จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ ทำทานเล็กๆน้อยๆ
หรือสวดมนต์ไหว้พระทุกวันนี้ของเรานั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ดีงามทั้งสิ้น
เพราะบุญทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะช่วยนำพาเราหรือจิตเรา
เข้าถึงธรรมปฎิบัติ(ปฎิบัติธรรม) ในกาลครั้งหน้าที่จะถึงนี้ นั่นเอง
แต่จะถึงเร็วหรือช้า ก็อยู่ที่เราเองเท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ภพชาติ อสงไขยที่ผ่านมานั้น
เราได้กระทำทั้งบุญและบาป เพราะฉะนั้นบุญเก่าจะมารวมกับบุญปัจจุบันของเรา
แล้วในที่สุด ถ้ากำลังใจหรือบุญบารมี ใกล้เต็มหรือเกือบๆจะเต็ม เราก็อยากจะลงมือปฎิบัติธรรม เมื่อนั้น
เพราะการปฎิบัติธรรมนั้น จะต้องมีกำลังใจมากพอ
ไม่มีผู้ใดจะไปฝืนหรือบังคับใจให้ทำหรือปฎิบัติธรรมกันได้ มันเป็น ฉะนี้แลฯ

การสวดมนต์ไหว้พระ จุดประสงค์หลักแค่สมถะ คือทำจิตใจให้ละเอียดขึ้นมาหน่อย
เมื่อจิตละเอียดขึ้นมาได้บ้างแล้ว กำลังใจหรือบุญนั้นจะหนุนนำพาเราปฎิบัติธรรมในที่สุด
พอเราปฎิบัติก็ยังต้องเดินทางต่อกันอีกไกล อย่าประมาท
ส่วนผู้ใดจะสามารถย่นระยะทาง คำว่า มรรคผลนิพพานของตนได้ขนาดไหน
ก็ต้องตอบว่า บุญเก่า+ความเพียรในชาติปัจจุบัน
โดยเฉพาะสิ่งสำคัญที่อยากจะแนะนำผู้ที่อยากไปทางลัด สั้น ตัดตรงเข้าสู่นิพพานโดยตรง หรือชาตินี้
คำว่า กำลังใจแห่งตน กำลังใจตามลำพังตนนั้น ไม่พอแน่
จึงอยากแนะผู้ที่มีกำลังใจมากแล้ว วาระถึงแล้ว ย่อมมีสิทธิ์รับพลังพระพุทธคุณได้เอง
โมทนาสาธุกับทุกดวงจิตด้วย ขอให้พบทางออกจากทุกข์
พบทางสว่างของตนเอง คือปัญญาหรือปัญญาญาณ..สาธุ​

 

จิตเป็นผู้เห็นธรรม
มิใช่ อะไรเห็น

อะไรเห็นไม่เท่ากับจิตเห็นธรรม
เราคือจิต จิตคือเรา มิใช่ รูปหรือกายหยาบ
แต่ถ้าผู้ใดสามารถพัฒนา จิตปัญญาเป็นปัญญาญาณ
แล้วจะรู้ว่า จิตก็ มิใช่เรา มิใช่ของเราอีก
แล้วเราจะเป็นอะไร ไม่ต้องเป็นอะไรทั้งนั้น เราเป็นผู้ที่ไม่มีอะไร นั่นเอง
เพราะจุดประสงค์สูงสุดของพระพุทธศาสนา หรือการปฎิบัติธรรมนั่นก็คือ หลุดพ้น
หรือการละ ปล่อย วางกับกิเลสตัณหาอุปาทานของตนเท่านั้น
มิใช่ ไปละ ปล่อย วางกับผู้อื่นหรือสิ่งอื่นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ขันธ์๕ ของตนเอง

ตราบใดเรายังละขันธ์๕ของตนไม่ได้ เพราะฉะนั้น อย่าไปพูดถึงว่าจะไปละผู้อื่นหรือสิ่งอื่นๆได้เลย
เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลย

การเข้าใจคนอื่นก็เช่นเดียวกัน
ตราบใด จิตอยู่ที่เราเอง เราก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจเลย
เพราะฉะนั้น เราจะไปเข้าใจผู้อื่นดีกว่าเจ้าของจิตเขานั้น ไม่มีทาง
เพราะเป็นไปไม่ได้เลย

การเอาชนะคนทั้งโลกก็เช่นกัน ตราบใดเรายังเอาชนะใจของเราไม่ได้
แล้วบอกว่าจะชนะใจของคนทั้งโลกนั้น ไม่มีทาง
เพราะเป็นไปไม่ได้เลย

กว่าจิตจะเห็นธรรมนั้น ก็จะต้องอาศัยทั้งสติและปัญญาที่นักภาวนากำลังตามหากันอยู่นี้ เท่านั้น
เพราะการปล่อยวางเป็นหน้าที่ของจิตดดยตรง แต่จิตจะปล่อยวางด้วย ปัญญา เท่านั้น
แต่นักภาวนาสงสัยบางธรรมว่า ทำไม จิตเรามีปัญญาแล้ว จึงไม่สามารถละนาม
หรือปล่อยวางกับนามอันละเอียดบางตัวได้ เพราะด้วยเหตใด
เช่น สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เป็นต้น
เพราะด้วยสติตามทัน ปัญญารู้เท่าทัน แต่นามละเอียดบางตัวยังออกมาไม่ได้
แต่จะต้องอาศัยปัญญาเข้ม ปัญญาช้ำลึกมากกว่านี้
แต่นักภาวนามีจุดอ่อน ไม่ค่อยจะยอมแก้ไข ลืมทบทวนมรรคหรือสังโยชน์ของตน
คือลืมทรงอิทธิบาท๔ของตนสม่ำเสมอ ประมาทไปหน่อย นึกว่ากูรูแล้ว
ตรงนี้ก็เลยพลาดคำว่า ปัญญาญาณ คือจิตวิปัสสนาญาณไม่ครบ
เพราะเราเจริญปัญญาไม่ต่อเนื่อง อาการติดๆดับๆ จึงเกิดขึ้นภายในจิตตน
อาการดิดๆดับๆนั้นก็หมายความ จิตรู้บ้างไม่รู้บ้าง ในขณะที่จิตขาดปัญญา นั่นเอง
ทุกวันนี้ จิตที่ไร้ปัญญาจึงไม่ต่างกับจิตโง่เฉยๆ ทื่อเหมือนมีด จะไปตัดอไรขาดได้
ยกเว้น กรรมฐานหรือเจริญสติภาวนา เมื่อเราภาวนา สติก็จะค่อยๆไปรวมกับจิต
ก็ทำให้จิตเป็นสมาธิหรือฌาน เมื่อจิตนิ่งได้ที่แล้วปัญญาเดี๋ยวก็จะตามาภายหลังเอง

แต่ถ้าใครยังนึกถึงการปฎิบัติธรรมไม่ออก ว่าจะออกมารูปแบบใด
ก็ขอให้เรานึกถึง แม่หล็ก

แม่เหล็กเปรียบเสมือนกับผู้ที่มิได้เริ่มลงมือปฎิบัติธรรมเลย คือผู้กิเลสหนา
ถ้าปฎิบัติธรรมไปครึ่งทาง เช่น พระโสดาบัน กิเลสเริ่มเบาบางลง
จากแม่เหล็กก็จะกลายเป็นเหล็กเฉยๆ คือเริ่มไร้แรงดึงดูด
แต่ยังมีคุณสมบัติให้แม่เหล็กอื่นๆดูดต่อไปได้อยู่
แต่ถ้าผู้ปฎิบัติเดินมรรคไปค่อนทางหรือสุดทางแล้ว เช่น พระอรหันต์ คือผู้ปราศจากกิเลส
จากเหล็กธรรมดาก็จะกลายเป็นอย่างอื่น ที่มิใช่เหล็ก คือไม่มีคุณสมบัติเป็นเหล็ก
เพราะนอกจากไม่มีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็ก คือไม่สามารถดูดเหล็กหรือโลหะอื่นๆได้

นั่นก็หมายความว่า ไม่มีคุณสมบัติจะไปดึงดูดกับสิ่งใดๆได้อีกแล้ว
และ ไม่มีคุณสมบัติที่จะให้สิ่งอื่นๆมาดึงดูดตนได้อีกต่อไปแล้ว นั่นเอง

หรือจากเมื่อก่อนเคยเลวทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน แต่ตอนนี้ เลิกแล้ว
นอกจากเลิกคือละบาปทำแต่ความดีอย่างเดียว ทำเหตุปัจจัยคือทำแต่บุญกุศลเท่านั้น

ภูทยานฌาน​

 

ผู้เจริญทั้งหลายฯ

ควรเอาสติตามดูจิต ตามรู้จิตบ่อยๆ
ตามดูทำไม มีประโยชน์อะไร
เพราะจะได้รู้+เข้าใจธรรมคือความจริงของตนเอง

โดยเฉพาะเข้าถึงสภาวะจิตตน
นั่นก็หมายความว่า การเข้าถึงสภาวธรรม ธรรมชาติ ธรรมดา
ในที่สุด เราก็จะเข้าใจเรื่องกรรม คือการยอมรับกฎแห่งกรรมไปโดยปริยาย

ใครว่าเรื่องจิตไม่สำคัญ
แล้วทุกวันนี้ มิใช่ไปวิ่งตามจิต คือตามอารมณ์จิตของตนเองหรอกหรือ
หรือว่า ไม่จริง
วิ่งตาม ไหลตามยังไม่พอนะ ยังเก็บมาคิด นำอารมณ์จิตตนนั้น มาปรุงแต่ง
มากไปกว่านั้นอีกก็คือ เป้นตัว เป็นตนขึ้นมาซะงั้น
สุดท้าย เราเองนี่แหล่ะไปปลุกผีดิบที่ฝังลึกในรากจิตของตนขึ้นมาเอง
คราวนี้ รัก โลภ โกรธ หลง เมื่อก่อนเคยฝังลึกอยู่ที่ภายในจิต นอนนิ่งสนิท
ก็จะกลายเป็นรูป แสดงออกมาเป้นตัวกู ของกูชัดเจนเลย คราวนี้
พอมันออกมาปรากฎภายนอกแล้วจะทำยังไงกันดี
ผู้ไร้ปัญญาก็จะแปลงกายเป็นผีดิบชีวิตทันที เช่น คนกำลังโกรธกัน เป็นต้น
แต่ผู้ที่พอจะมีสติปัญญาก็จะรู้เท่าทันกับสิ่งที่กระทบจิตนี้ทันที
พอรู้เท่าทันบ่อยมากขึ้น ก็จะเห็นแค่เกิดและดับเท่านั้นเอง
พอจิตเราเห็นเกิดและดับบ่อยๆเข้าก็จะเห็นความเป็นธรรมดาก็เท่านั้นเอง
จิตไม่ตื่นเต้นแร๊ะ เมื่อจิตเขารู้+เข้าใจกับธรรมนั้นๆแล้ว จิตจึงจะปล่อยวางลงได้
เราถึงจะสบายกาย สบายใจแล้ว ส่วนกิจที่จะต้องทำกับทางโลก จึงหมดวาระลงทันใด
กรรมทางโลกมันก็จะหมดอายุขัยโดยปริยายไปเองเลย
เพราะจิตปล่อยวางทุกสิ่งแล้วนั่นเอง
ผู้ปฎิบัติธรรมทุกท่าน ปรารถนาแค่เนี๊ย มิใช่ ปรารถนาบ้าบอคอแตก
เช่น ฤทธิ์เดชอำนาจ อภิญญาใดๆ
ทำไมไม่ดูพระพุทธเจ้าเป้นตัวอย่าง สมาบัติ๘ ฌาน๙มีหมด
แต่ทำไมพระองค์ทรงไม่ปรารถนา เพราะมิใช่ หนทางหลุดพ้นนั่นเอง

ถามว่าอาวุธสำคัญของพระพุทธเจ้าที่ใช้ประจำ นั่นก็คือ มหาเมตตา
หรือพรหมวิหาร

เพราะฉะนั้น ผู้ปฎิบัติธรรมทุกๆท่าน จึงควรระลึกถึงคุณของพระศรีรัตนตรัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระพุทธคุณ ​

 

สักแต่ว่า
ผู้ที่มีสติปัญญาดีย่อมรู้และเข้าใจ คำว่า
สักแต่ว่า...
สักแต่ว่า...
สักแต่ว่า...

พอสักแต่ว่า..เกิดขึ้นภายในจิตของตนบ่อยแล้ว
ต่อไปฯ ย่อมรู้เข้าใจไปเองว่า เราก็สักแต่ว่าเรา
แปลว่า เราเป็นผู้ที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
ขันธ์๕ มีแค่รูป-นามเท่านั้น ทำไม ละยากกันจังหน๊อ
​

 

สวัสดีปีใหม่ครับ หายหัวไปหลายวัน งานเยอะครับ ทำทุกขลาภ(O.T)อยู่ครับ

คนลากลับบ้านกันหมด ฉลองปีใหม่ที่ทำงาน กายทำงาน จิตก็อยู่กับพระพิจรณาไปเหนื่อยหวะ

ทุกข์หวะ เบื่อหวะ เริ่มฝึกจิตเกาะพระประมาณวันที่16ต.ค.จนปัจจุบัน2เดือนครึ่งแล้ว

ณ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าได้แค่นี้ก็รู้สึกว่าดีมากแล้วซึ่งยังไม่พอต้องปฎิบัติอีก ดีกว่านั่งหลับตา

ไม่รู้ทั้งชาตินี้จะทรงความดีได้อย่างนี้หรือเปล่า ขอกราบขอบพระคุณท่านพ่อทุกท่านๆ คุณบิดา

มารดาครูอาจารย์ทุกท่านๆทั้งในโลกทิพย์ และที่ยังมีกายเนื้ออยู่

ครูเกษครับเมื่อวานได้ทำการขอขมากรรมกับแม่แล้ว เดี๋ยวจะเขียนการบ้านส่งครับ

เดี๋ยวจะออกไปโอนตังค์ทำบุญซะหน่อยทำบุญปีใหม่ย้อนหลัง แล้วจะกลับมาเขียนการบ้านส่งครับ

เดี๋ยวจะขอบารมีเทวานุภาพช่วยให้ลูกรอดพ้นจากตำรวจด้วยเถิดเดี๋ยวจะอุทิศแบ่งบุญให้นะช่วยๆกัน555 สาเหตุใบขับขี่ขาดไม่ยอมไป

ต่อซะหลายปีเลยต้องไปสอบใหม่ขี้เกียจไปอ่าครับ5555

 

" คำสอนจาก หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง"

...พระพุทธเจ้าทรงชนะมารฉันใด ลูกรักทั้งหลายจงชนะมารฉันนั้น...

...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นโลกธรรม ให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลกให้วางมันเสีย

...กรรมของเราที่มีความโง่ เกิดมาในโลกนี้โลกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน

...ความร้อนมันก็ถูกเรา แต่ว่าให้มันถูกแต่กาย...อย่าให้มันเข้าไปถึงในใจ

...ความสุขความทุกข์ในโลกอย่าสนใจสนใจอย่างเดียวธรรมะขององค์สมเด็จ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้เรามีความสุข...

...ร่างกายของเราจะอยู่ในโลกนี้อีกไม่กี่วัน มันก็พังฉะนั้น ในเมื่อพระพุทธเจ้า

...ท่านปรินิพพานไปแล้วท่านบอกว่าท่านมีความสุข พระอรหันต์ทั้งหลาย ร่างกายของ

ท่านบอกว่าท่านมีความสุข เราก็พยายามทำให้สุขเหมือนท่านบ้าง...

...ข้อสำคัญจงจำไว้ว่า จงอย่าคิดว่าเราดีไว้เสมอมองดูความบกพร่องของจิต

ว่าจิตเราบกพร่องตรงไหนบ้างพยายามแก้ไขให้สู่ระดับความดี...

...อย่างนี้เป็นความดี ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงต้องการ...

...บรรดาลูกรักของพ่อทุกคน ปฏิปทาใดที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมา

สัมพุทธเจ้า มีความชนะใจมารฉันใดขอบรรดาลูกทั้งหลายจงชนะในมาร

...ฉันนั้น ด้วยกำลังใจที่ทรงความดี.....

-พระธรรมคำสั่งสอนของท่านพ่อฤาษีลิงดำ ที่ท่านได้นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามา

มาให้กับลูกหลานของท่านให้ได้รู้ว่าธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น ให้พวกเรานำมา

ปฏิบัติ ....ลูกขอน้อมกราบรับพระธรรมเพื่อนำมาปฏิบัติเจ้าค่ะ น้องกราบพระพุทธเจ้า

...ทุกๆพระองค์ ตลอดถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยเศียรเก้ลา กราบ กราบ กราบเจ้าค่ะ

 

จิตอยู่กับพระ หรือ"จิตเกาะพระ"เป็นพุทธานุสติ ที่ผู้ปฏิบัติธรรมได้รู้เห็นธรรม แล้วเกิดความซาบซึ้ง เพราะถ้าจิตใครที่ได้ปฏิบัติธรรม จนจิตได้เกาะพระพุทธเจ้า เกาะพระธรรม และเกาะพระสงฆ์แล้ว ก็จะมีแต่ความสุข ความปิติ และจิตก็จะเบิกบาน อย่างสองวันที่แล้ว...

ข้าพเจ้าได้ไปสวดมนต์ข้ามคืน ที่วัดสันติวงศาราม และได้เกิดความซาบซึ้งปิติอย่างมากแต่ก็รับรู้แล้วก็วางเป็นกลาง โดยจิตน้อมอยู่กับพระพุทธเจ้า และธรรมคําสั่งสอนเพราะจิตจะเกาะท่านโดยเฉพาะภาพจิตตาติดใจของหลวงพ่อเยื้อน เพราะท่านได้มาเทศน์สอนที่วัดนี้

จิตเราก็จะน้อมไปกราบท่าน โดยภาพของท่านจะปรากฏอยู่ในใจของเรา เราก็จะมีความสุข เพราะจิตเรามีที่พึง และพระอาจารย์ท่านให้สวดมนต์บท ที่หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ท่านเล่าบอกว่า "คาถาอาการวัตตาสูตร" เป็นคาถาที่เป็นมงคลมาก ใครได้สวดจะมีอนุสงฆ์มาก และใครได้สวดจะเป็นสิริมงคลมาก และก็มีรูปภาพของหลวงพ่ออยู่ ข้าพเจ้าก็น้อมจิตกราบท่าน เหมือนท่านรู้ และท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบและเป็นเนื้อนาบุญ ซึ้งข้าพเจ้าก็เคยไปกราบท่านตอนท่านยังมีชีวิต และได้เห็นสายตาที่ท่านมองมาที่ข้าพเจ้า สายตาคู่นั้นของท่านยังอยู่ในจิตในใจของข้าพเจ้าไม่เคยลืมเลย เพราะท่านได้เมตตาต่อทุกๆคนที่มากราบไหว้บูชาท่าน และก็ระลึกถึงท่านแล้วก็เกิดความสุขใจ..

จึงขอให้ท่านผู้ปฏิบัติธรรมทุกๆท่านได้มีจิตที่เกาะพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์สาวก เพราะท่านรู้ว่าเรารักบูชาท่าน ท่านก็จะอยู่กับเราตลอดไป เพราะการไปนิพพานของท่านก็เอาจิตไป แต่จิตของท่านเป็นธรรมธาตุแล้ว ท่านจะไปไหนก็ได้ เพราะจิตท่านได้เหนือโลกแล้ว คือเหนือกิเลสนั้นเอง.. ข้าพเจ้าขอน้อมจิตกราบพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์สาวกทุกท่านด้วยความเคารพด้วยเศียรเกล้าค่ะ...สาธุค่ะ

 

ขออนุญาตบอกบุญสร้างพระค่ะ
​

พอดีเพื่อนสนิทและครอบครัว บอกบุญเรามา ว่าพระอาจารย์ที่เค้านับถือในวัดป่าแห่งหนึ่ง กำลังสร้างพระประธานสมเด็จพ่อองค์ปฐมสีทอง 3 องค์ ขนาดหน้าตัก 2 เมตร งบประมาณองค์ละห้าหมื่นบาท ที่วัดป่าเจริญธรรม และ สถานปฏิบัติธรรมปู่เทพโลกอุดรของพระอาจารย์ใกล้ๆ กัน (โทษทีจำชื่อไม่ได้แล้ว) อำเภอแก้งคร้อ จังหวัด ชัยภูมิ เราก็เลยนำมาบอกต่อเผื่อเพื่อนๆ ในกระทู้จิตพร้อม? ด้วยค่ะ

ใครมีความประสงค์จะร่วมบุญ เชิญโอนปัจจัยเข้าบัญชีท่านพระอาจารย์ได้โดยตรงเลยน่ะค่ะ โอนแล้วรบกวนโทร หรือส่งข้อความแจ้งพระอาจารย์ด้วยน่ะค่ะ

พระอาจารย์เกศแก้ว ชัยภูมิ ไม่มีบัญชีเป็นของตัวเอง นี้คือ บัญชีของโยมอุปัฐฐากท่านที่รับผิดชอบงานบุญนี้ค่ะ
ชื่อบัญชี นายธนสร โกมลเปรินทร์
เลขที่บัญชี 146-4028-651 ธนาคารกรุงเทพ สาขาราชวัตร
เบอร์โทรพระอาจารย์ 083-3555-412

ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านล่วงหน้าเลยค่ะ สาธุ

ธรรมมณี จบ.52

ปล. รูปภาพไม่เกี่ยวข้องกับงานบุญนี้ค่ะ หาภาพมายากค่ะ เพราะท่านพระอาจารย์ทำบุญไม่เคยทำป้าย บอกบุญ มีแต่บอกด้วยปากเปล่าเท่านั้นค่ะ

...ขอบอกว่าใครได้ร่วมงานบุญนี้ ไม่ธรรมดาน่ะค่า มันมีเหตุและปัจจัย ใกล้เวลาเข้ามาทุกทีแล้ววววคับพี่น้องงงง...:boo::boo::boo:

 

.
.
.
.สาธุๆๆๆ ขออนุโมทนาสาธุๆๆๆ ด้วยนะครับ..
.
.ไปวัดท่าซุงครั้งนี้ ได้ไปกราบหลวงพี่สมปอง..
..เห็นคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่ท่านอยู่ที่วัดมานาน สมัยตั้งแต่ปี 2532
แกบอกว่าท่านเป็นพระอรหันต์..
..ได้ไปฟังธรรมจากท่านด้วย
..ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้าเพิ่งมาสอนเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2556 ที่ผ่านมา พวกผมไปกราบท่านวันที่ 6 ธ.ค.2556
..เลยได้ฟังธรรมจากท่านร่วมชั่วโมง..
..ท่านสอนเรื่องจิต และก็เน้นเรื่องจิตมากๆๆ..
..
..แล้วท่านก็สอนเรื่องที่ว่า..
..เป็นลูกหลานลูกพ่ออย่าประมาท อย่าคิดว่าเป็นลูกหลานหลวงพ่อ
..แล้วจะตกนรกไม่เป็น..
..
..แต่ท่านก็แซวขำๆว่า..
..ลูกหลานหลวงพ่อจะตกนรกก็ไม่ได้
..เพราะท่านพญายมเป็นพยานให้..(ท่านก็หัวเราะ คนฟังก็หัวเราะกันใหญ่)
..
..ได้ถวายปัจจัย และน้ำผึ้งขวดใหญ่
..น้ำผึ้งคนซื้อมาไม่ถวาย ให้เราถวายแทน เลยได้โอกาศ..
..และคนก็เยอะมากๆ..
...(แต่ก็เป็นเรื่องบังเอิญ ที่ได้ไปเจอกรุ๊ปของคุณแม่ท่านนี้ ได้ความรู้มาก)..
....

 

..ตอนนี้ไม่ได้เรียนแล้ว ต้องขออภัยครูเกษด้วยนะครับ..
..แต่ก็จะมาหาความรู้ในห้องนี้ไปเรื่อยๆ..
..
..
..แต่ผมก็จะฝึกจับภาพพระพุทธเจ้าไปเรื่อยๆ...
..เพราะผมไปฟังที่หลวงพ่อสอนเรื่องการบูชาพระพุทธเจ้านั้น..
..ก็ยิ่งทำให้ผมรักพระพุทธเจ้ายิ่งๆขึ้นไปอีก..
..
..
..ในวันนั้นนั้นก็มีคนมาบรรยายเรื่องที่เค้าได้มโนยิทธิ
...ในประสบการณ์ของเค้าเอง
...หลักๆของเค้าก็คือการจับภาพพระพุทธเจ้าอย่างเดียวเอง
...แล้วอย่างอื่นจจะตามมาเอง...
...
...แล้วเรื่องราวของเค้าก็ทำให้ผม เข้าใจอะไรในหลวงพ่อมากยิ่งขึ้นไปอีก..
...เราคงไม่สามารถที่จะไปหาซื้อที่ไหนได้ หากเค้าไม่เล่าให้ฟัง..
...บางครั้งผมนึกถึงเรื่องที่เค้าเล่าวันนั้น ผมยัง นั่งน้ำตาไหล..
...รักหลวงพ่อมากๆ รักเคารพ เลื่อมใส ศรัทธา ผู้มีพระคุณทุกๆท่าน
...ที่สอนให้เรา หาทางจบกันในชาตินี้..
...
...เราทุกข์มาเยอะแล้วจะมาเกิดเพื่ออะไร หามีอะไรที่สนใจไม่ในแดนนี้....

 

อย่างแรกต้องขอขอบคุณ therd2499 ที่นำพามาบอร์ดนี้ (เนื่องจากเจอที่ คุณโพสต์ไว้ในบอร์ดเกี่ยวกับพญายม ก็เลยตามมา) ได้มาเจอกับคนเก่งและดีที่นี่
-ขอสมัครเป็นสมาชิกใหม่คะ เข้ามาอ่านตั้งแต่เดือนธค.56 แล้วก็เริ่มฝึกมาตั้งแต่วันที่ 5/12/56 อย่างแรกที่ได้คือเริ่มพิจารณาอารมณ์ที่เข้ามากระทบมากขึ้น
-พอรู้สึกท้อๆ ก็เข้ามาชาร์ตไฟที ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ และ ความรู้ นะค่ะ

 

....ขออนุญาตเล่าเล็กๆนะครับ..ของการฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง...
...แต่จริงๆวันที่ฝึกเต็มกำลังว่าจะไม่ฝึกกับเค้า เพราะรู้ว่าเรายังไม่ได้อะไร..
..
..แต่คุณแม่ท่านนี้ ท่านก็บอกว่า ไปเหอะ คนเค้ารอมาทั้งปีกับเพียงแค่สองวันนี่แหละ..
..คนไปไม่ได้มีเยอะแยะ เราจะอายอะไรเค้าล่ะที่เราไปไม่ได้
..นี่เป็นกำลังใจจากคุณแม่ที่แกปลอบใจ เลยลงไป...
..
..
..เนื่องจากฝึกเต็มกำลังก็คือให้เราไปเอง ไม่มีครูฝึก..
.
..ผมก็ไปเรื่อย ไปแบบครึ่งกำลังนะครับ...
..
..แล้วหลังจากที่ไปกราบหลวงพ่อแล้วก็อารธนาพระพุทธเจ้า
..ให้ท่านพาไปยังวิมานของหลวงปู่ปาน..
..แต่ระหว่างที่จะไปนั้น ไปเจอก้อนกลมๆตั้งแถวยาวเหยียด.
..จิตก็เลยจะเดินผ่านไป แต่เหมือนมีอะไรดึงไม่ให้ผ่านไป
..ก็เลยถอยกลับมา ขอดูภาพนั้นอีกครั้ง..

..และก็อารธนาบารมีพระพุทธเจ้า ขอให้เห็นว่าคืออะไรชัดๆ
..
..จากนั้นก็เห็นเป็นหัวกะโหลก ตั้งซ้อนๆๆๆเป็นแถวยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา
..ทำให้เราทราบว่าเราเกิดมามากมายหลายครั้งแล้ววว
..(ทั้งที่ตอนฝึกที่วัดไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย จู่ๆก็มีภาพนี้มาให้เห็นซะงั้น)
..แต่ก็แอบคิด ทำไมเคยได้ยิน คนอื่นเค้าเห็นเป็นกองๆ
..แต่เรากลับเห็นเป็นเรียงซ้อนเป็นกลุ่มก้อนหลายๆอัน
..แล้วก็เป็นแถวยาววววววว เราจะเห็นผิดคนอื่นมั้ยนะนี่..
...
..มีความสุขมากๆที่ได้ไปงานนี้ ดีใจที่ตัดสินใจถูกที่ไป
..ปีหน้าตั้งใจจะไปอีก....
..แต่หากปีนี้มีโชคอย่างที่ปรารถนา ก็จะเดินสาายแสวงบุญตลอดแล้ว
..ไม่เอาอะไรแร้วว เพราะจุดหมายของชีวิตมีเพียงเท่านี้ที่เราจะไป
...ชีวิตคนเราก็ไม่ได้มีอะไรมาก
...เราปรุงเสริม เพิ่มแต่งให้มันมากไปเองหรือเปล่า..
...เสื้อตัวเดียวใส่ได้ตั้งหลายปีกว่าจะขาด..
...จะมีไปทำไมมากมายหลายตัว..มีเยอะก็นำไปบริจาคดีกว่า อิอิ..
...
...เอ่อ่ แล้วผมมาบ่นอะไรนะนี่...
...อิอิ...
...ขออนุโมทนาสาธุๆๆ กับทุกๆความดีที่ทุกท่านปฏิบัติ...
...
..สาธุๆๆๆ...
...ถ้าจำไม่ผิดหลวงพ่อสมปองท่านบอกว่า..
...พระพุทธเจ้าไม่ปรารถนาให้บูชาด้วยเครื่องสักการะ..
...แต่ท่านปรารถนาให้เราปฏิบัติ เพื่อบูชา...
...
...ฟังแล้วชื่นใจ ประหยัดทรัพย์ไปเยอะ..
..เพราะเราก็กระเป๋าเบาเหมือนกัน อิอิ....
..แต่นิสัยถ้ามี ก็ทำแบบไม่ยอมแพ้ใครเหมือนกัน+5555
..เพราะจิตมันมีแต่ความรู้สึกว่าอยากทำบุญเยอะตลอด อิอิ..
.............................................
...

 

ชื่อคุ้นๆมาจากกระทู้พี่ก้องป่าวครับ ผมเคยไปโฆษณาที่นั่นอ่าครับ

ยินดีต้อนรับนะครับและขออนุโมทนาด้วยครับ

ตั้งใจฝึกนะครับตายเป็นตาย ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

ขยันส่งการบ้านหน่อยนะครับอย่าขี้เกียจเหมือนผมจนครูต้องทวงหน้าบอร์ดนะ5555+

 

ว่าแต่คุณ thipong ครับ หลวงพี่สมปองคือท่านจิตโตหรือเปล่า

เคยโหลดไฟล์เสียงท่านมาฟัง ในเว้ปบ้านสบายใจอะครับ

 

สวัสดี และยินดีต้อนรับค่ะ คุณzaza911 ที่นี้ยินดีต้อนรับผู้ใฝ่ธรรมทุกท่านค่ะ ก็ลองฝึกดูค่ะ แต่ถ้าเห็นว่าเดินคนเดียวไม่ไหวแล้ว ต้องการครูช่วยฝึกเมื่อไร ก็ติดต่อเข้ามาได้ตลอดเวลาค่ะ

โมทนาสาธุ
ธรรมมณี จบ.52chearrchearrchearr

 

สวัสดีค่ะ คุณthipong หายหน้าไปนานเลยน่ะ ^^

ไม่เป็นไรเลยค่ะ เพราะแม่น้ำสายเล็กๆ ทุกสาย ก็ไหลลงสู่ทะเล แม่น้ำสายใหญ่เดียวกันหมด ก็คือ สายพระพุทธเจ้านั้นเอง ยังไงเสียจะวิธีการไหน กรรมฐานกองไหน เราก็มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวกันค่ะ จะปฏิบัติที่ไหน กับใคร วิธีการใดๆ ก็แล้วแต่ ขอให้มีพระพุทธเจ้านำทางจิตเท่านั้นเป็นพอ รับรองไม่มีหลง

เราก็เป็นเพียงผู้บอกท่านว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อยน่ะ เราก็อยากจะแชร์บอกให้มาลองชิมดู ในเมื่อคุณไม่ชอบรสชาดนี้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ว่ากัน เพราะลิ้นของแต่ละคนรับรสไม่เหมือนกัน ความชอบทำให้ลิ้นรับรสรู้สึกต่างกัน จริตใครก็จริตมันค่ะ บังคับกันไม่ได้

ยังไงที่นี้ก็ยินดีต้อนรับคุณthipong เสมอ อย่าลืมแวะเข้ามาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ น่ะค่ะ เข้ามาแชร์เรื่องราวดีๆ อย่างนี้ให้กันฟังอีก...

โมทนาสาธุค่ะ
ธรรมมณี จบ.52(f)(f)(f)

ปล. ถูกต้องแล้วค่ะ พระอาจารย์สมปอง กับ ท่านจิตโต คือคนๆ เดียวกันค่ะ สาธุ _/\_

 

​

เรื่องของสายบุญ​

โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

การฝึกพระกรรมฐานนี่ จะต้องเป็นคนที่สืบบำเพ็ญความดี คือบุญบารมีมาร่วมกัน ถ้าหากว่าต่างคน ต่างพวก ต่างหมู่ ต่างคณะกันมาในกาลก่อน เราก็ไม่สามารถจะพูดให้เข้าใจได้เหมือนกัน บางท่านชอบใจพระองค์นี้ บางท่านชอบใจพระองค์นั้น บางท่านชอบใจคณะโน้น บางท่านชอบใจสำนักนี้ ที่ชอบใจคือเขามาที่นี่ ไม่ชอบใจที่นี่ แต่ไปชอบใจที่อื่น ก็จงอย่าคิดว่าท่านผู้นั้นเป็นคนโง่ จงทราบว่านั่นท่านไม่เคยอบรมความดีร่วมมากับคณะของเราในอดีตชาติ มันเป็นเรื่องการอบรมกันมา กับคนอื่นจึงได้พูดกันรู้เรื่องกัน.

ที่มา ; FB with Pupe Unchalee and Amornrat Srisong.​

 

....
....
...ตามที่ครูเกษตอบแล้วนะครับ...
...
...และคุณแม่ที่ผมไปเจอท่านที่วัดท่านนี้ ท่านก็ศรัทธาหลวงพี่สมปองมากๆๆๆ...
.....
...(เรียกหลวงพี่สมปองตามคุณแม่นะครับ)...
...แล้วก่อนจะไป ผมก็ตั้งใจว่าจะไปกราบท่าน...
...กลับกลายเป็นว่าถึงเวลาจริงๆ คุณแม่เป็นคนพาไปกราบท่าน..
...ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ท่านก็เพิ่งไปกราบหลวงพี่สมปองมา...
...
...แล้วก็เหมือนความฝันของผมจะเป็นจริง...
...ที่ว่า หลังจากที่กลับมาจากวัดครั้งเมื่อเดือนกันยายน
....ผมก็ฝันว่ามีพระองค์หนึ่ง มาบอกผมว่า
....ที่วัดท่าซุง มีพระดีอยู่ 1 องค์...
....ตอนแรกผมนึกถึงหลวงพ่อ แต่ก็คิดว่าหลวงพ่อละสังขารไปแร้ว
....
...แต่ก็พอจะเข้าใจได้บ้างว่า พระที่ท่านว่าดีนั้นต้องหมายถึงขั้นพระอรหันต์..
...
..พอไปครั้งนี้ คุณแม่เล่าถึงหลวงพี่สมปองเป็นพระอรหันต์
...ก็นึกถึงที่ครูเกษเคยเล่าไว้ที่ห้องนี้...
...
...สรุปก็คือ ได้คำตอบแล้ว ว่าเราไม่ได้ฝันเพ้อเจ้อที่ไหน...
...เราเจอของจริงแล้ว แถมเป็นเรื่องที่ดี มีคนพาเราไปกราบท่านเองซะงั้น..
...ไม่ให้เราโต๋เต๋ เดินไปแบบสุ่มสี่สุ๋มห้า แบบโดดเดี่ยวเลย...
...
...

 

.
..จริงๆเป็นวิธีที่ง่ายมากครับการใช้จิตเกาะพระ...
..และผมก็เชื่อว่า เราจะประสพผลสำเร็จก็ด้วยการจับภาพพระ..
..หากเราทำได้ แล้วเรื่องอื่นจะตามมาเอง
..เพราะเท่าที่ทราบจากคนอื่นๆ เริ่มมาจากจับภาพพระเป็นหลักๆทั้งนั้้น..
..ผมก็ยังหัดจับอยู่ครับ ตามแต่จะนึกได้..
..มองทีไรก็เป็นภาพองค์สมเด็จปฐมเป็นแก้วที่อก มีซุ้มเรือนแก้ว สว่างโร่สวยงาม..
..แต่จับทั้งวันจับไม่ไหว ลืมบ่อย ก็เลยอาศัยนึกได้ตอนไหนก็จับตอนนั้น.

..แต่อาจที่ผมกิเลสยังเกาะเยอะ เกรงตัวเองจะยังไม่ถึงตรงนั้น..
..เลยถอยให้ห่างครูเกษก่อน เกรงจะไปขัดคนที่เค้ามาไวเป็นเร็ว
..
..แต่ผมก็ยังฝึกไปเรื่อยแบบนี้เช่นเดิม ควบกับระวังรักษาศีล 5 ให้ครบ
..เดี๋ยวนี้ระวังมากขึ้นเองโดยอัตโนมัติ.
..พร้อมจิตก็มองคนอื่น ให้มีเมตตาเยอะๆ
..พร้อมกับสงบคำพูดมากกว่าเมื่อก่อน
..เพราะคำพูด พูดมากอาจจะกลายเป็นผิดศีลไป...
..
..ทุกอย่างเป็นไปเอง อย่างนี้ไม่รู้ว่าเค้าเรียก ว่ามีสติมากขึ้นหรือเปล่า
...แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจ เพราะผมยัง ต๊องๆๆ บวมๆ เช่นเดิมๆๆ....