ผมได้เห็นคนในกระทู้ทะเลาะกัน ผมเลยอยากแสดงความคิดเห็น

ผมพึ่งจะเขามาดูเวปนี่ได้ไม่นาน ผมดูแล้วเลื่อมใสเวปนี้ดีคับ ซึ่งมีประโยชน์
แก่ผู้คนจริงๆ แต่ ผมได้เห็นคนให้เวปบอร์ดที่ตั้งกระทู้ ในเวปนี้ มีการทะเลาะกัน ถึงเรื่องต่างๆ ซึ่งผมไม่ค่อยเขาใจเท่าไรหรอก แต่ ผมเข้าใจว่า คนที่มาตั้งกระทู้แต่ละคน ต่างมีความรู้ มีความคิดที่ดี และน่าจะเป็นคนดีในสังคมกลุ่มหนึ่ง แต่ทุกคนต่างทะเลาะกัน ซึ่งทุกคน ลองคิดดูว่า คนมีปัญญา กับ คนไม่มีปัญญา มีอยู่รวมกัน คนมีปัญญา เขาไม่ทะเลาะกัน หรืออิจฉา หรือ อ้างตนหรอกคับ ปล่อยเขาไปเถอะ คนที่เขาไม่มีสติ ไม่มีปัญญา เขาคิดไม่เป็น
เท่านั้นละคับ

 

ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ปฎิบัติธรรม

 

ใช่ครับ สำหรับผมถ้าใครดีมาก็ดีตอบ แต่ถ้าพวกก่อกวนทำให้ผมรำคาญผมจะบ้าใส่นะ พวกนี้มันต้องใช้ความรุนแรงละมั้ง บอกให้พวกนั้นไปเช่าเว็บบอร์ดฟรีแล้วไปนั่งด่ากัน เว็บนี้มีที่ให้คนมีสาระนะครับ

 

อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ

 

เวบนี้ มีแต่ด่า กัน
ถ้าตามอ่านมาตั้งแต่ต้น ก็ จะรู้ว่า ใครด่าใคร
และผมก็กลับมาโต้ ตอบ
ดูจากรายชื่อ ก๊วนที่ รวนหยาบๆๆมาตลอด.ด่า มาตลอด จะเห็นว่า มีอยู่ 7-8 คน เป้น ทีมเวิคร์

ทำให้เวป เสียไป
ดุจาก รายชื่อ เข้าเวป รวม
คราก่อนๆๆ จะมีคนอ่าน80-90 คนตลอด ตอนนี้ แค่ 10-20 คน หน้าใหม่ทั้งนั้น..มีแต่พวกเขา
ผมจึงบอกไงว่า พวก ขาใหฯญ่ ประจำเวป

กรรมใครกรรมมัน
ใส่ร้ายผู้ใด ไว้..สิ่งนั้นก้จะกลับไปเอง

 

เห็นที จะเป็นไปตามแผน "กุ้งฝอยตกปลากระพง" กำลังดำเนินต่อไปตามแนวทางที่ได้ถูกวางไว้แล้ว นับถือในความสามารถของจอมมารในการวางแผนจริงๆ ครับ

แบบนี้คงต้อง ถ้อยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า...คนมีปัญญาก็ไปหาพระพุทธองค์ คนโง่ก็ไปหาจอมมารเถิด

ขอถอยออกมาศึกษาตัวเองต่อดีกว่า เหอๆๆๆ

 

สาธุ สาธุ สาธุ

 

พระพุทธองค์ตรัสไว้เรื่องอุเบกขา

เราสมควรติคนที่สมควรติ

เราสมควรชมคนที่ควรชม

นั้นหมายถึง เมื่อมีคนกระทำดี ไม่ใช่วางเฉย แต่ให้แสดงกริยา ชม

และ เมื่อมีคนประพฤติไม่ชอบ ไม่ใช่ให้วางเฉย แต่ให้แสดงกริยาติเตียน

พระพุทธองค์แม้เลือกตรัสธรรมสั่งสอนก็เพราะเห็นประโยชน์ กระนั้นก็ยังต้องดูกาลเทศะ

และเมื่อใครประพฤติไม่ชอบ พระองค์ก็ติเตียน นึกตัวอย่างง่ายๆ คือ ที่มาของศีล 227 ข้อ ล้วนมาจากการติเตียนผู้ประพฤติผิด จะเห็นว่า พุทธะ นั้น ไม่ใช่วางเฉยต่อสิ่งที่เป็นความมัวหมองของพรหมจรรย์(บริษัท)

พฤติกรรมของเดียรถีย์เท่านั้น ที่อ่านเอาแต่คำ ที่เป็นประโยชน์แก่ตัว แล้วยกขึ้นอ้าง โดยไม่รู้รอบ

 

ตั้งกระทู้แนวเดียวกับผมเลยครับ

ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจทำไมต้องทะเลาะกัน

http://palungjit.org/showthread.php?t=104564

 

ไม่รู้ว่าเกิดจากผลประโยชน์ขัดกันหรือป่าว ถึงตามทำลายกันขนาดนี้

 

เกร็ดความรู้เล็กน้อย

เมื่อวานไปวัดสวนแก้ว ขณะที่พระพยอมเทศนาญาติโยม มีบุคคลคณะหนึ่งเดินแจกใบปลิว ข้อความในนั้นเป็นการอ้างหลักการศาสนาพุทธ โดยส่วนใหญ่ยกอภิธรรมมาอ้างอิง เช่น บุคคลคือผู้มีเจตสิก แต่ใช้ไปในทางที่ว่า เจตสิกเสรี เท่ากับ Free will และอ้างพุทธพจน์อีกมากมาย โดยเอาไปโจมตีศาสนาอื่นอย่างฉาบฉวย ก่อนมุ่งเน้นโจมตีคำว่า Democracy หรือ คำว่า ประชาธิปไตย สุดท้ายขมวดลงด้วยการเชิญชวนให้ คว่ำการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม

ข้าศึกนั้น อาศัยกลอุบายที่แยบยล ทำที่เป็นพวกเดียวกัน อ้างว่าเป็นพุทธเหมือนกัน ทำทีเป็นยืนคยละข้างกับส่วนที่ไม่ใช่พุทธ เพื่อตอกย้ำทางจิตวิทยาว่าเป็นพวกเดียวกัน แล้วยกสถานะกาลความวุ่นวายในกาลปัจจุบันเข้าสำทับ ก่อนขมวดด้วย เป้าหมาย ( Goal Of Project ) เมื่อท่านใดพบเห็นการแจกใบปลิว(จำนวนหนึ่งแผ่น A4 สีขาว) ขอให้ระวัง และสร้างหลักฐานนำส่งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เป็นการไม่วางเฉย ต่อสิ่งที่ควรกระทำ เพราะเป็นไปได้ว่า ลัทธิคอมมูนิสต์ หรือ กลุ่มการเมืองที่หวังผลคว่ำฟ้าคว่ำแผ่นดิน ยังคงดำเนินกิจกรรมอยู่ ผู้รัก ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โปรดเป็นหูเป็นตา

เทคนิคการจูงใจ จิตวิทยาสังคม กลวิธีขับเคลื่อนฝูงชน

1. หาทิฏฐิสูงสุดร่วม
2. แสดงวาทะสนับสนุน ข้อ 1.
3. แสดงวาทะโน้มน้าว สนับสนุน ข้อ 4. ( ที่กำลังจะกล่าวต่อไป )
4. แสดงจุดยืนสูงสุดของตัว

เหตุ-ผล ที่คาดหวัง

1. แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ฟัง อันเข้าสู่ภาวะธรรมสูงสุดของคู่สนทนา
2. แสดงเหตุผลหว่านล้อมเพื่อให้เชื่อว่าผู้พูดมีแนวคิดแบบข้อ 1. เพื่อดึงความรู้สึกร่วม
3. อาศัยอารมณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความยินดีโสมนัสที่มีคนมีความคิดเห็นเช่นเรา(ผู้อ่าน) ทำให้เกิดปิติ ยินดี ซาบซ่าน ( andinarine หลั่งเพื่อบรรทึกพฤติกรรม และจับ วัตถุเร้า สิ่งชอบ ไม่ชอบ ) แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ตัวเองกำลังดำเนินเป้าหมาย นำเอาอารมณ์ร่วมนั้นแปรสภาพและอัดความรู้ใหม่ สิ่งเร้าใหม่ ( จะเห็นว่า อ่านแล้วคล้อยตามต่อเนื่องได้โดยง่าย )
4. เมื่อถึงภาวะเร้าถึงที่สุด ภายใน 5 - 10 นาที จะมีโอกาสพอที่จะยัดเป้าหมายลงสู่หน่วยบันทึก สัญญา อารมณ์ ในขันท์ 5 อย่างแยบยล

ทั้งหมด เพื่อวันที่จะเผด็จศึก และปลุกระดมด้วย วิธีจิตวิทยาคับเคลื่อนฝูงชนต่อไป

โปรดดูแล รักษา ใจ รูป(จิต เจตสิก) เวทนา สัญญา สังขาร อารมณ์

ช่วงเวลาแบบนี้ สำคัญมาก -- และควรเฝ้าดู ช่วยกันเป็นหูเป็นตา

เพราะมีผู้ร่วมทำ ทั้งทางตรง และอ้อม

ทั้งที่รู้ตัว และไม่รู้ตัว

โปรดยึดมั่น ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไว้สูงสุด

 

เทคนิคการขับเคลื่อนฝูงชน ( บ้าคลั่ง MOB )

1. ใช้จิตวิทยามวลชนข้างต้น
2. ใช้ถ้อยคำกล่าวผิดพลาดยั่วยุให้อีกฝ่ายเผยตัว
3. ใช้ถ้อยคำอ่อนน้อมมายาอ่อนแอเพื่อเรียกมวลชนที่ได้จากข้อ 1. แสดงอารมณ์ร่วม
4. เมื่อได้มวลชนตามข้อ 3 พอสมควรก็จะยั่วยุต่อด้วย ภาพ หรือ สิ่งเร้ารุนแรง
5. ผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามเพลี้ยงพล้ำโตตอบไม่ถูกกาลเทศะอย่างหนึ่งอย่างใด
6. กระทำอย่างข้อ 3 ซ้ำพร้อมทั้งบิดเบือนหลักฐานเล็กน้อยเพื่อให้เห็นผิด ใช้กลในความสามารถทางเทคนิคเข้าช่วย
7. มวลชนตามข้อ 1 ที่มีอารมณ์ร่วม เห็นข้อมูลแค่เบื้องปลาย คิดเห็นไปว่าฝ่ายต่อต้านกระทำผิดตามหลักฐานที่สำแดงผิด ก็จะดำเนินการตอบโต้แทนด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว
8. ผู้ก่อการลอยนวล

* * *
ทางแก้

อยู่ที่ข้อ 6 ให้ต่อต้านอย่างไม่มีการอ้างอิงข้อมูลที่สำแดงผิดเหล่านั้นโดยเด็ดขาด ก็จะไม่เพลี้ยงพล้ำ
Exp : 16 ตุลา กรณีบิดเบือนข้อมูลละครการแขวนคอที่ต้นมะขาม นำไปสู่การใช้กันชิป
พฤษภาทมิฬ กรณีบิดเบือนบทบาทสำนักงานสลากฯ นำไปสู่การเผลอเผาทำลาย และจับกุม

บางกรณี อาจมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มวงนอกต้องไม่ไปสำคัญผิด ดึงมาร่วมวงด้วย


กล่าวไว้เป็นความรู้ทั่วไปนะครับ เพราะเห็นสถานะการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยจะดี

 

ถ้าคนเราเคารพเสรีภภาพของคนอื่น เรื่องก็ไม่มีอะไร แต่คนในที่นี้กลุ่มที่อ้างพระไตรปิก แต่จิตเสื่อม บ้าตำรา แต่ปฎิบัติไม่ได้ พอใครเห็นต่าง ออกมาด่าชาวบ้าน แบบนี้ ใช้ไม่ได้ ก็ต้องรบกัน

ไม่ได้ต้านใคร ไม่ได้สับสนุนใคร แต่รักเสรีภาพในทางความเห็น

 

5

 

5