอน มีความเจริญในธรรม
ได้ดวงตาเห็นธรรม และขอให้ถึงซึ่งพระนิพพานทุกคนทุกท่านด้วยเทอญ...สาธุ สาธุ สาธุ

ด้วยจิตคารวะ

ปาราเมศ
newwave1959
จบ.14​

 

​

ปีเก่าผ่านไป
ปีใหม่ก็เข้ามาแทน​

​

​

ปีเก่าผ่านไปแล้ว ปีใหม่ก็มาแล้ว
แต่..จิตเราพัฒนาดีขึ้น...กันไหม

พัฒนาขึ้น ย่ำเท้าอยู่กับที่ ชอบทำจิตตกหรือเผลอสติเป็นประจำ?
ก็ไม่ว่ากัน ไม่ตำหนิกันหรอก ถามดูเฉยๆ ถามด้วยความรักเมตตา+ห่วงใยกัน
แต่ควรตั้งคำถามให้กับตนเอง และก็ตอบเอง
อย่าไปตอบเสียงดังนะ เดี๋ยวผู้อื่นได้ยิน
แค่ตอบในใจ จิตบุญ(บางท่าน)ที่มีเจโตฯหรือหูทิพย์จะได้ยินเอา
(อย่าคิดมาก แซวเล่นกัน)​

ขอให้ปีเก่าเป็นแค่สัญญา อาจมีทั้งดีหรือไม่ดีเข้ามาในชีวิตบ้างเป็นธรรมดา
อาจมีสุขใจ ทุกข์ใจ ดีใจ เสียใจ สมหวัง ผิดหวังบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร
เพราะนี่คือความเป็นของของมนุษย์ที่จะต้องเป็นไป สลับไปมาแบบนี้เป็นอสงไขยแล้ว
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผ่านไปแล้ว อาจมีทั้งดีหรือไม่ดีก็ตาม ไม่ควรจะเก็บมาคิด
แต่ควรทำเหตปัจจุบันให้ดี คือเป็นบุญกุศลถ่ายเดียว อันได้แก่
การทำบุญ การทำทาน ช่วยลดความโลภภายในของตนเอง
การรักษาศีล ช่วยปิดประตูอบายภูมิของตนเอง เพราะประตูนี้ไม่มีผู้ใดปิดให้กันได้
การทำภาวนา ซึ่งถือว่าเป็นบุญใหญ่หลวงของตนเอง เพราะเป็นการเข้าถึงเนื้อนาบุญของตนจริง

ปีใหม่ เป็นเรื่องของ ปีใหม่
ปีใหม่จะดีขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเรายังทำเหตุเดิมของตนอยู่ (ลองถามใจตนเองดูก็จะรู้)
เราจะดีหรือไม่นั้น ปีใหม่ก็ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนแปลงให้เราดีได้ ตราบใดเรายัง เหมือนเดิม
ทุกท่านทราบแล้วว่า หมายความว่าอย่างไร
แต่มีเพียงกรรมฐานเท่านั้น ที่พอจะเปลี่ยนจิตใจของผู้คนให้เป้นคนดีได้
เพราะไม่มีผู้ใด ผู้หนึ่งจะไปเปลี่ยนจิตใจองกันและกันได้
คนอื่นเปลี่ยนเราก็ไม่ได้ หรือเราจะไปเปลี่ยนคนอื่นๆก้ไม่ได้เช่นเดียวกัน
นับประสาอะไร เราจะไปคิดเปลี่ยนบุคลอื่น เพราะในเมื่อเราเองก็ยังเปลี่ยนจิตใจของตน ยังยากเลย

เหตุจะดีได้ก็ต่อเมื่อภายในของคนเราเท่านั้น ต้นเหตุทั้งหมดนั่นก็คือ จิตใจของเรานั่นเอง
เกิดเป็นคนก็อย่าสนุกสนานกันเพลิน เพราะมีความตายของตนเองรออยู่เบื้องหน้า
ถ้าบุคคลใดยังเผลอสติบ่อยๆ ประมาทบ่อยๆ ก็ให้ลองคิดถึงมรณะนุสสติดู
เดี๋ยวสติของเราก็จะกลับมาเร็วเลย ไม่เชื่อก็ลองดู

ปุถุชนกับอริยบุคคล ดูภายนอกเหมือนกันหมดทุกอย่าง ต่างตรงสีผิว เพศ
มีภายในก็เหมือนกันคือมีจิตใจ แต่ยังมีความต่างในความเหมือน แฝงอยู่ภายใน
นั่นก็คือ จิตในจิตต่างกันไปตามวาระกรรมที่ตนกระทำมาแทบทั้งสิ้น โดยไม่ต้องโทษใครๆ

ปีใหม่ของทุกปี บางท่านเลือกทำในสิ่งที่ดีให้กับชีวิตตนและคนรอบข้าง
แต่มีหลายท่านก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างประมาทอยู่
เวลามีลมหายใจ ยังมีร่างกายและจิตใจยังแข็งแรงดีอยู่ กับใช้ชีวิตประมาท
คือไม่สร้างบุญกุศล กลับทำสิ่งตรงกันข้ามกับคำว่า บุญกุศล
คำว่า บุญกุศลที่ท่านกระทำกันอยู่นั้น มีผลทั้งที่เรายังมีลมหายใจหรือตายไปแล้ว
แต่โลกทั้งความตาย เห็นมีแต่บุญกุศลที่ติดตัวเราไปยังภพหน้าเท่านั้น นอกนั้น ไม่มี
ทุกท่านรู้ดีแล้ว ไม่ต้องพูดกันมาก รู้มากแต่ไม่ยอมลงมือปฎิบัติธรรมกันสักที
สิ่งที่เรากำลังรู้อยู่นั้น มันมิใช่ความรู้ที่แปลว่า ปัญญาทางธรรม แต่เป็นปัญญาทางโลก
ปัญญาทางโลกเปรียบเสมือนแค่ สัญญาเท่านั้น
เพราะฉะนั้น จะบอกกันให้รู้ว่า อั้ยที่บอกว่ากุรู้ดี หรือกูรูนั้น มันเทียบไม่ได้กับปัญญาที่ได้จากการเจริญภาวนาเลย
ที่พูดมานี้ ท่านอย่าเชื่อ จนกว่าท่านจะลงมือปฎิบัติ แค่ปฎิบัติก็ยังไม่พออีก
คือจะต้องปฎิบัติจนกว่าเราจะมีปัญญาเป็นของตนเอง หมายถึง จิตปัญญา นั่นเอง

ที่พร่ำมาทั้งหมดนี้ มิได้มาสั่งสอนผู้ใด แต่อยากให้ทุกท่านมีปัญญาเป็นของจิตตนเอง
เพราะทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่ไม่ยอมตามหาตัวปัญญาของตนเอง แต่ชอบนักจะไปตามหาปัญญาผู้อื่น
พระอรหันต์อยู่ไกลแสนไกลแค่ไหน ก็จะดั้นด้นไปจนถึงได้ คนเราก้แปลกคือสิ่งง่ายๆกับไม่ทำ
แต่ทำสิ่งที่ยากซะงั้น
ที่พูดมานี้เพราะตนมีบทเรียน มิได้หมายถึงผู้ใด แต่ถ้าโดนก็ช่วยไม่ได้
โง่มาก่อนฉลาดเป็นธรรมดาของมนุษย์ เพราะตอนนั้นตนเองก็ยังปฎิบัติไม่ได้
ก็เลยหลงตามหากำลังใจหรือบุญบารที่ผู้อื่น ตามหาปัญญาของผู้อื่น เป็นต้น
เพราะอวิชชา หรือความไม่รู้ของตนเป็นเหตุ นี่แหล่ะ

คำว่า บุญหรือบารมีก็มีหลายระดับ ทุกท่านทราบแล้ว
แต่ขาดกำลังใจแห่งตนเท่านั้น เรียกได้ว่า ทำบุญทำทาน สวดมนต์ไหว้พระ กันทำไม
ถ้าไม่ใช่ผู้แสวงหาคำว่าบุญคำเดียว บุญแปลตรงตัว แปลว่า ความสบายใจ
อะไรก็แล้วแต่ที่ทำไปแล้วสบายใจ ถือว่าเป็นบุญ เป็นกุศลทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นบุญเล็กน้อยหรือบุญใหญ่หลวงขนาดไหน
การทำบุญ ผู้เจริญจักต้องรู้ จักต้องใช้ปัญญามากๆหน่อย
การทำบุญจะได้เต็มร้อยนั้น ทุกท่านรู้หมดแล้ว เพราะการทำบุญจะได้เต็มร้อยนั้น
จำเป็นจักต้องแบ่งเป็น ๔ ส่วน อย่งละ ๒๕ %
ถ้าการทำบุญ ประมาณเป็นตัวเลขคร่าวๆ ก็คือ
๑.ที่มาของทรัพย์บริสุทธิ์?
๒.ผู้ให้ จิตบริสุทธิ์?
๓.ขณะให้ทาน จิตยินดีให้ด้วยความบริสุทธิ์?
๔.ผู้รับ จิตบริสุทธิ์?

ปล.แต่ละหัวข้อ ถ้าตอบว่า..ไม่บริสุทธิ์ ตรงนี้คนทำบุญรับไปครึ่งนึง หรือ ๑๒.๕ %
ถูกผิด วิจารณืได้ อย่าเกรงใจ อย่าให้ผมผิดคนเดียว แก้ผิดให้ผมด้วย
แต่ถ้าผู้มีตำราก็นำมาแชร์เพื่อธรรมาทาน ก็ขออนุโมทนาล่วงหน้า

สรุปแล้ว อยากเห็นผู้อื่นพ้นทุกข์ก่อน มีตาในหรือมีดวงตาเห็นธรรมก่อน
นอกนั้น คำว่า นิพพาน ค่อยมาว่ากัน เพราะอยู่ที่กำลังใจของผู้นั้น เป็นหลัก

ภูทยานฌาน​